ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพนิยายกรีก

    ลำดับตอนที่ #47 : ^0^แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ (Jack The Ripper) 2 ค่ะ^0^

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 233
      0
      23 ส.ค. 48





                              ^0^แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ (Jack The Ripper) 2 ค่ะ^0^





                          ตอนที่ 3 Dark Annie (ต่อ)





                          เอาล่ะครับกลับมาอีกครั้งกับ JTR คราวที่แล้วผมติดเอาไว้ตรงคดีของ Annie Chapman ว่ายังไม่จบซะทีเดียว มาดูรายละเอียดของคดีกันต่อเลย ตามรายงานการเสียชีวิตของเธอนั้นจากรายงานของศัลยแพทย์ Dr.George Bagster Phillips ได้กล่าวถึงลักษณะการตายของเหยื่อ (ผมไม่ขอบรรยายก็แล้วกันนะครับ) ว่าผู้ตายนั้นถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม เลือดกระจายไปตามร่างกาย จากการชำแหละและสันนิษฐานว่าบาดแผลฉกรรจ์ที่ลำคอนั้น เป็นบาดแผลที่ปลิดชีพเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย ทาง Dr.George คาดว่าเธอน่าจะเสียชีวิตมาประมาณ 2 ชั่วโมงแล้ว ก่อนที่นาย Davis จะมาพบเธอเข้า โดยที่ผู้คนย่านนั้นไม่ได้ยินแม้แต่เสียงร้องหรือสิ่งผิดปกติอะไรเลยหรือแม้กระทั่งเห็นเธอ และที่สำคัญบริเวณนั้นน่าจะเป็นบริเวณที่ฆาตกรลงมือสังหารเธอ





                          ความผิดปกติอีกอย่างก็คือไม่มีร่องรอยของการต่อสู้เกิดขึ้นในบริเวณนั้นหรือแม้แต่ที่ตัวของ Annie ก็ไม่พบร่องรอยอะไรเช่นกัน จะพบก็แต่เศษผ้ากับหวีที่เก็บเอาไว้อย่างดีและซองจดหมายที่มีตัวอักษร M กับ SP ที่เขียนด้วยลายมือและจ่าหน้าว่า London, Aug. 23, 1888. บนซองเท่านั้น จากรายงายการชันสูตรศพของ Dr.George นั้นก็ได้เพิ่มเติมรายละเอียดเอาไว้อีกว่าฆาตกรนั้นน่าจะใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีในการประกอบการฆาตกรรมและน่าจะเป็นคนที่มีความรู้เรื่องกายวิภาคเป็นอย่างดี หรืออย่างน้อยก็น่าจะมีความรู้ในการชำแหละอะไรซักอย่าง จนมีความชำนาญอย่างแน่นอน โดยวิเคราะห์จากบาดแผลของอวัยวะของผู้เคราะห์ร้ายแล้วพบว่ามันประณีตเกินกว่าที่คนธรรมดาจะกระทำได้ หรืออย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาค่อนข้างมากในการชำแหละร่างของผู้ตายได้ขนาดนี้ และมีดที่พบตกอยู่ใกล้กับเหยื่อนั้นก็ไม่ใช่มีดแบบธรรมดาทั่วไป แต่ว่ามีลักษณะคล้ายกันกับที่พวกศัลยแพทย์หรือว่าคนฆ่าสัตว์ใช้ และร่องรอยที่พบอีกแห่งหนึ่งก็คือรอยแหวนบนมือของเธอได้หายไป





                          แต่จากปากคำของเพื่อนเธอกล่าวว่ามันเป็นเพียงแหวนทองเหลืองราคาถูกเท่านั้น ซึ่งทางตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานว่าอาจจะมีการเข้าใจผิดว่ามันเป็นแหวนทองคำก็เป็นได้ และอาจจะเป็นแรงจูงใจให้ฆาตกรลงมือเพื่อแย่งชิงแหวนไป แต่ก็ติดตรงที่ว่าทำไมต้องลงมือมากไปกว่าการฆาตกรรมเพียงเพื่อแย่งชิงแหวนของเธอเท่านั้น???





                          จากการตามรอยตรวจสอบและสืบสวนของทางตำรวจนั้นได้สันนิษฐานว่าคดีของ Polly Nichols กับ Annie Chapman นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกันและผู้ที่ลงมือนั้นน่าจะเป็นคนคนเดียวกัน และจากการตามสืบสวนต่อมาภายหลังได้พยานที่น่าจะอยู่ใกล้กับเหตุการณ์ตอนเกิดเหตุในคดีนี้เพิ่ม ขึ้น จากปากคำของพยานคนหนึ่งคือนาย Albert Cadosch กล่าวว่า \"ตอนประมาณ 5.20 น. (ตี 5 ) ตรงบริเวณสนามด้านหลัง ผมได้ยินเสียงว่า \"ไม่\" แล้วจากนั้นไม่กี่นาทีมันดูเหมือนมีเสียงของอะไรสักอย่างกระแทกกับรั้วที่อยู่บริเวณนั้น\" และจากพยานสำคัญอีกคนก็คือ Mrs. Elizabeth Long ที่กำลังจะไปจ่ายตลาดในวันนั้นเธอเล่าว่า ตอนนั้นเวลาน่าจะประมาณ 5.30 น. เธอได้เห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังคุยกัน ซึ่งนางจำได้ว่าเป็น Annie แต่ฝ่ายชายเธอเห็นเพียงหลังของเขาเท่านั้น จากคำบอกเล่าของเธอกล่าวว่าชายคนนี้สวมหมวกสีน้ำตาล ใส่เสื้อคลุม อายุน่าจะ 40 ปีขึ้นไป รูปร่างไม่สูงนัก และน่าจะเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งจากปากคำของพยานพอที่จะสรุปได้ว่า Annie เสียชีวิตตอนเวลาประมาณ 5.30 น. ของวันเสาร์





                          และหลังจากนั้นไม่กี่วันต่อมานาย John Pizer หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม \"Leather Apron\" ก็ถูกจับกุม และครอบครัวของเขาก็พยายามช่วยเหลือ และพยายามกล่าวว่าเขาตกเป็นเหยื่อของข่าวลือและไม่ได้เป็นฆาตกรอย่างที่โดนกล่าวหา แต่ว่าทั้งรูปร่างและการแต่งตัวของนาย John Pizer ก็ใกล้เคียงกันกับคำให้การของพยาน ซึ่งเมื่อโดนสอบปากคำว่าทำไมเขาถึงหนีไปซ่อนตัวเมื่อเกิดคดีขึ้น ซึ่ง John Pizer ก็ตอบว่ามันเป็นคำแนะนำของน้องชายว่าให้ไปซ่อนตัวเสีย และกล่าวว่าตัวเขาเป็นบุคคลที่ถูกสงสัยและจากข่าวลือต่างๆ จนทำให้เขาต้องหนีไป ในที่สุดจากการที่ไม่มีพยานหลักฐานและวัตถุยืนยันที่จะกล่าวหาว่าเขาคือฆาตกร ต่อมานาย John Pizer ก็ถูกปล่อยตัว ครับก็เป็นรายละเอียดที่เหลือของตอนที่ 3 ซึ่งบางรายละเอียดอาจจะไม่ได้กล่าวไว้ด้วย ก็ต้องขออภัยนะครับผม เพราะว่าบางอย่างไม่น่าจะนำมาใส่ไปด้วย





                          ตอนที่ 4 The Double Event





                          ในตอนนี้นั้นเรื่องก็เริ่มมาจากที่นาย Louis Diemschutz และภรรยาของเขากำลังขี่ม้ากลับที่พักหลังจากกลับจากสโมสร Working Men\'s Educational Club (IWMC) บริเวณแถวถนน Berner ใน Whitechapel ตอนประมาณตี 1 วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน ค.ศ. 1888. ขณะที่กำลังขี่ม้าอยู่นั้นนาย Louis ก็ได้เห็น \"อะไรบางอย่าง\" อยู่บนพื้นใกล้กับกำแพงของสโมสร ครู่ต่อมาจึงรู้ว่าร่างที่นอนอยู่บนพื้นนั้นคือผู้หญิงที่มีเลือดไหลรินอยู่ !!! เขาไม่รอช้ารีบไปแจ้งขอความช่วยเหลือจากบรรดาผู้ที่อยู่ในสโมสร และได้แจ้งไปยังแพทย์และตำรวจอย่างรวดเร็วและได้มาถึงในเวลาต่อมา ซึ่งจากการสันนิษฐานเบื้องต้นนั้นไม่พบร่องรอยของการต่อสู้ที่ตัวของเธอหรือบริเวณนั้น จากรายงานการชันสูตรของ Dr.Frederick Blackwell ณ ที่เกิดเหตุกล่าวว่า \"เธอนอนเสียชีวิตในลักษณะตะแคง หน้าหันไปทางกำแพงสโมสร หน้าและลำตัวยังอุ่นอยู่ ในมือซ้ายยังกำห่อลูกอมและกระดาษทิชชู่เอาไว้ แล้วมีรอยแผลเกือบเป็นเส้นตรงยาวราว 2 นิ้วที่ใต้คาง\"





                          และจากรายงานของ Dr.Phillips ที่เข้ามาช่วยคดีก็ระบุเวลาเสียชีวิตเอาไว้ว่าอยู่เวลาประมาณ 00.36 ถึง 00.56 น. (เกือบตี 1) ทางตำรวจได้ทำการตรวจค้นแต่ก็ไม่พบอาวุธที่ใช้ในการฆาตกรรมแต่อย่างใด และได้ทำการตรวจพื้นMitre Square อย่างละเอียดและขยายวงกว้างออกไปอีกราว 1 ชม. กว่า ซึ่งก็ไม่มีผลคืบหน้าแต่อย่างใด บริเวณนั้นยังเงียบสงบและไม่มีรอยบ่งชี้ถึงสิ่งผิดปกติอะไร แต่เมื่อทำการตรวจค้นกลับไปจนถึงบริเวณที่เกิดเหตุอีกครั้งก็กลับพบสิ่งสยองขวัญเข้าอีก โดยได้พบกับร่างของผู้หญิงอีกคนนอนจนกองเลือดอยู่ ที่สำคัญเลือดเหล่านั้นมันไหลออกมาจากคอของเธอเอง !!! โดยไม่รอช้านายตำรวจคนนั้นรีบวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากยามแถวนั้นแล้วแจ้งขอความช่วยเหลืออีกครั้ง และรีบตรวจไปยังบริเวณรอบๆ อีกครั้งเพื่อหาร่องรอยหรือตัวฆาตกร





                          ทาง Dr. Frederick Gordon Brown ที่มาถึงในเวลาตี 2.18 น. ลงมือชันสูตรและบันทึกรายงานได้ว่าเนื้อช่องท้องถูกของมีคมชำแหละรวมไปถึงที่คอด้วย แต่ทว่าร่างกายยังคงอุ่นอยู่ น่าจะเป็นการเสียชีวิตโดยไม่ทันตั้งตัว และเสียชีวิตมาแล้วไม่เกินครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา และก็เช่นเดิมไม่มีร่องรอยของการต่อสู้และไม่มีทรัพย์สินหรือเงินตกอยู่บริเวณนั้น รายงานที่กล่าวเอาไว้ต่อมาก็เหมือนกันกับคดีใน Case ข้างต้นที่นำเสนอไปก็คือไม่มีใครเห็นผู้ที่น่าสงสัยหรือได้ยินเสียงที่ผิดปกติหรือว่าเสียงของการต่อสู้เลย กระทั่งผู้ที่อาศัยใน Mitre Square ก็ยังหลับไหลกันอยู่ขณะที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น จากเหตุการณ์การซ้อนกันนี้ทำให้รู้อีกว่าฆาตกรนั้นพาเหยื่อเข้ามาในจตุรัส และสังหารเธออย่างเงียบกริบและหนีออกไปอย่างรวดเร็วในเวลาแค่ 15 นาทีเท่านั้น แต่ยังไม่จบเพียงแค่นั้นยังพบเศษผ้าหนังเปื้อนเลือดติดอยู่ที่ทางเข้าของตึก Whitechapel\'s Goulston ซึ่งแน่นอนว่าเศษผ้าหนังนั้นนำมาจากหญิงที่ถูกฆาตกรรมที่ Mitre Suare นั่นเอง และยังพบข้อความเขียนอยู่บนอิฐที่อยู่เหนือผ้าหนังใจความว่า \"The Jewes are The men That Will not be Blamed For nothing.\" ซึ่งทางตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นลายมือของคนร้าย ปัญหาอยู่ที่ว่าคนร้ายทำอย่างไรและวิธีไหนถึงสามารถพาผู้เคราะห์มาสังหารได้ถึง 2 ราย ที่บริเวณเดียวกัน แทบจะห่างกันเพียงในเวลาไม่นาน โดยปราศจากผู้คนเห็นหรือว่ารับรู้ถึงสิ่งผิดปกติเลย ทั้งยังทิ้งข้อความที่เขียนด้วยชอล์คไว้ให้ประหลาดใจอีกด้วย นี่ก็เป็นรายละเอียดของ JTR ตอนที่ 4 ละครับ





                          ก็เป็นอีกตอนหนึ่งที่บอกกล่าวถึงความลึกลับและความโหดของคนร้ายได้เป็นอย่างดี แสดงให้เห็นว่าคนคนนี้มีสติปัญญาไม่ใช่ธรรมดาเลย หรือเรียกจะว่าฆาตกรอัจฉริยะก็ว่าได้ จะว่าไปทำให้ผมนึกถึงขึ้นมา 2 คน คือ Hannibal Lector กับ ทาคาโต้ พวกเขาเหล่านี้ก็เป็นฆาตกรอัจฉริยะเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าเป็นตัวละครที่สร้างออกมาได้อย่างน่ากลัว





                           ตอนที่ 5 Elizabeth Stride





                           สวัสดีครับมิตรรักแฟนเพลง เอ๊ย ไม่ใช่ หึ หึ เพื่อนๆ ชาว Myth วันนี้มาเจอกันอีกทีกับ JTR (ไม่รู้จะเบื่อกันหรือยัง -_-) ตอนนี้ก็เป็นการฆาตกรรมหญิงสาวอีกรายหนึ่ง (น่าเศร้านะครับ) ฉากการฆาตกรรมครั้งนี้อยู่ที่ Dutfield\'s Yard ซึ่งทางตำรวจก็คาดว่าฆาตกรน่าจะเป็นรายเดียวกันกับที่ก่อคดีก่อนๆ หน้านี้ โดยผู้เคราะห์ร้ายคราวนี้คือ Elizabeth Stride หญิงสาวชาวเยอรมันแต่มาอยู่ในอังกฤษในภายหลัง





                          (ต่อไปผมคิดว่าจะไม่ลงรายละเอียดในเรื่องที่คิดว่าไม่จำเป็นหรือไม่ควรนำมาลงอ่ะครับผม อยากจะเล่าแบบรวบรัด อิอิ เป็นในเรื่องของความเหมาะสมด้วย (ตามความเห็นของผม) และรู้สึกว่าแต่ละคดีจะคล้ายกันในหลายด้าน) Elizabeth หรือที่รู้จักกันในชื่อ Long Liz นั้น เคยเป็นผู้ประสบเหตุการณ์เรือ Princess Alice อับปางแต่รอดชีวิตมาได้ แต่น่าเศร้าที่เธอเสียลูกและสามีไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น ภายหลังต่อมาเธอได้อาศัยอยู่กับ Michael Kidney มาเป็นเวลา 3 ปีก่อนที่เธอจะเสียชีวิต Elizabeth ตอนมีชีวิตอยู่นั้น เธอทำงานเป็นช่างเย็บผ้าและคนความสะอาดสลับกันไป แต่ก็ทำงานเป็นโสเภณีบ้างในบางครั้งเมื่อมีรายได้ไม่พอ จนกระทั่งเธอเสียชีวิตไป

    เป็นที่น่าสังเกตว่าเหยื่อของ JTR นั้นมักจะมีความเหมือนกันในหลายๆ ด้านนะครับ (ถ้าฆาตกรเป็นคนคนเดียวที่ก่อคดีทั้งหมดจริง) อาจจะเรียกได้ว่าเป็นจุดร่วมหรือว่าสิ่งจูงใจในการเลือกลงมือก็เป็นได้ เช่น เหยื่อมักจะไม่มีสามี เป็นผู้หญิงที่ติดเหล้าและไม่มีบ้านพักอาศัยที่แน่นอน ซึ่งเป็นความเหมือนในลักษณะการดำรงค์ชีวิตของเหยื่อที่ค่อนข้างจะคล้ายกันตรงจุดนี้





                          อาจเป็นไปได้ว่าก่อนที่จะลงมือ JTR นั้นอาจรู้ถึงปูมหลังหรือวิถีชีวิตของหญิงสาวผู้นั้นด้วยวิธีอะไรสักอย่างและตัดสินใจ \"เลือก\" เป็นเหยื่อ ซึ่งในข้อนี้อาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นคนที่ค่อนข้างระมัดระวังตัวสูงและฉลาดในการลงมือมากทีเดียว หรือถ้าจะคิดในเรื่องที่ JTR ตระเวณไปรอบเมืองแล้ว \"เจอเหยื่อที่ถูกใจถึงจะลงมือ\" ตรงนี้ความเป็นไปได้ก็มีครับ แต่ว่าถ้าคิดกันในแง่ว่าจะมีใครละที่จะเดินพกมีดไปตามถนนแล้วตระเวณหาเหยื่อ ในตอนที่มีตำรวจเต็มไปหมดในเวลาที่เกิดคดีสะเทือนขวัญอย่างนี้ ถึงจะเป็นในตอนกลางคืนก็ยังเสี่ยงเลยครับ และยิ่งมีดที่ใช้ในการลงมือก็ไม่ใช่มีดแบบธรรมดา





                          โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นช่วงที่ตำรวจกำลังเพิ่มความระมัดระวังสูงอย่างนี้ จึงเป็นที่น่าคิดว่า \"เหยื่อ\" ของ JTR นั้นได้ถูก \"เลือก\" เฟ้นมาแล้ว ซึ่งก็เป็นประเด็นที่น่าคิด แต่ก็ไม่แน่ครับอาจจะเป็นในกรณีที่ JTR ไปเจอผู้เคราะห์ร้ายตามถนน และพอรู้ว่าเหยื่อนั้นตรงตามต้องการ ถึงลงจะมือ ก็เป็นไปได้ทั้งสองทาง :> เอาละ มาต่อกันเลยครับ





                          ตอนมีคนที่เห็น Elizabeth ครั้งสุดท้ายนั้น เป็นตอนที่เธอออกจากบ้านพักไปในตอนเย็น ไม่มีใครรู้ว่าเธอจะไปทำอะไรที่ไหน และพอเช้าวันรุ่งขึ้นก็มีคนพบว่าเธอเสียชีวิตเสียแล้ว ซึ่งสาเหตุการเสียชีวิตหลังจากที่ทำการชันสูตรจาก Dr. Phillips แพทย์ชันสูตรในที่เกิดเหตุแล้ว ก็ได้ระบุว่าสาเหตุมาจากแผลฉกรรจ์จากของมีคมที่ลำคอและน่าจะเป็นการเสียชีวิตโดยไม่ทันตั้งตัวอีกด้วย ทาง Dr. Phillips กล่าวว่าบางทีตอนที่ฆาตกรลงมืออาจจะดึงผ้าพันคอของเหยื่อไปข้างหลังแล้วใช้มีดแทงที่ลำคอก็เป็นได้ และได้ส่งไปชันสูตรอีกครั้งที่ห้องแล็บ ซึ่งคราวนี้ได้มีการสันนิษฐานเพิ่มเติมว่าฆาตกรอาจจะเป็นคนที่ชำนาญการในใช้มีดดีพอสมควร





                          แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ก็ไม่ได้ปราศจากพยานรู้เห็นดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นเหมือนคราวที่แล้วมาครับ คราวนี้มีพยานผู้พบเห็นเหตุการณ์หรือมีเบาะแสมาให้การหลายต่อหลายคน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเพื่อนสนิทของ Elizabeth เอง เขาคือ William Smith เขาให้การว่าตอนเวลา 00.30 น. (เที่ยงคืนครึ่ง) ขณะที่เขากำลังเดินไปตาม Berner Street นั้นก็ได้เห็น Elizabeth กำลังคุยกับชายคนหนึ่งอยู่ ซึ่ง Smith กล่าวถึงลักษณะของชายคนนั้นว่าน่าจะอายุราว 30 ปี สวมเสื้อคลุมสีดำ ผมดำ ไว้หนวด และสูงประมาณ 5 ฟุต 7 นิ้วเห็นจะได้ เป็นคำให้การจาก Smith ครับ มาดูคำให้การของพยานคนอื่นบ้าง จากนาย Israel Schwartz ได้ให้การไว้ว่าตอนเวลาประมาณ 00.45 น. เขาเห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนคุยกันอยู่ที่ริมถนน





                          แต่ชั่วครู่ต่อมาชายคนนั้นดูเหมือนพยายามจะดึงหญิงสาวคนนั้นเข้าไปในซอกถนน แต่ว่ากลับผลักเธอจนล้มลงบนทางเท้าแทน และครู่ต่อมาชายที่ผลักหญิงสาวก็ตะโกนเรียกชายอีกคนที่อยู่ถนนฝั่งตรงข้าม ซึ่งตัว Schwartz เองก็ไม่ได้สนใจและเดินห่างออกไป เขากล่าวต่ออีกว่าขณะที่กำลังเดินอยู่รู้สึกเหมือนมีคนกำลังตามมา จึงหันหลังกลับไปดูก็พบว่าชายอีกคนที่ถูกเรียกเมื่อกี้กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามเขามา ในมือถือท่อน้ำมาด้วย ความที่เป็นตอนกลางคืนและประกอบกับท่าทีที่ไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลยของชายคนนั้น และความกลัวว่าจะมีอันตรายเขาจึงรีบวิ่งหนีอย่างสุดชีวิตไปตามทางรถไฟจนกระทั่งไม่เห็นชายคนนั้นตามมาอีก จากคำให้การถึงรูปร่างลักษณะของชายที่วิ่งตามเขา Schwartz กล่าวว่า อายุประมาณ 35 ปี สูง 5 ฟุต 11 นิ้ว ผมออกสีน้ำตาล มีหนวดและใส่เสื้อคลุมเหมือนกับชายคนแรก ยังครับ ยังมีคำให้การที่น่าสนใจอีกจาก William Marshall ชายที่อาศัยอยู่ใกล้กับ Berner Street จุดที่เกิดเหตุ ซึ่งเขาเล่าว่าตอนเวลาประมาณ 00.25 - 00.45 น. เขากล่าวว่าได้ยินและเห็น Elizabeth กำลังพูดคุยอยู่กับชายวัยกลางคน ซึ่ง William บรรยายลักษณะเขาได้ใกล้เคียงกับที่ Smith และ Schwartz กล่าวเอาไว้ จากคำให้การส่วนหนึ่งของ William นั้น กล่าวว่าท่าทางและคำพูดของชายคนนั้น \"ดูเหมือนเป็นคนที่มีการศึกษาดี\" (นับว่าเป็นส่วนที่น่าสนใจครับ ซึ่งจากตรงนี้อาจจะแสดงให้เห็นว่า อย่างน้อยข้อมูลเบื้องต้นที่นำเสนอไป แจ็ค เดอะ ริปเปอร์ น่าจะพิจารณาได้ว่าเขาเป็นคนที่ค่อนข้างมีการศึกษาและค่อนข้างฉลาดเลยทีเดียว) แต่ว่า William มองเห็นหน้าของชายคนนี้ได้ไม่ชัด แต่ทางตำรวจก็ยังไม่ได้สรุปอะไรลงไปมากเพียงแต่บันทึกข้อมูลเอาไว้





                          มาถึงพยานสำคัญอีกคน James Brown (ชื่อยังกะเจ้าพ่อเพลง Soul แน่ะ หึ หึ หึ) ซึ่งนาย James กล่าวว่าตอนที่เขาเห็น Elizabeth ในคืนนั้นน่าจะเป็นเวลาประมาณ 00.45 น. (ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตเพียงไม่กี่นาที คาดว่าเธอน่าจะเสียชีวิตในช่วงเวลาประมาณ 00.50 - 01.10 น.) ขณะที่กำลังเดินข้าม Berner Street นั้น เขาได้ยินเธอพูดว่า





                          \"วันนี้ไม่ได้ เอาไว้วันอื่นก็แล้วกัน\" ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเธอพูดถึงอะไร ส่วนรูปร่างและลักษณะของชายคนนั้น James บรรยายใกล้เคียงกันกับคำให้การของพยานทั้งสามคน จากคำให้การและพยานบุคคลทั้ง 4 นี้นั้น นับว่าเป็นประโยชน์อย่างมากต่อรูปคดีและการสืบสวนของทางตำรวจ แต่ถึงแม้ว่าจะมีหลักฐานหลายชิ้น พยานวัตถุ พยานบุคคล รวมไปถึงข้อมูลและบรรดารายละเอียดต่างๆ ที่พอจะบุถึงรูปร่างและลักษณะของฆาตกรได้ ทว่า…..บทตำนานหฤโหดของ JTR ก็ยังไม่ได้ปิดม่านลงไปในตอนนั้น เพราะทางตำรวจก็ยังไม่สามารถจับฆาตกรที่ลงมือกับ Elizabeth มาลงโทษได้ ชายที่ Elizabeth พูดคุยด้วยจะเป็นฆาตกรที่ฆาตกรรมเธอหรือไม่ และชายคนนี้คือ JTR หรือไม่ ยังคงเป็นปริศนาที่ยังไม่คลี่คลายมาจนบัดนี้





                          ยังไม่จบค่ะ  อ่านต่อตอนสุดท้ายนะคะ  ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ













    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×