ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพนิยายกรีก

    ลำดับตอนที่ #23 : ^0^ต่อจากตอนที่ 22 ค่ะ^0^

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 324
      0
      2 ส.ค. 48





                                                        ^0^ต่อจากตอนที่  22  ค่ะ^0^





                         นกโดโด้





                         นกโดโด้ ผู้สูญหาย  เป็นนกที่บินไม่ได้ ตัวหนัก 22 กิโลกรัม มีจงอยปากเป็นตะขอซึ่งเป็นสิ่งสะดุดตาของนกนี้ มีตีนกับปากสีเหลือง ส่วนเล็บเป็นสีดำ มันได้ถูกทำลายล้าง ด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์จนสูญพันธุ์ในชั่วระยะเวลาแค่ 200 ปีเท่านั้น นับแต่เราเพิ่งพบรู้จักนกชนิดนี้ บนเกาะ เมาริเทียส (Mauritius) ในทะเลอินเดียครั้งแรก เมื่อปลาย ทศวรรษ 1500 และถูกล้างผลาญถอนรากถอนโคน ไปในปี 1693 และเช่นกัน บนเกาะนิวฟันด์แลนด์ (อยู่ทางทิศ ตะวันออกของแคนนาดา) ก็เคยมีนกทะเลชนิดหนึ่ง อาศัยอยู่ นกชนิดนี้คล้ายคลึงกับนกเพนกวิน มีปีกเล็ก เท้าแบน เป็นนกที่งุ่มง่าม แสนจะเทอะทะบินไม่ได้ ตัวสูงประมาณ 75 เซนติเมตร เคยเป็นอาหารอันโอชะ ของมนุษย์โบราณ เมื่อ 20000 ปีมาแล้ว เมื่อนักบุกเบิกชาว ยุโรป เดิน ทางมาพบ เกิดความโลภ เห็นขนนกพวกนี้ดกหนาดี เลยเลาะขน เอาไปทำหมอนซะเลย พวกนี้จะใช้ไม้ กระบอง ทุบตีนกเหล่านี้จนตาย แล้วจับโยนใส่หม้อน้ำร้อนที่กำลังเดือด คิดดู  น่าสงสารขนาดไหน  





                         ไม่มีภาพนะคะ





                         แรดขน





                         ถิ่นกำเนิด : คาดว่าอยู่ตามกระจายทั่วโลก ตั้งแต่ทวีปยุโรป อาฟริกา และเอเซีย ซึ่งอยู่ในช่วงสมัยของยุคน้ำแข็งเมื่อ6,000-9,000ปีที่ผ่านมา จนกระทั่งสิ้นสุดยุคน้ำแข็ง



                         ลักษณะ : ตัวยาว 5 เมตร มีขนยาวประมาณ20-50เซนติเมตร เป็นสัต ว์กินหญ้า คนในยุคหินมีความผูกพันกับสัต ว์ชนิดนี้มาก ในฐานะของผู้ล่าและผู้ถูกล่า จากที่สังเกตได้ว่า คนยุคโบราณเขียนเจ้าแรดขนนี่ไว้บนผนัง



                         สาเหตุของการสูญพันธ์หรือใกล้สูญพันธ์ : เนื่องจากสิ้นสุดยุคน้ำแข็ง เจ้าแรดขนจึงอพยบขึ้นไปอยู่ตามเขตที่หนาวจัด ระหว่างอพยบได้ถูกมนุษย์ล่าไปมากและเจอกับภัยธรรมชาติจึงทำให้พวกมันไม่สามารถอพยพไปได้ *แรดขน*จึงสูญพันธ์ไปโดยสิ้นเชิง





                         ดูรูปได้ที่





                         http://img234.imageshack.us/img234/5633/b11ch.jpg





                         ปลาหมึกยักษ์





                          ในนิยายหลายเรื่องเล่าเรื่องปลาหมึกยักษ์ไว้อย่างสนุกตื่นเต้น ภาพยนต์เกี่ยวกับปลาหมึกยักษ์ ก็เคยมี ให้ดูกันแล้ว แต่ปลาหมึกยักษ์ตัวจริง เป็นปัญหาที่หลายคนคลางแคลงใจว่ามีอยู่จริงหรือไม่ คำตอบคือ เรื่องปลาหมึกยักษ์นี้มิได้มีแต่ในนิยายที่เรียกกันว่า!นรกแห่งสะดือทะเล หากแต่ปลาหมึกยักษ์ที่ใหญ่โต จริงๆ มีอยู่ในโลกนี้แน่นอน



                          ปลาหมึกดังกล่าวนี้เรียกว่า ปลาหมึกยักษ์สีน้ำตาลมีสีส้มที่ใต้ท้อง หรือพวกที่กรีกโบราณเรียกว่า เอิทฟูด  เป็นสัตว์มหัศจรรย์ที่มีหนวดขนาดยักษ์ถึง 7 หนวด มีดวงตาโปนถลนกว้างและมีพลัง มหาศาล สามารถบีบรัด เหยื่อหรือศัตรูให้แหลกเหลวได้ในพริบตา หรือแม้นแต่จับเหยื่อเหวี่ยงไปไกลๆได้อย่างมหัศจรรย์



                          ถิ่นกำเนิด : ไม่สามารถระบุได้เพราะมันกระจายไปตามรอบโลก แต่ตัวที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่มีการบันทึกนั้นจับได้นอกชายฝั่งทัสมาเนียปลาหมึกยักษ์จะอยู่ในน้ำลึกประมาณ 500-1,500 เมตร



                          ลักษณะ :แต่ตัวที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่มีการบันทึกนั้นจับได้นอกชายฝั่งทัสมาเนีย ลำตัวนับจากหัวถึงหนวดยาวลงมา ยาว 40 ฟุต หนัก 440 ปอนด์นับเป็นปลาหมึกตัววมหึมาที่สุดเท่าที่พบ วงรอบตัวโตเท่ายางรถยนต์ แต่กลิ่น ของมันเหม็นชวนสลบไสลดีนัก รสชาติก็เลวแท้ แทบจะไม่รู้ว่าปลาหมึกตัวนี้อยู่ในสายพันธุ์ใด



                           สาเหตุของการสูญพันธุ์และการใกล้สูญพันธุ์ : เนื่องจากมันเป็นอาหารอันโอชะของปลาฉลามและปลาวาฬจึงทำให้มันลดจำนวนลงรวมถึงการคุกคามจากมนุษย์ทั้งหลาย แต่ยังไม่ถึงขั้นวิกฤตินัก จึงยังมิต้องกังวลว่ามันจะสูญพันธุ์





                           ดูรูปได้ที่



            

                           http://img221.imageshack.us/img221/5716/b23gm.jpg





                           เสือแทสมาเนีย



                           ถิ่นกำเนิด : กระจัดกระจายตัวอยู่ในแถบนิวกินีและออสเตเลีย ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับถิ่นที่อยู่ของหมาป่าพันธุ์ดิงโก้ซึ่งในแถบอื่นนั้นถูกสุนัขป่าพันธุ์ดิงโก้ฆ่าเพื่อกินเป็นอาหาร เสือแทสมาเนียจึงอพยพมาอยูในแถบนิวกินีเพื่อหลบหนีสุนัขป่าพันธุ์ดิงโก้ สุนัขป่าดิงโก้คงว่ายน้ำข้ามมาไม่ได้ เพราะช่องแคบบาสส์ (Bass Strait) นั้นกว้างถึง 200 กม. เลยทำให้เสือยืดอายุมาได้นานกว่าที่อื่นๆในออสเตเลีย



                           ลักษณะ : ลักษณะทางกายภาพของ!ประเภทนี้ ว่ากันว่าเมื่อโตเต็มที่จะหนักประมาณ 35 กก. ลำตัวยาวประมาณเมตรครึ่ง อายุขัยของมันนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มีตัวหนึ่งที่เคยอยู่ในสวน!ลอนดอนมีอายุถึง 10 ปี ส่วนตัวที่อยู่ทัสมาเนียมีอายุถึง 12 ปี มีการพบเห็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของเสือทัสมาเนียครั้งสุดท้าย ในเวสต์ออสเตเลีย บนแผ่นดินใหญ่ แต่พบเป็นฟอสซิล หรือซากศพที่ติดอยู่ในหินอายุประมาณ 3,100



                           สาเหตุของการสูญพันธุ์ : สำหรับสาเหตุที่ทำให้เสือทัสมาเนียสูญพันธุ์อาจมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน ประการที่เห็นชัดๆได้แก่การที่ผู้คนไม่ใส่ใจจะอนุรักษ์สัตว์ประเภทนี้ไว้ก็ได้ ส่วนสาเหตุอื่นๆนั้น นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าอาจเกิดมาจากโรคระบาด หรือเชื้อโรคชนิดหนึ่งที่ทำให้มันเสียชีวิต บางส่วนก็เข้าใจว่าอาจเป็นเพราะถูกล่า เนื่องจากเสือเหล่านี้เข้าไปกัดกินแกะของชาวไร่ ชาวนา ปัจจุบันถ้าอยากเห็นหนังเสือและเสือเป็นตัวๆ (ตายแล้ว) ก็เข้าไปดูได้ที่ Tasmanian Museum and Art Gallery ที่ Hobart เมืองหลวงของรัฐซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะ ที่นั่นท่านจะเห็นสัตว์พื้นเมืองต่างๆของออสเตเลียเพียบ



                           อีกกระแสหนึ่งบอกว่า เมื่อชาวยุโรปเข้ามาตั้งถิ่นฐานใหม่ๆนั้น เสือทัสมาเนียก็เริ่มหดหายไป เนื่องจากพวกที่เข้ามาใหม่นั้นนำแกะเข้ามาเลี้ยง เมื่อปี พ.ศ.2376 โดยบริษัท Van Diemens Land Co. ให้ค่าหัวในการล่าเสือทัสมาเนีย ต่อมารัฐบาลสั่งห้ามการล่าดังกล่าวเสีย แต่กว่าจะหยุดได้ก็ทำให้เสือดังกล่าวหายากมาก ตามบันทึกบอกว่าเสือทัสมาเนียตัวสุดท้ายของโลกตายในสวนสัตว์โฮบาร์ต ทัสมาเนีย เมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ.2479 และในปีนี้เองรัฐบาลประกาศการสูญพันธุ์อย่างเป็นทางการของเสือชนิดนี้



                           แต่นี่นับเป็นความโชคดี เพราะเรายังมีความหวังอยู่นะครับที่จะชุบชีวิตพวกมันเพราะยังมีคนเก็บซากเสือแทสมาเนียโดยการดองไว้ ทำให้มีความหวังว่าเราจะได้เห็นสัตว์พวกนี้เพ่นผ่านอีกครั้งก้อได้ค่ะ



                           เมื่อเร็วๆนี้มีข่าวครึกโครมออกไปทั่วโลกว่า นักวิทยาศาสตร์ค้นพบวิธีชุบชีวิตเสือดังกล่าวได้แล้วโดย ดร.ไมค์ อาร์เชอร์ (Mike Archer) ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ออสเตเลียน ออกมาแถลงว่ามีแผนที่จะทำโคลนนิ่งเสือชนิดนี้ โดยนำเอาเซลล์ของเสือที่ดองแอลกอฮอล์ไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2409 มาสกัด DNA นักวิทยาศาสตร์ท่านนี้ยืนยันว่าทำได้แน่ๆ ในเร็วๆนี้....





                          ไม่มีรูปนะคะ





                          ม้าลายครึ่งลา





                          ถิ่นกำเนิด : เคยกระจัดกระจายตามทุ่งหญ้าซาวันน่าของประเทศอาฟริกาใต้ ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยเดียวกับสิงโตผู้เป็นนักล่า กล่าวได้ว่ามีม้าลายครึ่งลาอยู่ในประเทศอาฟริกาที่เดียวในโลก



                          ลักษณะ : นับว่าแปลกมาก เพราะว่าถ้าคนที่ไม่มีความรู้มาดูอาจจะคิดว่าพ่อและแม่ของมันเกิดต่างเผ่าพันธุ์กัน แต่แท้ที่จริงแล้วสัตว์ลูกครึ่งนี้นักชีววิทยาให้ข้อคิดเห็นว่ามันอาจจะเป็นต้นกำเนิดของม้าและลาครับ เพราะลักษณะของม้าและลาดูใกล้เคียงกันมาก



                          ลักษณะ2: รูปร่างของมันมีส่วนผสมระหว่างม้าและลาจึงออกเหมือนม้าและลามาก



                          สาเหตุของการสูญพันธุ์และใกล้สูญพันธุ์ : เนื่องจากมีการแสวงหาอนานิคมของประเทศมหาอำนาจทางตะวันตกได้เข้ามาหาอนานิคมในทวีปอาฟริกาซึ่งเป็นทวีปมืดและไม่มีนักสำรวจคนไหนเข้ามาถึง ในช่วงปี1860เมื่อมาถึงกลุ่มผู้บุกเบิกได้สังเกตุเห็น!ที่แปลกจึงได้เกิดความโลภ ไล่ล่าสังหารเพื่อนำไปขายทอดเก็บไว้เป็นคอลเล็คชั่นจนสูญพันธุ์ในปี1880ซึ่งไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์จะล้างผลาญพวกมันให้หมดไปจากโลกโดยใช้เวลาเพียง20ปีพอดี





                         ดูรูปได้ที่





                         http://img237.imageshack.us/img237/5836/b35pc.jpg





                         Megamouth Shark





                         ถิ่นกำเนิด : ไม่สามารถให้คำตอบได้ เพราะมันกระจายไปทั่วโลก ถูกค้นพบในปี1976 มันได้ถูกลากโดยเรือากอวนของสหรัฐบริเวนเกาะฮาวาย



                         ลักษณะ : ฟังชื่อแล้วน่ากลัว แต่มันไม่มีอันตรายต่อมนุษย์ถึงแม้มันจะมีปากขนาดใหญ่ และมีฟัน ที่เรียงเป็นแถว นับสิบแถว แต่นั่นก็มีไว้เพื่อกรองน้ำทะเลเพื่อกิน!น้ำเล็กๆ และแพลงตอน เท่านั้น



                         สาเหตุของการสูญพันธ์และใกล้สูญพันธ์ : อาจเพราะเนื่องจากมันกระจายตัวไม่อยู่ใกล้ๆกันจึงทำให้ไกลต่อการผสมพันธ์ และไม่สามารถออกลูกได้ ปัจจุบันจึงกล่าวได้ว่าเป็นสัต-ว์ที่สามารถสูญพันธ์ได้ทุกเมื่อ



                         จับได้ปีทศวรรตที่76ค่ะ





                         ดูรูปได้ที่





                         http://img92.imageshack.us/img92/9291/b49xh.jpg





                         ขอขอบคุณขอมูลดี ๆ จากคุณป๊อกค่ะ





                         ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×