[Fic KHR] HBD Yamamoto Takeshi # No Time Left : 8059! - [Fic KHR] HBD Yamamoto Takeshi # No Time Left : 8059! นิยาย [Fic KHR] HBD Yamamoto Takeshi # No Time Left : 8059! : Dek-D.com - Writer

    [Fic KHR] HBD Yamamoto Takeshi # No Time Left : 8059!

    โดย Farzhies

    "ถ้าผ่านเที่ยงคืนไปแล้ว ฉันยังไม่มีของขวัญอะไรให้เขา ฉันคงจะรู้สึกเสียใจไปทั้งปีเลย

    ผู้เข้าชมรวม

    893

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    10

    ผู้เข้าชมรวม


    893

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    17
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  24 เม.ย. 56 / 11:20 น.

    แท็กนิยาย

    yamamoto gokudera khr fic hbd 8059



    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    data-config="{'skin':'skins/simpleBlue/skin.css','volume':50,'autoplay':true,'shuffle':false,'repeat':1,'placement':'bottom','showplaylist':false,'playlist':[{'title':'A thousand years - Christina Perri [piano]','url':'http://www.youtube.com/watch?v=EVI2E9LL-Gg'}]}" >
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Title : No Time Left -HBD Yamamoto Takeshi-

      Paring : 8059 (Yamamoto Takeshi x Gokudera Hayato) ft. Ugetsu x G

      Date :  April 24th, 2013.

      Author : Destiny_AB

      Rate : ทุกเพศทุกวัย

      Type : รั่วโรแมนติก + จืดชืด (?)

       

      Date: April 24th

      Time 00:01

       

      ใครบางคนตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาที่แปลกประหลาดที่สุด... หากแต่ใบหน้าก็ยังดูสดชื่นจากการที่นอนเร็วตั้งแต่หกโมงเย็นทำให้ตัดปัญหาเรื่องการนอนไม่พอไปได้

       

      “คิดจะลุกมาทำอะไรตอนเที่ยงคืนล่ะนั่น” ดวงตาโฉบเฉี่ยวของอีกชีวิตในห้องพักแห่งนี้เอ่ยทักขึ้น ร่างนั้นกอดอกเลิกคิ้วขึ้นสูงทำท่าเหมือนจะสงสัย

      “แก่ก็อยู่ส่วนแก่ไปสิ”

      “ว่าฉันแบบนี้ไม่ได้นะ!!” ดวงตาสีแดงดุจเพลิงมีร่องรอยโกรธขึ้งทันที แต่แล้วก็สงบลงเมื่อเห็นสีหน้าเนือยๆ ของเจ้าบ้านมองมา

       

      ...อย่าโวยวายในบ้านคนอี่นนะเฟ้ย!!...

       

      “ก็...แค่อยากรู้เฉยๆ” เจ้าของเรือนผมสีเดียวกับดวงตาพร้อมแถบเปลวไฟที่แก้มขวาถึงกับหงอยลงทันที

      คนแก่ก็อยากรู้เรื่องนะเฟ้ย ถึงแม้จะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างก็เถอะ

      “นี่จี..” จู่ๆ ร่างบางพอๆ กับตนก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับกะละมัง แป้งเค้ก ไข่ ไม้พาย เอ่อ... เอาเป็นว่า อุปกรณ์ทำเค้ก นั่นล่ะอธิบายง่ายสุด แถมยังมานั่งลงบนโซฟาข้างๆ กันอีกต่างหาก

       

      “อะไรเล่า..” ผู้เป็นบรรพบุรุษแห่งวายุกล่าวตอบเสียงแข็งนิดๆ

       

      .

      .

      .

      “เคยทำเค้กป่าว?”

       

      .........................

       

      Time 03:00

       

      “นี่ๆ...ถึงฉันจะช่วยทำเค้กไม่ได้ แต่ฉันก็อยากจะเตือนนายไว้นา..”

      “บอกแล้วไงว่าแก่ก็อยู่ส่วนแก่ไป” ฉึก!!!!!!!!!

       

      ธนูดอกนี้เล็งอย่างแม่นยำเข้ากลางหัวใจของจีเป๊ะๆ

      ทนไว้เรา...นั่นมันผู้สืบทอดที่เราคัดเลือกเอง

       

      เตือนตัวเองไปก็เท่านั้นล่ะ จีก็ยังสงบพายุที่โหมกระหน่ำรุนแรงของตัวเองไม่ได้อยู่ดี

      “นายน่ะมีพี่สาวนี่นา ไปขอให้เธอช่วยสิ”

      “ช่วยทำให้กลายเป็นเค้กสยองขวัญน่ะ ฉันไม่ต้องการหรอก” แค่มองหน้ากันก็ยังทำไม่ได้ จะไปขอให้ช่วยได้ยังไง

       

      อีกอย่าง...โกคุเดระ ฮายาโตะไม่ได้ต้องการสำเร็จวิชา Poison Cooking เหมือนพี่สาวคนสวยสักหน่อย

       

      “จี...”

      “หืม..?”

       

      “...” คนทักเงียบไปนาน ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “วันเกิดของอุเก็ตสึ.. ทำอะไรให้เขาเหรอ”

      บรรพบุรุษหลับตาเงยหน้าขึ้นหาเพดานราวกับใช้ความคิดระลึกชาติ

      “เขาไม่เคยต้องการอะไรหรอก ถึงฉันจะถามย้ำแล้วย้ำอีก เขาก็ย้ำกับฉันยิ่งกว่าเดิมว่าเขาไม่ต้องการอะไรนอกเหนือไปจากเพื่อนพ้องและคนที่เขารัก..” พูดได้แค่นั้นจีก็ยิ้มกับตัวเองคนเดียว

       

      “ชีวิตเขามีแค่เสียงเพลงและรอยยิ้มอ่อนโยนหาใช่ดาบไม่ เขามักจะนำพามาซึ่งความสงบสุขเยือกเย็นทำให้ทุกคนรอบข้างมีความสุขเสมอ คิดแล้วก็แปลก...คนที่เอาแต่ให้ผู้อื่นอยู่เสมอ ทำไมไม่ต้องการอะไรกลับคืนให้สมกับที่ตัวเองเคยทำ..”

      ดวงตาของคนพูดมีร่องรอยความรู้สึกดีๆ ประปรายเต็มไปหมด เนตรสีเพลิงคู่นั้นมีแววประกายพริบพราวราวกับดวงดาริกายามค่ำคืนอันฟ้าปลอดโปร่ง..

       

      “พร่ำเพ้อ”

       

       

       ===> (- [ ] -)!!!

       

       

      ฉึก! ธนูอีกดอกปักกลางใจ แทบกระอักเลือดออกมาเป็นแกลลอน...จีตัวสั่นระริกด้วยอาการถูกกระทบกระเทือนจากถ้อยคำอันโหดร้ายเกินรับไหว โอ้ว... ทั้งร่างแทบทรุด

       

      “หึ...แต่เขาคงเป็นคนที่เก่งเอาเรื่องเลยนะ ทำให้นายดูอารมณ์ดีตลอดอย่างนี้น่ะ” โกคุเดระกล่าวยิ้มๆ มือข้างขวายังตั้งอกตั้งใจคนส่วนผสมแป้งเค้กกับไข่อย่างไม่ลดละ ก่อนที่มือซ้ายจะเติมน้ำสะอาดตามลงไปอีกนิดหน่อยเพื่อไม่ให้เนื้อแป้งติดกันเกินไป

      “เหรอ ฉันไม่เห็นจะรู้สึกอย่างนั้นเลย - -^” ถึงจะปฏิเสธไปอย่างนั้น แต่ริมฝีปากก็ยังมีรอยแย้มบางๆ ให้เห็น

      ..

       

      .

      .

      .

       

      กาลเวลาเจ้าเอ๋ย...รู้ตัวหรือไม่ว่าใจร้ายยิ่งนัก

       

      เจ้านั้นผ่านล่วงไปอย่างรวดเร็วราวกับต้องการจะกลั่นแกล้งกัน...

       

      .................................

       

      Time 07:30

       

      เค้กสีน้ำตาลก้อนประหลาดก้อนที่สามเผยสู่สายตาคนทั้งคู่ กลิ่นที่ไม่น่าไว้วางใจนักทำเอาผู้พิทักษ์วายุรุ่นแรกส่ายหัวแรงๆ เพื่อเน้นย้ำว่า...

       

      แกน่ะทำเค้กเนยสดอยู่นะเฟ้ยยยยย ไม่ใช่เค้กบราวนี่ = [ ] =!!!!!!!!!!!!!!!!

       

      เจ้าของเส้นผมสีแดงดุจเพลิงอยากจะหายตัวกลับเข้าแหวนด้วยความอับอายแทนยิ่งนัก แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ ประเดี๋ยวถ้าผู้สืบทอดเจ้าอารมณ์คนนี้โมโหขึ้นมาอาจจะทำโทษผนึกเขาไว้ในแหวนไม่ให้เจอใครตลอดหนึ่งอาทิตย์เลยก็เป็นได้

      “ก้อนที่สาม พังตามเคย...เฮ้อ..”

       

      “ฉันว่านายไปโรงเรียนก่อนดีกว่านะ เพราะเดี๋ยวจะถึงเวลาต้องไปรับเดชิโม่อยู่หน้าบ้านแล้วไม่ใช่รึไง”

      “แต่ว่า...” ท่าทีที่เสียดายนิดๆ ไม่ได้ทำให้คนแนะใจอ่อนแต่อย่างใด ตรงข้ามยิ่งพูดจี้จุดอ่อนเข้าไปใหญ่

       

      “นายไม่เคยบอกไว้เหรอ ว่าจะไม่ทำให้เดชิโม่ผิดหวัง”

      “ง่า...”

      “ยังมามัวทำหน้าเสียดายต่ออีก ฉันบอกให้ไปก็ไป! เร็ว!!” พอไล่ให้ร่างบางผมเงินไปอาบน้ำได้แล้ว ตัวเองก็บิดตัวยืดเส้นยืดสายคลายเส้นที่เกือบยึดเพราะมัวแต่เอี้ยวตัวมองแม่ครัว(?)มือใหม่หัดทำเค้กตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา

      ก่อนร่างจะสลายวูบกลับเข้าไปในแหวนวายุที่เจ้าของคนปัจจุบันถอดวางทิ้งไว้บนเตียงในห้องนอน...

       

      “วันนี้คงน่าสนุกพิลึก...ฉันจะไปด้วยก็แล้วกัน”

       

      .....................................

       

      Time 08:30

       

      ร่างบางผมเงินกำลังตาขวางอย่างแรง......

       

      “ยามาโมโตะคุง สุขสันต์วันเกิดน้า”

      “ยามาโมโตะคุง ของฉันด้วย”

      “รับของขวัญของฉันไปด้วยนะ”

      “ทางนี้ด้วย”

      ฯลฯ

       

      เขาเหล่ไปทางหน้าประตูจนคิดว่าตัวเองแทบจะเดินตาเหล่กลับบ้านในวันนี้ ถึงเบ้าตาจะสั่งการว่า ตูเริ่มเจ็บปวดแล้วนะเฟ้ย แต่ลูกตาเจ้ากรรมก็ยังไม่เชื่อฟังเสียนี่

      ป้าบ!!

      มือขาวๆ ตบที่แก้มตัวเองเพื่อคืนสภาพสายตาสู่ภาวะปกติ แต่คงจะแรงไปนิดจนหัวโกคุเดระแทบจะโขกขอบโต๊ะ...

       

      ปึ้ก!

      “อ่อก!!” เอ่อ โขกไปแล้ว!

      บอสรุ่นที่สิบที่เดินเข้ามาเพื่อจะถามไถ่อาการถึงกับสะดุ้งโหยง เหงื่อตกซิกเหมือนที่เห็นกันในอนิเมบ่อยๆ

       

      “โกคุเดระคุง..”

      “อ๊ะ รุ่นที่สิบ! มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ!!” ร่างบางที่ลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ ด้วยความเจ็บ พอสังเกตเห็นทูน่าผมสีน้ำตาลชี้ฟูเดินมาหาถึงที่โต๊ะก็รีบลุกแล้วตะเบ๊ะแบบเป๊ะทุกองศาทุกกระเบียดนิ้ว

      “ปะ เปล่า- -; ฉันแค่เห็นนายดูเขม่นคนมากกว่าปกติ ฉันเลยเป็นห่วงน่ะ” ใช่ว่าวองโกเล่รุ่นที่สิบจะซื่อบื้อนักหนาจนมองไม่ออกว่าอีกฝ่ายหึงผู้พิทักษ์พิรุณเข้าขั้นโคม่า ทว่าการปล่อยให้มันค้างคาเช่นนี้ ห้องเรียนอาจกลายเป็นสถานที่ซ้อมขว้างไดนาไมต์สำหรับมือขวาผู้นี้ในท้ายที่สุด...

      น่าสลด _ _”

       

      “ม...ไม่มีอะไรหรอกครับรุ่นที่สิบ ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก” น้ำเสียงที่ปกติจะฟังร่าเริง พอสึนะโยชิได้ยินบ้างถึงกับขนลุกซู่เหมือนโดนราดด้วยน้ำเย็นที่เย็นสุดขีดตั้งแต่หัวจรดเท้า...

      เวรละ.. บรรยากาศมาคุ = =; เห็นทีอยู่ต่อไปมือขวาอาจจะเครียดหนักกว่าเดิมจนเผลอระเบิดโรงเรียนคลายเครียดก็ได้ อืม... เรื่องใหญ่ล่ะสิทีนี้

      แต่ถึงอยู่ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี

      “อ่า..เอ่อ ไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ =w=” แล้วก็ถอยกรูดกลับไปตั้งหลักที่โต๊ะของตัวเองซึ่งห่างออกไปไม่กี่เมตร

       

      “นายกำลังทำให้เดชิโม่เป็นห่วงนะ” เสียงแข็งๆ ที่คุ้นหูดังขึ้นในหัว

      “...” โกคุเดระเงียบไปอึดใจ จากนั้นพรูลมหายใจยาวๆ และก้าวฉับๆ ไปที่ประตูห้อง

      ครืดดด!!!

      “โกคุเดระ จะออกไปไหนน่ะ” ก่อนที่ขาจะก้าวออกไปจากห้องเรียนที่อึกทึกวุ่นวายเพราะบรรยากาศชื่นมื่น (?) เสียงเจ้าของวันเกิดที่ถูกรุมล้อมแย่งกันให้ของขวัญก็เล็ดลอดมาถึงหูร่างบางจอมดื้อ (สาวๆ ต่างห้องก็มีมาไม่ขาดสาย เปิดประตูเข้ามาทุกห้านาที)

      “ฉันโดดคาบต่อไป” ร่างบางมองอีกฝ่ายเพียงหางตา มิหนำซ้ำยังส่งจิตสังหารเข้มข้นแผ่กระจาย

       

      ปัง!!!!

      ประตูอาจจะอยากร้องโอดครวญก็ได้ถ้ามันมีชีวิต

      วันนี้โดนสาวๆ ใช้งานหนักยังไม่พอ ยังมีหนุ่มน้อยใจร้ายใจดำปิดแรงๆ เสียไม่ห่วงสวัสดิภาพมันเล้ย...

       

      เอี๊ยดดด... ปัง!!!

      ประมาณห้านาทีต่อมาประตูทางขึ้นดาดฟ้าก็เป็นที่ระบายอารมณ์อย่างถัดมาของโกคุเดระ ฮายาโตะ ดวงตาสีเขียวใสดื้อดึงอัพเลเวลกลายเป็นดวงตาสีเขียวสยองขวัญ ออร่ามืดมนมาจากไหนไม่รู้แผ่อาณาเขตรอบๆ ตัวของร่างบางเต็มไปหมด

      “...”

       

      “...ฮิบาริ” แต่ว่ายังมีใครคนหนึ่งตั้งรกราก (?) อยู่บนดาดฟ้าก่อนหน้าแล้ว ซึ่งก็คงไม่ต้องบอกว่าเป็นใครที่ชอบทำตัวเป็นเจ้าของดาดฟ้าโรงเรียนนามิโมริแห่งนี้

      “ขึ้นมาทำไม”

      “ทำไมฉันต้องตอบแก” คนหน้าหวานยิ่งอารมณ์ไม่ดีเป็นทุนเดิม พอมาเจอคนหน้าตายแบบนี้ยิ่งชวนให้อารมณ์ขุ่นมัวลงกว่าเดิมอีก มือเรียวล้วงเข้าไปที่ข้างเอวแตะที่อาวุธคู่กายพร้อมจะเปิดศึกได้ทุกเมื่อ

      ก็ดี...จะได้มีอะไรทำคลายเครียด

       

      “จะสู้งั้นเหรอ..?” ท่อนเหล็กคู่แวววาวประจำที่ของมันเรียบร้อย ดวงตาราวกับเพชฌฆาตนั้นไม่ได้ทำให้จิตใจของเขาสั่นคลอนแต่อย่างใด

      “คิดอย่างนั้นก็ตามใจ”

       

      แต่ก่อนจะได้เปิดศึก อะไรบางอย่างกลับทำให้ระเบิดไดนาไมต์ที่ซ่อนอยู่ทุกกระเป๋ารวมแล้วเยอะประมาณ บอมบ์สี่เท่าหลุดออกมากลิ้งหลุนๆ บนพื้นพร้อมทั้งจุดไฟเองอัตโนมัติ

      !!!!” เจ้าของอาวุธมีสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริดไปแล้วเรียบร้อย แต่ยังพอมีสติเตือนอีกคนที่กำลังจะพุ่งเข้ามาหา “ฮิบาริ! ถอยไป!!”

      “หา? พูดอะไรน่ะ” น้ำเสียงนั้นแฝงแววดูแคลน

      “บอมบ์สี่เท่าน่ะพังดาดฟ้าหายไปกว่าครึ่งได้เลยนะ!!!”

      “...!!”

       

       

      บึ้มมมมมมม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

       

      ตูม!!!!

      ตูมมมม!!!

       

      โกคุเดระไม่รู้ว่าร่างของกรรมการคุมกฎหายไปไหน แต่ว่าร่างของตัวเองลอยกระเด็นท่ามกลางสะเก็ดการระเบิดมายังดาดฟ้าของตึกข้างๆ อย่างมหัศจรรย์พันลึกที่สุด!

       

      ...........................................

       

      Time 12:00

       

      ตึกที่เพิ่งถูกทำลายไปนั้นต้องทำการซ่อมแซมอย่างด่วน และไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นฝีมือโกคุเดระ ฮายาโตะนอกจากผู้พิทักษ์ทั้งหมดที่อยู่ภายในโรงเรียนและดอกเตอร์หน้าม่อแห่งห้องพยาบาล ซวยจริงๆ ที่นอกจากตึกนั้นจะเป็นที่ทานข้าวประจำของเขากับบอสที่สุดแสนจะเทิดทูนแล้ว (ไม่นับผู้พิทักษ์พิรุณซึ่งกลายเป็นส่วนเกิน) พวกเขายังต้องเปลี่ยนห้องเรียนคาบบ่ายไปใช้ห้องเรียนตึกอื่นซึ่งมันทำให้เขาอารมณ์เสียกว่าเดิม

       

      เพราะอะไรน่ะเหรอ?

       

      “อ๊ะ ยามาโมโตะคุงนี่นา สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะ!!!!!” พอทั้งสามเดินผ่านกลุ่มนักเรียนหญิงก็ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวปนกรี๊ดกร๊าด ยัยผู้หญิงที่ดูเป็นหัวหน้ากลุ่มทำใจกล้าตะโกนเสียงดังก่อนจะหันไปหน้าแดงกับคนอื่นๆ ทันทีที่โกคุเดระ สึนะ และยามาโมโตะหันไปมอง

       

      ทำอย่างกับสารภาพรัก.. ร่างบางแสร้งไม่สนใจเพราะมันไม่เกี่ยวกับตัวเขาอยู่แล้ว

       

      พรืดดด!!

      จู่ๆ เขาก็ถูกดึงตัวออกจากกลุ่มโดยนักเรียนหญิงอีกก๊กหนึ่ง

      “พวกเธอทำอะไรน่ะ?”

      “โกคุเดระคุง ฝากของขวัญวันเกิดไปให้ยามาโมโตะคุงได้มั้ยจ๊ะ” สองสามคนยื่นกล่องของขวัญขนาดต่างๆ กันให้เขาที่ต้องทนรับแบบเสียไม่ได้

      “แล้วทำไมฉันต้อง...”

       

      จู่ๆ คำพูดสั้นๆ แต่เหมือนกับประกาศิตก็ดังก้องกังวานซึมซาบไปทั่วอณูสมอง

      “หัดทำตัวดีๆ กับคนอื่นเขาบ้างก็ได้นา ^^”

      “ก็ได้ๆ!” น่ารำคาญจริงๆ.. คิดๆ แล้วก็โมโห ทำไมต้องเอาตัวเขาเข้าไปเกี่ยวด้วย ทั้งที่พยายามทำตัวไม่ให้ใครสนใจแท้ๆ

      “อ๊ะ..” สาวน้อยอีกคนแทรกขึ้น “แต่โกคุเดระคุงไม่ต้องกังวลนะ ยังไงฉันก็ยังชอบโกคุเดระคุงเหมือนเดิมนะ >////<”

       

      “ชิ!” พวกแฟนคลับงั้นเหรอ แค่ได้ยินก็ผดขึ้นแบบที่ยาขนานไหนก็แก้ไม่ได้...

      ขาเรียวก้าวยาวๆ หนีไป กระทั่งทันสึนะโยชิและยามาโมโตะที่หันรีหันขวางมองหาเขาพอดี

      “เอ้านี่ ของแก” เขาทำหน้ามุ่ยแล้วยื่นของขวัญสองสามกล่องให้ร่างสูงที่ทำหน้างงๆ

       

      “ข้าวเที่ยงฉันไม่ทาน ไปล่ะ ...ขอโทษด้วยนะครับรุ่นที่สิบ” แม้บอกปัดไม่ใยดีข้าวเที่ยงทั้งที่กระเพาะเริ่มจะร่ำร้องประท้วง ก็ยังเคารพในบอสของตนเองด้วยการบอกกล่าวและขออภัย

      “เดี๋ยว..!” แม้พ่อหนุ่มผมดำตัดสั้นจะห้ามไว้ก็สายไปแล้ว ร่างที่เดินห่างออกไปก็คงจะไม่ได้ยินแล้ว

       

      “พวกนายมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า” สึนะก็ยังคงรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้อะไรเลยสักอย่างเกี่ยวกับสองคนนี้ ... แหม ความสัมพันธ์ช่างซับซ้อน (ซือคะ มันไม่ได้ซับซ้อนหรอกค่ะ แค่อีกคนซึนอีกคนเซ่อค่ะ / ไรเตอร์)

      “สำหรับฉันน่ะไม่มีหรอก ถ้าเป็นโกคุเดระก็ไม่แน่” น้ำเสียงนั้นไม่สบายใจสักนิด สีหน้าก็ดูไม่ดีเลยทั้งที่เป็นวันเกิดของตัวเอง ได้รับของขวัญและคำอวยพรมากมายแท้ๆ

       

      “ไปกินข้าวกันเถอะ” สุดท้ายนภารุ่นที่สิบก็ตัดบทเพื่อไม่ให้บรรยากาศดูตึงเครียดเสียก่อน

       

      - - - - - - - - - - -

       

      “เดินหนีเดชิโม่แบบนั้นมันจะดีเหรอ เดี๋ยวตำแหน่งมือขวาหลุดหรอก” ผู้พิทักษ์วายุรุ่นแรกหยอกพอขำๆ เมื่อทั้งคู่นั่งรับลมอยู่บนต้นไม้ใหญ่หน้าอาคารนั้น ด้วยพุ่มที่หนาเขียวขจีจึงทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าบนนี้จะมีคนหนึ่งคนและอีกหนึ่งร่างที่ดูเหมือนจะเป็นคน (?) พักผ่อนหย่อนใจกันอยู่

      “...” แต่ร่างบางกลับไม่มีอารมณ์ร่วม ซ้ำยังหันหน้าหนี ทำสีหน้าเหมือนคนทุกข์ใจมาแต่ชาติปางไหน

      “อะไรกัน? ปกตินายจะกัดฉันกลับไม่ใช่เหรอ ตอบโต้สักหน่อยเถอะน่า” คิ้วโก่งสวยเหมือนคันธนูเลิกขึ้นสูง

       

      “เลิกพูดเถอะน่า”

      “เท่าที่ฉันดูสถานการณ์มา นายคงหึงผู้พิทักษ์พิรุณล่ะสินะ”

      “ไม่ใช่!!!!!”  โกคุเดระเผลอตัวแว้ดกลับทั้งที่สองแก้มก็แดงเหมือนมะเขือเทศสุกเต็มที่ พอเหลือบมองหน้าจี ก็รีบหันหน้ากลับหลบเลี่ยงสายตารู้ทัน

      “ฉันแค่..โมโหตัวเอง”

      “อ้อ...โมโหตัวเองที่ทำเค้กมาให้เขาไม่ได้สินะ เลยน้อยเนื้อต่ำใจที่พวกผู้หญิงมีของขวัญมาให้เขาเต็มไปหมด แต่นาย...คนที่เป็นถึงแฟนกลับไม่มีอะไรให้สักอย่าง อยากจะเหวี่ยงพวกผู้หญิงที่เอาของขวัญมาให้เขาแต่ก็กลัวจะดดนหาว่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง ที่ยอมเอาของขวัญจากผู้หญิงพวกนั้นไปให้เพราะดันนึกถึงว่าเขาน่ะอยากให้ทำตัวดีๆ กับคนอื่นๆ” พูดไม่กี่ประโยคขยายความไปได้ครึ่งเรื่อง... ไรเตอร์ไม่ต้องแต่งต่อละทีนี้ -*-

       

      “อย่าคิดมากเลยน่า นายทำดีที่สุดแล้ว ถึงเค้กมันจะกินไม่ได้ แต่แค่ทำแล้วแอบเอาไปให้เขาก็น่าจะมีความสุขแล้ว”

      “...”

      “เฮ้อ...เงียบอีก ฉันล่ะเหนื่อยกับวัยรุ่นจริงๆ”

      “เออสิ คนแก่จะมาเข้าใจอะไร”

      “เฮ้ย!! =[]=!” หลอกด่างั้นเหรอ...หลอกด่ากันอยู่ใช่มั้ย!?!?!?

       

      “หึๆ” หลอกด่าจริงๆ ด้วย!!! ดูรอยยิ้มเยาะหยันนั่นสิ ดูสายตาอดสูกับอายุอันมหาศาล!

      “โกคุเดระ ฮายาโตะ!!!”

       

      เปรี้ยง!!!!!

       

      ร่างบางกระโดดลงจากต้นไม้ลงมาหัวเราะชอบใจได้ทันเวลาก่อนที่มันจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ด้วยฝีมือธนูแบบทำลายล้างของจี...

       

      ไว้อาลัยให้ทั้งต้นไม้และดาดฟ้าก่อนหน้านี้เป็นเวลาสิบวินาที ปฏิบัติ!  _  _;;

       

      ............................

       

      Time 22:00

       

      “สี่ทุ่มแล้ว สี่ทุ่มแล้ว สี่ทุ่มแล้ว”

      “เออ ฉันรู้แล้วน่า ไม่ต้องพูดมากจะได้มะ มันเสียสมาธิ” พอกลับมาจากโรงเรียนและทานข้าวเย็นที่บ้านของบอสตอนประมาณหนึ่งทุ่มก็เริ่มต้นทำเค้กก้อนที่สี่ต่อทันทีแบบไม่รอช้า...

       

      ก็คว้าน้ำเหลวเช่นเดิม...

      ต่อมาก็ก้อนที่ห้า... พังกว่าเก่า

      ก้อนที่หก...ดีกว่าเดิมเล็กน้อยเพราะความไหม้หายไปแต่ขาดความอร่อยอย่างรุนแรงเพราะโกคุเดระ ฮายาโตะดันเผลอใส่น้ำส้มสายชูแทนน้ำเปล่าตอนผสมแป้ง

       

      ถัดมาคือก้อนที่เจ็ด ซึ่งกำลังตีแป้งอย่างเอาเป็นเอาตายสุดๆ จนกระทั่งมันเข้าเนื้อกันดีภายในเวลาไม่ถึงนาทีจากการที่ใส่แรงตีไม่ยั้งและสปีดของการตี เป็นอันว่าทั้งสปีดและความแข็งแกร่งของโกคุเดระเพิ่มขึ้นอีกห้าเปอร์เซ็นต์ได้เพราะการทำเค้กนี่เอง...

       

      “ใส่พิมพ์...แล้วก็อบ!” ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็วแบบที่ทีวีแชมเปี้ยนต้องสยบแทบเท้าขอร้องให้ไปแข่งเจ้าแห่งการทำเค้กเลยทีเดียว

      “โอ้...ครั้งนี้ขั้นตอนเตรียมใช้เวลาเจ็ดนาทีเองนะ ดีขึ้นกว่าครั้งก่อนสามนาที” จีกดปิดนาฬิกาจับเวลาแล้วโยนมันวางไว้ที่โซฟาข้างๆ ตัว

       

      ผู้พิทักษ์วายุรุ่นที่สิบเดินมานั่งข้างๆ โดยไม่ลืมจะหยิบนาฬิกาจับเวลาออกก่อนที่ตัวเองจะนั่งทับมันไป

      “เพราะฉันไม่มีเวลาแล้วนี่...ที่ฉันยังมีความหวังเพราะมันยังไม่ถึงเที่ยงคืนวันนี้ ยังพอมีโอกาสให้ของขวัญวันเกิดทันเวลา แต่ว่า... ถ้าผ่านเที่ยงคืนไปแล้ว ฉันยังไม่มีของขวัญอะไรให้เขา ฉันคงจะรู้สึกเสียใจไปทั้งปีเลย”

      สีหน้าของเขาดูจริงจังขึ้นกว่าเมื่อตอนทำเค้กก้อนแรกมาก...

       

      “ขอโทษนะ ที่ฉันเองก็ช่วยอะไรไม่ได้” ..ทำเค้กไม่เป็น เศร้า.. T^T

      “ฉันไม่อยากให้ใครช่วยอยู่แล้ว” อีกอย่าง... แค่มีคนคอยให้กำลังใจและสนับสนุน แม้จะไม่ใช่คนที่พูดชื่นชมกันบ่อยนักก็ถือว่าให้คำปรึกษาได้ดีในระดับหนึ่งเลย

       

      “กว่าจะอบก็ใช้เวลาสักชั่วโมง เตรียมของใหม่ไว้ดีกว่ามั้ยเผื่อพลาดอีก” จีเริ่มหยิบนิตยสารขึ้นมาอ่าน

      “ไม่ต้องหรอก ของหมดแล้วล่ะ” ...ร่างบางคิดในใจ ถ้าหากรอบนี้ยังไม่ได้อีกก็คงจะต้องตัดใจ และเวลาเองก็แทบไม่เหลือแล้วด้วย

       

      ตัวเขาเองอยากจะทำให้อีกฝ่ายดีใจสักครั้งในรอบปี เพราะปกติมีเพียงยามาโมโตะเท่านั้นที่ทำอะไรหลายๆ อย่างเพื่อเขาตลอดมา เขาคงจะเป็นคนเห็นแก่ตัวที่สุดหากไม่ทำอะไรดีๆ กลับคืนไปบ้าง...

      คิดแล้วก็น้อยใจตัวเอง... อยากเกิดมามีพี่สาวที่ทำเค้กเก่งๆ อร่อยๆ บ้าง ไม่ใช่คุณพี่สาวมหาภัยที่ทำอาหารอะไรๆ ออกมาเป็นของมีพิษหมดแบบนี้

      ถ้าอย่างนั้นคงจะขอให้ช่วยไปนานแล้ว

       

      แต่ไม่ว่ายังไง...ก็ต้องทำให้ได้!!!!

       

      ...............................

       

      Time 23:15

       

      ร่างบางลุ้นสุดๆ พอเสียงเตาอบดังติ๊งบ่งบอกว่าของที่เข้าไปอบนั้น อบตามเวลาที่ตั้งไว้เรียบร้อย

      แต่เมื่อเปิดฝาอบออกมา ควันสีดำก็พวยพุ่งอบอวลทั่วห้องครัว กลิ่นควันเหม็นไหม้โชยกรุ่นแสบโพรงจมูก

       

      “เฮ้ย! เป็นยังไงบ้าง” ด้วยความเป็นห่วง จีหุบนิตยสารวางไว้บนโต๊ะวิ่งตามกลิ่นเหม็นไหม้จนไปเห็นร่างบางพอๆ กับตนยืนล้างหน้าที่ซิงค์ล้างจานอยู่เงียบๆ พอเดินเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงสะอื้น

       

      “ไม่เป็นไรนะ” ผู้พิทักษ์วายุรุ่นแรกหน้าเศร้าพอๆ กันเมื่อเห็นว่าแม้จะพยายามอย่างไรก็ยังคงล้มเหลวไม่เป็นท่าเหมือนเดิม

      “แบบนี้ตลอดเลย ฉันพยายามตั้งแต่เช้ายันเย็น ไม่พลาดอย่างใดก็อย่างหนึ่ง ฉันนี่มันแย่จริงๆ ที่ทำอะไรให้เขาไม่ได้” น้ำตาใสๆ รินอาบแก้มขาวนวล ไหล่บอบบางสั่นไหวเมื่อจีตบบ่าเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร

      “โธ่...ไม่เป็นไรหรอก เมื่อก่อนฉันก็ทำตัวแบบนาย ของขวัญวันเกิดแทบไม่มีให้ด้วยซ้ำ แต่เขาคนนั้นก็ไม่ได้บ่นว่าอะไรนี่นา”

       

      “ก็นั่นมันคนของนายนี่!” บรรพบุรุษวายุเริ่มของขึ้นแม้จะแอบดีใจที่อีกฝ่ายไม่ได้เศร้าตรมถึงขนาดต้องแอบไปเข้าห้องน้ำแล้วนั่งใต้ฝักบัวเปิดน้ำให้ตัวเปียกเหมือนในเอ็มวีก็ตาม...

      “เหนื่อยจะเถียงแล้วเฟ้ย -*-!”

       

      โกคุเดระหยิบผ้ามาเช็ดหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำผสมปื้นควันดำออก

      “ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยเนี่ย!!!!!!!!”

       

      ......................................

       

      Time 23:45

       

      ร่างบางผมเงินยังคงนั่งหน้าซึมเศร้าต่อไป ไม่ว่าผู้อาศัยอีกคนจะชี้ชวนให้ดูรายการตลกยอดฮิตหรือเล่าเรื่องราวสมัยเริ่มก่อตั้งวองโกเล่แฟมิลี่ที่โกคุเดระ ฮายาโตะให้ความสนใจนักหนา อีกฝ่ายก็ไม่ได้ตอบรับอะไรมาสักอย่าง มีแต่นั่งทำหน้าซึมกะทือเหมือนความรู้สึกและสติสัมปชัญญะตายไปเรียบร้อย

      “นี่...ตอบอะไรสักหน่อยไม่ได้เลยรึไง”

       

      “จะเที่ยงคืนแล้ว...”

      “ถ้าจะตอบรับแบบนี้ ไม่ต้องตอบก็ได้นะ” จีถอนหายใจรอบที่ล้านกว่า อาการน่าเป็นห่วงจริงๆ...

       

      “เออก็ได้! ชิ!!

      “...” ดวงตาสีแดงเพลิงปรายตามองไปที่นอกหน้าต่าง เห็นพุ่มบนต้นไม้ใหญ่ขยับไหวดูผิดธรรมชาติเหมือนกับมีคนอาศัยบนนั้น แต่เขาก็รู้ว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร “ฉันขอตัวสักพักนะ” ทันใด บริเวณนั้นเหลือไว้เพียงควันสีแดงกับร่างบางที่นั่งหน้าตายอยู่หน้าทีวีคนเดียว...

       

      เหรอ??

       

      ก๊อกๆๆ...

       

      “ใครมาวะ..?” เขาบ่นอุบอิบแต่ก็ลุกไปเปิดโดยดี หวังไว้ในใจว่าคงไม่ใช่พี่สาวคนสวยเพราะตัวเขาตอนนี้ไม่มีอะไรช่วยป้องกันการสบตาตรงๆ กับเบียงกี้สักอย่าง

       

      ...

       

      ประตูนั้นเปิดออก ร่างของผู้มาเยือนยามค่ำคืนปรากฏต่อสายตา

      “ยามาโมโตะ..”

       

      “ใช่ ฉันเอง...” ร่างสูงในชุดลำลองมองมาที่เจ้าของห้องอย่างเหนื่อยใจนิดๆ “ขอเข้าไปได้มั้ย?”

      “แล้วแต่”

      ยามาโมโตะ ทาเคชิก้าวเข้ามาในห้อง ถอดรองเท้าวางไว้อย่างเป็นระเบียบแล้วตามเจ้าของห้องไปที่โซนรับแขก

      “วันนี้เป็นอะไรเหรอโกคุเดระ”

      “ฉันเป็นอะไรล่ะ” ด้วยความรู้สึกผิดเรื่องของขวัญวันเกิด โกคุเดระจึงไม่กล้าสบดวงตาสีดำคู่นั้นโดยตรง แต่กลับแสร้งหันหลังให้และมองออกไปเรื่อยเปื่อยที่นอกหน้าต่าง

      “ก็ดูแปลกๆ...ดูอารมณ์เสีย แถมยังไม่ไปกินข้าวกับฉันและสึนะอีก นายโกรธอะไรฉันหรือเปล่า?”

       

      “ฉันไม่เป็นอะไรทั้งนั้น”

      “หันหน้ามาคุยกันดีๆ สิ

      ...อ๊ะ” ร่างสูงที่เริ่มจะทนไม่ได้กับการหลบหน้าดึงแขนอีกฝ่ายให้หันกลับมาหากัน แต่ก็ต้องอุทานเมื่อเห็นว่าร่างบางกำลังน้ำตาไหลไม่หยุดหย่อน ขอบตาก็ช้ำเหมือนผ่านการร้องไห้มาหลายครั้ง “ร้องไห้ทำไม...”

      “ไม่ได้...ร้องไห้”

       

      “เห็นชัดๆ ยังจะปากแข็งอีก บอกมาเถอะ... เราเป็นแฟนกัน มีอะไรต้องพูดกันระบายให้กันฟังนะ” แต่โกคุเดระก็เอาแต่ส่ายหน้าแรงๆ เม้มริมฝีปากสนิท

      ยามาโมโตะยิ้มบางๆ ก่อนจะใช้วิธีเด็ดขาดที่มักจะได้ผลเสมอด้วยการรวบตัวคนตรงหน้าเข้ามากอดแน่นๆ

      “นะ...บอกฉันนะ”

       

      น้ำเสียงอบอุ่นกระซิบข้างหูทำให้หัวใจที่ว้าเหว่ตลอดเวลาต้องสั่นไหวได้ทุกครั้ง...คนผมเงินส่งเสียงสะอื้นสองสามครั้งและรวบรวมสมาธิพูด

       

      “ฉันไม่ชอบ...ผู้หญิงพวกนั้นที่เข้ามาเกาะแกะ”

      “...”

      “ฉันไม่ชอบที่ผู้หญิงพวกนั้นเอาแต่ไล่ตามนาย”

      “หึงล่ะสิ”

       

      “ไม่ใช่นะ!” ใบหน้าซุกกับไหล่ของร่างสูงซ่อนแก้มแดงๆ ของตัวเองไว้

      “แล้วฉันก็...ไม่ชอบตัวเองเลย”

       

      “ทำไมล่ะ?”

      “ก็ฉันที่เป็นแบบนี้น่ะแย่มากๆ...แม้แต่ของขวัญวันเกิดให้นายสักครั้งก็ยังไม่มี ทั้งที่นายทำแต่เรื่องดีๆ เพื่อฉันมาตลอดทั้งปีแต่ฉันกลับทำอะไรเพื่อนายไม่ได้สักอย่าง ฉันไม่ชอบตัวเองเลย”

      “แสดงว่า...ที่หนีไปก็เพราะเศร้าสินะ คงน้อยใจสิที่ไม่มีอะไรให้ฉัน” หากแต่อีกฝ่ายในอ้อมกอดไม่ตอบอะไร

       

      “ไม่เป็นไรหรอก นายคือสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับฉัน ของขวัญอะไรนั่นก็แค่สิ่งของ เทียบกับนายที่มีตัวตนเป็นคนแบบนี้ไม่ได้หรอก เชื่อฉันสิ ไม่มีอะไรที่จะทำให้ฉันซึ้งใจในวันเกิดเท่ากับคำบอกรักจากนายนะ ...ฉันอยากได้ยินที่สุดเลย”

      “...นี่จะหลอกให้บอกรักใช่มะ” โกคุเดระเริ่มเสียงแข็งขึ้นมานิดๆ

      “ฮะๆ ก็แล้วแต่จะคิดนะ ไม่ต้องซีเรียสหรอก”

       

      เอาวะ... เอาล่ะทีนี้

      มือเรียวบางกำชายเสื้อของยามาโมโตะไว้แน่นก่อนที่จะกลั้นหายใจจนลมหายใจแทบหมดถึงพูดออกมาได้

       

      ....

       

      ..

       

      .

       

      “ฉัน...รัก..นาย ยามาโมโตะ”

       

      คนผมดำยิ้มแล้วกอดร่างนั้นแน่นกว่าเดิมจนน่ากลัวว่าจะหายใจไม่ออก

      “ขอบใจสำหรับของขวัญวันเกิดนะ”

       

      น้ำเสียงที่ดีใจเกินจะกล่าวทำเอาโกคุเดระตาโตด้วยความแปลกใจนิดๆ แต่ก็ยิ้มออกมาอีกคนทั้งน้ำตา...

       

      “แล้วกะว่าจะทำอะไรให้ฉันเหรอ?”

      “...เค้กน่ะ”

       

      “หืม..? มิน่าล่ะ หอมเชียว”

      หอม? เอารูจมูกข้างไหนดม? โกคุเดระอยากจะถามกลับแบบนี้มากๆ

       

      “เอ๋...?” แต่ดมดีๆ ก็หอมจริงๆ นั่นล่ะ...

       

      ร่างบางดิ้นขลุกขลักนิดๆ ให้อีกฝ่ายปล่อยออกไปดูที่เตาอบ...

      “โอ๊ะ..!!!” เค้กกลิ่นหอมสีเหลืองทองน่าทานเป็นที่สุดเสนอหน้าอยู่ในเตาอบซึ่งควันดำจางหายไปแล้ว...

       

      ทีแรก...พอควันดำออกมา ก็หมดหวังนึกว่าจะพังอีกรอบซะแล้ว

      ที่แท้ก็เตาอบมันถูกใช้งานหนักเกินจนกระทั่งปล่อยควันแปลกๆ ออกมาเท่านั้นเอง แต่เค้กยังอยู่ดีและดูน่าทานกว่ารอบที่ผ่านๆ มาเสียด้วย

       

      “โห น่าอร่อยจัง...มากินกันเถอะ” ยามาโมโตะที่เดินตามมาดูถึงกับร้องอย่างดีใจและประหลาดใจ

      “อื้อรอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าโดยที่เจ้าของรอยยิ้มนั้นมิได้รู้ตัว...

      ...ถ้ารู้อย่างนี้ ไม่ร้องไห้ให้เสียเกลือแร่หรอก...

       

      - - - - - - - - - - - - - - - -

       

      “ไง... มาที่นี่ได้ยังไงล่ะ”

      “กระผมก็แค่ตามผู้สืบทอดมาเท่านั้นขอรับ” ภาษาสมัยโบราณเป็นเอกลักษณ์ทำให้รู้ทันทีว่าเป็นผู้พิทักษ์พิรุณรุ่นแรก อุเก็ตสึนั่นเอง

      “อืม...” ดวงจิตของจีพยักหน้ารับรู้ ทั้งสองร่างบนต้นไม้ต่างพากันมองตรงไปที่ท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยประกายดวงดาวระยิบระยับงามจับตา ก่อนที่ผู้พิทักษ์พิรุณจะหันกลับมามองเสี้ยวหน้าที่ดูเย่อหยิ่งแต่งดงามไม่แพ้ดวงจันทร์ยามคืนเพ็ญ

       

      “แต่นอกเหนือจากสิ่งอื่นใด...กระผมก็อยากมาพบคุณด้วย”

      “พบฉัน...พบทำไม หรือพรีโม่มีคำสั่งอะไร”

      “... อุ๊บ”

      “?”

      “ฮ่าๆๆ” ชายในชุดขุนนางญี่ปุ่นเงียบไปและหัวเราะสดใส มองหน้าผู้พิทักษ์วายุรุ่นแรกที่ดูจริงจังเกินเหตุเสมอ

       

      “กระผมก็แค่คิดถึง...ต้องมีเหตุผลอื่นๆ ด้วยหรือขอรับ หรือว่า...ต้องบอกเวลากับคุณเสียก่อน” ยิ้มที่เหมือนน้ำทิพย์หล่อเลี้ยงจิตใจพร้อมทั้งเหตุผลหวานเลี่ยน...จีแทบจะอยากอ้วกถ้าไม่ติดอารมณ์ซาบซึ้งซะก่อน

      “เฮอะ จะมาหาเมื่อไหร่ก็ได้” ชายร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็กแสร้งเบ้หน้า ฝืนไม่ให้ตัวเองยิ้มออกมา นัยน์ตาสีแดงเพลิงราวกับไฟบรรลัยกัลป์เบนไปพบกับดวงตาคู่คมที่ดูใจดีและอ่อนโยนอยู่เสมอแม้จะเวลาจะผ่านมานานแสนนาน ”ถึงจะไม่มีเหตุผลฉันก็จะพยายามเข้าใจละกัน” ลมวูบหนึ่งที่พัดมา แม้ผิวกายจะสัมผัสมันไม่ได้อีกแล้วแต่หัวใจก็ยังสั่นๆ และหลงใหลไปกับบทเพลงของเครื่องดนตรีโบราณซึ่งอีกฝ่ายเริ่มบรรเลงอย่างไพเราะจับใจ...

       

      อาการใจสั่น...อาจจะไม่ใช่เพราะลมหนาวก็ได้...ก็ตอนนี้ทั้งสองแก้มออกจะร้อนๆ นี่นา ลมมันพัดไม่โดนผิวหน้าเลยหรือยังไงกัน...

      .....

       

      แสงหลอดฟลูออเรสเซนส์ที่ส่องสว่างกลางดึกจากห้องของโกคุเดระ ฮายาโตะนั้นไม่มีท่าทีจะดับลงง่ายๆ

      ...นี่น่ะหรือที่นายเคยบอกว่าไม่มีเวลาอีกแล้ว...เจ้าผู้สืบทอดงี่เง่า

      เวลาน่ะมีให้อยู่เสมอแหละ แล้วแต่ว่าในช่วงเวลานั้นนายจะสามารถทำอะไรได้บ้างแค่นั้นเอง...

       

      พอพูดถึงเวลา ตัวเขาเองจะอยู่ไปได้อีกนานเท่าไหร่กันนะ... อยากจะรู้แต่ก็ไม่เคยกล้าพิสูจน์และถามใคร

      เพราะมันคือปริศนาน่าปวดหัวเช่นเดียวกับการมีอยู่ของ “นิรันดร”...

       

      “อุเก็ตสึ..”

      “...อะไรหรือขอรับ” เสียงเพลงหยุดลงทันที แต่ยังมีทำนองจิ้งหรีดเรไรพอได้กำกับบรรยากาศร่วมกับสายลมที่หวีดหวิว

      “...รักฉันมั้ย?”

       

      “รักสิขอรับ..”

      “จะรักต่อไปใช่มั้ย...?”

      “ชั่วนิรันดร์...” สองดวงจิตนั่งเคียงกันใต้ผืนดาว คำว่าชั่วนิรันดร์นั้นช่างน่าขำเหลือเกินสำหรับมือขวาของวองโกเล่พรีโม่

       

      “แล้ว...ชั่วนิรันดร์มันนานเท่าไหร่เหรอ..?”

      ผู้พิทักษ์พิรุณรุ่นแรกไม่มีคำตอบให้... ทว่ารอยยิ้มที่ถูกส่งไปให้อุ่นใจและมือที่ลูบหัวคนรักนั้น เขาเชื่อเหลือเกินว่าจะสามารถแทนคำสัญญานี้ได้

       

      แล้วใครล่ะจะรู้...

      Who knows?

       

      Maybe fate, destiny..?

      Actually, nobody knows except them. : )

       

      THE END

       

      มาฝอยกันเถอะ!

       

      - ว้ายยยย กรี๊ดดดดดด เสร็จแล้วค่าเสร็จแล้ว ฟิคเบิร์ธเดย์ยามะปีที่ 2 XD หวังว่าจะชอบกันนะคะ เรื่องนี้แบบเนื้อหาส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวกับชื่อเรื่องเลยอ่ะ...

      - ตอนจบก็ไม่รู้จะจบยังไงจริงๆ เลยตัดอีแบบนี้แหละ ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงเท่าไหร่ขอโทษนะก๊ะ -w- กลัวเรื่องมันยาวไม่พออีกต่างหากเลยเพิ่มคู่ปู่ๆ เข้ามาด้วยนิสนึง

      - แลดูปู่จีนี่บทเยอะเนอะ เยอะกว่าซืออย่างเห็นได้ชัดเลย = = แล้วตอนจบมันอะไรล่ะนั่น แต่งยามะโกคุแล้วอยู่ดีๆ จบที่อุเก็ตสึจีได้ยังไงเนี่ย 55555

      - แต่งไปได้ครึ่งเรื่องเครียดมาก เหลือไม่กี่วันต้องลงแล้วเลยสปีดไฟลุก ความขยันโหมกระหน่ำ หนังสือสอบรามฯ แทบไม่มีสมาธิแตะ แต่ก็ไม่ทุกข์ร้อนอยู่ดีล่ะค่ะ TwT #ยิ้มสู้ น้ำตาไหล

       

      **สุดท้ายนี้ ขอให้พ่อเนียนขั้นเทพมีความสุขกับหนูก๊กนานๆ นะจ๊ะ อุฮิ >//< **

       

      ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ><

       

      แต่ตอนนี้ บ๊ายยยยยยยยบี ล่ะค่ะ (ไม่ลืมคอนเซปต์บอกลาแบบเบล) ^_____^//

       

      ป.ล. ตายละหว่า...วันเกิดฮิจังอีกไม่ถึงสองอาทิตย์ =_= ปั่นฟิคทันป่ะเนี่ย??



      GG ..
      แจกTHEMEบทความ

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×