ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝันกลางสายหมอก

    ลำดับตอนที่ #1 : 001

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 721
      0
      7 ก.ค. 51

    001
    ดารกาสะดุ้งตื่นจากความฝัน อีกแล้วปีนี้ยังไงนะ ทุกคืนที่มีฝนตก เธอจะฝัน ความฝันที่ว่า จะน่ากลัวก็น่ากลัว จะว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร ความฝันสำหรับค่ำคืนยามฝนพร่ำ ฝันจะเหมือนจะเป็นความจริง
     
    ในความฝัน เธอนั่งอยู่หลังรถสองแถวค้นใหญ่กับผู้โดยสารเต็มคันรถ ต่างคนต่างสนทนากับเพื่อนที่มาด้วยกันอย่างตื่นเต้น มีความสุข เขาจะไปที่ไหนกัน แล้วตัวเธอเองเล่า แน่ละเธอรู้สึกถึงความตื่นเต้นที่อัดแน่นอยู่ในร่าง ความรู้สึกอยากออกไปผจญภัย รถหยุดที่ป้ายสุดเขตแผ่นดิน ผู้โดยสารพากันทยอยเดินลงรวมทั้งเธออีกคน ที่ขยับสายสะพายกล้องเหมือนคนอื่นๆ มือเรียวยาวครอบหมวกลงบนศีรษะ ก่อนไล่ตบไปตามกระเป๋า กระเป๋าใส่เงิน ตั๋วรถที่ต้องใช้ขากลับ กุญแจ โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์สำคัญที่ใครๆ ก็มีติดตัว มัวแต่ก้มหน้าก้มตาสำรวจตัวเอง เงยหน้าขึ้นมาทุกคนได้หายไปเสียแล้ว รวมทั้งรถสองแถวคันใหญ่ที่มาจอดส่งเธอด้วย ที่หายไปอย่างไร้เสียง
     
    มีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างที่ดึงให้เธอเดินไปข้างหน้าท่ามกลางสายหมอกที่ลงจัดคลุมทางเดินจนไม่เห็นอะไรเกินสองเมตร สองเท้าพาร่างกายเดินขึ้นสูงจนพาไปหยุดที่ก้อนหินใหญ่ แรงดึงดูดชักพาให้เธอก้าวต่อไป ท่ามกลางความเวิ้งว้างของสายหมอกหนา หญิงสาวดิ้นรนสุดชีวิตไม่ยอมก้าวต่อไป เสียงถอนหายใจของผู้ชายดังขึ้น ก่อนที่เธอจะตื่นทุกครั้ง


     
    เสียงถอนหายใจของใคร ทำไมถึงอยากให้เธอก้าวต่อไปล่ะ ก้าวพ้นก้อนหินใหญ่ก้อนนั้นเธอจะพบอะไร แล้วทำไมเธอถึงไม่อยากก้าวต่อไป ไม่ว่าจะบอกตัวเองอย่างไรว่าคราวหน้า คราวหน้าฉันจะก้าว...ไม่แค่ก้าวจะกระโดดออกไปเลยเชียวล่ะ แต่พอเข้าไปอยู่ในความฝันนั้นทีไร ขาไม่ยอมจำเสียทีว่าเจ้าตัวเคยสัญญาอะไรไว้ มันคอยแต่จะถอยกลับ ถอยกลับอย่างเดียว จนเสียงถอนหายใจนั้นปลดปล่อยเธอกลับมา
     
    “ฝันอีกแล้วหรือ” เสียงถามงัวเงียมาจากร่างสูงข้างกาย
     
    “ฮือ” ดารกาทำเสียงในลำคอเบาๆ ก้าวลงจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ
     
    ตาเรียวเฉียงของชายหนุ่มที่นอนบนเตียงเปิดรออยู่เมื่อหญิงสาวก้าวขึ้นเตียงอีกครั้ง นิ้วเรียวยาวอย่างมือนักศิลป์เอื้อมมาเสยผมยาวๆที่ตกรุ่ยร่ายไปทัดไว้หลังหูให้
     
    “ฝันแบบเดิมๆ”
     
    “ฮือ” หญิงสาวยังตอบสั้นๆ ดึงมือใหญ่มากุมแนบแก้มขอความอบอุ่นใจอีกสักแป๊บหนึ่ง ก่อนจะจับมือไปวางไว้ข้างหมอนที่เดิมที่เคยอยู่
     
    “เพื่อนบอกมาว่าดอกกระเจียวที่ชัยภูมิบานแล้ว เสาร์หน้าไปไหม หน้าฝน ฝนตกบ่อยเค้าเป็นห่วง”
     
    “เค้าทำงานนะ ไปยังไง กลับวันไหน เค้าไปด้วยไม่กวนตัวเองเหรอ”
     
    ตาริกาเป็นฝ่ายเอื้อมมือไปจัดผมให้ชายหนุ่มข้างตัวบ้าง ขยับหมอนเข้าไปใกล้อีกฝ่ายกว่าเดิม
     
    “ไปศุกร์เย็นๆ ก็ได้ แล้วเราโบกรถขึ้นไป ไม่อย่างนั้นเค้าให้เพื่อนเค้าเอารถมารับก็ได้” ไหล่แกร่งที่พ้นเสื้อกล้ามออกมาไหวน้อยๆ อย่างไม่ใช่เรื่องใหญ่
    “เค้าแค่ไปถ่ายรูปดอกไม้ ไม่ได้ไปที่ไหนต่อ เสาร์เย็นๆ เราก็ กลับ วันอาทิตย์ได้พักอีกวัน วันจันทร์ก็ไปทำงานได้แล้ว”
     
    หญิงสาวทำเสียงถอนใจใหญ่อย่างตัดใจยังไม่ได้ ชายหนุ่มเลยแกล้งทำเสียงถอนหายใจใหญ่เลียนแบบ
     
    “ไม่ใช่เสียงอย่างนี้หรือที่เรียกตากลับมา ทำไมเค้าทำแล้วไม่ตามเค้าไปมั่ง แน่ใจเหรอว่าไม่ใช่เสียงเค้า”
     
    มือบางๆเหวี่ยงผัวะกระทบไหล่ ตั้งแต่เล่าให้ฟังแล้วยังฝันติดๆ กันมา คนข้างตัวก็เลยแกล้งล้อเลียน “บ้า ถ้าเสียงตัวเอง ทำไมเค้าจะจำไม่ได้”
     
    “โอ๊ยสงสัยเราจะหมดเสน่ห์ ยายตาแอบมีกิ๊กในฝัน” หนุ่มผมยาวอารมณ์ดีหัวเราะยั่ว
     
    “เค้าไม่ขำนะ” หญิงสาวลุกขึ้นนั่ง คว้าหมอนใกล้มือมาเป็นอาวุธฟาดใส่ไม่นับ ดุรงค์หัวเราะกลิ้งตัวหนีไปมา เสียงหนุ่มสาวหัวเราะหยอกเย้าจนดวงดาวต้องอิจฉา เพราะค่ำคืนนี้ไม่มีจันทร์
     
    ดารกาหยิบเป้ออกมาสะพายหลัง ขณะที่หนุ่มผมยาวข้างตัวเปิดประตูออกไปพร้อมสมบัติของหวง กล้องกระเป๋าใหญ่ รวมทั้งขาตั้งกล้องด้วย
     
    จากแผนที่ว่าจะไปขึ้นรถโดยสารที่ผ่านทางอำเภอเทพสถิตและแยกบ้านไร่ แต่มีเพื่อนของดุรงค์ที่จะไปงานชมดอกกระเจียวนี้ด้วยเลยได้รถโบกมาตั้งแต่กรุงเทพ แต่ว่าจะขอกลับก่อนเพราะเพื่อนจะอยู่เที่ยวแถวนี้อีกหลายวัน
     
    “ไม่ขึ้นไปเที่ยวด้วยกันก่อน” ดุรงค์เกาะหน้าต่างถามคนขับรถ
    “ไม่ล่ะ ขอไปธุระก่อน เดี๋ยวคืนนี้จะเข้ามานอน ถ้ายังไม่กลับโทรมานะ จะได้กินเหล้ากัน”
     
    หนุ่มผมยาวหัวเราะ ถอยห่างยกมือโบกลาเพื่อน ก่อนหันมาเจอหน้ามุ่ยๆ ของเพื่อนสาวคนสนิท
     
    “ง่วงนอนเหรอ เค้าเห็นตัวเองหลับมาตลอดทาง”
     
    “หลับ แต่ไม่สนิท ทำไมเค้าไม่เคยเจอเพื่อนตัวเองกลุ่มนี้ล่ะ”
     
    ดุรงค์หัวเราะ ดึงเป้ออกจากหลังหญิงสาว ชี้ทางไปห้องน้ำให้ไปทำธุระส่วนตัวก่อน สองหนุ่มสาวผลัดกันเฝ้าสมบัติ หาของรองท้อง ก่อนไปซื้อตั๋วขึ้นรถสองแถว เพื่อขึ้นไปชมดอกไม้งาม
     
    “เยี่ยม เมื่อคืนฝนตก วันนี้หมอกหนาได้บรรยากาศ”
     
    ชายหนุ่มหน้าระรื่นขณะที่หญิงสาว มองสายหมอกที่ครอบคลุมอยู่ไกลๆ อย่างไม่สบายใจนัก
     
    “ทำไมเหรอ ต้องมีหมอกถึงจะดีเหรอ”
     
    “ใช่ซิ เห็นไหมคำขวัญ สายหมอกหยอกล้อ ดอกกระเจียว จะให้ครบเครื่อง ต้องมีสายหมอกด้วย” เขาชี้ป้ายประกอบ
     
    สองหนุ่มสาวขึ้นไปนั่งรถบนรถสองแถวใหญ่ รอจนคนเต็มรถ รถก็เริ่มไต่ขึ้นเขาไปช้าๆ สายหมอกปรกคลุมข้างทางจนเห็นได้ไม่ไกลนัก บ้างช่วงจะเห็นดอกไม้สีชมพูสดโพล่ขึ้นมา 

     
    ชมดอกไม้กลางสายหมอกงามอย่างนี้เอง หญิงสาวยิ้มเริ่มเพลินกับการชมทิวทัศน์ข้างทาง รถจอดส่งเมื่อถึงจุดหมายที่หนึ่ง คนเริ่มทยอยลง ดารกาดึงกล้องดิจิตอลคู่มือออกมาเตรียมไว้ ถึงเธอจะไม่ใช่มืออาชีพ แต่ถ้ารอรูปจากกล้องพ่อหนุ่มผมยาวล่ะก็ รอไปเถอะ พอถือกล้องในมือ เจอสิ่งที่ต้องการจะถ่าย ดุรงค์ก็จะหลงเข้าไปอยู่ในนั้น
     
    “มีโทรศัพท์นะ”ดุรงค์ถาม หญิงสาวตบกระเป๋าที่เก็บโทรศัพท์ไว้ พยักหน้ายิ้ม
     
    “ยังไงถ้าหลงกันมารอเค้าที่นี่นะ”ชายหนุ่มชี้ไปทางลาดที่รถมาจอดส่ง มีโต๊ะเก้าอี้ ห้องน้ำ 

    “ถ้ารอนานไป โทรตามเค้าล่ะ ไม่ต้องเกรงใจนะ เค้าพาตัวเองมาเที่ยว”
     
    ดารกาอดแหย่ยิ้มๆ ไม่ได้ “พาเค้ามาเที่ยว อย่าหอบกล้องตัวเองมาซิ”
     
    ชายหนุ่มหัวเราเขินๆ โบกมือให้ก่อนเดินดุ่ม ๆ ไปอย่างเจนทาง
     
    ดารกามองตามหลังร่างสูงไปจนลับตา อยากเดินตามไป แต่ไม่อยากรบกวนสมาธิ หญิงสาวเริ่มเดินไปอีกทางหนึ่ง

     
    แวะถ่ายรูปป้าย...สุดแผ่นดิน...ก่อนเดินตามทางดินแดงไปยังผาสุดแผ่นดินดูบ้าง จำได้ว่าดุรงค์เคยเล่าให้ฟังว่า จุดนี้คือจุดที่แยกภาคกลางออกจากภาคอีสาน เรียกว่า...ผาหำหด...แค่ชื่อก็น่าสยองแล้ว มีป้ายบอกสถานที่และภาพวาดลายเส้นประกอบ แต่อาจจะเพราะไม่มีที่กลั้นอยู่กลางแจ้งโดนลมโดนฝน หรือเธอง่วงนอนตาลาย เลยพอจะอ่านจับใจความได้เพียงว่า จุดนี้เป็นจุดสุดแผ่นดินรอยต่อของ 3 จังหวัดคือ ชัยภูมิ เพชรบูรณ์ และลพบุรี เป็นส่วนหนึ่งของ ผาเขาพังเหย
     
    ดารกาเงยหน้าจากแผ่นป้ายที่เธอลองเอากล้องซูมถ่ายเก็บเอาไว้ หมอกลงจัดขึ้น มองไปเห็นไม้ยืนต้นทะมึนตัดกับสายหมอกขาว คนที่ลงรถมาด้วยกันเมื่อกี้หายไปไหนกว่าครึ่ง หญิงสาวมองการกิ๊วก๊าวตรงหน้าผาข้างหน้า ไม่อยากไปแย่งที่ยืนเดี๋ยวรอให้คนมาหมดก่อนก็ได้เธอค่อยไปถ่ายภาพจากจุดสุดแผ่นดิน หญิงสาวเดินเอื่อยๆ ไปตามก้อนหินของหน้าผา ตาก็เลือกมองหามุมกล้อง ฮือม์ มายืนตรงนี้ มองออกไปมีเพียงหมอกขาวและ...ก็หมอกขาวนะซิ ลองเดินเลี่ยงไปชิดริมผามุมหนึ่ง ไม่ได้เป็นหน้าผาตัดลงอย่างแถวเพชรบูรณ์ที่เคยไปมา หากต่ำลงไปคือทางลาดชัน ถ้าลงไปจริงๆ คงลงไปได้ แต่ก็ไม่น่าจะสะดวกสบายอะไร หญิงสาวยกกล้องในมือขึ้นกดเก็บภาพสองสามภาพก่อนถอยออกมา
     
    “ถ้าอยากได้รูปผมถ่ายให้ก็ได้นะครับ” เสียงถามมาอย่างมีไมตรีจากชายหนุ่มร่างสูง ในกางเกงลายพรางอย่างทหารกับเสื้อยืดติดคอแขนยาวสีดำ เขามากับกลุ่มเพื่อนๆ สี่ห้าคน ในเครื่องแต่งกายที่เหมือนๆ กัน แต่ดวงหน้าอ่อนวัยที่น่าจะยังไม่จบมหาวิยาลัย ทำให้หญิงสาวกล้ายิ้มตอบส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ ...เออ เด็กสมัยนี้ บ้าคลั่งการใช้กำลังกันจริงๆ นะ แฟชั่นชุดเลียนแบบทหารกำลังมาแรงหรือไง ซื้อให้ดุรงค์ใส่บ้างเจ้าตัวจะว่ายังไงนะ หญิงสาวยิ้มอย่างสนุกในใจ
     
    ลมพัดแรงนำความเย็นชื้นมา หญิงสาวห่อไหล่ แก้เสื้อกันหนาวตัวบางที่ผูกเอวอยู่มาสวมดึงฮูดออกครอบศีรษะ ก่อนเดินตาม ขบวนที่เดินล่วงหน้าไป หญิงสาวทอดฝีเท้าช้าๆ ดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบๆ กาย เสียงลมบนพัดแรงหมอกตกมากระทบเนื้อตัวเหมือนเม็ดฝน หากแต่ มีฮู้ดแล้วทำให้หญิงสาวไม่ค่อยใส่ใจตัวเองนัก หากแต่คอยเอากล้องมาเก็บแอบใต้เสื้อ ไม่มีป้ายบอกทาง หากมีรอยทางเดิน...คงไม่หลงหรอก เมื่อมองไปรอบๆ แล้วไม่เห็นใคร เหลือเพียงตัวเธอ ต้นไม้รอบกาย และสายหมอกสีขาว
     
    ดารกาเดินไปตามทางที่เหมือนไม่มีต้นหญ้าเขียวๆ นี่ละมั่งที่เขาเรียกกันว่าทางด่าน จะด่านคนเดินหรือด่านสัตว์เดิน ไม่มีหญ้ากล้าขึ้นแน่นอน ฝั่งขวามือของเธอมองไกลไปไม่เกินสองวามีก้อนหินเลยไปเป็นหมอกขาวลอยเหนือหุบเขา ทางซ้ายมือเป็นต้นไม้สูงผอม ต้นอะไรก็ไม่รู้แต่ใบมันพอจะบังฝนหมอกที่ตกกราวตามแรงลมได้บ้าง เธอเดินเลี่ยงไปตามหน้าผาอะไรนะ ผา เพยพัง ไม่ใช่ซิ ผาพังเหยต่างหาก อดยิ้มขำตัวเองไม่ได้
     
    เดินถ่ายรูปต้นไม้ ดอกไม้เล็กๆ ตัวบุ้งสีแดงจัดจ้า กว่าจะรู้สึกตัวอีกที ไม่มีใครแล้ว ยังไม่เห็นดอกกระเจียว ดอกไม้สีชมพูสดสักดอก หลงทางหรือยังไง แต่มองไป ก็ยังมีทางเดินได้นี่น่า ถึงบางช่วงจะปีนข้ามหินบ้างก็ยังเป็นรอยทางเดินที่ไม่มีต้นหญ้านี่ ความดื้อรั้นของเธอเองที่ไม่ยอมย้อนกลับทางเดิม หญิงสาวปีนข้ามก้อนหินตรงหน้าพอเงยหน้าอีกทีก็ยืนตะลึงตัวชา
     


    ในที่สุดก็มาลงบทที่ 1 เรื่องนี้จะสั้นจะยาม ตามใจฉันค่ะ วางเอาไว้ 4 บท (ดังนั้นมันคงจะสั้นมากกว่ายาว)
    พอลงจบแล้ว จะยกไปรวมไว้กับบรรดาเรื่องสั้นในห้องเรื่องสั้นนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×