"War Chess" ศึกหมากจีนชะตาพยากรณ์(ภาคปฎมบท):แจ้งผลสนพ.ค่ะ^^!
เด็กหนุ่มนักพนันพเนจร"เจียวเหว่ย"ได้รับปากทำงานใหญ่เพียงเพราะด้วยเงินก้อนโต!ใครจะรู้ว่าการรับทำงานครั้งนี้จะนำมาซึ่งการพลิกผันครั้งใหญ่ทั้ง ความตาย คนผิดเพศและยังมีเรื่องเจตมหาเทพยูริซิสบ้าบอนี่อีก!(รับสมัครตัวละครเพิ่มค่ะ!!)
ผู้เข้าชมรวม
22,791
ผู้เข้าชมเดือนนี้
59
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เจียวเหว่ย(ver.ผู้หญิง) : นักพนันพเนจรซึ่งมีไหวพริบอันเป็นเลิศ เก่งหมดทุกเรื่องในด้านการพนัน การโกงทุกรูปแบบ รวมถึงเกมหมากรุกยกเว้นเรื่องวิทยายุทธ์อยู่เรื่องเดียว สัณชาตญาณในการเอาตัวรอดเป็นที่หนึ่ง ชอบพูดจาตรงๆไม่อ้อมค้อม รักในสุราและอิสตรี (สรุปแล้วนิสัยไม่ใช่ผู้หญิงเลยเนี่ย!- -')
องค์หญิงหมี่ฟาง : หญิงสาวสูงศักดิ์ผู้เอาแต่ใจ ความงามของเธอถือว่าเป็นอันดับหนึ่งในแผ่นดิน ทำทุกอย่างได้เพื่อชายผู้เป็นที่รักและพร้อมจะยอมสละชีวิตของตนเองให้ได้ สมบูรณ์พร้อมทุกอย่างเสียอย่างเดียวคือสุขภาพที่อ่อนแอเพราะโรคที่ไม่มีหมอคนใดสามารถรักษาหาย
*เย้ ในที่สุดแฟนคลับของเราก็ครบร้อยแล้วว><!!!! ดีใจมากมายยยย ไม่รู้ว่าจะพิมพ์ออกมาอย่างไรดีถึงจะแสดงออกได้หมดT-T ขอขอบคุณทุกๆท่านมากมายนะค่ะที่คอยให้กำลังใจกับคอยติดตามผลงาน^^ +ตั้งใจว่าพอแฟนคลับครบร้อยแล้วจะเริ่มรีไรท์ตอนก่อนหน้านี้อย่างจริงจังแล้วค่ะถือว่าเป็นการขัดเกลาเนื้อหาให้กระชับและเข้าใจง่ายกับจะพยายามขัดเกลาภาษาให้ดีขึ้นยิ่งขึ้นไป>< ขอบคุณมากๆนะค่ะ
ท้ายนี้ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยน้าคะ รบกวนช่วยวิจารณ์กันตรงๆเลยน้าเราจะได้นำไปปรับปรุงถูก^^
+เพลงที่นำมาลงในหน้านิยายนี้เป็นเพลงที่เราชอบมากๆและคิดว่าฟังแล้วให้ความรู้สึกเป็นอารมณ์เดียวกับนิยายเรื่องนี้มากๆค่ะ นำมาจากซีรีย์เกาหลีเรื่องMy girlfriend is a gumiho ถ้าใครชอบก็ลองไปหาฟังหรือหาดูได้น้า^^
ผลงานอื่นๆ ของ Fan Ei ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Fan Ei
"รับวิจารณ์นิยายค่ะ"
(แจ้งลบ)เราไม่ใช่มืออาชีพ จึงขอเขียนแบบเรียบง่ายนะคะ อย่าลืมว่าการวิจารณ์ไม่ใช่การด่าว่า แต่เป็นการบอกข้อบกพร่องให้นำไปแก้ไข ซึ่งจะทำไหมนั้นแล้วแต่ค่ะ ระดับการวิจารณ์ : ฝนตกหนัก ขอวิจารณ์ตามระดับที่แจ้งเอาไว้ อย่าลืมว่าการวิจารณ์เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นของคนๆนึงเท่านั้น อย่าได้คิดมากจนเกินไป แค่เก็บนำไปใช้ให้ถูกให้ควรก็พอแล้วค่ะ ^^ อย่าง ... อ่านเพิ่มเติม
เราไม่ใช่มืออาชีพ จึงขอเขียนแบบเรียบง่ายนะคะ อย่าลืมว่าการวิจารณ์ไม่ใช่การด่าว่า แต่เป็นการบอกข้อบกพร่องให้นำไปแก้ไข ซึ่งจะทำไหมนั้นแล้วแต่ค่ะ ระดับการวิจารณ์ : ฝนตกหนัก ขอวิจารณ์ตามระดับที่แจ้งเอาไว้ อย่าลืมว่าการวิจารณ์เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นของคนๆนึงเท่านั้น อย่าได้คิดมากจนเกินไป แค่เก็บนำไปใช้ให้ถูกให้ควรก็พอแล้วค่ะ ^^ อย่างแรกชื่อเรื่องค่ะ ความน่าสนใจอยู่ในระดับปานกลางนะคะ อ่านแล้วยังไม่มีแรงจูงใจมากพอที่จะทำให้คนเข้ามา แต่ก็ดีในระดับนึงค่ะ เพียงแต่ยังไม่ดีมากเท่านั้นเองจ้า ^^ (ครึ่งคะแนน) อย่างสองแนะนำเรื่องแบบย่อๆค่ะ อย่าใช้พื้นที่อันน้อยนิดตรงส่วนนี้มาใช้เป็นที่ทำการโฆษณาสิคะ คนเขารู้ค่ะว่าเป็นแนวอะไร การเขียนนิยายก็มาจากพื้นฐานของจินตนาการอยู่แล้ว คนอ่านจะเข้ามาหรือไม่ไม่เกี่ยวกับการเชิญชวนในรูปแบบนี้นะคะ แต่ต้องเป็นเนื้อหาของนิยายโดยตรงต่างหากค่ะ เข้าใจใช่ไหมคะ คือต้องเขียนเนื้อเรื่องแบบย่อๆตามหัวข้อมันเลย และต้องเขียนให้น่าสนใจ น่าติดตามเข้าไว้โอเคนะคะ (ไม่ได้คะแนน) อย่างสามข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้ค่ะ แม้ว่าเกณฑ์ที่เราตั้งไว้คุณจะยังมีไม่ครบในส่วนนี้ แต่รูปแบบการเขียน รูปตัวละครมีความน่าสนใจเยี่ยม ทำให้เราตัดสินใจให้คะแนนเต็มค่ะ แต่แค่อยากบอกว่าอยากให้เพิ่มรูปสถานที่ที่สำคัญ รูปจะทำให้คนอ่านนึกภาพตามไปได้ถูกเป็นการเพิ่มอรรถรสในดารอ่านให้มากกว่าเดิมค่ะ (คะแนนเต็ม) อย่างสี่ชื่อตอนนิยายค่ะ ตรงส่วนนี้ถือเป็นคะแนนช่วย เท่าที่ดุมาไม่มีอะไรให้ต้องตัดคะแนนตามเกณฑ์ที่เราวางเอาไว้ ดังนั้นเราขอข้ามไปเลยนะคะ (คะแนนเต็ม) อย่างห้าเนื้อหานิยายค่ะ ขอแบ่งเป็นปลีกย่อยตามนี้จ้า การบรรยาย ดีเยี่ยมนะคะบอกตามตรงจริงๆ (เพราะเราแย่กว่า T^T) เขียนแบบมืออาชีพเลย อ่านแล้วเห็นภาพ ใช้ภาษาได้สุดยอดมากค่ะ มีการเปรียบเทียบได้อย่างเหมือนจริงทีเดียวจ้า ^^ บทสนทนา แนวนี้การใช้ ข้า เป็นคำสรรพนามที่เหมาะสมกันดี ส่วนการใช้ท่านแทนเจ้า ก็เป็นคำที่สวยงามดีในความคิดส่วนตัว แต่ละคนจะใช้อะไรก็ได้แล้วแต่ความเหมาะสมและความชอบ ดังนั้นจึงไม่มีถูกและผิดเท่าไหร่ค่ะ พล็อตเรื่อง ดูๆแล้วรูปแบบเหมือนนิยายแจ่มใสเลย แนวมากกว่ารัก > อ่านน้อยลง
แฟร์รี่เทล | 20 พ.ย. 53
22
1
"เนื้อเรื่องเดินได้ดีมาก"
(แจ้งลบ)อ่าค่ะ ขอวิจารณ์นิดหน่อยนะคะ โดยรวมแล้ว นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขียนได้ดีมากๆเลยค่ะ แต่จะติดขัดบางที่เหมือนกัน แต่ก็สนุกมากค่ะ เนื้อเรื่องชวนให้ติดตามอ่านต่อไปมาก ยังก็เป็นกำลังใจให้ต่อไปนะคะ คุณเขียนได้ดีมากๆเลยค่ะ ยกนิ้วให้ ^^ PS.ขอแนะนำนิดนึง ไม่ควรดองนิยายนานเกินไป มันจะทำให้คนอ่านรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันไม่ค่อยต่อกันนะคะ แค่นี้แหละ สู้ ... อ่านเพิ่มเติม
อ่าค่ะ ขอวิจารณ์นิดหน่อยนะคะ โดยรวมแล้ว นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขียนได้ดีมากๆเลยค่ะ แต่จะติดขัดบางที่เหมือนกัน แต่ก็สนุกมากค่ะ เนื้อเรื่องชวนให้ติดตามอ่านต่อไปมาก ยังก็เป็นกำลังใจให้ต่อไปนะคะ คุณเขียนได้ดีมากๆเลยค่ะ ยกนิ้วให้ ^^ PS.ขอแนะนำนิดนึง ไม่ควรดองนิยายนานเกินไป มันจะทำให้คนอ่านรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันไม่ค่อยต่อกันนะคะ แค่นี้แหละ สู้ๆ ต่อไปจ้า ^O^ อ่านน้อยลง
CoolIceLady/Bloody Yuki | 3 พ.ย. 53
18
3
ดูทั้งหมด
""War Chess" ศึกหมากจีนชะตาพยากรณ์(ภาคปฐมบท)"
(แจ้งลบ)“War Chess” ศึกหมากจีนชะตาพยากรณ์ ของ Fan-Ei นวนิยายแนวกำลังภายในขนาดยาว ซึ่งเปิดเรื่องในภาคปฐมบท และเพิ่งโพสต์ถึงตอนที่ 26 นิยายเรื่องนี้นำเสนอเรื่องราวของเจียวเหว่ย ชายหนุ่ม ผู้มีพรสวรรค์ในการเดินหมากจีน เพราะได้เจียวหวี่ ปู่ที่มีฝีมือในการเดินหมากสั่งสอนเขามาตั้งแต่เยาว์วัย แต่ชีวิตของเขาพลิกผันตั้งแต่ทราบว่าตนเองเป็นผู ... อ่านเพิ่มเติม
“War Chess” ศึกหมากจีนชะตาพยากรณ์ ของ Fan-Ei นวนิยายแนวกำลังภายในขนาดยาว ซึ่งเปิดเรื่องในภาคปฐมบท และเพิ่งโพสต์ถึงตอนที่ 26 นิยายเรื่องนี้นำเสนอเรื่องราวของเจียวเหว่ย ชายหนุ่ม ผู้มีพรสวรรค์ในการเดินหมากจีน เพราะได้เจียวหวี่ ปู่ที่มีฝีมือในการเดินหมากสั่งสอนเขามาตั้งแต่เยาว์วัย แต่ชีวิตของเขาพลิกผันตั้งแต่ทราบว่าตนเองเป็นผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของมหาเทพยูริซิส ซึ่งต้องรับหน้าที่เป็นผู้เดินหมากและเขาต้องตามหาตัวหมากซึ่งมีเจตของมหาเทพทั้ง 15 คนให้พบ ขณะนี้เขาเพิ่งพบตัวหมากเพียงแค่ 3 คน คือ หมิงฟานอี้ ที่มีตำแหน่งเป็นทั้งแม่ทัพขององค์จักรพรรดิและองค์รัชทายาทของแผ่นดิน ป๋อจง หัวหน้าจอมโจรอันดับหนึ่งของแผ่นดิน และเผยจิง น้องคนสุดท้ายของตระกูลเผย เจ้าของสำนักผู้ตรวจการน่านน้ำ พวกเขาจึงต้องติดตามการตามหาตัวหมากที่เหลือ และยังต้องติดตามชมศึกการเดินหมากนัดล้างตาระหว่างเจียวเหว่ยตัวแทนมหาเทพยูริซิส กับมหาเทพลูซิฟาในโลกมนุษย์ หลังจากที่มหาเทพลูซิฟาพ่ายแพ้ให้กับมหาเทพยูริซิสในการแข่งเดินหมากครั้งสุดท้ายในดินแดนแห่งผู้วิเศษหรือดินแดนแห่งมวลเทพ นวนิยายเรื่องนี้มีความน่าสนใจในหลายลักษณะ นับตั้งแต่การใช้ “หมากจีน” มาเป็นแกนกลางในการดำเนินเรื่อง ขณะเดียวกัน “หมากจีน” ก็มีความสำคัญกับเรื่องในหลายระดับ เริ่มตั้งแต่เป็นโครงเรื่องหลัก เนื่องจาก “หมากจีน” เป็นเครื่องมือที่มหาเทพยูริซิสและมหาเทพลูซิฟาใช้ในการต่อสู้กัน การต่อสู้ของเทพทั้งสองเริ่มต้นมาตั้งแต่ครั้งที่อยู่ในโลกของทวยเทพ แต่ตามมาต่อสู้กันอีกครั้งในโลกมนุษย์ ซึ่งความน่าสนใจของการต่อสู้กันในโลกมนุษย์คือ ยุทธวิธีที่มหาเทพยูริซิสวางแผนไว้ โดยการแยกร่างสลายพลังของท่านออกเป็น 15 ส่วน ตามตำแหน่งของการเดินหมาก ทั้งยังกำหนดให้ เจียวเหว่ย ผู้เดินหมากในฐานะตัวแทนของท่านต้องออกติดตามหาตัวหมากทั้งหมดให้ครบ และตัวหมากเหล่านี้ก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธชะตากรรมที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้านี้ได้ จึงเป็นที่น่าสนใจว่า Fan-Ei จะสร้างตัวละครที่เป็นตัวหมากเหล่านั้นได้อย่างไร และตัวละครแต่ละตัวมีความเหมาะสมที่จะกับตำแหน่งที่ตนได้รับในเกมหมากอย่างไร จึงเห็นว่าเรื่องราวจะน่าสนใจมากขึ้นหาก Fan-Ei สามารถจะสร้างให้ตัวละครแต่ละตัวมีคุณลักษณะพิเศษบางประการที่สอดคล้องกับตำแหน่งของหมากในเกมนี้ ไม่ว่าจะเป็น “ตี่ (ฮ่องเต้) สือ (องครักษ์) จุก (เบี้ย) เฉีย (ช้าง) เบ๊ (ม้า) เผ่า (ปืนใหญ่) และ กือ (เรือ)” เพื่อใช้เป็นกำลังสำคัญในศึกครั้งนี้ ยิ่งไปกว่านั้น หาก Fan-Ei สามารถสอดแทรกวิธีการเล่นหมากจีนไปขณะที่ดำเนินเรื่องไปด้วย ก็จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจกฎ กติกา และวิธีการละเล่นหมากจีนนี้ไปพร้อมกับตัวละครได้อีกทางหนึ่ง เพราะขณะนี้เป็นที่น่าเสียดายว่า เรื่องราวกล่าวถึงพรสวรรค์ในการเดินหมากของเจียวเหว่ยไว้หลายครั้งว่าเขาไม่เคยแพ้ใคร แต่ก็เป็นแค่การกล่าวลอยๆ ขาดหลักฐานอ้างอิงที่เป็นรูปธรรม ที่ทำให้ผู้อ่านเห็นประจักษ์ถึงพรสวรรค์อันน่าทึ่งของเขา Fan-Ei น่าที่จะขยายฉากการแข่งขันการเดินหมากระหว่างเจียวเหว่ยกับปู่ เพื่อให้ผู้อ่านเห็นถึงพรสรรค์ของเขาอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันก็อาจจะสอดแทรกวิธีการเล่นและกฎ กติกาของหมากจีนไปพร้อมกันด้วย นอกจากนี้ Fan-Ei ยังเพิ่มความน่าติดตามให้กับเรื่อง โดยการเปิดปม ปริศนา และความลับต่างๆ ของตัวละครไว้เป็นระยะๆ เพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้อ่านให้อยากติดตามเรื่องราวเหล่านั้นต่อไป นับตั้งแต่ การสร้างปมว่าเทพองค์ใดเป็นผู้บงการให้จูหยวนจางแย่งชิงตำรา “เป๊ยยี่สี่เถียว” มาจากดินแดนสวรรค์ ปมปัญหาความขัดแย้งระหว่างมหาเทพลูซิฟากับองค์มหาเทพที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผย ความลับของเจียวเหว่ยว่าแท้ที่จริงแล้วเขาเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่ หนังสือที่มหาเทพยูริซิสมอบให้แก่เจียวเหว่ยมีความสำคัญในการตามหาตัวหมากที่เหลืออย่างไร ใครคือผู้สังหารแม่ของฟานอี้ สาเหตุที่แท้จริงที่ฟานอี้ปฏิเสธตำแหน่งองค์รัชทายาท และใครคือผู้ปล่อยข่าวว่าฟานอี้เป็นผู้ลักพาตัวเจ้าหญิงหมี่ฟางไป สำหรับการสร้างปมปัญหา ปริศนาและความลับต่างๆ ทางหนึ่งก็สร้างความน่าสนใจให้กับเรื่อง ในอีกทางหนึ่ง หากผู้เขียนใช้กลวิธีเช่นนี้บ่อยครั้งเกินไป ก็อาจจะทำให้เรื่องเต็มไปด้วยปมปัญหา ปริศนาและความลับที่ต้องคลี่คลายเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจจะมีเงื่อนงำบางอย่างที่ถูกหลงลืม หรือถูกละเลยไม่ได้เฉลยก็เป็นได้ ความโดดเด่นที่น่าสนใจของนิยายเรื่องนี้ คือ การสร้างตัวละคร พบว่าตัวละครแต่ละตัวมีบุคลิกภาพที่ชัดเจน โดดเด่น และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็น เจียวเหว่ย ที่ฉลาด มีปฏิภาณไหวพริบ ช่างต่อล้อต่อเถียง และมีพรสวรรค์ในสายบุ๋น แต่อ่อนด้อยในเชิงบู๊ ฟานอี้ เฉียบขาด จริงจัง เย็นชา มั่นใจในตนเอง และไม่ชอบให้ใครมาสั่ง และ ป๋อจง มีลักษณะของคุณชายเจ้าสำราญ อารมณ์ดี ลึกลับ และเก็บงำความสามารถที่แท้จริงของตนไว้ ขณะเดียวกัน Fan-Ei ยังสามารถสื่อความผ่านบทบรรยายได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการบรรยายสถานที่ รูปร่างหน้าตา ความคิด และอุปนิสัยนิสัยของตัวละคร รวมถึงบรรยากาศต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้น Fan-Ei ยังใช้บทสนทนามาเป็นกลวิธีอย่างหนึ่งที่ช่วยสร้างเสน่ห์ให้กับตัวละครและเนื้อเรื่องเป็นอย่างดี เพราะบทสนทนาส่วนใหญ่ที่ปรากฏช่วยสนับสนุนให้ตัวตนของตัวละครต่างๆ โดดเด่น ซึ่งช่วยผู้อ่านให้คุ้นเคย ผูกพัน และจดจำตัวละครได้อย่างแม่นยำขึ้น สำหรับการเขียนนั้นพบว่า Fan-Ei มักจะขึ้นบรรทัดใหม่อยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บทบรรยายที่เนื้อความต่อกันเป็นเรื่องเดียว ทั้งๆ ที่บทบรรยายนั้นยังสื่อความที่จะเสนอไม่จบก็ขึ้นบรรทัดใหม่แล้ว จึงทำให้เนื้อความที่ต้องการสื่อถูกตัดออกจากกันเป็นช่วงๆ แทนที่จะสื่อให้ความเรียงต่อกันเป็นเนื้อเดียว เช่น ชุยควบม้ามารับร่างของฟานอี้ได้ทันก่อนจักร่วงลงพื้นพร้อมร้องตะโกนอย่างตกใจเมื่อพบกับโลหิตสีแดงสดกำลังทะลักออกมาจากปากแผลอย่างสาหัส ถึงแม้เพียงแค่คมธนูจักไม่สามารถทำอันตรายและทำให้ฟานอี้มีกำลังภายในที่ลดทอน แต่สิ่งที่เขาตกใจยิ่งกว่าคือประสาทสัมผัสที่อยู่ดีๆ ก็ดับวูบ! มือของฟานอี้ควานหาใบหน้าซุยอย่างสะเปะสะปะ ใบหน้าเข้ากลายเป็นซีดเผือดราวไร้โลหิตหล่อเลี้ยง ปากบางเม้มเข้าหากันแน่น อดกลั้นต่อความเจ็บปวดที่ไม่ทราบสาเหตุอันปะทุขึ้นมาทั่วร่าง เหตุการณ์ที่กำลังบรรยายอยู่นี้เกิดขึ้นขณะที่ฟานอี้ถูกยิงด้วยธนู จะเห็นว่าทั้งหมดนี้เป็นเหตุการณ์เดียวกันที่เกิดขึ้นเรียงต่อกันตามลำดับเวลา ซึ่งผู้เขียนสามารถที่จะเขียนรวมกันเป็นย่อหน้าเดียว โดยไม่ต้องขึ้นบรรทัดใหม่ถึง 4 ครั้งก็ได้ นอกจากนี้ การขึ้นบรรทัดใหม่บ่อยๆ นอกจากมีในส่วนของบทบรรยายแล้ว ก็ยังพบว่าบ่อยครั้งที่บทบรรยายที่ระบุผู้พูด หรือบทบรรยายที่ขยายอากัปกิริยาผู้พูด กับบทสนทนาที่ตามมามักจะแยกกันอยู่คนละบรรทัด ทั้งๆ ที่การเขียนในลักษณะนี้ บทบรรยายและบทสนทนาสามารถอยู่รวมเป็นบรรทัดเดียวกันได้ และการเขียนรวมเป็นบรรทัดเดียวกันเช่นนี้ ในทางหนึ่งยังช่วยลดความสับสนให้ผู้อ่านด้วยว่า ตัวละครตัวใดเป็นผู้กล่าวบทสนทนาบทนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัวละครสลับกันพูดหลายๆ ครั้งต่อเนื่องกัน เช่น “ขอบคุณพี่ป๋อมาก” เจียวเหว่ยแย้มรอยยิ้มกว้างอย่างซาบซึ้งพลางโค้งคำนับด้วยใจจริง “เรื่องเล็กน้อย ว่าแต่เจ้าชื่ออะไรหรือแม่นาง” “อะ เอ่อ ข้าชื่อ เจียวลี่” พูดพร้อมกับกัดลิ้นตนเองอย่างรู้สึกผิด ใช่ว่าเธอจักโกหกพี่ป๋อ หากแต่ว่าเธอไม่สามารถบอกความจริงอันน่าเหลือเชื่อนี้ไปได้... “มิน่าล่ะ ข้ารู้สึกคุ้นหน้าเจ้าพิกลที่แท้ก็เป็นน้องสาวของน้องเหว่ยนี่เอง ฮ่าๆ” “ฮ่า ๆๆๆ ใช่แล้ว วันนี้เป็นวันดีพวกเราไปดื่มกันต่อดีหรือไม่” คำชวนซึ่งทำเอาป๋อจงมั่นคิ้วขึ้น “ปกติ เจ้าชอบดื่มสุราด้วยอย่างนั้นหรือ” “ฮ่าๆๆ ให้ตายสิว่ะ” ใบหน้าสวยหัวเราะ พลางสบถอย่างลืมตัว ก่อนจักเกาหัวแกรกๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงการจับจ้องของป๋อจงอย่างสงสัย และยังหน้าเหรอหรามากยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินเธอสบถ ซึ่งประโยคต่างๆ เหล่านี้ สามารถรวมประโยคกันได้ดังนี้ “ขอบคุณพี่ป๋อมาก” เจียวเหว่ยแย้มรอยยิ้มกว้างอย่างซาบซึ้งพลางโค้งคำนับด้วยใจจริง “เรื่องเล็กน้อย ว่าแต่เจ้าชื่ออะไรหรือแม่นาง” “อะ เอ่อ ข้าชื่อ เจียวลี่” พูดพร้อมกับกัดลิ้นตนเองอย่างรู้สึกผิด ใช่ว่าเธอจักโกหกพี่ป๋อ หากแต่ว่าเธอไม่สามารถบอกความจริงอันน่าเหลือเชื่อนี้ไปได้... “มิน่าล่ะ ข้ารู้สึกคุ้นหน้าเจ้าพิกลที่แท้ก็เป็นน้องสาวของน้องเหว่ยนี่เอง ฮ่าๆ” “ฮ่า ๆๆๆ ใช่แล้ว วันนี้เป็นวันดีพวกเราไปดื่มกันต่อดีหรือไม่” คำชวนซึ่งทำเอาป๋อจงมั่นคิ้วขึ้น “ปกติ เจ้าชอบดื่มสุราด้วยอย่างนั้นหรือ” “ฮ่าๆๆ ให้ตายสิว่ะ” ใบหน้าสวยหัวเราะ พลางสบถอย่างลืมตัว ก่อนจักเกาหัวแกรกๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงการจับจ้องของป๋อจงอย่างสงสัย และยังหน้าเหรอหรามากยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินเธอสบถ นอกจากนี้ยังพบคำที่สะกดผิดบ้าง เช่น ปฐม เขียนเป็น ปฏม ยากแค้น เขียนเป็น ยากแร้น สัญชาตญาณ เขียนเป็น สันชาตญาณ เสน่ห์ เขียนเป็น สเน่ห์ เสน่หา เขียนเป็น สเน่หา ร่วมเสพ เขียนเป็น ร่วมเสพย์ หา หรือ ฮะ เขียนเป็น ห๊า ทักท้วง เขียนเป็น ทัดท้วง ศีรษะ เขียนเป็น ศรีษะ บังลังก์ เขียนเป็น บังลังค์ และ ยังมีการใช้คำลักษณนามที่ผิดพลาด เช่น รอยปูดโปนหลายปูด ควรเขียนเป็น รอยปูดโปนหลายรอย หาก Fan-Ei ปรับปรุงข้อผิดพลาดเหล่านี้ได้ก็จะช่วยให้เรื่องราวสมบูรณ์และน่าอ่านมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ผู้วิจารณ์มีข้อสังเกตบางประการที่อยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักเขียน ประการแรกคือ การที่นิยายเรื่องนี้มีการอ้างถึงช่วงเวลาที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ นั่นคือ การกล่าวถึงราชวงศ์หมิง เมื่อเป็นเช่นนี้ นักเขียนจำเป็นต้องทำการบ้านอย่างมากในการศึกษาเรื่องราว เหตุการณ์ ชีวิตความเป็นอยู่ ณ ช่วงเวลานั้นมาเป็นอย่างดี เพื่อสร้างให้นิยายที่นำเสนอนั้นมีความสมจริงมากที่สุด แต่เท่าที่ปรากฏในเรื่องนั้น ผู้เขียนยังละเลยและไม่ให้ความสนใจในประเด็นนี้เท่าที่ควร แม้ว่าจะมีบางส่วนของเรื่องที่แสดงให้เห็นว่าผู้เขียนก็ได้ศึกษาเกี่ยวกับราชวงศ์นี้มาบ้าง เช่น การอ้างถึงจูหยวนจางในบทนำว่า เป็นผู้ปกครองดินแดนเล็กๆ ทางตะวันออก ซึ่งต่อมาดินแดนนี้ยิ่งใหญ่กลายเป็นราชวงศ์หมิง ซึ่งข้อมูลที่นำเสนอก็ยังไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริงทั้งหมด เพราะตามประวัติศาสตร์ จูหยวนจาง คือ จักรพรรดิหงหวู่ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิง ผู้ครองราชที่เมืองนานกิง หรือเมืองหนานจิง ซึ่งเป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับสองทางตะวันออกของจีน ทั้งนี้ การกล่าวถึงตัวละครที่มีความเกี่ยวข้องกับข้อเท็จจจริงทางประวัติศาสตร์ไม่สามารถกล่าวถึงลอยๆ ได้ เพราะเรื่องราวเหล่านี้มีข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์กำกับอยู่ เช่น การกล่าวถึงจักรพรรดิเมิงฮงตั๋ว ผู้เป็นพระราชบิดาของหมิงฟานอี้ เมื่อสอบย้อนกับไปยังประวัติศาสตร์ราชวงศ์แล้วจะพบว่าไม่มีจักรพรรดิในราชวงศ์หมิงพระองค์ใดทรงพระนามนี้เลย หากจะพิจารณาจากพระราชจริยวัตรและพระราชอัธยาศัยก็จะพบว่าจักรพรรดิในราชวงศ์หมิงที่มีความคล้ายคลึงที่สุดน่าจะเป็น จักรพรรดิหมิงไท้จู่ที่ทรงประหารขุนนางและผู้ที่มีความเห็นต่างจากพระองค์ ซึ่งช่วยเสริมสร้างระบบรวมศูนย์อำนาจรัฐเผด็จการศักดินาในยุคนั้นได้ด้วย ขณะเดียกันก็ไม่ปรากฏว่ามีชื่อแม่ทัพหรือองค์รัชทายาทหมิงฟานอี้ในบันทึกประวัติศาสตร์ของราชวงศ์นี้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีข้อมูลที่อ้างไว้ในนิยายยังผิดข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตำรา “เป๊ยยี่สี่เถียว” ที่ในเรื่องอ้างว่าจูหยวนจาง เป็นผู้แย่งชิงตำรานี้มาจากดินแดนของมวลเทพ และสืบทอดตำรานี้ให้ลูกหลาน ไม่นานตำรานี้ก็หายไป แต่หลักฐานและข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ระบุว่า ตำรา “เป๊ยยี่สี่เถียว” หรือ หลักวิชาดวงจีน (หลักวิชาดวงจีน 8 อักขระ 4 แถว) นั้น คัดแยกออกมาจากคัมภีร์เจี่ยโหงวเฮ้ง ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง (แมนจู) ซึ่งราชวงศ์ชิงเป็นราชวงศ์ที่เรืองอำนาจหลังโค่นล้มอำนาจของราชวงศ์หมิงแล้ว จึงเสนอว่าหาก Fan-Ei ยังคิดอยากจะให้นิยายเรื่องนี้ดำเนินไปในยุคสมัยของราชวงศ์หมิงก็ต้องตรวจสอบ และศึกษาประวัติความเป็นมาและข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ของสมัยราชวงศ์หมิง เพื่อสร้างความสมจริงให้กับเรื่องมากกว่านี้ แต่หากไม่ต้องการเน้นว่าเรื่องต้องเกิดในสมัยนี้เท่านั้น ก็อาจจะสร้างดินแดนสมมุติขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ Fan-Ei มีอิสระในการสร้างตัวละคร และสร้างเรื่องอย่างที่ต้องการได้เต็มที่ สืบเนื่องจากข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ข้างต้น เมื่อเรื่องที่เกิดในราชวงศ์หมิง การกล่าวถึง องค์เทพ มหาเทพยูริซิส และมหาเทพลูซิฟา จึงทำให้เกิดข้อกังขาขณะที่อ่านว่าในคนยุคนั้นมีความเชื่อเช่นนี้จริงๆ หรือ เพราะในความจริงผู้คนสมัยนั้นนับถือพุทธศาสนา และมีบางส่วนนับถือลัทธิเต๋าและขงจื้อ และเมื่อพิจารณานิยายกำลังภายในที่โด่งดังในอดีตต่างๆ จะพบว่าเวลาที่มีการอ้างถึงองค์เทพในนิยายเหล่านี้ ก็จะอ้างถึงเง็กเซียนฮ่องเต้ อยู่เสมอ เช่นเดียวกับการอ้างถึงเทพเจ้าฝ่ายดีอย่างยูริซิส ก็มักจะเป็นเรื่องราวของเซียนองค์ต่างๆ โดยเฉพาะบรรดาเซียนทั้ง 8 ที่เป็นที่รู้จักดีในนามของแปดเซียนหรือโป๊ยเซียน และเมื่ออ้างถึงฝ่ายที่เป็นปรปักษ์กับเง็กเซียนฮ่องเต้ หรือฝ่ายเซียน ก็จะเป็นฝ่ายมารเสมอ จึงเสนอว่าผู้เขียนควรเปลี่ยนการเรียก องค์เทพ มหาเทพยูริซิส และ มหาเทพลูซิฟา เสียใหม่ให้สอดคล้องกับความเชื่อของยุคสมัย หรืออยู่ในแนวทางเดียวกับขนบการเขียนนิยายแนวนี้ก็จะช่วยสร้างความกลมกลืนให้กับเรื่องและลดข้อกังขาให้กับผู้อ่านได้ ประการต่อไปคือ การท้าทายองค์เทพของมหาเทพลูซิฟา เหตุใดต้องเกิดขึ้นในดินแดนมนุษย์ ทั้งๆ ที่ในบทนำก็เขียนไว้อย่างชัดเจนว่า องค์เทพโกรธและตัดขาดจากดินแดนมนุษย์ นับตั้งแต่ จูหยวนจางแย่งชิง “เป๊ยยี่สี่เถียว” จึงเห็นว่าแม้มหาเทพลูซิฟาจะหนีมาโลกมนุษย์ และสร้างความปั่นป่วนให้กับโลกมนุษย์มากเพียงใด องค์เทพก็ไม่น่าจะสนใจ ด้วยเหตุนี้ Fan-Ei อาจจะต้องให้คำอธิบายเพิ่มเติมว่าเหตุใดองค์เทพจึงต้องหันกลับมาสนใจความเป็นไปในโลกมนุษย์ ถึงขนาดที่ยอมให้มหาเทพยูริซิสแยกร่างสลายพลังของท่านออกเป็น 15 ส่วนเพื่อต่อสู้กับมหาเทพลูซิฟาในโลกมนุษย์ ซึ่งมหาเทพยูลิซิสเดิมพันการศึกครั้งนี้ด้วยการยอมสูญเสียตัวตนและวิญญาณของตน เพื่อช่วยเหลือมนุษย์และมหาเทพในอนาคต ประการสุดท้ายเป็นเรื่องราวของแม่ทัพฟานอี้ในภาคพิเศษ “ก่อกำเนิดแม่ทัพผู้อำมหิต” มีบางตอนที่ขัดแย้งกับเนื้อหาหลักใน “ภาคปฐมบท” ซึ่งอาจก่อให้เกิดข้อสงสัยและสร้างความสับสนให้กับผู้อ่านในหลายประเด็น เช่น ในภาคปฐมบทกล่าวว่าป๋อจงเป็นผู้สังหารแม่ของฟานอี้ตามพระราชบัญชาของจักรพรรดิ ซึ่งในภาคพิเศษก็ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ความตายของแม่ขณะที่เขาเป็นเด็กอายุ 6 ขวบ เป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างสร้างจุดเปลี่ยนให้กับฟานอี้จากผู้ที่อ่อนโยนมาเป็นผู้ที่เย็นชาและพัฒนาฝีมืออย่างรุดหน้า เมื่อเห็นจักรพรรดิมอบความตายให้แม่ของเขาต่อหน้าต่อตา เขายังลุกขึ้นมาต่อสู้อย่างไม่คิดชีวิตเพื่อแก้แค้น ทั้งๆ ที่ขณะนั้นก็ทราบว่าตนยังเด็กและไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพระองค์ ด้วยเหตุนี้ เมื่อเขาเติบโตเป็นผู้เยี่ยมยุทธคนหนึ่งในแผ่นดิน เหตุใดฟานอี้ถึงไม่โกรธและไม่แก้แค้นทั้งต่อป๋อจงและจักรพรรดิที่มีส่วนในการพยายามแม่เขาอีกครั้ง นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างจักรพรรดิกับฟานอี้ที่เป็นปรปักษ์ต่อกันมาตั้งแต่เขาอายุ 6 ขวบ ตามที่ระบุไว้ในภาคพิเศษว่า เขาเกือบตายจากการที่จักรพรรดิทำร้าย หากไม่มีคนช่วยและนำหนีไป จนเขาได้ร่ำเรียนวิชายุทธขั้นสูงจากอสูรดำ (ในภาคพิเศษระบุว่าอสูรดำ แต่ในภาคปฐมบท บอกว่าเรียนกับ อสูรทองคำ จึงไม่ทราบว่าแท้ที่จริงแล้ว อาจารย์ของฟานอี้ เป็น อสูรดำ หรือ อสูรทองคำ กันแน่) เก่งกล้าขึ้นก็เพื่อกลับมาแก้แค้น และในภาคปฐมบท จักรพรรดิก็ยังย้ำความแค้นให้เพิ่มพูนขึ้นด้วยการสั่งป๋อจงฆ่าแม่ของฟานอี้อีกครั้ง จึงเห็นว่าไม่มีเหตุอันสมควรใดๆ ที่ ฟานอี้ยังต้องแสดงความจงรักภักดีกับจักรพรรดิจนยอมกลับไปเป็นแม่ทัพของพระองค์ เช่นเดียวกับจักรพรรดิผู้ที่มีวรยุทธ์สูงส่ง และมีพระราชจริยวัตรและพระราชอัธยาศัยที่เอาแต่พระทัย อำมหิต โหดเหี้ยม เด็ดขาด ดังที่ปรากฏในภาคพิเศษ จึงน่าจะมีวิธีในการบังคับหรือมีมาตรการขั้นเด็ดขาดให้ฟานอี้กลับมาเป็นรัชทายาทอย่างที่ตั้งไว้ มากกว่าแค่ออกหมายจับและให้รางวัลนำจับฟานอี้กลับมาเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงอยากเสนอให้ Fan-Ei พิจารณาเนื้อหาทั้งในภาคปฐมบท และภาคพิเศษอีกครั้งว่าต้องการจะเสนอเรื่องไปในทิศทางใด และปรับแก้ให้เนื้อความทั้งสองตอนมีความสอดคล้องกัน ก็จะช่วยทำให้เรื่องราวที่นำเสนอลื่นไหล สมบูรณ์และน่าอ่านมากขึ้น --------------------------------- อ่านน้อยลง
bluewhale | 7 ธ.ค. 54
6
0
"ถึงผู้แต่ง"
(แจ้งลบ)เขียนได้ดีนิครับ แต่ว่าอาจจะดำเนินเรื่องเร็วไปหน่อยแต่ก็ชวนให้น่าติดตามแล่ะตื่นเต้น แล้วอีกอย่างนิยายประเภทนี้ไม่ค่อยมีคนเขียนได้ออกมาดีซักเท่าไหร่ ที่บอกว่าดีอ่ะตรงที่ ใช้คำและภาษาในการบรรยายที่เข้าใจง่าย ทำให้ผู้ที่อ่านนั้นจิตนาการภาพเหตุการณืต่างๆ ตามไปกับเนื้อเรื่องได้ดี แสดงถึงตัวตนของผู้แต่งว่าเป็นผู้ที่มีความละเอียดในเรื่องอารมณ์๋ แล ... อ่านเพิ่มเติม
เขียนได้ดีนิครับ แต่ว่าอาจจะดำเนินเรื่องเร็วไปหน่อยแต่ก็ชวนให้น่าติดตามแล่ะตื่นเต้น แล้วอีกอย่างนิยายประเภทนี้ไม่ค่อยมีคนเขียนได้ออกมาดีซักเท่าไหร่ ที่บอกว่าดีอ่ะตรงที่ ใช้คำและภาษาในการบรรยายที่เข้าใจง่าย ทำให้ผู้ที่อ่านนั้นจิตนาการภาพเหตุการณืต่างๆ ตามไปกับเนื้อเรื่องได้ดี แสดงถึงตัวตนของผู้แต่งว่าเป็นผู้ที่มีความละเอียดในเรื่องอารมณ์๋ และอ่อนไหวได้ไง แต่มีบ้างที่ไม่ค่อยรอบครอบ ซุ่มซ่าม 5555ไปเรื่อย พยายามฝึกฝนเรื่อยๆนะ เพราะดูแล้วน่าจะเป็นนิยายที่ได้ตีพิมเป็นหนังสืออีกรายแน่นอน แก้เรื่องคำที่ผิดอะไรบ้าง การวรรคตอนของบทบ้างน่าจะดีมากเลย ชื่อเรื่องขอบอกว่าไม่ค่อยดึงดูดเท่าไหร่ถ้าได้ตีพิมพ์ ตอนนี้อาจจะธรรมดาไปนิดนึง อย่าลืมว่าถ้าเนื้อดี แต่ชื่อเรื่องไม่เด่นมันเป็นส่วนดึงเรื่องเด่นๆลงมาเหมือนกันนะ เอออีกอย่างชื่อตัวละครอ่ะนะ ถ้าเราจะแต่งเรื่องเกี่ยวกับจีน ศึกษาค้นคว้าความหมายมันด้วยนะ แล้วเลือกชื่อที่มันเหมาะสมมาใช้ อย่างชื่อลูซิฟา ยูริซิส ไรเนี่ย ถ้าอ่านผ่านๆไปคงไม่เท่าไหร่ แต่อย่างผมอ่านละเอียดเลย รู้สึกขัดๆกับชื่อเหล่านี้มาก อารมณ์ประมาณว่า จะไปจีนหรือไปฝรั่งหรือไปกรีซดี ประมาณนี้ (อีกอย่างเรียนเอกจีนมา จะเคร่งกับเรื่องแบบนี้และส่วนตัวชอบแนวนี้ด้วยอยู่แล้ว) ใส่ใจรายละเอียดอีกหน่อย จะโอเคมากส่วนเรื่องเกี่ยวกับรูปภาพเรื่องประกอบไรอย่างนี้ผมจะไปเคร่งกับเรื่องนี้ เพราะถ้าเราแต่งเนื้อเรื่องและบรรยายออกมาได้ดีแล้ว ผู้อ่านจะจิตนาการได้เอง เว้นเสียแต่ผู้อ่านไม่มีจิตนาการ เพราะอันที่จิงแล้วนิยายที่ดีต้องสื่อออกมาได้ทั้งอารมณ์ ภาพ และความรู้สึกได้อยู่แล้ว แต่ก็เป็นกำลังใจในการแต่งนะ เข้าใจว่าไม่มีเวลามาแต่งอันนี้ไม่ว่ากัน เพราะถ้าเร่งคนแต่งแล้ว เดี๋ยวเนื้อหานิยายจะออกมาแบบร้นๆอ่ะ แล้วจะทำให้เสีย แล้วมั่วหลังๆเหมือนกับผู้แต่งที่เอาใจผู้อ่านมากเกินไป การแต่งต้องออกมาจากจิตวิญญาณ อารมณ์ของผู้แต่งถึงจะดี เหมือนกับผู้อ่านทั่วไปเสพๆๆๆ แต่เสพเกินขนาดแล้วมันจะลงแดง เหมือนกันกับนิยาย ทำต่อไปปรับโน้นนิดปรับโน้นหน่อยจะดีมากกว่านี้อีกเยอะ และผมจะเป็นฟนคลับไปนะครับ โชคดีด้วยความนับถือ อ่านน้อยลง
M.Priest of Zeus | 22 ธ.ค. 53
9
0
ดูทั้งหมด
ความคิดเห็น