คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ✈ c h a p t e r 0 1 ~ S t e p´
beyo ng
CHAPTER 1
“ Step ”
สนามบินนานาชาติอินชอนยังคงพลุกพล่านไปด้วยผู้คน ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาเกือบสิบโมงเช้าของวันทำงาน จางมีโซมองภาพผู้คนที่เดินไปมาอยู่ภายนอกพลางดูดน้ำกีวี่อย่างเชื่องช้า รสชาติหวานอมเปรี้ยวไม่ได้ซึมซับเข้าไปในประสาทรับรสของมีโซเลยแม้แต่น้อยเมื่อเธอจดจ่ออยู่กับสิ่งอื่นมากกว่าเช่นนี้
“มีโซ”
แตะบ่าเพื่อนสาวสัมผัสผ่านเส้นผมสีดำยาวที่คลอเคลียอยู่ที่ไหล่ เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนตัวดีที่ฉีกยิ้มกว้างพาตัวเองมานั่งฝั่งตรงข้ามกัน
คิมจุงฮยอนวางกระเป๋าสะพายสายโซ่ยาวสีดำที่คล้องไหล่อยู่วางลงไปข้างตัว ถือวิสาสะตักเอาเชอรี่เบอรี่ทาร์ตที่มีโซหั่นไว้แล้วจิ้มเข้าใส่ปาก ผลไม้ตระกูลเบอรี่รสหวานอมเปรี้ยวทำให้สาวเจ้าเผลอยิ้มสดใสจนแก้มแทบปริ
“ขอโทษที่รบกวนเวลาของเธอนะ”
ได้ยินเช่นนี้รอยยิ้มก็พลันหุบลง ใบหน้าสวยเปลี่ยนเป็นหน้ายู่ เอื้อมมือไปตีไหล่คนที่นั่งตรงข้ามอย่างมันเขี้ยวเข้าให้สักที
“รบกงรบกวนอะไรกัน เพื่อนรักจะไม่อยู่เกาหลีเป็นปีๆ ทั้งที ใจคอจะไม่มาส่งก็เกินไปหน่อยแล้วมั้ง” ต่อให้จุงฮยอนมีนัดพบปะลูกค้าพันล้านยังไง ก็ไม่มีอะไรหรือว่าใครสำคัญเท่ามีโซเลยจริงๆ
“น่ารักที่สุดเลย จุงฮยอนของฉันเนี่ย” ระบายยิ้มสดใสพลางจิ้มเชอรี่ลูกโตเข้าปากอย่างอารมณ์ดี
“พี่ทงอุนล่ะ?”
อ้างถึงชายคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายคนสนิทที่สุดของเพื่อนสาวตรงหน้า ยังไม่ทันที่คนถูกถามจะเอ่ยปากพูดอะไร ไอโฟนที่วางนิ่งอยู่บนโต๊ะก็แผดเสียงร้อง มีโซมองชื่อและรูปของคนที่โทรเข้ามาก็หันหน้าจอไปให้เพื่อนดูก่อนจะกดรับ
“สวัสดีค่ะ” ส่งเสียงสดใสไปทักทายตามสไตล์ของจางมีโซ
“พี่อยู่ที่สนามบินแล้ว มีโซอยู่ที่ไหนครับ”
อีกฝ่ายคงไม่ได้รับรู้เลยว่าชายหนุ่มกำลังสอดส่ายสายตาไปทั่วสนามบินมากผู้คน ด้วยใบหน้าหล่อเหลาได้รูปอย่างหนุ่มต่างชาติแม้ว่าจะเป็นคนเกาหลีแท้หนึ่งร้อยเปอร์เซนต์เลยก็ตามที รูปร่างสูงโปร่งชวนให้หลงใหล เรือนผมสีดำสนิทเข้ากันได้อย่างดีกับชุดสูทและกางเกงเข้าคู่สีดำราคาแพงของแบรนด์ Armani ถึงแม้ใครหลายคนจะพอคุ้นหน้าชายคนนี้ตามข่าวคราวในแวดวงแฟชั่นหรือหน้านิตยสารแฟชั่นต่างๆ แต่สำหรับบางคนที่ถึงแม้ว่าจะไม่คุ้นเคยกับใบหน้าหล่อเหลานี้เลยสักนิด ออร่าความเปล่งประกายเกินกว่าใครในที่นี้ก็ทำให้ใครหลายคนที่ถึงจะเพิ่งได้พบเจอเป็นครั้งแรกไม่อาจละสายตาไปได้เลย
โดยเฉพาะพวกผู้หญิงที่แทบจะเหลียวมองเขา...ซนทงอุนแทบจะไม่วางตา
เสียงเจื้อยแจ้วจากปลายสายที่ตอบคำถามและเร่งเร้าให้เขาไปหาเธอกับเพื่อนสนิทสาวไวๆ ทำให้ร่างสูงอมยิ้ม ตอบรับคำขอด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเบาๆ ก่อนปลายสายจะกำชับให้เขาเร่งฝีเท้ามาให้ไวที่สุดแล้วกดตัดสายทิ้งไป
รองเท้าบู้ตส้นสูงสีดำของผู้ชายย่ำเป็นจังหวะลงบนพื้นกระเบื้อง มุ่งหน้าตรงไปยัง Paris Croissant Kitchen ที่ซึ่งมีโซและจุงฮยอนกำลังรอให้เขาไปหาอยู่ ไม่ได้สนใจกับสายตาของใครเพราะนี่เป็นสิ่งที่ทงอุนชาชินกับมันไปแล้ว ไม่ว่าจะมองหน้าตาหรือสไตล์การแต่งตัวที่ออกจะแฟชั่นจ๋าเกินกว่าคนธรรมดาทั่วไป ถ้าอยู่ในวงการแฟชั่นมานานพอก็ไม่แคร์แล้วล่ะกับนัยน์ตานับร้อยคู่ที่จ้องมองมา
มองจากภายนอกเข้าไปเห็นสองสาวกำลังนั่งคุยกันอย่างสนุกสนานก็เรียกรอยยิ้มจากทงอุน พาฝีเท้าก้าวเดินเข้าไปนั่งข้างจุงฮยอน...ที่ถึงกับปั้นหน้าไม่ถูกรีบเขยิบตัวถอยห่างนิดหน่อยเพื่อเว้นช่องว่างระหว่างเธอและเขา
“ไม่อยากรบกวนพี่ทงอุนเลย”
คำพูดแบบเดิมๆ จากปากหญิงสาวคนเดิม ทำให้มือเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะถูกตีเข้าให้อีกสักทีด้วยฝีมือของคนที่นั่งตรงกันข้าม
“พูดอะไรแบบนี้เล่า ทั้งฉันแล้วก็พี่ทงอุนไม่มีใครคิดว่าเธอรบกวนหรอกน่า”
ชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวบนโต๊ะหัวเราะกับท่าทีของน้องสาวทั้งสอง “อื้ม ไม่รบกวนพี่หรอกครับ”
“ไม่รบกวนอะไรกัน ฉันรู้นะคะว่าพี่มีนัดกับลูกค้าตอนเที่ยง” ย้อนเข้าให้พลางทำหน้ามู่ “แล้วจากอินชอนกลับไปที่โซลมันจะไปทันนัดได้ยังไง!”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พี่ให้คนอื่นไปแทนแล้ว”
“อีกแล้วเหรอคะ...”
“อ่ะ พนักงานมาพอดีเลย พี่ขอสั่งอะไรทานก่อนแล้วกันนะครับ หิวแล้ว”
เลี่ยงกันง่ายๆ แบบนี้ทำเอาคนโดนขัดใจต้องกอดอกพิงเก้าอี้ส่งสายตาไม่พอใจไปให้กับพี่ชายที่นั่งอีกฝั่งตรงข้ามกัน ก็ใช่ว่าโกรธอะไรมากมาย แต่นี่ถึงขนาดทิ้งงานเพื่อมาส่งเธอเลยนี่ก็ออกจะเกินไปสักหน่อยนะ!
ซนทงอุนใช่คนธรรมดาที่ไหนกัน? เขาน่ะเป็นถึงดีไซเนอร์นักออกแบบเสื้อผ้าเจ้าของแบรนด์ SQ ซึ่งกำลังมาแรงเป็นที่นิยมอยู่ในตลาดแฟชั่นชั้นสูงขณะนี้เทียบเท่ากับแบรนด์เนมต่างๆ ที่สร้างชื่อมาก่อนหน้า ทั้งยังเป็นนายแบบประจำแบรนด์ตัวเอง ด้วยความสมบูรณ์พร้อมทุกด้านเช่นนี้แล้วคงไม่พ้นกับการได้รับความนิยมจากทั้งแวดวงแฟชั่น สื่อ และกลุ่มสาวๆ เป็นจำนวนมาก
แต่พี่ทงอุนของมีโซก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน...
จากพี่ชายข้างบ้านตั้งแต่จำความไม่ได้จนถึงปัจจุบัน เขายังคงดูแลและให้ความสำคัญกับเธอมากกว่าเรื่องอื่นๆ เสมอ แม้กระทั่งคนรักเพียงไม่กี่คนที่ทงอุนเคยคบมา หรือจะเป็นเรื่องงานที่สำคัญมากก็ยังไม่อาจจะสำคัญเทียบเท่ากับมีโซได้เลย
บางทีก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าพี่ทงอุนคิดอะไรที่มากกว่าความเป็นพี่น้องหรือเปล่า แต่พอดูท่าทีหลายๆ อย่างมันก็ไม่ใช่!
มีโซอาจจะเป็นเหมือนน้องสาวคนพิเศษก็เท่านั้นแหละมั้ง
และนั่นก็ทำให้มีโซไม่กล้าพอที่จะบอกว่าเธอรู้สึกยังไงกับพี่ชายที่แสนดีคนนี้...
หลังจากเช็กอินเรียบร้อยแล้ว มีโซก็เดินถือพาสปอร์ตเสียบตั๋วเครื่องบินเคาะกับมืออีกข้างเล่นอย่างสบายอารมณ์ กระเป๋าเดินทางเพียงใบเดียวของเธอถูกพี่ชายแย่งไปลากแทนเสียแล้ว ก็ดี มีคนช่วยลากก่อนที่เธอจะต้องลำบากลากมันไปเองในเขตดิวตี้ฟรีที่แสนจะยาวไกล
ยืนต่อแถวเพื่อจะผ่านเข้าไปเช็คพาสปอร์ต แถวที่ยาวไม่ใช่น้อยทำให้รู้ว่าคงจะนานอยู่กว่าจะถึงคิวของเธอ ถ้ามาคนเดียวก็คงจะเบื่อแย่ถึงแม้จะมีไอโฟนแก้เหงาเถอะนะ แต่มันเทียบไม่ได้หรอกกับการที่มีคนมาคอยอยู่ข้างกันแบบนี้
“เอากระเป๋าไปใบเดียวแบบนี้แน่ใจว่าจัดของที่ต้องการครบแล้วนะ”
ปกติก็ไม่ใช่คนเจ้ากี้เจ้าการเท่าไหร่หรอกนะคิมจุงฮยอน แต่เพราะว่าเป็นห่วงความดื้อรั้นของเพื่อนก็เลยต้องถามจู้จี้กันสักหน่อย
“เถอะน่า ถ้ามันขาดเหลืออะไรจริงๆ ฉันไปหาซื้อเอาที่โน่นเลยก็ได้” ไม่ได้นึกรำคาญกับความจู้จี้ของเพื่อน อย่างน้อยก็รู้ดีว่าเพราะเป็นห่วง
“พี่เป็นห่วงมีโซจริงนะ ไปคนเดียวอันตรายแค่ไหนก็รู้อยู่”
“ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ” เมื่อเห็นสายตาที่ทงอุนมองมาก็รีบโต้ตอบกลับไป “ฉันดูแลตัวเองได้น่าพี่ทงอุน แล้วอีกอย่าง...ลอนดอนมันก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นสักหน่อย”
“มีโซไม่ได้รู้จักลอนดอนไปเสียหมดนี่” คนเป็นพี่ชายก็เริ่มโต้ด้วยความเป็นห่วงน้องสาวอย่างไม่ลดละ
นิสัยอย่างกับเด็ก! จุงฮยอนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ต้องกลั้นรอยยิ้มเมื่อทงอุนเริ่มจะโต้เถียงกับมีโซเหมือนน้องชายมากกว่าสถานะพี่ชายที่เป็นอยู่
“รู้สิ!” ว่าพลางรูดซิปเปิดกระเป๋าคว้าหนังสือนำเที่ยวขึ้นมาชูต่อหน้าร่างสูง การโต้ตอบกันอย่างเด็กๆ ของคนทั้งคู่ทำให้คนรอบข้างอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มขำ
แล้วมีโซก็เริ่มพลิกเปิดหน้าหนังสือนำเที่ยวลอนดอนที่เธอคั่นหน้าสำคัญๆ ไว้พลางร่ายยาวให้กับทงอุนฟังอย่างไม่ได้สนใจเลยว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกเช่นไร ทงอุนยังคงดูไม่วางใจ ออกอาการไม่ค่อยจะชอบใจด้วยซ้ำ เรื่องของน้องสาวที่ชื่อจางมีโซนี่ล่ะก็เป็นเดือดเป็นร้อนใหญ่เชียวนะ
จุงฮยอนยอมรับได้อย่างเต็มปากเลยว่า ‘อิจฉา’ กับสถานะความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่
เมื่อเธอก็มีใจให้กับพี่ทงอุนที่แสนดีและอบอุ่นคนนี้ไม่ต่างจากมีโซเลย
และแม้จะเป็นถึงเพื่อนสนิทหมายเลขหนึ่งของมีโซ แต่ความรักและความเป็นห่วงที่ได้จากพี่ชายผู้ไม่มีสายเลือดเกี่ยวพันกันเลยก็ไม่อาจเทียบเท่ากับที่มีโซได้รับมัน นึกน้อยใจหากไม่อาจจะเอ่ยปากบอกใครไปได้ว่าตัวเองรู้สึกแบบไหน
ไม่กล้าบอกมีโซเพราะกลัวว่าเพื่อนจะแปรเปลี่ยนไปเป็นคู่แข่ง
ไม่กล้าสักนิดที่จะบอกทงอุน เมื่อรู้ดีอยู่แก่ใจว่าสายตาของเขาไม่เคยจะมองมาที่เธอเลยแม้สักครั้ง
“จุงฮยอน คิดว่ายังไง”
เสียงงอแงของเพื่อนสาวเรียกสติของหญิงสาวร่างเพรียวที่กำลังยืนเหม่ออยู่ให้ได้สติ ใบหน้าเหรอหราของจุงฮยอนทำเอามีโซและทงอุนหัวเราะขำกันขึ้นมา
“เหม่ออะไรอยู่น่ะ อย่าบอกนะว่าเจอผู้ชายที่ถูกใจ” คำพูดล้อเล่นของมีโซตามมาด้วยการถูกผลักไหล่จนเซจากคนถูกล้อ
“ไม่เห็นจะตลก!”
“เจ็บนะ จุงฮยอนคนไร้หัวใจ” แกล้งแซวเพื่อนพลางแลบลิ้น นิสัยน่าเอ็นดูและท่าทีที่น่ารักแบบนี้คงจะได้ผลอยู่หรอกถ้าจุงฮยอนไม่ได้อยู่โหมดอารมณ์ดีลดลงเช่นเวลานี้
“แกล้งเพื่อนน่ามีโซ ไม่เห็นเหรอว่าจุงฮยอนหน้างอใหญ่แล้ว”
ทีแบบนี้ล่ะสังเกตเชียวนะคะ! ขอให้เป็นเรื่องเกี่ยวกับมีโซนี่ล่ะก็ตาไวนักล่ะ พี่ซนทงอุน L
เกิดอาการน้อยใจขึ้นมา ยอมรับเลยว่าจุงฮยอนกำลังรู้สึกอิจฉามีโซขึ้นมานิดๆ
“ขอโทษนะจุงฮยอน ฉันล้อเล่น”
ยกมือขอโทษขอโพยเพื่อนสาวเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าไม่ค่อยจะรับแขกเท่าใดนัก ก็ไม่คิดว่าจุงฮยอนจะคิดมากนี่ เห็นเพื่อนไม่ขำด้วยแล้วจะให้เริงร่าต่อไปก็ใช่ที่สิ
“ไม่ต้องขอโทษหรอกน่ามีโซ ฉันไม่ได้คิดอะไร”
นิสัยใจอ่อนทุกทีเมื่อเจอคำพูดดีๆ หรือคำขอโทษนี่ทำให้จุงฮยอนลำบากมาก็นักต่อนักแล้วในธุรกิจแฟชั่นที่เธอเกี่ยวพันอยู่ แต่ให้ทำไงได้ล่ะ? บางคนก็ชวนให้เห็นใจจริงๆ นี่นา
บทสนทนากลับมามีสีสันและเสียงหัวเราะอีกครั้ง พูดคุยกันจนแถวร่นเข้าไปอย่างไม่รู้ตัว ระยะทางที่จุงฮยอนและทงอุนเข้าไม่ถึงทำให้ทั้งสามคนต้องบอกลากันตรงนั้น คนที่ไม่ได้ไปกำชับนักหนาว่าให้คนที่จะต้องไปดูแลตัวเองดีๆ พูดย้ำจนมีโซต้องขู่ว่าถ้าไม่เลิกพูดจะโยนมือถือทิ้งไม่ให้ใครโทรติดต่อได้นั่นล่ะถึงจะเลิก!
“ฉันเป็นห่วงมีโซจัง” ยังคงรำพึงรำพันถึงเพื่อนสาวที่จะเดินทางไปอีกซีกโลกหนึ่งด้วยตัวคนเดียว ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะบินไปด้วยกันเสียตอนนี้เลย ถ้าไม่ติดที่แม่ของเธอแล้วล่ะก็...
“นั่นสิ ไม่รู้มีโซคิดอะไรอยู่ถึงได้ตัดสินใจเดินทางรอบโลกคนเดียวแบบนี้”
จากน้องสาวที่เคยพึ่งพาเขามาตลอด วันนี้ดูเธอเปลี่ยนไปกล้าที่จะตัดสินใจทำอะไรด้วยตัวเองคนเดียวมากขึ้น คนที่เป็นเหมือนพี่ชายอย่างเขาสมควรจะดีใจสินะ แต่ไม่รู้ทำไมเขากลับรู้สึกเหงาขึ้นมาอย่างนี้
ทั้งน้ำเสียงแล้วก็สีหน้าที่แสดงออกชัดเจนว่าเป็นห่วง ทำเอาคนที่เดินคู่ไปกับร่างสูงเจ็บขึ้นมาในอกลึกๆ ถ้าเป็นเธอที่ไป เขาก็คงไม่แม้แต่มาส่ง
“ฉันกลับก่อนนะคะ”
เพราะความรู้สึกน้อยใจทำให้เธอไม่อยากเดินไปด้วยกันเพื่อรับฟังคำพูดเป็นห่วงเป็นใยที่ทงอุนมีต่อมีโซอีกแล้ว แต่ทว่าเขากลับรั้งเธอไว้ และเมื่อหันกลับไปมอง รอยยิ้มเขินก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าที่จุงฮยอนหลงใหลมันมาตลอด
“พี่กลับด้วยได้มั้ยครับ”
“คะ?”
“เผอิญพี่รีบเลยไม่ได้ขับรถมาเอง ถ้ายังไง...พอจะให้พี่เป็นคนขับรถพาจุงฮยอนไปส่งที่โซลได้มั้ยครับ”
ทั้งท่าทางและคำพูดที่แสดงความเขินอายนั่นแม้จะเป็นภาพที่นานๆ ทีจะได้เห็น แต่ก็น่าดูเสมอในสายตาและห้วงความคิดของจุงฮยอน หญิงสาวหัวเราะ ยื่นกุญแจรถที่ห้อยตุ๊กตาหมีสีม่วงไปตรงหน้า
“แล้วถ้าไปถึงที่โซล ขอเบอร์เกอร์สักมื้อจะได้มั้ยคะ”
ทงอุนโอบไหล่จุงฮยอนที่ถึงกับใจเต้นไม่เป็นจังหวะจนกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจของเธอเลยจริงๆ
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ”
แค่รอยยิ้มของทงอุน จุงฮยอนก็ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้แล้ว J
เจ้าของรองเท้าส้นสูงสีดำสูงกว่าห้านิ้วยังสามารถรีบร้อนวิ่งออกมาจากห้องน้ำโดยที่ยังรักษาสมดุลการทรงตัวไว้ได้เป็นอย่างดี ผมสีดำประกายน้ำตาลสะบัดพลิ้วไปตามแรงวิ่งของฮวังฮเยริม แว่นกันแดดสีชาขอบชมพูถูกดันขึ้นเพื่อไม่ให้มันหล่น หญิงสาวที่ทั้งตัวอาบไปด้วยสิ่งของแบรนด์ Prada ตะโกนบอกเพื่อนรักที่กำลังนั่งไขว่ห้างละเลียดกินไอศกรีมซันเดย์ที่ซื้อจาก McCafé ในดิวตี้ฟรี มองคนที่เดินผ่านไปมาอย่างสบายอารมณ์
“ขอโทษที่ช้านะ”
“หืม ไม่หรอก” ผมสีบลอนด์สว่างตัดกับชุดเดรสสีขาวและขับกับผิวขาวเนียนของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี รอยยิ้มสดใสจากริมฝีปากเคลือบกลอสสีชมพูอ่อนส่งไปให้กับเพื่อนสาว
“เราจะไม่ไปพักที่บ้านของเธอจริงๆ เหรอ”
คนถูกถามรีบส่ายหัว “ไม่ใช่บ้านของฉันสักหน่อย ถ้าพวกเขาไม่อนุญาตฉันก็พาใครไปไม่ได้ทั้งนั้นแหละ”
เพื่อนสาวชักสีหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที
“ถามจริงเถอะ! พวกเขาที่ว่าเนี่ยหมายถึงสองพี่น้องนั่นหรือว่าพ่อของเธอกันแน่”
ได้แต่ยักไหล่แล้วยิ้มแกนๆ แทนคำตอบที่ฮเยริมน่าจะพอเดาออกได้แล้วว่าโชโซฮีหมายความถึงใครกันแน่?
“ฉันไม่เข้าใจว่าเธอยอมสองพี่น้องนั่นไปได้ยังไง อย่างน้อยแม่เธอก็แต่งงานกับพ่อของเขานะ! น่าจะให้เกียรติกันบ้างสักนิดก็ยังดี”
“ช่างเหอะ” บอกปัดด้วยไม่อยากจะพูดถึงเรื่องราวนี้ให้มากความ และอีกเหตุผลคือเธอไม่อยากที่จะให้ใครมาพูดถึงเรื่องราวของทางบ้านทั้งที่ไม่ได้รู้อะไรดี โอเค เธออาจจะเล่าให้ฮเยริมฟังบ้างว่าประสบพบเจอกับเหตุการณ์ใดมา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาตัดสินเรื่องราวทางบ้านของเธอสักหน่อย!
“เธอก็เป็นเสียอย่างนี้”
ทุกครั้งที่ฮเยริมเริ่มต้นต่อว่าสองพี่น้องลูกติดของพ่อเลี้ยงโซฮีทีไร เป็นต้องไม่ได้รับการตอบกลับด้วยความรู้สึกเช่นเดียวกับที่เธอรู้สึกเสียทุกทีไป
นี่ยังคิดจะปกป้องคนที่ทำให้เธอต้องย้ายมาเรียนที่ปารีสอีกหรือยังไง?
“เถอะน่าอย่าสนใจนักเลย! เออนี่ ฉันให้จุนจองโรงแรมให้แล้วนะ ถ้าไม่ถูกใจเราก็ไปถล่มจุนกัน”
ตักไอศกรีมคำสุดท้ายเข้าปากก่อนจะเล็งเป้าโยนมันไปยังถังขยะที่อยู่ไม่ไกล แต่คนอย่างโซฮีเคยกะระยะถูกเสียที่ไหนกันล่ะ ถ้วยไอศกรีมหล่นปุกลิ้งหลุนๆ ไปบนพื้น ทำเอาฮเยริมหัวเราะลั่น
โซฮีทำหน้ามุ่ยใส่เพื่อนสาวที่หัวเราะไม่เกรงใจกันเลยสักนิด แต่พอจะเดินไปเก็บขยะที่ตัวเองทำหล่นไว้ มันก็ถูกเก็บไปหย่อนลงบนถังขยะเสียก่อน
หญิงสาวร่างเล็กเจ้าของผมสีดำยาว ใบหน้าน่ารักที่ถูกแต่งแต้มจากเครื่องสำอางอ่อนๆ ส่งยิ้มให้กับเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทอประกายพลิ้วไหว ก้มหัวให้กันเพียงเล็กน้อยก่อนที่เธอจะลากกระเป๋าเดินทางเพียงใบเดียวเดินจากไป
“รีบไปกันเถอะโซฮี ฉันอยากอาบน้ำแล้วตะลอนเที่ยวเกาหลีจะแย่แล้ว”
เหมือนจะรู้จัก แต่ก็นึกไม่ออก...
มีโซรู้สึกคุ้นหน้าผู้หญิงผมบลอนด์ที่ใส่เดรสพลิ้วไหวสีขาวสบายตาและผู้หญิงแบรนด์เนมที่มาด้วยกันอย่างบอกไม่ถูก หลังจากเก็บถ้วยไอศกรีมซันเดย์ที่ผู้หญิงคนนั้นทำหล่นไปทิ้งก็เดินครุ่นคิดมาตลอดทาง
ก็ใช่ว่าติดใจอะไรมากมายหรอก แต่เวลาที่นึกบางอย่างไม่ออกมันจะว้าวุ่นมากจนไม่อยากจะทำอะไรอื่น ใครนะ? ใครกัน? มีโซอยากที่จะนึกออกจริงๆ เลย
หยุดฝีเท้าลงที่หน้า Gs books อยากที่จะหาซื้อหนังสือไว้อ่านเล่นสักเล่มฆ่าเวลา เธอพกมาแต่หนังสือนำเที่ยวลอนดอนแค่เล่มเดียวและอ่านมันจนจะขึ้นใจอยู่แล้ว
เดินลากกระเป๋าเข้าไป ก่อนหยุดแวะที่โซนนิตยสารพลางหยิบนิตยสารแฟชั่นชื่อดังที่สุดของเกาหลี Coquet ซึ่งคุณแม่ของเพื่อนสาวสุดที่รักของเธอ...คิมจุงฮยอน...เป็นเจ้าของอยู่ขึ้นมาดู
ปักษ์ประจำเดือนนี้ขึ้นปกควอนซูฮยอนนางแบบแฟชั่นชั้นสูงชื่อดังที่กำลังมีชื่อเสียงอยู่ทั่วโลกในตอนนี้ จะว่าเป็นนางแบบในดวงใจของมีโซก็ไม่ผิดนักหรอก ก็ดูสิ! ผมสีน้ำตาลดัดลอนอ่อนๆ ที่ถูกปล่อยให้ยาวสยายระใบหน้าต้องกับแสงไฟ และหุ่นเพรียวบางในชุดเดรสสีแดงคาดเข็มขัดสีน้ำเงินใหญ่ทันสมัยแบรนด์ PPQ จากแคทวอล์คของลอนดอนแฟชั่นวีค ผิวสีขาวอมชมพูเนียนสวยอย่างคนสุขภาพดีถูกแต่งแต้มใบหน้าด้วยเครื่องสำอางจนดูสวยเฉี่ยว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวินาทีนี้ไม่มีใครมีเสน่ห์ดึงดูดใจได้เท่ากับนางแบบสาวควอนซูฮยอนเลยจริงๆ
ผู้หญิงกว่าครึ่งโลกไม่ว่าใครก็อยากจะเป็นได้อย่างซูฮยอนทั้งนั้นแหละ!
พลิกดูผ่านๆ อย่างคนติดนิสัย แม้ว่ายังไงก็จะซื้อมันอยู่แล้วก็ขอให้ได้พลิกดูก่อนสักนิดก็ยังดี
ก่อนที่จะเดินออกจากโซนนิตยสารไปหานิยายดีๆ สักเล่มอ่าน ก็ไม่รู้อะไรดลใจให้เธอหยิบนิตยสารแฟชั่นหัวนอกอีกเล่มขึ้นมาดู เพียงเพราะข้อความสะดุดตาบนหน้าปกเกี่ยวกับการพิชิตใจผู้ชายในฝัน โอ๊ย~ ก็ยอมรับอยู่หรอกนะว่ามันบ้าบอสิ้นดี! แต่ถึงยังไงไอ้คอลัมน์แบบนี้มันก็เรียกความสนใจจากผู้หญิงอย่างเราๆ ได้อยู่แล้วนี่นา
แต่ก่อนที่จะเปิดไปถึงหน้าของคอลัมน์ที่เธอต้องการ มีโซก็ต้องรีบย้อนมาดูหน้าก่อนๆ เมื่อปะเข้าให้กับใบหน้าที่คุ้นเคยของใครบางคน
ว่าแล้วไง!
มิน่า ทำไมมีโซถึงได้คุ้นหน้าคุ้นตาจัง ก็ผู้หญิงสองคนนั้น...โชโซฮีและฮวังฮเยริมเป็นนางแบบ Snapshot ตามท้องถนนของปารีสที่เธอมักจะเจอเสมอยามท่องเว็บ แต่มีโซก็ไม่ได้สนอกสนใจอะไรมากมายนอกจากว่าเป็นคนเกาหลีเท่านั้นเอง อีกทั้งยังดูเหมือนว่าเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทองเด่นเป็นสง่านั้นจะมีชื่อเสียงพอสมควรในกลุ่มนักออกแบบเสื้อผ้ามือใหม่ของปารีสด้วย
ได้รู้แล้วก็โล่งใจดีชะมัด ว่าแล้วก็พลิกเปิดไปยังหน้าเป้าหมายที่เธอสนใจตั้งแต่แรก
“พิชิตใจชายในฝัน เฮ้ ทำให้ตายยังไงพี่ทงอุนก็ไม่สนใจผู้หญิงกะโปโลอย่างเธอหรอกมั้ง”
หันใบหน้าขวับอย่างรวดเร็ว นัยน์ตากลมโตสีดำสนิทจากคอนแทคเลนส์จ้องหน้าตาคนปากไวอย่างตกตะลึง แต่ก็แค่ชั่ววินาทีเดียวก่อนที่ริมฝีปากเล็กสีชมพูจะเริ่มต้นโต้กลับไปทันควัน
“อย่างนายต่อให้ตายไปตรงหน้า สาวในฝันยังไม่แม้แต่จะแลเลยเหอะ!”
แม้จะโดนสวนกลับไป แต่ชายหนุ่มผู้มาใหม่ยังคงหัวเราะร่วนได้ หยิบนิตยสารสารคดีภาษาอังกฤษขึ้นมาพลิกดูก่อนจะหยิบมันเดินไปจ่ายเงิน
มีโซรีบเดินไปดักหน้าก่อนที่เขาจะก้าวเดินออกจากร้าน ใบหน้ายียวนที่มีโซยอมรับว่าสุดแสนจะน่ารำคาญชวนให้ประสาทจะเสียทุกครั้งที่ได้พบเจอและต้องต่อปากต่อคำกันทุกวันที่ไปมหาวิทยาลัย ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้มาพบเจอกับเขาที่นี่
อีซึงรี
“นายมาทำอะไรที่นี่ ไม่ไปเรียนหรือยังไง” หรี่ตามองอดีตเพื่อนร่วมคณะอย่างสงสัยใคร่รู้
“ไม่ล่ะ ฉันลาออกแล้ว”
ยิ้มกว้างให้กับมีโซที่แทบจะอ้าปากค้างกับคำตอบที่ได้รับ “ลาออกแล้ว?”
“อะไรกันเล่า ทีเธอยังลาออกไปเที่ยวได้เลย แล้วทำไมฉันจะทำบ้างไม่ได้ ฮึ L”
“ฮึ้ย!” เหมือนจะถูกกวนประสาทยอกย้อนเข้าให้เช่นนี้ คำถามทั้งหลายก็พลันสลายหายไปหมดเกลี้ยง การต่อล้อต่อเถียงเช่นที่เคยเป็นก็หวนกลับมาอีกครั้ง “ขี้ก๊อป! ขนาดจะลาออกไปเที่ยวยังต้องมาทำตามฉัน”
คนโดนต่อว่ายักไหล่ไม่ใส่ใจ “ฉันก็แค่นึกอยากจะเที่ยวก็เท่านั้นเอง”
“รอปิดเทอม รอเรียนจบก็ค่อยเที่ยวสิ นี่อะไร...ลอกเลียนแบบกันชัดๆ”
“เธออยากจะด่าอะไรฉันก็ด่าไปเถอะ ฉันไม่แคร์ เพราะถึงยังไงเธอกับฉันก็ต้องเจอกันอยู่ดี”
ทั้งคำพูดชวนสงสัย และรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์ไม่จริงใจ แทบจะทำให้มีโซอยากกรีดร้องออกมาเสียเดี๋ยวนั้น ถ้าไม่ติดว่าอายคนเค้าได้กรี๊ดออกมาตอกหน้าเพื่อนเวรคนนี้แน่ๆ
“นายหมายความว่ายังไง”
อย่าให้สิ่งที่จางมีโซคิดไว้เป็นจริงเลยค่ะพระเจ้า...แล้วมีโซจะยอมไม่โทรไปขอเงินแม่เที่ยวจริงๆ เลยนะเอ้า!
“ฉันก็จะไปลอนดอนเหมือนกับเธอยังไงล่ะ J”
พระเจ้าบ้าที่สุด!!!!
Lightless
» to be continued…
LOVELESS:’{ LIGHTLESS
อยากบอกว่าฟิคเรื่องนี้แต่งยากมากกกกก! จากใจ . ต้องหาข้อมูลเต็มที่เลย แต่ถึงเหนื่อยก็สุขใจอะไรอย่างนี้ : D
แต่ยิ่งแต่งก็ยิ่งหลงใหลเรื่องแฟชั่นโคตรจะเข้าขั้น สนุกอ่ะ สนุกมากกกกกกกกกก ~ ค้นพบแนวฟิคที่ใช่แล้ว ๕๕ ,,
อ่อ ' ร้านอาหารในอินชอนทุกร้าน แล้วก็แบรนด์ PPQ นี้มีอยู่จริงนะจ่ะ :) เค้าไม่ได้เมคขึ้นมานะตัวเอง !
แล้วถ้ามีอะไรในอินชอนที่มันแปลกๆ ไปบ้างก็อย่าว่ากันเลยนะ คือก็ไม่ได้รู้หมดว่าอะไรอยู่ตรงไหน เป็นยังไง*
ภาษาอาจจะเบลอๆ บ้างนะจ่ะ :) เพราะทุกวันนี้ก็มัวแต่เอาเวลาไปเวิ่นเว้อ หายใจทิ้งไปวันๆ ฟิคเฟิคอะไรก็ไม่ค่อยจะแต่ง .
ขอขอบคุณน้องตูนที่ทำให้พี่แอบหลงรักซึงรีขึ้นมานิดนึงด้วยนะจ่ะ แต่งเพลินแอบรักมันขึ้นมาเพลินๆ :} ฮิฮ่า ~
ปล.เจ็บหัวเข่า กระดูกกระเดี้ยวเหมือนจะไม่มีเรี่ยวแรง T T สงสัยจะแก่แล้ว . . .
* I Love You The Most J
ความคิดเห็น