ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพลิงภูต

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 93
      0
      17 พ.ค. 57



              อากาศหนาวเกือบจัดช่วงกลางเดือนธันวาคม โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขา ความเย็นเคลือบไปทุกยอดหญ้า ซอกซอนลงแทบทุกอณูพื้นผิวแม้แต่ในโพรงจมูก  ทำให้เกิดเสียงหอบหายใจดังแทรกเสียงลมหวีดหวิวเป็นพักๆ ความมืดมีอำนาจมากจนทำให้ไฟทางบนถนนที่ทอดยาวลดเลี้ยวตามสภาพภูมิประเทศดูเหมือนเทียนเล่มเล็ก คลับคล้ายสรรพสิ่งรอบตัวจะครั่นคร้ามมัน เว้นแต่เงาตะคุ่มของคนคู่หนึ่งที่พยายามฝ่าความหวาดกลัวมุ่งหน้าสู่บ้านหลังหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่บนไหล่เขา

                    เสียงบันไดไม้ลั่นเอี๊ยดยามที่ร่างทั้งสองวางน้ำหนักลงไป หนึ่งก้าวต่อหนึ่งเสียงขานรับราวกับบ้านกำลังรับรู้ถึงการมาเยือนของคนแปลกหน้าทั้งสอง ครั้นถึงหน้าประตูกึ่งไม้กึ่งกระจกที่มีแสงแวววาวของลายฉลุโลหะเคลือบทองที่อยู่หลังกระจก คนตัวโตถึงกับสะดุ้งเมื่อแสงของมันสะท้อนวาบเข้านัยน์ตา ขณะที่คนตัวเล็กกว่าย่อตัวลงค้นกุกกักใกล้ประตู

                    เป็นอะไร คนตัวเล็กเคาะไฟฉายเมื่อประสิทธิภาพของมันด้อยเกินไปสำหรับถ่านใหม่

                    คนตัวโตแหงนหน้าเหลือกตามองเมฆสีดำที่เคลื่อนอย่างอ้อยอิ่งเหนือยอดไม้ ดวงจันทร์กลมโตกำลังถูกบดบังด้วยควันจางๆ เหมือนเส้นใยสีดำที่กำลังล่องลอยตามเมฆก้อนใหญ่เหมือนเค้าฝน ทั้งที่เป็นเดือนสุดท้ายของปี

                    เมื่อกี้เห็นหรือเปล่า เสียงห้าวกระซิบอย่างหวาดหวั่น คนตัวเล็กกำบางสิ่งไว้ในมือขณะยืดตัวขึ้น

                    อะไร

                    เหมือนมีคนอยู่ข้างใน เขาแทบจะไม่สบตากับประตูบุกระจก

                    ปอดแหก เราผ่านมันวันหนึ่งไม่รู้กี่ครั้ง อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า ไอ้พวกขี้ยายังไม่กล้าขึ้นมาเลย คนตัวเล็กดุเสียงแหลมพลางเสียบวัตถุแข็งความยาวเท่ากับนิ้วชี้ลงไปในช่องกุญแจ

                    กริ๊ก!

              เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับความกังวลที่แทรกซึมรอบตัวคนทั้งคู่ แต่คนที่เข้าถึงความรู้สึกนั้นได้มากกว่าเห็นจะเป็นคนตัวโต ยามเดินผ่านประตูบานนั้นหลังจากที่คนตัวเล็กหัวเราะคิกเดินเข้าไปก่อน พลันแสงสว่างก็แทนที่ความมืดราวกับต้องการเปิดเผยโฉมหน้าคนบุกรุก ชายหนุ่มสะดุ้งวาบผงะจนแผ่นหลังชนประตู ดวงตารีเฉียงปิดปี๋เพราะความตกใจ

                    เห็นไหม บอกแล้วว่าไม่มีอะไร คนตัวเล็กกว่าเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย ใบหน้าเรียวกระจ่างสดใสแบบเด็กสาวที่เพิ่งเรียนจบชั้นมัธยมปลาย ผิวขาวผ่องตามแบบฉบับสาวเหนือ ชุดกระโปรงลายดอกไม้เล็กๆ สีครีมเหลือบทองขับความมีชีวิตชีวาของเธอ แต่นั่นไม่เท่ากับนัยน์ตาหวานหยาดเยิ้มคละเคล้ากับความไร้เดียงสาแห่งวัย

                    ชายหนุ่มค่อยยิ้มออกมาได้เมื่อเห็นความน่าหลงใหลกระจ่างตา แต่ก็เป็นยิ้มที่อิหลักอิเหลื่อเต็มที ดวงตารีมองข้ามกลุ่มผมสีดำเรียบลื่นน่าสัมผัสไปยังเบื้องหลัง สภาพภายในบ้านเหมือนมีผู้อยู่อาศัย ไม่ใช่บ้านเกือบร้างที่เจ้าของอพยพครอบครัวออกไปเมื่อปีก่อน เหตุการณ์ ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของบ้านหลังจากนั้น ไม่มีใครในละแวกนี้หรือแม้แต่จังหวัดนี้จะไม่ระลึกถึงมัน แต่น้อยคนนักที่จะเข้ามาสัมผัสความน่าสะพรึงแบบที่เขากำลังเผชิญอยู่ เพราะผู้ใหญ่บ้านได้ขอร้องลูกบ้านให้เกียรติของเจ้าของสถานที่ซึ่งบัดนี้ย้ายออกนอกจังหวัดไปแล้ว ประกอบกับลักษณะภูมิประเทศที่แวดล้อมบ้านหลังนี้และบ้านใกล้เคียงยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มาก ลักษณะคล้ายรีสอร์ตกลางป่า ดังนั้นนอกจากคนในพื้นที่แล้ว คนนอกจะไม่มีทางรู้เลยว่ามีบ้านหลังใหญ่ที่มีอดีตซ่อนอยู่บนเขาลูกนี้

                    เหมือนมีคนมาทำความสะอาด มันแทบจะ... เขากลอกตาพร้อมยื่นนิ้วกวาดโต๊ะไม้สักสลักลวดลายคล้ายศิลปะจีนโบราณใกล้ประตู

                    ไม่มีฝุ่น เขาก้มลงสบตาด้วยความหวาดหวั่น เธอยิ้มกว้างแล้วเบือนหน้าไปทางอื่นราวกับต้องกลั้นความขบขันเพื่อมารยาท ทั้งที่เจ้าหล่อนไม่เคยมีคำนี้อยู่ในพจนานุกรมส่วนตัวเลยสักนิด

                    เด็กนั่นเป็นโรคหอบ

                    ชายหนุ่มวัยเดียวกันถอนหายใจ มันไม่ได้ช่วยให้สบายใจขึ้นเท่ากับเห็นใบหน้านวลหันกลับมา ริมฝีปากอิ่มแดงเผยอเล็กน้อยขณะร่างเล็กยืดตัวขึ้นให้เสมอกับเขา เพียงวินาทีเดียวริมฝีปากของทั้งสองก็แตะกัน เขาก้มหน้าลงมาพร้อมกับโอบรอบแผ่นหลังบอบบาง เสียงลมหายใจหอบกระชั้นของทั้งคู่ทำลายบรรยากาศอึมครึมเสียสนิท

                    เปรี๊ยะ...เปรี้ยง!

                    เสียงดังที่เหมือนเสียงตะโกนด้วยความโกรธกระชากทั้งสองแยกออกจากกันทันที ชายหนุ่มหน้าเผือด ดวงตารีเบิกกว้างจนนัยน์ตาดำล่องลอยอยู่ในพื้นที่สีขาวอย่างคนสติกระเจิง ไฟสว่างจ้าเมื่อครู่ดับวูบเหลือเพียงโคมไฟสลัวหน้าบันได

                    หญิงสาวถอนหายใจหนักๆ ราวกับจะหมดความอดทน ใช่!...เธอทนมามากพอแล้ว กว่าจะอ่อยชายหนุ่มที่เป็นขวัญใจสาวทั้งอำเภอได้ก็แทบแย่ นี่ไม่รวมว่าคบกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ เพราะแม่เธอเป็นพวกหัวเก่า อย่านึกถึงว่าจะไปพลอดรักกันที่ไหนเลย พวกชาวบ้านตาเป็นสัปปะรด ยิ่งไอ้เชื้อโรคที่เรียกว่านินทามันลุกลามเร็วกว่าเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่เสียอีก พอมาได้ที่ลับหูลับตาเหมาะแก่การปลดปล่อยความคุโชนแห่งฮอร์โมนวัยรุ่น ก็ดันมีอุปสรรค

    ครั้นจะเข้าไปในป่าแบบที่เธอมักพาหนุ่มๆ ไม่ซ้ำหน้าเข้าไปนั้น เฉพาะกลางวันล่ะก็ได้ เธอรู้จักป่าดีพอๆ กับผู้ชายนั่นแหละ ป่าในเวลากลางคืนก็เหมือนคนแปลกหน้า ความมืดมิดที่เหมือนกับถูกกักบริเวณไว้ในห้องที่ทาสีดำกับเสียงแมลงน่ารำคาญ ไม่โรแมนติกสักนิด!

                    อย่ากลัวไปหน่อยเลยน่า เธอย้ำอย่างกับมันจะได้ผล

                    ไปที่อื่นกันเถอะ ชายหนุ่มมองไปรอบๆ อย่างหวาดหวั่น บ้านแบบเปิดโล่งเพดานสูง บันไดอยู่ห่างจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ราวๆ สองเมตร มันตั้งฉากกับทางเดินบนชั้นสองที่หายไปในความมืดทั้งซ้ายและขวา เขาแทบไม่อยากจินตนาการเลยว่าถ้ามีอะไรโผล่ออกมาจากตรงนั้น...

                    เขาก้มมองหญิงสาวในอ้อมกอด แววตาสุกใสเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

                    มีอะไรกันในบ้าน...เอ่อ...แบบนี้ มันไม่โรแมนติกหรอก เชื่อผมเถอะเขาละคำที่อาจจะปลุกอะไรนั่นออกมา โบราณว่า พูดถึงผี...ผีก็มา!

                    อย่าขี้ขลาดนักเลย บอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีสิ ที่ไฟมันดับก็เพราะมันเก่ามากต่างหาก

                    ผมไม่ได้ขี้ขลาด! แต่บรรยากาศแบบนี้ไม่ชวนอยากเลยเขาพูดเสียงหนักทั้งที่ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ น้ำเสียงของเขาไม่ดังเกินกว่ากระซิบ

                    จ้า พ่อคนตาขาว วับๆ แวมๆ อย่างนี้สิดี จะได้ตื่นเต้นหน่อย เราขึ้นไปข้างบนกันดีกว่า พูดจบก็ดึงมือชายหนุ่มให้เดินตามไปที่บันได แม้เขาจะไม่สบายใจเลยที่ต้องตกอยู่ในสภาพขวัญหนีดีฝ่อ แต่จะบอกผู้หญิงที่สูงแค่ไหล่ว่าเขากลัวผีจนขี้ขึ้นสมองน่ะหรือ เธอคงได้หัวเราะเยาะดีไม่ดีพ้นคืนนี้ไป พวกเพื่อนๆ ของเธออาจรู้แล้วว่าเขาเป็นพวกไม่เอาไหน หลังจากที่เธอเพิ่งตั้งฉายาให้เขา พ่อคนตาขาว

              เขารู้สึกว่าน้ำหนักตัวทั้งหมดไหลลงไปถ่วงเท้าทั้งสองข้าง แต่ละย่างก้าวจึงแทบจะต้องลากขา ข้อดีคือเขาต้องตั้งใจมากกว่าปกติเพื่อยกเท้าวางลงบันไดแต่ละขั้น และตั้งสมาธิแน่วแน่ไปที่เธอ แน่ล่ะความกลัวยังคงมีอยู่แต่ความปรารถนามีมากกว่า ทั้งคู่แทบจะกลืนกินกันทั้งที่ยังเดินขึ้นไปแค่ครึ่งทาง ช่วงเวลาสั้นๆ หลังจากที่พักหอบหายใจ หญิงสาวก็ปรือตาบอกเสียงพร่าว่า

                    ทำไมเราไม่ทำอะไรที่มันตื่นเต้นกว่านี้ล่ะ

                    เราไม่ได้กำลังทำอยู่เหรอ เขากดสะโพกเธอเข้ามาชิดจนสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุของกันและกัน เธอใช้มือเล็กดันผนังเพื่อจะได้หลุดออกจากความปรารถนาของเขาชั่วคราว มองกองไฟเล็กๆ ที่ลุกอยู่ในดวงตารี ซึ่งกำลังโลมเลียแผดเผาตัวเธอเช่นกัน

    เขาคือคนที่จะมาช่วยคั่นเวลาระหว่างที่เธอยังไม่ได้ตัดสินใจ เกี่ยวกับอนาคตตัวเองหลังจากจบมอหก ประสบการณ์ในชีวิตที่มากกว่าเธอถึงสองปีคงจะช่วยให้ชีวิตวัยรุ่นของเธอต่อจากนี้ไม่น่าเบื่อนัก การเป็นชายในฝันของสาวๆ ในเมืองเล็กแห่งนี้ ทำให้เขาเหมาะสมกับการพาเธอไปให้สุดทางรัก  ถึงเธอจะคบกับผู้ชายมากหน้าหลายตาแต่ก็แค่สัมผัสกันแบบฉาบฉวย ส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์แบบนั้นคือข้อจำกัดเรื่องสถานที่ ป่า ไม่ใช่ที่สำหรับคู่รักที่ต้องการความสัมพันธ์ลึกซึ้ง

     อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาแสดงออกว่าอ่อนไหวต่อบ้านหลังนี้แค่ไหน ความเชื่อมั่นที่มีต่อสัญชาตญาณแห่งความเป็นมนุษย์เพศชายผู้คึกคะนองค่อยๆ ลดลง สำหรับเธอในตอนนี้ เขาก็แค่คะแนนสะสมแต้มเพื่อเอาไปเกทับเพื่อนๆ เท่านั้น

                    มีที่จะทำให้นายตื่นยิ่งกว่า...มาสิ เสียงกระซิบของเธอทำให้ขนในตัวของชายหนุ่มลุกชัน เขาแทบจะกระโจนตามเธอลงไป เสียแต่ว่าความอึกทึกของเขาอาจสร้างความไม่พอใจให้กับอะไรที่อยู่ในนี้อย่างเมื่อครู่ก็เป็นได้

    เอาล่ะ ตอนนี้เขาอยากสนุกกับเธอเสียจนอาจแสร้งทำเป็นลืมๆ ว่าที่นี่เคยมีอดีตอย่างไร แต่แล้วเขาแทบอยากตบหัวตัวเองเมื่อพบว่าเขาตามเธอไปไหน

                    นี่มัน... เขาคว้ามือเล็กไม่ทัน เสียงถอดสลักกลอนทำให้หัวใจคนฟังหล่นวูบ บ้านหลังนี้สร้างความแปลกใจให้ผู้มาเยือนเป็นครั้งแรกอย่างไม่สิ้นสุด และแน่นอนว่าเป็นเขา เพราะเธอรู้แม้กระทั่งว่ามีห้องเก็บของใต้บันได

                    ที่แคบ?...มันน่าตื่นเต้นตรงไหน ถ้าเธอมีรสนิยมแบบนั้นเขาจะพาเธอไปสนุกในห้องน้ำที่ผับในเมืองก็ได้  ไม่เห็นจำเป็นต้องถ่อมาถึงบ้านที่แวดล้อมไปด้วยผืนป่าและขุนเขา บ้านที่มีอดีตที่ไม่มีมนุษย์คนใดอยากให้เกิดขึ้นแม้สักครั้งในชีวิต เขามาเพราะอยากเอาใจเธอเท่านั้น ซึ่งมันบ้ามากๆ ที่ยอมตามใจเธอถึงขนาดไปทำเรื่องแบบนั้นในห้องเก็บของสกปรก

                    อย่าเลย ขึ้นไปข้างบนเถอะ เขาดึงมือเธอขณะที่ร่างน้อยหายเข้าไปในความมืดของห้อง มันมืดจนคล้ายกับม่านสีดำมีเพียงมือขาวๆ ของเธอเท่านั้นที่ทำให้เขารู้ว่าตัวเองไม่ได้ยืนจ้องผนัง

                    มาเถอะน่า แล้วนายจะชอบ ได้ยินว่าพวกนั้นเก็บสมบัติไว้ข้างล่างด้วย เสียงใสทะลุผ่านความมืดออกมา เขาขมวดคิ้วกับคำว่า ข้างล่าง

                    ยังไม่ทันที่เขาจะขอให้เธอตอบคำถาม แสงจากไฟฉายที่เหมือนจะใช้ไม่ได้ก่อนหน้านั้นพลันสว่าง ทำให้คนที่ยืนอยู่หน้าประตูมองเห็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย เวลานี้ขาเขามีแรงพอขยับได้ และเขาก็รู้แล้วว่าข้างล่างหมายถึงอะไร

                    พวกนั้นรวยมาก เห็นว่าญาติเขาเป็นคนออกแบบบ้านหลังนี้ มีห้องใต้ดินเหมือนบ้านในหนังฝรั่ง เธอหยุดเดินแล้วหันขึ้นไปมองคนที่กำลังตัดสินใจก้าวลงมาด้วยสายตาขี้เล่น

                    เจ๋งใช่ไหม คนฟังพยักหน้าเร็วๆ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลัวน้อยลง เขาไม่เคยได้ยินว่ามีสมบัติซ่อนอยู่ในบ้านหลังนี้ นอกจาก...

                    เราจะไม่ลงไปทำอะไรกันข้างล่างใช่ไหม เขารั้งมือเธอเมื่อเริ่มคิดถึงบางสิ่งที่คนสูงอายุในหมู่บ้านเล่าให้ฟัง คำบอกเล่าเกินจริงเมื่อวานกลับมีน้ำหนักกดความกล้าหาญของเขาลงไปจนแทบไม่น่าเชื่อว่าเคยมีมันมาก่อน เมื่อเขากำลังมองห้องใต้ดินด้วยสองตาอันหวาดกลัวของตัวเอง

                    จะให้บอกอีกกี่ครั้ง... เสียงถอนหายใจเหนื่อยหน่ายดังมาจากเจ้าของมือเล็กที่คอยกระตุกมือเขาอย่างน่ารำคาญ

                    ความตื่นเต้นทำให้เราไม่ลืม ฉันอยากให้นายจำคืนนี้ของเรา ปลายเสียงค่อนข้างเบาอย่างที่คนฟังมักจะโอนอ่อนเสมอ ทว่าผู้ที่ทิ้งความกล้าไว้หน้าประตูบ้านได้ตัดสินใจเลือกหนทางของตัวเองแล้ว

                    เราจะไม่ลงไปข้างล่าง ถ้าเธออยากนอนกับผม!”

              หญิงสาวยกไฟฉายขึ้นมาส่องหน้าเขาจนต้องเบือนหนี น้ำเสียงแข็งกร้าวบวกกับท่าทางคล้ายคนที่ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว จุดความไม่พอใจในตัวเธอทันที

    คนขี้ขลาด! ก็ได้ ใช่ว่าเธออยากนอนกับเขาสักหน่อย เธอเป็นสาวในฝันของหนุ่มๆ ในจังหวัดนี้เหมือนกัน ทำไมต้องง้องอนหนุ่มปวส.กระจอกๆ นี้ด้วยล่ะ

    เพียงแค่ใครๆ ต่างเห่อที่เขากำลังฮอตในหมู่สาวๆ พาณิชย์ แล้วเธอต้องยอมหรอกนะ!

                    ก็ได้ ไม่ลงไปก็ได้ แต่ฉันจะไม่ออกไปเพื่อขึ้นเตียงกับนายแน่นอน ฉันจะกลับบ้าน เธอตอบอย่างไม่ยี่หระ อารมณ์ใคร่นะไม่มีแล้ว มีแต่อารมณ์อยากจะผลักเขาลงไปข้างล่างเท่านั้น

    เฮ้! เธอมีอะไรทำแก้หงุดหงิดแล้วล่ะ

                    ตามใจ เขาตอบแต่ยังไม่ปล่อยมือเล็ก

                    งั้นนายลงมาดันหลังฉันหน่อย เหมือนขาจะเป็นเหน็บ ก้าวไม่ขึ้น

                    ผมจะดึงเธอขึ้นมา เขาเสนอพลางสอดตาลงไปข้างล่าง ความมืดนั้นไม่อาจคะเนความลึกได้ เขาภาวนาให้เธอรีบขึ้นมาเสียที ประสาทจะแย่อยู่แล้ว

                    บอกว่าขยับขาไม่ได้ ไม่เข้าใจหรือไง!” เสียงตวาดดังแหลมสะท้อนลงไปถึงข้างล่าง จนเขาแทบอยากจะปล่อยมือเธอ ให้ตายเหอะ นี่ถ้าไม่สวยน่ารักขนาดนี้ รับรองว่าจะทิ้งเธอให้ยืนเป็นเหน็บคนเดียวแน่ๆ

                    เขาใจแข็งพอที่ไม่ทำตามคำสั่งเธอ เขาออกแรงดึงทั้งที่ตัวเธอบอบบางตามแบบฉบับของสาววัยรุ่น โดยที่เขาหารู้ไม่ว่าเธอได้สอดเท้าตัวเองไว้ใต้บันไดแล้วเกร็งมันขณะที่เขาพยายามดึง รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากอ่อนนุ่ม

    เดี๋ยวเถอะ...รอให้ออกแรงมากอีกหน่อยเธอจะเบี่ยงตัวให้เขาผวาตกลงไป เธอกัดริมฝีปากกลั้นความยินดีอย่างตื่นเต้น

                    อย่าฝืนตัวสิ ไม่ได้การ ขืนปล่อยให้เวลาเนิ่นนานออกไปกว่านี้ คนที่จะประสาทเสียคือเขา ขณะที่แม่ตัวดีต้องเก็บเอาไปล้อแน่ เขาจึงทุ่มแรงทั้งหมดเพื่อดึงเธอขึ้นมา ระหว่างที่ตัวเธอกำลังลอย เสียงอุทานก็ดังขึ้น เขามองเธอ แต่ดวงตากลมน่ารักที่เต็มไปด้วยความแปลกใจกลับมองเลยไปยังเบื้องหลังของเขา...ที่ประตู!

              ชายหนุ่มหันกลับไปตามสัญชาตญาณ ความกลัวทำให้ขนทุกอณูในร่างกายลุกพึ่บ เสียงอุทานด้วยความแปลกใจดังขึ้นอีกครั้งก่อนเสียงโครมครามราวกับของหนักกลิ้งตกบันได สะท้อนทั่วความมืดเบื้องล่าง ความแปลกใจระคนความหวาดกลัวก่อนหน้านั้นเลือนหายไปเมื่อพบว่ามือของเขาว่างเปล่า

                    ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นประตูบ้านดีดตัวออก พร้อมๆ กับร่างผอมสูงกระโจนตามมา เขาล้มลุกคลุกคลานพลางอ้าปากกว้างรับเอาอากาศเย็นจัดเข้าไปไว้ในปอดก่อนจะแหกปากร้องเสียงหลง

              เมื่อสิ้นเสียงร้องโหยหวนที่ดังฝ่าความมืดออกไป ไฟในบ้านก็สว่างพึ่บราวกับมีงานเลี้ยงสำคัญ งานเลี้ยงต้อนรับแขกไม่ได้รับเชิญที่กำลังจะกลายเป็นเจ้าของบ้านคนใหม่!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×