ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ] รักวุ่นๆ ชุลมุนยกแก๊ง[KYUMIN]

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5 : พี่หมีอาละวาด

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.31K
      11
      29 ต.ค. 52


    Chapter 5 : พี่หมีอาระวาด

     
     
    สิ้นสุดความอดทนของคังอิน อุ้งตีนหมีประที่ศีรษะของคิบอมกับคยูฮยอนเต็มแรง คยูฮยอนที่ได้สติ เกิดอารมณ์โมโหชั่ววูบ ลุกขึ้นกระชากคอเสื้อคังอินสายตาบ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์กับการกระทำเมื่อกี้นี้ คังอินมองหน้าคยูฮยอนแล้วเริ่มหน้าซีด ไอ้เด็กนี่มันน่ากลัวจริงๆ ก่อนจะตั้งสติได้ แล้วตบไหล่คยูฮยอนเบาๆ                
    “ฉะ...ฉันรุ่นพี่แก่นะเว้ย!”    คังอินพูดกระตุกกระตัก                   
    คยูฮยอนพยักหน้ารับก่อนจะปล่อยคอเสื้อคังอินแล้วเดินออกจากห้องไป คังอินยังคงตกใจกับการกระทำของคยูฮยอนเมื่อกี้นี้ได้แต่ถอนใจเบาๆ                       
     “เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ ถ้าใครรู้ล่ะก็เสียฟอร์มตายเลย...เอ้า! ไอ้นี่”     คังอินที่หันไปเห็นคิบอมยังคงนั่งยิ้มอยู่เหมือนเดิม ก็ส่ายหน้าเบาๆก่อนจะเดินออกจากห้องไป คิดถูกหรือป่าวที่เลือกพวกมัน คนหนึ่งโหด อีกคนหนึ่งบ้า
                             
     
    -- ที่ประชุมแก๊งหน้าหวาน –
                                  
    ฮีชอลได้เรียกทุกคนมารวมตัวกันและบอกให้รู้ถึงงานจักเลี้ยงของแก๊งหนุ่มหล่อ      
     “นี่คือการ์ดเชิญที่พวกนั้นส่งมา”     ฮีชอลทิ้งการ์ดสีชมพูลงบนโต๊ะ ซองมินมองการ์ดนั้นอย่างสนใจก่อนจะหยิบมาดู สีชมพูมันสีโปรดนี่นา            
      “งานนี้ไอ้พวกนั้นต้องมีแผนอะไรอีกแน่ๆ”    ลีทึกพูด         
     “มันก็คงเป็นอย่างที่นายพูด”    ฮีชอลนั่งลงข้างลีทึก         
     “คอนเซปงานขาว-ดำ ผู้ที่มาร่วมงานใส่ชุดทักซิโด้ดำ เจ้าภาพใส่สีขาว สีมืดมนจัง”    ซองมินบ่นก่อนจะโยนการ์ดเชิญลงบนโต๊ะ            
      “ผมว่าผมคิดอะไรออกแล้วนะ”     ดงเฮที่นั่งเงียบอยู่งานพูดออกมาดวงตาเจ้าเล่ห์บอกให้รู้ว่ามีแผนอะไรดีๆอยู่แน่นอน                                  
    ทุกคนมองหน้ากันแล้วเขยิบไปใกล้ดงเฮเพื่อฟังแผนการของดงเฮ          
    “ก็เข้าท่าดีนะ”    เรียวอุกเสนอเมื่อฟังจบ
     “งั้นเอาตามนี้ ในงานให้ทุกคนประกบตามคู่ที่จัดไว้นะ เลิกประชุม”    ฮีชอลสรุปก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไป
                
                        
     
      -- คืนวันงานเลี้ยง –
                                      
    งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่หอประชุมของโรงเรียน แขกที่ถูกเชิญมาร่วมงานอยู่ในชุดทักซิโด้สีดำ
     ตัดกับเจ้าภาพงานที่อยู่ในชุดทักซิโด้สีขาวดูสะอาดตา(ทางบ้านของซีวอนตัดมาให้เป็นพิเศษ)ทุกคนในแก๊งในวันนี้ดูเหมือนเจ้าชายที่สง่างาม         
    ปัง!                               
    เสียงประตูหอประชุมที่ถูกผลักเข้ามาด้วยแรงมหาศาลของชายร่างอ้วน บ่งบอกให้รู้ว่าแขกคนสำคัญได้มาถึงแล้ว   ทุกคนในงานต่างหันไปให้ความสนใจกับผู้ที่มาใหม่                                    
    ด้านหลังชายร่างอ้วนปรากฏร่างของผู้ชายหน้าสวย 5 คนเดินเรียงกันมาตามลำดับความน่าเกรงขาม นำทีมโดยผู้บัญชาการแก๊งที่เพิ่งยึดอำนาจจากหัวหน้าแก๊งมา ใครๆต่างเรียกกันว่า ‘ซินเดอเรลล่า’           
    แก๊งหนุ่มหล่อเหมือนจะรู้หน้าที่ เดินออกมายืนเรียงแถวเป็นหน้ากระดาน เช่นเดียวกับแก๊งหน้าหวาน          
    ชุดที่ใส่ช่างหยามเจ้าภาพเสียจริง ฮีชอลใส่กางเกงลายสก๊อตสีแดงกับเสื้อสีแดงลายกะโหลกสีดำ
    ลีทึกชุดสีเหลืองทั้งตัว กางเกงขาเดปกับเสื้อลายทาง ซองมินในเสื้อฮู้ดสีชมพูกับกางเกงชายหาดสีเดียวกัน
    เรียวอุกใส่กางเกงยีนสีฟ้ากับเสื้อยืดสีฟ้าตัวใหญ่ ดงเฮในชุดสีเขียวเสื้อเชิ้ตกับกางเกงแบบเดียวกับซองมิน        
     “แต่งตัวไม่ให้เกียรติกันบ้างเลยนะ”      คังอินที่มองการแต่งตัวของแก๊งหน้าหวานแล้วยิ้มแหยๆเดินไปกระชากแขนลีทึกแล้วเดินไป
     “เชิญครับ”    ซีวอนพูอย่างสุภาพก่อนจะพาฮีชอลควงแขนเดินไป                 
    “สดใสเลยนะนาย”     เยซองมองหน้าเรียวอุกซักพักก่อนจะกอดคอกันเดินไป            
    “ดงเฮน่ารักจังเลยครับ”    คิบอมยิ้มให้ดงเฮก่อนที่จะพากันเดินไป               
     “น่ารักตายล่ะ ใช้มารยาได้เก่งจริงๆ”     คยูฮยอนมองตามคิบอมกับดงเฮไปแล้วทำหน้าตาไม่พอใจอย่างแรง
     “อย่ามาว่ากันแบบนี้สิ เพื่อนมาหลงด๊องเองต่างหาก”    ซองมินกอดอกพูดแล้วยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นปฏิกิริยาของคยูฮยอน   
    “พวกนายมันก็มารยาเยอะทั้งแก๊งนั่นแหละ”    เนื่องจากโมโหแล้วพาล                 
    “พูดงี้ได้ไง! พวกนายต่างหากล่ะที่ไม่มีสมองน่ะ!”     ซองมินเริ่มตะคอก
     “พูดแบบนี้มันหาเรื่องฉันนี้!”    คยูฮยอนตะคอกกลับ                   
    “ก็นายมาหาเรื่องฉันก่อน!”              
    “อย่ามาพูดมั่วๆนะ!”               
    “เบื่อโว้ยยย!!!!”    ซองมินโวยวายก่อนจะเดินไป คยูฮยอนก็ได้แต่มองแล้วเบ้ปากก่อนจะเดินไปคนละทาง
                             
                      
    -- ประตูหน้างาน –
              
     “ให้ผมเข้าไปเถอะครับ ผมมีบัตรเชิญนะ...นี่ไง”    ฮยอกแจหยิบบัตรเชิญให้คนเฝ้าประตูดูเพราะไม่ว่าจะพูดยังไง ไอ้บ้าร่างยักษ์นี่ก็ไม่ให้เข้าไปซักที        
    “ก็ดูสภาพนายสิ ฉันคงให้นายเข้าไม่ได้หรอก”    นายร่างยักษ์มองฮยอกแจอย่างดูถูก ฮยอกแจก้มลงมองตัวเองในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแลคสีดำ สภาพฉันมันเป็นยังไงก็แต่งมาถูกคอนเซปงานนี่นา
    “คอนเซปงานขาว-ดำไม่ใช่หรอ ฉันก็แต่งถูกแล้วนี่”    ฮยอกแจเริ่มเบ้ปาก
    “ถูกบ้านนายสิ! ฉันว่านายกลับไปงานรายละเอียดให้ดีก่อนแล้วค่อยกับมาใหม่ก็แล้วกัน!”
    “มีอะไรกันหรอ”    คิบอมที่เดินควงออกมากับดงเฮเห็นคนเถียงกันอยู่หน้าประตูเลยทักขึ้น               
     “หมอนี่แต่งตัวไม่ถูก ผมเลยไม่ให้เข้างาน”    นายร่างยักษ์ชี้ไปที่ฮยอกแจที่กำลังโวยวายใหญ่             
     “อ้าว! ฮยอกแจ...ให้เข้างานไปถ้าใครถามก็บอกว่าฉันอนุญาตแล้ว”
     “ครับ”    ชายร่างยักษ์รับคำสั่งจากคิบอมแล้วปล่อยฮยอกแจเข้างานไป ส่วนคิบอมกับดงเฮก็เดินออกไปจู๋จี๋กันข้างนอก
     
    ด้านคังอินกับลีทึกก็กัดกันตลอดทั้งงานที่โต๊ะอาหาร
     “ไอ้หมีตะกระ”  เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่ลีทึกมักจะจิกๆกัดๆกับการกระทำทุกอย่างของคังอิน
     “ไม่กินก็นั่งเงียบไปรำคาญ”            
     “อ้วนจะตายอยู่แล้วยังจะกินอยู่ได้ จะทำลายสถิติโลกหรือไง”    ลีทึกนั่งไขว่ห้างมองการกระทำของคังอิน 
     “พูดมากเดี๋ยวก็จูบซะเลย”     คังอินจับลีทึกแล้วเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ ทำเอาคนขี้บ่นหยุดพูดในทันที
                             
    ด้านซีวอนกับฮีชอลไม่ได้คุยอะไรกันมากนั่งมองหน้ากันไปมาจนคนรอบข้างรู้สึกอึดอัดแทน          
     
    ด้านเยซองกับเรียวอุกก็นั่งสวีทหวานกันจนมดแทบขึ้น เลยไม่รู้ว่าไอ้ที่ทำกันน่ะ ทำจริงๆหรือเป็นแผนการ        
     “เยกินนี่นะ เดี๋ยวเราป้อน”     เรียวอุกป้อนคุกกี้เข้าปากเยซอง           
     “อืม...อร่อยจัง”     เยซองยิ้มแล้วหยิกแก้มเรียวอุกแรงๆเรียวอุกยิ้มอาฆาตให้เยซองก่อนป้อนของชิ้นต่อไป
     “งั้นกินอีกนะ”     เรียวอุกหยิบแอปเปิ้ลลูกสีแดงสดที่ยังไม่ได้ผ่านการปลอกมาจ่อที่ปากเยซอง            
     “อุกกี้จะให้ผมกินไอ้นี่น่ะหรอ ไม่ดีมั้ง”     เยซองจับมือเรียวอุกออกก่อนจะโอบไหล่แล้วขยำที่ไหล่นั้นแรงๆ             
    “งั้นกินนี่นะ”เรียวอุกถือแก้วไวน์มาจ่อที่ปากเยซอง เยซองยิ้มน้อยๆก่อนจะเปิดปาก              
    แป๊ก!                     
    เสียงกระทบกันระหว่างฟันกับแก้ว(จินตนาการให้มันเหมือนแล้วกันนะ)พร้อมกับน้ำไวน์ที่หกใส่ชุดทักซิโด้ที่ขาวจนเปลี่ยน         
    “อุ๊ย! ขอโทษนะเย เราทำไวน์หกเลอะชุดนายหมดเลย”    เรียวอุกเอากระดาษทิชชูเช็ดไวน์ที่หก แต่ยิ่งเช็ดกลับทำให้ยิ่งเปื้อนมากขึ้น เรียวอุกก้มหน้าลงก่อนจะแอบหัวเราะน้อยๆด้วยความสะใจ
    เยซองที่เจ็บฟันหน้าจากการกระแทกเมื่อกี้ได้แต่ทำหน้าเหยเก
    ~ นายนะนาย ทำกันได้ ~
                                       
    ด้านซองมินที่แอบไปอยู่กับฮันคยองที่มุมใดมุมหนึ่งของงานเพื่อไม่ให้ฮีชอลเห็น แต่ก็ยังไม่รอดพ้นสายตาของใครบางคนที่มองดูตลอด                
     “แก๊งหน้าหวานนี้จริงๆเลยนะ ดูแต่ละคนแต่งตัวเข้าสิ”ฮันคยองยิ้มให้ซองมินก่อนจะลูบผมแล้วจับเส้นผมของซองมินเข้ามาหอม                   
    “พี่ฮันทำอะไรน่ะครับ”     ซองมินจับผมของตัวเองออกจากมือฮันคยองเบาๆ                     
     “ผมมินนี่หอมเนอะ ไม่รู้แก้มจะหอมเหมือนผมหรือป่าว”    ฮันคยองก้มลงมาทำท่าจะหอมแก้มซองมิน
    “ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!” ใครบางคนที่มองดูอยู่นาน เดินเข้ามากระชากข้อมือซองมินออกไป ช่วงขาที่ยาวกว่าก้าวอย่างรวดเร็ว ทำเอาคนที่ต้องวิ่งตามช่วงขานั้นหอบอย่างง่ายดาย            
    เมื่อซองมินโดนแย่งไปต่อหน้าต่อตา ฮันคยองที่กำลังจะตามออกไปกลับโดนรุ่นน้องล้อมไว้ เพราะนานๆทีฮันคยองอดีตสมาชิกแก๊งจะมาร่วมงานของแก๊งซักที เลยโดนเพ็งเล็งจากรุ่นน้องเป็นพิเศษ         
    คยูฮยอนลากซองมินมาที่สวนหลังโรงเรียน ก็ตวาดใส่คนที่ไม่รู้เรื่องยกใหญ่
              
     “ชอบล่ะสิแบบนั้นน่ะ! ให้มันจับโน่นจับนี่! ไม่อายบ้างหรือไงห๊า!! คนออกจะเยอะแยะ! จะทำอะไรก็ดูสถานที่กันมั้งเซ่!!”     คยูฮยอนมองซองมินที่ยังหอบจาการโดนลากเมื่อกี้             
    “เป็นบ้าหรือไง! พี่ฮันเค้าเป็นแฟนฉัน! แล้วฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน!”  ซองมินตะคอกคยูฮยอนกลับแล้วหันหลังจะเดินออกไป แต่โดนมือหนาดึงเข้ามากอดไว้เสียก่อน
     “ปล่อยฉันนะไอ้บ้า!”     ซองมินดิ้นขลุกขลักไปมาในอ้อมกอดของคยูฮยอน             
     “ดิ้นนักใช่มั้ย”     คยูฮยอนกระชับกอดให้แน่นขึ้น พร้อมกับก้มลงหอมแก้มนุ่มๆของซองมิน                
    “ไอ้บ้า! ไอ้หื่น! ปล่อยฉันนะ!”    ซองมินอึ้งไปซักพักก่อนจะโวยวายอีกครั้ง กำปั้นเล็กทุบไปที่อกของ
    คยูฮยอนเบาๆ แก้มขาวเริ่มแดงระเรื่อ                       
    “นายด่าฉันหรอ”    คยูฮยอนยิ้มอย่างพอใจกับคนตรงหน้า ก่อนจะก้มลงหอมแก้มอีกข้างของคนในอ้อมกอด                   
     “ปล่อยนะ! ไอ้โรคจิต!”     ซองมินยังคงด่าและทุบคยูฮยอนต่อไป คยูฮยอนมองแล้วยิ่งได้ใจซองมินพูดเมื่อไหร่ก้มลงหอมแก้มเมื่อนั้น จนคนในอ้อมกอดเริ่มสงบปากสงบคำแล้วเงียบไปเอง            
     “เงียบได้แล้วหรอ ทำไมไม่พูดต่อล่ะ แก้มนายนี่หอมดีนะอยากหอมอีกจัง”     คยูฮยอนก้มลงไปจะหอมแก้มซองมินอีกครั้ง ทำเอาคนในอ้อมกอดสะดุ้งตกใจ เบี่ยงหน้าหนี หน้าขาวใสเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง คยูฮยอนปล่อยซองมินออกจากอ้อมกอดแล้วจ้องหน้าซองมินอยู่อย่างนั้น                         
    “นายต้องการอะไรบอกมาเลยดีกว่า”    น้ำเสียงแข็งกระด้าง ใบหน้าบึ้งตึง กอดอกแล้วจ้องไปที่คยูฮยอน               
    “อยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ แค่คืนนี้ ได้มั้ย”     คยูฮยอนยิ้มก่อนจะพูดออกมาเบาๆ                      
     “แล้วทำไมต้องเป็นฉันด้วย”   น้ำเสียงเริ่มอ่อนลง มือน้อยลูบที่แก้มตัวเองเบาๆ                         
    “ก็ฉันอยากอยู่กับนาย ไม่รู้สิ อยู่กับนายแล้วสบายใจดี”    เท้าเขี่ยพื้นหญ้าไปมา ส่วนหน้าแหงนมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว                  
     “ก็...ได้มั้ง”
                
                  
    -- ภายในงานเลี้ยง –
                
    คังอิน เยซอง และซีวอนแถวตามหาคิบอมกับคยูฮยอนจนทั่วงานก็ไม่เจอ ใกล้จะถึงเวลาเปิดตัวแล้วแต่ไอ้ตัวสำคัญของงานกลับหายตัวไปซะนี่                   
    “เอาไงดี”    คังอินพูดอย่างร้อนรน                         
    “หายไปกันนะ ไอ้พวกนี้ท่าเจอตัวนะน่าดู”    เยซองทำสีหน้าเครียดไม่แพ้คังอิน         
    “เอ่อ...คือ...ให้ผมขึ้นแทนมัน 2 คนก็ได้นะครับ ผมเป็นเพื่อนมันรู้เรื่องของพวกมันดี”    ฮยอกแจที่ยืนฟังอยู่นานเสนอตัวขึ้นมา       
     “แกอีกแล้วหรอไอ้ไก่ งานนี้มันงานสำคัญ ไม่ใช่เล่นๆ”              
    “ให้ผมพูดแทนไปก่อนก็ได้นี่ครับ ถ้าพวกมันมาเมื่อไหร่ ผมจะรีบลงจากเวทีเลย นะครับ”    ฮยอกแจอ้อน คังอินเหมือนเด็กๆ            
    “บอกว่าไม่ก็ไม่เซ่!”    คังอินตะคอกใส่ฮยอกแจ              
     “ผมไม่ทำให้พวกพี่ขายหน้าหรอก นะครับให้ผมพูดเถอะ”    ฮยอกแจยังคงตื้อต่อไป
    “โธ่เว้ย! บอกว่าไม่ก็ไม่ไง”               
    “แต่พี่คะ...”           
    “ผมว่าให้เค้าขึ้นไปเถอะครับ แก้ปัญหาล่วงหน้าไปก่อน อย่างน้อยฮยอกแจก็ยังเป็นเพื่อน 2 คนนั่น”    ซีวอนยุติปัญหาโดยการยอมให้ฮยอกแจขึ้นไปพูดบนเวที ส่วนคนที่เหลือก็โทรตามคิบอมกับคยูฮยอน
     
    คังอินที่หงุดหงิดเรื่องคิบอมกับคยูฮยอนแล้วยังต้องมาเถียงกับฮยอกแจอีก เลยเดินออกจากงานมาเข้าห้องเพื่อสงบสติอารมณ์และก็ได้เจอกับบุคคลที่เพิ่งเลิกกัดกันมาได้ซักพักใหญ่ ลีทึกที่ยืนส่งกระจก เห็นคังอินจากเงาในกระจกเดินเข้ามา หน้าตาบูดบึ้ง รอยยิ้มที่มุมปากปรากฏขึ้น คำพูดเสียดสีเริ่มผุดขึ้นมาในสมอง                      
     “ไปทำอะไรมาล่ะพ่อคุณ หรือว่าปวดหนักอั้นไม่ไหว เลยปล่อยซะกลางงาน ฉันบอกนายแล้วไงว่าอย่ากินเยอะเป็นไงล่ะ”    ลีทึกพูดกับคังอินในกระจก      
    คังอินพยายามไม่ฟังและไม่มองลีทึก เพราะไม่อยากจะทำอะไรรุ่นแรงกับคนตรงหน้า กะจะเข้ามาสงบสติอารมณ์แต่กลับโดนยั่วให้โมโหหนักเข้าไปอีก                   
      “อ้าว! ปวดมากก็เข้าห้องน้ำไปสิ ยืนมองหน้าอยู่ได้”     ลีทึกยังคงไม่รู้ถึงหายนะที่กำลังจะมาเยือน ยังคงพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดต่อไป               
    “งั้นนายช่วยเข้ามากับฉันหน่อยได้มั้ย!”    สิ้นสุดกันทีกับความอดทน                
    คังอินฉุกลีทึกเข้าไปในห้องน้ำห้องหนึ่ง ปิดประตูลงกลอนเรียบร้อย แล้วระดมไปทั่วซอกคอและใบหน้าของลีทึก          
     “นายจะทำอะไรน่ะ! ปล่อยนะโว้ยย!! ใครก็ได้ช่วยด้วย”              
    ลีทึกพยายามดันหน้าคังอินออก และส่งเสียงร้องจนสุดเสียงไปแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จและแถวนี้ก็คงไม่มีใครผ่านมาง่ายๆซะด้วย เพราะคนส่วนใหญ่จะเข้าห้องน้ำในหอประชุม มีแต่คนวิปริต 2 คนเท่านั้นที่ออกมาเข้าห้องน้ำข้างนอก
    คังอินจับลีทึกขึงไว้กับผนังห้องน้ำ แล้วกดจูบไปที่ปากของลีทึกอย่างรุ่นแรง ลิ้นอุ่นๆสอดเข้าไปในโพลงปากของอีกฝ่ายตวัดหาความหวานจนทั่วทุกซองทุกมุม จูบที่แสนยาวนานจบลงเมื่ออีกฝ่ายเริ่มหอบเนื่องจากขาดอากาศหายใจ           
    “นายยั่วโมโหฉันเองนะ”                     
    พูดได้แค่นั้นคังอินก็กดจูบลงไปอีกรอบและไล้ลิ้นลงมาเรื่อยที่ต้นคอและหลังใบหู ขบเม้นจนเกิดรอย เสื้อยืดสีเหลืองของลีทึกถูกถกขึ้นด้วยมือใหญ่ มือนั้นควานเข้าไปใต้เสื้อเล่นสนุกกับเม็ดสีชมพู ส่วนปากก็ยังคงขบเม้นไปตามซอกคอของอีกฝ่าย             
     “ไอ้หมีควาย! แกปล่อยฉันนะเว้ย!!!!...อ๊ะ!...”     ลีทึกพยายามดิ้นสุดแรงเกิดจนมือของอีกฝ่ายสัมผัสเข้าที่จุดอ่อนไหว         
    “คืนนี้นายต้องเป็นของฉัน”
     
     
     
    --------------------------------------------------------
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×