ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ] รักวุ่นๆ ชุลมุนยกแก๊ง[KYUMIN]

    ลำดับตอนที่ #44 : Part 14 : หมั้น!!!??? ภาค2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.53K
      10
      4 ส.ค. 52



    Part 14 : หมั้น!!!???
     
     
     
                    “คยูฮยอน~”    เสียงเจื้อยแจ้วของซองมินดังขึ้นตั้งแต่เช้าเมื่อพบว่าคยูฮยอนยังไม่ตื่นเสียที ทั้งที่เขาเพิ่งปลุกก่อนจะลงไปทานข้าวเช้าเมื่อกี้นี้เอง
                    “สัญญาแล้วนะว่าวันนี้จะไปบ้านฉันน่ะ ตื่นได้แล้ว!”    ซองมินกระโดดขึ้นเตียง เข้าไปเขย่าตัวคยูฮยอนอย่างแรงเพื่อให้คยูฮยอนตื่น แต่มันก็ยากพอดูเลยทีเดียว
                    “อีกแป๊บนะ”    คยูฮยอนยกมือขึ้นโบกไปมาทั้งที่ยังหลับตาอยู่ เปลือกตาตอนนี้มันหนักเกินกว่าจะลืมตาได้จริงๆ
                    “จะลุกไม่ลุก!~ ถ้านายไม่ลุกฉันจะโกรธนายแล้วนะ!!”    ซองมินโยนผ้าห่มที่จับอยู่ทิ้งลงบนตัวข
    คยูฮยอน แล้วก็นั่งกอดอกบั้นหน้าบึ้ง แต่มันก็ได้ผลเพราะคยูฮยอนยอมตื่นแล้วก็ลุกขึ้นมาแต่โดยดี
                    “ไม่เอาน่า อย่าทำตัวเป็นเด็กสิ”    คยูฮยอนหวังจะเอื้อมมือไปจับมือซองมิน แต่อีกคนกลับรีบชักมือหนี แล้วก็ขว้างค้อนกลับมาชุดใหญ่
                    “รีบไปอาบน้ำเลยนะ นี่มันสิบโมงแล้ว”    เมื่อคำสั่งหลุดออกมาจากปากของซองมิน คยูฮยอนเลยต้องรีบลุกไปทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย จะได้พาคนน่ารักกลับไปบ้านบ้าง เพราะสัญญากันไว้เมื่อคืน
                    หลังจากที่จัดการธุระส่วนตัวกันเสร็จก็ได้เวลาออกเดินทางไปยังบ้านตระกูลลีเพื่อไปให้ทันอาหารมื้อกลางวันโดยถือว่าเป็นอาหารมื้อเช้าของคยูฮยอนไปด้วย และก็เป็นการเซอร์ไพส์คุณลีกับคุณนายลีไปในตัว เพราะทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาพ่อแม่ลูกตระกูลลีแทบจะไม่ได้เจอหน้ากันเลย
                    ระหว่างที่คยูฮยอนกำลังขับรถอยู่นั้นซองมินก็เล่นจ้องตาไม่กระพริบจนอีกคนสังเกตเห็น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะคิดว่าซองมินอาจจะยังงอนเขาอยู่เลยตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไป เพื่อไปให้ถึงที่หมายโดยเร็วที่สุด
                    ฝ่ายซองมินที่เห็นคยูฮยอนเอาแต่จ้องไปยังถนนด้านหน้าก็เผยยิ้มออกมาแล้วก็หันมองถนนสลับกับ
    คยูฮยอนเป็นพักๆ ความรู้สึกที่เห็นคยูฮยอนตอนนี้นั้นดูเท่มากๆ เขาเองก็อยากจะขับรถเป็นบ้าง เพราะเคยเห็นลีทึกขับรถมาโรงเรียนแล้วก็รู้สึกว่าพี่เขาเก่งจัง
                    “นายเท่จังเลยคยู”    ซองมินพูดออกมายิ้มๆ ทั้งที่สายตายังคงจ้องไปที่ถนนด้านหน้า จริงๆมันก็รู้สึกเขินเหมือนกันที่บอกคยูฮยอนออกไปแบบนั้น
                    “หืม? เพิ่งรู้ตัวเหรอว่ามีแฟนเท่”    คยูฮยอนเลิกคิ้วสูงก่อนจะยิ้มออกมา รู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกันที่ซองมินชมเขาแบบนี้
                    “ฉันอยากขับรถเป็นเหมือนนาย เวลานายขับรถเนี่ยดูเท่มากเลย”    ซองมินหันมาพูดกับคยูฮยอนเพื่อบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงของตัวเอง
                    “จะขับเองไปทำไม อยากไปไหนก็บอกสิ ฉันจะได้พาไป”
                    “ก็เผื่อฉันจะไปหากิ๊กบ้างไง จะได้แอบหนีไปได้ ไม่ต้องลำบากนาย”    ซองมินพูดทีเล่นทีจริง กะว่าจะแหย่คนข้างๆเล่น แต่ดูเหมือนคยูฮยอนจะคิดไปเป็นอย่างอื่น
                    “นายมีกิ๊กเหรอ!!”    คยูฮยอนหันมาพูดเสียงดัง เขาแทบจะเหยียบเบรกกะทันหัน ถ้าไม่ติดว่าที่นี่มันถนนใหญ่ เขาคงจะหยุดรถแล้วหันไปเจรจากับซองมินให้รู้เรื่อง
                    “อย่าเสียงดังสิ ฉันล้อเล่นหรอกน่า! คยู! นายหันไปมองถนนสิ!!”    ซองมินรีบแก้ตัวพัลวันพลางยกไม้ยกมือปฏิเสธ ก่อนจะชี้ไปที่ถนนเพราะมันดูน่าหวาดเสียวแถมรถยังทำท่าจะส่ายไปมาอีกต่างหาก เขายังไม่อยากมาตายเอาตอนนี้ทั้งที่กำลังจะไปหาพ่อกับแม่ซักหน่อย
                    คยูฮยอนหันไปมองที่ถนนเหมือนเดิมก่อนจะถอนหายใจหนักๆออกมา ส่งสายตาค้อนๆมาให้ซองมินแล้วจึงกลับไปตั้งใจขับรถเหมือนเดิม
                    “สอนฉันขับรถหน่อยนะคยู”    ซองมินเริ่มออกอาการอ้อนเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
                    “ก็บอกแล้วไงว่าถ้าอยากไปไหนก็ให้บอก ฉันจะพาไปเอง”    เสียงทุ้มๆของคยูฮยอนปฏิเสธออกมาทำให้ซองมินหน้าบึ้งทันที ที่เขาไม่อยากสอนเพราะกลัวว่าอาจจะเป็นอย่างที่ซองมินพูดแกล้งเขาเล่นเมื่อกี้จริงๆก็ได้
                    “ฉันไม่ไปแอบมีกิ๊กที่ไหนหรอกน่า ที่ฉันอยากขับเป็นเพราะถ้าเกิดนายไม่ว่างขึ้นมาหรือเป็นอะไรขึ้นมาฉันจะได้ช่วยเหลืออะไรได้บ้าง ขับรถเป็นมันก็ย่อมดีกว่าไม่ใช่เหรอ”    ซองมินส่งสายตาวิ้งๆไปให้คยูฮยอนเพื่อให้อีกคนยอมตกลง แต่คยูฮยอนกลับไม่มองมาที่เขาเลย
                    “ลุงคนขับรถก็มี”
                    “ลุงเขาอายุมากแล้ว ให้ลุงเขาพักบ้างสิ”
                    “แท็กซี่”
                    “นายก็รู้ว่ามันไม่ค่อยปลอดภัย อีกอย่างบ้านเราก็มีรถตั้งหลายคัน เพราะฉะนั้นฉันก็ควรจะขับรถเป็น จริงมั้ย”    ซองมินหันหน้าไปมองคยูฮยอนอีกครั้ง แต่คยูฮยอนดูจะไม่สะทกสะท้านกับคำพูดเขาเลยซักนิด
                    “นายไม่อยากสอนฉันจริงๆใช่มั้ย ฉันก็แค่อยากจะช่วยนายบ้าง ถ้าฉันขับรถเป็นมันก็จะดีกว่าไม่ใช่เหรอ”    น้ำเสียงเศร้าสร้อยถูกพ่นออกมาเป็นไม้ตายสุดท้าย ซองมินมองไปยังถนนด้านหน้าไม่ได้สนใจคนที่นั่งข้างๆแล้วตอนนี้
                    คยูฮยอนหันมามองแล้วก็รู้สึกใจเสียแปลกๆ ซองมินคงจะแค่อยากขับรถเป็นจริงๆ แค่ซองมินล้อเล่นเล็กๆน้อยๆเขาก็คิดไปไกลเสียแล้ว
                    “แล้วว่างๆจะสอนให้ก็แล้วกัน”    แล้วในที่สุดคยูฮยอนก็ยอมอ่อนให้ซองมินทุกที
                    “จริงนะ!”    ซองมินโผลงขึ้นมาอย่างดีใจ อารมณ์ต่างกับเมื้อกี้โดยสิ้นเชิง
                    “อืม”    คยูฮยอนพยักหน้าเบาๆ
                    “รักนายจัง”    ซองมินบอกอย่างเขินแล้วหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างเพื่อหลบอาการเขินไม่ให้
    คยูฮยอนเห็น
                    “ขับเป็นแล้วก็อย่าไปหากิ๊กใหม่แล้วกัน”    คยูฮยอนพูดติดตลกออกมา แล้วหัวเราะน้อยๆ ซึ่งก็โดนซองมินค้อนกลับมาให้
                    “ล้อเล่นหรอกน่า เดี๋ยวว่างๆมาหัดขับรถกัน”    รอยยิ้มของคยูฮยอนทำให้ซองมินยิ้มตามออกมาได้ ถึงการพูดคุยครั้งนี้ก็จะออกแนวเครียดไปหน่อยก็ตามที
                    ไม่นานรถของคยูฮยอนก็เลี้ยวเข้ามาในบ้านตระกูลลี พอมาถึงซองมินก็กระโดดลงรถแล้ววิ่งเข้าบ้านไปทันที
                    “พ่อครับ~ แม่ครับ~ คิดถึงจังเลย”    ซองมินเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็พบกับคุณลีและคุณนายลีกำลังนั่งคุยกันอยู่พอดี จึงไม่รอช้าวิ่งเข้าไปสวมกอดด้วยความคิดถึง
                    “ซองมิน ว่าไงลูก มาคนเดียวเหรอเรา”    คุณลีสวมกอดลูกชายตอบด้วยความคิดถึงเช่นกัน
                    “มากับคยูครับ คงเอารถไปจอดอยู่”    ซองมินเปลี่ยนมากอดคุณแม่บ้าง เมื่อผละออกมาจึงย้ายตัวไปนั่งโซฟาตัวข้างๆ
                    พูดยังไม่ทันขาดคำคยูฮยอนก็เดินเข้ามาภายในบ้าน แล้วก็ทักทายผู้ใหญ่ตามมารยาทแล้วจึงเข้าไปนั่งข้างๆซองมิน
                    “มากันใกล้เวลาอาหารเที่ยงเลยนะ จริงสิ! วันนี้เราจะได้คุยเรื่องสำคัญกันด้วย”    คุณลีพูดออกมายิ้มๆ ความหมายที่รู้กันเพียงแค่ผู้ใหญ่เท่านั้น ส่วนเด็กๆก็ได้แต่ทำหน้างง
                    “เรื่องสำคัญอะไรเหรอครับ”    ซองมินออกมาปากถาม เพราะดูท่าว่าคยูฮยอนก็คงจะไม่รู้เรื่องเหมือนกัน
                    “เอาไว้เราค่อยคุยกันแล้วกันนะ”    คุณลีเลี่ยงที่จะตอบคำถามของลูกชายแล้วก็หันไปยิ้มกับภรรยา
                    “ตามสบายนะลูก เดี๋ยวแม่ไปบอกให้แม่ครัวทำกับข้าวเพิ่มก่อน”    พูดจบคุณนายลีก็เดินยิ้มเข้าไปในครัว
                    “วันนี้ผมค้างที่นี่นะครับ”    ซองมินเอ่ยปากถามเมื่อมองขึ้นไปชั้นบน รู้สึกคิดถึงห้องตัวเองเลยอยากจะนอนค้างที่นี่บ้าง
                    “เอาสิลูก คยูค้างด้วยหรือเปล่า”    คุณลีพยักหน้ายิ้มๆ แล้วก็หันไปถามคยูฮยอนที่ยังนั่งเงียบอยู่ ปล่อยให้พ่อลูกได้คุยกัน
                    “ว่าไงว่าตามกันครับ”    คยูฮยอนตอบกลับมายิ้มๆ ก่อนจะหันไปมองซองมิน ให้เขานอนที่ไหนก็ได้ แค่มีซองมินอยู่ด้วยก็หลับสบายแล้ว
                    หลังจากนี้ก็จะเป็นการสนทนาระหว่างสามพ่อแม่ลูกซะส่วนใหญ่หลังจากที่คุณนายลีออกมาจากห้องครัว ส่วนคยูฮยอนก็ได้แต่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆซองมิน ออกความคิดเห็นบ้างเล็กๆน้อยๆ
                    เมื่อคุยกันจนพอหอมปากหอมคอเวลาอาหารกลางวันก็มาถึง เสียงพูดคุยยังคงดังออกมาเป็นระยะๆ จนใกล้เวลาที่ทุกคนเริ่มอิ่มคุณลีก็หันไปมองหน้ากับภรรยาแล้วยิ้มออกมา
                    “ที่จริงแล้วพ่อมีเรื่องสำคัญจะบอกลูกๆด้วยนะวันนี้”    คุณลีวางช้อนส้อมลงแล้วหันไปบอกเด็กๆทั้งสองคนที่นั่งตรงข้าม
                    “จำที่พ่อเคยบอกได้มั้ยลูก ว่าพ่อจะหมั้นเราสองคนน่ะ”    คุณลีมองหน้าซองมินกับคยูฮยอนซักพักจึงเอ่ยต่อ เมื่อเห็นว่าลูกทั้งสองมีสีหน้าตกใจจึงยิ้มบางๆออกมา
                    “หมั้นเหรอครับ”    ซองมินถามออกมาเสียงสูง ตอนแรกเขาคิดว่าพวกผู้ใหญ่คงจะแค่พูดกันเล่นๆ เพราะนี่ก็ผ่านมาเป็นสัปดาห์พวกผู้ใหญ่ก็ไม่เห็นพูดถึงเรื่องนี้ซักทีจนมาถึงวันนี้
                    “ใช่แล้วลูก พ่อคุยกันคุณโจไว้เรียบร้อยแล้ว”    คุณลีบอกขยายความแล้วหันไปยิ้มให้คยูฮยอนที่ก็เพิ่งรู้เรื่องเหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าซองมินจะเข้าใจผิดไปซะแล้ว
                    “นายรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอคยู แล้วทำไมไม่เห็นบอกฉันเลย”    ซองมินเอ่ยออกมาเสียงเขียว คงคิดว่าถ้าเขารู้ทีหลังจะเหมือนเป็นการเซอร์ไพส์แต่มันไม่ใช่เลยซักนิด
                    “ฉันไม่รู้เรื่องนะ”    คยูฮยอนส่ายหน้าปฏิเสธไปมา ไม่รู้ว่าแค่เรื่องหมั้นทำไมซองมินต้องทำท่าโกรธขนาดนี้
                    “คยูเขาไม่รู้เรื่องหรอกลูก ที่จริงพ่อก็เคยบอกเราไว้แล้วหนิเรื่องนี้น่ะ อย่าทำให้บรรยากาศมันดูแย่ลงสิซองมิน พ่อว่าเรามาทานอาหารกันต่อดีกว่านะ”    คุณลีเห็นบรรยากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เลยต้องรีบปรามซองมินเอาไว้ก่อนแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
                    ในเมื่อพ่อของตัวเองพูดออกมาแบบนี้ซองมินเลยต้องยอมเงียบไป เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทานอาหาร แต่เพียงแค่แป๊บเดียวเท่านั้นอารมณ์ร่าเริงก็กลับมา พูดคุยกับคนนั้นคนนี้บนโต๊ะอาหารไปเรื่อยเปื่อย
     
     
                    เมื่อเวลาเริ่มเข้าสู่ช่วงบ่ายซองมินก็เริ่มออกอาการอ้อนขอให้คยูฮยอนช่วยสอนขับรถให้อีกครั้ง ซึ่งคนโดนอ้อนก็ยอมแต่โดยดี ฝ่ายผู้ใหญ่ก็ได้แต่ยืนมองดูอยู่ห่างๆ และรอจังหวะเหมาะเพื่อจะได้พูดเรื่องหมั้นให้จบๆไป แต่ดูเหมือนคงจะยากไม่น้อย เพราะดูเหมือนซองมินจะไม่ยอมท่าเดียว
                    “เหนื่อยแล้วอ่า~”    เสียงของซองมินดังมาจากที่นั่งฝั่งคนขับหลังจากที่หัดขับรถอย่างทุลักทุเล ใบหน้าหวานซบลงกับพวงมาลัยเหมือนคนที่หมดเรี่ยวแรง
                    “งั้นก็พอที่แค่นี้แหละ เข้าบ้านกันดีกว่า”    คยูฮยอนที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับเอื้อมมือไปปลดเข็มขัดนิรภัยให้ซองมินก่อนจะกลับมาปลดของตัวเองออก
                    “เมื่อยมากเลย ขอขี่หลังนะ”    ซองมินเงยหน้าขึ้นมาจากพวงมาลัยหันไปอ้อนคยูฮยอนเพราะรู้สึกเมื่อยล้าเต็มที ไม่รู้ว่าหัวเขาไม่ค่อยไปเรื่องทางนี้หรือยังไง มันถึงได้ฝึกยากฝึกเย็นนัก หัดมาตั้งหลายชั่วโมงยังไม่ไปถึงไหนเลย ไม่รู้ว่าจะช่วยให้คยูฮยอนหายเหนื่อยหรือจะทำให้เหนื่อยมากกว่าเดิมกันแน่
                    คยูฮยอนไม่ได้ตอบอะไรออกมา เพียงแค่ยิ้มออกมาเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนจะลงรถเดินอ้อมไปเปิดประตูให้ซองมิน และนั่งยองๆลงตรงหน้าประตูรถ
                    “ขึ้นมาสิ”
                    “อืม”
                    ซองมินค่อยๆขึ้นขี่หลังคยูฮยอนอย่างช้าๆ เมื่อคยูฮยอนยืนขึ้นแล้วจึงใช้มือผลักปิดประตูเบาๆ แล้วซบหน้าลงกับไหล่กว้างของคยูฮยอนอย่างหมดแรง
                    ถึงเส้นทางนี้จะไม่ได้ไกลอะไรมากนัก มันก็แค่บริเวณทางหน้าบ้านจนถึงภายในตัวบ้าน ใช้เวลาเดินเพียงไม่นานก็คงจะถึง แต่คยูฮยอนกลับอยากให้มันไกลเหมือนกับเดินจากโซลไปถึงปูซานยังไงยังงั้น มันรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เพราะไม่บ่อยครั้งนักที่ซองมินจะขอขี่หลังแบบนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนเพิ่งเป็นแฟนกันเลยจริงๆ เหมือนกับว่าความรักของเขาและซองมินจะไม่มีวันอิ่มตัวเหมือนคู่อื่นๆ
                    คยูฮยอนวางซองมินลงบนโซฟาที่ห้องนั่งเล่น และจะย้ายตัวเองมานั่งข้างๆแต่ซองมินกลับกอด
    คยูฮยอนเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แล้วซบหน้าลงบริเวณต้นคอของคยูฮยอน
                    “หลับแล้วเหรอ”    คยูฮยอนหันหน้าไปถามเพราะคิดว่าซองมินอาจจะเหนื่อยจนหลับไปแล้วก็เป็นได้
                    “เปล่า”    ซองมินส่ายหน้าเบาๆ แล้วปล่อยมือออกจากคยูฮยอน ใบหน้าหวานบูดบึ้งเล็กน้อย
                    “ง่วงหรือยัง”    คยูฮยอนนั่งคุกเขาลงด้านหน้าของซองมินแล้วเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
                    “ยัง แค่เหนื่อยน่ะ ทำไมฉันถึงได้ฝึกยากฝึกเย็นขนาดนี้ก็ไม่รู้นะ นายคงเหนื่อยน่าดูเลยล่ะสิ”    ซองมินเอนหลังผิงกับพนักโซฟาแล้วก็บ่นออกมา
                    “ฝึกครั้งแรกเอง ใช่ว่าครั้งเดียวแล้วจะเป็นเลยที่ไหน ส่วนฉันน่ะถ้าทำเพื่อนาย ฉันทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว”    คยูฮยอนย้ายมานั่งข้างๆซองมิน แล้วดึงอีกคนให้มาซบกับไหล่ของตัวเอง ตอนนี้ป้าแม่บ้านกับพ่อแม่ของซองมินไม่ได้อยู่บริเวณนี้เลยอยากจะทำสวีทหวานกันบ้าง
                    แต่ยังไม่ทันไหร่คุณลีกับคุณนายลีก็เดินเข้ามาภายในตัวบ้านซะแล้ว คยูฮยอนจึงปล่อยมือที่กำลังโอบซองมินไว้ออก แต่ซองมินกลับไม่ยอมลุกออกไป ยังคงซบอยู่อย่างนั้น เปลือกตาสวยหลับพริ้มอย่างผ่อนคลาย และก็คงไม่รู้ว่าคุณพ่อคุณแม่ของตัวเองอยู่ตรงนี้แล้ว
                    “อะไรกันลูก นี่เกิดอยากหมั้นกับคยูขึ้นมาแล้วล่ะสิ”    คุณนายลีเอ่ยแซวเมื่อเห็นพฤติกรรมของลูกชายตัวเอง แต่แทนที่มันจะออกมาในทางที่ดี ซองมินกลับลืมตาโผล่งและรีบผละออกมาจากคยูฮยอนทันที
                    “พูดเรื่องนี้อีกแล้ว”    เสียงใสๆว่าออกมาอย่างงอนๆ เขาอุตส่าห์ลืมเรื่องนี้ไปแล้วแต่แม่กลับพูดให้คิดอีกจนได้
                    “ทำไมล่ะลูก ไม่อยากหมั้นเหรอ”    คำถามนี้ของคุณลีมันสะกิดใจทั้งซองมินและคยูฮยอน แต่ต่างคนกลับคิดไปคนละแบบ คยูฮยอนนั้นดูจะน้อยใจ แต่กลับซองมินแล้วเหมือนคนที่กำลังรู้สึกลำบากใจอยู่
                    “พวกเรายังเด็กกันอยู่เลยนะครับ”    ซองมินพยายามพูดให้เหตุผลที่ฟังแล้วคิดว่าดูดีที่สุด เพราะเมื่อหันไปเห็นสีหน้าของคยูฮยอนแล้วก็ชักเริ่มรู้สึกใจไม่ดีขึ้นมา การกระทำของเขาคงจะทำให้คยูฮยอนรู้สึกไม่ดีอยู่มากทีเดียว
                    “เราแค่หมั้นไว้ก่อน ปกติคนที่หมั้นกันตั้งแต่ยังไม่เคยเห็นหน้ากันเลยก็มี”    คูณลีพยายามพูดเพื่อไกล่เกลี่ยลูกชายให้ยอมแต่โดยดี แต่ซองมินกลับไม่ได้โอนอ่อนตามด้วยเลย
                    “แต่พวกเราเป็นผู้ชายนะครับ!!”    ซองมินลุกขึ้นยืนแล้วพูดเสียงดัง
                    “ซองมิน”    คุณนายลีอุทานออกมาเบาๆ เธอไม่คิดว่าลูกชายของเธอจะคิดเรื่องอะไรแบบนี้ ซองมินคงจะคิดว่าผู้ชายกับผู้ชายคงจะหมั้นหรือแต่งงานกันไม่ได้ มันคงจะดูผิดและแปลกประหลาดกว่าคนอื่น
                    “ยังไงผมก็ไม่หมั้นเด็ดขาด!!”    ซองมินยื่นคำขาดก่อนจะเดินขึ้นห้องของตัวเองไป ส่วนคนที่เหลืออยู่ได้แต่มองหน้ากันเหลอหลา ลีซองมินผู้ที่เอาแต่ใจได้กลับมาอีกครั้งแล้ว
                    “เดี๋ยวผมไปดูเองครับ”
                    คยูฮยอนลุกขึ้นเดินตามซองมินไปบนห้องนอน เมื่อเข้ามาก็เห็นซองมินนั่งหน้าบึ้งอยู่บนเตียง คยูฮยอนจึงเดินไปนั่งข้างๆ
                    “ทำไมนายไม่อยากหมั้นกับฉันล่ะ ฉันมันใช้ไม่ได้เลยใช่มั้ย ฉันยังเด็กเกินไปจนดูแลนายไม่ได้ใช่มั้ย” คยูฮยอนโอบกอดซองมินจากทางด้านหลังก่อนจะซบหน้าลงกับแผ่นหลังของคนรัก เขาสู้อุตส่าห์ทำทุกอย่างเพื่อคนๆนี้ แต่ซองมินกลับไม่ยอมหมั้นกับเขา ไม่เข้าใจจริงๆว่าเพราะอะไร
                    “ไม่ใช่นะคยู เรายังเด็กอยู่เลยนะ แล้วเราก็....”    ซองมินหันหน้ามาหาคยูฮยอนเพื่อบอกเหตุผลให้อีกคนเข้าใจ แต่ยังพูดไม่ทันจบประโยคก็โดนคยูฮยอนตัดบทไปเสียก่อน
                    “เพราะเราเป็นผู้ชายทั้งคู่ใช่มั้ยล่ะ หรือว่าจริงๆแล้วนายไม่เคยรักกันเลยใช่มั้ย”    คยูฮยอนปล่อย
    ซองมินออกจากอ้อมกอดแล้วถอยห่างออกมา เพื่อแสดงให้อีกคนรู้ว่าตอนนี้เขาเริ่มจะโกรธแล้ว
                    “ไม่ใช่นะ”    ซองมินรีบยกไม้ยกมือปฏิเสธ ร่างเล็กถลาเข้าไปหาคยูฮยอน แต่อีกคนกลับยกหมอนข้างมากั้นเอาไว้
                    “ฉันมันเด็กหนิ ฉันมันไม่ได้เรื่อง นายถึงไม่ยอมหมั้น”    คยูฮยอนทำท่างอนเป็นเด็กๆ เป็นครั้งแรกที่เขาออกอาการอย่างเห็นได้ชัด แต่จริงๆแล้วเขาก็ไม่ได้โกรธอะไรซองมินเพียงแค่ไม่เข้าใจเท่านั้น เพราะอยากจะรู้เหตุผลเลยต้องทำอย่างนี้
                    “ก็ฉันยังไม่พร้อมนี่นา เรายังเรียนไม่จบม.ปลายเลยนะ เรายังอยู่ด้วยกันอีกนะคยู ฉันไม่หนีนายไปไหนหรอก ถ้าเรียนจบแล้ว มีรากฐานชีวิตที่มั่นคง เราแต่งเลยก็ได้ ไม่ต้องหมั้นหรอก น้า~ อย่าโกรธฉันเลยนะ นายต้องเข้าใจฉันสิ ฉันรักนายนะคยู”    ซองมินดึงหมอนข้างที่กั้นเอาไว้ออก กระเถิบเข้าไปใกล้คยูฮยอนเรื่อยๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อนฟังแล้วดูน่าสงสาร พร้อมกับส่งสายตาวิ้งๆเพื่อให้คยูฮยอนได้เข้าใจเหตุผลของตัวเอง
                    “แต่ฉันอยากหมั้นนี่นา”
                    “เดี๋ยวค่อยหมั้นก็ได้ ฉันไม่หนีนายไปไหนหรอก จริงๆน้า~”    เมื่อเห็นว่าคยูฮยอนไม่ยอม ซองมินเลยต้องออกอาการอ้อนอีกครั้ง แล้วคราวนี้มันก็ได้ผล
                    “อย่าหนีฉันไปไหนนะรู้มั้ย”    คยูฮยอนดึงซองมินเข้ามากอดไว้เต็มรัก ที่จริงเขาไม่ได้ยอมเรื่องหมั้นเพราะเขายังไม่ได้พูดเลยว่าจะไม่หมั้น แต่ขอเก็บเอาไว้ก่อน เขาจะทำให้ซองมินยอมซักวัน แต่คงไม่ทนรอจนเรียนจบแน่นอน
                    “ไม่หมั้นแล้วใช่มั้ย”    ซองมินเอ่ยถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคยูฮยอนเท่านั้น
                    เมื่อไม่ได้คำตอบซองมินเลยทำท่าจะผละออกจากอ้อมกอดแต่กลับโดนคยูฮยอนผลักให้นอนลงแล้ว
    ล็อกข้อมือไว้ ใบหน้าหล่อเหล่ายิ้มกริ่มอีกครั้งแล้วก้มลงสูดดมความหอมจากซอกคอขาว แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมาสบตากับซองมินที่ตอนนี้หน้าบึ้งไปเรียบร้อยแล้ว
                    “เพราะนายหื่นแบบนี้ไงเล่า ฉันถึงไม่อยากหมั้น”    ซองมินว่าด้วยเสียงงอนๆ
                    สิ้นเสียงของซองมิน คยูฮยอนก็หยุดการกระทำทุกอย่าง ร่างสูงลุกขึ้นนั่งแล้วทำท่าเหมือนคิดอะไรบางอย่าง ใบหน้าหล่อเหล่าเรียบเฉยไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมา ท่าทางที่คยูฮยอนแสดงออกมานั้นเหมือนคนที่กำลังโกรธไม่มีผิด
                    “โกรธหรือเปล่า”    ซองมินถามออกไปเสียงเบาๆ ท่าทางนิ่งๆแบบนี้ต้องโกรธชัวร์ๆ เขาไม่น่าพูดอะไรไม่คิดแบบนั้นออกไปเลย
                    “เปล่า”    คยูฮยอนหันมาตอบแล้วยิ้มบางๆออกมา เขาไม่ได้โกรธ แต่กำลังคิดว่าเขาคงเป็นอย่างที่ซองมินพูดจริงๆ
                    ต่อไปนี้คงต้องเปลี่ยนตัวเองซะใหม่ เพื่อนาย....ลีซองมิน
     
     
                    วันสุดท้ายของวันหยุดสุดสัปดาห์ ของในตู้เย็นก็เหลือน้อยเต็มที คู่รักที่อยู่บ้านเดียวกันอย่างคิบอมกับดงเฮเลยต้องออกมาหาซื้อของเข้าบ้าน เพราะที่บ้านคิบอมแม่บ้านก็ไม่มี พ่อกับแม่ก็ไปทำงานที่ต่างประเทศ นานๆทีจะกลับ ก็ได้ศรีภรรยาดีๆอย่างดงเฮนี่แหละที่คอยช่วยดูแล
                    “บอม! ไปชิมไอ้นั่นกัน”    ดงเฮชี้ไปที่หมูย่างดูน่ากินที่ถูกหันไว้เป็นชิ้นๆวางเรียงกันอยู่ เผื่อว่ามันอร่อยจะได้ซื้อกลับไปทานที่บ้าน
                    “รู้สึกว่าจะชิมมากกว่าซื้อนะเนี่ย”    คิบอมออกอาการบ่นเล็กน้อย เพราะตั้งแต่ที่มาถึงดงเฮก็พาไปชิมนู่นชิมนี่จนอิ่มไปแล้วตอนนี้ ของที่จะมาซื้อเลยยังไม่ได้ซื้อซักที
                    “อร่อยมั้ย”    หลังจากที่ป้อนของกินเข้าปากคิบอมดงเฮก็เอ่ยถามทันที รู้สึกว่าวันนี้จะดูร่าเริงเป็นพิเศษ
                    “ครับ”
                    “เหรอ งั้นไปชิมอันนู้นบ้างดีกว่า”    เมื่อได้คำตอบจากคิบอมดงเฮก็เปลี่ยนที่อีกครั้ง คิบอมเลยทำได้แค่ส่ายหน้าไปมา เพราะไม่ว่าเขาจะตอบว่าอะไรก็ไม่เห็นดงเฮจะซื้ออะไรซักอย่าง
                    “คิบอมมมม~”    ขณะที่คิบอมกับดงเฮกำลังจะเดินไป เสียงที่ดงเฮไม่ประสงค์จะได้ยินนักก็ดังขึ้น คนหน้าหวานเลยหันขวับไปมองทันที
                    “อ้าว! ยูบิน คีบอม สวัสดีครับ”    คิบอมทักทายพร้อมกับรอยยิ้ม ส่วนดงเฮก็ได้แต่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ
                    “โชคดีจังเลยนะครับที่มาเจอ ผมมีเรื่องสำคัญจะบอกอยู่พอดี”    สีหน้าของคีบอมดูเครียดทันทีที่พูดจบ
                    “เรื่องสำคัญเหรอครับ”    ดงเฮถาม
                    “ใช่ค่ะ! คิบอมกับคุณดงเฮเป็นเพื่อนกับคุณฮยอกแจใช่มั้ยค่ะ ตอนนี้เขากำลังตกอยู่ในอันตราย”    
    ยูบินพยักหน้าแล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจังต่างออกไปจากทุกที
                    “คือว่าเอ่อ....เข้ามาใกล้ๆหน่อยนะครับ”    คีบอมทำท่าอึกอักซักพัก แล้วจึงเรียกให้ทุกคนเขยิบเข้ามาใกล้ตัวเองเพื่อจะได้บอกเรื่องสำคัญที่อยากให้คิบอมกับดงเฮได้รับรู้
                    “ตอนนี้เพื่อนของคุณกำลังตกอยู่ในอันตรายครับ มีคนกำลังวางแผนให้คนมาข่มขืนคนที่ชื่อฮยอกแจน่ะครับ”
                    “ข่มขืนฮยอกแจ!! พูดเล่นหรือเปล่าครับ”    คิบอมโผล่งขึ้นมาแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ อยู่ๆมาบอกว่าฮยอกแจจะโดนข่มขืนใครจะไปเชื่อ
                    “นี่ผมพูดเรื่องจริงนะครับ มีคนวางแผนจะข่มขืนฮยอกแจ”    คีบอมบอกสีหน้าเครียดเพราะดูเหมือน
    คิบอมจะไม่เชื่อเขาซักเท่าไหร่
                    “อย่างฮยอกแจเนี่ยนะ จะโดนข่มขืนได้ยังไงกัน”    คิบอมคิดไปคิดมาแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่คีบอมพูดเท่าไหร่นัก เพราะเขาเองก็เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน
                    “พวกเราพูดจริงๆนะ คิบอมไม่เชื่อเหรอ”    ยูบินเห็นท่าทางของคิบอมเหมือนจะไม่เชื่อเลยย้ำเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าเธอกับคีบอมไม่ได้โกหก และเพื่อความปลอดภัยของฮยอกแจด้วย
                    “เชื่อยากนะครับเรื่องแบบนี้ มันน่าตลกนะที่อยู่ๆก็มาบอกว่าฮยอกแจจะโดนข่มขืน มันเป็นเมะนะครับ คงไม่ยอมให้ใครมาข่มขืนมันง่ายๆหรอก”    คิบอมพูดกลั้วหัวเราะ
                    “คุณเป็นเพื่อนกับฮยอกแจก็น่าจะรู้นิสัยของเขาดีนะใช่มั้ยล่ะครับ บางทีเขาอาจจะไปทำให้ใครไม่ชอบขี้หน้ามากๆก็ได้”    คีบอมพยายามหาเหตุผลมาให้คิบอมเชื่อเต็มที่โดยไม่บอกว่าคนบงการที่แท้จริงคือใคร เพราะเขาก็ไม่อยากให้เพื่อนเดือดร้อนเหมือนกัน
                    “ก็จริงอยู่ที่ฮยอกแจชอบหาเรื่องใส่ตัวอยู่ประจำ แต่ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ แล้วคุณสองคนจะมาบอกเราทำไมกัน”    ดงเฮที่ฟังอยู่นานก็ไม่ค่อยจะเชื่อเหมือนกัน จะโดนข่มขืนแล้วยังจะมีคนมาเตือนล่วงหน้าอีก มันจะโชคดีเกินไปมั้ย
                    “ไม่เชื่อก็ตามใจครับ แต่ผมไม่อยากให้เรื่องบ้าๆมันเกิดขึ้น เลยต้องบอกพวกคุณเอาไว้”    คีบอมบอกสีหน้าเครียด เขาเองก็ทำได้แค่นี้ ในเมื่อไม่เชื่อกันก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง
                    “งั้นก็ขอบคุณมากเลยนะครับที่มาบอก”    คิบอมเอ่ยขอบคุณออกมา ถึงจะจริงหรือไม่จริงก็บอกไปตามมารยาท
                    “ไม่เป็นไรหรอกครับ นี่เบอร์ผมถ้ามีอะไรก็โทรมาได้ งั้นผมกับยูบินขอตัวก่อนนะครับ”    พูดจบคีบอมก็ลากยูบินออกไปทันที เพราะกลัวว่ายูบินจะพูดมากเกินไป เพราะเมื่อกี้เขาพูดเองหมดเลย ดูท่ายูบินจะเก็บกดไม่น้อยเลยทีเดียว แถมยังไม่ได้ลาคิบอมกับดงเฮอีกด้วย
                    “ถ้าเป็นเรื่องจริงแล้วคีบอมจะมาบอกเราทำไมกัน แต่ด๊องว่าเขาก็ไม่รู้จะโกหกเราไปทำไมเหมือนกัน เราควรจะเชื่อดีหรือเปล่า”    ดงเฮเริ่มเกิดอาการลังเล ก็อย่างที่บอกคีบอมโกหกพวกเขาไปแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา
                    “เชื่อยากเหมือนกันนะเรื่องแบบนี้”    คิบอมเองไม่ได้เห็นด้วยแต่ก็ไม่ได้คัดค้าน เขาก็ไม่รู้จะเชื่อดีหรือเปล่า
                    “แต่ด๊องเชื่อนะ เพราะหาเหตุผลไม่ได้เหมือนกันว่าเขาจะโกหกเราทำไม”
                    “งั้นผมไม่เชื่อก็แล้วกัน”    ตอนนี้คิบอมกับดงเฮกลายเป็นฝ่ายเสนอกับฝ่ายค้านไปเรียบร้อยแล้ว ในหัวข้อ คุณเชื่อหรือไม่ว่าคีบอมพูดความจริงเรื่องที่ฮยอกแจจะโดนข่มขืน
                    “ด๊องจะโทรไปเล่าให้พี่ทึกฟัง บอมไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร”    ดงเฮพูดเหมือนจะงอนนิดที่คิบอมไม่อยู่ข้างตัวเอง แล้วจึงเดินนำหน้าไป เพื่อหาซื้อของ
                    “อย่างอนสิ”    เลยกลายเป็นว่าคิบอมต้องไปตามง้อดงเฮแทน แล้วเขาควรจะเชื่อดีหรือป่าวนะ 


                                      
    kr...Talk

    สวัสดีจ้าเพื่อนๆ ขอโทษที่หายหัวหายหน้าหายตาไปนานแรมเดืนแรมปี
    เลยไม่ได้มาอัพให้เพื่อนๆเลย
    แต่เรามีเหตุผลนะ
    เพราะว่าเรากำลังทำฟิคเล่ม2อยู่ เลยต้องรีบแต่งและเข้าเล่มกัน
    จนตอนนี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
    ไรเตอร์ดีใจโคดๆๆๆๆ

    อย่าลืมเข้ามาอ่านแล้วต้องเม้นเป็นกำลังใจให้กันหน่อยนะ
    เดี๋ยวลงรายละเอียดฟิคให้เลย  ตามไปๆนะ ตอนต่อไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×