ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บทเพลงเเห่งรัก หกเรื่องเล่า หกเรื่องราว

    ลำดับตอนที่ #16 : by salapowsaiwan: รักเธอนิรันดร์ ตอนที่ 4

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 225
      0
      1 พ.ค. 56





    Ritz


     

    รถยนต์คันหรูขับเข้ามาจอดหน้าตึกคณะแพทย์ในเวลาเช้า คนขับไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากกันที่อาสามารับมาส่งผมทุกวัน ปกติผมจะไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับผมแบบนี้ แต่เพราะเป็นเขา เป็นเพราะเราเพิ่งรับความรักมาจากเขาเมื่อวาน ผมเลยต้องยอมเปิดใจ...เรียนรู้ความรักครั้งแรกที่เกิดขึ้นจากการร้องขอจากกัน


     

    “ขอบใจนะที่มาส่ง” ยิ้มบาง ๆ ให้อีกฝ่าย ที่เจ้าตัวก็ส่งยิ้มหวานมาให้ผมจนรู้สึกหน้าร้อนผ่าวไปกับรอยยิ้มมีเสน่ห์นั่น จนต้องรีบเปิดประตูลงจากรถแต่มือหนากลับรั้งแขนของผมเอาไว้เสียก่อน

     

    “ตั้งใจเรียนนะ ตอนเย็นกันจะมารับ”

     

    “อืม...นายก็ตั้งใจทำงานนะ เราต้องไปแล้ว”

     

    “เดี๋ยวก่อนสิริท” ผมชะงักแล้วหันไปมองหน้าคนเรียกอีกครั้ง ก่อนจะต้องตกใจเมื่อกันใช้ปลายนิ้วมาแตะเบา ๆ ที่ริมฝีปากของผมแล้วเลื่อนไปแตะบริเวณริมฝีปากตัวเอง

     

    “ชื่นใจจัง ได้จูบริทตอนเช้า”

     

    “บ้า...เราต้องรีบไปเรียน สายแล้ว” รีบพูดตัดบทกลบเกลื่อนความเขินอายที่เขาสร้างให้ผมแต่เช้า ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินเข้าคณะไปทั้งยังยกมือขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเองไว้ตลอดพร้อมกับรอยยิ้มที่ใครเห็นเข้าเขาก็คงคิดว่าผมบ้า

     

    ....แต่ผมไม่ได้บ้า....ผมแค่เขิน เขินมาก ๆเลย


     

     

    Gun

     

    “วาโย ไอ้โปรแกรมนี้มันใช้ยังไงเนี่ย ฉันใช้ไม่เป็นสอนหน่อยสิ” ลูกน้องตัวขาววิ๊งของผมที่กำลังกดไอ้เครื่องสี่เหลี่ยม ๆ ที่เรียกว่าโทรศัพท์เหมือนกันกับผมหันมาส่ายหน้าเอือม ๆ ก่อนกระโดดลงมาจากขอบหน้าต่างแล้วเดินมาหา

     

    “โถ่คุณกันแค่นี้ก็ใช้ไม่เป็น แล้วอยากจะทำเป็นอินเทรนเล่นไลน์”

     

    “ฉันให้นานสอนไม่ใช่ให้มาด่าฉัน เร็วเข้าสิ ฉันจะส่งไลน์ไปหาริทน้อย”

     

    “ครับผม ดุจัง มา ๆ เดี๋ยวผมสอนให้” หันไปทำหน้าเหวี่ยงใส่วาโย ใจจริงอยากจะด่ามันเสียด้วยซ้ำ แต่ไอ้ลูกน้องของผมคนนี้มันขี้งอนขี้บ่น ขืนว่ามันมากเดี๋ยวไม่ช่วยแล้วผมซวยเลย อดคุยกับริทน้อย

     

    คิดถึงนะ ทำอะไรอยู่ ^_^    ส่งไปข้อความแรก (ภูมิใจมากที่ส่งเป็น) รอประมาณสองนาทีก็มีข้อความส่งกลับมาก

     

    เรียนอยู่ อย่ากวน

     

    ไม่เชื่อ เรียนอยู่แล้วคุยกับกันได้ไง จะฟ้องอาจารย์    ส่งกลับไปพร้อมกับสติ๊กเกอร์ตัวการตูนหัวกลม ๆ แลบลิ้น

     

    มาสิ...มาฟ้องเลย

     

    อย่าท้านะ   (ผมสามารถหายตัวไปได้ภายในพริบตา นี่ขู่ไว้ก่อน ถ้าไปจริง ๆคงได้ตกใจหงายเงิบกันทั้งห้องเรียน)

     

    ไม่เถียงกับนายแล้ว ไม่ทำงานหรือไง

     

    ทำครับ แต่อยากส่งความรักให้ริทก่อน....รักจุงเบย   ส่งไปพร้อมกับรูปหมีกอดกระต่าย (ภาษาสมัยนี้มันแปลกๆดีนะผมว่าแต่เห็นเขาใช้กันเยอะเลยต้องใช้บ้าง เดี๋ยวตกเทรนด์)


     

    ริทน้อยเงียบไปหลายนาที ไม่รู้ว่าโดนอาจารย์จับได้ที่แอบเล่นโทรศัพท์ในห้องเรียน หรือว่าเขินผม แต่แล้วเสียงเตือนก็ดังขึ้นพร้อมกับสติ๊กเกอร์รูปหัวใจที่ส่งมาพร้อมกับข้อความ

     

    เรียนก่อนนะ แบร่!

     

     

    “น่ารัก...” พูดกับตัวเองลอย ๆ ส่งมาแบบนี้คงเขินสินะ แค่นี้ก็ทำให้ผมมีความสุขมากแล้วแหละ ริทน้อยในภพนี้ทั้งน่ารักน่าหยิก ถึงตอนแรกจะดูอึน ๆ กับเราไปบ้างคงเป็นเพราะการจู่โจมของผมที่รุกเร็วไปหน่อย จากนี้ไปก็คงต้องให้เวลาเป็นตัวบ่มเพาะความรักของเราไปเรื่อย ๆ รอวันที่ริทน้อยพร้อม แล้วผมจะบอกความจริง

     

     

     

    หนึ่งเดือนผ่านไปที่ผมกับริทคบกัน สำหรับผมเวลามันผ่านไปเร็วมากถ้าเทียบกับระยะเวลาเป็นร้อยปีที่ผมรอเขา ตอนนี้เราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น  ทางผู้ใหญ่ของริทก็สนับสนุนเพราะส่วนหนึ่งผมก็ร่วมธุรกิจกับครอบครัวเขา เราพากันไปกินข้าวดูหนัง ช็อปปิ้ง หรือแม้กระทั่งชวนมาเที่ยวทะเลโดยที่มีเพื่อน ๆ ของริทติดสอยห้อยตามมาอีกสองคน คือขวัญกับเกม รายหลังนี่ไม่ค่อยชอบหน้าผมเท่าไรคงเพราะเราไปแย่งคนที่เขาแอบรักอย่างริท แต่ใครว่าผมสน  เพราะถึงจะไปด้วยกันหลายคนแต่ผมก็สั่งให้วาโยคอยกันเกมให้ออกห่างผมกับริทโดยแยกบ้านพักของผมกับริทออกจากสองคนนั่น เรียกว่าอยู่กันคนละโซนเลยก็ว่านาย


     

    “นาย....เราอยากเล่นน้ำ” นี่ก็อีกปัญหา หนึ่งเดือนที่เขายอมรับรักจากผมแต่ยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกันอย่างจริงๆ จัง แต่ไม่ยอมเรียกชื่อผมสักที เราก็น้อยใจเป็นเหมือนกัน

     

    “กัน...ริทอยากเล่นน้ำ” พูดทวนประโยคเดิมของริท คนตัวเล็กกว่าที่มองทะเลตาเป็นประกายหันหน้ากลับมามองผมพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้ากันจนเป็นโบ“เรียกชื่อกันก่อน แล้วจะพาไป”

     

    “เราไปคนเดียวก็ได้”  ได้ไงล่ะ...ไม่มีทาง  รีบคว้าร่างเล็กที่วิ่งหนีเราเอาไว้ รั้งเอวบางจนริทเซเข้ามาประทบกับอกแกร่งเลยได้โอกาสกอดเขาเอาไว้แน่น

     

    “จะเรียกหรือไม่เรียก”

     

    “ไม่...” ผมรู้ว่าริทแกล้ง ไม่งั้นเขาไม่กลั้วหัวเราะใส่หน้าผมอย่างนี้หรอก เห็นแล้วหมั่นเขี้ยวเลยบีบแก้มนุ่มเล่นไปหนึ่งที

     

    “โอเค ไม่เรียกก็ไม่เรียก กันยอมพาไปเล่นน้ำก็ได้ แต่ต้องเล่นโดยไม่ใส่อะไรเลยนะ” เอ่ยจบก็ช้อนตัวริทขึ้นอุ้ม เจ้าตัวโวยวายใหญ่ ดิ้นไม่หยุดแต่ก็ยกมือขึ้นกอดคอผมเอาไว้แน่นเพราะกลัวตก

     

    “กัน..ไม่เอาไม่เล่น กันริทไม่เล่น”

     

    “หืม ยอมเรียกชื่อกันแล้วเหรอ”

     

    “อือ  ยอมแล้ว ปล่อยริทลงซะทีสิ” คิดว่าผมต้องทำตามที่เขาขอร้องด้วยเหรอ ยิ่งเห็นริททำหน้ายู่ไม่สบอารมณ์แล้วผมยิ่งชอบ เดินดุ่ย ๆ พาเขาตรงไปที่ทะเลทันที ที่บอกว่าจะให้เล่นโดยไม่ใส่อะไรผมพูดเล่น ผมคงไม่ยอมให้ใครเห็นริทในสภาพแบบนั้นหรอกเพราะผมจะเก็บไว้ดูคนเดียว

     

     

    พอมาถึงตรงชายหาดผมก็วางริทลงปล่อยให้เขายืนเอง ทันทีที่เท้าเล็กสัมผัสกับพื้นทรายริทถึงกับยิ้มดีใจยกใหญ่ รอยยิ้มของริทไม่ว่าจะผ่านมากี่ภพกี่ชาติมันก็ทำให้ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้มอง เราสองคนพากันเดินทอดน่องไปตามแนวหาดทรายสีขาวยาวสุดลูกหูลูกตา

     

    “ตอนนี้อากาศเย็นสบายดีจัง ไม่ร้อนเลยทั้งๆ ที่เป็นหน้าร้อน” ร่างเล็กที่เดินทอดน่องเลียบไปตามชายหาดข้าง ๆ ผมหันมากพูดลมเย็นจากทะเลพัดเข้ามาปะทะใบหน้าหวานทำให้ผมยาวพอประมาณของริทพลิ้วไหวไปตามลมดูน่ารัก

     

    “ ชอบที่นี่มากเลยเหรอ”

     

    “อือฮึ เรามาเล่นก่อปราสาททรายกันเถอะ ก่อเสร็จแล้วค่อยไปเล่นน้ำ”

     

    “ริทเล่นเถอะ กันว่ามันเด็กเกินไป”

     

    “แต่ริทก็ยังไม่แก่เกินไปซะหน่อย ฮึ่ย” ทำหน้าเบะใส่เรา ก่อนจะย่อตัวลงไปนั่งก่อปราสาททรายเล่น ส่วนผมก็ได้แต่ยืนมอง แค่ดูก็มีความสุขแล้ว แสงสีส้มเป็นประกายของดวงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามากระทบใบหน้าหวานทำให้มันดูน่ารักน่าหยิกเราอดเอ็นดูเขาไปด้วยไม่ได้ รอยยิ้มนั่นก็อีก มองมากี่ร้อยปีก็ไม่เคยเบื่อเลยสักนิด

     

    ก้มลงไปเก็บกิ่งไม้ที่หาได้ทั่วไปตามชายหาด นั่งหันหลังให้ริท ก้มลงเขียดเขียนอะไรบางอย่าง คนตัวเล็กที่ง่วนอยู่กับการก่อปราสาททรายเอี้ยวตัวมาทางด้านหลังเกาะหลังของผมเอาไว้แล้วชะโงกหน้าออกมาอ่านข้อความที่ผมเขียน

     

    “กัน รัก ริท.” ยิ้มหน้าบานเลยแฮะ หัวเราะคิกคักชอบใจยกใหญ่ผมเลยเบี่ยงตัวหลบ ส่งกิ่งไม้ไปให้ริทถือมือก็คอยประคงให้เขาเขียนตามที่เราต้องการ

     

    ริท รัก กัน

     

    “อ้าว ลบทำไมล่ะริท ทำแบบนี้ได้ไงเนี่ย!!

     

    “แล้วไง อย่ามาขี้โม้นะ ริทไม่ได้รักกันซะหน่อย”

     

    “แน่ใจ?” เลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ อีกฝ่ายหลบแทบไม่ทันจมูกเลยเฉียดแก้มนุ่มจนริททำหน้าเหลอหลาวิ่งหนีลงทะเลไป “อย่าหนีนะริท มาให้จับซะดีๆ”

     

    “แน่จริงก็จับให้ได้สิ ฮ่าๆๆ” เราสองคนว่ายน้ำไล่จับกันกลางทะเลส่งเสียงดังลั่น ดีหน่อยที่เป็นชายหาดส่วนตัวจะทำอะไรก็ได้ไม่มีใครว่า คนตัวเล็กนี่ก็ฤทธิ์เยอะสมชื่อว่ายหลบหลีกเราได้ทุกครั้ง แต่คนเรามันก็ต้องมีพลาดกันบ้างแหละ ผมสุดท้ายเลยเป็นผมที่คว้าตัวเขาเอาไว้ได้แล้วดึงเข้ามากอดไว้แน่นกลางทะเล

     

    “อื้อ....ปล่อย”

     

    “ไม่มีทาง จับได้แล้วจะฟัดให้หนำใจเลย เมื่อกี้ใครบอกว่าไม่รักกัน หืม ใครบอก” กดจมูกลงฟักแก้มนุ่มให้หนำใจ ริทหน้าแดงก่ำทั้งทุบทั้งตีผมไม่ยั้ง

     

    “งื้อ ปล่อย เดี๋ยวมีคนมาเห็น”

     

    “ช่างเขาปะไร”

     

    “แต่ริทอาย”

     

    “งั้นมานี่” ลากริทให้ว่ายตามมาตรงโขดหินลับสายตาคน คราวนี้จะอ้างไม่ได้แล้วว่ากลัวคนอื่นเห็น ผมหรี่ตามองคนตัวเล็กกว่าที่กลอกตามองลอกแลกอย่างอดขำไม่ได้ ไหนจะสภาพตอนนี้ที่เหมือนลูกหมาตกน้ำ ผมเปียกลู่เรียบแปล้ ทำให้เห็นเครื่องหน้าหวานเด่นชัดขึ้น จะว่าไปริทนี่ก็แก้มยุ้ยเหมือนกันแฮะ

     

    “มองอะไรล่ะ”

     

    “มองคนน่ารักไง”

     

    “บ้า...” พอโดนชมเข้าหน่อยก็ทำหน้าไม่ถูก จะยิ้ม  หน้าบึ้ง หรือเขิน ริทแสดงออกมาหมดในคราวเดียว แล้วก้มหน้าหนีไม่ยอมสบตาผมตรง ๆ จนเราต้องเชยคางมนให้เขายอมเงยหน้าขึ้นมามอง...หน้าแดงเชียว

     

    “อย่าหลบตาสิ”

     

    “ก็อย่ามองจ้องแบบนี้สิ ริททำตัวไม่ถูกแล้ว...”

     

    “ก็ทำตัวปกติสิ”

     

    “ก็กันทำให้มันไม่ปกติ...” ขำจริงๆ กับท่าง้อแง้งอแงของริท ผมเลยแกล้งเขาโดยการเลื่อนมือไปลูบเกลี่ยพวงแก้มอมชมพูนั่นเล่น เคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าหวานในขณะที่มือก็ประคองท้ายทอยของริทล็อคเอาไว้แน่นก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปอย่างอ่อนโยน ดูดดื่ม เสียงจูบแลกลิ้นดังแข่งกับเสียงคลื่นสาดกระทบเข้าฝั่ง ยิ่งคลื่นโหมกระหน่ำมากเท่าไรรสจูบที่ผมมอบให้ริทก็เริ่มร้อนแรงทุกขณะจนมันเริ่มจะเกินเลยไปมากกว่าจูบ เมื่อมือขางหนึ่งหายเข้าไปใต้สาบเสื้อลูบวนสัมผัสกับผิวเนียนละเอียด

     

    “อื้อ....พอก่อน อย่า”

     

    “ทำไมล่ะ ไม่ชอบเหรอ หืม!” ริทหลบตาปากอมยิ้มเขิน ผมก้มลงกัดปากเล็ก ๆ หลายทีจนมันบวมเจ่อ ยกแขนสองข้างคร่อมริทไว้กับโขดหิน

     

    “รักนะ...”

     

    “อืม...รู้แล้ว บอกอยู่ทุกวัน”

     

    “แล้วริทล่ะ รักกันหรือยัง” พอได้ฟังคำถามริทเงียบอยู่นาน กว่าจะตอบ

     

    “รัก....ก็ได้”

     

    “เอาดี ๆ สิ กันอยากฟัง”

     

    “ก็พูดให้ฟังไปแล้วนิ  ไม่เอาแล้วนะริทจะกลับขึ้นฝั่ง หนาวเดี๋ยวไม่สบาย” พูดจบก็ผลักเราที่คร่อมตัวเขาอยู่ให้ออกห่าง แล้วเดินหนีหันหลังจะขึ้นฝั่งแต่มันก็ไม่ไวเท่าผมที่รั้งเขามากอดจากทางด้านหลังกระซิบเสียงพร่าข้างหู

     

    “ไม่ให้ไป จนกว่าจะพูด....ถ้าไม่พูดจะจับปล้ำกลางทะเล เอามั้ย”

     

    “คิดว่ากลัวหรือไง”

     

    “หึ ถ้างั้นก็ต้องทำให้กลัวสินะ” เอ่ยจบก็ก้มลงซุกไซร้ซอกคอขาวจนริทดิ้นพล่านไม่หยุด ทั้งทุบทั้งตีโวยวายเป็นการใหญ่ อยากเล่นตัวก็ต้องเจอแบบนี้

     

    “พอแล้ว ฮื้อ พูดแล้ว ริท...อ๊ะ ริทรักกัน”

     

    “อะไรนะ ไม่ได้ยินเลย” ยิ้มกริ่มที่ทำได้สำเร็จ “พูดอีกทีสิ...เอาช้า ๆ ชัดๆ ” ริทพอโดนบังคับมาก ๆเข้าก็เริ่มไม่พอใจ คนตัวเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้นมากระซิบข้างหูผม

     

    “ริท- รัก กัน” เพียงแค่นี้ผมก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ แต่มันยังไม่พอใจที่สุด  เลยรั้งเขามากอดไว้แน่นยิ่งกว่าเดิม

     

    “ถ้ารักกัน ทำอะไรสักอย่างได้ไหมให้รู้ว่าริทรักกัน”

     

    “อะไรล่ะ”

     

    “ไม่รู้สิ...จะจูบ จะกอด จะหอม ตามสบายเลย”พอเจอไม้นี่เข้าไปริทถึงกับอึ้ง ถลึงตาใส่ ผมเห็นแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ ริทเงียบไปสักพักอีกเหมือนเคย จนคนรออย่างผมอดลุ้นไม่ได้ว่าเขาจะทำอะไร จนในที่สุดริทก็พูดออกมาถึงแม้ว่ามันจะเบาไปหน่อย แต่มันก็ทำให้ผมยิ้มแก้มปริ


     

    “เป็นแฟนกันนะ...”







     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×