นักเรียนหมอขอเมาท์

ลำดับตอนที่ #31 : เมาท์ : ว่าด้วยหมอ.... หมอชิด [ชิดหมอ]

ว่าด้วยหมอ.... หมอชิด [ชิดหมอ]

        ‘หมอชิด’ ไม่ผิดหรอกค่ะ ด.เด็ก ไม่ใช่หมอชิตที่เป็นสถานีปลายทางของรถไฟฟ้าบีทีเอส พาหนะที่จัดว่ารวดเร็วที่สุดในการจราจรอันคับคั่งของกรุงเทพ
 

‘หมอชิด’ แปลกันอย่างตรงไปตรงมา หมอก็คือคนที่ดูแลให้การรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ชิดก็คือ ใกล้หรือการเข้าถึงนั่นเอง ลองคิดว่าชีวิตของคนทั่วๆ ไปอย่างเรา ตื่นเช้าไปโรงเรียน กินข้าวโรงอาหาร หลับกับอ่านการ์ตูนในคาบเรียน เลิกเรียน ขึ้นรถเมล์กลับบ้าน เปิดคอมฯ เล่นเนต เข้าบอร์ดคนน่ารักในเด็กดี อ่านcommentในกระทู้ มีความสุข นอนหลับสบาย ตลอดหลายปีที่เราโตมา เราต้องไปหาหมอสักกี่ครั้งกัน หลายคนเป็นหวัดก็กินยาพาราฯ นอนเยอะๆ แล้วก็หาย แต่ถ้าจะพิจารณากันจริงๆ แล้ว นอกจากเหตุผลในการที่เราสามารถดูแลตนเองได้ในกรณีเป็นโรคทั่วๆ ไปที่สามารถหายเองได้ ยังมีปัจจัยเหตุอีกมากที่ทำให้คนไข้ที่เป็นโรคที่มีความรุนแรงถึงชีวิตซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่การบริการทางสาธารณสุขยังเข้าไปไม่ถึงไม่มาหาหมอ

       ยกตัวอย่างเช่น ปัจจัยด้านตัวผู้ป่วยเอง (Homebound/Bedbound) ที่ไม่สามารถออกมาจากบ้านหรือต้องอยู่แต่บนเตียงเท่านั้น ปัจจัยด้านครอบครัวและผู้ดูแล (Family & Caregiver) ถ้าขาดผู้ดูแลแล้วคนไข้ก็ไม่สามารถมารับการรักษาได้ ตัวอย่างก็เช่นการเดินทางไปรับบริการสาธารณสุข ปัจจัยด้านเศษฐานะ (Financial Problem) เนื่องจากการรักษาโรคนั้นๆ ต้องมีค่าใช้จ่ายที่คนไข้อาจแบกรับไม่ไหว ฉะนั้นระบบการสาธารณสุขจึงต้องมี Primary Health Care หรือระบบบริการทางสุขภาพปฐมภูมิ เป็นระบบที่ให้บริการสุขภาพในระดับที่เป็นด่านแรกของระบบบริการสาธารณสุขของประเทศ เพื่อเป็นการประสานงานกับคนไข้ ให้คนไข้เหล่านั้นสามารถเข้าถึงบริการทางสุขภาพและได้รับบริการอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างของ Primary Health Care ก็อย่างเช่น การมีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ เพื่อให้การดูแลสุขภาพในชุมชน มีการตรวจทั่วไป มีการให้สุขศึกษาและรณรงค์ป้องกันโรค  

           จากการบรรยายมาทั้งหมดนี้นะคะ ต้องการสื่อให้เห็นว่า คนส่วนใหญ่มีความคิดว่าต้อง ‘ชิดหมอ’ คือเมื่อเจ็บป่วยคนไข้ต้องขวนขวายพยายามไปหาหมอ  แต่ในความจริงนั้น หมอเองก็ต้องมีหน้าที่เข้าไปให้ถึงคนไข้เหล่านั้นเองด้วย ซึ่งก็คือ ‘หมอชิด’ แต่เหนือสิ่งอื่นใด การที่โลกใบนี้ไม่ต้องการหมออีกต่อไปเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะแสดงว่าโลกใบนี้ปราศจากผู้มีโรคภัยไข้เจ็บใดซึ่งจะนำมาซึ่งความสุข อันทางพระพุทธศาสนาให้ภาษิตไว้ว่า “อโรคา ปรมาลาภา” ซึ่งมีความหมายว่า การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ

สุดท้ายนี้ก็อยากให้น้องๆ ที่ตอนนี้กำลังจะสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยลองคิดดีๆ นะคะก่อนที่จะเลือกคณะที่จะศึกษาต่อ เพราะการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยจะส่งผลในระยะยาวไปถึงอาชีพในอนาคตของน้องๆ ด้วย น้องๆ ไม่จำเป็นจะต้องเลือกในสิ่งที่เป็นค่านิยมหรือตามใครๆ ขอให้น้องๆ เลือกจากสิ่งที่เรารักและชอบ เพราะถ้าเรารักจะทำแล้วเราก็จะประสบกับความสำเร็จในอนาคตอย่างแน่นอนค่ะ =]

นศพ.ประปรายประจำคณะ