ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fate Diary (บันทึกพลิกโลก) By Dr.Pop

    ลำดับตอนที่ #1 : 1

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.66K
      59
      8 เม.ย. 58

     

     

    มันกำลังระบาด

     

    ไม่คิดว่ามันจะได้ผลเร็วขนาดนี้

    เรามีทีมงานดี สภาวะแวดล้อมดี และไอเดียที่ดี

    อีกฝ่ายรู้แค่ว่าเราทำอะไรได้ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเราทำได้แค่ไหน

    พวกเขาพยายามหาทางต่อกร แต่พวกเขาไม่รู้ว่ากำลังจะสายไป

    แค่หาตัวเร่งปฏิกิริยาอีกสองสามชิ้น ทุกอย่างก็จบ

     

    มันกำลังระบาด

     

    มนุษยชาติคือตัวหมากของเกมนี้

    อีกไม่นานทุกโลกจะลุกฮือขึ้นต้อนรับการเปลี่ยนแปลง

    ทุกมิติจะจับจ้องมาที่เรา พวกเขาจะสับสน หวาดกลัว และหมดหวัง

     

    มันกำลังระบาด

     

    หวังว่านายคงรับมือมันได้นะ “เพกาซัส”

     

     

     

    Part 1

    Instinct

    (สัญชาตญาณ)

     

     

     

     

     

     

    1

     

     

    …../…./….

     

    บันทึกช่วยจำ

     

    60 ปีก่อน 

    ·       ลูซี่ เฟลอรอล กับ อีริก ซามัวล่าแห่งนาซาพบรักกันที่ฮาวาย  

    ·       อีริกได้รับมรดกจากพ่อเป็น ซอด” 

    ·       อีริกหายสาบสูญ…

     

    14 ปีก่อน 

    ·       แองเจล่า ฟรอยด์ถูกซอดลอบสังหาร

    ·       แองเจล่าหายสาบสูญ…

     

     12 ปีก่อน 

    ·       เจนีดิน มาร์คุส บอดี้การ์ดประจำตระกูลฟรอยด์ออกตามหาแองเจล่าโดยอาศัยเบาะแสของซอดจากลูซี่ เฟลอรอล คนรักของอีริก

    ·       เจนิดีนเดินทางไปบ้านอีริกและพบข้อมูลลับสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา

    ·       เจนิดีนหายสาบสูญ…

     

    ปีนี้ (ไทย)

    ·       เต้ ลูกชายผมถูกไฟครอกจากเหตุระเบิดสยามพารากอน พบซอดในที่เกิดเหตุ

    ·       เต้หายสาบสูญ... 

    ·       ผมตามสืบข้อมูลของซอดจนพบกับลูซี่ เฟลอรอลคนรักของอีริก ซามัวล่า

    ·       ผมเดินทางไปบ้านอีริกและพบข้อมูลการสืบสวนของเจนิดีนที่นำไปสู่ “มีก้า” เด็กชายผู้มีปานรูปดวงตาสีเลือดกลางหลัง

    ·       ผมเดินทางไปสถานรับเลี้ยงเด็กแมรี่ เมอร์ล่าที่ฮาวายเพื่อหาข้อมูลมีก้า

    ·       ผมถูกลอบสังหารโดยซอด

     
     

    แต่โทษที ผมยังไม่ตาย




     

    ผมปิดสมุดบันทึกช่วยจำแล้วหยิบถ้วยชาขึ้นจิบ  
               ชื่อแอนดี้ เราซ์ที่คุณเห็นบนปกสมุดนั่นแหละชื่อผม  
               ผู้โดยสารข้าง ๆ ผมในเที่ยวบินนี้คือโทมัส แกรนด์ หนึ่งในนักสืบที่เคยตามเรื่องของเจนีดีนกับแองเจล่าเมื่อสิบสี่ปีก่อน เขาอายุเกือบหกสิบ ตัวอ้วนท้วม สวมเชิ้ตลายสก็อตทับด้วยแจ็กเกตสีเขียวเก่า ๆ ใบหน้ารกไปด้วยริ้วรอยและหนวดเครา ศีรษะเขาเถิกจนใกล้ล้าน อันที่จริงเขาวางมือจากวงการตำรวจไปนานแล้ว แต่เพราะคู่หูเขาเพิ่งถูกซอดสังหารเมื่ออาทิตย์ก่อนโทมัสจึงกระโจนกลับสู่เกมการล่าอีกครั้ง  หลายวันที่ผ่านมาเราสองคนได้กุญแจไขปริศนามาหลายดอก โทมัสเป็นผู้ตั้งชื่อ
    ซอดย่อมาจาก Sniper of Demon หรือ มือปืนปีศาจ ซึ่งหมายถึงกระสุนสีทองสลักตัวอักษรเอสที่คร่าชีวิตคนมามาก  ไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากไหน  ไม่มีใครสามารถตรวจสอบทิศทางของมันได้  สิ้นเสียงปัง ต้องมีใครบางคนตาย

    และหนึ่งในนั้นเกือบเป็นผม

    “คุณโอเคไหม”

    “อืม”  ผมฮึมฮัมขณะมองดูรูปถ่ายลูกชาย ชื่อจริงของเต้คือ เทยอน เราซ์ ตั้งโดยภรรยาชาวเกาหลีของผม  ใบหน้าหล่อเหลานั่นพาให้ผมหดหู่ทุกครั้งเมื่อหวนนึกถึงสภาพล่าสุดของเต้  ร่างกายเขากว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ถูกไฟคลอกเป็นแผลฉกรรจ์แดงฉานจากเหตุระเบิดที่สยามพารากอน  เนื้อเยื่อหลายส่วนขาดวิ่นเหวอะหวะ เหมือนซากศพที่เปื่อยยุ่ย ความหวังในการรอดชีวิตของเต้ริบหรี่ดั่งหิ่งห้อยเผชิญช่วงนาทีสุดท้ายแห่งอายุขัย พวกหมอพยายามยื้อชีวิตเขาเหมือนจะหาเชือกเส้นที่ยาวที่สุดส่งไปให้เด็กหนุ่มยังชั้นใต้ดินแห่งขุมนรก แต่เต้ไม่เคยไต่ขึ้นมา
               แล้วจู่ ๆ เต้ก็หายตัวไป…

    สิ่งที่เหลือไว้คือภาพวาดดวงตาสีเลือดบนหน้าต่างห้องผู้ป่วย ดวงตาแบบเดียวที่ปรากฏบนแผ่นหลังของมีก้า ดวงตาที่จ้องมองผมราวกับจะกำลังหัวร่อว่า ไอ้โง่ ฉันได้ตัวลูกแกไปแล้ว ผมจำได้ดีว่ามรสุมแห่งความโกรธแค้นที่ถาโถมในใจผมรุนแรงแค่ไหน และนั่นคือวินาทีที่ผมปฏิญาณกับตัวเองว่าผมจะตามหาลูกให้เจอ ไม่ว่าต้องเผชิญหน้าไอ้สารเลวตัวไหนก็ตาม

    “สิ่งที่มันทำกับแดเนียลเลวร้ายมาก” โทมัสพูดถึงคู่หูเขาที่ถูกสังหารด้วยซอด “มันเปลือยร่างเขาตรึงบนไม้กางเขนยักษ์กลางถนนและยิงเขา…แม้ยามหลับตาฉันก็ลืมภาพนั้นไม่ลง”

    “ไม่มีใครลืมมันลง” ผมใช้คำพูดเป็นค้อนที่ตอกฝันร้ายของเราทั้งคู่ให้ฝังลึกในความทรงจำ 

    “ฉันเชื่อว่าเราจะได้แก้แค้น”  โทมัสวางมือบนไหล่ผม  “มันต้องชดใช้”

    เราสองคนต่างสบตากันอย่างเข้าใจความหมาย  ผมส่งยิ้มให้ก้อนเมฆนอกหน้าต่างขณะเครื่องบินทะยานสู่ที่หมายเพื่อทักทายจิ๊กซอว์ปริศนาชิ้นต่อไป


              ในที่สุดเราก็มาถึงปารีส

    ตอนนี้ห้าทุ่มครึ่ง  เราสองคนยืนอยู่หน้าห้องจัดเลี้ยงโรงแรมริซคาร์ตัน  ดูเหมือนว่างานปาร์ตี้สุดหรูจะเพิ่งเลิก  รอบกายเราอึกทึกด้วยเสียงจ้อกแจ้กของเหล่าไฮโซในชุดแฟชั่นหลากแบรนด์

    ผมไม่ได้ตาฝาดที่เห็นสาวแก่สะพายหมาปอมปอมขนฟูไว้บนไหล่

    กลิ่นสาบคนมีอันจะกินฟุ้งเตะจมูกผมทุกครั้งที่พวกนั้นย่างผ่าน โลกของคุณจะดูสว่างไสวขึ้นมาทันใดเมื่อเฉียดเข้าไปใกล้คนเหล่านี้ มันเหมือนพวกเขาพกแชนเดอเลียร์ส่วนตัวไปทุกหนทุกแห่ง ประกายความสุขจากเงินในบัญชีที่เหลือล้นเจิดจรัสอยู่ในสายตาและรอยยิ้มคนเหล่านั้น มันทำให้คุณอิจฉา ทำให้คุณมีแรงบันดาลใจ และหลายครั้งก็ทำให้คุณหมั่นไส้ คุณสงสัยว่าพวกเขารวยได้ไง คุณไปสรรหาหนังสือรวยทางลัดมาอ่าน คุณอินกับมัน แต่สุดท้ายความขี้เกียจก็สั่งให้คุณจมปรักอยู่กับการผลัดวันประกันพรุ่ง พอคุณไม่รุ่ง คุณก็ประนามพวกเขาที่แย่งสารอาหารแห่งชนชั้นของคุณไป – นี่แหละชีวิต เรามักโทษคนอื่นว่าแย่ แต่ไม่เคยเหลียวแลความแย่ของตัวเอง  - สารร่างเหี่ยวเผละของโทมัสทำให้เขาอยู่ได้อย่างสงบจนแทบจะกลืนหายไปกับภาพแรดบนผนัง  สาว ๆ ไฮโซหลายคนชายตาให้ผม  ผมยิ้มกลับไป

    หนุ่มคนหนึ่งชายตาให้ผม ผมทำเป็นแคะขี้มูก

    อ๊ะ นั่นไง  เป้าหมายเรา

    “บองชูร์ มาดามลูซี่”  ผมกล่าวทักทายลูซี่ เฟลอรอลที่เดินเฉิดฉายในเดรสสีแดงกับส้นสูงสีขาวประดับเพชร เธออายุแปดสิบสี่ และเป็นเจ้าของร้านจิลเวอร์รี่ที่โด่งดังในฝรั่งเศส ผมทึ่งที่ลูซี่ยังดูแข็งแรงกระฉับกระเฉงและยังไม่เป็นเหยื่อของอัมพาตหรืออัลไซเมอร์ เธอไม่เสียเวลาไปดึงหน้าให้เต่งตึงจนกลายเป็นแม่มดบวมน้ำ เธอแค่แก่อย่างมีสไตล์ ลูซี่เคยขึ้นปกนิตยสารชื่อดังทุกเล่ม ทุกคนรู้จักเธอ และเหมือนจะรักเธอ ลูซี่คืออดีตคู่รักของอีริก ซามัวล่าที่หายตัวไปหลายสิบปีก่อน  รอบกายเธอมีบอดี้การ์ดตัวใหญ่สี่คนตามประกบ

    ทุกคนดูเหมือนหมีกรีซลีตัวเต็มวัยใส่แว่นดำ

    “ว้าววววว...บองชูร์ คุณตำรวจ”  ลูซี่โผเข้ากอดผมราวกับได้เจอหลานชายที่หายสาบสูญ  กลิ่นน้ำหอมของเธอฉุนไปถึงปลายประสาทเส้นสุดท้าย เธอมีวิธีการทักทายที่ดูดีใจเกินเหตุเหมือนเล่นละครเวทีตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง  “ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่  มีใครตายหรือคะ”

    “เปล่าครับ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ  อ้อ นี่โทมัส แกรนด์ คู่หูของผม”

    ยามที่ทั้งคู่ทักทายกัน ผมบอกได้เลยว่าโทมัสดูต้อยต่ำ สกปรก และหมองหม่น

    “อ้อ เรื่องกระสุนนั้นสินะ”  ลูซี่ยิ้มแฉ่งรู้ทัน “ฉันยินดีมาก แต่คงต้องเป็นวันหลัง  ฉันมีอัดรายการแต่เช้า  ขอตัวนะคะ”

    เธอตีจากเราไปอย่างมีพิธีรีตอง

    แต่ก่อนเธอจะชิ่ง ผมก็รีบฉวยโอกาสกระซิบข้างหูเธอว่า

    “ผมรู้เรื่องมีก้าแล้ว” 

    ลูซี่ช็อกดั่งคุณย่าโดนสตัฟฟ์

    “คุณพอจะว่างคุยไหมครับ"  

    ผมไม่ได้ขู่ แต่ผมเอาจริง - รังสีความหฤหรรษ์ของลูซี่ดับวูบไป  ผมแทบจะได้ยินเสียงหัวใจเหี่ยว ๆ ของเธอที่เต้นตุบ ๆ อย่างพรั่นพรึง มันเหมือนผมบังเอิญไปเจอกางเกงในรูปหน้าโทมัสในลิ้นชักห้องเธอเข้า ลูซี่ดูตะลึง รังเกียจ ไม่คาดฝัน แต่ก็มีอาชีพพอจะคุมสถานการณ์

    “โอเค”  น้ำเสียงลูซี่เย็นยะเยือก กล้ามเนื้อมุมปากเธอกระตุกอย่างคุมไม่อยู่ เธอปรายตามองผมแล้วหันไปบอกเหล่าบอดี้การ์ดว่า “รอที่รถ”

    แล้วเธอก็ลากขาเหี่ยว  ๆ นำทางผมกับโทมัสไปลานโล่งหลังโรงแรม

     

    จากจุดนี้คุณสามารถมองเห็นตึกรามบ้านช่องที่ขึ้นเตียงติดกันเหมือนเทือกเขาดำที่ทาบทับขอบฟ้าแห่งราตรี เหล่าต้นไม้ที่โอบล้อมเราตกแต่งมาดีจนอาจคิดว่าคนสวนจบปริญญาเอกจากมหาลัยวิทยาแคมบริดจ์ด้านการออกแบบ มีหินสีส้มที่จัดเรียงเป็นทางเดินอันปราณีต มีเสียงน้ำพุดังจ่อก ๆ แจ่ก ๆ อยู่ไกล ๆ

    แต่ไม่มีเสียงผู้คน

    เป็นเรื่องแปลกที่สวนสวย ๆ แบบนี้ควรจะมีคนเดินเตร็ดเตร่ อย่างน้อยก็น่าจะได้เห็นวี่แววของคู่รักที่หามุมกระหนุงกระหนิง บางอย่างในสถานการณ์ของเราทำให้บรรยากาศบริเวณนี้ดูวังเวงพิกล มันเหมือนเราเป็นตัวเอกในหนังซอมบี้ที่ไม่รู้ว่าผีจะพุ่งตัวมาจากหลืบไหน ผมได้กลิ่นลางสังหรณ์อันเลวร้ายปะปนอยู่ในลมหายใจ   

     “ฉันประเมินคุณต่ำไป”  ลูซี่กอดอกแล้วอมยิ้ม

                 “เราตรวจสอบที่มาของเงินบริจาคให้สถานรับเลี้ยงเด็กแมรี่ เมอร์ล่าย้อนหลังไปห้าสิบปี และพบว่าทุกปีจะมีเงินบริจาคก้อนโต”  ผมเข้าเรื่อง  “เจ้าของเงินฉลาดที่แต่ละปีใช้ชื่อบัญชีไม่ซ้ำกันเพื่อให้สาวต้นตอได้ยาก แต่เขาพลาดในการบริจาคครั้งแรกเพราะถอนจากบัญชีเงินฝากตัวเอง”

                 ใบหน้าลูซี่ดูเงียบขรึมเหมือนแมวแก่เจ้าอารมณ์  ผมพูดต่อ

                 “อาจจะเพราะเขาเดือดเนื้อร้อนใจกับเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นทำให้ไม่ทันระวังผลที่จะตามมา ในที่สุดเขาจึงฝากเงินสองล้านเหรียญให้คุณและคุณนายโลเปซเพื่อบริจาคแด่แมรี่ เมอร์ล่า พร้อมทั้งจ้างวานพวกเขาให้รับอุปการะมีก้า เด็กชายกำพร้าผู้น่าสงสาร อ้อ ไม่ใช่สิ มีก้าไม่ได้กำพร้า เขาถูกทิ้งต่างหาก  แม่เขารู้เรื่องนี้ดี ใช่ไหมครับ ลูซี่

               ผมสบตาเธออย่างเด็ดเดี่ยว  ประกายความตื่นตระหนกก่อตัวขึ้นในแววตาหญิงชราทันใด  –

    บังเกิดความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลูซี่ก็ส่งเสียงฮึอย่างไม่สะทกสะท้าน

               “เมื่อฉันตัดสินใจจะแต่งงานใหม่ ฉันก็จำเป็นต้องกำจัดร่องรอยทั้งหมดของอีริก”  ลูซี่ยักไหล่ยิ้มแฉ่ง  “แต่พอมีคนเผยแพร่ปานรูปดวงตากลางหลังของมีก้า เขาก็ถูกสื่อเพ่งเล็งว่าเป็นสัญลักษณ์ของปีศาจและไม่ปลอดภัยอีกต่อไป  ฉันเลยจ้างครอบครัวโลเปซที่ร้อนเงินให้รับอุปการะมีก้าก็แค่นั้น” 

               “แล้วมีก้าเกี่ยวอะไรกับกระสุนนั่น”  ผมรู้สึกถึงความเกลียดชังท่วมใจ

               “ก็ไม่รู้สินะ”  ลูซี่ทำลอยหน้าลอยตา

               “เจนิดีนค้นพบเบาะแสที่เชื่อมโยงมีก้ากับกระสุนปืนและดวงตาสีเลือด  ลูกคุณเกี่ยวอะไรด้วย”  ผมจับจ้องเธอไม่วางตาดั่งราชสีห์เพ่งเหยื่อ 

               “ก็ไม่รู้สินะ”  ลูซี่กรีดนิ้วทักทายผีเสื้อราตรีในอากาศอย่างรื่นรมย์

               “ใจเย็นเพื่อนฝูง”  โทมัสเตือนเมื่อรู้สึกถึงความตึงเครียดบนหน้าผม

    แต่ผมทนไม่ไหวแล้ว! 

             “บอกความจริงผมว่ามีก้าเกี่ยวอะไรกับเรื่องพวกนี้!!

    รู้สึกตัวอีกทีผมก็แผดเสียงลั่นอย่างห้ามใจไม่อยู่ – คลื่นเสียงของผมทะลุทะลวงโสตประสาทของหญิงชราจนเธอหยุดเคลื่อนไหว  แววตาเธอเบิกโพลงเหมือนกะโหลกไร้ชีวิต นั่นคือสัญญาณแห่งการถูกครอบงำ

    นี่แหละพลังวิเศษของผม  ผมสามารถไขทุกความจริงในพริบตา! 

    นางตัวดี แกเสร็จแน่! 

               “โอ๊ะโอ” 

    ผมอ้าปากค้างปัญญาอ่อนเมื่อได้ยินเสียงเย้ยหยัน – มนตร์สะกดหายไป และเธอเหมือนนักโทษที่แหกคุกออกมาได้อีกครั้ง ทันใดนั้นดวงตาของหญิงแก่ก็หรี่ลงดั่งแม่มดชั่วร้าย

    เสียงกอก ๆ แกก ๆ ดังขึ้น – ผมหันตามไป  

               พื้นใต้ตัวโทมัสจู่  ๆ ก็แตกระแหงดั่งดินแดนแห้งแล้ง!

    เสียงโครมครามดังสนั่นหวั่นไหว

    ทันใดนั้นธรณีก็แหวกตัวเป็นหลุมยักษ์สูบโทมัสหายไป!

           ม่าย!!!” 

    ผมถลาเข้าไปคว้าคู่หูทั้งสติกระเจิง  หัวใจผมเต้นรัวเมื่อเห็นโทมัสแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางความมืดของเหวลึกสุดแกนโลก!  เสียงโหยหวนของเขาดึงกึกก้อง – ผมไม่ได้ตาฝาดที่เห็นแสงเพลิงของลาวาเดือดที่ก้นเหว! – เสียงคำรามแห่งมัจจุราชดังอื้ออึงประหนึ่งมีตัวตนอยู่ในอากาศ - พื้นดินสั่นสะเทือนอีกครั้ง – ผมกลิ้งตัวหนีจากปากเหวที่กำลังประสานเข้าหากัน – มือผมคว้าปืนอย่างว่องไว

               ปัง!

    ลูซี่ร้องเสียงหลงเมื่อแขนเหี่ยว ๆ ถูกกระสุนทะลวงเต็มนัด – ผมยืนหยัดเล็งเป้า 
               ลูซี่สะบัดมือเหมือนปัดยุง

    ปืนผมกลายเป็นฝุ่น!!

    “ไอ้โง่!”  ยายแก่คำรามทั้งกุมแผลเหมือนแมวโรคจิต  แรงโทสะผลักให้ผมกระโจนใส่นางแม่มดอย่างไม่คิดชีวิต! – เสียงวิ้งดังขึ้น – ปรากฏดวงแสงสีฟ้านับพันรอบกายดั่งหมู่ดาว

    เพียงพริบตาผมก็ถูกแช่แข็งตั้งแต่เท้าจรดคอ!

    “เสียดายที่วันนี้เราต้องเสียตำรวจรูปหล่อไปหนึ่งคน”

    ลูซี่กรีดกรายเข้ามาลูบไล้น้ำแข็งที่ห่อหุ้มกายผมด้วยความใคร่  - หนาวเหลือเกิน - หนาวจนสัมผัสได้ว่าเส้นเลือดกำลังแข็งตัวและเจียนจะแตกร้าว - หนาวจนรู้สึกว่าลมหายใจจับตัวเป็นก้อนจุกอยู่ในคอหอยแสงสีฟ้าจากไอเย็นเผยให้เห็นริ้วรอยน่ากลัวบนหน้าลูซี่ เธอเลียแก้มผมอย่างหื่นกระหาย  ดวงตาเหี่ยว  ๆ คู่นั้นวาวโรจน์ด้วยประกายเพชฌฆาต

     “หลับให้สบาย”  ลูซี่แสยะยิ้มปีศาจแล้ววาดมือในอากาศ

     ไอน้ำก่อตัวเป็นมีดคมจ่อคอผม!

     “จุ๊บ ๆ นะคะ คุณตำรวจ”

                เสียง ฟ้าว ดังแหวกอากาศพร้อมกับแสงสีฟ้าเจิดจ้า  

     ทันใดนั้น น้ำแข็งที่เคยพันธนาการผมก็พังทลาย!

     ผมกะพริบตาอย่างงงงันกับอิสรภาพ และพบว่าลูซี่หายไป  ผมเหลียวมองไปรอบ ๆ อย่างเป็นบ้าเป็นหลัง เธออยู่ไหนก็ไม่รู้  มันเหมือนจู่ ๆ เธอก็ถูกลักพาตัวไปโดยสายลม

     เสียงหึ่ง ๆ  แผ่วเบาดังมาจากปลายเท้า  ผมก้มมองและฉงนใจเมื่อเห็นดวงแสงสีฟ้าเล็กจิ๋ว  

     ผมค่อย ๆ ย่อตัวลงสำรวจมัน

                สิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในดวงแสงคือ “แหวนสีทอง”

                เกือบไปแล้ว

                เสียงหนึ่งดังขึ้น  ชายสามคนเดินตรงเข้ามาราวกับโผล่มาจากอากาศที่ว่างเปล่า – สองในสามคือเด็กหนุ่มฝาแฝดชาวตะวันตกผมทอง และอีกคนที่คือชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผม  เขาตัวสูงใหญ่ ใส่ชุดกาวน์ สวมแว่นกรอบใส หน้าตาสะอาดสะอ้าน มีรอยยิ้มแบบคนฉลาด

     ผมผุดลุกขึ้นพร้อมลุย!

                “ไม่ต้องกลัว”  ไอ้หมอพูดแล้วก้มลงหยิบแหวนยื่นให้ผม  “ของคุณ”

                ผมผงะราวกับเห็นมันเป็นวัตถุปนเปื้อน

                “รับไว้สิครับ”  เขายื่นมือมาใกล้  ผมถอยห่าง ดวงตาผมกลอกมองแหวนทีมองหมอนั่นที – รู้สึกทะแม่ง ๆ อย่างไรไม่รู้ “ตำรวจอะไรขี้กลัวจัง”

               “ผมไม่ได้กลัว” 

               “ถ้างั้นทำไมเหงื่อแตกแถมหัวใจยังเต้นถี่”  ไอ้หมออมยิ้มขณะจ้องอกผม “เอาไปเถอะ

     รู้ตัวอีกทีไอ้หมอบ้าก็คว้ามือผมไปเสียแล้ว

    ผมอยากจะชกหน้าเขาสักเปรี้ยง แต่กลายเป็นเขายัดแหวนใส่มือผมซะเรียบร้อย

    ผมรีบกระชากมือกลับ  ชายแปลกนั่นหัวเราะชอบใจ

               “อย่าทิ้งล่ะครับ”  เขาพูดในวินาทีที่ผมจะเขวี้ยงมันทิ้ง  “คุณต้องใช้มันตามหาลูกชาย”

               ศีรษะผมสั่นหงึก ๆ เหมือนตุ๊กตาไขลานยามหันกลับไปมองชายแปลกหน้าอีกครั้ง  

    ความรู้สึกมากมายโถมซัดใส่ผมในคราเดียวจนรูม่านตาขยายเต็มที่

    เขารู้เรื่องนี้ได้ไง  พวกมันมันเป็นใครกัน!

               “ผมเก่งชัยและนี่ช็อกโกแลตกับซันเด”  เก่งชัยแนะนำ – เด็ก  ๆ พยักหน้าทักทาย – ผมยังช็อก  “แฝดคู่นี้สามารถเปลี่ยนคนให้เป็นแหล่งกำเนิดพลังได้  ดูท่าคุณยายอารมณ์ร้ายจะได้พลังจากแหวนนั่น  ตอนนี้คุณมีพลังของเธอแล้ว” 

                   “คุณรู้อะไรเกี่ยวกับลูกชายผม”  ผมรู้สึกได้ว่าหัวใจเต้นรัวด้วยความโหยหา กระนั้นผมก็ไม่อาจควบคุมมือไม้ที่สั่นสะท้านด้วยความกลัว

                   “ลูกชายคุณและลูกสาวผมอยู่กับผู้ให้กำเนิดดวงตาสีเลือด”  เก่งชัยตอบ  “เขาคนนั้นมีกระสุนสลักอักษรเอสเป็นอาวุธ”

                   ผมแทบจะทรุดทั้งยืน

                   “คุณไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ แต่ผมจะบอกคุณว่ามีคนคนหนึ่งที่สามารถพาพวกเราไปหาพวกเขา” 

                   “คะ…ใคร”  ผมปากสั่น ใจเต้นข้ามจังหวะ

     

                สวมแหวนซะ แล้วผมจะพาคุณไป

     

     






     

    …To Be Continued…

    ร่วมใช้ #Fatediary บน Social network ของคุณ
    เพื่อแสดงความเห็นของคุณเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้กันครับ


     



    Dr.Pop Facebook : www.facebook.com/drpopworld
    Dr.Pop Twitter : http://twitter.com/drpoppop
    Dr.Pop Instagram : @drpoppop

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×