คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Chapter 15
*ยังไม่แก้คำผิด*
ค่ำคืนอันเงียบสงัดในดินแดนที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่พึ่งเลือดในการดำรงเผ่าพันธุ์
คืนที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงดาวระยิบระยับที่ประดับอยู่รอบพระจันทร์เสี้ยวสีเหลืองนวลแสงของมันส่องผ่านบานหน้าต่างเข้ามาภายในห้องนอนอูฮยอนและซองกยู
สายลมบางเบาพัดปะทะกับดวงหน้าสวยที่กำลังหลับใหลให้รู้สึกระคายเคือง อูฮยอนกระชับผ้าห่มผืนหน้าให้แนบกายมากยิ่งขึ้นเมื่อรู้สึกว่าสายลมยิ่งลดอุณหภูมิรอบกายให้ต่ำลง
เสียงของผ้าม่านที่กำลังปลิวไหวจนกระทบกันไปมาสร้างความหงุดหงิดให้คนตัวเล็กได้ไม่น้อย
อูฮยอนพยายามลืมตาขึ้นมาเพื่อสำรวจสิ่งรอบกายอย่างยากลำบากเพราะนี่ยังไม่ใช่เวลาเช้าและเขาก็รู้สึกว่าเขายังนอนได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ
“คุณซองกยู” เมื่อดวงตาของชายหนุ่มเปิดออกอย่างเต็มที่แล้ว
เบื้องหน้าของเขาก็ปรากฏชายร่างสูงที่กำลังจิบของเหลวสีเลือดในแก้วไวน์อย่างสุนทรี
อูฮยอนพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงก่อนจะจ้องมองชายอันเป็นที่รักอย่างพินิจพิจารณา
ใบหน้าคมที่กำลังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
ชุดที่เขากำลังสวมใส่ช่างดูแปลกตากว่าครั้งไหนๆ
ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ
ชายตรงหน้ายังคงนิ่งเฉยไม่ขยับไปไหนหรือแม้แต่มองกลับมาหาเขา
อูฮยอนได้แต่ถอนหายใจเบาๆ พลันคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนบ่าย หลังจากที่ซองกยูพาเขากลับจากห้องของซองยอลแล้ว
ชายหนุ่มก็ไม่ได้พูดอะไรกับร่างเล็กต่อ
เขาเอาแต่เงียบซึ่งอูฮยอนก็ไม่ได้คิดจะใส่ใจอะไรมากนัก
เพราะเขารู้ว่าซองกยูคงกำลังมีเรื่องทุกข์ใจอยู่
“อย่าเครียดเลยนะครับ คุณมีผมอยู่ข้างๆแล้วนี่ไง” ร่างบางลุกขึ้นจากเตียงช้าๆก่อนจะเดินเข้ามาหาชายร่างสูงจากทางด้านหลัง
แขนเรียวโอบรัดคนตัวหนาก่อนจะแนบหน้าลงกับแผ่นหลังของร่างสูงอย่างเอาแต่ใจพร้อมกับหลับตาลง
ผ่อนลมหายใจเข้าออกให้สมดุลกัน ซึ่งเขาก็พยายามอย่างมากที่จะมอบสัมผัสอันอบอุ่นให้กับคนตรงหน้า
เผื่อว่าสิ่งที่กำลังรบกวนจิตใจของคนที่ตัวเองรักจะลดลงไปบ้าง
ดวงตากลมโตที่กำลังหลับตาอยู่เปิดขึ้นช้าๆก่อนจะเหลือบกลับไปเห็นชายที่เขาคุ้นเคยกำลังนอนอยู่บนเตียงนอน..
ข้างๆเขาในตอนแรก
ร่างบางจ้องมองชายชุดขาวที่กำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างไม่เข้าใจสถานการณ์
แต่สิ่งหนึ่งที่เขาพอจะประมวลผลได้คือ คนบนเตียงคือคุณซองกยูอย่างแน่นอน เสื้อสีขาวที่เขากำลังสวมอยู่ก็คือชุดที่ร่างสูงใส่ตอนจะนอนเมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมา
สายตาของอูฮยอนเริ่มสั่นระริกไม่ต่างจากเนื้อตัวที่กำลังเต็มไปด้วยเหงื่อเมื่อรู้ตัวว่าคนที่เขากอดอยู่ไม่น่าใช่ซองกยู
แขนทั้งสองข้างถูกดึงกลับในทันทีแต่มันก็สายเกินไป ชายตรงหน้ากำลังยึดแขนทั้งสองข้างของเขาอยู่
“จะไปไหนหืมม” ร่างสูงหันกลับมาหาร่างบางที่เอาแต่ดึงแขนให้หลุดออกจากการถูกพันธการจากใครก็ไม่รู้
สายตาเรียวคมจ้องมองการกระทำนั้นอย่างไร้อารมณ์ใดๆ ต่างจากอีกคนที่แทบจะสติหลุด
อูฮยอนเงยหน้าขั้นมามองอีกฝ่ายอย่างหวาดกลัวก่อนที่เขาจะต้องตกใจมากกว่าเดิมเมื่อในตอนนี้คนตรงหน้าคือคุณซองกยู
อูฮยอนหันกลับไปมองคนบนเตียงกับคนตรงหน้าอยู่หลายครั้งอย่างไม่เข้าใจ
“น.. นี่มันอะไรกัน”
“นายไปทำอะไรตรงนั้นหน่ะอูฮยอน”
เสียงของคนบนเตียงทำให้ร่างบางต้องหันกลับไปมองอีกครั้ง
ร่างในเสื้อสีขาวกำลังจ้องมาหาอูฮยอนอย่างคาดเดาไม่ได้ ในขณะเดียวกันมือของร่างที่รั้งเขาไว้เมื่อครู่ก็ปล่อยออก
อูฮยอนหันกลับมาหาร่างสูงอย่างงงงวยแต่ก็ไร้ซึ่งวี่แวว เขาหายไปแล้ว
อูฮยอนหันกลับมาทางร่างที่อยู่นเตียงอีกครั้งแต่ก็ต้องผงะถอยหลัง
เมื่อซองกยูกำลังยืนอยู่ตรงหน้าของเขา แววตาแข็งกร้าวถูกส่งมาให้ร่างบางจนอูฮยอนเริ่มกลัว
ขาบางค่อยๆก้าวถอยหลังไปพร้อมกับร่างหนาที่กำลังก้าวเข้ามาประชิดตัว
“ถามว่ามาทำอะไรตรงนี้ ?”
“ป.. เปล่าครับ”
อูฮยอนตอบคะกุกตะกักก่อนที่แผ่นหลังจะแนบชิดไปกับผนังห้อง
ร่างกายเริ่มสั่นระริกเมื่อรู้ตัวว่าตนกำลังตกอยู่ในอันตราย
และสิ่งที่เขาไม่คาดว่าจะเกิดขึ้นคือ
คนที่หยิบยกความอันตรายมาให้เขาคือคนที่คอยแต่พร่ำบอกว่ารักเขานักหนา
“ตอบมาสิว่ามาทำอะไรตรงนี้ !”
ร่างสูงเริ่มขึ้นเสียงใส่ร่างบางก่อนที่แขนแกร่งจะจับเข้ากับข้อมือของอูฮยอน
ออกแรงกระชากอย่างแรงก่อนจะบีบจนความเจ็บปวดส่งผลให้ร่างบางต้องเบ้หน้า
“โอ๊ยยยยผมจ.. เจ็บ”
เสียงโอดครวญของร่างบางทำให้ซองกยูยิ่งเพิ่มแรงบีบตรงข้อมือให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น
ราวกับว่าเขาจะขย้ำให้แขนอันบอบบางนี้สลายหายไปต่อหน้าต่อตา
อูฮยอนทำได้แค่มองตาที่ว่างเปล่าของซองกยูอย่างอ้อนวอนให้ปล่อยเขาไป ซึ่งแน่นอนว่า
ไม่มีทาง
“ฉันถามก็ตอบสิ !”
ร่างบางถูกเหวี่ยงจนล้มกระแทกพื้น
อูฮยอนที่ตัวสั่นอยู่แล้วยิ่งเกิดความหวาดกลัวมากกว่าเก่า
เขาพยายามชันขาให้ลุกขึ้นหนีคนตรงหน้าที่กำลังเดินมาหาเขา แต่เจ้ากรรม
ข้อเท้าของเขาเกิดพลิกจนไม่สามารถยืนได้ ร่างบางทำได้แค่กระเถิบตัวให้ออกไปห่างๆแต่ก็ไม่เป็นผล
ร่างสูงในตอนนี้กำลังโถมตัวรั้งตัวของเขาลงกับพื้น
“ค.. คุณ ซอ..”
“ไม่ตอบใช่มั้ย”
ซองกยูแสยะยิ้มขึ้นมาอย่างกับปีศาจในหนังที่อูฮยอนเคยดูเมื่อตอนเด็กๆ
แขนแกร่งยื่นออกไปด้านหลังก่อนจะจับเข้ากับบางสิ่งบางอย่าง
บางสิ่งบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น เหมือนกับฝันในครั้งก่อน
แขนแกร่งปล่อยแขนของอูฮยอนก่อนจะกดแรงมือลงบนลำคอเนียนจนอูฮยอนแทบหายใจไม่ออก
มืออีกข้างสะบัดปลอกด้ามกริชให้หลุดอย่างลวกๆก่อนจะหันกลับมาส่งสายตาสมเพชใส่ร่างบางอีกครั้ง
“ได้.. ไม่ตอบก็ได้..”
“งั้นก็ตายๆไปเลยแล้วกัน”
คมกริชถูกปักลงบนหน้าอกด้านซ้ายของอูฮยอนอย่างเลือดเย็น
ซองกยูหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งในการกะทำของตัวเอง ก่อนที่ดวงตาสีรัตติกาลจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง
เขากระชากกริชออกมาจากร่างบางอย่างแรงจนอูฮยอนตัวกระตุก
ร่างบางไม่ได้หมดสติ เขาอยากจะร้องออกมาให้ได้แต่มันกลับเป็นไปได้ยากเพราะลำคอของเขาถูกคนด้านบนบีบอยู่
สายตาอันอ่อนแรงได้แต่มองการกระทำของซองกยูอย่าทุรนทุราย เขาเห็นรอยยิ้มที่ร้ายดั่งปีศาจ
เห็นสายตาเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชน และตอนนี้เขาก็กำลังเห็นแขนแกร่งกำลังง้างกริชในมือจนสูงสุดแขน
ก่อนที่มันจะพุ่งลงมาอย่างแรง
อ๊ากกกกกก
อูฮยอน..
อูฮยอนตื่นสิ..
อูฮยอนนายเป็นอะไร..
เสียงเรียกของร่างสูงทำให้ร่างบางสะดุ้งเฮือกขึ้นมาสุดตัว
เหงื่อกาฬผุดขึ้นมาตามรูขุมขนก่อนจะไหลลงมาเกาะกลุ่มกันเป็นหยดน้ำ
สายตาหวาดกลัวของคนตัวบางหันมามองชายหนุ่มเสื้อขาวข้างตัวที่ตอนนี้กำลังจับแขนทั้งสองข้างของเขาอยู่
พลันภาพความทรงจำเมื่อสักครู่ก็ผุดขึ้นมาในโสตประสาท
คนตัวเล็กในตอนนี้พยายามกระชากแขนทั้งสองข้างออกจากการเกาะกุมของร่างสูงอย่าบ้าคลั่งแต่ถึงอย่างนั้นแรงรั้งของซองกยูกลับมีมากกว่า
“ปล่อย ปล่อยนะ”
“อูฮยอนตั้งสติสิ อูฮยอน”
ซองกยูเขย่าตัวของร่างบางให้อีกคนดึงสติของตัวเองให้กลับมาสงบเหมือนเดิม
และมันก็ได้ผลดีเลยทีเดียว
ร่างบางหันมามองหน้าซองกยูอีกครั้งอย่างหวาดกลัวก่อนจะพยายามหายใจเข้าลึกๆ
ลองตั้งสติตามที่อีกคนสั่งอย่างว่าง่าย
“คุณ..”
อูฮยอนไม่สามารถพูดอะไรออกมาเพราะอารมณ์หวาดกลัวที่ยังติดค้างอยู่ในสมอง
ซองกยูเอาแต่มองร่างบางอย่างเป็นห่วงเป็นใย
“นายเป็นอะไรอูฮยอน ฝันร้ายหรอ”
อูฮยอนมองซองกยูอย่างไม่ไว้ใจก่อนจะกลับมาคิดทบทวนว่าเหตุการณ์เมื่อกี้มันคืออะไร
มือบางรีบจับหน้าอกด้านซ้ายของตัวเองเพื่อสำรวจบาดแผลที่น่าจะเกิดขึ้นแต่มันกลับว่างเปล่า “ย่าย่า จะตบหน้าตัวเองทำไม”
ซองกยูรีบยั้งมือของร่างบางในทันทีเมื่ออูฮยอนตบหน้าตัวเองอย่างแรงอยู่หลายรอบจนใบหน้าเกิดเป็นรอยแดงจนเกือบจะช้ำ
“น.. นี่ผม ยังไม่ตายหรอครับ” สายตาใสซื่อกับคำถามที่ร่างสูงไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์มากนักทำให้ซองกยูอดเป็นห่วงไม่ได้
ร่างหนารีบโผเข้ากอดอูฮยอนอย่างร้อนใจจนอูฮยอนไม่ทันได้ตั้งตัว
“แค่ฝันร้ายหนะ”
แขนแกร่งลูบหัวทุยๆของคนตัวเล็กอย่าทะนุถนอมราวกับว่านี่คือลูกแก้วที่เปราะบาง
และมันสามารถแตกสลายหายไปได้
อูฮยอนทำได้แค่เพียงปล่อยให้อีกคนลูบหัวของเขาอยู่อย่างนั้น
ในหัวสมองของร่างบางกำลังตีกันจนยุ่งวุ่นวายไปหมดกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้
อาจจะใช่ที่ว่ามันคือความฝัน แต่มันก็เป็นฝันที่เหมือนจะคล้ายกับตอนที่เขาอยู่ที่บ้านของซองกยูไม่น้อย
แววตา ท่าทางตอนที่เขาถูกแทงมันเหมือนกันไปหมด
จะให้บอกว่ามันบังเอิญเขาก็คงจะไม่เชื่อเท่าใดนัก
ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบ
มีเพียงลมหายใจเข้าออกของอูฮยอนที่ค่อนข้างแรงเพราะกำลังทำจิตทำใจให้ตัวเองกลับมาใจเย็นอีกครั้ง
โดยที่มีซองกยูกอดเขาไว้ไม่ห่าง แขนแกร่งโอบรอบเอวของอูฮยอนจนลำตัวแนบชิดกัน
ไม่มีที่ว่างเหลือให้อะไรแม้แต่อากาศเข้ามาแทรกกลาง
แขนอีกข้างกำลังปลอบประโลมร่างบางที่ตัวสั่นเหมือนลูกหมาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
“ปล่อยได้แล้วครับผมโอเค” อูฮยอนผละร่างหนาออกจากตัวก่อนจะยิ้มให้ซองกยูเพื่อให้คนตรงหน้าสบายใจขึ้น
ซองกยูในตอนแรกดูจะไม่ค่อยเชื่อร่างบางสักเท่าไหร่แต่เมื่ออูฮยอนยังคงยืนยันว่าไม่เป็นอะไรเขาก็จะพยายามเชื่อ
“ไม่เป็นอะไรแน่นะ”
“ครับ” อูฮยอนตอบรับเพียงสั้นๆก่อนจะยิ้มกว้างให้ซองกยูอย่างอารมณ์ดี “อูฮยอนคนเดิมเพิ่มเติมคือน่ารักกลับมาแล้วครับ
ฮ่าฮ่า”
เสียงหัวเราะของร่างบางทำให้ซองกยูแทบจะหลุดหัวเราะออกมาแต่เขาก็เลี่ยงที่จะแสดงอาการอะไรออกมามากมาย
เขาทำแค่ลูบหัวของร่างบางและขอตัวไปข้างนอกแล้วสั่งให้ร่างบางรออยู่ตรงนี้ห้ามไปไหน
“ฉันจะไปเอาอาหารเช้ามาให้ รอฉันตรงนี้นะ”
ร่างบางพยักหน้ารับก่อนที่ซองกยูจะหายออกไปจากห้อง
ในคราวเดียวกันอูฮยอนก็กลับมาคิดเรื่องที่เขาฝันเมื่อสักครู่
มันเหมือนจริงมากและมันก็เลี่ยงที่จะยอมรับไม่ได้เลยว่าในฝันทั้งสองครั้ง คนที่ทำร้ายเขาคือซองกยู
แล้วอย่างนี้เขาควรไว้ใจชายหนุ่มได้อยู่รึเปล่า
หลังจากจัดการกับอาหารมื้อเช้าของทั้งคู่บนห้องนอนแบบส่วนตัว
ทั้งสองก็รีบไปหามยองซูที่ห้องในทันที
แต่ระหว่างทางเขาก็เจอกับมยองซูและท่านคิมโดยบังเอิญ ซองกยูจึงถือโอกาสนี้บอกลาทั้งสองคนเพื่อที่ตัวเขาจะได้ขอกลับไปทำธุระที่ทางบริษัทจะจัดสัมภาษณ์พนักงานใหม่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
“จะไปกันจริงๆรึ ไม่อยู่ฉลองกันก่อน” แดยองหรือท่านคิม
ผู้เปรียบเสมือนพ่อคนที่สองของซองกยูกล่าวขึ้นอย่างเสียดายที่ไม่สามารถรั้งให้ทั้งสองอยู่ต่อถึงงานเฉลิมฉลองการกำเนิดของบุตรแหล่งราชาแวมไพร์
หลานชายแท้ๆของเขา
“ขอรับท่านพ่อ ข้ามีเรื่องต้องสะสาง คงไม่สะดวกจริงๆ”
“ตามใจๆ ไว้วันหลังเราค่อยมาฉลองกันอีกทีก็ไม่สาย”
ซองกยูได้แต่ยิ้มตอบผู้เป็นพ่อบุญธรรมก่อนจะขอตัวกลับ แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวออกไปไหนอูฮยอนก็รีบหยุดฝีก้าวของซองกยูลง
สายตาเรียวคมหันมามองร่างบางอย่างไม่เข้าใจ อูฮยอนไม่ได้พูดอะไรออกมาทาเพียงแค่ชี้นิ้วไปตรงทางเดินอีกฝากหนึ่งของตัวปราสาท
ไม่บอกก็รู้ว่าร่างบางต้องการอะไร
“”ไว้เจอกันนะพี่”
“ซองยอลอ่า ฉันกลับก่อนนะ”
หลังจากที่ซองกยูพาอูอยอนมาถึงจุดหมายที่เขาต้องการนั่นก็คือห้องของซองยอล
ซองกยูก็ปล่อยให้คนตัวเล็กเข้าไปหาเพื่อนของคนตัวเล็กเพียงละพังส่วนเขาก็ขอเพียงแค่รออยู่ข้างนอกเพราะไม่อยากไปขัดจังหวะการคุยของทั้งสอง
“จะกลับแล้วหรอ พึ่งมาเมื่อวานเอง”
ซองยอลถามหน้าตาตื่นที่เพื่อนเพียงคนเดียวต้องกลับไปอยู่โลกมนุษย์แล้ว
ร่างบางเอาแต่เบ๊ะปากไปทางประตูซึ่งร่างบางก็พอเข้าใจอยู่ว่าคนที่ดึงดันจะให้คนตัวเล็กกลับคือซองกยู
“ฉันขอโทษจริงๆนะ แต่เดี๋ยวฉันจะพยายามมาหานายบ่อยๆ”
อูฮยอนเดินเข้าไปกอดคนร่างสูงตรงหน้าอย่างเอาแต่ใจ
นิสัยขี้อ้อนของอูฮยอนไม่เคยหายไปเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นความเคยชินไปแล้วที่อูฮยอนจะชอบมาถูๆไถๆกับร่างกายของร่างสูง
ซองยอลนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างจะบ้าจี้
การกระทำดังกล่าวของอูฮยอนจึงสร้างเสียงหัวเราะจากปากของซองยอลได้ไม่น้อย
“ย่า ไปได้แล้วอูฮยอน”
เสียงหัวเราะหยุดลงในทันทีเมื่อบุคคลที่สามเปิดประตูเข้ามาหาคนทั้งสองพร้อมกับส่งสายตาดุมาให้
อูฮยอนได้แต่ทำหน้าหงอยพอๆกับซองยอลที่ได้แต่ส่งยิ้มลาให้คนตัวเล็กก่อนที่ทั้งสองคนจะหายออกไปจากห้อง
เหลือไว้แต่เพียงซองยอลที่หันกลับมาดูลูกของตัวเองที่เอาแต่นอน
ดวงตากลมโตเอาแต่มองหน้าของเด็กตรงหน้าก่อนจะยิ้มบางๆให้กับลูกของตัวเอง ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง
ในที่สุดเขาก็ได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเสียที
“ท่านพ่อ..
ข้าอยากอยู่กับท่านในตอนนี้เสียจริง ข้าอยากจะอวดลูกของข้าให้ท่านได้ดู ถึงแม้ว่าท่านจะจากข้ากับท่านแม่ไปแล้วก็ตาม”
“น้องข้า.. เจ้าไปอยู่แห่งใด เจ้าจะมีชีวิตเป็นเช่นไรในตอนนี้ ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน..”
บนถนนสายหลักของกรุงโซล
ประเทศเกาหลีใต้ หลังจากที่ทั้งสองกลับมายังที่ที่ควรจะอยู่มาได้ไม่กี่วันทั้งสองก็ต้องออกมาข้างนอกเพื่อทำธุระ
ตลอดทางอูฮยอนเอาแต่นั่งเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่างของรถที่กำลังแล่นไปยังบริษัทของคุณซองกยู
บริษัทที่ซองกยูเคยบอกว่ามันเป็นของเขา
แต่ตลอดทางที่ดำเนินไปเขากลับไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย
“อะไรกำลังกวนใจนายอยู่รึเปล่า”
เสียงทุ้มอันเปี่ยมไปด้วยอำนาจถามอูฮยอนอย่างจริงจัง
อูฮยอนหันกลับมามองร่างสูงที่กำลังนั่งมองเขาอยู่ตรงเบาะข้างๆ มือบางของอูฮยอนเลื่อนมือของตัวเองออกไปจับฝ่ามือหนาตรงหน้าตักของซองกยูก่อนจะบีบเบาๆ
“คำถามนี้ผมควรจะถามคุณมากกว่าครับคุณซองกยู” อูฮยอนยิ้มให้ซองกยูอย่างอ่อนโยน สายตาของซองกยูรับรู้ว่าร่างบางกำลังเป็นห่วงเขาอยู่
เพราะพักนี้เขาต้องยอมรับว่ามีหลายเรื่องที่เขาต้องคิดมาก ทั้งเรื่องบริษัท
เรื่องคนตรงหน้า รวมทั้งเรื่องของซองยุน “คุณควรทำอะไรแก้เครียดบ้างนะครับ
ช่วงนี้คิ้วคุณผูกเป็นปมอยู่ตลอดเวลาเลย”
“โอเคๆ ฉันจะไมผูกคิ้วเป็นปมแล้ว”
ร่างหนายิ้มรับก่อนจะพยายามไม่ขมวดคิ้วเพื่อให้อีกคนต้องเป็นห่วง
ทั้งสองคนยังคงประสานมือของกันและกันไว้ไม่ปล่อยจนรถหรูของซองกยูเข้ามาจอดเทียบท่าทางเข้าตัวบริษัท
อูฮยอนได้แต่อ้าปากค้างเมื่อคนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นไปมองตัวตึกที่สูงชะลูดจนแทบจะหาที่สิ้นสุดไม่ได้
ซองกยูที่บังเอิญหันมามองร่างบางกำลังอ้าปากโดยบังเอิญก็นึกอยากจะแกล้ง
ฝ่ามือหนาส่งไปปัดริมฝีปากล่างของอูฮยอนจนเจ้าตัวหันกลับมามองตาเขียว
“มือก็เค็มยังจะมาเล่นอะไรแบบนี้อีกนะครับ”
อูฮยอนส่ายหัวให้กับร่างสูงไปมาจนซองกยูอยากจะผลักหัวให้ทิ่ม
“ถ้ามือฉันหวานฉันคงไม่ทำหรอก”
ร่างสูงจัดเสื้อสูทของตัวเองให้เข้าที่ก่อนจะลงจากรถไป
ทิ้งไว้เพียงร่างบางที่ขอตัวไปนั่งดื่มกาแฟข้างนอกสักพักซึ่งซองกยูก็ไม่ได้ห้ามแต่อย่างใด
รถหรูเคลื่อนตัวออกจากบริษัทอีกครั้ง ตอลอดทางที่อูฮยอนนั่งมองสิ่งรอบตัว
สมองก็ยังคงประมวลผลถึงความเชื่อของตัวเองว่ามันถูกรึเปล่าที่ไว้ใจซองกยูอยู่
แต่เขาก็ต้องรีบปัดความคิดนั้นออกไปเพราะหวนคิดถึงการกระทำต่างๆที่ร่างสูงทำให้กับเขา
มันมากเกินไปที่เขาจะบอกได้ว่าซองกยูไม่ดี
คิดได้ไม่นานล้อของรถที่เขากำลังนั่งอยู่ก็หยุดลงหน้าร้านกาแฟ
อูฮยอนพยักหน้าขอบคุณคนขับรถที่เป็นธุระให้กับเขาก่อนจะรีบก้าวลงจากรถไปเพราะที่ตรงนี้รถจะจอดไม่ได้
ดวงตากลมโตมองตัวรถที่แล่นออกไปไกลแล้วก่อนจะเดินอย่างไม่รีบร้อนไปยังประตูร้าน
แต่โชคไม่ได้ช่วยเขามากนักเพราะอยู่ดีๆก็มีชายหนุ่มสองคนพุ่งตัวออกมาจากร้านจนไม่ได้มองว่าเขากำลังจะเดินเข้าไปในร้าน
ทั้งสามคนชนกันอย่างแรงจนล้มไปคนละทิศทางก่อนที่หนึ่งในสองคนที่อูฮยอนถูกชนรีบลุกขึ้นมาประคองอูฮยอนขึ้นมาก่อนจะเดินไปจับให้อีกคนลุกขึ้น
“คุณเดินภาษาอะไรเนี่ย”
ชายหนุ่มหน้าคมหันไปมองชายแปลกหน้าอีกคนอย่างหัวเสียก่อนจะรีบเช็ดเสื้อที่กาแฟราดใส่ให้ออกไปให้มากที่สุด
“ขอโทษจริงๆครับผมไม่ทันระวัง”
ชายแปลกหน้าอีกคนมีใบหน้าที่สวยงามรีบโค้งขอโทษคนทั้งสองที่ตนทำให้ต้องเกิดปัญหา
“อ.. เอ่อคุณครับ ใจเย็นๆดีกว่านะครับ”
อูฮยอนที่พังบทสนทนาของทั้งสองจึงรีบเอ่ยปากไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่ายให้ซึ่งชายแปลกหน้าทั้งสองก็ยอมฟังเขาอย่างว่าง่าย
“ไหนๆเสื้อนายก็เลอะเหมือนกันกับ ถือว่าเจ๊าๆแล้วกัน” ชายร่างสูงที่มีใบหน้าคมคายหันไปบอกกับชายหน้าหวานอีกคนอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหันกลับมาโค้งเป็นเชิงขอโทษอูฮยอนอย่างสุภาพ
ก่อนที่ชายหนุ่มเลือกที่จะเดินจากไป เหลือไว้เพียงชายแปลกหน้าสองคนที่เอาแต่มองชายหนุ่มจนหายลับไป
“เสื้อคุณเลอะหมดแล้วครับ”
อูฮยอนเมื่อหันกลับมาหาคนตรงหน้าก็ต้องตาโตเมื่อเสื้อสีขาวเต็มไปด้วยคราบกาแฟ
“แย่จังเลยครับ ฮ่าฮ่า งั้นผมขอตัวนะครับ
ขืนอยู่ในสภาพนี้นานๆคงไม่เหมาะ”
หนุ่มหน้าหวานหันมาพูดกับอูฮยอนอย่างเป็นมิตรก่อนจะขอตัวกลับ
ร่างเพรียวบางโค้งให้อูฮยอนอย่างสุภาพก่อนจะเดินลับหายไปเหลือไว้เพียงอูฮยอนที่หันกลับมามองเสื้อผ้าของตนที่ตรงชายเสื้อมีคราบกาแฟติดอยู่
แต่ร่างบางเลือกที่จะไม่สนใจและเดินเข้าไปในร้านกาแฟต่อ
ในมุมหนึ่งของถนนที่คนพลุกพล่าน
มีใครบางคนกำลังจ้องมองร่างบางที่กำลังนั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจอยู่ภายในตัวร้าน
ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์หาใครบางคนที่เขาใช้สรรพนามแทนคนปลายสายว่า นายท่าน
“ผมได้เจอกับเป้าหมายแล้วขอรับ ถ้าโอกาสเอื้ออำนวย ผมจะจัดการมันทันที”
.............................................
สวัสดีค่ะรีดเดอร์ทุกๆๆๆๆๆๆๆๆคน
วันนี้มันวันอะไรไม่รู้ ฮืออออออออ มันเริ่มจะดราม่ามั้ยอะนี่แต่งเองงงเอง
หวังว่าพี่กยูกับน้องนัมจะไม่มีอุปสรรคค่ะ หวังนะหวัง
แต่ถ้าเราฝันแบบน้องนัมเราจะวิ่งออกจากบ้าน ไม่อยู่แม่งแล้วน่ากลัวอ่ะ55555
ตัวละครใหม่ต้องจับตามองกันยาวๆเลยคะ
ฝากติดตามกันต่อไปด้วยนะคะ
#ฟิคจูบร้าย
papanins
ความคิดเห็น