คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 8
*ยังไม่แก้คำผิด*
วันและเวลายังคงดำเนินต่อไป
ชีวิตคนเราต่างก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงไม่มากก็น้อย
นัมอูฮยอนก็เป็นหนึ่งในผู้ที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
เด็กหนุ่มกำพร้าพ่อและแม่ สูญเสียหญิงชราผู้เป็นที่พึ่งไปอย่างไม่มีวันกลับ
ชีวิตของเขาแทบไม่เหลือใครให้เป็นที่พักพิงใจ แต่แล้วเขาก็ถูกรับอุปการะและได้ขึ้นเป็นทายาทบริษัทอัญมณีขนาดใหญ่
มิหนำซ้ำยังต้องมาล่วงรู้ความลับอันน่าสะพรึงกลัวของผู้มีพระคุณอีก ถึงมันจะดูเป็นความโชคร้ายที่ไม่สมควรเจอไม่ต่างจากกลุ่มเมฆมรสุมที่กำลังก่อตัวและสาดสายน้ำอันหนาวเหน็บมาให้
แต่เชื่อเถอะว่า ฟ้าหลังฝนมันงดงามเสมอ
“คุณซองกยู”
ในค่ำคืนอันเงียบสงบภายในห้องของคนเป็นเจ้าของบ้าน อูฮยอนที่ถูกซองกยูสั่งให้มานอนห้องเดียวกันกับเขาเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับเส้นผมที่ยังไม่แห้งดี
ซองกยูที่กำลังนั่งพิงหัวเตียงอ่านหนังสืออยู่ละสายตาออกจากตัวหนังสือยั้วเยี้ยบนฝ่ามือแล้วหันไปสนใจร่างบางตรงหน้า
“มีอะไรหรอ” ร่างสูงถามอย่างสงสัย
สายตาเรียวคมหันไปจ้องเส้นผมที่ชื้นด้วยหยาดน้ำก็อดจะดึงคนตัวเล็กให้นั่งลงบนเตียงไม่ได้
อูฮยอนยิ้มเป็นเชิงถามก่อนจะเข้าใจการกระทำของคนตรงหน้า ซองกยูหยิบผ้าที่พาดอยู่ตรงบ่าของร่างบางขึ้นมาวางไว้บนหัวคนตัวเล็ก
ย้ายตัวเองให้นั่งข้างหลังของอูฮยอนพร้อมส่งฝ่ามือทั้งสองขึ้นไปยีหัวคนตัวเล็กเบาๆ
เพื่อให้ความชื้นให้ซึมลงผ้าฝืนนั้นโดยที่อูฮยอนเอาแต่นั่งนิ่งๆให้คนที่โตกว่าจัดการหัวของเขาไปเรื่อยๆ
จนเวลาล่วงเลยมาได้สักพักอูฮยอนก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขามีเรื่องจะคุยกับคนข้างหลัง
“คุณซองกยู” อูฮยอนเรียกชื่อร่างสูงอีกครั้ง
“ฉันรอนายพูดอยู่” ร่างสูงยังคงเช็ดผมให้ร่างบางไปเรื่อยๆอย่างตั้งใจ
“ผมอยากรู้ เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด..” มือบางจับมือของอีกคนเพื่อหยุดการกระทำ
พลันร่างบางก็หมุนตัวกลับมาหาซองกยูที่กำลังจ้องเขาอยู่อย่างไม่วางตา
อูฮยอนจ้องมองชายตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ สายตาของซองกยูดูว่างเปล่า
เขาไม่สามารถเดาอะไรได้เลยว่าร่างสูงกำลังคิดอะไรอยู่
“นายจะเชื่อฉันมั้ย”
ซองกยูเอ่ยถามอูฮยอนให้แน่ใจว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าของเขาจะเชื่อในสิ่งที่เขาเล่า
เราเจอกันได้ไม่นานและมันคงยากที่จะทำให้ใครคนหนึ่งเชื่อใจเขาได้อย่างสนิทใจ
“แล้วที่ผมเป็นอยู่ทุกวันนี้ผมยังเชื่อใจคุณไม่พอหรอครับ” อูฮยอนนั่งขัดสมาธิก่อนจะจ้องดวงตาเรียวคมนั่นอย่างจริงจัง
“ผมยอมอยู่กับคุณทั้งๆที่คุณอันตรายเกินกว่าที่ผมจะไว้ใจในความปลอดภัยของตัวเองได้
ผมยอมมานอนที่นี่เพียงเพราะคุณขอทั้งๆที่มันเสี่ยงสำหรับตัวผมมาก” อูฮยอนส่งมือทั้งสองข้างไปกุมมือหนาก่อนจะกระชับให้แน่นขึ้น “คุณเปลี่ยนไปมากนะคุณซองกยู
ผมเคยเชื่อว่าคุณเป็นคนที่จิตใจมั่นคง เชื่อในตัวเองและเย่อหยิ่ง แต่ทำไมวันนี้คุณถึงกลายเป็นอีกคนไปได้
มันไม่เหมือนครั้งแรกที่เราเจอกันเลยครับ”
รอยยิ้มบางถูกส่งผ่านไปหาแวมไพร์หนุ่มอย่างอ่อนโยน
สายตาที่ว่างเปล่าในตอนแรกมีประกายขึ้นมาในทันที ร่างสูงดึงร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดของตัวเอง
หัวทุยๆนั้นแนบเข้ากับอกแกร่งจนใบหูของร่างบางได้ยินถึงเสียงหัวใจของอีกฝ่ายที่กำลังเต้นแรงอยู่ในตอนนี้
“นายเชื่อใจใครต่อใครง่ายขนาดนี้เลยหรออูฮยอน” ซองกยูถามอย่างแผ่วเบา
“ผมไม่ได้เชื่อคุณสักหน่อย”
อูฮยอนเงยหน้ามามองอีกคนก่อนจะเบ๊ะปากใส่
“ผมเชื่อคุณชินต่างหาก”
ร่างสูงเมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบจับอูฮยอนให้ออกจากอ้อมกอดของเขาทันที
“งื๊ออออ ผมหนาว”
อูอยอนรีบต้านแรงของอีกคนเข้าไปสวมกอดเอวของร่างสูงจนแน่น
อาการงอแงของตัวเล็กทำให้ร่างสูงส่ายหัวไปมา
รอยยิ้มน้อยๆผุดขึ้นบนใบหน้าอันหล่อเหลาเพราะความเอ็นดู ก่อนที่เขาจะกลับมาหัวเสียเหมือนซึ่งเกิดจากเด็กตรงหน้า
แต่ซองกยูไม่ได้ขัดขืนใดๆปล่อยให้อีกคนทำตามใจตัวเองไปเรื่อยๆ
“ตัวฉันเย็น ยิ่งกอดยิ่งหนาว”
เสียงพูดห้วนๆนั่นทำให้อูฮยอนยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ คำพูดนี้ที่ไม่ต่างอะไรกับเด็กเล็กที่กำลังงอนเพราะพ่อแม่ไม่ยอมซื้อของให้
ไม่จำเป็นต้องมองหน้าเขาก็เข้าใจ
“อุณหภูมิไม่สำคัญหรอก” ร่างบางกระชับอ้อมกอดอย่างเอาแต่ใจ “ความรู้สึกต่างหากที่บอกว่ามันอุ่น”
“ฮ่าฮ่า ไปเอาคำพูดแบบนี้มากจากไหนกัน”
ร่างสูงหลุดขำออกมาอย่างหนักเพราะไม่เคยเห็นอูฮยอนในแบบนี้มาก่อน เด็กที่ถูกผู้ใหญ่ขำใส่จึงรีบปล่อยอ้อมกอดนั้นออกก่อนจะทำหน้าบึ้งตึงใส่อีกคน
“ตลกมากหรอครับคุณซองกยู” อูฮยอนสงสายตาเขียวปี๋ไปหาอีกคนหากแต่ร่างสูงกลับไม่สะทกสะท้าน
ก็แน่หล่ะเขาเป็นแวมไพร์จะให้กลัวอะไรเล็กน้อยแบบนี้ก็ใช่ที่อยู่
“แล้วนายรู้มั้ยว่าพูดแบบนี้..” ชายหนุ่มลากเสียงยาว
ใบหน้าโน้มเข้าหาร่างบางมากขึ้นเรื่อยๆ “ในที่แบบนี้..” ซองกยูส่งสายแต่พิศวาสใส่เด็กร่างเล็กตรงหน้าเพื่อหวังจะแกล้งเล่น
และมันก็ได้ผล อูฮยอนแสดงสีหน้าตื่นตระหนกก่อนจะลุกขึ้นหนีแต่ถูกอีกคนรั้งแขนไว้
“กลัวหรอ” ซองกยูถามขึ้น
ยกยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้แกล้งอีกคนเล่น
“นี่คุณ”
เมื่ออูฮยอนเห็นใบหน้าทะเล้นของซองกยู ความกลัวที่มีก็หายไป
ร่างบางตีเข้าที่ไหล่ของร่างสูงจนซองกยูร้องลั่นแต่อีกคนก็ไม่แม้แต่จะหยุดมือ
“ไม่เอาหน่า”
อูฮยอนหยุดการกระทำของตัวเองลงในทันทีเมื่อร่างหนารั้งมือของเขาก่อนจะนำมาจับไว้
ซึ่งอูฮยอนก็ยังคงไม่เข้าใจท่าทางแบบนั้นอยู่ดี มือหนาลูบมือของอูฮยอนอย่างทะนุถนอม
สายตาคมกริบจ้ององร่างบางอย่างมีความหมาย
“ป ปล่อยมือผม”
อูฮยอนรั้งมือกลับแต่ก็สู้แรงที่กำลังรั้งมือของเขาอยู่ไม่ได้ หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่ได้
“อย่าไปทำแบบนี้กับใครนะอูฮยอน”
ชายหนุ่มลูบไล้รอยแดงที่เกิดขึ้นบนฝ่ามือของอีกคนเบาๆ
“ผมมือหนักใช่มั้ยหล่ะครับ”
อูฮยอนเอาแต่พูดอวยตัวเองจนไม่ได้สนใจการกระทำของร่างสูงมากนัก
“ฉันกลัวนายเจ็บ” สายตาคมละจากฝ่ามือนั้นก่อนจะสบเข้ากับดวงตากลมของอูฮยอน
ร่างบางรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยของอีกคนที่ส่งผ่านมาทางสายตานั้นได้ มันให้ความรู้สึกอบอุ่น
รู้สึกปลอดภัย รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก และตอนนี้เขาก็ยังมีสติพอที่จะรับรู้ว่าตัวเองกำลังจะถูกจูบโดยแวมไพร์ที่กำลังนั่งกุมมือเขาอยู่
อูฮยอนรีบส่งมืออีกข้างขึ้นมากั้นริมฝีปากของอีกคนไว้อย่างรวดเร็ว
“เอะอะก็จูบนะครับ”
อูฮยอนส่ายหัวไปมาเป็นเชิงห้ามไม่ให้ชายตรงหน้าทำแบบนี้อีก ซองกยูเองก็ยอมถอยทัพไปตั้งหลักก่อนถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้จูบหวานๆในคืนนี้
แต่รับรองว่าวันหลังเขาต้องไม่พลาดทั้งจูบ.. และตัว
“พรุ่งนี้ฉันให้นายหยุดเรียนดีมั้ย” ซองกยูสลัดความคิดร้ายๆของตัวเองออกก่อนจะเปลี่ยนเป็นพูดเรื่องที่ค้างคากันอยู่ในตอนแรก “มีที่ๆหนึ่งอยากให้นายไป”
“จริงนะครับ” ดวงตาของอูฮยอนลุกวาว
แขนบางเขย่าแขนของร่างสูงอย่างดีใจ ซองกยูได้แต่พยักหน้ารับว่าที่เขาพูดมาทั้งหมดคือเรื่องจริง
เขารู้ว่าอูฮยอนเหนื่อยแค่ไหนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
เด็กคนนี้เอาแต่เรียนจนแทบไม่ได้พัก ผิวกายในตอนแรกของอูฮยอนไม่ได้ขาวอะไรมากมาย
แต่ดูตอนนี้สิ การไม่ได้ออกไปใช้ชีวิตข้างนอกสิ่งปลูกสร้างที่เรียกว่าบ้าน ไม่ได้ถูกแสงยูวีจากแดด
ผิวกายของคนตรงหน้าก็ยิ่งเปล่งประกายน่าเย้ายวน.. ร่างหนาคิดอกุศลกับเด็กตรงหน้าอยู่นานจนอูฮยอนต้องเขย่าตัวเพื่อเรียกสติ
“นี่ๆ คุณซองกยู” อูฮยอนปัดมือไปมาเพื่อดึงสติอีกคนที่เอาแต่จ้องเขา “คิดอกุศลกับผมป่ะเนี่ย”
ร่างบางเอาแขนแนบชิดกับตัวเพื่อปกปิดร่างกายของตน
“ป่าวสักหน่อย”
ซองกยูเมื่อได้สติก็บอกปัดไปว่าไม่ ทั้งๆที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย “แต่อูฮยอน
นายต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกับวันหยุดของนาย”
“ข้อแลกเปลี่ยนอะไรครับ”
ชายหนุ่มหรี่ตาถามอย่างไม่ค่อยไว้ใจคนตรงหน้านัก
ซองกยูยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆก่อนจะพองแก้มข้างขวาใส่
ร่างบางเมื่อเห็นอย่างนั้นก็รีบส่ายหัวปฏิเสธ
“ไม่เอาครับ”
“งั้นอด” ซองกยูหันกลับไปทิ้งศีรษะบนหมอนของตนก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคุมโปงสร้างความวุ่นวายใจให้คนตัวเล็กเอามากๆ
ในเมื่ออูฮยอนไม่มีทางเลือกเขาจึงต้องคลานเข้าไปหาร่างหนาอย่างจำใจ
มือบางเปิดผ้าห่มที่คลุมใบหน้าของซองกยูออกช้าๆก่อนจะชั่งใจพูดสิ่งที่ตัวเองต้องการ
“ก็ได้ครับ หอมก็หอม”
ซองกยูที่ตอนแรกเอาแต่หลับตาก็เปิดตาออกมามองใบหน้าหวานตรงหน้าอย่างผู้ชนะ “แต่ครั้งเดียวนะครับ”
“แน่นอน”
ซองกยูตอบรับก่อนจะหันแก้มให้ร่างบาง
อูฮยอนจำใจโน้มใบหน้าลงเพื่อประทับรอยจูบบนแก้มขาวซีดนั้นแต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้เมื่อซองกยูพลิกเกมให้เป้าหมายที่เคยเป็นแก้มกลายเป็นริมฝีปากของเขาซะอย่างนั้น
และมันก็ช้าเกินไปที่อูฮยอนจะรู้ตัวเมื่อริมฝีปากของเขาประทับเข้ากับริมฝีปากของชายอีกคนเป็นที่เรียบร้อย
ร่างบางละปากออกอย่างรวดเร็วเมื่ออีกคนทำผิดกติกาว่าให้หอมแก้มไม่ใช่จูบกัน
แต่มือหรอที่ซองกยูจะปล่อยปากหวานๆของคนตัวเล็กไป ในเมื่อเหยื่อมันเข้าถ้ำ
เสืออย่างเขาคงไม่ปล่อยให้หลุดมือง่ายๆ
“อื๊อออ”
เสียงครางของคนตัวเล็กดังลั่น เขาพยายามจะละปากของตัวเองออกจากแวมไพร์เจ้าเล่ห์แต่ซองกยูกลับรั้งใบหน้าของเขาให้อยู่กับที่
ริมฝีปากคาวเลือดของร่างสูงดูดซับรสชาติอันแสนหวานจากอูฮยอนอย่างช้าๆจนพอใจ ก่อนจะปล่อยอีกคนให้เป็นอิสระ
“อร่อย”
ซองกยูแสยะยิ้มให้ร่างบางอย่างชอบใจก่อนจะถูกมือบางฝาดเข้าที่ปากอย่างจัง
“นี่คุณ มันผิดกติกานี่”
อูฮยอนโวยวายอย่างหัวเสียแต่ซองกยูกลับไม่สะทกสะท้านใดๆ
ร่างสูงยังคงนอนยิ้มให้กับร่างบางถึงแม้ว่าปากจะรู้สึกชาไปหน่อยเพราะแรงฟาดเมื่อสักครู่
“แล้วผมบอกคุณว่าอะไรครับคุณอูฮยอน”
“ถ้าหอมแก้มแล้วจะให้หยุด” อูฮยอนตอบออกไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“ใช่หรอ ผมพูดแบบนั้นหรอ” อูฮยอนกำลังจะเถียงแต่ถูกซองกยูขัดขึ้นซะก่อน “ผมแค่พองแก้มครับ ไม่ได้บอกให้หอมเลยด้วยซ้ำ คุณคิดไปเองครับคุณอูฮยอน
ฮ่าฮ่า” ซองกยูยิ้มยียวนให้ร่างบางก่อนจะคลุมโปงหนีอีกคน
อูฮยอนได้แต่เบ้ปากเพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับผู้ชายคนนี้ดี
“ย่าคิมซองกยู” ร่างบางอาละวาดอีกครั้งก่อนจะฟาดเข้ากับร่างใต้ผ้าห่มตรงหน้า
“ถ้าคุณไม่หยุดผมจะทำมากกว่านี้แน่” คำขู่ผ่านผ้าห่มทำให้อูฮยอนรีบหยุดมือของตัวเอง
ซองกยูเมื่อรู้สึกว่าอีกคนสงบลงแล้วจึงเปิดผ้าห่มออกมา ร่างบางได้แต่มองชายหนุ่มอย่างขัดใจจนทำให้ซองกยูอดยิ้มเอ็นดูไม่ได้
“นอนเถอะ ดึกแล้ว” ซองกยูส่งมือขึ้นมาลูบหัวอีกคนเป็นการปลอบใจ
อูฮยอนเองก็ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงให้มันมากความจึงได้แต่ทำตามที่ซองกยูบอก เมื่อหัวถึงหมอนร่างบางก็หลับไปในทันทีโดยไม่ได้ระแวงคนข้างๆเลยสักนิด
ซองกยูจ้องร่างบางได้สักพักจึงตัดสินใจปิดไฟข้างๆเตียงให้ดับลง
ทิ้งไว้แต่ความเงียบของห้องนอนที่เคยมีเขาเพียงคนเดียวแต่ตอนนี้กลับมีใครอีกคนที่เขาเฝ้ารอมาหลายสิบปี
“ฝันดีนะ อูฮยอนของข้า”
แม้เวลาจะผ่านไปกี่ปี
เขาก็ยังคงรักอูฮยอนเสมอ
และเขาจะไม่ปล่อยให้อูฮยอนต้องจากเขาไปเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด
“นี่มันทางไปโบสถ์นี่ครับ”
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ทั้งสองรับประทานอาหารเช้าเสร็จ
อูฮยอนก็รีบลากซองกยูขึ้นไปบนรถในทันที ร่างบางในวันนี้ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะเขาจะได้ออกไปดูโลกภายนอกบ้างหลังจากขลุกอยู่ในนั้นเป็นเดือนๆ
ซองกยูขับรถไปอย่างเงียบๆ ผ่านตัวเมืองที่มีคนพลุกพล่าน ผ่านแม่น้ำสายหลักของโซล
ผ่านท้องนาท้องไร่ของชาวบ้านในชนบท จนมาถึงทางขึ้นเนินเขาเล็กๆที่ร่างบางรู้จักดี
อูฮยอนเอ่ยถามอีกคนแต่ซองกยูกลับไม่ได้พูดอะไรมากเพียงแค่ยิ้มบางๆให้ อูฮยอนหันกลับไปมองวิวข้างทางที่เขาคุ้นเคย
พลันอดีตก็ย้อนกลับมาในหัวของเขา นานเท่าไหร่แล้วที่เขาเฝ้าแต่คิดถึงคุณแม่โบรัม
นานแค่ไหนแล้วที่เขาจากซองยอลมา.. ซองยอล.. ชายหนุ่มรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาหาเบอร์ของเพื่อนสนิทอย่างรวดเร็ว
ท่าทางลุกลี้ลุกลนทำให้คนขับต้องหันกลับมามอง
“เป็นอะไรรึเปล่า”
“เปล่าครับ ผมแค่ลืมโทรหาเพื่อนสนิทหน่ะ” อูฮยอนมองโทรศัพท์ที่กำลังบอกเขาว่าไม่มีสัญญาณตอบรับ
มือบางกดวางสายก่อนจะเก็บมันลงกระเป๋า
“ซองยอลหรอ”
“คุณรู้”
อูฮยอนหันไปมองคนขับอย่างแปลกใจ เพราะเขาไม่เคยพูดถึงเพื่อนมาก่อนสักครั้ง
โดยเฉพาะเพื่อนสนิทอย่างซองยอล แต่คำถามนั้นก็ดูจะไม่มีผลอะไรกับซองกยู
ชายหนุ่มยังคงจับจ้องไปข้างหน้า ปล่อยให้ความเงียบกลายเป็นคำตอบของคนตัวเล็กต่อไป
“อะไรของนายนะ”
ถึงจะเป็นคำบ่นแต่ซองกยูก็ได้ยินมันชัดเจน ร่างสูงเหยียบเบรกก่อนที่รถจะหยุดลงตรงเนินเขาเตี้ยๆลูกหนึ่ง
เบื้องหน้าคือโบสถ์ที่อูฮยอนเคยอาศัยอยู่ ซึ่งในตอนแรกที่อูฮยอนออกจากที่นี่ไปแล้วแอลก็ได้ถอนมนต์ที่สะกดภาพลวงตาเอาไว้
เหลือเพียงทุ่งหญ้าสีเขียวโล่งๆ
แต่เหตุที่วันนี้มันกลับมาตั้งอยู่ตรงหน้าเพราะเขาจะเปิดเผยเรื่องราวให้ร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆได้ฟัง
และเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
“ลงมาสิ”
หลังจากที่ร่างสูงลงจากรถก็รีบเดินไปเปิดประตูให้ร่างบางทันที
อูฮยอนโค้งเป็นเชิงขอบคุณก่อนที่ทั้งสองจะเดินลงเนินเขาลูกนั้นไปยังโบสถ์หรือสถานที่แห่งความหลังของอูฮยอน
แต่ยังก้าวได้ไม่ถึงไหนสายตาของร่างบางก็สบเข้ากับหญิงชราที่เขาคุ้นเคยกำลังยืนยิ้มให้กับเขาอยู่
ชายหนุ่มหยุดฝีเท้าก่อนจะขยี้ตาเพื่อบอกกับตัวเองว่าเขาไม่ได้ฝันไป
ในเวลาสายๆแบบนี้เขายังสามารถมองเห็นวิญญาณได้อยู่อีกหรอ
“คุณแม่..”
อูฮยอนเอาแต่จ้องหญิงชราผู้ล่วงลับกำลังเดินเข้ามาหาเขาช้าๆ ถ้าเป็นผีตนอื่นแน่นอนว่าชายหนุ่มต้องวิ่งหนี
แต่กับซิสเตอร์โบรัมแล้ว เขาอยากจะเข้าไปกอดแทบใจจะขาด อยากเข้าไปหอม
ไปสัมผัสคนตรงหน้าให้ได้แต่มันยากเกินไปที่จะทำ ในเมื่อเราอยู่กันคนละภพ
แค่สัมผัสกันยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“อูฮยอนอ่า”
แต่สิ่งที่อุฮยอนคิดมันผิดถนัด คุณซิสเตอร์ยื่นมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาของอูฮยอนที่กำลังคลอเบ้าอยู่ให้หายไป
ซึ่งนั่นหมายความว่าร่างกายของหญิงชราตรงหน้าสามารถสัมผัสได้
อูฮยอนมองรอยยิ้มที่คุ้นเคยนั้นก่อนจะปล่อยโฮออกมาเสียชุดใหญ่
นานเท่าไหร่แล้วที่เขาต้องจากหญิงผู้เป็นที่พึ่งพิงใจคนนี้ไป
“ฮืออออ คุณแม่ คุณแม่กลับมา อึก หาผมแล้วใช่มั้ย”
อูฮยอนสั่นไปหมดทั้งตัวก่อนที่ร่างทั้งร่างจะทรุดลงกับพื้นแต่ยังดีที่ซองกยูรับไว้ทัน
“อูฮยอน ลูกต้องรู้ความจริงได้แล้วนะ”
คุณซิสเตอร์โบรับกล่าวยิ้มๆก่อนจะหันไปสบตากับซองกยู อูฮยอนเริ่มไม่เข้าใจกับสิ่งที่หญิงตรงหน้าพูดมากนัก
พลันมือปริศนาก็แตะเข้ากับแขนของอูฮยอนจนเจ้าตัวตกใจจนเซแทบล้ม ก่อนที่จะตั้งสติได้ว่าคนที่มาใหม่คือใคร
“ซองยอล”
“ขอรับ นายน้อย”
ซองยอลยิ้มบางๆให้กับคนตรงหน้าจนอูฮยอนสับสนกับสถานการณ์ในตอนนี้
ความจริงอะไร แล้วใครคือนายน้อย เขาหรอ
อูฮยอนที่ไม่รู้อะไรสักอย่างหันไปหาซองกยูเพื่อขอคำตอบ
“ที่นี่ คือภาพลวงตา”
ซองกยูพูดขึ้นก่อนจะกวาดมือออกไปเพื่อปล่อยมนต์ที่ตนได้ทำไว้
อูฮยอนแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อทุกสิ่งที่เคยมี
สถานที่ที่เขาเคยอยู่กลับกลายเป็นเพียงทุ่งหญ้าธรรมดาแห่งหนึ่งเท่านั้น
ร่างบางแข้งเป็นหิน ปากไม่สามารถขยับได้เพราะกำลังตะลึงกับสิ่งที่พบเจอในตอนนี้
“เพื่อนของนาย อีซองยอล เขาคือคนของฉัน”
ซองกยูมองร่างบางอีกครั้งก่อนจะบอกความจริงเรื่องต่อไปให้อูฮยอนฟัง
ร่างบางค่อยๆหันกลับไปมองเพื่อนรักของตัวเองอีกครั้งก่อนจะประมวลผลคำที่ร่างสูงพูด
“ส แสดงว่า.. เป็น แวมไพร์”
ซองยอลได้แต่พยักหน้าเพื่อรับรองว่าเขาเป็นแวมไพร์จริงๆ อูฮยอนไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้อีก
ปากของเขาแข็งจนขยับแทบไม่ได้ ร่างทั้งร่างชาไปหมด ซองกยูที่เห็นท่าทางแบบนั้นก็อดห่วงไม่ได้
แต่มันคือสิ่งที่เขาสมควรทำ
“และคุณแม่ของนาย”
ซองกยูจับไหล่อูฮยอนไว้แน่นจนรับรู้ได้ถึงแรงสั่นของร่างบาง
ร่างสูงหมุนร่างที่กำลังยืนแข็งอยู่ตรงหน้าให้หันไปมองคุณซิสเตอร์โบรัม อูฮยอนแทบไม่มีแรงจะยืนด้วยซ้ำแต่เขาก็ต้องทน
ในเมื่อมันเป็นทางที่เขาเลือก ความจริงคือสิ่งที่เขาต้องการ สายตาของอูฮยอนจ้องมองผู้เปรียบเสมอแม่ของตนที่ตอนนี้กำลังยิ้มให้เขาอยู่
“แม่รักลูกนะ”
กล่าวจบร่างของหญิงชราก็กลับกลายเป็นหญิงสาวที่สวยมากๆคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
และที่สำคัญ..
“คุณโบรา”
อูฮยอนก็รู้จักดี
ร่างบางทรุดลงไปกับพื้นในทันที
สติที่เคยมีดับวูบลงจนซองกยูอดห่วงไม่ได้
แขนแกร่งอุ้มร่างบางขึ้นมาก่อนจะสั่งซองยอลให้ตามเขากลับไปที่บ้านด้วย
“ฝากรถฉันด้วยนะโบรา”
พูดแค่นั้นซองกยูกับซองยอลก็หายวับไปในทันที
ทิ้งภาระไว้กับหญิงสาวที่กำลังเบ้ปากให้กับชายหนุ่มอยู่
“ชิ นี่เพื่อนนะไม่ใช่ทาส”
หญิงสาวบ่นอย่างไม่สบอารมณ์นักก่อนจะขับรถออกไปจากสถานที่แห่งความทรงจำของพวกเขา “อูฮยอนจะเป็นยังไงบ้างนะ”
เธอไม่รู้หรอกว่าความห่วงใยสามารถส่งผ่านถึงกันได้รึเปล่า
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เชื่อว่าคนบนฟ้าคงไม่ใจร้ายทำให้อูฮยอนเป็นอะไรไปอีกหรอก
.............................................
มาแบ๊ววววว คิดถึงเค้ามั้ย
ดูคุณซองกยูสิ เขาหวานเนอะ เจ้าเล่ห์แถมจูบเก่งอีก -//-
นี่แต่งเองก็อยากได้เองนะ ขอได้มั้ยผช.แบบคุณซองกยู
papanins
ความคิดเห็น