ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Boys & A Doll ภาคพิเศษ (Hidden Story)

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3 "Reflection in the eye" (เงาสะท้อนในดวงตา)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.02K
      21
      3 ต.ค. 56

      

      

      

      Hidden Story File No.3

    Reflection in the eyes

    (เงาสะท้อนในดวงตา)

     





    ***เนื้อหาต่อไปนี้คือเนื้อหาที่ต่อจาก Hidden Story File 2 (อ่านได้ที่นี่)** 
    เป็นเหตุการณ์หลังจากที่ป้อชวนภานุนอนค้างบ้านซึ่งไม่ปรากฏในหนังสือ
    แต่ถ้าฉากนี้ได้รับการตีพิมพ์ มันจะปรากฏในหน้าที่ 56 ครับ




    ภานุเดินออกมาจากห้องน้ำทั้งหัวเปียกซ่ก

    ร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าของเขาดูฟิตเฟิร์มแข็งแกร่งตามแบบฉบับหนุ่มนักกีฬา ส่วนร่างกายท่อนล่างของถูกพันด้วยผ้าขนหนูสีขาวผืนใหญ่ ภานุเดินไปใช้ผ้าขนหนูเล็กอีกผืนเช็ดหัวไปจนมาหยุดยืนหน้าตู้เสื้อผ้าสีดำริมผนังห้องนอน เขามองเห็นป้อที่ยืนเท้าระเบียงอยู่ด้านนอก ป้อสวมเพียงกางเกงบอลสีขาว ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าเผยให้เห็นผิวพรรณแน่นแกร่งที่ขาวโพลนหมดจด ยิ่งเมื่อมีไฟระเบียงส่องกระทบป้อยิ่งดูกระจ่างใสเข้าไปใหญ่ หลายครั้งที่ภานุได้ยินว่าพวกผู้หญิงคลั่งไคล้ผิวเนียน ๆ ของเพื่อนรัก

     แต่เชื่อเถอะ ถ้าผู้หญิงเหล่านั้นได้รู้เบื้องหลังแสนฟู่ฟ่าของป้อ พวกหล่อนไม่คิดอิจฉาอะไรเลย…

    “เฮ้ย ข้ายืมเสื้อผ้าใส่หน่อยนะ” ภานุบอก

    “เออ” ป้อตอบทั้งไม่หันหน้ามา ภานุเปิดประตูเสื้อผ้า ในนั้นมีเครื่องแต่งกายมากมายที่ถูกรีดแขวนไว้อย่างเป็นระเบียบ กางเกงขาสั้นหลายตัวถูกพับซ้อนกันบนพื้นตู้ กลิ่นอ่อน ๆ ของน้ำยาปรับผ้านุ่มบ่งบอกว่าน้าเหมยให้ความสำคัญกับสุขลักษณะของป้ออย่างพิถีพิถันจริง ภานุไล่ดูเหล่าเสื้อยืดบนราวก่อนจะหยิบตัวที่ดูเก่าที่สุดออกมา จนเมื่อเขาหยิบกางเกงบอลสีดำตัวหนึ่งมาถือไว้ภานุก็ผงะเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่าง

    “กางเกงในอยู่ในลิ้นชัก” ป้อพูดห้วนๆ อย่างรู้ทัน

    “เฮ้ย จะดีหรือวะ…

    “หรือเอ็งจะกางเกงในซ้ำ?” ป้อเหลือบมองเพื่อนรักผ่านไหล่ ภานุเกาหัวเขินๆ

    “เออๆ ขอบใจ” ว่าแล้วภานุก็เปิดลิ้นชักบนสุด ในนั้นมีกางเกงในแบรนด์เนมสีขาวถูกพับเก็บอย่างปราณีตเป็นสิบ ๆ ตัว – ถ้าป้อจะบอกว่าน้าเหมยรีดกางเกงในพวกนี้เขาก็ไม่แปลกใจ

    “แน่ใจนะว่าไม่มีตัวที่ใช้แล้ว”

    “ดมดูดิ” ป้อบอก

    “ไอ้เวร” ภานุขำ แล้วคว้ากางเกงในตัวหนึ่งมาสวม จากนั้นก็ปลดผ้าขนหนูออกแล้วใส่กางเกงบอลสีดำ ปิดท้ายด้วยเสื้อยืดสีขาว เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเขาก็เดินไปหาป้อที่ระเบียง “เฮ้ย ตาเอ็งไปอาบน้ำละไอ้…

    จู่ๆ ภานุก็ชะงักเมื่อเดินมาหยุดมาข้างๆ เพื่อน - สายตาเขาจับจ้องบุหรี่ที่ป้อคีบอยู่

    “ทำไมทำอย่างนี้วะ” ภานุเสียงแข็ง สีหน้าบึ้งตึงไม่พอใจในทันใด

    ป้อมองตรงไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ทุกอย่างเงียบกริบ

    “ไหนสัญญาณว่าจะเลิกไง” ภานุสูดหายใจเข้าเหมือนพยายามข่มใจให้เย็นที่สุด

    “ก็เลิกไปแล้ว”

    “แล้วที่ทำอยู่นี่คือไรวะ?” ภานุสวนทันใด

    “อย่าหงุดหงิดใส่ข้าน่า เอ็งไม่เข้าใจหรอก” ป้อดูก่ำกึ่งระหว่างรำคาญและหมดข้อแก้ตัว เขารู้ว่าภานุกำลังจ้องหน้าเขา แต่เขาไม่มีอารมณ์จะหันไปมอง

    “ได้” ภานุพูดด้วยสีหน้าแบบคนพร้อมจะมีเรื่อง เขามองไปรอบ ๆ เหมือนหาอะไรบางอย่าง

    ในที่สุดเขาก็เห็นซองบุหรี่กับไฟแช็คที่ป้อแอบไว้ตรงเงามืดของกระถางต้นไม้ริมระเบียง

    ภานุเดินตรงไปหามัน ป้อเบือนหน้าหนีไปอีกทางอย่างไม่ใส่ใจ

    จนเมื่อได้ยินเสียงจุดไฟแช็ค ป้อก็หันควับ

    “ทำบ้าอะไรวะ?” เขาตาถลึง เมื่อเห็นภานุเอาบุหรี่ใส่ปากและกำลังจุดไฟ

    “ทำแบบเอ็งไง” ภานุตอบหน้าตาย

    “ไอ้เวรเอ๊ย” ป้อเขวี้ยงบุรี่ของตัวเองทิ้งแล้วปรี่เข้าไปคว้าบุหรี่จากปากเพื่อนอย่างดุดัน “ประสาทเสียหรือไง? เอ็งแพ้ควันบุหรี่ไม่ใช่หรือ?”

    “ห้ามข้าทำไม เราเพื่อนกัน เอ็งทำได้ ข้าก็ทำได้” ภานุเถียง

    “ก็เพราะเราเป็นเพื่อนกันไง ข้าถึงต้องห้ามเวลาเอ็งทำอะไรไม่ดี” ป้อขึ้นเสียง

    “งั้นเอ็งก็เข้าใจแล้วใช่ไหมว่าเมื่อกี้ข้าหงุดหงิดเพราะอะไร” ภานุสวนกลับด้วยเสียงที่ดังกว่า "ถ้าเห็นเพื่อนทำผิดแล้วนิ่งเฉย ยังจะมีหน้าเรียกตัวเองว่าเพื่อนแท้ได้หรือไงวะ?"

    การสนทนาเงียบสนิท ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันราวกับไม่มีใครยอมใคร

    ในที่สุดป้อก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ข้าขอโทษ”

    เพียงแค่นั้นสีหน้าที่ตึงเครียดของภานุก็แปรเปลี่ยนเป็นเวทนาสงสารทันใด

    “ข้าขอโทษ” ป้อพูดอีกครั้งทั้งก้มหน้า เขาเอามือกุมขมับตัวเองราวกับพยายามบีบความเจ็บปวดทางใจให้ซึมหายลงไปในสำนึก แต่สิ่งที่เก็บกั้นเอาไว้มันหนักหนาเหลือเกิน เขาจวนเจียนจะทนไม่ไหวแล้ว เก็บไว้ไม่ไหวแล้วจริงๆ

    “ไอ้ป้อ” ภานุเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นว่าใบหน้าเพื่อนเริ่มแดงก่ำ

    “ข้าขอโทษ” เสียงของป้อสั่นเครือ

    “ไม่เป็นไรนะเว้ย” ภานุเดินเข้าไปโอบกอดเพื่อนรัก

    เพียงเท่านั้นน้ำตาลูกผู้ชายของป้อก็ไหลพรากอย่างไม่อาจฝืนทนอีกต่อไป

    “ร้องมาเหอะเพื่อน ไม่ต้องอาย ข้าอยู่นี้ ร้องไปเลย”

    “ทำไมพ่อแม่ไม่รักข้าเลยวะ” ป้อฟูมฟายจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์ ใบหน้าเขาเกยอยู่บนไหล่ของภานุที่ลูบหลังเขาอย่างปลอบประโลม  เขากอดภานุไว้แน่นที่สุดเรากับคน ๆ นี้เป็นที่พึ่งแห่งชีวิตเพียงสิ่งเดียวที่เขาเหลืออยู่ “ข้าจะเป็นจะตายพวกเขาไม่เคยอยู่ตรงนี้เลย ถ้ารังเกียจข้ามากทำไมไม่ฆ่าข้าให้ตายตั้งแต่เด็กเลยวะ เก็บข้าไว้เลี้ยงทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ทำไม มีลูกแต่ให้ความรักกับลูกไม่ได้จะมีไปทำซากอะไร”

    “ใจเย็นเว้ย ข้าเชื่อว่าพ่อแม่เขารักเอ็งนะ

    “ไม่ เขาไม่ได้รัก!” ป้อพ่นความเกรี้ยวกราดในทุกคำพูด ภานุลูบหัวเขาอย่างอ่อนโยน “ข้าอยากรู้จัง ว่าถ้าสมมติจู่ ๆ ข้าตายไปพวกเขาจะมางานศพข้าหรือเปล่า” ความปวดร้าวแปดในนำเสียงของป้อที่สั่นเครือ สีหน้าภานุดูเจ็บปวดขึ้นมาทันใด “เขาจะร้องไห้ให้ข้าไหม เขาจะรู้สึกผิดกับสิ่งต่าง ๆ ที่ปล่อยปละละเลยข้าไหม หรือจะไม่มีใครรักข้าจริงเลยสักคน ข้าไม่มีค่าในสายตาใครเลยใช่ไหม”

    “มีดิวะ” ภานุส่ายหน้าและดันป้อออกสุดแขน “มองข้านี่”

    ป้อยังคงก้มหน้าร้องไห้เป็นเด็กขี้แย ภานุใช้มือช้อนหน้าเขาให้เงยขึ้นอย่างแผ่วเบา

    บัดนี้ดวงตาเด็ดเดี่ยวของเขากับดวงตาสิ้นหวังของป้อประสานเป็นหนึ่งเดียว ภานุพยายามสื่อความนัยน์อันลึกซึ้งมากมายที่หาคำอธิบายไม่ได้ เมื่อเห็นเพื่อนร้องไห้ ใจของเขาก็ร่ำไห้เช่นกัน

    “เห็นเงาตัวเองในตาของข้าไหม?” ภานุเอ่ยด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น “ไม่ว่าใครจะหมางเมินเอ็งไป ไม่ว่าใครจะมองข้ามเอ็ง หรือไม่เห็นค่าในตัวเอ็ง จงไว้นะ ข้ายังมองเห็นเอ็งและยังรักเอ็งเสมอ”

    ยิ่งเพื่อนปลอบน้ำตาของป้อก็ยิ่งรินไหล ภานุส่งยิ้มน้อย ๆ ให้เพื่อนรัก ประกายตาอันแสนอ่อนโยนของเขากำลังบอกป้อว่า เขาจะอยู่ตรงนี้เสมอทุกครั้งที่ป้อต้องการ ป้อจะไม่เหงา และไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น

    “ถ้าวันหนึ่งข้าเป็นอะไรไป เอ็งจะเสียใจไหม?” ป้อถาม

    “คงเสียใจมากจนหาคำอธิบายไม่ได้” ภานุตอบอย่างจริงใจ “ถ้าไม่มีเอ็ง ข้าจะอยู่ยังไงวะ

    บังเกิดช่วงเวลาที่ต่างฝ่ายต่างสบตาเพื่อบรรยายความผูกพันแห่งมิตรภาพถึงกัน ณ เวลานี้พวกเขาไม่ต้องการคำพูดที่สวยอะไรแล้วทั้งนั้น ทุกอย่างชัดเจนผ่านสีหน้า แววตา และสัมผัสหมดที่ให้ต่อกันชัดเจนถ่องแท้ ไม่มีอะไรที่ค้างคาใจป้ออีกต่อไปแล้ว

    “งั้นข้าคงต้องอยู่นานๆ” ป้อยิ้มอย่างซึ้งแล้วหยิบซองบุหรี่กับไฟแช็คมาจากมือภานุ “ข้าไม่อยากเห็นคนแถวนี้ร้องไห้น้ำมูกโป่ง”

    พูดจบป้อก็ขว้างของทั้งสองออกไปนอกระเบียงอย่างไร้เยื่อใย

    ภานุหัวเราะเบาๆ เฝ้ามองเขาอย่างชื่นชม

    “ใจเด็ดนี่”

    “ของมันแน่” ป้อยักไหล่ทำหน้ากวน

    “ข้าเชื่อว่าเอ็งจะอยู่อีกนานเพื่อนรัก” ภานุเดินเข้าไปกอดคอเพื่อน

    “อยู่กันนาน ๆ อย่างนี้ตลอดไปนั่นแหละ” ป้อกอดคอภานุ

    “ใช่ แต่ก่อนจะถึงวันนั้นคืนนี้ข้ามีบางอย่างจะขอ” ภานุหันไปมองป้อ

    “อะไรวะ?” ป้อหันไปมองภานุ

    ทั้งสองสบตากันในระยะประชิดชั่วอึดใจ แล้วภานุก็บอกว่า

    “เอ็งไปอาบน้ำเหอะ เหม็นบุหรี่ว่ะ”

    “แหม กลิ่นเพื่อนแค่นี้ทำรังเกียจ มานี่เลย!!

    ว่าแล้วป้อก็คว้าหัวภานุมาซุกรักแร้ตัวเองซะเต็มฟอด

    “โอ๊ย ไอ้บ้า ไอ้ซาดิสต์!” ภานุร้องโวยวาย ป้อหัวเราะสะใจ ยิ่งภานุดิ้นป้อก็ยิ่งกดให้จมูกเขาแนบแน่นรักแร้มากขึ้น ณ เวลานี้ภานุทำได้แค่ส่งเสียงอู้อี้ทรมานเหมือนหมูโดนเชือด

    “ได้ๆ ถ้าจะเล่นกันอย่างนี้!!

    ทันใดนั้นภานุก็แก้เผ็ดโดยการกระชากกางเกงป้อลงไปซะถึงเข่า!

    “เฮ้ย!!” ป้อเหวอเมื่อพบว่าตัวเองโป๊หมดจดต่อหน้าเพื่อน

    “ฮิ้วววววว ไม่ใส่กางเกงในด้วยเว้ย ขาวจั๊วเลย ฮ่าๆๆๆ” ภานุฉวยโอกาสเด้งถอยมาตั้งหลังแล้วขำก๊าก

    “ไอ้เกรียนเอ๊ย!

    ป้อรีบดึงกางเกงตัวเองขึ้นมาแล้ววิ่งไล่เตะเพื่อนอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะหยอกล้อของเพื่อนรักคือสัญญาณว่าสายลมแห่งความหมองหม่นได้พัดผ่านไปแล้ว สิ่งที่เหลือคือไออุ่นแห่งมิตรภาพที่คอยหล่อเลี้ยงชีวิตพวกเขาให้เติบโตอย่างเข้มแข็งบนทางอันแสนไกล

    เส้นทางแห่งความหวังที่พวกเขาไม่มีทางรู้ว่ามันอาจจะจบลงเร็วกว่าที่พวกเขาคิด



     
      


     

     

    ===== Dr.Pop View =====





    ผมตัดฉากนี้ไปเพราะด้วยหลายเหตุผล หนึ่ง "มันอาจสร้างการตีความผิด ๆ ต่อวรรณเยาวชนได้" โดยเฉพาะเรื่อง "บุหรี่" เนื่องจากตัวละคร 2 ตัวนี้เป็นเพียงเด็กมอปลาย แม้เราจะรู้กันดีว่าเด็กมัธยมสูบบุหรี่มีอยู่จริง แต่หลาย ๆ คนก็คัดค้านผมว่าไม่ควรจะยัดเยียดพฤติกรรมนั้นให้คนอ่าน เพราะมีเด็ก ๆ อีกหลายคนที่จะอ่านหนังสือเล่มนี้ แถมมีเรื่องทะลึ่งๆ ที่ผมก็ไม่รู้ว่าคนอ่านจะรับมันได้ขนาดไหน เหตุผลที่สอง เรามีซีนที่แสดงความซึ้งในมิตรภาพระหว่างสองคนนี้เยอะอยู่แล้ว การใส่ส่วนนี้ลงไปอีก 10 หน้าจะทำให้ดูยัดเยียดและ "ฟุ่มเฟือย" เกินไป ส่วนเหตุผลที่ 3 ก็คือในเมื่อเราเลือกจะตัด Hidden Story ตอนที่ 2 ไป เหตุการณ์นี้จึงไม่มีทางที่จะเกิดขึ้น เพราะภานุจะไม่ได้ค้างที่บ้านป้อ และคนอ่านจะไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับแม่ของป้อ ดังนั้น Hidden Story ตอนที่ 3 นี้ จึงถูกตัดไปจากเวอร์ชั่นที่ตีพิมพ์โดยปริยาย เมื่อรวมกับ HIdden Story ตอน 2 ที่ตัดไป เท่ากับว่าเราตัดเรื่องราวกับป้อกับภานุไปเกือบ 20 หน้าเลยทีเดียว :)

     

    ปล ตอนนี้มี "แฟนฟิค ป้อกับภานุ" โผล่มาด้วย มันจะเป็นอย่างไรไปอ่านกัน  
    ฟิคที่ 1 โดย P.Racha คลิก
    ฟิคที่ 2 โดย nnionla คลิก 
    ฟิคที่ 3 โดย Daisuki คลิก
    ใครเขียนแฟนฟิคไว้ที่ไหน ทิ้งลิงค์ไว้นะครับ จะได้เผยแพร่ ^^



    =======================================================





     

    ตอนต่อไปของ

    Boys & A Doll (Hidden Story)

     

    ภาคย์จะได้รู้ความลับบางอย่างของเพื่อนสนิท

     
                “แกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง!!!” มิวสิคแผดเสียงแล้วดันภาคย์กระแทกผนัง

     

    และความลับนั้นจะพาพวกเขาไปสู่เหตุการณ์ไม่คาดฝัน

     

    เฮ้ย!!” ทั้งสามสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นตำรวจสองนายยืนอยู่หน้าห้อง

     

     

     

    …To Be Continued…

    (ทุกคอมเมนต์ของคุณมีค่า เราจะเอาไว้แจกรางวัล 
    หากชอบฝาก Share ด้วยครับ)

    **ใครว่างรบกวน "เขียนคำนิยม" ในหน้าหลักนิยายให้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ**

     



    Dr.Pop Facebook : www.facebook.com/drpopworld
    Dr.Pop Twitter : http://twitter.com/drpoppop
    Boys & A Doll Facebook : 
    https://www.facebook.com/boysandadoll

     

     

     

      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×