ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องจริงทะลุโลก (Of The World)

    ลำดับตอนที่ #65 : 6 เมนูอาหารโหดซาดิสต์จากรอบโลก (ภาค 2)

    • อัปเดตล่าสุด 21 ม.ค. 52



    article image

    The 7 Most Sadistic Dishes From Around The World

     

    มันยังไม่จบครับเรื่องอาหารโหดซาดิสต์ ฮ่าๆ เอาของเก่าสมัยผมเขียนไปดูก่อน แต่ใช่ว่าจะหากินของเก่านะผมเพิ่มเนื้อหาเข้าไปบางส่วน นับลองโหดกว่าเดิม คราวหน้าผมก็มีเมนูโหดอีกเยอะมาเล่าทั้งฟัง

     

    อันดับ 6 หนู

                    guinea_pig.jpg
                    ชื่อก็มีแค่นี้แหละ เป็นอาหารสุดฮิตของอเมริกาใต้และแอฟริกา โดยเฉพาะประเทศยากจนอย่าง เปรู ปารากวัย หนูคือแหล่งโปรตีนสำคัญที่เดียว และเป็นเมนูหลักๆ ของร้านอาหาร และภัตตาคารใหญ่ๆ โดยชาวปารากวัยต่างชอบลิ้มลองเชื่อว่าการกินหนูจะช่วยให้ผิวกระชับมากขึ้น ผิวเนียนอีกต่างหาก ซึ่งหนูตัวใหญ่ๆ หนูตระเภาบ้านเขาจะมาย่างเป็นหนังกรอบหอมเสริฟแบบแฮมเบอร์เกอร์เลยทีเดียว ส่วนหนูทารกตัวสีชมพู แดงๆ ก็จะหย่อนหนูเป็นๆ ลงท้องทันทีตามด้วยนมสดสักแก้ว หรือไม่ก็จะอร่อยแบบศิวิไลหน่อยก็จับลูกหนูใส่ในขนมปังหรือกล้วยหอมแล้วยัดใส่ปากเคี้ยวกร้วมๆ ร้องจิ๊ดๆ เป็นอันอร่อยเหาะ ส่วนประเทศมาลาวียิ่งแล้วใหญ่เพราะกินสดๆ เลยทีเดียว

    (หนูตระเภาเปรูที่ทำอาหารมีชื่อว่า Hampster นิยมมาทอดและผัด เรียกรวมๆว่า "CUY" รสชาติคล้ายกระต่ายแต่มีโปรตีนมากกว่าไก่ และเนื้อแดงเช่นหมูหรือวัว และในโบสถ์ที่เปรูยังมีการวาดรูปสัตว์ตัวนี้ในรูปอาหารค่ำมื้อสุดท้ายให้พระเยซูกิน!!)

     

     

    อันดับ 5 ขนมพายครีบแมวน้ำ


                     ชาวนิวฟาวด์แลนด์กินพายที่มาจากครีบแมวน้ำนั้นถือว่าเป็นสิ่งวิเศษ และต้องกินก็ได้ถ้ามีโอกาส และด้วยเหตุนี้ส่งผลให้แต่ละปีจะมีแมวน้ำมากมายมหาศาลต่างถูกจับตัวขึ้นมาตัดครีบทั้งสองข้าง จากนั้นก็ถีบลงเรือและปล่อยให้จมน้ำตายในทะเลไปอย่างน่าสมเพชที่สุด
     

    วิธีการฆ่า หลายคนอาจเคยได้ดูสารคดี หรือจากเรื่องผมที่ผมเล่า แต่ฉากที่เราเศร้าใจที่สุดคือจังหวะที่คนเดินเข้าหาแมวน้ำ และปฏิกิริยาของแมวน้ำ ท่าทางตบมือกัน(ฉาดใหญ่) แสดงความเป็นมิตรเต็มที่ คนอาศัยจังหวะนั้น เดินเข้าไปแล้วลากลูกแมวน้ำไปกับพื้นน้ำแข็ง แล้วเอาเหล็กเป็นแท่ง ๆ ตีเข้าไปบนหัว และเอาเหมือนขอเหล็กตี แล้วถลกหนังสด ๆ ณ ตรงนั้นเลย...........และในภัตตาคารใหญ่ๆ หลายต่อหลายแห่งก็มีเมนูชนิดนี้เปิดขายทั้งแบบปกปิดและเปิดเผย เพราะนานาประเทศยังต่อต้านเมนูนี้อยู่         

     

                    อันดับ 4 อุ้งตีนหมี

                 
                   เป็นอาหารที่นักเปิบมหาภัยชอบมากและเป็นเมนูสุดโหด เพราะการตัดอุ้งตีนหมีนั้น ไม่สามารถตัดขณะที่หมียังมีชีวิตได้ การฆ่าหมีเองก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะหนังหมีจะหนามาก ยากต่อการฆ่า ดังนั้น ผู้ฆ่าจึงจับหมีถ่วงน้ำทั้งเป็น

              หมีความส่งเสียงร้องดังโหยหวนเมื่อถูกตะขอเหล็ก เกี่ยวร่างออกจากกรงขัง ไม่กี่นาทีต่อมามันก็ตกอยู่ในความมืดมิด เมื่อถูกกระสอบสวมคลุมร่าง นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีห้าคน ยืนมองวินาทีสุดท้ายของหมีควายโชคร้ายในถังเก็บน้ำใบเขื่อง ด้วยสายตาเฉยชา

               หลังจากร่างใหญ่ดิ้นพราดๆ อยู่เพียงครู่ ทุกอย่างก็สงบลง เพชฌฆาตรีบลงมีดเลือดสดๆ ไหลทะลักจากคอหมีลงสู่ถ้วยขนาดย่อม เลือดในถ้วยถูกผสมด้วยเหล้าขาวแล้วเวียนกันดื่ม หลังจากยืนดู การชำแหละอุ้งตีนหมีเสร็จสิ้น นักท่องเที่ยวจึงกลับไปที่โต๊ะ นั่งรออาหารจานเด็ดที่เชื่อว่าจะช่วยทำให้คนแข็งแกร่งในกามกรีฑา ดุจเดียวกับความแข็งแรงของอุ้งตีนหมี

     

     

                    อันดับ 3 สมองลิง

                    
                    ภาพยนต์โทรทัศน์ทางประเทศจีน เคยมีฉากที่แสดงถึงการกลืนกินสมองลิงเป็นๆ อย่างน่าอนาจ ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่รายการโทรทัศน์ แต่คนที่ได้เห็นก็ยังคงไม่อาจลืมเลือนภาพเหล่านั้นไปได้ การกินสมองลิงเป็นๆ ที่มีอยู่มากมายในประเทศจีน เช่น หยุนหนัน ไปชมกันจะๆ กับฉากนองเลือดในร้านอาหารที่ไร้จรรยาบรรณ ใช้คมมีดกรีดหัวลิงแสมทั้งเป็น แล้วเอาสมองลิงออกมา และกินขณะที่เป็นๆ

    การกินสมองลิง ได้ถูกสืบทอดมาช้านานตั้งแต่สมัยโบราณ วารสารเปิ่นฉาวกังมู่ในรัชสมัยหมิง บันทึกไว้ว่า : ใน อี้อู้จื้อมีบันทึกไว้ว่า ลิงแสมนับว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่ ในบันทึก หลินไห่จื้อกล่าวว่า คนกวางตุ้งชื่นชอบการกินสมองลิงบันทึกอี้อู้จื้อ ที่พูดถึง คือ บทประพันธ์ของ หยางฝู ในรัชสมัย ฮั่น จะเห็นได้ว่า การกินสมองลิงนั้น มีมาแต่ช้านาน แต่เหตุผลที่ว่า ทำไมถึงกินกัน เคยมีพูดกันว่า เป็นเพราะขันทีสมัยก่อน เชื่องมงายว่า กินสมองทารกดิบๆ สามารถช่วยให้อวัยวะทางเพศเขางอกคืนกลับมาได้ แต่สมองเด็กไม่ใช่ได้มาง่ายๆ จึงได้ใช้สมองลิงชดเชยในปัจจุบันนี้ ความเชื่อเรื่องการบำรุงของคนจีนที่สืบทอดกันมา คิดว่า ใช้ร่างบำรุงร่าง” “ใช้สมองบำรุงสมองบวกกับนิยายเรื่อง ซุนหงอคง ตัวเอกในเรื่องมีกำลังวัาและอภินิหารมากมาย ติดตรึงอยู่ในใจคนดู ทำให้มีคนเชื่อว่ากินสมองลิงมีผลประโยชน์มากมาย

    ราคาลิงเป็นๆ ราคาสูงถึง 2,800 เหรินหมินปี้ (ประมาณ 13,000 บาท) นั่นยังไม่รวมค่าเครื่องปรุงต่างๆ

    วิธีการทำและการกินก็ง่าย ก็เอาลิงพันธุ์อะไรก็ได้แล้วแต่มีให้ มาหนีบกับโต๊ะโดยมีส่วนหัวด้านบนโผล่ออกมา(ก่อนหนีบกับโต๊ะพ่อครัวต้องทุบหลายๆ ครั้งจนกว่าลิงจะสงบ) จากนั้นพ่อครัวก็ใช้วิชาบาร์เบอร์โกนขนส่วนบนของลิงออกจนเกลี้ยงเกลาจากนั้นก็ใช้สิ่วและค้อนเฉาะกะโหลกของลิงออกคล้ายกับกะเทาะมะพร้าวอ่อน

    และแล้วลูกค้าก็จะรีบตักกินสมองลิงอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้นานเกินไปสมองลิงจะยุบและลดปริมาณอย่างรวดเร็ว แต่บางครั้งเขาก็เสิร์ฟสมองลิงแบบแช่แข็งไว้ด้วย เพื่อลดภาระสมองลิงหดตัวอย่างรวดเร็วอีกทางหนึ่ง



                    อันดับ 2 ซุปตัวอ่อนมนุษย์


                     ภาพเป็นของปลอม แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงน่ะครับ เมนูนี้เป็นอาหารเฉพาะบางกลุ่มเท่านั้นน่ะครับ มันมีขายอยู่ที่เฉินเซ่น กวางตง ประเทศจีน จ่ายราคาเพียง
    3,400 เหรียญ (renminbi) ก็สามารถรับประทานน้ำแกง ที่ใช้เด็กในครรภ์ ซึ่งโตเพียงแค่ 6-7 เดือน หนึ่งหม้อ นักการค้านั้นบอกว่า การกินตัวอ่อนของมนุษย์ หรือทารกที่เพิ่งคลอดนั้นเป็นความเชื่ออย่างลับๆ ว่า จะช่วยเพิ่มคุณค่าอาหารหลายอย่างในหมู่ชาวจีน นั้นก็คือทำให้ผิวสวยเนียน ร่างกายแข็งแรงต้านทานโรค สามารถบำรุงเลือดลมได้ดี และที่เชื่อกันมากก็คือช่วยบำรุงไตได้ดี และเป็นยาปลุกเซ็กซ์ของผู้ชาย

    สำหรับวิธีการทำก็ไม่ยากเท่าไหร่ แค่เอาเด็กทารกแรกคลอด หรือเด็กที่ตายจากการทำคลอด

    ยิ่งเป็นเด็กผู้ชายยิ่งดี(เขาบอกว่ามีคุณค่าทางอาหาร สูง) มาสับ มาเคี่ยวแปดชั่วโมง เป็นซุปและใส่เนื้อหมู ยาสมุนไพรจีนบางชนิด และเนื้อไก่กระดูกหมู ลงไปเป็นอันเสร็จ……….. รสชาติเหมือนซุปสมุนไพรอย่างไรก็ตามการนำเด็กทารกมาทำตุ๋นยาจีนเป็นอาหารที่ ประเทศจีนนั้น ถือว่าผิดกฎหมาย ทำให้เมนูนี้ ต้องมีการสั่งเป็นพิเศษ หรือไม่ก็แอบทำให้กับพวกที่อยากรับประทานอาหารแบบพิสดาร แบบนี้


                   อันดับ 1 เนื้อมนุษย์ที่ปาปัว นิว กินี           

     
              "บูน ผมคิดว่าหญิงสองคนนั่นกำลังคิดว่าผมเป็นมนุษย์กินคนเข้าอีกแล้วละมั้งนี่ คุณว่าทำอย่างไรดีล่ะ ผมชักไม่ชอบหน้าแม่นั่น"

               "เอายังงี้ไหม" ข้าพเจ้าถามและพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงค่อนข้างดัง "คุณเลิกกินเนื้อมนุษย์เมื่อไร"

              "สัก 2-3 ปีมานี่เอง"

              "ทำไมถึงเลิกเล่า"

              "กลัวกฎหมาย"

             "ตอนนี้ถ้าหากมีโอกาสคุณจะกินอีกไหม"

              "อ๋อ...แน่นอน ผมจะกินอีก โดยเฉพาะผู้หญิงผิวขาววัยกลางคนมันคงอร่อยอย่าบอกใครเชียว เห็นแล้วอยากกินจริงๆ"

              ผู้หญิงสองคนนั่นนั่งเงียบและไม่มองมาทางเราอีกเลย

              ครับนี้คืออาหารโหดและแปลกสุดยอดของเรานี้เอง ใครเคยกินมาแล้วบ้าง แต่ก่อนจะพูดถึงอาหาร ขออนุญาตกล่าวถึง ประเทศปาปัวนิวกินีเสียก่อนเล็กน้อยก่อนที่จะพูดอาหารสุดอร่อยของเรา

               ปาปัวนิวกินีเป็นเกาะอยู่ทางเหนือ ของทวีปออสเตรเลีย มีพื้นที่ขนาดเท่าประเทศไทย แต่มีพลเมืองเพียงครึ่งหนึ่ง ของกรุงเทพมหานครเท่านั้น มีเมืองหลวงซึ่งเป็นเมืองท่าด้วยชื่อ ปอตมอสบี ประกอบด้วยชนเผ่าต่างๆมากกว่า 700 เผ่า แต่ละเผ่าต่างคนต่างอยู่ การเดินทางไปมาหาสู่กันลำบากมาก เพราะพื้นที่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน

                แรกทีเดียวเกาะนี้มีชื่อว่านิวกินี ในราวต้นศตวรรษที่ 18 นักเดินเรือชาวยุโรปได้เดินทางหลงไปพบเกาะนี้โดยบังเอิญ ได้พบเห็นชนพื้นเมืองชาวเกาะมีผมหยิก จึงเรียกเกาะดังกล่าวว่า ปาปัวส์ ซึ่งแปลว่าพวกผมหยิก ตั้งแต่นั้นมา เกาะทางด้านใต้จึงรู้จักกันในนามปาปัว ส่วนด้านเหนือยังคงเรียกกันว่านิวกินี

                เมื่อสมัยที่ยังมีการล่าเมืองขึ้นกัน เยอรมันได้ครอบครองทางด้านเหนือ ส่วนทางด้านใต้อังกฤษหรือตัวแทนคือออสเตรเลียได้ครอบครองไว้ พอหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เยอรมันแพ้สงครามสหรัฐ อเมริกาจึงเข้าครอบครองแทน แล้วต่อมาได้มอบให้ออสเตรเลีย ดังนั้น ในระยะหลังออสเตรเลียจึงเข้าปกครองไว้ทั้ง 2 เขต

                จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว ออสเตรเลียเห็นว่าควรจะให้ชนพื้นเมืองปกครองตนเองได้แล้ว จึงให้ปาปัวและนิวกินีได้รับอิสรภาพเรียกว่าประเทศปาปัวและนิวกินี ต่อมาตัดคำว่า "และ" ออกเสีย เพื่อไม่ให้มีความรู้สึกแบ่งแยกกัน ชื่อใหม่จึงเป็นประเทศปาปัวนิวกินีจนทุกวันนี้ และถือว่าเป็นประเทศที่เกิดใหม่ในโลกอีกหนึ่ง

                ในสมัยแรกๆที่ชาวยุโรปเดินทาง ไปถึงปาปัวนิวกินีนี้เอง พวกหมอสอนศาสนาคริสต์ ผู้ ซึ่งมีอุดมการณ์แก่กล้า ในอันที่จะเผยแพร่ศาสนาคริสต์ ให้ถึงดินแดนลึกลับนี้ ได้เดินทางเข้าไปยังประเทศนี้ และได้เกิดเรื่องที่น่าสยดสยองขึ้น

                 ประมาณต้นศตวรรษที่ 19 มีคณะสอนศาสนา ซึ่งเป็นหญิงล้วนคณะหนึ่ง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อารักขา ซึ่งมีอาวุธปืนทันสมัยประจำกายเดินทางไป ยังหมู่บ้านของชนเผ่าหนึ่งเพื่อสอนศาสนา เมื่อเดินทางล้ำเข้าไป ในเขตครอบครอง ของชนเผ่านั้น ก็ออกมาสกัดกั้นเพราะถือว่าเป็นการบุกรุก จึงต้องให้พวกคณะสอนศาสนาเดินทางกลับเสีย แต่คณะสอนศาสนาไม่ยอมทำตามคงเดินทางต่อไป ชาวพื้นเมืองจึงได้ใช้อาวุธอันมี มีด หอก หลาว แหลน หน้าไม้ เข้าโจมตี การต่อสู้นองเลือดจึงได้อุบัติขึ้น ทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บและตายกันเป็นจำนวนมาก แต่ในที่สุดคณะสอนศาสนาก็ยอมแพ้

                   เมื่อสามารถรบชนะพวกรุกรานได้แล้ว คืนนั้นจึงมีพิธีเฉลิมฉลองชัยชนะ และกินเลี้ยงกันอย่างเอิกเกริก ซุปเนื้อมนุษย์เป็นรายการอาหารสำคัญของงาน วิธีปรุงอาหารรายการนี้ง่ายมาก นำน้ำใส่หม้อดินขนาดใหญ่ต้มให้เดือด บั่นศพมนุษย์ที่ตายทั้งสองฝ่ายให้มีขนาดที่จะใส่ในหม้อนั้นได้ใส่ลงในหม้อ นำผักชนิดต่างๆ รวมทั้งมันและเผือกใส่รวมลงไปด้วย ต้มจนสุกและเปื่อยดีแล้วก็ตักออกมากินกัน

    ส่วนคนที่ยังไม่ตายก็มัดไว้ก่อนและค่อยๆ ฆ่าให้ตาย นำมาปรุงเป็นอาหาร กินเลี้ยงกันในคืนต่อๆ มา

             และส่วนรองเท้าหนัง ถุงเท้า ตลอดจน เสื้อผ้าก็ถูกนำมาต้มจนเปื่อย และกินจนหมดสิ้นเช่นเดียวกัน สำหรับหัวกะโหลกเก็บไว้ เป็นเครื่องประดับตามบ้าน

             ถึงตอนนี้แหละโลกถึงได้รับรู้ว่ามีอาหารแปลกที่สุดในโลกที่ปาปัวนิวกินี

              นอกจากนี้เมนูถัดมา เวลามีใครตายขึ้นไม่ว่าจะเป็นญาติของตน หรือคนต่างเผ่าที่ตกอยู่ในครอบครองของตน เขาจะไม่นำศพไปฝังหรือเผา แต่จะนำศพไปไว้บนตะแกรงที่ยกพื้นสูงขนาดท่วมหัว ปล่อยให้ศพอยู่ในสภาพนั้นจนขึ้นอืด เกิดน้ำเหลืองเยิ้มไปทั้งตัวดีแล้ว ก็จะเข้าป่าหาใบไม้ที่เป็นเครื่อง เทศเอามาพับเป็นกระทงเล็กๆ (คงอย่างที่เตรียมใบชะพลูจะกินกับเมี่ยง) เหมาะที่จะมีขนาดกินคำเดียว แล้วก็เชิญพรรคพวกเพื่อนฝูงให้มารวมกันอยู่ใต้ตะแกรงศพนั้น นำเอาไม้ปลายแหลมแทงศพให้เป็นรู ให้น้ำเหลืองไหลย้อยออกมา นำกระทงใบไม้ที่เตรียมไว้ รองรับน้ำเหลืองนั้น พอได้มากดีแล้วก็กินทั้งน้ำเหลืองและใบไม้

               กินกันจนไม่มีน้ำเหลืองแล้วก็นำศพนี้ไปต้มซุปกับผักต่างๆ กินกันต่อไป

               แต่ถ้าจะกินมนุษย์ที่สะใจที่สุดต้องยกให้ชนเผ่า โดโบดูรัส นิยมจับเหยื่อที่ล่ามาได้มากินแบบเป็นๆ นั้นคือต้องทรมานเหยื่อจนใกล้จะตายแต่ไม่ให้ถึงตาย จากนั้นก็เจาะกะโหลกให้เป็นรูลึกๆ เสียก่อน แล้วค่อยสอดไม้เล็กๆ ที่มีปลายแบบชอนเข้าไปตักสมองออกมากิน เหยื่อก็ดิ้นไปดิ้นมา ดูแล้วน่ารักอย่างยิ่ง...

                เป็นอันจบเรื่องอาหารโหด

     

     

    จากหนังสือ โหด เหลือเชื่อ 2 และ 2 อันดับ จากความคิดคนเขียน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×