คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ลำดับตอนที่ 6
ว่าด้วยการปิดบทความ Beyond the Horizon ชั่วคราวเพื่อความสะดวกของทุกท่าน
ขออภัยหากมีการแจ้งเตือนขึ้นหน้า My.iD Control ของท่านจนอาจก่อให้เกิดความรำคาญในทุกกรณี
การปิดปรับปรุงบทความครั้งนี้จุดประสงค์เพื่อแก้ไขจุดบกพร่องที่ถูกมองข้ามไปในแต่ละตอน
แต่การกดอัพเดทจะแจ้งในหน้า My iD. Control ของท่านที่กดติดตามฟิคเรื่องนี้อยู่
และอาจสร้างความรำคาญ จึงล็อคบทความไว้เพื่อไม่ให้สับสนว่าเป็นการอัพเดทตอนใหม่หรือไม่
และจะเปิดบทความอีกครั้งในวันที่ 06.09.57 ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ
แค่มีคนอ่านก็มีความสุขแล้วค่ะ :-D
อนึ่ง การปรับปรุงบทความครั้งนี้ถือเป็นข้อผิดพลาดของผู้เขียนเองด้วย ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ
ไม่ได้เป็นการเรียกร้องความสนใจหรือมีเจตนาอื่นใดซึ่งข้าพเจ้าก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะมีเจตนาใดได้อีก
อสอง เราไม่เคยแนะนำตัวกันเลย เรียกว่าตองก็ได้ค่ะ
อสาม เวลาใช้ภาษาอังกฤษติดต่อกับทุกท่านไม่ได้กระแดะค่ะ
แต่บางกรณีข้าพเจ้าไม่สามารถพิมพ์ไทยได้จริงๆ ต้องขอโทษด้วยค่ะ
06
ก็แค่เปิดใจมันจะยากสักแค่ไหนกันเชียว เราแค่กลัวว่าจะถลำลึกมากเกินไปเท่านั้นเอง
.
เป็นเพราะหมู่บ้านต้องการเขากวางคุณภาพสมบูรณ์ เทมาริถึงต้องตามผู้ชายน่าหงุดหงิดเข้ามาในอาณาสิทธิของเขาด้วยเพื่อทุกขั้นตอนจะได้อยู่ในสายตา แต่ป่าแห่งนี้กลับโอบอุ้มเธอด้วยความรู้สึกสงบและเย็นสบาย กระแสลมหอบลู่ตามกิ่งก้านสาขาขนาดใหญ่ที่แผ่อาณาบริเวณกว้างกลืนกินสีฟ้าใสของท้องนภากระจ่าง นำพาเสียงเสียดสีอันเสนาะหูจากกิ่งใบรวมถึงนกประจำถิ่นฐานซึ่งกำลังร้องกันระงมขณะโผบินฉวัดเฉวียนตัดผืนฟ้าเบื้องบนเข้ามาในโสตประสาท
“เธอทำยังกะไม่เคยเห็นดอกไม้” อีกหนึ่งเสียงที่เธอถือเป็นมลภาวะเพียงอย่างเดียวในตอนนี้ดังตามมาอีกครั้งแล้วนับตั้งแต่เดินด้วยกันมาจากร้านขนม ว่ากันตามจริงบทสนทนาส่วนใหญ่ระหว่างกันค่อนไปทางหาเรื่องมากกว่าชวนคุยเรื่อยเปื่อยอย่างคนปกติเขาทำกัน ตัวเด็กชายเป็นคนเริ่มทำตัวขวางเธอไปซะทุกเรื่องหรือถ้าเขาวางตัวปกติก็ยังเหมือนตีห่างออกไปหลายช่วงก้าว กาอาระผู้เป็นน้องชายซึ่งมีอายุไล่เลี่ยกับคนตรงหน้าไม่เคยประพฤติตัวแบบนี้ดังนั้นเธอจึงหมดหนทางเข้าถึง
หรืออาจเพราะนิสัยแบ่งแยกชายหญิงของเขา เทมาริพยายามหาเหตุผลแต่พอหันมองใบหน้าเฉยชาที่ไม่แสดงอารมณ์อื่นใดนอกจากไม่รู้ไม่ชี้ต่อสิ่งรอบตัวก็สรุปได้ว่ามันอาจมีส่วนเพียงเล็กน้อย ‘เธอเผลอไปทำอะไรไม่ดีเข้ารึเปล่า…’
ถ้าไม่ใช่เพราะคำร้องขอจากซึนะงาคุเระเธอคงไม่ต้องมาอยู่โคโนะฮะถึงสามเดือนเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ระหว่างหมู่บ้านแถมถูกโฮคาเงะผูกตัวติดกับผู้ชายแปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เคยพบอย่างนี้ ทว่าเหมือนเขาจะเดาความคิดเธอออก ดวงตาสีสวยเหลือบมองตัวเด็กชายซึ่งอ้อมหลังไม้ต้นใหญ่ออกนอกเส้นทางไปครู่หนึ่งและกลับมาพร้อมดอกไม้ขาวปลอดหนึ่งช่อโดยปราศจากคำพูดจา แต่พอให้เทมาริเข้าใจว่าเรื่องทั้งหมดที่เห็นฝ่ายตรงข้ามมีท่าทีชอบกลเป็นเพราะเธอคิดไปเอง
นั่นอาจเป็นหนึ่งในนิสัยของเด็กชายที่เธอควรรู้ไว้ถ้าจะร่วมงานกับเขา
ตั้งแต่ไปช่วยเด็กน้อยจากพวกนินจาโอโตะจนต้องมาลากเขาเข้ามาในภารกิจของเธอ เทมาริจึงเริ่มสัมผัสได้ว่านารา ชิกามารุเป็นเด็กช่างเอาแต่ใจ เบื่อหน่ายกับสิ่งรอบตัวเหมือนมันไม่สามารถสร้างอิทธิพลใดต่อจิตใจได้ แต่เขาเป็นคนแรกที่สามารถเอาชนะเธอได้ด้วยสติปัญญามากเหลือ พอเหลือบมองใบหน้าอ่อนเยาว์ของอีกฝ่ายก็มักนิ่งเฉยซึ่งอาจจะแสดงออกไม่เก่งเหมือนกาอาระน้องชายของเธอ ไม่ เธอไม่ควรนำไปเปรียบกับน้องชายคนโปรดเพราะสิ่งที่ต่างกันลิบโลกคือนิสัยปากร้าย แถมยังชอบเหยียดเพศอยู่หน่อยๆ หากใจดีกับผู้หญิง และพึ่งพาได้ดีเกินคาด
ทั้งการเอาใจใส่กับเรื่องเล็กน้อยอย่างดอกไม้ในมือเธอแสดงว่าเขาควรถูกจัดอยู่ในกลุ่มคนอ่อนโยนซึ่งน้อยนักที่เทมาริจะมีโอกาสได้ยุ่งเกี่ยวด้วย มือนุ่มนิ่มหมุนก้านเล่นและพบว่ากลีบดอกช่างบอบบางผสานกลิ่นหอมละมุนแตะจมูก ทะเลทรายสุดลูกหูลูกตาในซึนะงาคุเระไม่ได้ให้อะไรนอกเหนือจากความร้อนระอุหรือพายุกระหน่ำแม้กระทั่งความหนาวถึงไขกระดูกในยามดวงอาทิตย์คล้อยตก แต่เทมาริกลับชื่นชอบในดอกไม้และสีเขียวของต้นใบซึ่งหาได้ยากยิ่งในหมู่บ้านแห่งทราย
บนดวงตาสีน้ำตาลของชิกามารุสะท้อนภาพผู้หญิงซึ่งอ่อนหวานนุ่มนวลมากกว่าที่เด็กชายคิด ในยามเธอพูดขอบคุณราวกับดอกไม้เหล่านั้นเป็นเหมือนของขวัญพิเศษ
“เธอคงไม่เคยเห็นเพราะมันไม่ได้หาง่ายๆ ในร้านขายดอกไม้ทั่วไป ลองดมดูสิพวกกวางก็ชอบมัน” ผู้อ่อนวัยกว่าพูดขณะพยายามกลืนคำว่าฉันก็ชอบมันลงลำคอที่ค้างแข็ง ไม่รู้ทำไมอยู่ๆ จิตใต้สึกนึกก็อยากบอกรสนิยมความชอบให้กับผู้หญิงซึ่งเป็นเพศที่น่าตีตัวออกห่างทั้งยังเจอหน้ากันไม่นานเท่าไหร่ฟังด้วย ชิกามารุไม่ได้รู้สึกกับเจ้าหล่อนผิดแผกแปลกจากเพื่อนร่วมภารกิจหรือคู่ต่อสู้ที่เกือบจะฆ่ากันตายกลางลานประลองถ้าจักระเขาเพียงพอกับแผนการซึ่งวางไว้จัดการเธอร่วมร้อยกว่าตาและความเป็นไปได้จากผลวิเคราะห์ผนวกกับความริบผิดชอบในฐานะบุรุษเพศมายุติไว้ ทว่าตอนนี้พอเห็นใบหน้าดื้อรั้นนั้นระบายยิ้มก็เกิดความรู้สึกแปลกใหม่ขึ้นมาคงเพราะไม่ค่อยเฉียดกรายยุ่งย่ามกับเพศตรงข้ามมากเท่าไรนัก
แต่เขามักปฏิบัติอย่างดีกับคุโนะอิจิในหมู่บ้านเดียวกันเป็นปกตินิสัยอยู่แล้ว คุโนะอิจิจากทะเลทรายอาจแตกต่างจากผู้หญิงทั่วไปหลายเรื่องและเขาเองก็ไม่ได้รังเกียจสตรีเพศมากเกินความพอดีจนผิดวิสัยบุรุษดังเช่นที่นารุโตะเคยบอก
“จริงสิแล้วทำไมนายถึงต้องให้ฉันอยู่กับเพื่อนผู้หญิงของนายด้วยล่ะ ไหนนายบอกว่าไม่ชอบพวกผู้หญิงน่ารำคาญงั้นงี้ไง แต่ทำไมนายมีเพื่อนผู้หญิงเยอะจัง” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเบือนหนีจากร่างระหงของคู่ร่วมภารกิจเมื่อเธอเริ่มสนทนากับเขาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงล้อเลียน เขานึกว่าอีกฝ่ายลืมเรื่องจิปาถะที่คุยกันระหว่างทางไปแล้ว นี่เขาอยู่กับผู้หญิงที่คนในหมู่บ้านเห็นพ้องกันว่าสวย สง่า มีเสน่ห์ และถือตัวจริงน่ะเหรอ เด็กสาวผู้เก็บงำความรู้สึกอย่างดี ยากที่ใครจะรู้ว่าเธอกำลังรู้สึกเช่นใดกำลังทำให้เด็กชายบ้านนาราเป็นห่วงขึ้นมาเสียอย่างนั้นเพราะเธอยอมเปิดใจให้เห็นตัวตนอีกด้านแต่กับเขาแค่คนเดียว ‘นั่นล่ะปัญหา’
ปัญหาที่เขาไม่เคยคิดว่ามันเป็นปัญหาจริงๆ สำหรับเขาไง
ลมพากิ่งก้านร่มรื่นของหมู่ไม้ใหญ่สะบัดเสียดสีกัน เส้นผมสีบลอนด์ของคนที่เดินอยู่ข้างๆ เด็กชายเคลียข้างแก้มขาวเนียนนั้นแต่เจ้าตัวไม่สนใจมากกว่าคำตอบที่ยังไม่ได้รับจากคู่สนทนาซึ่งตัดประเด็นกันดื้อๆ ก่อนจะทันได้คิดถึงคำตอบเสียอีก “ไม่ขอตอบ” ทว่าชิกามารุควรมีความหนักแน่นสำหรับเด็กสาวจากทะเลทรายมากกว่านี้เมื่อเห็นใบหน้าสวยคมสงบและเรียบเฉยลงอย่างจริงจังจึงต้องดึงคำพูดที่ตั้งใจตอบในทีแรกก่อนกลืนลงลำคอไปแล้วออกมา
“เพราะเธอไม่เคยเห็นเพื่อนผู้ชายของฉันนี่ แล้วอีกอย่างเธอตีความหมายผิดแล้ว ไม่ชอบไม่ได้แปลว่าต้องไม่มีผู้หญิงคนไหนมาข้องแวะกับชีวิตเลยสักหน่อยฉันยังเดินกับเธออยู่นี่เลย” ขาทั้งสองข้างของเด็กชายเดินถอยหลังด้วยความคล่องแคล่วเมื่อผู้บงการเลือกหันหน้าเผชิญกับเด็กสาวผู้มีร่องรอยขุ่นข้องฟุ้งกระจายในดวงตาคู่สวยเหมือนท้องฟ้าก่อนพายุก่อตัว เป็นอันว่าความรู้สึกของเธอซึบซับเจตนาของเขาได้ดีเยี่ยมน่าตกใจ ชิกามารุรู้ก่อนอีกฝ่ายเอ่ยออกมาเสียอีก
“นายไม่ได้ตอบคำถามนั่นจริงๆ สักหน่อย พ่อขี้แย”
‘คำก็ขี้แยสองคำก็งอแง ไม่น่ายอมให้ยัยนี่มายุ่งเกี่ยวกับชีวิตอีกแล้วจริงๆ ทำไมไม่ปฏิเสธไปนะ ทั้งที่ปฏิเสธก็ไม่มีใครว่าอะไรอยู่แล้ว’ ก็ได้แค่นึกแต่ถึงกระนั้นชิกามารุก็ยังหันไปโต้ตอบกับอีกฝ่าย “ทีฉันยังไม่เคยถามซักไซ้อะไรเธอเลย”
“ก็นายไม่ถามเองนี่” โทนเสียงตอบกลับเบากว่าที่ชิกามารุหวังจะได้ยินเพราะถ้าเป็นกับอิโนะ เพื่อนร่วมทีมของเขาแล้วคงมีเสียงตวาดกราดเกรียวแทนคำตอบลื่นเสนาะหูซึ่งนับครั้งได้แต่กับเทมาริ เด็กชายไม่เคยได้ยินเธอขึ้นเสียงดังอย่างน่าเกลียดกับคนอื่นในบทสนทนายามปกตินอกจากข่มขู่คู่ต่อสู้แบบเขาในลานประลองสอบจูนิน คุโนะอิจิจากซึนะถูกอบรมมารยาทมาอย่างมากมายจากการคาดเดาผ่านทางอากัปกิริยาที่แล้วมาของเธอ อิริยาบถงามสง่าและนิ่มนวลคงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งให้เขากันหญิงคนนี้ออกจากพวกผู้หญิงน่ารำคาญทั่วๆ ไป ดวงตาสีสวยมองตามเด็กชายผู้อ่อนเยาว์กว่าที่ผละออกไปริมทางโดยไม่บอกกล่าวได้ยินเพียงเสียงอู้อี้ดังข้ามไหล่มา
“ก็ฉันไม่รู้จะถามอะไรคนอย่างเธอ เช่นว่าทำไมเธอถึงชอบดอกไม้น่ะนะ”
ชิกามารุหันหลังกลับจนเกือบชนเด็กสาวที่เดินเข้าไปใกล้ด้วยสงสัยว่าคู่ร่วมภารกิจกำลังกระทำสิ่งใดผิดแผก เด็กชายบ้านนาราย่นระยะถอยห่างจากเพศตรงข้ามทันทีที่เห็นใบหน้าผวาด้วยความตกใจแบบไม่ทันตั้งตัว
“นั่นนายทำอะไร” ไม่ได้รับคำตอบ เด็กชายแค่เป่าลมแผ่วเบาใส่ดอกไม้ในมือที่ขาวสล้างเหมือนโคมแก้วและบอบบางเหมือนจิตใจมนุษย์
เมล็ดทัมโปโปะกระจายเป็นสายลอยล่องกับอากาศรอบด้านอย่างบางเบาอ้อยอิ่งเหมือนอยู่ในสายน้ำ เป็นภาพสะท้อนปรากฏบนดวงตาของเทมาริที่มองตามมันเหมือนกลับไปเป็นเด็กหญิงตัวน้อยกับของเล่นชิ้นใหม่ ชิกามารุเป่ามันอีกครั้งจนเหลือแต่ก้านและยื่นดอกใหม่มาให้ด้วยใบหน้าบูดบึ้งราวกับถูกบังคับให้รับผิดชอบแบกโลกไว้ทั้งใบ ซึ่งนั่นสวนทางกับการกระทำของตัวเองเหลือเกิน
“ยังไงฉันก็ขอขอปฏิเสธคำถามนั้นของนาย” มือเนียนนุ่มรับเมล็ดพืชอันบอบบางจากเด็กชายที่ไม่ต้องการคาดคั้นหาคำตอบเป็นทุนเดิม ดวงตาสีเปลือกไม้อ่อนแสงลง แสร้งเสมองสิ่งรอบตัวราวกับมันมากด้วยเรื่องเล่าน่าสนใจ เพราะรอยยิ้มยียวนซึ่งประดับบนใบหน้าคุโนะอิจิจากทะเลทรายเหมือนเครื่องประดับชิ้นงามที่สุดเปลี่ยนบรรยากาศรอบตัวเขาให้เหมือนปุยนุ่นเบาบางที่ค่อยๆ รัดทุกส่วนของร่างกายให้ตายใจจนหมดลมหายใจลงอย่างช้าๆ ด้วยความละมุนละไมอันบาดลึก
จากป่าโปร่งที่มีต้นไม้ขึ้นห่างกันก็เว้นระยะถี่ขึ้นเรื่อยๆ ทางเดินเล็กแคบซึ่งเกลี่ยไว้ลวกๆ บางช่วงถูกแทนด้วยรากไม้หรือวัชพืชคุกคามพื้นดินหนา ยังไม่นับใบหญ้ารกทึบปกคลุมจนไม่เห็นผิวดิน บางส่วนก็มีพืชล้มลุกขึ้นเป็นพุ่มกอแซมอยู่ตามโคนไม้ยืนต้นที่แผ่กิ่งก้านสาขาราวกับมือมีชีวิต มันมีลำต้นเกินจะโอบได้รอบและมีอายุยาวนานกว่าการคาดคะเน ตามเปลือกไม้สีเข้มมีมอสเปียกชื้นขึ้นแซมเหมือนถูกธรรมชาติแต่งแต้มสีสัน ไม่ก็มีสีซีดจางสลับกันไปจนถึงเทาแก่แทบกลมกลืนกับหินขมุกขมัวก้อนใหญ่ที่โผล่พ้นผืนดินขึ้นมาเป็นสิ่งกีดขวางขนาดย่อม
ตอนผ่านทางเดินแคบระหว่าช่องหินซึ่งเรียบแบนลดหลั่นกันลงไปไม่ต่างจากบันไดปกติเด็กชายบ้านนาราก็ยื่นมือมา เด็กสาวจากทะเลทรายจึงจนใจที่จะปฏิเสธความปรารถนาดีตามมารยาทนั้นเพราะโดยพื้นฐานเธอห่างไกลจากคำว่านิสัยย่ำแย่หรือเย่อหยิ่ง แต่เด็กน้อยขี้แงคงลืมว่าคนที่เขากำลังดึงมือบนพื้นไม่สม่ำเสมอด้วยกิริยากระด้างห่างเหินอยู่นี้เป็นนินจาเหมือนกัน
“นายคงมาที่นี่บ่อยใช่ไหม”
แม้จะถามแบบนั้นหากเทมาริค่อนข้างมั่นใจว่าถ้าอีกฝ่ายหลับตาเดินแล้วหลงก็คงแปลก ถึงเด็กชายจะนำทางเธอมาตลอดตั้งแต่ออกจากร้านขนมทว่านั่นเป็นเรื่องปกติที่คนในหมู่บ้านนั้นจะรู้ทุกตรอกซอกซอย แต่พอเข้ามาในอาณาเขตสีเขียวครึ้มนี้เขากลับยิ่งเหมือนกำลังเดินอยู่ในสวนหลังบ้านของตัวเอง
“ไม่รู้สิก็ตั้งแต่จำความได้” ชิกามารุรอจนกว่าจะดึงคุโนะอิจิที่เกิดอยากรู้ในเรื่องไม่สลักสำคัญจนถึงขั้นไร้สาระมายังพื้นมั่นคงแล้วจึงตอบ เชื่อเถอะว่าเขาต้องใช้ความพยายามมากมายเพียงใดเพื่อยื่นมือให้เธอโดยไม่ดูเหมือนการคุกคามทางเพศทั้งที่เจตนาจริงๆ แค่อยากช่วยเหลือในฐานะผู้ชายเท่านั้น หากคู่สนทนาเริ่มหันรีหันขวางมองหาสิ่งรอบตัวเหมือนความสนใจทั้งหมดที่มีให้ก่อนหน้าโอนเอียงไปหาอะไรบางอย่างซึ่งแม้แต่เขาก็ยังไม่รู้แล้วจะไม่ให้หงุดหงิดขึ้นมาได้อย่างไร ตอนแรกก็เห็นคำถามเป็นเหมือนสิ่งกวนใจน่ารำคาญแต่พออีกฝ่ายไม่สนใจเข้าก็เริ่มจริงจังขึ้นมา “นี่เมื่อกี้เธอแค่ถามลอยๆ รึไง หัดสนใจฟังที่คนอื่นพูดหน่อย”
“ชู่– นายไม่ได้ยินเหรอ เสียงน่ะ” มันกังวานก้องกับลมในบรรยากาศใต้เงาระยิบระยับจากแสงซึ่งส่องผ่านเรือนยอดต้นไม้
ต้องยอมรับว่าคุโนะอิจิจากทะเลทรายมีประสาทสัมผัสเฉียบคม พอเด็กชายบ้านนาราลองเงี่ยหูฟังตามถึงค่อยพบสิ่งที่ผิดแผกจากสภาพรอบตัว แม้เสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวดนั้นจะไม่ใช่ของมนุษย์แต่มากพอให้ผู้ได้ยินเปลี่ยนทิศทางที่มุ่งหมายไว้ในตอนแรกสู่ต้นตอทันที ร่างเยาว์วัยแทรกตัวผ่านต้นไม้สูงย่ำลงไปบนพื้นหญ้าหนาซึ่งถูกปูทับด้วยใบไม้แห้งเหมือนผืนพรมเมื่อเข้าใกล้ฤดูใบไม้ร่วงเต็มแก่ บนเฉดสีน้ำตาลหม่นไล่ไปถึงส้มเข้มของใบแห้งกรอบมีสีแดงดังโลหิตสาดทับเป็นย่อมๆ ดวงตาคมกริบแค่เฉียดมองก็รู้ว่าร่องรอยยังสดใหม่ และทุกระยะที่ย่นย่อลงตามการเร่งฝีเท้าเดินเสียงครางก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ จนชิกามารุเริ่มแน่ใจว่าจะมีอะไรรออยู่
ตรงนั้นมีกวางนอนพึ่งพาความมั่นคงของต้นไม้ใหญ่อยู่ท่ามกลางใบไม้แห้งที่พอเริ่มขยับตัวก็นำพาเสียงแซ่กแซ่กประสานกับเสียงครางนั้นแต่ถึงอย่างไรก็ยังดิ้นรนต่อไปเพื่อหวังเอาชีวิตรอดจากห้วงสาหัส
เทมาริหยุดการก้าวเดินด้วยความเร่งรีบของตัวเองแทบไม่ทันตอนคนที่ออกตัวนำหน้ามาลิ่วชะงักกะทันหันเพราะค้นพบต้นกำเนิดเสียงครางนอนพะงาบพิงโคนลำต้นคล้ายเรี่ยวแรงทั้งหมดถูกเผาผลาญไปจากความทรมานที่เผชิญ เธอไม่เคยเห็นกวางใกล้คลอดมาก่อนและยิ่งมีเลือดมากจนย้อมพื้นที่โดยรอบด้วยสีแดงก่ำขนาดนี้ก็แล้วใหญ่ หากเป็นความจริงว่าเราไม่ควรเข้าไปยุ่งกับมัน สัญชาตญาณของสัตว์ป่าสามารถเอาชีวิตรอดได้ แต่ผู้ร่วมทางกลับถอดเป้สะพายหลังพร้อมหยิบเชือกขึ้นมาอย่างไม่รั้งรอ
“เจอซาคาโงะเข้าให้แล้วไหมล่ะ” นัยน์ตาโศกของกวางตัวนั้นจับจ้องมายังเทมาริขณะเด็กชายพึมพำไม่ได้ศัพท์พร้อมค้นหาสิ่งจำเป็นเร่งด่วนในกระเป๋าเป้ ตอนนั้นมือของเธอก็ลงไปร่วมด้วยก่อนสมองทันสั่งการ “นายจะหาอะไร บอกมา” ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ดีว่าควรทำอะไรในเวลานี้ เขาหยิบกระติกขึ้นมารินน้ำในนั้นจนไหลชุ่มผ้าสีขาว เธอค่อนข้างงุนงงเมื่อมันถูกยื่นมาให้
“เธอปิดตามันไว้และกดไม่ให้มันดิ้น” เป็นคำร้องขอที่เทมาริไม่เคยถูกขอที่ไหนมาก่อนแต่เมื่อชิกามารุเริ่มแก้เชือกก็ผลักดันให้ปฏิบัติตามโดยไม่คิดรีรอ เสียงเสียดสีของใบไม้เริ่มดังขึ้นเนื่องจากสายลมโหมแรงกว่าเคยหากถูกกลบกลืนลงทั้งหมดด้วยความเคลื่อนไหวอันเร่งรัดแข่งกับเวลาของผู้ที่นำตัวเองเข้ามายุ่งกับกลไกธรรมชาติโดยบังเอิญ
.
ความคิดเห็น