ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic TVXQ yaoi) ICE2 ; เพราะเรา..ต่างกัน

    ลำดับตอนที่ #56 : - ICE[2] 48 - คนสองคน

    • อัปเดตล่าสุด 14 ม.ค. 54


     

    ‘ ICE[2] 48 ’

    _______________

     

                กึ๊ก!///

     

                เสียงปิดของฝากระเป๋าเดินทางใบโตดังขึ้น มือขาวลูบกระเป๋าใบโตที่คับแน่นไปด้วยเสื้อผ้าและของใช้ต่างๆ ห้องนอนของเขาที่เคยดูระเกะระกะไปทุกอย่างในตอนนี้มันกลับเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน ดวงตาเล็กกว้างมองไปทั่วห้องที่ตนอาศัยมาร่วมหลายปี

     

                ...ทั้งอาลัยอาวรณ์.. ที่ๆเขาต้องจากมันเต็มไปด้วยความรู้สึก ความทรงจำทั้งดีและร้ายปะปนกันไป

     

                ขาเรียวที่พับค่อยๆยันตัวลุกขึ้นก่อนจะเดินสำรวจไปทั่วห้อง...กวาดสายตาไปทั่วๆทุกมุม...บางมุมที่เขาแทบลืมมันไปแล้วว่าเมื่อกี้เขาชอบเอาของรักมาซ้อนเอาไว้ให้ห่างจากมือพี่ชายที่มักจะชอบเอาของรักของเขาไปดูแล้วก็แกล้ง รอยยิ้มบางผุดขึ้นมือยามนึกถึงต้นไม้ต้นเล็กๆที่เขาเคยวางมันเอาไว้ที่ขอบหน้าต่าง ต้นไม้ที่เขาต้องดูแลมันเป็นอย่างดี ต้นไม้ที่ทำให้คนไม่เคยสนใจอะไรต้องร้องไห้แทบเป็นแทบตายเมื่อตอนมันเหี่ยวตาย

     

                ...เขาก็แค่อยากให้อะไรๆมันคงเดิม โดยเฉพาะความสุขที่เขาอยากให้มันมีคงที่

     

                ขาเรียวค่อยๆก้าวไปเรื่อยๆไปยังห้องต่างๆ กวาดมองของที่มันอาจจะยังหลงเหลือเพื่อที่เขาจะได้เก็บมันเข้ากระเป๋า...ณ.ตอนนี้ปาร์คยูฮวานได้เก็บกระเป๋าเดินทางของตนเองเป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้งๆที่กำหนดเดินทางคืออาทิตย์หน้า เขาไม่ได้รีบอะไรขนาดนั้น ไม่ได้รีบและตื่นเต้นที่จะได้ไป

     

                ...เขาเพียงแค่ต้องการความมั่นใจและต้องการวันตรวจเยอะพอที่จะดูและนึกว่าตัวเองไม่ได้ลืมอะไรทิ้งไว้ที่นี่ เพราะเขาก็คงไม่ได้บินกลับมาเอา ทุกอย่างอะไรที่สำคัญเขาก็จะเอาไปและอะไรที่ไม่สำคัญก็ทิ้งเอาไว้ที่นี่

     

                ปาร์คยูฮวาน เดินออกไปจากห้องโดยที่ไม่ลืมหยิบคีย์การ์ดและเสื้อโค้ทเพราะข้างนอกก็หนาวเอาเรื่องเหมือนกัน แต่เขาเลือกที่จะไม่เอากุญแจรถออกมาด้วยเพราะเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะขับรถตะลอนออกไปแค่อยากเดินออกไปเรื่อยๆในยามบ่ายๆ กว่าเขาจะตื่นและกว่าเขาจะเก็บของที่เหลือมันก็บ่ายเข้าไปแล้ว เขาก็แค่เกิดอารมณ์อยากมารับลมด้านนอกบ้าง

                สองมือเดินเอามือซุกเอาไว้ที่เสื้อโค้ทตัวหลวมของตัวเองที่ใส่ติดมาเพราะอากาศด้านนอกทำเอามือเขาเย็นจนชาไปเสียหมด ริมฝีปากอิ่มแดงขึ้นจนแทบจะกลายเป็นสีชมพูเข้ม ขาเรียวทั้งสองเดินไปตามท้องถนนที่ยังคงดำเนินชีวิตเหมือนๆเดิม

     

                ...สวนสาธารณะ...

     

                ดวงตาเล็กเงยมองป้ายที่ติดเอาไว้ที่รั้วเหล็กก่อนจะเดินเข้าไป ย่ามบ่ายแบบนี้มักจะมีคนมาเดินออกกำลังกายบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนที่เลิกจากโรงเรียนแล้วมานั่งทำการบ้านกับเพื่อนเสียมากกว่า ร่างบางเดินมาหยุดตรงต้นไม้ต้นใหญ่ที่มีม้านั่งเล็กๆอยู่ตรงนั้น ม้านั่งที่แทบจะไม่มีคนเลือกที่จะนั่งเพราะมันทำมาจากไม้และมันก็ดูผุเก่ามากแล้ว

                มือบางขยับออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ทแตะลงเบาๆที่ต้นสนขนาดใหญ่ รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อตนเองตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด

     

                “ ก็การบ้านข้อนี้มันยาก...ฉันไม่ได้ฉลาดเหมือนนายนะ ”

     

                “ อะไรกัน...ง่ายจะตาย ที่มันยากเพราะว่านายไม่ได้ทำความเข้าใจกับมันดีๆตะหากเล่า มานี่เดี๋ยวฉันอธิบายให้ฟัง ”

     

                “ จะว่าไป...เรามานั่งอยู่ที่นี่กันตลอดเลยเนอะ... ”

     

                ร่างบางของยูฮวานทรุดลงนั่งลงที่รากอันใหญ่โตของต้นสนตรงหน้าสองมือขาวค่อยๆขุดดินตรงนั้นช้าๆ

     

                “ ริกกี้...สนใจข้อนี้หน่อยสิ ”

     

                “ มานั่งอยู่ที่นี่แทบจะทุกเย็นเลย... ”

     

                “ จนกลายเป็นที่ของเราไปแล้วมั้ง ”

     

                 “ ฮ่าๆ ใช่เลย มันจะเป็นที่ของเรา ”

     

                “ ใช่ที่ของเราที่จะมีฉันและนายไง ”

     

                น้ำตาหยดแรกค่อยๆกลิ้งออกจากดวงตาตามด้วยหยดต่อๆไปที่ไหลตกลงมาสู้พื้นดินไม่ขาดสาย มือบางที่เปรอะเปื้อนไปด้วยดินค่อยๆเอื้อมไปที่หลังท้ายทอยปลดเอาตะขอสร้อยเส้นเล็กที่ตัวเองใส่มาได้เกือบเดือนออก...

     

                ...สร้อยของคาร์เทียร์

     

                สร้อยแสนสวยที่น่าสงสารค่อยๆถูกหย่อนลงไปยังหลุมที่ตัวเองใช้สองมือนี้ขุดมันจนลึกพอดู หยาดน้ำตาที่หยดลงแล้วหยดลงเล่าราวกับอำลาให้กับสิ่งล้ำค่าที่ครั้งหนึ่งมันเป็นสิ่งที่มีอำนาจต่อเขามาก ซึ่งตอนนี้...เขาไม่รู้

                เขาไม่รู้ว่าต่อไปข้างหน้า..เขาจะได้กลับมาที่นี่อีกไหม? กลับมายังที่ต้นไม้ต้นนี้เพื่อมาขุดมันออกไปอีกไหม? แต่เพราะมันเป็นความทรงจำหนึ่งที่เขาต้องการที่จะทิ้งมันเอาไว้ที่นี่...ตรงนี้

     

                 ...ความสุขที่เขาอยากให้มันคงที่ต่อไปแบบนี้ เขาก็เลยเลือกที่จะทิ้งมันเอาไว้แบบนี้

     

                ไม่มีสิ่งใดๆที่จะแสดงให้เห็นเลยว่าสิ่งๆนี่เขาได้ฝั่งมันเอาไว้ที่ใด ราวกับเขาต้องการที่จะให้มันตกอยู่ในความทรงจำแบบนี้...ตลอดไป

     

    ____________

     

                เสียงคนละแวกนั้นที่กำลังสนุกอยู่กับการเดินเลือกของดังตลอดทางเดิน ผู้คนมากมายที่เดินเข้าร้านนู่นร้านนี้เพื่อเลือกของสำหรับตัวเองอย่างสนุกสนานแถวเพลินอารมณ์เสียด้วย ร่างสูงที่ในมือข้างหนึ่งมีถุงกระดาษที่ใส่เสื้อผ้า ตราแบรนด์ที่สแกนลงกับถุงกระดาษราวกับอวดโชว์รสนิยมของผู้ซื้อ

     

    “ คิดยังไงถึงชวนฉันมาเที่ยวห้างเนี่ย? ” เสียงเบสเอ่ยทักอีกครั้งหลังจากที่ถามไปแล้วเมื่อก่อนมาที่นี่ ซึ่งคำตอบก็ยังคงเป็นคำตอบเดิม “ เข้าใจอารมณ์ของคนที่เคยช็อปมากๆแล้วไม่ได้ช็อปนานๆไหม? ”

     

    ...บ้างทีเขาก็อยากให้คิมแจจุงกลับไปพูดน้อยเหมือนเดิมยังไงอย่างงั้น

                ...เด็กน้อยคนนั้นหายไปไหนแล้วเนี่ย?

               

     

    “ มันน่าแปลกนะ ”

     

    “ มันน่าแปลกตรงไหน ” เถียงกันไปเถียงกันมา สรุปแล้วชองยุนโฮก็ต้องเป็นฝ่ายเงียบเมื่อตนเองรู้ว่าต่อให้ดันทุรังถามต่อยังไงคำตอบก็ยังคงเหมือนกันรึถ้าคิมแจจุงจะเงียบก็เป็นเพราะว่าร่างบางเบื่อที่จะต้องพูดซ้ำคำตอบเดิม แต่ไม่ว่าผลจะออกมากยังไง...ร่างสูงข้างกายก็ต้องเป็นฝ่ายถือของให้ตัวเองอยู่ดีนั้นแหละ

     

    “ มันเลยเวลาข้าวเที่ยงเธอไปเยอะแล้ว...ถ้าฉันพาเธอไปตรวจแล้วหมอฟ้องว่าสุขภาพนายไม่ดีขึ้น ฉันจะลงโทษเธอให้หนักเลย ”

     

    “ แน่สิ...ยังไงหมอก็ต้องฟ้องนายอยู่แล้วก็ดูสภาพฉันตอนนี้สิ อ้วนจะเป็นหมูอยู่แล้ว..ถ้าไม่ลดบ้างสงสัยคงจะเป็นโรคอ้วนแทน ” แล้วร่างบางก็เป็นที่หนึ่งอีกครั้งเรื่องที่หาข้ออ้างได้อย่างรวดเร็ว ศีรษะของยุนโฮส่ายเบาๆอย่างหน่ายใจ           

     

    “ กาแฟแก้วเดียวมันจะพอยาไส้ไหม? ” คำตกลงกันในตอนแรกคือจะแวะดื่มกาแฟแล้วก็ทานพวกขนมเล็กๆน้อยๆเป็นอาหารกลางวันไป แต่ร่างบางข้างเขาก็เอาแต่เดินโอ้เอ้อยู่นั้นห้ามก็ไม่ฟังจนกระทั้งปาไปบ่ายเกือบแก่เข้าไปแล้ว ดื้อจริงๆ...

     

    “ กระเพาะฉันไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้นเสียหน่อย ” เถียงอีกครั้งก่อนจะเดินนำเข้าไปยังร้านคอฟฟี่ช๊อปที่ตัวเองเลือกเอาไว้ ถุงมากมายถูกวางลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่เป็นตัวเกินจำนวนคน ร่างบางหันมองบรรยากาศรอบๆในระหว่างนั่งรอพนังงาน อันที่จริง..เขาแทบไม่ต้องสั่งอะไรเลยนะ..จริงๆ

     

    “ ฉันบอกว่าจะเอาลาเต้.. ”

     

    “ ไม่ครับ..เขาจะเอามิลกี้ช็อกโกแลต ” ถ้าเขามีพลังจิตนะ...แน่นอนได้เลยว่าชองยุนโฮคงต้องไหม้เป็นจุลไปแล้ว ดวงตากลมโตที่จ้องเขม่งมาทางยุนโฮไม่ได้ทำให้เจ้าตัวสนใจหรือนึกกลัวเลย สีหน้าของพนักงานที่เอาแต่ส่งยิ้มแหยะๆมาให้อย่างเลือกไม่ได้

     

    “ กวนประสาทที่สุดเลย ”

     

    “ กินกาแฟมันไม่ดีนะเด็กน้อย ” ว่าไปก่อนจะขยี้ผมนิ่มนั้นแต่มือบางกลับปัดมือหนาออกอย่างไร้เยื่อใย ใบหน้าหวานบูดสนิทก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆเสียงเมจเสจเข้าก็ดังขึ้น

     

    “ เสียง--- ” ยังไม่ทันที่เจ้าคงช่างสังเกตจะเอ่ยทักอะไร เจ้าเสียงเมจเสจที่ว่าก็แสดงตัวตนออกมาโดยคนจากโต๊ะข้างๆ ดวงตากลมโตจ้องอยู่สักพักก่อนจะลุกขึ้น

     

    “ ขอไปเข้าห้องน้ำแปบเดียวนะ ” ไม่รอให้ร่างสูงพูดอะไรร่างบางก็รีบเดินออกไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม ใบหน้าหวานลอบหันมองกลับไปโดยแน่ใจแล้วว่าต้องไม่มีใครตามออกมา

     

    ...เขาไม่ได้ต้องการให้ชองยุนโฮตามออกมาด้วย

     

    มือขาวหยิบโทรศัพท์มือถือที่ไม่ใช่ของตัวเองออกมา ข้อความสั้นๆข้างในที่แน่นอนว่ามันเพิ่งเข้าเมื่อกี้..พอดีกับเสียงเรียกเขาของคนอีกคนที่ได้ช่วยชีวิตเขา  คิมแจจุงยังไม่ถูกอนุญาตให้มีมือถือเพราะเหตุการณ์จากครั้งที่แล้ว

     

    เจอกันที่ห้องน้ำตรงกันข้ามกับร้านคอฟฟี่ที่นายอยู่           

     

    _____________

     

    เสียงรถแล่นเข้ามายังลานจอดรถก่อนจะดับลงไปพร้อมกับเจ้าของรถคันงานที่ค่อยๆเดินลงมาจากรถพร้อมกับในมือที่ถือถุงเต็มสองมือ ขายาวสาวเท้าเข้าไปยังตัวบ้านดวงตาคมสอดมองไปรอบๆบ้านที่ดูเหมือนจะเงียบเหมือนเช่นทุกๆจนกระทั้งหันไปเห็นแม่นมที่กำลังใช้ไม้ขนไก่ปัดฝุ่นตัวรูปปั้นอยู่ ร่างสูงเดินตรงเข้าไปก่อนจะเอ่ยทักอย่างเช่นปกติ

     

    “ อ้าวคุณยูชอน... ”

     

    “ ป้านมฮะ...จุนซูอยู่ข้างบนรึเปล่า? ”

     

    “ ป่าวจ๊ะ...หนูจุนซูกำลังอ่านหนังสืออยู่ที่สนามหญ้าน่ะ ” ยูชอนเผยยิ้มบางๆตอบก่อนจะยื่นถุงที่อยู่ในมือให้แก่หล่อนแล้วละออกมาแล้วเดินตรงไปยังสนามหญ้าที่ว่า ก็คงหนีไม่พ้นชิงช้าที่เป็นมุมๆหนึ่งของสนามหญ้าในบ้านที่ดูจะเงียบสงบที่สุดแล้ว เขาก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น..เพราะตลอดหลายวันที่ผ่านมาคิมจุนซูก็จะใช้เวลาส่วนมากอยู่ที่ตรงนั้นกับหนังสือหนึ่งเล่ม

     

    “ จุนซู...ฉันซื้อขนมมาฝากเยอะแยะเลย ไปทานกันไหม? ” ร่างสูงที่ค่อยๆหย่อนตัวลงนั่งข้างๆร่างเล็กที่กำลังจดจ่ออยู่กับหนังสือตรงหน้าของตัวเอง ใบหน้าเล็กหันมองเขาน้อยๆก่อนจะหันกลับไปสนใจหนังสือตรงหน้าต่อ

     

    “ ขอบคุณนะ ” ยูชอนเผยยิ้มบางๆ เขาไม่ได้เอ่ยอะไรต่อจากนี้เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่อยากที่จะขัดอารมณ์ของคนข้างๆเขาเท่าใดนัก อะไรที่ทำให้ได้ก็อยากที่จะทำให้...ความผิดเขามันช่างผิดมหันต์นัก รู้ว่าทำยังไงเขาก็คงไม่หายจากความรู้สึกผิดไปเลยซักนิดเดียว

     

                ไม่มี..ฮึก ไม่มี..ปาร์คยูชอนตายไปนานแล้ว เขาไม่ได้อยู่กับฉันแล้ว..เขาไม่รักฉันอีกแล้ว ”

     

             .

                .

     

                      “ ช่างฉันเถอะ...ซักวันฉันก็คงเลิกได้ ”

     

             แล้วเขาก็ไม่คิดที่จะพูดอะไรเกี่ยวกับวันนั้นอีกเลย ดำเนินชีวิตราวกับไม่ได้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นมาก่อนทั้งๆที่มันเพิ่งผ่านไปและทั้งๆที่เขาเองก็รู้อยู่แก่ใจ แต่คนที่ขอเขาเอาไว้ก็คือคนๆนี้ คนที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนก็คือคิมจุนซู

     

                ...เขาไม่เข้าใจ...แต่ถ้ามันเป็นความต้องการ เขาก็ไม่คิดจะขัดข้อง

     

                “ สนุกเหรอ? เห็นอ่านมาตั้งนานแล้ว ” ใบหน้าคมชะเง้อมองดูเนื้อหาข้างในซึ่งมันไม่เชิงว่าเป็นนิยายรักหวานๆอะไร แต่เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร มือเล็กเปิดหน้าปกให้ดูพลางยิ้มบางๆ “ เรื่องนี้เหรอ? มันเป็นนิยายทั่วๆไปน่ะแหละ แต่ว่าเป็นชีวิตของคนแต่งน่ะ ตอนแรกเขาน่าอิจฉามากๆเลยแต่สุดท้ายชีวิตเขาน่าสงสารสุดๆไปเลย ”

               

                “ จริงเหรอ? ”

     

                “ อื้อ...จะอ่านต่อไหม? ให้ยืมเวลาเบื่อๆก็หยิบมันขึ้นมาอ่านไง ” ร่างสูงส่ายหน้า เขาเป็นพวกไม่ค่อยชอบอ่าน ถ้ามีคนมาเล่าให้ฟังน่ะโอเคอยู่หรอก คำตอบที่ได้ทำเอาเสียงหัวเราะใสๆของคิมจุนซูดังขึ้น

     

                “ นั้นสิเนอะ...ลืมไปเลยว่านายชอบเล่าให้ฟังมากกว่าอ่าน ”

     

                “ เอาเป็นว่า...ว่างๆฉันจะเล่าให้ฟังแล้วกันนะ ” ยูชอนยิ้มกว้างพร้อมกับพยักหน้ารับ เขาลุกขึ้นยืนโดยไม่ลืมที่จะคว้าข้อมือบางให้ลุกขึ้นมาด้วย คนโดนฉุดลุกขึ้นมาอย่างงงๆแต่ก็ได้รับคำตอบกลับมา

     

                “ ไปกินขนมกันเถอะ...หิวแล้ว ”

     

                “ โอเคๆ ”

     

                ...อย่าหาว่าฉันเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยนะปาร์คยูชอน...

                            ฉันแค่ไม่อยากรู้สึกอึดอัดกับเรื่องที่เกิดขึ้นอีกแล้ว มันทนมานมากนะ กับการที่ต้องแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งๆที่ตัวเองก็รู้อยู่แก่ใจ...รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองไม่เคยเลิกรักนายได้เลย...

     

    ______________

     

             ก๊อกๆ//

               

                “ ใครค่ะ..อ๊ะ ยูมิ แม็กซ์มาหาน่ะ ” เพื่อนสาวรูมเมทที่เมื่อเห็นคนที่เดินมาเคาะประตูเมื่อกี้ก็รู้ทันทีว่ามาหาใคร แน่นอนว่าในจำนวนผู้หญิงผู้ชายหรือจะอะไรก็แล้วแต่ ยูมิ สนิทกับชายคนนี้มาที่สุด..ไม่ได้จะบอกว่าชิมชางมินคนนี้เป็นคนถือตัวอะไร ทุกคนก็สนิทกับเขาดีแต่ดูเหมือนหล่อนจะสนิทมากกว่าคนอื่นนิดหน่อย

     

                “ อ้าว...มาหามีอะไรรึเปล่า? ”

     

                “ ยัยปลาทองเอ๊ย ” ใบหน้าหวานของเธอดูจะตึงไปเล็กน้อยเมื่อเจอกับคำด่าแบบนี้ทั้งๆที่ถามดีๆแท้ๆ ริมฝีปากกระจับเล็กเบ้ปากก่อนจะฟาดใบมือลงหวังจะตีเข้าที่ท่อนแขนแกร่งหากแต่คนตรงหน้ากลับหลบไปได้เสียก่อน

     

                ...อะไรจะเก่งปานนั้น

     

                “ ก็ไหนว่าวันนี้จะให้มาติวให้ไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างก็นัดกันเมื่อวานว่าจะให้ช่วยทำรายงานไง ” คำพูดเตือนสติแลดูทำให้เธอนึกขึ้นได้ เพราะใบหน้ากลมหน่อยๆนั้นระบายยิ้มออกมา “ เออ..ฉันลืมไปเลยอะ ”

     

                “ เคยจำอะไรในชีวิตบ้างได้ไหมเนี่ยห๊ะ? ”

     

                “ จำชื่อตัวเองได้ก็แล้วกัน อ๋อ!..แล้วก็จำได้ด้วยว่ามีเพื่อนกวนประสาทอย่างนายน่ะ ” ว่าตอบกลับไปก่อนจะขอเวลาไปหยิบเสื้อโค้ทพร้อมกับหนังสือแล้วก็โน๊ตบุ๊คใส่กระเป๋าโดยไม่ลืมที่จะบอกรูมเมทของตัวเองด้วยว่าวันนี้ตนนั้นอาจจะกลับเย็น แล้วก็ออกไปพร้อมกับร่างสูงโปร่งข้างกาย โดยจุดมุ่งหมายแรกก็คือร้านคอฟฟี่ช็อปเล็กๆที่อยู่ภายในมหาลัย

     

               
                “ ตื่นเต้นอะ...จะสอบแล้ว ”

     

                “ มันน่าตื่นเต้นตรงไหน ฉันว่ามันออกจะกดดัน...อีกไม่นานก็เลื่อนชั้นแล้วงานก็ต้องเยอะขึ้น ” คนตัวเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะดันสีข้างอีกฝ่ายเชิงหมั่นไส้

     

                “ ใช่สิ! นายมันตายด้านนิ แม็กซ์!!

     

                “ เคยลองรึยังไงถึงได้รู้น่ะ ” คนที่เพิ่งเอ่ยปากด่าไปเมื่อกี้เหวอไปหลายนาทีทีเดียว ดวงตาเล็กๆตามแบบคนญี่ปุ่นตะวัดมองคนที่เพิ่งพูดวาจาแปลกๆออกมา

     

                “ ทะลึ่งวะแม็กซ์!

     

                “ เธอนั้นแหลทะลึ่ง ”

     

                “ เอ๊ะ! ฉันจะทะลึ่งได้ยังไง นายนั้นแหละ!

     

    “ ก็ถ้าเธอไม่ทะลึ่งจะรู้ได้ยังไงว่าฉันคิดอะไรอยู่ ”

     

    “ ชิมชางมิน!!!

     

    ____________

     

    ถุงมากมายถูกวางลงบนพื้นข้างๆเตียงกว้าง ร่างบางที่เดินตามมาทีหนึ่งนั่งลงบนเตียงราวกับคนที่เพลียเหนื่อยมากมายหากแต่ตนเองนั้นกลับไม่ได้ถือถุงพวกนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว คนที่ถือยืนท้าวเอวอยู่หน้าเขาพลางส่งสายตาคาดโทษมาให้

     

    “ ซื้อเยอะขนาดนี้ถ้าไม่ใส่นะ ฉันจะลงโทษ ”

     

    ...ชองยุนโฮบอกว่าจะลงโทษเขาแทบจะทุกๆเรื่องที่เขาทำ เป็นอะไรมากรึเปล่าเนี่ย

     

    “ รู้แล้วล่ะน่า ” คนเราก็แปลก...เหมือนเป็นโรคจิตนิดๆเวลาเดินซื้อของ อะไรที่ว่าสวยก็จับใส่ตะกร้าควักเงินจ่ายไปเสียหมดโดยไม่สนเลยว่าตัวเองนั้นจะใส่เข้าหรือไม่รึจะเป็นสไตล์ที่ตัวเองใส่รึเปล่า รู้แต่ว่าชอบก็ซื้อ สุดท้ายก็ไม่ได้หยิบมาใส่

     

    “ ดีมากเด็กน้อย ” ร่างสูงยิ้มกว้างก่อนจะเดินออกไปจากห้องโดยที่คิมแจจุงเองก็ไม่รู้ว่าไปที่ไหนเหมือนกัน แต่ก็คงไปเตรียมนู่นเตรียมนี่นั้นแหละ.. ดวงตากลมมองประตูที่ปิดสนิทก่อนจะล้วงมือหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลที่ถูกพับเอาไว้เป็นขนาดเล็กพอที่จะสามารถใส่ได้ในกระเป๋าเสื้อโค้ทตัวเอง มือขาวเปิดซองนั้นออกดูก่อนจะหยิบใบสีขาวยาวๆขึ้นมาเปิดอ่าน

     

    “ ขอโทษนะยุนโฮ... ”

     

    .

    .

     

    “ แจจุง...แจจุง! ” เสียงเบสดังขึ้นข้างๆหูเรียกสติของคนที่เอาแต่นั่งเหม่อให้กลับมา ใบหน้าหวานหันมองคนที่เรียกตนเองอย่างตื่นตกใจ ดวงตากลมเบิกกว้างก่อนจะค่อยๆหรี่ลงเมื่อเห็นร่างสูงนั้นหัวเราะเบาๆ

     

    “ เหม่ออะไรน่ะ ฉันเรียกเธอตั้งนาน ” ชองยุนโฮที่เพิ่งเสร็จจากการเข้าครัวเดินมานั่งลงข้างๆร่างบางที่กำลังหนังดูทีวี..ไม่สิ ปล่อยให้ทีวีดูเสียมากกว่าเพราะดูท่าแล้วตัวเองแทบไม่ได้สนใจรายการทีวีตรงหน้าเลย สุดท้ายแล้วชองยุนโฮก็ปิดมันลง

     

    “ ไม่สบายรึเปล่า ” มือหนายกขึ้นอังไปตามโครงหน้าหวาน หากแต่เจ้าของใบหน้านั้นกลับค่อยๆขยับออกเล็กน้อยพร้อมกับส่ายหน้าปฏิเสธ “ เปล่าเสียหน่อย ก็ปกติดีนิ ”

     

    “ งั้นเหรอ? ” ดวงตาคมไล้มองไปอย่างจับผิดหากแต่ใบหน้าหวานของคนที่โดนจับผิดกลับเริ่มบูดนั้นแหละเขาถึงหัวเราะแล้วก็เลิกแกล้งเสียที ผมนิ่มถูกขยี้เบาๆพร้อมกับมือขาวที่ถูกฉุดให้ลุกขึ้นตาม

     

    “ ไปกินข้าวกันเถอะเด็กน้อย... ”

     

    “ อย่ามาว่าฉันเด็กนะ!

     

    “ อ้าวเหรอ? โตจริงๆสิน่า ฮ่าๆ ” เสียงหัวเราะของคนที่จูงมือเขาอยู่นั้นอดไม่ได้ให้ร่างบางใช้แขนอีกข้างที่ว่าทุบอักเข้าที่แผ่นหลังกว้างนั้นไปทีหนึ่งด้วยความหมั่นไส้ แต่ดูท่าว่าเขาจะทำมันเบาไปชองยุนโฮถึงได้หันกลับมาขยี้ผมเขาอีกครั้ง

     

    ...ทุเรศที่สุดเลย!!!

     

    ______________

     

    เสียงน้ำกระทบแผ่นกระเบื้องดังขึ้นระยะหนึ่งก่อนจะหยุดลงซักพักก่อนจะจะตามด้วยเสียงประตูห้องน้ำที่เปิดออกพร้อมกับร่างเล็กที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ปลายผมที่เปียกชื้นจากหยดน้ำนิดๆทำเอาผมที่เคยเป็นทรงกลับลู่ลงเล็กน้อย คนตัวเล็กเดินตรงมายังเตียงก่อนจะมองภาพตรงหน้าอึ่งๆ

     

    “ ยูชอน... ”

     

    “ อ่า..โทษทีที่เข้ามาโดยไม่ได้บอกก่อน เห็นนายเข้าห้องน้ำอยู่น่ะ ” อีกคนที่กำลังนั่งอยู่บนเตียง ร่างสูงสวมแค่เสื้อยืดกับกางเกงผ้าที่มีหูรูดขายาวธรรมดานั้นแหละชุดนอน จุนซูเดินมานั่งลงข้างๆ

     

    “ มีอะไรเหรอ? ”

     

    “ พอดีว่านอนไม่หลับน่ะก็เลยกะจะมาให้นายเล่าเรื่องที่เมื่อบ่ายนายบอกว่าจะเล่าให้ฉันฟังไง..ได้รึเปล่า ” ร่างเล็กดูจะเหวอไปไม่น้อยก็แต่ยอมพยักหน้าตกลง ขาเรียวเดินไปหยิบหนังสือที่วางอยู่บนหน้ากระจกแล้วเดินกลับมานั่งบนเตียงข้างๆร่างสูงที่นั่งอยู่

     

    “ ไม่รู้ว่ามันจะน่าเบื่อสำหรับนายรึเปล่านะ ” เมื่อเล็กค่อยๆเปิดหนังสือออกอ่าน

     

    “ ไม่หรอกน่า...จำไม่ได้รึไง นายออกจะชอบเล่านิทานให้ฉันฟัง ฉันก็ฟังทุกเรื่องเลย ไม่เห็นมีเรื่องไหนที่ฉันบ่นว่าเบื่อเลยเห็นไหม ” เสียงหัวเราะใสๆดังขึ้นเบาๆก่อนจะเริ่มเกริ่นเรื่องให้ร่างสูงฟังซึ่งปาร์คยูชอนเองก็ทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีเช่นกัน

    ทว่าจากที่นั่งฟังกันอยู่ซักพักกลับกลายเป็นจุนซูก็เอาหมอนตั้งขึ้นแล้วเองแผ่นหลังพิงทับอีกที ส่วนร่างสูงก็ค่อยๆเลื้อยมานอนที่ตักของคนตัวเล็กข้างๆแทน แถมเขาทั้งคู่ก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดี ทั้งเป็นผู้ฟังที่ดีพูดเล่าที่ดี แถมยังมีบางครั้งที่เสียงทุ่มนั้นจะเอ่ยวิจารณ์ ไม่ให้มันแลดูน่าเบื่อไปนัก

     

    “ น่าสงสารเนอะ ” เสียงหวานผละออกมาวิจารณ์บ้างเล็กน้อย คนที่นอนอยู่บนตักเงยหน้ามองก่อนจะพยักหน้า “ มาก...ชีวิตอย่างกับในหนังเลย ”

     

    “ หนังส่วนมากก็สร้างมาจากความจริงนั้นแหละ ” คนตัวเล็กเสริม

     

    “ อื้อ..แล้วไงต่อ กำลังสนุกเลย ”

     

    “ เขาก็...ต้องต่อสู้กับปัญหาคนเดียว.. ” คิมจุนซูเอ่ยปากเล่าไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จักเหนื่อยเช่นเดียวกับปาร์คยูชอนที่เงียบหูฟังโดยไม่รู้จักเบื่อ

     

    “ จุนซู... ”

     

    “ หืม? ”

     

    “ ปล่ะ..เปล่าไม่มีอะไรหรอก ” ร่างสูงเผยยิ้มบางๆเชิงให้ร่างเล็กนั้นเล่าต่อ จุนซูก้มมองยูชอนอย่างสงสัยแต่ก็ยอมกลับไปเล่าเช่นเดิม ...อีกแล้ว..ไม่กล้าอีกแล้ว

     

    ...จุนซู..ฉันกำลังจะไปอเมริกา

     

    ______________

     


    เป็นยังไงบ้างค๊ะ~ โอเคขึ้นกว่าเก่าไหม? ตอนแรกไรเตอร์กะให้จุนซูไม่ยอมรับอะไรแล้วก็ทำร้ายตัวเอง -.- แต่คิดว่ามันคงจะโหดร้ายเกินไปก็เลยเอาเป็นแบบนี้ดีกว่าเนอะ แต่ว่า.. อันที่จริงมันก็เจ็บปวดไม่แพ้กันน่ะแหละ = =
          ยังไงก็อย่าลืมติชมกันด้วยนะคะ คอมเม้นเล็กน้อยเป็นกำลังใจให้ไรเตอร์ด้วยนะ >< ขอบคุณกั๊บ~ 
             

               

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×