คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #53 : - ICE[2] 46 - ความต้องการที่ไม่มีใครต้องการ
‘ ICE[2] 46 ’
_______________
แสงแดดอ่อนๆเล็ดลอดผ่านตามซี่เล็กๆของผ้าม่านสีครีมสะอาดตา ทอดยาวจนกระทั้งมาถึงเตียงกว้างที่ตั้งอยู่เกือบกลางห้องราวกับต้องการปลุกให้เจ้าของคนงามนั้นตื่นขึ้นมารับแสงอรุณได้แล้ว แต่ร่างอรชรกลับยังคงนอนหลับอยู่เช่นเดิมมีเพื่อการขยับตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็ที่พอทำให้รู้ว่านางฟ้าองค์นี้พอจะรู้สึกตัวได้ในระดับหนึ่ง
เสียงถาดของที่วางลงบนตู้วางของดังขึ้นแม้ว่าจะเบาเพียงใดแต่ก็สามารถปลุกร่างบอบบางที่นอนหลับใหลอยู่นั้นให้ลืมตาตื่นขึ้นมามองไปยังต้นเสียงที่ว่านั้น คนที่เป็นต้นเหตุเสียงเป็นอันต้องหันกลับมายิ้มให้บางๆ
“ อรุณสวัสดิ์คะคุณแจจุง...ป้าขึ้นมาดูอาการน่ะค่ะ เห็นคุณยุนโฮป้าบอกว่าเมื่อคืนคุณแจจุงมีไข้อ่อนๆเกรงว่าเช้านี้อาจจะสูงขึ้นก็เลยเข้ามาดู ” หญิงในวัยเกือบเรียกว่าชราได้เดินเข้ามาข้างๆพลางใช้มือของหล่อนอังเบาๆไปตามโครงหน้าหวานและลำคอ ที่เธอสามารถทำแบบนี้ได้ เนื่องจากแจจุงเองก็ถูกเธอเลี้ยงดูมาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเธอเองก็ได้รับความเคารพจากร่างบางนี้ไม่ต่างอะไรจากพ่อและแม่แท้ๆของตัวเอง
“ ผม...สบายดีฮะ ” ร่างบางยิ้มบางๆพลางค่อยๆขยับตัวขึ้นลุกนั่งเอาแผ่นหลังพิงกับหัวเตียงพลางมองคนที่น่าจะเรียกแทนได้ว่าเป็นแม่นมยิ้มให้ร่างบาง
“ ดูท่าจะเป็นอย่างนั้นนะคะ...คุณยุนโฮน่ะ นั่งเฝ้าไข้คุณแจจุงเกือบทั้งคืนเลย ป้าจะเฝ้าให้ก็ไม่ยอม เนี่ยก่อนคุณแจจุงจะตื่นซักครึ่งชั่วโมงคุณยุนโฮเพิ่งออกไปทำงานเอง ”
“ .... ” หล่อนยิ้มบางๆก่อนจะวางมือของตนทาบลงกับมือนุ่มของร่างบางที่วางประสานกันอยู่ที่หน้าตักอีกที “ ป้าไม่ได้พูดเพื่อให้คุณยุนโฮดูดีหรอกนะคะ...แต่ที่ป้าพูดน่ะ เพื่อที่จะให้เราเชื่อใจคุณยุนโฮตะหาก ”
“ ผมเปล่าไม่เชื่อจะ-- ”
“ ป้าเลี้ยงคุณแจจุงมาตั้งแต่เกิด ทำไมป้าจะไม่รู้ว่าหนูคิดอะไรอยู่ล่ะลูก ” ประโยคท้ายๆที่หล่อนจงใจใช้สรรพนามเก่าๆที่เธอใช้เรียกร่างบางยามเด็กขึ้นมา ทำเอาร่างบางเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าหวานก้มลงต่ำ
“ ถ้าให้ป้าเดา...คุณยุนโฮก็คงจะรักคุณแจจุงไม่น้อยไปกว่าป้าเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นคุณยุนโฮคุณคงไม่ทำถึงขนาดนี้หรอกคะ ป้าดูออก ” เพราะเธออยู่โลกนี้มานานนัก เจอคนมาก็มากมาย ทำไมเธอถึงจะมองไม่ออก ก็แค่อาจจะเก็บความรู้สึกลึกไปหน่อย แต่ก็คงไม่พ้นสายตาของคนแก่ๆอย่างเธอหรอก “ ถ้าอย่างนั้น...ป้าขอตัวก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวป้าจะมาเรียกนะ ” ร่างของหญิงชราเดินถือถาดของกลับออกไปจากห้องทิ้งให้ร่างบางยังคงนั่งนิ่งอยู่เช่นเดิม
...รักเหรอ?
...ชองยุนโฮรักเขางั้นเหรอ?
...รักในแบบไหน?
______________
“ จุนซูยอมทานไหมครับ? ” ร่างสูงเอ่ยถามขึ้นทันทีที่ร่างของแม่นมจุนซูเดินออกมาพร้อมกับถาดอาหารเช้าที่ดูเหมือนจะหมดไปมากกว่าครึ่งซึ่งนั้นก็ทำให้ร่างสูงดีใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ ทานคะ...แต่ยังไงก็ต้องมีบังคับกันหน่อย คุณหนูทำตัวเหมือนเด็กเล็กๆเลยจริงๆ ” แม่นมเอ่ยยิ้มๆแต่ปาร์คยูชอนก็พอรู้ว่าภายใต้รอยยิ้มนั้นกลับมีความเหนื่อยใจอยู่ไม่น้อย... เขาไม่รู้หรอกว่าแม่นมคนนี้รู้เรื่องระหว่างเขากับจุนซูมากน้อยแค่ไหน แต่ถ้ารู้ทั้งหมดก็คงไม่มีใครให้อภัยเขาเป็นแน่ ขนาดเมื่อเช้านี้ เขาทำข้าวต้มขึ้นมาให้ร่างเล็กยังไม่คิดที่จะกินเลยแม้แต่คำเดียว..อย่าว่าแต่กินเลย มองหน้าเขาซักนิดยังไม่มองเลยด้วยซ้ำ...ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
“ คุณยูชอนจะรับอาหารเช้าไหมคะ? ”
“ ไม่ครับ...ขอบคุณ ” ร่างสูงยิ้มตอบกลับพร้อมกับหลบทางให้แม่นมของจุนซูเดินนำถาดอาหารเช้าไปเก็บยังห้องครัวที่อยู่ชั้นล่าง ส่วนเขาเองกลับยื่นมือไปเปิดประตูไม้ของห้องร่างเล็กที่อาจจะกำลังนอนพักอยู่ข้างใน...แล้วก็เป็นตามนั้น ร่างสูงมองผ่านช่องประตูที่ตนเองจงใจเปิดแง้มเอาไว้น้อยๆเพื่อแอบมองเจ้าของที่อยู่ด้านในซึ่งกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงกว้าง เมื่อเห็นดังนั้นยูชอนก็เลยเลิกที่จะปิดประตูลงแล้วเดินออกไปทิ้งให้คนที่หลับนั้นลืมตาขึ้นมา
...ปาร์คยูชอนไม่รู้อะไร
ร่างเล็กที่แสรงทำเป็นหลับเมื่อกี้หลับลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพลางมองแผ่นกระจกเงาบานใหญ่ตรงหน้าที่สะท้อนภาพโชว์เป็นภาพของประตูห้อง...ใช่เมื่อกี้นี้เขารู้ว่ายูชอนเปิดประตูเข้ามาถึงได้แกล้งหลับไป น่าเสียดายที่ร่างสูงไม่รู้...
...เขาไม่ต้องการจะได้ยินคำขอโทษหรือคำพูดใดๆทั้งสิ้น...แค่ตอนนี้ก็ยังดี
“ ฉันเหนื่อยมากมาพอแล้ว...ยูชอน ”
หัวใจฉันมันทั้งเหนื่อยทั้งบอบช้ำจนไม่รู้ว่ามันยังสามารถทำหน้าที่ของมันได้อยู่รึป่าว...น่าแปลกเสียจริงๆที่คนเรามีส่วนประกอบที่สำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกลไกใดๆ ไม่ว่าสับซ้อนแค่นั้นก็ตาม...แต่ที่จริงแล้ว สิ่งเดี๋ยวที่สำคัญที่สุดและสิ่งเดียวที่สามารถตัดชนวนทั้งหมดได้มีเพียงทีเดียว...กล้ามเนื้อเล็กๆที่เต้นตุบๆอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย...แต่สำหรับเขา
...มันเต้นแผ่วเบาเหลือเกิน
.
.
“ เหรอครับ... ” ปาร์คยูฮวานที่เพิ่งวางสายจากพี่ชายตนเองไปได้ไม่นานสายต่อไปกลับเป็นรุ่นพี่ที่ยังคงติดต่อกันอยู่แม้ว่าตนเองนี้เขาอาจจะไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนนั้นแล้วก็ตาม
[“ ใช่...แล้วเราล่ะเป็นยังไงบ้าง สบายใจขึ้นแล้วใช่ไหม? ”]
“ ฮะ...ดีขึ้นกว่าเก่าเยอะเลย พี่ฮิโระล่ะ? ” ร่างบางเดินมานั่งลงบนโซฟาสีสะอาดตาพร้อมกับสนทนากับปลายสายที่โทรมาจากอีกประเทศหนึ่ง นั้นคือญี่ปุ่นที่ไม่ได้ห่างจากเกาหลีมากเท่าใดนัก “ ดีแล้วล่ะฮะ... ”
[“ ยังไงก็ดีใจด้วยนะ ที่สอบเข้าได้น่ะ ”]
“ ขอบคุณครับ ” ยูฮวานยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะสนทนาต่อไปเรื่อยๆอย่างคนที่ไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน เนื่องจากรุ่นพี่เองก็ใกล้จะจบมหาลัยแล้วก็เลยต้องอ่านหนังสือเยอะ ส่วนเขานั้นก็ต้องเตรียมตัวเพื่อย้ายตัวเองไปอยู่ที่นู่นเหมือนกัน
ฟังไม่ผิดหรอก...ปาร์คยูฮวานต้องย้ายไปอยู่ที่อเมริกาอย่างถาวร เพราะเขาเองก็ไม่ค่อยอยากจะกลับมาเท่าไหร่ ก็คงต้องรอให้พี่ชายของเขาไปเยี่ยมเขาที่นู่นเอง สาเหตุหลักคือ..เขาอยากปรับตัวกับอะไรใหม่ๆด้วย อันที่จริงแล้วเขาควรจะต้องอยู่ปีสองแล้วด้วยซ้ำ เพียงแต่เขาล่าช้าไปหนึ่งปีเพื่อเรียนปรับพื้นฐานภาษาและพื้นฐานสำหรับคณะของเขาต้องการใช้ที่นู่นแม้ว่าเขาจะมีพื้นอยู่บ้างเล็กน้อย แต่เขาก็ต้องเรียนรู้อะไรใหม่ๆอีกเยอะ
“ ครับ..สวัสดีฮะ ” หลังจากที่คุยกันเกือบสองชั่วโมงได้เขาก็ต้องวางสายไปเนื่องจากฝ่ายนั้นต้องกลับไปอ่านหนังสือต่อ ส่วนเขานั้นก็เดินถือมือถือของตนเองไปชาร์ตที่โต๊ะทำงานก่อนจะเดินมาเก็บของใช้ของตัวเองไปคร่าวๆ ส่วนของอะไรที่คิดว่าไม่น่าจะเอาไปแล้วไม่คิดจะใช้อีก เขาก็จะเอาไปบริจาค
ร่างบางนั่งลงกับพื้นพร้อมกับรื้อของจากกล่องออกมาไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือของอะไรก็แล้วแต่ทั้งสิ่งที่ตัวเองซื้อมาหรือไม่ก็ได้มาจากเพื่อนเนื่องในโอกาสพิเศษ มือขาวหยิบจับนั้นไปเรื่อยๆแยกสิ่งที่ใช้กับไม่ใช้เอาไว้เป็นกองๆ บางชิ้นร่างบางก็หยิบมันขึ้นมามองมันเพลินๆพร้อมกับมโนภาพเก่าๆที่ทำให้ใบหน้าเรียบเฉยนั้นยิ้มออกมาไม่น้อย ค้นไปค้นมามือเจ้ากรรมก็ได้ไปหยิบเอาสิ่งๆหนึ่งเข้า...สิ่งที่ตนเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่ายังเก็บเอาไว้
...กล่องสร้อย
เขายอมรับว่าเมื่อก่อนนั้นตนเองชอบที่จะใส่เครื่องประดับ โดยเฉพาะพวกแหวนหรือว่าสร้อยที่ตัวเองดูท่าจะติดเป็นพิเศษ บ้าเสียจนมีคนยอมซื้อสร้อยของคาร์เทียร์ให้ มันเป็นสิ่งที่เขาเคยชอบมันเอามากๆ ชอบเสียจนไม่ยอมให้ใครแตะเลยแม้แต่น้อย แต่ไม่น่าเชื่อว่าของแพงแบบนี้มันจะกลับกลายมาอยู่ใต้กล่องลังเก่าๆขนาดนี้
...ชิมชางมิน
ราวกับอยู่กันคนละโลก...ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายยังมีลมหายใจอยู่ไหม หรือว่าเป็นยังไงบ้าง ไม่มีใครรู้เรื่องราวใดๆของอีกฝ่ายเลย ซึ่งแน่นอน...เขาไม่คิดที่จะค้นหาด้วยซ้ำไป
ปาร์คยูฮวานในตอนนี้...ไม่ใช่ปาร์คยูฮวานในเมื่อก่อนจะไม่มีกันอีกต่อไปแล้ว...
_______________
“ ถือว่าโชคดีนะเนี่ยที่เจ้าตัวเล็กไม่แพ้ง่ายๆน่ะ ” เสียงหวานของควอนโบอาดังขึ้นพร้อมกับรับอาหารเข้าปาก ส่วนร่างสูงที่คาดว่าอิ่มแล้วก็คนกาแฟในแก้วของตัวเองไปพลางฟังร่างบางตรงหน้าพูดเสียงแจ๋วๆไปพลาง “ แล้วดิ้นบ่อยไหม? ”
“ บ่อยมากๆเลย เตะเจ็บอีกตะหากนะ...ชอบขัดจังหวะตอนฉันกำลังดูซีรีย์มากๆเลยแหละ ยองเอเนี่ย ” ร่างบางพูดพลางก้มลงมองมือบางที่วางทาบอยู่ที่ท้องนูนของตน ร่างสูงมือตามพร้อมกับส่งยิ้มให้บางๆเช่นกัน
“ ยองเอ...ทักทายคุณลุงหน่อยสิลูก ”
“ อะไรกัน...ลุงเลยเหรอ? แก่ไปรึป่าว ผมไม่ได้แก่ขนาดนั้นนะ ” นานๆเธอจะได้เห็นคนช่างเก๊กอย่างชองยุนโฮจะหลุดกะเขาบ้างเลยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ร่างบางคว้ามือหนามาวางทาบที่ท้องนูนของตนเอง ซึ่งไม่นานนักยุนโฮก็สัมผัสได้ถึงแรงกระตุกน้อยๆ
“ อ่า...จริงด้วย ดิ้นใหญ่เลย ”
“ ใช่ไหมล่ะ...เก่งจริงนะพ่อคุณ ” ร่างสูงมองดูร่างบางที่ดูเหมือนจะสนทนากับเจ้าตัวเล็กผ่านทางความคิด ก่อนจะเขาจะบอกให้ร่างบางทานอาหารตรงหน้าให้หมดพร้อมกับสั่งนู่นสั่งนี้มาให้ร่างบางกินเพิ่มอีก
“ แล้วนี่ว่างมากนักหรือยังไง งานที่บริษัทเคลียร์หมดแล้วเหรอ? ” ร่างสูงส่ายหน้าน้อยๆ
“ เคลียร์ยังไงก็ไม่หมดหรอก... ” ร่างสูงหยิบปากกาขึ้นมาเซ็นลงไปในใบเสร็จก่อนจะยื่นกลับไปให้พนักงาน “ แล้ว..ตอนนี้คุณแจจุงเป็นยังไงบ้าง? ”
“ เขา..ก็สบายดี ”
“ อื้ม..ก็ดีแล้ว ” โบอายิ้มหวานก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นยืนโดยมีร่างสูงช่วยอีกแรง ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินไปยังตัวห้างเพื่อที่จะซื้อของเข้าคอนโดของร่างบาง
“ ยุนโฮ... ”
“ ครับ? ”
“ มันจะ..เป็นไปได้ไหมถ้าฉันอยากจะ...ไปหาแจจุงน่ะ ”
“ อ๋อ...ได้สิครับ ”
_______________
เสียงประตูที่เปิดออกพร้อมกับเสียงหยดน้ำที่ล่วงหล่นกระทบกับพื้นหินอ่อน ไอน้ำที่เกาะพราวตามตัวและตามเส้นผมนิ่ม ร่างเล็กค่อยๆเดินก้าวออกมาจากห้องน้ำก่อนจะเดินมานั่งยังโต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก มือบางค่อยๆยกขึ้นจับผ้าขนหนูเช็ดไปตามไรผม
ดวงตาหวานกลมเล็กหากแต่กลับดูหมองคล้ำและบวมช้ำไปถนัดตา...ไม่ต้องบอกก็น่าจะดูรู้ว่าร่างเล็กนั้นเป็นยังไงถึงได้หน้าซีดหมองถึงเพียงนี้ นัยน์ตากลมมองตนเองในกระจกเงาตรงหน้าพร้อมทั้งริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันแน่น
...ทำไมเห็นตัวเองแล้วถึงได้รู้สึกสมเพชถึงขนาดนี้นะ
ผ้าขนหนูสีขาวสะอาดถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะโดยไม่คิดที่จะกลับไปเหลียวมองซักนิด คิมจุนซูย้ายตัวเองไปนั่งลงบนเตียงพร้อมกับหยิบเจ้าสิ่งที่สายตาเจ้ากรรมดันหันไปมองเห็นถึงแม้ว่าเป็นคนที่เก็บเอาไว้ก็จริงแต่คงไม่ได้แปลว่าจะจำได้เหมือนกันว่าเจ้าเล่มนี้คืออะไร จนกระทั้งเขาหยิบมันขึ้นมาเปิดดู
รอยยิ้มกว้างที่ดูยังไงก็เป็นเอกลัษณ์แถมยังดูเหมือนเป็นการถ่ายแบบที่คนโดนถ่ายก็ไม่ได้ตั้งตัว แต่เพราะองค์ประกอบโดยรวมมันดูสวยดีก็เลยไม่คิดที่จะลบอีกอย่าง หลายๆคนก็หาว่ามันสวยดีเขาก็เลยเลือกที่จะเก็บเอาไว้ ซึ่งหลายๆรูปก็มักจะเป็นแบบนั้น แต่ก็มีบางส่วนที่เขายอมให้ถ่ายดีๆ ถ่ายพร้อมกับ...คนคนนั้น คนที่เขาไม่ต้องการที่จะพูดถึงในเวลานี้
ก๊อกๆ//
“ นมเองนะคะคุณหนู ” ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยถาม คนที่เคาะก็เผยตัวเองทำให้ตนเองนั้นไม่ได้คิดที่จะใส่ใจ ใบหน้าหวานก็ยังคงจรดจ้องอยู่กับอัลบัมรูปตรงหน้าโดยไม่ได้สนใจคนที่เดินเข้ามาเลยแม้แต่น้อย
“ นมฮะ...เดี๋ยวผมลงไปทานเองก็ได้ อีกอย่างผมยังไม่หิวด้วยเพิ่งกินข้าวเช้าปะ... ” ร่างบางหันกลับมามองเมื่อเห็นว่าดูเหมือนมันจะมีอะไรแปลกๆไปแล้วมันก็เป็นจริงอย่างที่สัญชาตญาณบอก ...ไม่ใช่...
“ ยูชอน... ”
“ ขอโทษทีนะที่ต้องใช้ป้านมมาอ้างน่ะ ” ร่างสูงยิ้มแหยะๆให้พร้อมกับวางถาดอาหารกลางวันลงบนโต๊ะที่ตั้งอยู่ข้างๆเตียง ขายาวค่อยๆก้าวมาหาร่างเล็กที่นั่งอยู่อีกฝั่งของเตียงที่ดูเหมือนว่ากำลังจะตกอยู่ในภวังค์ แน่นอน...ว่ามันทำให้เขารู้สึกผิดไม่ได้ แต่จะให้ทำยังไงได้ ก็ในเมื่อเขายังไม่ได้เจอกับจุนซูตอนที่เจ้าตัวตื่นอยู่นิน่า
...อยากขอโทษทั้งที่รู้ว่าสายเกินไป ความคิดที่ชาตินี้ทั้งชาติเขาคงไม่ได้รับการอภัย เขาเข้าใจดี สมควรแล้ว
“ เข้ามาทำไม...ใครให้นายเข้ามา ” เสียงหวานเอ่ยอย่างตัดพ้อ ดวงตากลมนั้นแทบจะไม่ได้มองเขาด้วยซ้ำไป ขายาวที่กำลังจะก้าวมาถึงตัวเป็นอันต้องหยุดชะงัก...เจอแบบนี้ไปก็หน้าเสียเหมือนกัน
“ ขอโทษที...แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ฉันก็ไม่ได้เจอหน้านายเสียทีน่ะสิจุนซู ”
“ นายจะมาเจอฉันเพื่ออะไร...จะมาโกหกอะไรอีกหรือยังไง? ” คำพูดที่แสนแทงใจทำเอาร่างสูงของปาร์คยูชอนนั้นชาไปไม่น้อยเลย ไม่สิ..มันชาไปเลยมากกว่า
“ แต่ฉัน..แค่อยากจะคุยอยากจะเจอหน้านาย อยาก--- ”
“ เหรอ...แต่ฉันไม่ได้อยากได้ยินคำพูดโกหกของนายอีกแล้ว แค่นี้ฉันยังเจ็บไม่พออีกเหรอ? ” ยูชอนสัมผัสได้ถึงความรู้สึกตัดพ้อที่ส่งมาทางดวงตากลมเล็กยามที่ตะวัดมองเขา ความรู้สึกดีๆระหว่างเรา เขาคงทำลายมันไปหมดแล้ว
“ ฉันขอโทษ...ฉันเสียใจ จุนซูฉัน--- ”
“ พอได้แล้ว!! ผมไม่ได้อยากฟัง ” มือบางทั้งสองข้างยกขึ้นปิดหูของตัวเองพร้อมทั้งสมุดอัลบัมที่ล่วงตกลงมา ดวงตาเล็กหลับลงปี๋อีกทั้งกิริยาที่ทำเหมือนไม่ต้องการจะฟังอะไรอีก แต่เขาเชื่อ..เชื่อว่าร่างเล็กตรงหน้าของเขาได้ยินทุกๆคำพูด
“ จุนซู...นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน แต่ที่ฉันทำไปเพราะอยากให้มีความสุข ฉันไม่เคยคิดเลยว่าสักวันมันตั้งเป็นแบบนี้ ฉันแค่อยาก...ให้นายมีความสุข ”
“ ฉันเป็นเพื่อนนายเหรอ? ” ดวงตาแดงก่ำตะวัดมองร่างสูงก่อนจะเดินเข้าไปหาพร้อมกับกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายโดยไร้การต่อต้านใดๆทั้งสิ้น “ เมื่อกี้นายบอกว่าฉันเป็นเพื่อนนายใช่ไหม ”
...เสียงของเขา...สั่นเกินไปแล้ว น้ำตา...กลั้นเอาไว้ไม่ไว้อีกต่อไป
“ เพื่อนกัน...เขาทำกันแบบนี้เหรอ? นายทำร้ายความรู้สึกของฉันทำไม ฮึก..นายทำได้ยังไง ทั้งๆที่รู้ทั้งรู้ว่าฉันรักนายมากขนาดนี้ ฮืออ...คนใจร้าย ” มือบางระดมทุบเข้าที่แผ่นอกโดยไม่สนเลยว่าคนที่ได้รับมันจะเจ็บแค่ไหน แต่ถึงอย่างนั้นยูชอนกลับปล่อยให้ร่างเล็กนี้ทำลายร่างกายเขาให้พอ หรือต่อให้เดินไปหยิบมีดมาแทงเขา..เขาจะไม่โกรธเลยซักนิดเดียว
“ ขอโทษ...จุนซู ฉันขอโทษ ” เสียงพร่ำบอกขอโทษแล้วของโทษเล่าที่ในตอนนี้น่าจะใช้ประโยชน์ไม่ได้จริงๆเพราะร่างเล็กนี้ได้ปิดหูปิดตาไปเรียบร้อยแล้วเขาพูดอะไรไปคงไปเปลี่ยนความคิดด้านลบที่มีต่อเราสองคนไม่ได้อีก มือหนาค่อยๆยกขึ้นหวังจะโอบกอดร่างเล็กที่ระดมทำร้ายร่างกายของเขาแต่มันกลับลดระดับลงกลับมาอยู่ที่ข้างลำตัวเหมือนเดิม ดวงตาคมที่ปิดลงราวกับไม่ต้องการที่จะเห็นภาพเพื่อนรักของเขาเจ็บปวด...เจ็บปวดด้วยฝีมือของเขาล้วนๆ
....เพื่อนงั้นเหรอ? คำว่าเพื่อนหรือมิตรภาพที่มีในตอนนี้มันกลับถูกเขาทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี จนตอนนี้...เขายังไม่รู้เลยว่าถ้าต้องตกอยู่ในฐานะคนรู้จัก คิมจุนซูอยากที่จะเป็นมันหรือเปล่า บางที...จุนซูอาจจะไม่ต้องการให้เขามาให้เห็นหน้าไป...ตลอดกาล
“ ใจร้ายที่สุด...ฉันเกลียดนายปาร์คยูชอน..ฉันเกลียดนาย! ”
...เกลียดมันทั้งๆที่รักสุดหัวใจนั้นแหละ
_______________
แก้วชาถูกยกขึ้นจิบชาช้าๆก่อนจะวางลงที่เดิม ดวงตากลมโตมองร่างบางของหญิงสาวตรงหน้าที่ยังคงยิ้มให้ตนเองไม่หยุดตั้งแต่ที่เจอกันจนกระทั้งตอนนี้ บางทีก็อดนึกไม่ได้ว่ามีอะไรทำให้อารมณ์ดีนักหนาก็ไม่รู้
“ แล้ว..กำหนดคลอดเมื่อไหร่เหรอครับ ” สุดท้ายร่างบางก็ต้องหาเรื่องคุย...ถูกจ้องนานๆแบบนี้ก็รู้สึกแปลกๆไม่น้อย โบอาทำท่านึกอยู่เพียงครู่ก่อนจะบอกกำหนดคลอดของเจ้าตัวเล็กในท้องนี้ไป
“ อีก..สี่เดือนเองจ่ะ...ไวเนอะ เนี่ยยองเอต้องขอบคุณคุณแจจุงนะที่คิดชื่อให้เราน่ะ ตัวเล็กของแม่ ” ร่างบางยกยิ้มบางๆไปให้แค่คำพูดที่ไม่รู้ว่าจะพูดว่ายังไงดี แจจุงมองมือบางของหญิงสาวที่มักจะวางอยู่บนหน้าท้องนูนนั้นเสมอๆ อาจจะเพราะว่าเขาไม่เคยท้อง..แน่นอนว่เขาท้องไม่ได้ เลยไม่รู้ว่าทำไมต้องทำแบบนี้ ในหัวมีแต่คำสงสัยแต่คำตอบที่ได้ก็คงเป็นเพราะว่าคนแม่เป็นแม่ต้องการสื่ออะไรบางอย่างถึงกันและกัน
“ เนี่ยคนเป็นแม่ตื่นเต้นจะตายอยู่แล้ว...คุณแจจุงคะ ”
“ ครับ..? ”
“ ขอมือหน่อยสิคะ ” ใบหน้าหวานเอียงน้อยๆเหมือนยามทุกครั้งที่ตนเองเกิดความสงสัยแต่ก็ยอมยื่นมือขาวๆของตนเองออกไปมือที่ขาวไม่แพ้กันแม้จะออกเป็นสีน้ำผึ้งหน่อยๆเอื้อมมาจับมือบางแล้วนำไปทาบที่ท้องนูนของตนเองเสียดื้อๆ
“ ยองเอนี่คุณแจจุงนะลูกรัก ” แม้จะงงๆในตอนแรกแถมจะชักมือออกด้วยซ้ำไป แต่เพราะสัมผัสอันแปลกใหม่นั้นทำให้ตนเองลองที่จะทาบมือต่อ...เด็กตัวเล็กๆนี่กำลังดิ้น
ควอนโบอาแอบช้อนตามองคนตรงหน้าเป็นระยะๆทั้งรอยยิ้ม แม้ว่าตอนแรกเขาจะต้องจับมือขาวนี้ไปตามจุดต่างๆของท้องตนเองแต่ไปๆมาๆมือบางนี้กลับคลำหาลูกตัวน้อยของเธอเองเสียอย่างนั้น...แต่เป็นแบบนั้นก็ดีแล้ว เธอชอบ
...ชอบที่จะเห็นรอยยิ้มสวยๆแบบนี้
รอยยิ้มบางๆที่เผยออกมาอีกเช่นกันหากแต่ในอีกมุมๆหนึ่งที่อยู่ในที่ๆสามารถมองเห็นคนสองคนนี้สนทนากัน แม้จะไม่ชัดแต่ก็พอที่จะรู้ว่าคุยกันเรื่องอะไร...นานเท่าไหร่ที่ควอนโบอานั่งคุยกับคิมแจจุงอยู่ตรงนั้นมันก็นานเท่านั้นที่ชองยุนโฮยืนมองอยู่ตรงนี้
“ คุณยุนโฮ...ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรอยู่ตรงนี้คะเนี่ย? ” เสียงของป้าแม่บ้านดังขึ้นจากข้างหลังทำให้ร่างสูงต้องหันกลับไปมอง
“ อ๋อ...เปล่าครับผม แล้วถาดน้ำนี้จะยกไปให้สองคนนั้นรึเปล่าครับ? ” หล่อนมองร่างสูงของชายหนุ่มตรงหน้าสลับกับคุณหนูของบ้านที่กำลังคุยอยู่กับแขก “ ค่ะ...ป้าเห็นคุณแจจุงจิบชานานแล้วแล้วก็คุณผู้หญิงคนนั้นด้วย ก็เลยกะว่าจะเอาน้ำผลไม้มาให้น่ะคะ ”
“ ถ้าอย่างนั้น..เดี๋ยวผมยกไปให้ก็ได้ครับ ” มือหนายื่นออกเพื่อที่จะรับถาดน้ำที่ว่ามาถือเอาไว้เองซึ่งหล่อนก็ยอมให้มันไปตกอยู่ที่ร่างสูงแทน
“ ขอบคุณคะคุณยุนโฮ ถ้าอย่างนั้นป้าไม่รบกวนแล้วดีกว่า...ป้าไปดูแม่บ้านทำกับข้าวก่อนนะคะ อ๋อ! ยังไงก็ชวนคุณผู้หญิงคนนั้นทานข้าวเย็นด้วยเลยนะคะ ” ยุนโฮยิ้มกว้างแทนคำตอบแทนก่อนจะเดินยกถาดน้ำออกไปยังสวนที่ตนเองยืนจ้องอยู่นาน ส่วนคนที่บอกว่าจะเดินไปทำงานกลับยืนมองอยู่ที่เดิมเสียอย่างนั้น
“ โถ่...คุณยุนโฮนี่ล่ะนะ ”
.
.
“ ยังไงก็ขอบคุณนะ...มื้อเย็นวันนี้อร่อยมากเลย ขอบคุณนะคะ ” หญิงสาวหันมาโค้งให้คุณป้าที่ยืนส่งยิ้มกว้างให้เธอก่อนจะที่จะหันกลับไปมองร่างบางที่ยืนอยู่ไม่ห่างไกลเท่าใดนัก
“ ขอบคุณนะคะ คุณแจจุง ” คนที่โดนโค้งให้เป็นอันต้องรีบโค้งกลับ...เพราะอย่างน้อยๆผู้หญิงตรงหน้าเขาก็ห่างจากเข้าตั้ง7ปี จะมาให้ทำแบบนี้มันก็ยังไงๆอยู่ แจจุงยืนมองร่างบางของโบอาที่เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับจับมือของตนขึ้นมากุมหลวมๆ
“ วันนี้พี่รบกวนคุณมามาก..ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะจ๊ะถ้าพี่รบกวนเรามากเกินไป ”
“ เออ...ไม่เป็นไรครับ ” รอยยิ้มจางๆของเธอระบายออกก่อนจะหันหลังกลับเตรียมตัวจะเดินไปยังรถที่มีสารถีเป็นยุนโฮแต่ยังไม่ทันที่เธอนั้นจะได้เธอพ้นประตูบ้านดีก็ต้องถูกเรียกเอาไว้เสียก่อน...ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ก็คนที่เธอเพิ่งกล่าวลาไปเมื่อกี้นั้นเอง
...คำฉุดรั้งที่ทำให้หญิงสาวนั้นต้องยิ้มกว้าง
“ ยังไงถ้าว่างๆ...ก็มาหาได้อีกนะครับ พี่โบอา ”
_______________
“ ออกไป!! ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย...ยูชอน ฮืออ..ออกไป ”
...เขากำลังเป็นบ้า
“ พี่ฮะ! ” เสียงใสแจ๋วของคนเป็นน้องดังขึ้นข้างๆหูเรียกสติเขาให้กลับมาอีกครั้ง ครึ่งชั่วโมงแล้วที่เขาออกจากบ้านหลังนั้นตามคำไล่ของเจ้าของบ้านแล้วขับรถมาที่คอนโดของตัวเองอย่างไร้ซึ่งสติ
...ไม่ขับรถแหกโค้งตายก็ดีขนาดไหนแล้ว
...ให้หัวมีแต่คำพูด มีแต่ภาพของคิมจุนซูที่เจ็บปวดเต็มไปหมด
“ เอาหล่ะ..ผมพอจะเดาเรื่องออกอยู่ว่าปาร์คยูชอนเป็นอะไร ” สองมือบางยกขึ้นห้ามสิ่งที่พี่ชายของตนเองกำลังจะพูดออกมาและแน่นอนว่าอารมณ์ที่ไร้ความมั่นคงของพี่ชายสุดรักของตนเองตรงหน้านี่คงไม่ได้อยู่ให้เกณฑ์ที่จะเล่าเรื่องนี้เสียเท่าไหร่ด้วย
...ก็ไม่รู้ว่าปาร์คยูฮวานจะสงสารหรือสมน้ำหน้าดีเสียด้วยเหมือนกัน
“ พี่มันแย่ ” บทจบของหนังฟอร์มยักษ์นี้จบตัวอย่างไม่สวยงามเลย...ไม่พลิกล็อคจากที่ผู้กำกับหนังคนเก่งคิดเอาไว้เยอะหรืออีกนัยน์คือ...ไม่ใช่อย่างที่คิดเลยแม้แต่น้อย
“ เราไม่รู้สึกที่มันจะเกิดขึ้นต่อไปหรอก แต่ถึงพี่รู้ผมก็เชื่อ...ว่าในตอนนั้นพี่ต้องการที่จะให้พี่จุนซูมีความสุข ” บ่ากว้างที่ใครๆบอกว่ามันสวยนั้นกลับห่อลงอย่างเห็นได้ชัด มือบางของคนเป็นน้องแตะลงเบาๆพร้อมกับเขย่ามันเชิงให้มีสติอยู่กับปัจจุบัน
“ พี่คง...ไม่มีหน้าไปหาจุนซูอีกแล้วหล่ะริกกี้ ”
“ ไม่หรอก...บางทีอาจจะแค่ตอนนี้ ลองให้พี่เขาใจเย็นกว่านี้แล้วเราค่อยคิดหาอะไรทำให้พี่จุนซูหายงอนก็ได้ ผมก็จะช่วยด้วยอีกแรงดีไหม ” ร่างสูงหันมองน้องชายสายเลือดเดียวกันพร้อมทั้งรอยยิ้ม มือหนายกขึ้นขยี้ผมของคนช่างคิดเบาๆ
“ แต่ว่า..ต้นเดือนหน้าเราก็ต้องไปแล้วไม่ใช่เหรอ ”
“ เราก็โทรหากันก็ได้นิฮะ รายงานว่าพี่จุนซูเป็นยังไงแล้วเดี๋ยวผมก็จะบอกว่าควรจะทำยังไงไง...ไม่เห็นยากเลย ”
“ ยากสิ...เพราะพี่จะไปกับเราด้วยตะหากล่ะ ”
“ พี่...ว่ายังไงนะ ”
______________
ภาพคนสองคนที่กำลังสนทนากันอยู่ในห้องนั่งเล่นอีกห้องของบ้านซึ่งทำด้วยกระจกที่สามารถมองออกได้ข้างนอกได้ทั้งสามด้านโดยมีข้างนอกเป็นสวนเล็กๆและเป็นสระน้ำขนาดกลางของบ้าน ร่างบางนั่งมองทีวีที่เปิดดังพอให้คนสองคนที่อยู่ในห้องได้ยินเท่านั้นและก็ไม่ดังมากเกินที่จะไปรบกวนคนทั้งคู่เสียจนคุยกันไม่รู้เรื่อง
“ ฉัน...เหมือนกันเด็กคนนั้นมากเลยเหรอ ” นึกไปนึกมา...ตัวเขาเองก็เริ่มอยากรู้บ้างกับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต อย่างน้อยๆก็จะได้เข้าใจถูกแล้วก็ทำตัวถูกด้วย
“ จะว่าเหมือน มันก็เหมือนอยู่นะ ” ใบหน้าคมที่ฉุดคิดไปชั่วระยะนึงก็จะเอ่ยตอบ แจจุงพยักหน้ารับ โดยไม่ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าตนนั้นเหมือนกันเด็กคนนั้นเสียจนทำให้คนๆหนึ่งต้องทักผิดกันตั้งแต่แรกเจอเลยรึยังไง
“ แต่มันก็ไม่ได้เหมือนอะไรขนาดนั้นหรอก ” ร่างสูงหัวเราะ
“ มันก็มีจุดแตกต่างน่ะ แต่แค่ภาพโดยรวมเท่านั้นที่เหมือนกันน่ะ ” มือหนายกขึ้นขยี้ผมนิ่มของคนตรงหน้าเบาๆอย่างเอ็นดู “ อย่างนั้น...เองเหรอ ” เสียงหวานครางเบาๆจนคนที่นั่งอยู่ด้วยนั้นแทบไม่ได้ยิน แต่มันก็จงใจไม่ให้ร่างสูงนั้นได้ยินอยู่แล้ว
“ ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะที่บ้างครั้งไม่ได้บอกเธอก่อนว่าจะพาโบอามาหาน่ะ ”
“ ไม่เป็นไร...มันก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายไม่ใช่เหรอ ” ร่างสูงยิ้มบางๆก่อนจะเอ่ยขอบคุณไปแถมสิ่งที่ได้นั้นเป็นรอยยิ้มบางๆของแจจุงด้วยแม้จะแปบเดียวก็ตามที ร่างสูงค่อยๆขยับเข้าไปนั่งใกล้มาขึ้นจนสีข้างของทั้งคู่สัมผัสกัน แขนแกร่งสอดไปด้านหลังพร้อมกับโอบไหล่บางนั้นหลวมๆ
“ ยังไงก็ขอบคุณแทนโบอาด้วยนะ ”
“ อือ.. ”
“ ค่ำแล้ว...ไปอาบน้ำกัน ” ชองยุนโฮยืนขึ้นโดยไม่ลืมจับมือบางๆนั้นตามมาด้วยเชิงบอกให้เจ้าตัวลุกขึ้นหากแต่ สิ่งที่กำลังฉ่ายอยู่ในทีวีนั้นกลับทำให้ร่างบางไม่อยากที่จะหนีไปไหน
“ ฉันยังดูไม่จบเลยนะยุนโฮ ขอดูก่อนสิ ”
“ ค่ำแล้วนะ ถ้าอาบดึกเดี๋ยวไม่สบาย ”
“ แต่ฉันอยากดูก่อนนิน่า ”
“ ถ้าดื้อฉันจะอาบให้เองนะ ” เสียงเบสกดต่ำพร้อมกับสีหน้าที่บงบอกอย่างชัดเจนไม่ว่าได้พูดเล่นเลย จนในที่สุดร่างบางก็ยอมลุกขึ้นแล้วเดินนำหน้าร่างสูงไปพร้อมกับคำพูดทิ้งท้าย
“ นายมันเผด็จการ!! ” คนที่ถูกทิ้งเอาไว้อยู่คนเดียวส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะยิ้มกว้าง ขายาวก้าวเดินตามร่างบางไปอย่างมีความสุข
...แค่นี้ก็เชื่อซะแล้ว เด็กน้อย
_______________
หลังจากห่างหายไปนาน = =ไรเตอร์ก็ไได้สอบเสร็จแล้วก็ปิดเทอมแล้ว!!! โอ้เย้ ตอนนี้ไรเตอร์พยายามบังคับตัวเองให้ตื่นเช้า(ซึ่งทำได้ยากมากกกก) และมานั่งปั่นนิยายทุกวัน วันละนิดก็ยังดี เพราะว่าช่วงนี้ห่างหายไปคนก็หายไปด้วย T^T เเศร้าาาา~ อีกอย่างคือ..มันใกล้จบแล้ว XD ดีใจม๊ายยยยย ฮ่าๆๆ (หัวเราะสะใจไป - - ) ไรเตอร์ก็เลยคิดว่า.. จะตีพิมพ์...จะมีใครเอาไหมค่ะ?
ไรเตอร์อยากถามยอดก่อนน่ะคะ เพราะรู้สึกว่าค่าตีพิมพ์แพงมากถ้าสั่งน้อย = = ยังไงไรเตอร์อยากได้ความสมัครใจเบื้องต้นก่อนอะค่ะ อยากดูยอดก่อน เพราะไรเตอร์คงยังไม่ได้ทำตอนปีใหม่นี้ เข้าใจมากว่าหลายๆคนคงจะช็อด = =(เหมือนตัวกุนั้นเอง 55+) ยังไงไรเตอร์มาลองๆถามดู^^
ส่วนตอนนี้...เป็นไรยังไงบ้างจ๊าาาาา~ จะหวานรึจะขมปี๋ เอ๊ะยังไง? สะกดผิดยังไงต้องขออภัยไว้ณ.ที่นี้ด้วยค่ะ (โค้ง) แต่ไม่แน่ไรเตอร์อาจจะมาอัพแก้(ถ้าหาคำผิดเจอ) เพราะวันนี้ไรเตอร์กะว่าจะ(ต้อง)อัพICE3 ด้วย ยังไงฝากเรื่องของไรเตอร์ด้วยนะคะ -/l\- กราบขอบพระคุณคะ
ความคิดเห็น