ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic Service] Kuroko no Basuke (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #5 : [AkaKuro] Red Legend (Request : ไอริไอ คิน) Ep.01

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ค. 57




    ประเภท : AU Fic ไม่ได้มีพื้นฐานจากเนื้อเรื่องจริงแต่อย่างใด อ้างอิงเพียงหน้าตาและนิสัยตัวละครเท่านั้น
     


    <Red Legend>

    Ep.01
     

     

     

     

    “คุณบอกว่าหลงป่าสินะครับ” เด็กหนุ่มเรือนผมสีฟ้าถามผู้มาเยือนที่ถือวิสาสะนั่งบนโซฟาที่ทำมาจากขนมปังนุ่มฟู แถมเขายังทำการหักชิ้นส่วนจากโต๊ะที่ทำจากคุกกี้มากินอย่างไม่มีความเกรงใจใดๆ

    “อื้ม ใช่ แล้วนายชื่อ?” เขาถามออกไปขณะที่มือยังหักโต๊ะไม่เลิก

    “คุโรโกะ เท็ตสึยะครับ ไม่ทราบว่าคุณ?”

    “อาคาชิ...อาคาชิ เซย์จูโร่” จริงๆเขาก็ไม่ได้อยากบอกชื่อเต็มยศแบบนั้น แต่ในเมื่ออีกฝ่ายอุตส่าห์บอกชื่อเต็มมา เขาก็ควรจะทำตามมารยาทบ้างตามสมควร

    “รับเครื่องดื่มหน่อยไหมครับ อาคาชิคุง” คุโรโกะถามเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนที่เจอกันในตอนแรก บางทีเขาก็สงสัยเหมือนกันว่าเจ้าหมอนี่มันมีสีหน้าเดียวหรือยังไง

    “ขอเป็นซุปเต้าหู้ละกัน” คำขอของเขาถึงกับทำให้เจ้าหนุ่มใบหน้านิ่งเฉยมีสีหน้าแปลกไปจากเดิมเล็กน้อย คือการเลิกคิ้วขึ้นแสดงความประหลาดใจ ซึ่งเมื่อเขาเห็นสีหน้าแบบนั้นแล้วเขาก็แอบที่จะยกยิ้มบ่งบอกถึงความชอบใจทั้งที่จริงๆแล้วที่เขาตอบไปแบบนั้น เขาเองก็ไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะกลั่นแกล้งแต่อย่างใด

    “อาคาชิคุงเข้าใจคำว่าเครื่องดื่มหรือเปล่าครับ” คุโรโกะย้อนถามเมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าไอ้เจ้า ซุปเต้าหู้ยังไงมันก็ไม่ใช่ประเภทของเครื่องดื่มแน่ๆ

    “ไม่มีหรือ?” เสียงแห่งจักรพรรดิดังขึ้นแกมข่มขู่ ดวงตาต่างสีปลายตามองราวกับอีกฝ่ายกระทำผิดโทษร้ายแรง แต่เมื่ออาคาชิเห็นใบหน้าที่น่าเอ็นดูราวกับเป็นอิสตรี ความหงุดหงิดที่ก่อตัวขึ้นในใจก็ค่อยๆลดลงไป เขาจึงยอมโอนอ่อนให้ “งั้นหาอะไรที่ใกล้เคียงมาละกัน”

     “ครับ รอสักครู่ครับ” อีกฝ่ายน้อมรับอย่างสุภาพและเดินเข้าห้องครัวสีเลือดไป

    ขณะที่คุโรโกะกำลังไปเตรียมเครื่องดื่มเพื่อต้อนรับแขกผู้ไม่ได้รับเชิญ อาคาชิที่เบื่อกับการหักโต๊ะคุกกี้กินแล้วจึงลุกขึ้นเพื่อสำรวจบ้านขนมหลังนี้ต่อ เขาเดินสอดส่องไปเรื่อยๆจนเผลอเห็นบางอย่างสะดุดตา

    พื้นบริเวณนี้มันดู...แปลกไปหรือเปล่านะ

    ด้วยความที่เขาเป็นคนช่างสังเกต เขาจึงรู้สึกว่าพื้นตรงหน้าที่เขากำลังจะเดินผ่านไปนั้น มันมีสีที่แปลกไปจากบริเวณรอบๆ แถมบริเวณตรงที่มีสีแปลกแยกนั้นยังมีขนมที่คล้ายๆเยลลี่สีแดงฝังติดอยู่ที่ขอบอีกด้วย

    เมื่อเห็นแบบนั้นแล้วอาคาชิจึงนั่งย่อตัวลงและใช้นิ้วชี้ข้างขวากดลงไปที่เยลลี่นั้นเพื่อตรวจสอบความผิดปกติ ทันทีที่นิ้วของเขากดโดนเยลลี่สีแดงนั่น พื้นต่างสีตรงหน้าเขาก็ค่อยๆแยกออกจากกันอย่างช้าๆ

    นี่มัน...อย่างกับห้องลับใต้ดินในหนังแนวแฟนตาซีหรือสยองขวัญ

    “คงคิดว่ามันเหมือนในหนังสินะครับ” เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลังของเขา เจ้าของบ้านขนมหวานเดินออกมาจากห้องครัวตอนไหนไม่รู้ แต่ที่รู้ๆคือตอนนี้เครื่องดื่มที่เขาขอไปนั้นอีกฝ่ายได้เตรียมให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว

    “นี่ครับ อาคาชิคุง” คุโรโกะยื่นแก้วที่มีของเหลวสีขาวมาให้เขา ซึ่งเขาใช้เวลาประมวลผลไม่นานก็รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในแก้วมันคือนมสดนั่นเอง ประเด็นคือมันใกล้เคียงกับซุปเต้าหู้ที่เขาต้องการตรงไหน นอกจากสีที่ออกโทนสีขาวเหมือนกัน

    “ขอบใจนะ ว่าแต่ด้านล่างนี้มีอะไรพิเศษหรือเปล่า?” อาคาชิในตอนนี้ให้ความสนใจกับทางลับที่เขาเป็นคนพบเจอมากกว่าเครื่องดื่มที่อีกฝ่ายทำมาให้ ซึ่งนั่นเป็นคำถามที่ทำให้บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนเงียบสนิท ก่อนที่คุโรโกะจะเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนา

     

    “อาคาชิคุง รู้หรือเปล่าครับว่าทำไมถึงมีบ้านขนมอยู่กลางป่าทึบ” ซึ่งนั่นเป็นคำตอบที่ไม่ตรงกับคำถาม หรือเรียกว่าไม่ได้ตอบเลยดีกว่า

    “ไม่รู้สิ ฉันก็สงสัยอยู่เหมือนกัน” อาคาชิตอบไปตามความเป็นจริง ขณะเดียวกันก็ยกแก้วที่บรรจุนมสดขึ้นมาดื่มแก้กระหายที่หลงป่ามาหลายชั่วโมง

    “แล้วรู้หรือเปล่าครับว่าทำไมในห้องครัวถึงมีสุนัขตัวโตกำลังกินชิ้นเนื้ออยู่” คุโรโกะยังคงถามคำถามที่ดูเหมือนไม่ได้ต้องการคำตอบ เพราะแบบนั้นอาคาชิจึงอยู่ฟังเฉยๆเพื่อดูว่าอีกฝ่ายต้องการบอกอะไรกับเขา

    “แล้วทำไมเนื้อเหล่านั้นถึงเป็นเนื้อมนุษย์ สงสัยใช่ไหมครับ”

     

    “ที่สำคัญมนุษย์เหล่านั้นมาจากไหน แล้วแค่นั้นมันพอสำหรับเบอร์สองหรือเปล่า...”

     

    “มันไม่มีทางพอหรอกครับ ถ้าหากข้างใต้นั้นไม่มีมนุษย์หลายสิบชีวิตซึ่งถูกกักขังเอาไว้”

     

    “และ...” คุโรโกะเอามือข้างหนึ่งไขว้หลังก่อนที่จะล้วงบางสิ่งออกมาจากขอบกางเกงด้านหลัง มันคือปืนพกขนาดพอดีมือที่เขาแอบซ่อนไว้ และตอนนี้ปากของปืนนั้นได้จ่อไปที่หน้าผากของอาคาชิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     

     

    “คุณก็จะเป็นหนึ่งในนั้นเช่นกันครับ”

     

     

    .....

     

     

     

     

    “นายบอกว่าในนี้คือที่กักขังเหล่ามนุษย์สินะ”

    เสียงแห่งราชันย์ดังขึ้นขณะที่ยืนควงกรรไกรคู่ใจสีเช่นเดียวกับเรือนผม ตอนนี้อาคาชิยืนอยู่ในที่ที่คิดว่าน่าจะเป็นห้องใต้ดินหรือถ้าเรียกตามที่ฝ่ายตรงข้ามได้พูดไว้ก็คือสถานที่กักขังมนุษย์นั่นเอง

    ห้องลับใต้ดินนี้มีอุปกรณ์ทรมานมนุษย์นานัปการซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งกับการกักขังมนุษย์ผู้ซึ่งกำลังจะถูกนำไปเป็นอาหารให้กับสัตว์เลี้ยงตัวเบ้อเริ่ม อีกทั้งอาณาบริเวณโดยรอบยังประกอบไปด้วยห้องคุมขังมากมายราวกับเป็นคุกใต้ดิน ภายในห้องเหล่านั้นสามารถเห็นโซ่ตรวนมากมายที่ยึดติดกับผนังอิฐ บางห้องมีมนุษย์ที่ซูบผอมถูกล่ามไว้ ส่วนบางห้องเหลือเพียงโครงกระดูกบ่งบอกถึงความอนาถาของสถานที่แห่งนี้

    เพียงแต่ตอนนี้มีบางสิ่งผิดปกติในห้องใต้ดินนี้ บางสิ่งที่ไม่ควรจะมาอยู่ในนี้ด้วยสภาพอย่างที่กำลังเป็นอยู่ นั่นก็คือเจ้าของบ้านที่ถูกโซ่ล่ามตรึงไว้กับผนังไม่ต่างจากพวกมนุษย์เหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย

    เพราะอะไรน่ะหรือ...

     

     

     

    ก่อนหน้านี้ไม่นาน

     

     

    ปั้ง!!

    เสียงปืนลั่นดังขึ้นจนทำให้สัตว์เล็กสัตว์น้อยในป่าทึบวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง แมกไม้สั่นไหวเล็กน้อยเนื่องจากการบินหนีของฝูงนกป่า ภายใต้ร่มเงาของป่าทึบ มีบ้านขนมหวานตั้งอยู่ใจกลางป่านั้น และภายในนั้นก็มีต้นตอของเสียงปืนที่ดังขึ้นเมื่อครู่นี้

    ตุ้บ!

    เสียงของบางสิ่งที่มีน้ำหนักหล่นลงพื้นทำให้คาดเดาได้ว่ากระสูนปืนที่ถูกยิงออกไปนั้นต้องกระทบเข้ากับบางสิ่งที่อยู่ในบ้านขนมหวานหลังนี้ ซึ่งถ้ามันเป็นไปตามปกติผู้ที่ตกเป็นเหยื่อก็คงจะเป็นหนุ่มผมแดงที่มีดวงตาต่างสีซึ่งเป็นแขกไม่ได้รับเชิญของบ้านขนม เพียงแต่มันไม่ปกติเท่านั้นเอง

    เข่าขวาของคุโรโกะกระทบลงบนพื้น ที่ข้อเท้าข้างเดียวกันมีเลือดสีสดไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย สาเหตุนั้นเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายที่เขาคิดจะลงมือสังหารนั้นได้ป้องกันการจู่โจมของเขาได้ด้วยกรรไกรสีแดงเพียงเล่มเดียว! แถมอีกฝ่ายยังอาศัยช่วงที่ปืนลั่นไปทางอื่นโจมตีโต้กลับด้วยความเร็วที่เขาไม่ทันตั้งตัว จึงทำให้อีกฝ่ายสามารถเฉือนข้อเท้าขวาของตนได้สำเร็จ

    “ทะ...ทำไม...อั่ก!” ความเจ็บแสบจากข้อเท้าขวาทำให้คุโรโกะไม่สามารถเอ่ยคำพูดได้ตามที่ตนคิดไว้ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาในเมื่ออีกฝ่ายช่วยตอบให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    “ทำไมฉันถึงรู้ทัน? เพราะว่าฉันเป็นจักรพรรดิยังไงล่ะ เท็ตสึยะ”

     

     

     

    จากนั้นเจ้าของบ้านขนมหวานอย่างคุโรโกะ เท็ตสึยะ ก็ถูกอีกฝ่ายบังคับให้พาลงมายังชั้นใต้ดินในสภาพที่เดินได้ไม่สะดวกนัก แต่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ยังพอมีน้ำใจช่วยพยุงร่างของคุโรโกะเพื่อให้เขาพาไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างราบรื่น

    “นายทำธุรกิจผลิตอาหารสัตว์ในบ้านขนมหวานสินะ” ขณะที่ทั้งสองคนเดินลงบันไดซึ่งมีความยาวมากพอสมควรเพื่อไปยังชั้นใต้ดิน อาคาชิก็เปิดบทสนทนาขึ้นเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันหม่นหมองไปตามบรรยากาศโดยรอบ แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้คุโรโกะรู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย

    “อยากให้ผมขำหรือเปล่าครับ อาคาชิคุง” คุโรโกะไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่อีกฝ่ายพูดแบบนั้น ในสถานการณ์ที่ตนกำลังเป็นฝ่ายถูกรุกราน เขาไม่คิดว่าการที่อีกฝ่ายพูดจาแบบนั้นแล้วจะช่วยให้เขารู้สึกดีที่ถูกลอบทำร้ายแบบนี้ ถึงมันจะเป็นการลอบทำร้ายซึ่งๆหน้าก็เถอะ

    “ว่าแต่น่าแปลกใจนะที่ข้างใต้นี่จะมีพื้นที่กว้างขนาดนี้” เมื่อลงมาจนสุดบันไดแล้ว ทั้งสองก็หยุดยืนสักพักเพื่อปรับสายตากับความมืดเบื้องหน้า ที่จริงก็ไม่ได้มืดสนิทขนาดที่มองอะไรไม่เห็น เพียงแต่มันก็ไม่ได้สว่างจนคนทั่วไปสามารถมองเห็นชัดได้เพียงชั่วพริบตา

    “ครบครันดีนะของเล่นในนี้” อาคาชิเอ่ยพร้อมรอยยิ้มของผู้ถือไพ่เหนือกว่า ก่อนจะพยุงคุโรโกะไปที่บริเวณมุมห้องที่ซึ่งมีที่ล็อคข้อมือฝังติดไว้ในผนังอิฐ แถมที่พื้นยังมีโซ่เรียงตัวกระจัดกระจายบ่งบอกว่า ณ ที่ตรงนี้เคยมีคนถูกล่ามไว้

     

     

    และตอนนี้เจ้าของบ้านอย่างคุโรโกะก็กลายมาเป็นคนแทนที่บุคคลนั้นซึ่งเป็นผู้เคราะห์ร้ายในคราวก่อนอย่างสมบูรณ์

     

     

     

     

    --------To be Continued--------




    ตอนหน้า(เลือด)จะเริ่มเข้มข้นแล้วนะครับ
    คงได้กลิ่นอายอะไรบางอย่างชัดเจนขึ้นสินะ
    หากผิดพลาดจุดไหนก็ขออภัยไว้ล่วงหน้าจ้า
    ไว้พบกันใหม่นะจ๊ะ 

      

    <<previous = next >>

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×