คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เซอร์ไพร์สฉลอง 13 ปี Dr.Pop
และต่อจากนี้คือ Surprize ระลอก 2
ที่ผมขอมอบให้ทุกคนเป็นของขวัญในวาระ #13ปีDrPOp
“ไม่ ผมไม่ทำ!”
มาวินถอยห่างจากคู่สนทาอย่างยืนกรานปฏิเสธ แววตาเบื้องหลังเลนส์แว่นของเขาเด็ดเดี่ยวพอจะทำให้อีกฝ่ายจะประจักษ์ถึงความแข็งกร้าว ทว่าร่างกายที่สั่นสะท้านก็แสดงออกชัดเจนว่าเขากลัวฉี่จะแตกอยู่แล้ว มาวินไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เขารู้แค่ว่ามันเป็นห้องสีแดงหรูหรา บนผนังประดับด้วยจอภาพสีขาวใหญ่โต มันกำลังฉายภาพแผนที่โลกซึ่งแสดงจุดแดง ๆ มากมายราวกับบอกตำแหน่งเชื้อร้าย
และที่น่าตกใจที่สุดคือมีกรงสีดำมหึมาในห้อง!
ภายในนั้นถูกตกแต่งด้วยป่าไม้ ธารน้ำตก และกระท่อมราวกับจำลองหมู่บ้านชนเผ่าลี้ลับจากสารคดี มีเสียงนก เสียงลม และเสียงป่าที่ดูสมจริง
สิ่งที่ถูกขังอยู่ในนั้นคือคนป่าตัวดำเมี่ยมอายุประมาณสิบขวบ
เด็กนั่นกำลังลอบมองการสทนาอยู่ด้านหลังต้นไม้ใหญ่ มีเพียงสองส่วนที่โผล่ออกมาจากที่ซ่อนคือหัวกลม ๆ โล่งเตียนกับมือน้อย ๆ ที่เกาะกุมเปลือกไม้ ดวงตาสีขาวโพลนคู่นั้นเบิกโพลงเหมือนกวางที่พร้อมจะเผ่นจากนักล่าทุกเมื่อ มาวินไม่รู้ว่าเด็กนั่นเป็นใครและทำไมถึงถูกขัง กระนั้นมาวินก็มั่นใจว่านี่คือรังของผู้ก่อการร้าย ไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายที่ใช้อาวุธสงครามกระจอก ๆ ทั่วไป
คนพวกนี้มีพลังเหนือมนุษย์
มาวินรู้สึกได้ถึงไอเย็นแห่งอันตรายที่แฝงมากับอากาศ ความรู้สึกอึดอัดระคนระแวดระวังแผ่ซ่านไปทุกรูขุมขนของเขา มันเหมือนเวลาเราเดินอยู่ในตรอกซึ่งเต็มไปด้วยนักเลงเจ้าถิ่น เราบอกได้ว่ามีสายตาแห่งหายนะจับจ้องจากทุกทิศทาง อำนาจของความเลวฟุ้งตลบมาตามพื้นและพร้อมจะบดขยี้เกียรติยศความภาคภูมิใจของเราให้แหลกเละ ตัวของเราจะสั่นเทิ่มและหดเล็กเหมือนฟองน้ำที่ถูกบีบ เป็นสถานที่ซึ่งความพลาดพลั้งอันเล็กน้อยอาจเป็นชนวนของเหตุการณ์สั่นประสาท ความไม่น่าไว้วางใจกระจายอยู่ในอนุภาคของบรรยากาศที่มองไม่เห็นและทำให้เรารู้สึกแน่นท้อง มีแว่บหนึ่งที่มาวินคิดอยากจะพุ่งตัวไปหาประตูทางออกที่ห่างไปแค่สิบเมตร
แต่เหตุผลที่เขายังอยู่ตรงนี้ก็เพราะเลดี้อิกไนต์ยืนอยู่ตรงนั้น
หล่อนพิงผนังอยู่ตรงประตูและกำลังทาเล็บ - ยัยบ้านี่สวมชุดคลอสเพล์โชว์ขาขาวจั๊วะและสามารถทำให้ทุกสิ่งระเบิดได้เพียงสัมผัส ไม่นานมานี้หล่อนก็เพิ่งระเบิดบ้านเขาซะเป็นจุล หล่อนมันโรคจิต
“กล้าหาญเกินวัยจริง ๆ ”
เสียงยียวนนั่นมาจากชายร่างสูงซึ่งสวมทักซิโด้กับกางเกงสแลคสีดำ หมวกสีแดงทรงสูงบนหัวเขาสร้างเงาทะมึนปิดหนังเครื่องหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง สองมือของชายลึกลับสวมทับด้วยถุงมือสีขาว มือขวาถือไม้เท้าสีดำค้ำยันพื้น ส่วนมือซ้ายรองแก้วไวน์แดงไว้ด้วยท่วงท่าเย่อหยิ่ง คุณสามารถพบเห็นชายลักษณะนี้ได้ตามเวทีแสดงมายากล เขาเป็นคนที่ภายนอกดูแสนสุภาพแต่กลับสร้างความรู้สึกอันตรายได้อย่างแปลกประหลาด เหมือนนักการเมืองอะไรทำนองนั้น
ทุกคนที่นี่เรียกเขาว่า ‘บอส’
“แต่เกรงว่าคุณจะไม่มีทางเลือก แบงค์ โชว์ของดีให้เขาดู”
เด็กหนุ่มหน้ายาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าจอสีขาวพยักหน้า เขาหันไปหาคอมพิวเตอร์พกพาแล้วพูดว่า
“เปิดไฟล์มาวินศูนย์สอง”
“เปิดไฟล์มาวินศูนย์สอง” ระบบทวนคำสั่งเป็นเสียงทื่อ ๆ เหมือนคนที่เบื่อโลกถึงที่สุด แล้วแผนที่โลกบนหน้าจอก็หายไป – มาวินบอกได้เลยว่าแบงค์มีความสามารถในการสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ เขาอาจบงการพวกเครื่องมือสื่อสารได้ด้วยซ้ำใครจะรู้ – เพียงอึดใจหน้าจอใหม่ก็ปรากฏขึ้นมา
สิ่งที่มาวินเห็นเต็มสองตาสะกดเขาจนตะลึงงัน
มันคือภาพขาวดำจากกล้องวงจรปิดที่จับเหตุการณ์ชายหญิงคู่หนึ่งในสถานีตำรวจ ทั้งสองนั่งอยู่บนเก้าอี้ขณะฟังตำรวจอ้วนหัวล้านชี้แจงบางอย่างด้วยสีหน้าตึงเครียด มือของฝ่ายชายกุมมือฝ่ายหญิงไว้มั่นขณะพยักหน้าเข้าใจคำพูดอย่างขมขื่น ส่วนผู้หญิงเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ราวกับเธอไม่เคยเสียใจอะไรเท่านี้มาก่อน แม้จะเป็นภาพวีดีโอที่ปราศจากสีสัน แต่แค่มองผ่านแว่บเดียวมาวินก็บอกได้ว่าชายหญิงคู่นั้นคือใคร
“พ่อ! แม่!” เด็กหนุ่มก้าวเข้าไปในหน้าจอราวโดยลืมไปว่าเสียงเล็ก ๆ ของเขาไม่มีทางส่งไปถึงอีกฟากโลก แม่ของเขาเป็นสตรีวัยสี่สิบต้น ๆ เธอสวมชุดพนักงานออฟฟิศกระโปรงสั้นดูกระฉับกระเฉง เรือนผมถูกมัดรวบปล่อยไปข้างหลัง หน้าตาเธอบิดเบี้ยวเพราะน้ำตาแห่งความโศรกเศร้า ส่วนพ่อของเขาเป็นชายร่างใหญ่ซึ่งดูอาวุโสกว่าแม่เล็กน้อย ผมดกดำกับใบหน้าคมคายและแว่นตาถือเป็นอัตลักษณ์ที่ส่งทอดถึงมาวินได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน แม้พ่อจะเป็นฝ่ายปลอบแม่แต่เด็กหนุ่มก็บอกได้ว่าพ่อกำลังเครียดจัด มาวินเดาว่าทั้งสองคงกำลังตามติดความเคลื่อนไหวการหายไปของเขา เด็กหนุ่มเชื่อว่าพ่อฉลาดพอที่จะไม่คิดว่าตัวเขาระเบิดเป็นเศษเนื้ออยู่ในนั้น การลักพาตัวคงเป็นข้อสงสัยแรก ๆ ที่ผุดขึ้นมาในหัวทั้งสอง นั่นฟังดูสมเหตุสมผล เพราะพ่อเองก็เป็นนายแพทย์กระดูกฝีมือดีของโรงพยาบาลกรุงเทพ ส่วนแม่ก็เป็นผู้บริหารบริษัทเครือข่ายการสื่อสารแนวหน้าของไทย รายได้ต่อเดือนของครอบครัวนี้เฉียด ๆ หนึ่งล้านบาท หากจะมีใครหวังใช้เขาเป็นข้อต่อรองเพื่อกอบโกยเงินจำนวนมหาศาลก็ไม่แปลก แต่ที่พ่อแม่ไม่รู้ก็คือเขาก็อยู่กับกลุ่มคนที่อันตรายยิ่งกว่าแก๊งค์ลักพาตัว
คนพวกนี้ไม่ได้ต้องเงิน แต่ต้องการบางสิ่งที่อันตรายเกินจินตนาการ…
“คุณฉายภาพพ่อแม่ผมทำไม!?” มาวินถูกจู่โจมด้วยความสับสน และโมโหจนแทบคุมตัวเองไม่อยู่
“เชิญคุณสุภาพสตรี” บอสผายมือไปทางเลดี้อิ๊กไนต์เหมือนพีธีกรส่งคิวให้แขกรับเชิญ สาวงามผู้สวมหน้ากากโค้งคำนับอย่างดัดจริตแล้วตอบ
“ฉันมีโอกาสสัมผัสพ่อกับแม่เธอแล้วนะหนุ่มน้อย”
มาวินช๊อค
“นั่นเท่ากับว่าหากฉันไม่สบอารมณ์กับเรื่องเล็ก ๆ ที่เธอทำ ฉันอาจเผลอ (เป็นคำว่าเผลอที่กระดกลิ้นได้เวอร์มาก) ทำพ่อแม่เธอระเบิดเป็นชิ้น ๆ”
“ไม่…” มาวินส่ายหน้ารู้สึกว่าโลกทั้งใบอ่อนยวบกระทันหัน น้ำใสๆ ก่อตัวเป็นแอ่งในดวงตาเขาเด็กหนุ่มสะบัดหน้าไปมองหน้าจออีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าพ่อกับแม่ยังปลอดภัย ความแข็งแกร่งของลูกผู้ชายดั่งถูกสูบจนเหือดหาย เขารู้สึกชาไปทั้งตัวดั่งจะล้มทั้งยืน “คุณจะไม่ทำอย่างนั้น”
“ขึ้นอยู่กับความประพฤติของเธอนะที่รัก” เลดี้อิ๊กไนต์หัวเราะคิกคักแล้วเอาฝ่ามืออิงแก้มขวาดูหวานแหวว “แค่ฉันส่งจูบเบา ๆ”
ปรากฏแสงวาบเจิดจ้าสาดออกมาจากจอภาพ - มาวินหันควับ - หัวใจเขาแทบพุ่งทะลุซี่โคร่งเมื่อพบว่าโต๊ะทำงานที่อยู่ใกล้ ๆ กับพ่อแม่เขาเพิ่งระเบิดต่อหน้าต่อตา! – แม้จะไม่ได้ยินอะไรแต่อาการสะดุ้งสุดตัวของแม่ก็ทำให้เขารู้ว่าแม่เพิ่งกรีดร้องสุดเสียง เหล่าตำรวจกรูกันเข้ามาดับไฟอย่างแตกตื่น สารดับเพลิงถูกฉีดเป็นควันสีขาวราวกับเมฆจำลองหนาเตอะ พ่อแม่เขาถูกตำรวจอ้วนกันจากที่เกิดเหตุอย่างว่องไว มาวินแทบจะได้ยินเสียงพวกตำรวจที่ตะโกนโวยวายทำนองว่า ‘กันคนออกไปจากพื้นที่!” อีกไม่เช้าพวกนักข่าวจะมาถึง และพวกเขาคงตะลึงที่ไม่พบร่องรอยของระเบิด – เลดี้อิ๊กไนต์หัวเราะชอบใจ – มาวินประจักษ์แล้วว่าชีวิตคนที่เขารักกำลังตกเป็นตัวประกันของการตัดสินใจครั้งใหญ่
หรือเขาจะไม่มีทางปฏิเสธข้อเสนอของบอสได้จริง ๆ
“ไม่มีอะไรคู่ควรจะใช้เป็นข้อต่อรองกับเด็กวัยยังไม่บรรลุนิติภาวะยิ่งไปกว่าชีวิตของพ่อแม่อีกแล้ว” บอสกางสองแขนออกอย่างภูมิใจ เขาดูเหมือนเพิ่งกล่าวสุนทรพจน์หลังจากได้รับรางวัลไอ้สารเลวแห่งปี “ใครบางคนที่นี่เคยเสียคุณพ่อไปเพราะขัดขืนคำสั่งของผม ใช่ไหมครับ อานาย่า”
บอสผายมือไปทางกรงป่าจำลอง มาวินหันตามเพื่อจะพบว่าอานาย่าเพิ่งหลบหายไปหลังต้นไม้ ความเจ็บปวดของเด็กชายแหวกอากาศมาถึงใจเขาจึงรู้สึกได้ นั่นคือนาทีที่น้ำตาแห่งความกลัวไหลออกจากโดยเขาไม่รู้ตัว มาวินห้ามสติไม่ให้ร้องไห้ฟูมฟายได้แต่ก็ไม่อาจประคองหัวใจที่ไร้เรี่ยวแรง สิ่งที่บอสร้องขอมันผิดศีลธรรมและชั่วร้ายถึงที่สุด
เขาจะเอาชีวิตคนที่รักมาแลกกับชะตากรรมของคนทั้งโลกได้ยังไง!?
“คุณสามารถพูดได้เต็มปากเลยนะว่าคุณทำตามข้อเสมอของผมเพราะถูกบังคับ คุณบอกทุกคนได้เลยไม่มีทางเลือก คุณจะโทษผมก็ได้ผมยินดี ไม่มีใครว่าอะไรคุณหรอก ก็แค่ปันความสามารถเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคุณมาเพื่อใช้ผลักดันแผนการอันยิ่งใหญ่ เชื่อผม คุณจะภูมิใจ”
“คุณไม่ควรทำแบบนี้ ไม่ควร” มาวินส่ายหน้าและขบกรามอย่างขมขื่น เขากำหมัดแน่นราวกับหวังว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ที่ทำให้ฝันร้ายครั้งนี้จบสิ้น ความโกรธ ความเกลียด และความกลัวสุมใจจนร่างกายเขาแทบลุกเป็นไฟ มาวินหลีกเลี่ยงที่จะพูดต่อเพราะไม่อยากให้เสียงสะอื้นกลายเป็นโทรโข่งประจานความอ่อนแอ เด็กหนุ่มพยายามสงบสติอารมณ์เพราะรู้ตัวดีว่าการหุนพลันใช้พลังในที่แห่งนี้มีแต่จะนำมาซึ่งมาผลร้าย ต่อให้เขาเอาชนะบอสกับเลดี้อิ๊กไนต์ได้แต่อะไรจะเป็นหลักประกันล่ะว่าพ่อแม่เขาจะปลอดภัย? พวกมันอาจไม่ได้มีแค่ที่เห็น เผลอ ๆ ไอ้บอสนี่อาจเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งด้วยซ้ำ มาวินสังหรณ์ใจชอบกลว่ามีใครบางคนอยู่เบื้องหลังเรื่องบ้า ๆ ทั้งหมดนี้
ใครบางคนที่ทำได้มากกว่าวางระเบิดและคุยกับคอมพิวเตอร์…
“สรุปว่ายังไงครับ”
บอสคะยั้นคะยอเอาคำตอบ มาวินถอนหายใจเฮือกใหญ่ดั่งจะพ่นความทุกข์ระทมให้เกลี้ยงใจ เขาเงยหน้าจับจ้องฝ่ายตรงข้ามทั้งตำแดงก่ำก่อนจะหันไปมองพ่อกับแม่ในจอภาพอย่างเศร้าสลด ทุกสิ่งดูพล่าเลือนเมื่อมองผ่านม่านน้ำตาที่รินไหล
และคำตอบที่เขาให้ไปก็คือ…
To Be Continued
Fate Diary Crisis
April 2016
ขอบคุณสำหรับ 13 ปี บนถนนแห่งความฝันที่สุขสุดๆ ขอบคุณที่เกิดมาเจอกัน
รู้สึกยังไงกับของขวัญชิ้นนี้
บอกกันที่แท็ก #13ปีDrPop นะครับ^^
ความคิดเห็น