คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 2 - ควีน
มีแพะหนึ่งตัวอยู่ในห้องประชุม
เรเว่นคิดว่าเขามองไม่ผิด มันมีขน มีเขา มีเคราตรงคาง มีสี่ขา และเท้าทั้งสี่มีกีบ...
มันเป็นแพะ ไม่ใช่แกะ ถ้าแกะก็ควรจะขนฟูกว่านี้อีกหน่อย
เรเว่นตัดสินใจแล้ว ไม่ว่ายังไง ไอ้ตัวสี่ขานี่ก็คือแพะแน่ๆ
ห้องประชุมนั้นโอ่โถงเกินพอและดีไซน์ชวนให้นึกถึงห้องบังคับการของยานรบอวกาศ โต๊ะทรงกลมที่กลางห้องออกแบบมาให้ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป ถูกล้อมรอบด้วยเก้าอี้แปดตัวที่มีคนนั่งครบองค์
หนึ่งในเก้าอี้แปดตัวนั่นคือแพะ...มันนั่งแผ่อ้าซ่าเหมือนคิดว่าตัวเองเป็นแมวนอนหงายท้อง
“สวัสดี ผู้ถูกเลือกทั้งหลาย ขอบคุณที่ทุกคนมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้”
มันเป็นประโยคเปิดการประชุม จากชายหนุ่มผมทองหน้าหวาน กับดวงตาสีเขียวมรกต แต่งเครื่องแบบกองทัพเนี้ยบกริบหัวจรดเท้า ท่าทางเป็นพวกเจ้าสำอางเหมือนมนุษย์ที่คิดว่าตัวเองดูดีที่สุดในโลก ขัดจังหวะการตั้งข้อสงสัยว่าด้วยเรื่อง ‘ทำไมแพะถึงนั่งเก้าอี้ด้วยท่าเหมือนคนได้’ ของเขาได้สนิท
เวอกัส...จอมพลแห่งเมโทรโปลิส...
เรเว่นกวาดตามองรอบห้อง นึกไม่ถึงว่าจะได้นั่งร่วมโต๊ะกับคนใหญ่คนโตพรรค์นี้ สองข้างของเวอกัสขนาบด้วยชายหนุ่มหัวเทาผมสั้น แต่งชุดที่ดูยังไงก็ไม่ใช่ชุดกองทัพ หลุดลุ่ยผิดระเบียบจากไอ้คนตรงกลางเหลือหลาย...
ปริภูมิ...แม่ทัพ...
เคยได้ยินว่าสองคนนี้สนิทกัน แต่เพิ่งเคยเห็นตัวจริงชัดๆ...ไม่นึกว่าจะต่างกันประมาณนกหงส์หยกกับหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์...
ส่วนอีกด้านของเวอกัส...เป็นไอ้เด็กหัวขาวที่มาซื้อซากมังกร...
บางทีอาจจะเคยแนะนำตัว แต่เขาลืมชื่อมันไปแล้ว หรือไม่อย่างนั้นก็อาจจะยังไม่เคยถามชื่อ เขาไม่แน่ใจนัก
“ฉันชื่อเวอกัส เป็นคนออกคำสั่งให้เชิญพวกคุณมาที่นี่ เพื่อเป็นกำลังรับมือกับสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น”
ไม่เข้าใจว่าจะแนะนำตัวไปเพื่ออะไร...ในเมื่อหน้าของหมอนี่ออกข่าวแทบจะวันเว้นวัน โดยเฉพาะช่วงนี้...ที่เพิ่งมีเรื่องกับพวกคลั่งไสยศาสตร์ไปหมาดๆ
และอีกคำถามที่ผุดขึ้นมาในหัว ออกคำสั่ง? รับมือกับสงคราม?
ถ้าจำไม่ผิด เรเว่นคิดว่าเขาเป็นคนออกปากเสนอตัวเอง...
อยากจะโต้แย้งกลับไป แต่เขาขี้เกียจเกินกว่าจะหาเรื่องให้ตัวเองโดนเด้ง และอีกข้อ...
“แล้วทำไมไม่ใช้กำลังทหารที่มีอยู่ล่ะคะ?”
ยัยเด็กผี โพล่งถามขึ้น
หล่อนเป็นเด็กสาวที่จากหน้าตาดูแล้วอายุไม่เกินสิบเจ็ดปี ผมดำยาวและไฮไลท์ปลาย คาดแว่นอันโตที่เหมือนจะเป็นแว่นกันลมไว้บนหัว
เป็นคำถามที่เข้าท่ามาก... เขาไม่ต้องเมื่อยปากพูดเองด้วยซ้ำ
“เพราะพวกคุณทุกคนพิเศษกว่าคนอื่นๆ ในประเทศนี้ ฉันถึงต้องเรียกหน่วยนี้ว่า หน่วยพิเศษ” คำตอบนั้นจากปากเจ้าของตำแหน่งจอมพลแห่งเมโทรโปลิสทำให้เรเว่นเลิกคิ้วเล็กน้อย
เขามีอะไรแปลกนักรึไง?
แน่นอนว่ายังคงนิ่งเงียบ และไม่จำเป็นต้องพูดอะไร เพราะเด็กสาวคนเดิมยังคงซักต่อประหนึ่งว่าในหัวจะมีแต่เครื่องหมายคำถามลอยไปมา
“พิเศษกว่ายังไงคะ? หนูเป็นแค่เด็กนักเรียนธรรมดานะคะ”
“งั้นก็ออกไปซะ” คำตอบนั้นทันควัน...มาพร้อมรอยยิ้มแสยะ...และเสียงเรียบเย็น “ที่นี่ไม่ต้อนรับคนธรรมดา”
เรเว่นเลิกคิ้ว ยกฝ่ามือขึ้นถูหนวดเคราตัวเองเบาๆ...
บางทีเขาควรจะออกจากห้องอย่างที่หมอนี่ว่า
จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่เข้าใจสถานการณ์เท่าไหร่นัก จำได้ว่าวันนั้นถามไอ้เด็กหัวขาวไปเรื่องเข้ากองทัพต้องทำยังไง ซึ่งแน่นอนว่าจุดมุ่งหมายของเขาคือตำแหน่งที่ได้อยู่กับยาพวกนั้น...
นักวิจัยของกองทัพ
แต่รู้ตัวอีกที ถึงวันนัด เจ้าเด็กนั่นกลับส่งยานบินมารับเขาถึงที่ พาเข้าไปที่ห้องพักอย่างดี และเหมือนว่ากำลังจะต้องเข้าร่วมกับหน่วยพิเศษอะไรสักอย่าง...
วุ่นวายเป็นบ้า
แม่เด็กปากมากนั่นเงียบไปเมื่อโดนตอบโต้ด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น...เจ้าหล่อนหันรีหันขวาง ก่อนจะส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปที่หญิงสาวผู้ร่วมโต๊ะอีกคนแทน...
อันที่จริงเขาจำ –ยัยเด็กผี- คนนี้ได้ หล่อนเคยมาที่ร้านของเขาหนหนึ่ง
มันช่วงค่ำของวันเดียวกันกับที่ไอ้หัวขาวนั่นไปที่ร้าน
ตอนนั้นเขากำลังจะเริ่มทดลองยาตัวใหม่กับหนูตะเภาหมายเลข 26 แม่เด็กนี่ก็เดินเข้ามา ถามหาเจ้าของร้านด้วยท่าทางเลิ่กลั่กและผิดจากบรรยากาศร้านเหมือนนกแก้วที่หลุดเข้าไปอยู่ในกรงเหยี่ยว ทั้งๆที่เจ้าของร้าน (ตัวเขาเอง) ก็ยืนหัวโด่อยู่ตรงเคาท์เตอร์
ทีแรก หล่อนยื่นเครื่องไครโอนิกส์ มาให้เขาพิจารณา หลังจากที่เข้าใจผิดว่าจะขายเครื่องบ้านั่นได้ไม่ถึงสองนาที แม่เด็กนี่กลับคว้าเครื่องไป แล้วเปิดของในเครื่องให้ดู...
มันคือดวงตา...
ดวงตาสีเทาสองดวงในเครื่องไครโอนิกส์นั่นคงสภาพความสดใหม่เหมือนเพิ่งหลุดมาจากเบ้า แม้ระยะเวลาบนตัวเครื่องจะบ่งบอกถูกแช่อยู่ในนั้นมาสองปีก็ตามที
น่าเสียดาย... ลูกตาไม่ได้เป็นที่ต้องการขนาดนั้น โดยเฉพาะดวงตาสีเทาที่หาได้ง่ายเหมือนหุ่นแอนดรอยด์ที่เดินพล่านเต็มถนน เขาจึงให้ราคาได้ไม่เกินสองแสน...
อันที่จริงแค่แสนห้าก็หรูแล้ว
“ตาสีเทาน่ะ...ไม่ค่อยได้ราคาหรอก” ตอนที่เขาเงยหน้าจากอวัยวะนั่นขึ้น เขาก็ได้เห็นดวงตาของเด็กนี่พอดี
ดวงตาสีทอง...
ไม่เหมือนกับดวงตาสีทองของพวกที่เข้าศัลยกรรมเพื่อทำดวงตา และแตกต่างจากดวงตาสีทองของพวกแฟนตาเซีย...
“แต่ถ้าเป็นตาสีทอง...ล่ะก็นะ...”
“ลุง” เด็กสาวเหลือบขึ้นมอง “จะเอาจริงอะ?...” ขยับกายขึ้นนั่งบนเคาท์เตอร์ที่รกไปด้วยขวดยา “ตาคู่นี้น่ะนะ?” และประสานสายตาตรงมา “แล้วถ้า...” เขามองเห็นหน้าตัวเองอยู่ในดวงตาสีทองคู่นั้น “เป็นดวงตาสีดำแบบลุง...” หล่อนขยับรอยยิ้ม...ที่ไร้เดียงสาอย่างเสแสร้ง... “จะให้ราคาเท่าไหร่ดีคะ?”
เขาเงียบ ไม่คิดจะตอบ แม่นี่น่ารำคาญกว่าที่คิด...
“หนูล้อเล่นนะลุง” รอยยิ้มนั้นคลายลงจากความเสแสร้ง ก่อนจะหยิบเอาไครโอนิกส์อีกเครื่อง...ที่ใหญ่กว่า ขึ้นมาให้เขา...
“งั้นลุงซื้อเครื่องกรองน้ำด้วยได้มั้ย เครื่องกรองน้ำรูปถั่วสองอันนี้ช่วยตีราคาด้วยนะคะ”
เรเว่นเปิดดูเครื่องนั้น...เช็คสภาพของที่ว่า...และตัดสินใจ
เขาถอนคำพูด เรื่องที่ว่าแม่เด็กนี่เหมือนนกแก้วในกรงเหยี่ยว...
หล่อนเป็นเหยี่ยวในกรงนกแก้วต่างหาก...
นั่นเป็นครั้งแรก...ที่เขาได้พบยัยเด็กผีนี่
ส่วนหญิงสาวที่แม่เด็กผีหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือนั้น...หน้าตาคุ้น...เหมือนเคยเห็นตามรายการทีวีหรืออะไรสักอย่าง ผมสั้นสีทองกับดวงตาเรียวสีฟ้า จากลักษณะแล้วท่าทางจะอายุมากกว่าเขา (แน่นอนว่าวัดจากอายุจริงๆ ไม่ใช่ใบหน้า) ท่าทางการนั่งดูสง่างามเหมือนพวกนักรบในหนังโบราณไม่ผิด
“ถึงอย่างนั้น วิธีการเชิญเรามาที่นี่ของคุณ ก็ค่อนข้างจะเสียมารยาทไปหน่อยนะคะ”
น้ำเสียงเรียบ ลงเสียงหนักส่อแววตำหนิชัดเจน ทว่าดูจะไม่ส่งผลกระทบใดต่อท่านจอมพลนกหงส์หยก ผู้วางท่าทีได้ราวกับเป็นเจ้าชีวิตของทุกคนนัก เขาจำได้แล้ว... ฮิโนซารุ มิคัง เจ้าของร้านอาหารที่อาหารส่วนใหญ่ประกอบขึ้นจากปลาสดๆ หรือมีกระทั่งกินปลาที่ยังดิบ...คินคาเสะ
“ขอโทษแทนคนของเราด้วยแล้วกัน พอดีผมระบุไปว่า ด่วนที่สุด, ไม่ว่าวิธีการใดก็ตาม” ใบหน้าของเวอกัสยังคงเปื้อนยิ้ม...เป็นรอยยิ้มแบบที่เขาเกลียดนัก “และอนุญาตให้ใช้กำลัง”
รอยยิ้มที่เหมือนของตัวเขาเอง...
เรเว่นเลิกคิ้ว แสยะยิ้ม “เชิญกันรุนแรงขนาดนั้น?” มองไปยังเวอกัส ดูเหมือนตอนนี้มันจะถือตัวว่าเป็นเจ้านายของเขาไปเรียบร้อยแล้ว “ดีนะที่เสนอตัวก่อน”
ทิ้งน้ำหนักตัวและเอนหลังลงบนเก้าอี้ น้ำเสียงกดหนักเล็กน้อย เผื่อจะรู้ว่า มันไม่ได้สั่ง แต่เขาเสนอตัวเข้ามาเองด้วยความสมัครใจ...
แน่นอนว่าเหมือนอีกฝ่ายไม่รู้ตัว ท่าทางของคนที่วางตัวฉลาดและข่มคนอื่นนั่นทำให้เขาเหม็นขี้หน้ามันเป็นบ้า อดคิดไม่ได้ว่าสักวันไอ้หมดนี่คงจะโดนใครสักคนลอบฆ่าเอาดื้อๆ...
เผลอๆหนึ่งในนั้นจะเป็นเขาเองนี่แหละ...ถ้าเป็นไปได้ล่ะก็...
“ล...แล้วหน่วยนี้ต้องทำอะไรบ้างเหรอคะ?” เด็กหญิง เขาดูไม่ผิดแน่นอน เด็กหญิงที่ดูอายุไม่เกินสิบหกปีเป็นผู้ถามขึ้น ร่างกายนั่นดูเล็กและผอมบาง เส้นผมยาวประบ่าสีน้ำเงิน กับดวงตาสีแดงทำให้เด็กสาวเหมือนตุ๊กตาสักตัว รวมกับชุดคลุมสีดำยาวที่เป็นชุดเฉพาะสำหรับพวกนักบวชหรือพวกที่อาศัยในโบสถ์แล้ว ยิ่งไม่ควรมาโผล่ในสถานที่ ที่ถูกเรียกว่า ‘ฐานทัพหน่วยพิเศษ’ ได้
คำถามนั้นเรียกรอยยิ้ม...ที่ดูเป็นรอยยิ้มจริงๆ ไม่ใช่รอยยิ้มเหยียดเป็นครั้งแรก
“แค่ทำตามที่ฉันบอก”
น้ำเสียงเรียบง่าย ชายหนุ่มเลื่อนปลายนิ้วไปบนกระจก ภาพจำลองโครงสร้างสามมิติปรากฏขึ้นจากกลางโต๊ะ มีชื่อของแต่ละคนระบุชัดเจน...ตัวเขา เรเว่น ,เด็กสาวผมน้ำเงิน รีน่า ,ยัยเด็กผีปากมาก คาเดียร์ ซี. อาร์เรส ,แม่สาวผมสั้น ฮิโนซารุ มิคัง ,เจ้าเด็กหัวขาวที่ไม่ยอมพูด เอเลี่ยน (น่าสงสัยว่าพ่อแม่ของมันคิดอะไรถึงตั้งชื่อลูกแบบนี้) และเด็กหนุ่มที่ไม่ได้อยู่ในห้อง แต่ชื่อ...แพะ...
“พวกคุณคือผู้ที่ทางกองทัพได้เลือกสรรมาอย่างดี” ดวงตาสีเขียวมรกตของจอมผลกวาดมองรอบโต๊ะ “ชื่อของพวกคุณจะไม่ถูกบันทึกหรือจดจำใดๆ ทั้งสิ้น จงจำเอาไว้ว่าพวกคุณไม่ได้ต่อสู้เพื่อเมโทรโปลิสหรือเพื่อตำแหน่งหน้าที่ของใคร"
เรเว่นหันไปมองแพะตัวที่นั่งแผ่อยู่บนเก้าอี้...
หมอนั่นชื่อแพะ และส่งแพะมาร่วมประชุม...
เขาน่าจะคิดเรื่องการเลี้ยงนกกาเหว่าสักตัว...หรือน่าจะส่งหนูตะเภามาแทน...
“จงสู้เพื่อตัวเอง” น้ำเสียงของเวอกัส หนักแน่น ราวจะปลุกใจ
นั่นมันเรื่องปกติ เวอกัสกำลังพูดเรื่องไร้สาระที่ใครๆก็น่าจะรู้กัน เรเว่นยังคงมองแพะ...ตอนนี้มันไม่ได้อยู่บนเก้าอี้ แต่กำลังเคี้ยวพรมอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง
จอมทัพแห่งเมโทรโปลิสขยับยิ้ม
“ชัยชนะเท่านั้น...ที่จะมอบสิ่งที่พวกคุณต้องการ”
แพะตัวนั้นยังคงแทะพรมโดยไม่แม้แต่จะสนใจผู้บังคับบัญชา
และอันที่จริง ในห้องนี้ดูจะไม่มีใครใส่ใจเคารพสองคนที่เป็นผู้บังคับบัญชาเท่าไหร่นัก...
ท่าทาง การวางตัว และวิธีออกคำสั่งนั่นแสนจะหยิ่งยโส...เหมือนราชินีนกหงส์หยก...ทว่าตราบใดที่ยังมีประโยชน์ เขาก็ยังพร้อมที่จะเล่นไปตามเกมของหมอนั่น
สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น คือการแจกแจงรายละเอียดทั่วไปที่เขาไม่ได้ใส่ใจจะฟัง และไล่ให้ทุกคนกลับไปเก็บของเพื่อย้ายมาพักอาศัยที่นี่ และปริภูมิ แม่ทัพ ก็แจกสายรัดข้อมือที่เจ้าตัวบอกว่าสร้างมาจากโลหะชนิดอ่อน ใช้ในการยืนยันตัวตนการเป็นสมาชิกหน่วยพิเศษ ยืนยันตำแหน่ง ติดต่อ และอื่นๆ
น่าเสียดาย...
หากไม่ติดประโยคที่ว่า “มันทำงานโดยการสแกนชิพที่ฝังอยู่ในข้อมือ” หากไม่ใช่ผู้ที่ได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นสมาชิกหน่วยพิเศษ จะทำลายตัวเองด้วยการระเบิดทันที
คงขายทิ้งไม่ได้
ของแบบนี้น่าจะได้ราคาสูงในตลาดมืด มันทำให้เขาสามารถเบิกใช้ของและค่าใช้จ่ายของกองทัพได้โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการอนุมัติ และแน่นอนว่าหน่วยนี้ไม่ขึ้นตรงต่อใคร จึงไม่มีทางถูกตรวจสอบอย่างแน่นอน...
เรียกให้ง่ายเข้า...คือหมากรับใช้ของเวอกัสและปริภูมิ
“สิ่งที่ต้องการเรอะ?” พึมพำเบา รอยยิ้มแสยะจุดขึ้นที่มุมปาก คนในห้องบางคนเริ่มมีการปฎิสัมพันธ์กัน
“สนองบัญชา...ท่านควีน...”
กับอีแค่เล่นตามเกมเสียหน่อย...จะยุ่งยากอะไรนัก...
สำหรับเขา...ขอแค่ได้ใช้ห้องทดลอง กับยาของกองทัพได้...
ก็ถือว่าบรรลุจุดประสงแล้ว
นิยายเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Project IRC 2.0
สามารถดูที่มาที่ไปของบรรดาทีมกองทัพพิเศษได้ที่นี่ค่ะ
ไอ้หัวขาว : เอเลี่ยน - http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1152981
เด็กสาวหัวน้ำเงิน : รีน่า - http://writer.dek-d.com/envymusaki/writer/view.php?id=1153887
เจ้าของร้านอาหาร :มิคัง - http://my.dek-d.com/poomming/writer/view.php?id=1153886
เคี้ยวพรม : แพะ - http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1152426
ยัยเด็กผี : คาร์เดีย - http://writer.dek-d.com/rakia/writer/view.php?id=1155089
ความคิดเห็น