คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #305 : Nobunaga Concerto การประสานเสียงของโนบุนากะ
ยุคเซ็นโกคุ (Sengoku) ถือว่าเป็นยุคมืดมนที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะเป็นยุคสงครามกลางเมืองนองเลือดที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น (ตั้งแต่ 1477-1615) ซึ่งมีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมใก แต่ในขณะเดียวกันก็มีสงครามตัดสินประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นอีกด้วย
ส่วนสาเหตุที่เกิดยุคแห่งการนองเลือดนี้ขึ้น ก็คล้ายๆ กับสามก๊ก คือจักพรรดิผู้ปกครองญี่ปุ่นนั้นอ่อนแอ และปล่อยให้ไดเมียวผู้ปกครองแต่ละแคว้นสะสมกำลังทหาร ตั้งตนเป็นอสระ ทำสงครามกันเอง จนกลายเป็นสงครามกลางเมือง เดือดร้อนทุกย่อมหญ้า
แน่นอนว่า ยุคเซ็นโกคุ เป็นยุคที่คนไทยหลายคนรู้จักมากที่สุด (บางทีอาจรู้จักมากกว่าประวัติศาสตร์ไทยด้วยซ้ำ) เพราะเป็นยุคที่ถูกนำไปใช้เป็นเวทีของการ์ตูนญี่ปุ่นหลายเรื่อง หลายแนว ไม่ว่าแอ็คชั่น ไซไฟ (??) แฟนตาซี ไปจนถึงอิงประวัติศาสตร์ที่นำบุคคลสำคัญในเรื่องมาถ่ายทอดเรื่องราว แน่นอนใครที่ดูการ์ตูนที่มีการกล่าวถึงยุคเซ็นโกคุก็เกิดความสนใจ จนต้องข้อมูลมาอ่านเพิ่มเติม
สาเหตุหนึ่งที่หลายคนให้ความสนใจยุคเซ็นโกคุ และทำไมการ์ตูนญี่ปุ่นถึงต้องเอายุคนี้มาเป็นเวทีของเรื่อง ก็เนื่องมาจากในยุคนี้มีบุคคลสำคัญประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำมากมาย ในยุคที่บ้านเมืองเดือดร้อนนี้ก็ย่อมมีวีรบุรุษถือกำเนิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไดเมียวที่มีความทะยานอันแรงกล้า หรือนักรบที่เก่งกาจไม่กลัวตาย และซามูไรผู้กักดีสะท้านแผ่นดิน
และบุคคลในประวัติศาสตร์ที่มักเป็นตัวเอกมากที่สุดคือโอดะ โนบุนากะ และซานาดะ ยูคิมูระ
โดยเฉพาะโอดะ โนบุนากะ ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญประวัติศาสตร์ที่หลายคนรู้จักมากที่สุด เพราะโอดะ โนบุนากะเป็นหนึ่งในสามวีรบุรุษทั้งสามที่รวมญี่ปุ่น ร่วมกับโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ และโทกุงาว่า ฮิเอยะสึ
โอดะ โนบุนากะถือว่าเป็นตัวตั้งตัวตีที่ต้องการรวมญี่ปุ่นเป็นหนึ่งคนแรก เดิมทีเขาเป็นเพียงไดเมียวบ้านนอก เล็กๆ แต่มีวิสัยทัศน์ยาวไกล และความทะเยอทะยาน ทำให้เขาและยอดขุนพลในอาณัติเกือบยึดครองญี่ปุ่นได้
แม้ว่าโอดะ โนบุนากะจะเป็นวีรบุรุษที่เกือบรวมญี่ปุ่นได้ (แม้ไม่สำเร็จ แต่ก็วางรากฐานให้ผู้นำถัดมาให้รวมญี่ปุ่นต่อไป) แต่โนบุนากะกลับได้รับฉายาว่า “จอมมารฟ้าที่ 6” อันเนื่องจากมีพฤติกรรมเด็ดขาดที่ค่อนข้างโหดเหี้ยมเอาการ เคยให้กำลังทหารทำลายสถานที่สำคัญทางศาสนา และฆ่าสังหารหมู่ทั้งผู้หญิงและเด็กมาแล้ว
แน่นอนว่าภาพลักษณ์ของโอดะ โนบุนากะที่หลายคนรู้จัก ไม่ว่าการ์ตูนเรื่องไหนๆ มักนำเสนอโนบุนากะที่มีภาพลักษณ์ของตาลุง (ไม่ก็ชายหนุ่ม) ที่บุคลิกกล้าแข็งแกร่ง เด็ดขาด โหดเหี้ยม ราวกับเป็นจอมมารที่ไม่น่าคบ มักรับบทเป็นผู้ร้ายตลอดกาล
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการ์ตูนเรื่องหนึ่ง ที่ฉีกภาพลักษณ์ของโอดะ โนบุนากะใหม่ แบบไม่เหมือนใคร และทำออกมารได้อย่างน่าสนใจเสียด้วย
Nobunaga Concerto
Nobunaga Concerto แปลเป็นไทยแบบแมวๆก็คือ “การประสานเสียงของโนบุนากะ” ตอนแรกเป็นมังงะของ Ishii Ayumi ลงในนิตยสาร Gessan (Shonen Sunday รายเดือน) ต่อมาก็ถูกทำเป็นอนิเมะและประกาศเป็นละครทวี และภาพยนตร์ซีรีย์อีกด้วย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าจับตาเลยทีเดียว
Nobunaga Concerto เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มมัธยมปลายชื่อซาบุโร่ มีนิสัยเรื่อยเปื่อย ไม่ชอบการเรียนประวัติศาสตร์โดยเฉพาะยุคเซนโกคุสักเท่าไหร่ เพราะคิดว่าเรียนไปแล้วไม่เห็นจะได้อะไร หากแต่เวลาต่อมาเขาได้ตกลงไปรูหนอน แล้วย้อนเวลามาสู่ยุคเซนโกคุ และที่นั้นเขาได้พบเห็น “โอดะ โนบุนากะ” ตัวจริง หากแต่โนบุนากะนั้นแตกต่างจากที่หลายคนคิด เพราะเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่อ่อนแอ ขี้โรค และกำลังหนีจากตระกูลเพราะคิดว่าตนเองไม่เหมาะสมกับเป็นผู้นำตระกูลโอดะสู่ความรุ่งเรือง
ทันทีที่โนบุนากะเห็นซาบุโร่ ก็พบว่าซาบุโร่นั้นมีหน้าตาคล้ายตนเป็นอย่างมาก เขาเลยให้ซาบุโร่เป็นโนบุนากะแทนเขา
อย่างไรก็ตาม แม้หน้าตาจะเหมือนกัน แต่นิสัยของซาบุโร่ไม่เหมือนโนบุนากะตัวจริงเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาเป็นเด็กหนุ่มที่ไม่ค่อยมีมารยาท หรือยึดธรรมเนียมอะไรมากนัก มีนิสัยห่ามๆ ชอบเล่นกับลูกชาวบ้าน จนทำให้คนใหญ่คนโตในตระกูลมองโนบุนากะว่าเป็น “คนโง่เขลา”
ซาบุโร่
Nobunaga Concerto อาจเป็นการ์ตูนที่หลายคน (โดยเฉพาะคนไทย) ไม่ค่อยรู้จักมากนัก แต่กระนั้นยอดขายดีไม่เบา (จากการจัดดับหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นขายดีในช่วง 13-19 กุมภาพันธุ์ 2012 โนบุนากะ เล่ม 6 ติดอันดับที่ 2 มียอดขายรายสัปดาห์ได้ 34,647 เล่ม และยอดขายรวม 73,877 เล่ม) และได้รับรางวัล รางวัล Shogakukan (สาขาการ์ตูนเด็กผู้ชาย) และพึ่งเป็นอนิเมะเมื่อซีซั่น 2014 ที่ผ่านมา (มีเพียง 10 ตอนจบ) แม้ว่าอนิเมะ จะทำออกมาได้อย่างขาดๆ เกินๆ ลายเส้นตัวละครจะไม่สวยงามมากนัก อีกทั้งยังตัดเนื้อหามังงะเยอะมาก แต่เรื่องกราฟิก ฉากหลังนี้ทำได้สวยงามหยดย้อย ภายในเมือง,, ภาพต้นซากุระ, ป่าเขาทำได้สวยงามมากๆ บวกกับเพลงจบตอนก็ติดหู ทำให้เป็นอนิเมะที่ไม่ได้เลวร้ายมากนัก
จุดเด่นของ Nobunaga Concerto ที่แตกต่างจากการ์ตูนอิงประวัติศาสตร์โนบุนากะเรื่องอื่นๆ ก็คือ เป็นการ์ตูนที่นำเสนอให้เรเห็นภาพลักษณ์ของโนบุนากะในอีกแบบหนึ่งที่ไม่เหมือนการ์ตูนเรื่องอื่นๆ (ที่โนบุนากะเป็นตัวเอก หรือเป็นตัวผู้ร้ายก็ตาม)
ปกติเรามักเห็นโนบุนากะจากการ์ตูนหลายเรื่อง มักเป็นขุนพลหนวดเท่ๆ อหังการ สะท้านโลก ใบหน้าเครียดๆ อยู่ตลอด บางเรื่องปล่อยรังสีราวกับเป็นจอมมารตัวจริงอย่างไงอย่างงั้น แต่การ์ตูนเรื่อง Nobunaga Concerto โนบุนากะตัวจริง กลับเป็นชายหนุ่มผู้อ่อนแอ ขี้โรค ที่หนีจากตระกูล เพราะไม่มีความเชื่อมั่นใจจะทำให้ตระกูลโนบุนากะเจริญรุ่งเรื่อง ผ่านยุคสงครามอันโหดร้ายนี้นี้ได้
ดังนั้นโนบุนากะตัวจริง กลับกลายเป็นเด็กหนุ่มที่มาจากอนาคตร้อยกว่าปีข้างหน้า นามซาบุโร่ ที่ต้องรับภาระเป็นโนบุนากะแทน (ซึ่งเขาไม่อยากเป็นแม้แต่น้อย) แถมซาบุโร่ไม่เหมาะเป็นโนบุนากะ คือเขาไม่มีความเท่, เด็ดขาด หรือโหดเหี้ยมอะไรเลย
ที่แปลกคือซาบุโร่นั้นไม่เป็นเด็กหนุ่มที่ไม่สนใจประวัติศาสตร์เซนโกคุมากนัก ปกติไม่ว่าการ์ตูนเรื่องไหนๆ มักกำหนดให้พระเอกที่ทะลุมิติมีความรู้ในประวัติศาสตร์ และชื่นชอบประวัติศาสตร์ แต่ซาบุโร่ไม่ได้ชอบเรื่องเหล่านี้เลย ความรู้ของเขามีเพียงแค่ว่า “โนบุนากะเท่, ฮิเดโยชิและโตกุกาว่าเป็นคนดัง” แต่ถ้าถามว่าวีรกรรมของบุคคลสำคัญเหล่านี้เป็นยังไง ซาบุโร่ก็ไม่รู้เลยแม้แต่น้อย (คล้ายๆ กับคนสวมเสื้อเซกาว่าแล้วไม่รู้เซกาว่าเป็นใคร รู้แต่ว่ามันเท่เท่านั้น)
พูดง่ายๆ ในเรื่องนี้มีโนบุนากะสองคน คนหนึ่งเป็นตัวจริง คนหนึ่งเป็นเงา (และเป็นเงาที่เหนือกว่าตัวจริงด้วยซ้ำ) และทั้งสองรวมกันจนเป็นโนบุนากะที่หลายคนรู้จักนั้นเอง
ตอนแรกที่ซาบุโร่กลายเป็นโนบุนากะและกลายเป็นผู้นำตระกูลอยู่นั้น หลายฝ่ายมองว่าโนบุนากะ (ในคราบของซาบุโร่) เป็นคนโง่เขลา เพราะเขามีพฤติกรรมประหลาด ทำตัวโผงผาง รักอิสระ ทำอะไรตามใจชอบตัวเอง โดยไม่ตระหนักกลายเป็นผู้นำตระกูลแม้แต่น้อย ทำให้ไม่เป็นที่พอใจข้ารับใช้หลายคน (ซึ่งตรงกับประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเกี่ยวกับช่วงเวลาชีวิตตอนต้นของบุนากะ) ซึ่งก็ไม่แปลกแต่อย่างใดเพราะก่อนย้อนเวลามา ซาบุโร่เองก็เป็นเด็กที่คนรอบข้างยุคปัจจุบันมองว่าเป็นพวกบ้าบอเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ระยะทางพิสูจน์ม้ากาลเวลาพิสูจน์คน บางอย่างไม่ต้องโฆษณามาก เดี๋ยวเวลาก็จะพิสูจน์เอง และแล้วเวลาที่ซาบุโร่ฉายแวว เมื่อกองทัพใหญ่นับหมื่นที่นำโดยอิมากาว่า โยชิโมโตะที่เป็นขุนศึกที่เก่งกาจสมัยนั้นได้มารุกรานเขตแดนที่โนบุนากะ (ซาบุโร่) ปกครองอยู่
แน่นอนว่าซาบุโร่จำเป็นต้องสู้กับกองทัพโยชิโมโตะ ทั้งๆ ที่โนบุนากะมีกองทัพเพียงพันคนเท่านั้น ซึ่งแทบไม่เห็นทางชนะเลย และศึกครั้งนี้อาจทำให้ตระกูลโอดะล่มสลายไปก็ได้ ในระหว่างที่หลายคนอยู่ไม่สุข ถกเถียงกันอย่างดุเดือดอยู่นั้น มีเพียงซาบุโร่ที่เหมือนไม่สนความวิกฤตนี้เลยแม้แต่น้อย
ความจริงแล้ว ภายนอกซาบุโร่จะทำตัวเหมือนคนโง่ๆ แต่ความจริวแอบวางแผนเตรียมรับมือข้าศึกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยขอความร่วมมือกับลูกชาวบ้านที่เป็นเพื่อนเล่นเขา มาเป็นสายลับ รายงานการเคลื่นทัพของโยชิโมโตะ และรอที่โอกาสเหมาะๆ เพื่อนำทัพบุกจู่โจมแบบสายฟ้าแลบ จนสามารถเด็ดหัวโยชิโมโตะได้สำเร็จ และนั้นเป็นจุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของตระกูลโอดะ
และหลังจากนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีใครดูถูกซาบุโร่เป็นคนโง่อีกเลย
ถ้าถามว่าซาบุโร่เป็นคนฉลาดหรือไม่นั้น ค่อนข้างที่จะตอบยาก เพราะซาบุโร่เป็นพระเอกที่ดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่
เท่าที่ผมรู้สึกได้ซาบุโร่นั้นก็ไม่ได้เก่งอะไร แต่สิ่งที่ซาบุโร่แตกต่างจากผู้นำสมัยนั้นก็คือ ความรู้จักคิดออกนอกกรอบ แหวกม่านประเพณีมากมาย ซึ่งซาบุโร่ได้ทำสิ่งที่เจ้าเมืองคนไหนไม่ทำ ไม่ว่าจะเป็นใส่ใจปากท้องของชาวบ้าน การรับคนมีฝีมือเข้ากองทัพโดยไม่สนชาติตระกูล และนั้นทำให้กองทัพโนบุนากะแข็งแกร่งและมีวีรบุรุษผู้กล้าจำนวนมากมาย
Nobunaga Concerto เป็นการ์ตูนอิงประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ในช่วงตอนต้นๆ นำเสนอด้านดีๆ ของโนบุนากะ (ซาบุโร่) หนึ่งในนั้นคือการให้รางวัลตอบแทนแก่ผู้ที่มีความดีความชอบตามผลงานความสามารถ หลังเสร็จสงครามกับโยชิโมโตะ โนบุนากะ (ซาบุโร่) ได้ให้รางวัลตอบแทนจำนวนมากให้กับ ยามาดะ มะสะสึนะ (Yanada Masatsuna) ที่เป็นชาวนายามาดะไม่ได้ออกรบเหมือนซามูไรคนอื่นๆ แต่ก็มีความสำคัญในฐานะเป็นคนให้ข่าวจนทัพของซาบุโร่เอาชนะศึกครั้งนี้
(โนบุนากะยังให้กำเนิด "กองกำลังทหารอชิงะรุ" (Ashigaru) ซึ่งมาจากบรรดาชาวบ้านธรรมดาที่อยากมีส่วนร่วมกับบ้านเมืองในการทำสงคราม ให้โอกาสผู้ที่อยากเป็นทหารแต่ไม่มีโอกาสได้เป็น ซึ่งจะแตกต่างจากไดเมียวคนอื่น ๆ ที่กองกำลังเป็นพวกซามูไร แม้ว่ากองกำลังทหารจะมีชนะมีแพ้บ้าง แต่ก็เป็นกองกำลังทหารที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุคเซนโกคุก็ว่าได้)
โนบุนากะภาคคนแสดงแสดงนำโดย โอกุริ ชุน
เรื่องราวเริ่มเข้มข้นขึ้นหลังจากที่ซาบุโร่ได้ครอบครองแคว้นมิโนะ ซาบุโร่ก็ได้พบโนบุนากะตัวจริง แต่โนบุนากะตัวจริงไม่ยินดีที่จะกลับเป็นผู้นำ เพราะเขาอยากให้ซาบุโระรับเป็นโนบุนากะต่อไป เพราะเขาทำให้ตระกูลโอดะยิ่งใหญ่จนถึงทุกวันนี้ ส่วนตัวเองนั้นขอเป็นข้ารับใช้ซาบุโร่ในชื่อของอาเคจิ มิตสึฮิเดะ (ผู้ทรยศโนบุนากะในเวลาต่อมา)
หลังจากนั้นเวลาซาบุโร่จะดำเนินแผนการอะไร เขาจะฟังมิตสึฮิเดะไปเสียอีกเรื่อง แม้แผนการส่วนใหญ่ของมิตสึฮิเดะจะเป็นแผนทำให้ตระกูลโอดะสู่ความยิ่งใหญ่ แต่สิ่งที่ได้ก็มาพร้อมกับการเป็นศัตรูทั้งแผ่นดิน และที่มาของชื่อมารฟ้าอีกด้วย
เหมือนกับว่าซาบุโร่เป็นหุ่นเชิดของมิตสึฮิเดะโดยที่ไม่รู้ตัว......ทั้งๆ ที่ผ่านมาทั้งหมดซาบุโร่ทำให้ตระกูลยิ่งใหญ่ ขุนพลต่างๆ ล้วนเป็นคนของซาบุโร่เลือกทั้งนั้น
ตอนนี้แม้ความสัมพันธ์ระหว่างซาบุโร่และโนบุนากะยังคงเป็นความสัมพันธ์ที่ดีอยู่ แต่มันเป็นความสัมพันธ์ที่เปราะบางที่พร้อมจะถูกทำลายทุกเมื่อ ซาบุโร่จะรอดในยุคอันโหดร้ายหรือไม่ เขาจะ
แม้ว่าจะเป็นการ์ตูนที่นำเสนอชีวิตโนบุนากะมาก่อนหน้าหลายเรื่องแล้วก็ตาม แต่ Nobunaga Concerto ยังอิงเป็นการ์ตูนอิงประวัติศาสตร์ยุคเซนโกคุ อิงประวัติโนบุนากะที่ทำได้น่าติดตามมากกว่าที่คิดไว้ แม้ว่าลายเส้นมังงะจะไม่ได้สวยงามเลิศเลอ ตัวละครในประวัติศาสตร์อาจไม่ถูกใจสาวกเซนโกคุที่มักคิดมาตลอดว่าหล่อเลิศเท่ก็ตาม (หน้าแต่ละคนลุงๆ โหดๆ ทั้งนั้น) แต่มันสนุกตรงที่เราได้เห็นมุมมองของโนบุนากะถึงสองแบบ นั้นคือโนบุนากะ (ซาบุโร่) เด็กหนุ่มที่คิดนอกกรอบ กับโนบุนากะผู้อ่อนแอขี้โรคที่มีต้องการตระกูลยิ่งใหญ่แม้จะแลกด้วยอะไรก็ตาม
ซาบุโร่เป็นพระเอกที่จับต้องได้ เพราะเขาก็เหมือนคนธรรมดาอย่างเรา มีความคิดอ่านแบบคนธรรมดาทั่วไป จนบางครั้งเราก็เห็นซาบุโร่แสดงความเป็นมนุษย์ที่ไม่มีความรับผิดชอบบ้าง เป็นต้นว่า ฉากที่ซาบุโร่รำพึงท้อใจว่าเลิกครองญี่ปุ่นดีไหม กลับไปอยู่อย่างรวยๆ เงียบๆ ดีกว่า (ฮ่า) จนทำให้พวกใต้บังคับบัญชาอึ้งตกใจกันยกใหญ่ทีเดียว จนบางครั้งผมก็ตั้งคำถามตกลงแล้วซาบุโร่เป็นโนบุนากะเพราะคิดว่าเท่? มากกว่าเป็นเพราะเห็นความสำคัญของประวัติศาสตร์หรือเปล่า
สำหรับการดำเนินเรื่องของการ์ตูน ไม่ได้เน้นฉากสงครามอะไรมากนัก แต่จะเน้นการดำเนินเรื่องบทตัวละครมากกว่า ซึ่งบางตัวละครก็มีเสน่ห์ และมุมมองใหม่ๆ ไม่แพ้โนบุนากะเหมือนกัน เป็นต้นว่า ฮิเดโยชิที่คิดจะหักหลังโนบุนากะตลอดเวลา ตัวละครที่ทะลุมิติเหมือนซาบุโร่ (และทุกคนก็ไม่ได้เก่งประวัติศาสตร์เหมือนซาบุโร่ด้วย) และนอกจากนี้ยังแอบสอดแทรกความรักของซาบุโร่กับคิโจ ซึ่งก็ไม่ได้รักหวานซึ้งหรอก แต่ออกไปทางน่ารักมากกว่า
นอกจากนี้ซาบุโร่ไม่ได้คิดที่จะเปลี่ยนประวัติศาสตร์เหมือนพระเอกทะลุมิติเรื่องอื่นๆ แต่ต้องการให้เป็นไปตามประวัติศาสตร์ แต่ก็ใช่ว่าจะน่าเบื่อหรือเดาทางได้ เพราะจะมีมุมมองใหม่ๆ ตลอดว่าอะไรที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมากกว่า เช่นฉากโนบุนากะพบไซโต โดซังแอบฮ่าไม่น้อย
สรุป แม้ว่า Nobunaga Concerto ไม่ใช่การ์ตูนอิงประวัติศาสตร์ที่นำเสนอตัวละครเท่ๆ โดยเฉพาะโนบุนากะที่ไม่น่าเกรงขามเหมือนการ์ตูนทั่วๆ ไป แต่มันก็นำเสนอให้เห็นความเป็นมนุษย์ของโนบุนากะในอีกมุมมองหนึ่ง ที่ทำได้น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง ใครที่ชอบแนวยุคเซนโกคุอาจติดใจ
ปัจจุบันการ์ตูนเรื่องนี้ยังไม่ได้เข้าไทย ใครสนใจก็ลองไปดูอนิเมะ หรือดูต้นฉบับมังงะญี่ปุ่น, แปลอังกฤษ ได้นะครับ
ความคิดเห็น