คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : บทที่ 20 : จดหมายฉบับที่ 6 ของ เราสองคน
บทที่ 20 : จดหมายฉบับที่ 6 ของ ‘เราสองคน’
ฮั่นนั่งมองแผ่นหลังบางของคนเป็นน้องสาวเพื่อนด้วยความรู้สึกที่สงสารจับหัวใจ ไหล่บางที่ไหวน้อย ๆ ตามแรงสะอื้นทำให้ฮั่นนึกอยากจะดึงตัวเธอเข้ามากอดปลอบประโลม แต่เพราะเขารู้ดีว่า...แค่การที่เขามานั่งอยู่เป็นเพื่อนแบบนี้...สำหรับหมิวนั้นก็มากเกินพอแล้ว...
เขาไม่เข้าใจโตโน่เลยจริง ๆ...ทำไมถึงได้เป็นผู้ชายที่หลายใจจับปลาสองมือแบบนี้...หากไม่ได้คิดจริงจังอะไรทำไมถึงไม่ยอมปล่อยหมิวให้ออกมาจากวังวนรักสามเศร้านี้ ทำไมถึงปล่อยให้หมิวต้องจมอยู่กับสถานะที่ไม่ชัดเจนแบบนี้...ทำไมนะ!
ยัยกวางนั่นก็อีกคน...ไม่รู้ว่าจะตามราวีเจ้าหมิวไปถึงไหน แล้วนี่ยังมาสนิทสนมกับแกงส้มของเขาอีก...
ฮึ่ย!!!!! หงุดหงิดเว้ย!!!!
“หมิว...”
“ขอเวลาหมิวอีก 10 นาที...แล้วหมิวจะเล่าเรื่องของหมิวกับพี่โน่ให้พี่ฟังทั้งหมดค่ะพี่ฮั่น...”
10 นาทีผ่านไป หญิงสาวที่นั่งกอดเข่าหันหลังให้ฮั่นก็ค่อย ๆ หันหน้ามา ใบหน้าที่เลอะไปด้วยคราบน้ำตา เรียกร่างของคนที่นั่งข้าง ๆ ให้เขยิบเข้าไปใกล้ ก่อนที่ฮั่นจะใช้นิ้วโป้งทั้งสองข้างไล่เช็ดคราบน้ำตานั้นให้กับเธอ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
คงเสียใจมากจริง ๆ สินะหมิว...
เพราะถ้าเป็นเวลาปกติเจ้าหมิวคงถีบเขาร่วงโซฟาไปแล้ว!
“หมิว...กับเฮียรู้จักกันตอนที่หมิวเข้าชมรมนั้นครั้งแรก...”
ณ ชมรมสีสันวันดอกไม้สวย
“พี่หมิว...เข้าชมรมนี้แหล่ะ เขาบอกว่าประธานชมรมหล่อมากกกกกกกกก” ปันปันว่าพลางออกแรงทั้งผลักทั้งดันทั้งลากคนเป็นพี่ที่มาด้วยกันให้เดินเข้าไปยังห้องชมรมที่เปิดอยู่ และระหว่างที่กำลังยื้อกันไปยื้อกันมา ร่างของหมิวก็ไปกระแทกเข้ากับร่างสูงที่ถือกระถางกุหลาบเดินมาเข้าอย่างจัง
ตุบ!
กระถางกุหลาบหล่นกระแทกพื้นอย่างแรง ส่งผลให้กระถางและต้นไม้ไปคนละทิศละทาง เศษกระถางที่เกลื่อนกระจายเต็มพื้นบวกกับเศษดินที่เลอะ ทำให้คนชนรู้สึกผิดจนต้องรีบระล่ำระลักขอโทษ
“ขอโทษนะคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจ เดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่นะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับน้อง พี่รู้ว่าน้องไม่ได้ตั้งใจ” ร่างสูงว่า พลางส่งยิ้มมาให้หญิงสาวจนตาที่ตี่หยีจนมองไม่เห็นลูกตา ฟันขาวที่เรียงตัวสวยทำให้หมิวเผลอมองใบหน้านั้นชั่วขณะราวกับตกอยู่ในภวังค์
“น้อง...น้องครับ...” โตโน่เอ่ยเรียกคนที่ยืนตาลอยพลางโบกมือไปมาผ่านใบหน้าของหญิงสาว
นั่น...ทำให้หมิวตื่นจากภวังค์
“เอ่อ...อะ...อะไรคะ”
“น้องเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมตาลอย ๆ ไม่สบายใช่ไหมถึงได้เซมาชนพี่แบบนี้” โตโน่ไม่ถามเปล่า แต่เขายังใช้หลังมือมาอังที่หน้าผากหญิงสาวตรงหน้า ด้วยความตกใจทำให้หมิวปัดมือนั้นออกไปอย่างแรง
“โอ๊ย...เบา ๆ ก็ได้ครับ พี่แค่เป็นห่วงเห็นเราเหมือนจะไม่สบาย ไม่ได้คิดจะทำอะไรไม่ดีเลยนะครับ”
“ไม่ได้คิด แต่ทำไมต้องถึงเนื้อถึงตัวด้วย เป็นโรคจิตชอบแต๊ะอั๋งสาว ๆ หรอคะ” หมิวว่าพลางเขยิบตัวถอยห่างแล้วมองใบหน้าหล่อนั่นด้วยดวงตาที่เริ่มขยะแขยงทันที
อาการนี้ของหญิงสาวทำให้โตโน่ถึงกับหน้าเอ๋อเหวอรับประทาน
เอิ่ม...นี่เขาดูเหมือนโรคจิตขนาดนั้นเชียวหรือ...?
“น้องเข้าใจพี่ผิดแล้วนะครับ พี่ไม่ได้เป็นโรคจิตจริง ๆ เอ่อ...เอาเป็นว่าพี่ต้องขอโทษน้องด้วยนะครับที่แสดงกิริยาแบบนั้นออกไปจนทำให้น้องเข้าใจผิด” โตโน่พูดพลางก่อนจะก้มหัวน้อย ๆ เป็นเชิงขอโทษ ดวงตาที่แสดงออกถึงความจริงใจของชายหนุ่ม ทำให้หมิวเริ่มรู้สึกดีกับผู้ชายคนนี้ขึ้นมา
หลังจากที่เธอมองเขาติดลบไปเมื่อสักครู่นี้...
“ถ้างั้นหมิวก็ต้องขอโทษพี่เหมือนกันค่ะ ที่เซมาชนจนกระถางต้นไม้พี่แตกแบบนี้ ให้หมิวชดใช้ค่าเสียหายยังไงดีคะ”
“ชดใช้ด้วยการมาสมัครเป็นสมาชิกชมรมนี้สิครับ”
“หา...”
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ ขอปันปันแทรกนิดนึงนะ พี่เป็นประธานชมรมที่เขาพูดถึงกันหรือเปล่าคะ” ปันปันที่ยืนเงียบดูเหตุการณ์มาหลายนาที ยกมือขึ้นมาก่อนที่เธอจะพูดแทรกบทสนทนาของโตโน่และหมิว
“อ๋อ...พี่ไม่ใช่ประธานชมรมหรอกครับ แต่ประธานชมรมน่ะอีกคนหนึ่ง พี่เป็นแค่ที่ปรึกษาชมรมเท่านั้น พี่ชื่อว่าโตโน่ครับ ส่วนน้อง...?”
แม้จะพูดตอบหญิงสาวผมสั้น แต่โตโน่กลับเบนสายตาไปมองที่หญิงสาวผมยาวตรงหน้า
เขาว่า...เขารู้สึกสนใจในตัวผู้หญิงคนนี้
เธอดูมีอะไร...ให้เขารู้สึกค้นหา...
“หมิวค่ะ แล้วนี่ปันปัน...จริง ๆ ปันปันเค้าก็ตั้งใจจะมาสมัครเป็นสมาชิกชมรมนี้อยู่แล้ว”
“ปันปันตั้งใจมาสมัคร แล้วน้องหมิวล่ะครับ...ตั้งใจมาสมัครด้วยหรือเปล่า” โตโน่เอ่ยถามด้วยท่าทีทีเล่นทีจริงอย่างหยอกเอินเล็ก ๆ
“เปล่าค่ะ หมิวไม่ได้ตั้งใจมาสมัคร และคิดว่าจะไม่สมัครด้วย”
จากที่คิดว่าคนตรงหน้าจะตอบกลับมาด้วยท่าทีเล่น ๆ เหมือนเขา แต่กลับกลายเป็นว่าหมิวกลับตอบเขามาด้วยคำตอบที่เขาเซจนหน้าแทบจะกระแทกพื้น
“ทำไมล่ะครับ”
“หมิวไม่ชอบที่ปรึกษาชมรมที่ทำท่าเหมือนหมาหยอกไก่ใส่รุ่นน้องที่เพิ่งจะพบกันเป็นครั้งแรก” พูดจบ หมิวก็หมุนตัวเตรียมเดินออกไปจากบริเวณนี้
โตโน่ที่โดนด่ากระทบตรง ๆ รีบเดินไปดักหน้าหญิงสาวไว้ทันที
“นี่น้องว่ากระทบพี่ใช่ไหม”
“หมิวไม่ได้ว่ากระทบพี่ค่ะ แต่หมิวว่าพี่ตรง ๆ เลยต่างหาก เพราะพี่เป็นที่ปรึกษาชมรม หรือว่าที่ปรึกษาชมรมนี้มีหลายคนล่ะคะ” คำตอบที่มาพร้อมใบหน้านิ่ง ๆ ทำให้คนที่โดนด่าตรง ๆ ถึงกับปั้นหน้าไม่ถูก
ตรงดีจริง ๆ ผู้หญิงคนนี้!
น่าสนใจ...
“โอเค เอาเป็นว่า...น้องหมิวกับน้องปันปันจะสมัครเป็นสมาชิกในชมรมของพี่ใช่ไหมครับ”
“เดี๋ยวนะคะ พี่ฟังไม่ออกหรอ ว่าหมิวบอกว่าหมิวไม่สมัคร”
“แต่พี่คิดว่าน้องหมิวต้องสมัครครับ”
“ทำไมคะ”
“เพราะหมิวต้องชดใช้ค่ากระถางกุหลาบที่แตกไปไงครับ”
“...แล้วตั้งแต่วันนั้น หมิวกับปันปันก็เป็นสมาชิกในชมรมของเฮีย เราสองคนเจอกันบ่อยมาก เรียกว่าเจอกันทุกวัน จากความรู้สึกที่หมิวไม่ชอบหน้าเฮียในตอนแรก แต่เมื่อได้ลองมาทำความรู้จักกัน ความผูกพันก็เริ่มก่อตัวในใจมากขึ้น...หมิวยอมรับเลยนะคะว่าเฮียเป็นผู้ชายที่ดีมาก เฮียดูแลเทคแคร์หมิวดีทุกอย่าง จนหมิวรู้สึกว่า...เฮียคือคนที่ ‘ใช่’ สำหรับหมิว...แต่แล้ววันหนึ่ง...ก็มีคนอีกคนหนึ่งก้าวเข้ามา...”
“หมิว...อยากได้กุหลาบดอกไหน เลือกเลย...เพราะทุกดอกบนต้นนี้เฮียปลูกไว้ให้หมิวคนเดียว” คำพูดที่มาพร้อมกับรอยยิ้มหวาน ทำให้หมิวรู้สึกเขินขึ้นมา
หญิงสาวเสสายตาจากใบหน้าของคนพูด มามองดอกกุหลาบสีขาวละมุนตรงหน้าแทน นิ้วเรียวที่ไล้ไปที่ดอกกุหลาบทีละดอกเรียกมือหนาของโตโน่ให้เอื้อมไปคว้ามือนั้นมาไว้ในมือเขา
“หมิว...เฮีย...”
“เฮียโน่ววววววววววว คิดถึงจังเลยอ่ะ ไม่ได้เจอกันตั้งนานแน่ะ!” เสียงเรียกที่มาพร้อมกับร่างโปร่งซึ่งบัดนี้วิ่งมาแทรกกลางระหว่างคนสองคน ก็ทำให้หมิวต้องถอยหลังออกมา
“กะ...กวาง!!!!”
“ก็กวางน่ะสิคะ คิดว่าใครล่ะ...เค้ากลับมาแล้วนะ หลังจากที่หนีไปขึ้นดอยเก็บชามานาน คิดถึงแปลงดอกไม้ของเราที่สุดเลยยยยยยย” กวางไม่พูดเปล่า แต่เธอยังใช้วงแขนโอบรอบคอคนพูดพลางเขย่งปลายเท้าไปหอมแก้มคนตรงหน้าอีกต่างหาก
อึ้ง...
นั่นคือความรู้สึกแรกที่หมิวเห็นภาพนั้น
ตกใจ...
คือความรู้สึกต่อมา
และเสียใจ...
คือความรู้สึกสุดท้าย...หญิงสาวอยากจะเบือนหนีจากภาพนั้น แต่ดวงตาของคนที่มองมาอย่างโตโน่ก็ตรึงขาของหมิวให้ยืนมองภาพนั้นด้วยหัวใจที่ร้าวลึก ๆ
“แล้วจะกลับมาอยู่บ้านที่กรุงเทพเลยหรือเปล่า หรือว่าไป ๆ มา ๆ”
“กลับมาอยู่บ้านถาวรเลยค่ะ แต่คงบินไปดูไร่เดือนละครั้ง เอ้อ...แล้วนี่ใครกันคะ”
กวางหันมามองใบหน้าของผู้หญิงที่ยืนทำหน้านิ่งตรงหน้าด้วยดวงตาสงสัย
เธอไม่อยู่แค่ 3 เดือน พี่โตโน่...มีแฟนแล้วหรอ...
“เอ่อ...นี่หมิว...รุ่นน้องในชมรมเราเอง”
คำว่า ‘ชมรมเรา’ ทำให้หมิวน้ำตาคลอขึ้นมา หญิงสาวรู้ตัวดีว่าถ้าเธอยังยืนอยู่ตรงนี้ เธอคงได้ร้องไห้ออกมาเป็นแน่ เธอจึงขอตัวเดินออกไปจากบริเวณนี้
“หมิวขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวสิ...อยู่คุยกันก่อน เรายังไม่รู้จักกันเลยนะ พี่ชื่อกวาง เป็นที่ปรึกษาชมรมนี้อีกคนหนึ่ง แล้วก็เป็นแกนหลักในการก่อตั้งชมรมนี้ขึ้นมาด้วย เราชื่อหมิวใช่ไหม...ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ” กวางว่า พลางยื่นมือออกไปตรงหน้าหมิว
หมิวลังเลที่จะจับมือกวาง...คำพูดที่ดูเป็นมิตร ไม่เข้ากับสายตาแปลก ๆ ที่มองมาเลย
“หมิว...” เสียงเรียกกระตุ้นของโตโน่ทำให้หมิวต้องยื่นมือออกไป
กรอบ...
ทันทีที่มือสองมือแตะสัมผัสกัน กวางก็บีบมือหมิวแรง ๆ หนึ่งที ก่อนที่เธอจะก้มหน้าลงมากระซิบที่ข้างหูหญิงสาวผู้เป็นรุ่นน้อง
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรกับเฮียโน่นะ...ฉันกลับมาแล้ว และเธอคือคนที่ต้องไป...”
พูดจบ กวางก็เงยหน้าขึ้น พลางส่งยิ้มหวานไปให้หมิว
รอยยิ้มหวาน...ที่แฝงไปด้วยความรู้สึกน่ากลัว...
“...เมื่อผู้หญิงคนนั้นกลับมา หมิวกับเฮียก็ห่างกันออกไปทุกที...ความชัดเจนที่เคยมีของเฮียค่อย ๆ ลดทอนลงไปจนเหลือแต่ความไม่แน่ใจให้หมิวต้องเก็บเอามาคิดต่อเสมอ...”
“แล้วทำไมหมิวถึงไม่เลือกเดินออกมาล่ะ...”
หลังจากที่นั่งฟังเรื่องราวมาหลายสิบนาที ฮั่นก็เอ่ยถามประโยคนี้ออกไป แม้เขารู้ว่าคำถามของเขาอาจจะทำให้หมิวต้องรู้สึกเจ็บ...
แต่มันคือคำถามที่หมิวจะต้องตอบตัวเองให้ได้
“หมิวเคยคิดที่จะเดินออกมาค่ะ แต่สายตาของเฮียก็รั้งให้หมิวอยู่ตรงนี้...พี่ฮั่นว่าไหมคะว่า...บางครั้งคนเราเมื่อมีความรักก็เหมือนคนโง่คนหนึ่ง...คนโง่คนหนึ่งที่ยอมอดทนเพื่อรออะไรบางอย่างจากคนที่เรารัก รอ...ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่รอมันจะมาเมื่อไหร่...รอทั้ง ๆ ที่มีความหวังอยู่เพียงริบหรี่...แต่เพราะความหลังริบหรี่นี้ที่ทำให้เรายังเลือกที่จะ ‘รอ’...”
คำตอบของหมิวที่มาพร้อมกับน้ำตาที่คลอรอบดวงตากลม ก็ทำให้ฮั่นต้องดึงตัวหญิงสาวให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด มือหนาลูบไปมาที่เรือนผมสวยคล้ายต้องการจะปลอบประโลมใจที่ปวดร้าว
เขา...อยากจะต่อยหน้าโตโน่นัก!
หมิวก็เหมือนน้องสาวของเขาคนหนึ่ง เพราะจ๋าเป็นเพื่อนสนิทของเขา น้องของเพื่อนก็เหมือนน้องของเขา! แล้วนายโตโน่กล้าดียังไงมาทำให้น้องสาวของเขาต้องเจ็บปวดแบบนี้...!!!
“ถ้ามันเจ็บนัก...ก็ลองถอยออกมาดีไหมหมิว ความไม่ชัดเจนของคน ๆ หนึ่ง อาจทำให้ความชัดเจนของคน ๆ หนึ่งเพิ่มมากขึ้นก็จริง แต่เมื่อไหร่ที่ความชัดเจนนั้นหายไป มันก็จะเหลือแต่ ‘ความว่างเปล่า’ นะ...การหลอกตัวเองว่ายังมี ทั้ง ๆ ที่มันไม่มีอยู่อีกแล้ว...มีแต่จะทำให้ตัวเองเจ็บปวดนะ”
“หมิวรู้ค่ะพี่ฮั่น...แต่หมิวยังทำแบบนั้นไม่ได้”
“ทำไม...” ฮั่นถามพลางดันตัวหมิวออกจากอ้อมกอด
“เพราะหมิวยังเชื่อเสมอค่ะว่า...เฮียยังเป็นคนที่ใช่สำหรับหมิว...แม้ว่าหมิวอาจจะไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับเฮียก็ตาม...”
คำตอบที่มาพร้อมกับดวงตาที่แสดงออกถึงความรู้สึกที่ชัดเจนในหัวใจ ทำให้ฮั่นต้องส่ายศีรษะเบา ๆ แต่เขาก็เคารพในการตัดสินใจของน้องนะ
เพราะคนที่จะตัดสินใจเรื่องราวของตัวเองได้ดีที่สุดก็คงหนีไม่พ้น...คนที่เป็นเจ้าของเรื่องราวนั้น
“ถ้าหมิวคิดว่าทำแบบนั้นแล้วมันทำให้หมิวมีความสุข แม้มันจะเป็นความสุขที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา แต่พี่ก็ยังเชื่อว่าความสุขที่หมิวมีนั้น มันจะทำให้หมิวก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้ เพราะพี่เองก็คิดว่านายโตโน่...รู้สึกอะไรไม่ต่างจากหมิวนัก เพียงแต่หมอนั่น...มันยังชัดเจนไม่พอเท่านั้นเอง”
พูดจบ ฮั่นก็ยกมือขึ้นลูบผมคนตรงหน้าอย่างแผ่วเบา เพื่อเป็นการปลอบโยนและให้กำลังใจ
“ขอบคุณสำหรับกำลังใจและการอยู่เป็นเพื่อนรับฟังเรื่องราวของหมิวในวันนี้ค่ะพี่ฮั่น...”
“อื้อ...ไม่ต้องขอบคุณหรอก เรื่องแค่นี้เอง เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ หมิวเป็นน้องไอ้จ๋า ก็เหมือนน้องของพี่ มีอะไรก็บอกเล่าให้พี่ฟังได้ รู้ไหมไอ้หมิวอินดี้!” ประโยคสุดท้ายฮั่นแกล้งพูดออกมาเพื่อหยอกล้อให้หมิวอารมณ์ดี และเหมือนว่าจะได้ผล เพราะหญิงสาวยิ้มออกมา ก่อนจะย่นจมูกใส่คนพูด
“ชิ...ว่าหมิวหรอ...ตัวเองนั่นแหล่ะอินดี้!!!!”
“อินดี้ตรงไหนมิทราบ”
“ก็ตรงที่...เอาปืนปลอมไปสู้กับโจรน่ะสิ!”
“เฮ้ย...นี่หมิวรู้ด้วยหรอว่าปืนที่พี่เอาไปช่วยแกงส้มเป็นปืนปลอม” ฮั่นตกใจขึ้นมาทันทีที่รู้ว่าหมิวรู้ว่าปืนที่เขาเอาไปช่วยแกงส้มวันนี้เป็นปืนปลอม
“รู้สิคะ ก็ปืนนั่นน่ะ หมิวเป็นคนซื้อมาเอง แล้วหมิวก็เคยเอาไปแกล้งป้าจ๋ามาแล้วด้วย ไม่คิดว่าพี่จะเอาไปเก็บไว้แล้วพกไปไหนมาไหนด้วยแบบนั้น”
“ฮ่า ๆ ๆ พี่ไม่ได้กะจะพกไปไหนหรอก แต่ไอ้จ๋านั่นแหล่ะ มันลืมไว้ในรถพี่ตั้งนานแล้ว พอดีพี่เห็นว่ามันเหมือนของจริงดี ก็เลยเอายืมใช้ ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้ใช้จริง ๆ ฮ่า ๆ ๆ” ฮั่นว่าพลางนึกขำไอ้พวกโจรที่วิ่งหนี
นี่ถ้าแกงส้มรู้ว่าเขาเอาปืนปลอมไปขู่พวกโจร...จะขำขนาดไหนนะ...
“เฮ้ย...แกงส้ม!!!”
“ร้องเฮ้ยทำไมเสียงดังทำไมพี่ฮั่น!”
“พี่ลืมเลยว่าพี่ทำแผลให้แกงค้างไว้ แถมพี่ยังปล่อยให้แกงอยู่กับยัยกวางนั่นอีก ไม่ได้การและ...เดี๋ยวพี่ขอตัวไปดูแกงก่อนนะ เราอยู่ทางนี้ก็ไปล้างหน้าล้างตาอาบน้ำอาบท่านอนหลับให้สบายเถอะ เชื่อพี่...ว่าเราต้องเชื่อในความรู้สึกของตัวเอง สู้โว้ยไอ้น้อง!”
พูดจบ ฮั่นก็รีบลุกขึ้นแล้วก้าวเร็ว ๆ ออกไปจากห้องทันที ทิ้งให้หมิวมองตามแล้วส่ายหน้าเบา ๆ
“เวอร์ตลอดเลยพี่ฮั่นเอ๊ย...เฮ้อ...ได้ระบายออกมาแล้วสบายใจขึ้นแฮะ ไปอาบน้ำแล้วนอนอย่างที่พี่ฮั่นว่าดีกว่า”
แล้วร่างบางก็ลุกขึ้นจากโซฟา พลางยกสองมือขึ้นตบที่แก้มตัวเองเบา ๆ เป็นเชิงให้กำลังใจตัวเอง
ไม่ว่าอย่างไร...หากเรายังคงเชื่อในคนที่รัก...
ความรักก็จะยังคงอยู่ต่อไป...
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ตลกว่ะพี่กวาง”
เสียงหัวเราะสดใสของคนหน้าหวานที่คลอไปกับรอยยิ้มของคนที่นั่งข้าง ๆ ทำให้คนที่ยืนมองรู้สึกแปลก ๆ ในหัวใจ
เขาว่าเขารู้สึกไม่ชอบขี้หน้ายัยกวางนี่เพิ่มขึ้นอีกสิบเท่านะจากการที่ได้ฟังเรื่องเล่าของหมิว...แต่ตอนนี้เขาว่าเขาไม่ชอบขี้หน้าผู้หญิงคนนี้เพิ่มขึ้นไปอีกยี่สิบเท่าแล้ว!
ยัยผู้หญิงจับปลาหลายมือ!!!!!
“อ้าวพี่ฮั่น...ยืนเป็นหุ่นขี้ผึ้งอะไรตรงนั้นคะ เข้ามาสิ ๆ ๆ” คำพูดที่มาพร้อมกับมือที่กวักเรียก ทำให้ฮั่นนึกโมโหคนพูดในใจ
เรียกอย่างกับห้องนี้เป็นห้องของตัวเอง...!
“แกง...ออกไปคุยกันหน่อยสิ”
“หือ...คุยอะไรอ่ะ คุยในนี้ก็ได้ครับ”
“พี่อยากคุยกับแกงสองคน”
“เฮ้ยพี่ฮั่น...ผมกับพี่กวางไม่มีความลับต่อกันหรอกครับ”
เจอคำตอบของแกงส้มเข้าไป ฮั่นถึงกับนึกอยากจะกระโดดงับหูคนพูด....
ไม่มีความลับต่อกัน...
เฮ้ย!!!!! พวกแกสองคนสนิทกันขนาดนี้เลยหรือไง!!!!!
ชักเริ่มเข้าใจความรู้สึกของหมิวตงิด ๆ แฮะ...
“ไม่เอาน่าแกง ไปคุยกับพี่ฮั่นเหอะ เดี๋ยวพี่นั่งดูทีวีรอ” พูดจบ กวางก็หยิบรีโมตมากดเปิดโทรทัศน์เครื่องใหญ่ตรงหน้า ฮั่นเห็นแบบนั้นก็นึกอยากจะเดินเข้าไปเอารีโมตในมือของกวางเคาะศีรษะคนพูดแรง ๆ หนึ่งที
ทำไมแกไม่กลับบ้านแกไป...มานั่งอยู่ที่นี่ทำไมเนี่ย!!!!
...เป็นเอามากแฮะกู...
“ก็ได้ งั้นเราออกไปคุยกันที่ระเบียงแล้วกันพี่ฮั่น”
แล้วคนพูดก็เดินนำร่างสูงไปที่ระเบียง และระหว่างที่ฮั่นเดินผ่านกวาง หญิงสาวก็ยกยิ้มขึ้นมา ก่อนที่เธอจะยักคิ้วให้เขาแบบกวน ๆ พลางพูดออกมาเป็นคำที่ไม่มีเสียงว่า
‘แล้ว-เจอ-กัน’
อ๊ากกกกกกกกกกกกกก ยัยผู้หญิงร้ายกาจ!!!!!
สายลมที่พัดหอบเอาความเย็นมากระทบผิวกาย เรียกวงแขนของแกงส้มให้ยกขึ้นมาโอบรอบตัวเอง ฮั่นเห็นแบบนั้นก็เดินเข้าไปใกล้ ก่อนจะถอดเสื้อยีนส์ที่ตัวเองสวมอยู่ไปคลุมบนไหล่ แกงส้มสะดุ้งนิดหน่อย ก่อนจะหันมามองหน้าคนที่ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ
“ผมก็ไม่ได้หนาวขนาดนั้นหรอกพี่”
“ไม่ได้หนาวแล้วยกแขนมากอดตัวเองทำไมล่ะ”
“ก็...มันเป็นไปเองตามสัญชาตญาณ”
“หึ...แล้วเจ็บมากไหมแกง...” ถามพลางจับคางเรียวให้หันมาหาตน ก่อนที่ปลายนิ้วของคนร่างสูงจะแตะแผ่วเบาไปยังรอยแผลช้ำบริเวณแก้มใส
“ก็นิดหน่อยครับ”
“ขอโทษนะที่พี่ไปช้า ถ้าพี่ไปเร็วกว่านี้แกงอาจจะเจ็บตัวน้อยกว่านี้ก็ได้ แล้วนอกจากโดนต่อยหน้าแล้ว แกงโดนอะไรอีก...”
“ก็โดนต่อยท้องครับ อันนี้แหล่ะเจ็บของจริง จุกเลยอ่ะ!”
แกงส้มว่าพลางทำปากจู๋ บ่งบอกให้รู้ว่าอารมณ์ของเจ้าตัวไม่ค่อยดีนัก เมื่อพูดถึงความเจ็บนี้
“ไอ้พวกโจรบ้า! ต่อยมาได้...คนนะไม่ใช่กระสอบทราย แล้วพี่รู้ไหม...มันหาว่าผมเป็นทอมด้วย โคตรเคืองแม่งเลยอ่ะ” แกงส้มพูดระบายออกมาด้วยใบหน้าที่เหวี่ยงสุด ๆ
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ จริงดิ...ป๊าดดดดดดด มันใช้อะไรมองวะเนี่ย ถึงได้บอกว่า...ผู้ชายหน้าหวานสุด ๆ อย่างแกงเป็นทอม”
“พี่ฮั่นอ่ะ!!!!! พี่จะย้ำทำไมว่าผมหน้าหวานฮะ!!!! มันยิ่งตอกย้ำที่พวกมันหาว่าผมเป็นทอมนะ!!!!”
“อ้าวหรอ...ฮ่า ๆ ๆ ๆ ก็แกงเหมือนจริง ๆ นี่นา” ฮั่นว่าพลางส่งยิ้มแบบกวนสุดติ่งมาให้ ผลที่ได้คือมือบางที่ฟาดมาเต็ม ๆ ไหล่หนา
“ผมเหมือนทอมตรงไหน พูดให้ดี ๆ นะ”
“ก็เหมือนตรงที่หน้าหวานแบบนี้ไง” ฮั่นไม่พูดเปล่า แต่ยังเอานิ้วมาจิ้ม ๆ ที่แก้มใส ข้างที่ไม่ได้โดนต่อยอย่างหยอกเอินเล็ก ๆ
“ผู้ชายหน้าหวานมีเยอะแยะไป”
“แต่ผู้ชายหน้าหวานที่น่ารักชวนใจละลายแบบนี้อาจจะมีแค่แกงคนเดียวก็ได้นะครับ...” พูดจบ ฮั่นก็กัดริมฝีปากของตัวเองทันที
อ๊าก...พูดอะไรออกไปไอ้ฮั่น!
โคตรเสี่ยวเลย!!!!
“พะ พะ พี่อย่ามาเสี่ยวแถวนี้ ผมจะอ้วก”
“จะอ้วกแล้วเขินทำไมแกง”
“บ้า! ใครเขิน ไม่มีมั่งเหอะ”
ปากก็บอกว่าไม่เขิน แต่อาการที่ก้มหน้างุด แล้วเอาเสื้อที่คลุมอยู่บนไหล่มาปิดหน้าปิดตาตัวเองเพื่อซ่อนแก้มที่ขึ้นสีแดงก็ทำให้คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างฮั่นรู้ว่า...
แกงส้มเขินมากแค่ไหน...
เขาเองก็เขินมากไม่ต่างไปจากแกงส้มเหมือนกัน...
ตลกตัวเองชะมัด...พูดเองเขินเอง...
เป็นเอามากจริง ๆ ไอ้ฮั่น!
“เอ่อ...ไหนขอพี่ดูแผลที่ท้องแกงหน่อยสิ อยากรู้ว่ามันช้ำหรือเปล่า”
“เฮ้ย!!!! ไม่ต้องดูหรอกพี่ มันไม่ได้เป็นอะไรมาก” แกงส้มรีบปฏิเสธ
พรึ่บ!
แต่คนเป็นพี่มีหรือจะยอม ฮั่นรีบอาศัยจังหวะที่แกงส้มเผลอดึงเสื้อคนเป็นน้องขึ้น
รอยช้ำสีแดงอมม่วงที่ปรากฏชัดบริเวณหน้าท้องขาวที่มีไรขนอ่อนขึ้นบาง ๆ ก็ทำให้ฮั่นเกิดอาการเลือดขึ้นหน้าด้วยความโมโห
ถ้าเขารู้ว่าไอ้พวกนั้นทำกับแกงส้มขนาดนี้...เขาจะไม่ปล่อยให้พวกมันวิ่งหนีไปแบบนั้นเด็ดขาด!
“ไอ้พวกสารเลว!!!”
“ช่างมันเถอะพี่ ยังไงเรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว” แกงส้มว่าก่อนจะดึงเสื้อลง แต่ฮั่นก็ขืนไว้...
นิ้วเรียวไล่แตะแผ่วเบาไปตามรอยช้ำนั้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าแล้วค่อย ๆ ใช้ริมฝีปากของตัวเองแตะเบา ๆ ไปที่รอยช้ำนั้น แล้วตามมาด้วยการเป่าลมเบา ๆ ซ้ำไปอีกที
“หายไว ๆ นะ...”
งึมงำเบา ๆ กับตัวเองเสร็จ ฮั่นก็ลุกขึ้นยืดตัวเต็มความสูง
ใบหน้าที่แดงก่ำของแกงส้มทำให้ฮั่นนึกอยากจะตบกบาลตัวเองขึ้นมา...
เมื่อกี้นี้...เขาแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าทำอะไรลงไป...แต่เขารู้ดีว่าสิ่งที่เขาทำไปนั้นมันคือสิ่งที่ความรู้สึกในหัวใจสั่งให้เขาทำ...
เขา...อยากให้ความอ่อนโยนเมื่อสักครู่นี้ของเขาทำให้แกงส้มรู้สึกดีขึ้น...
หากแลกความเจ็บนั้นมาลงที่เขาได้...เขาก็อยากจะทำ
เพราะแค่เห็นน้องเป็นแผลบนใบหน้า เขาก็แทบจะไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว และนี่มาเห็นรอยช้ำที่หนักแบบนี้อีก...เขาอยากจะฆ่าพวกมันจริง ๆ!
แต่เพราะว่าน้องบอกว่าไม่เป็นอะไร...ความรู้สึกขุ่นเคืองในใจจึงบรรเทาลง...
ความเจ็บแค้นและอาฆาตไม่เคยทำให้ใครรู้สึกดี...
แต่อย่าให้มันมีเหตุการณ์แบบนี้บ่อย ๆ เพราะเขาเองไม่อยากจะต้องส่งใครไปทัวร์นรกจริง ๆ
ถึงเขาจะพกปืนปลอม...แต่ปืนของจริง...เขาก็มีนะ!
“เดี๋ยวเอายามาทาเถอะแกง”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ...”
“อย่าดื้อสิ ช้ำขนาดนี้เดี๋ยวพรุ่งนี้เถอะ ไปไหนไม่ไหวแน่ ๆ” ฮั่นว่าพลางทำหน้าดุ ก่อนที่ร่างสูงจะเดินเข้าไปภายในห้อง แล้วกลับมาพร้อมกับยาหลอดใหญ่ในมือ
“ถกเสื้อขึ้นไปแกง”
“ไม่เอา!!!!”
“แกงส้ม!”
“ผมทาเอง พี่ฮั่นเอายามาสิ...” แกงส้มว่า พลางทำท่าจะเดินเข้ามาแย่งยาในมือฮั่น แต่ชายหนุ่มก็เอามากอดไว้แนบอก
“อย่าดื้อสิแกง เร็ว ๆ ถกเสื้อขึ้น”
“ฮื้อ...พี่ฮั่นอย่าแกล้งผมดิ วันนี้ผมเป็นคนเจ็บนะ” น้ำเสียงง้ออแง้งมาพร้อมกับใบหน้างุ้งงิ้งที่ทำให้คนมองรู้สึกเหมือนใจจะละลาย
หายใจไว้ไอ้ฮั่น...หายใจไว้
“พี่ไม่ได้แกล้งนะ แต่พี่อยากดูแลแฟนของพี่...พี่ผิดตรงไหน”
จบคำพูดของฮั่น สายตาที่มองมาของแกงส้มก็ทำให้ฮั่นถึงกับไม่กล้าสบตาต่อ
หวานมาก...!
“ก็ได้ ๆ ๆ รีบ ๆ ทาให้เสร็จเร็ว ๆ ล่ะพี่ ผมเขิน!”
พูดจบ แกงส้มก็ถกชายเสื้อขึ้นสูงพอให้เห็นรอยช้ำ จากนั้นฮั่นก็คุกเข่าลงแล้วเปิดฝาหลอดยา พลางบีบยาออกมาพอประมาณ ก่อนจะค่อย ๆ บรรจงทาไปที่บริเวณรอยช้ำนั้นอย่างเบามือที่สุด เท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ ความตั้งใจและความอ่อนโยนที่ฉายชัดออกมาจากดวงตาคม ทำให้คนที่ยืนมองอย่างแกงส้มถึงกับน้ำตาซึมออกมาจากปลายหางตา
ถ้าพี่ยังแสนดีกับผมอยู่แบบนี้...แล้วผมจะหยุดหัวใจไม่ให้รู้สึกดี ๆ ไปกับพี่ได้ยังไงล่ะครับพี่ฮั่น...
ในเมื่อผมไม่สามารถหยุดหัวใจให้รู้สึกดีกับพี่ได้...ผมก็จะปล่อยให้หัวใจนำพาให้เราสองคนเดินก้าวไปด้วยกันนะครับ
แกงส้มพูดกับตัวเองในใจก่อนจะระบายรอยยิ้มออกมาเต็มดวงหน้า
ความสุขของคนเราอาจไม่ได้มาจากเรื่องเดียวกัน แต่ทุกความสุขนั้น...ก็มาจากความรู้สึกทีดีในหัวใจที่เรารู้สึกดีไปกับการกระทำของคนบางคนหรือจากเรื่องบางเรื่องก็เป็นได้
หากความสุขของเราคือได้อยู่กับใคร...
เราก็จงเก็บเกี่ยวความสุขนั้นไว้ด้วยการใช้ทั้งหัวใจเพื่ออยู่กับใครที่เรารู้สึกดี...
“เสร็จแล้ว! เป็นไงพี่มือเบาไหม” คำถามที่มาพร้อมกับใบหน้าคมที่เงยขึ้นมา ทำให้แกงส้มต้องยกยิ้มหวานก่อนที่เขาจะดึงไหล่คนเป็นพี่ให้ลุกขึ้น
“พี่มือเบามากครับ ผมแทบไม่รู้สึกเลยว่าพี่กำลังทายาให้ผมอยู่ ขอบคุณมาก ๆ ครับ...ถ้ามีคำไหนที่ผมให้พี่ได้มากกว่าคำขอบคุณ ผมก็อยากจะมองคำนั้นให้พี่นะครับ”
“คำว่ารักไงแกง...ที่มากกว่าคำว่าขอบคุณ”
เมื่อพูดออกไปแล้ว ฮั่นก็นึกอยากจะตบปากตัวเองนัก
พูดบ้าอะไรออกไปวะไอ้ฮั่น ดูสินั่น...น้องตกใจเลย!
“เอ่อ...”
“พี่ขอโทษนะแกง ที่พูดแบบนั้นออกไป...เอาเป็นว่า...คืนนี้แกงก็รีบไปนอนดีกว่านะ พักผ่อนเยอะ ๆ แผลจะได้หาย แล้วแกงก็จะได้ไม่เจ็บนานด้วย” แล้วฮั่นก็หมุนตัวเตรียมเดินกลับไปห้องตัวเอง แต่...
“ผมไม่รู้ว่าพี่คิดยังไงนะครับ แต่ผมคิดว่า...เมื่อถึงเวลาเหมาะสมคำที่พี่ต้องการได้ยิน ผมจะพูดให้พี่ฟังด้วยตัวผมเอง...ฝันดีครับ...พี่หมี...”
แค่เพียงสรรพนามในท้ายประโยคก็ทำให้ฮั่นยกยิ้มขึ้นมา
ยิ้ม...ที่บอกให้เขารู้ว่า...
อีกไม่นานเกินรอ...คำที่เขาเฝ้าอยากได้ยิน...เขาจะต้องได้ยินมัน
และเขาก็จะเป็นคนตอบรับคำ ๆ นั้นด้วยคำเดียวกัน...
คำว่า ‘รัก’...
ถึง น้องแกงส้มของพี่ฮั่น
อุ๊บ๊ะ!!!! ชัดเจนมากเลยนะเนี่ยที่กล้าใช้คำนี้...ฮ่า ๆ ๆ ๆ ก็แกงนั่นแหล่ะอยากมาชัดเจนด้วยการเรียกพี่ว่าพี่หมีต่อหน้าก่อนทำไม...
เฮ้อ...น่ารักขนาดนี้ จะไม่ให้อดใจหวั่นไหวไปกับความน่ารักได้ยังไงน้อ...
ห้ามอะไรก็พอห้ามได้ แต่ห้ามหัวใจไม่ให้รู้สึกดีไปกับทุกสัมผัสทุกความใกล้ชิดของคน ๆ หนึ่ง...นี่มันห้ามไม่ได้จริง ๆ นะ
ก็แกงน่ารัก...
ก็แกงยิ้มหวาน..
ก็แกงชัดเจน...
ก็แกง...ทำให้พี่รู้สึกดีจนถึงดีมาก...ดีจนอธิบายออกมาเป็นตัวอักษรไม่ได้...
โอ๊ย...แกงทำให้พี่เป็นเอามากนะ!!!!
แต่ขอบอกว่าวันนี้...พี่อยากจะฆ่าไอ้พวกที่ทำให้แกงของพี่ต้องเจ็บแบบนี้จริง ๆ
ฮึ่ย! ไอ้พวกเดนนรกเอ๊ย กล้าดียังไงมาเรียกแกงว่าทอม...โอ๊ะ! อันนี้ฮามากอ่ะ...
แกงของพี่แค่หน้าหวานเอง แต่ออกจะสูงแมนแอนด์แฮนซั่ม (หรอ ?) ฮ่า ๆ ๆ ๆ เอาน่า ๆ ในความมืดแบบนั้นพวกมันก็คงจะมองผิดมองถูกไปบ้างล่ะเนอะ...เพราะตอนที่เจอกันครั้งแรกบนรถไฟฟ้าพี่ก็เกือบเข้าใจแกงผิดเหมือนกัน...(ขอสารภาพตามตรง) ฮ่า ๆ ๆ ๆ
แต่แกงไม่เป็นอะไรมากไปกว่านี้ก็ดีแล้ว...เพราะถ้าแกงเป็นอะไรไป พี่จะตามไปกระทืบพวกมันให้จมดินเองกับเท้าเลย!!!!!!
แกงครับ...เหลืออีกแค่สองวันเท่านั้นนับจากวันนี้...นั่นคือวันมะรืน...
เราจะได้เจอกันแล้ว...เจอกันในฐานะคนที่เขียนจดหมายโต้ตอบกัน...
พี่ตื่นเต้นมากเลยนะรู้ไหม...พี่ไม่รู้ว่าคำแรกที่เราทักกันมันจะคือคำไหน
หรือว่าเราจะทำหน้ายังไง...พี่ว่าแกงเองก็คงรู้แก่ใจว่าใครคือพี่หมีเหมือนกับที่พี่เองก็รู้ว่าแกงเป็นใครเหมือนกัน...
แต่...ในเมื่อรู้กันแล้ว แล้วเราจะทำหน้าแบบไหนกันนะ..
โอ๋ย...ตื่นเต้นจนบอกไม่ถูก...
ลุ้นเนอะ...ไม่สิ...ต้องบอกว่าลุ้นมากเลยต่างหาก!!!
แกงครับ...
ไม่ว่ายังไง...แกงก็คือคนพิเศษสำหรับพี่ไม่ว่าจะในจดหมายหรือว่าตัวจริง...
หากสัญญาการเป็นแฟนของเราจะต้องจบลงเมื่อป๊ากลับไป แต่พี่ก็จะทำให้แกงเป็นแฟนพี่จริง ๆ ด้วยความรู้สึกเต็มใจให้ได้ ต่อให้ต้องเริ่มจีบแกงใหม่พี่ก็จะทำ!
(แล้วตอนนี้พี่จีบแกงอยู่หรอ...)
เหมือนแกงจะจีบพี่ก่อนนะ...เอ๊ะหรือยังไงหว่า...ฮ่า ๆ ๆ ๆ
เอาเป็นว่า...ไม่ว่าใครจะจีบใครก่อน แต่ถ้าสัญญาการเป็นแฟนปลอม ๆ ของเราจบลง พี่จะเป็นฝ่ายจีบแกงก่อน ห้ามแย่งพี่ล่ะ!
วันนี้เวิ่นพอแค่นี้ก่อน...ไม่ไหวแล้ว เขินนนนนนนนน >///<
จาก พี่ฮั่นของน้องแกงส้ม
ปล. อยากจะบอกมาก ๆ ว่าตอนที่จูบรอยช้ำกับทายานั้น...พี่เขินจนท้องไส้ปั่นป่วนบิดไปบิดมาจนแทบจะลงไปดิ้นกับพื้นเลยนะ...เด็กบ้าอะไรก็ไม่รู้...ตัวหอมชะมัด!!!!
คิดแล้วเขินเว้ย!!!
ใช่...คิดแล้วเขินจริง ๆ
ตอนนี้ใบหน้าของฮั่นมีแต่ความร้อน หากมีใครเอามือมาทาบคงจะสะดุ้งเป็นแน่...ร้อนไม่พอ แดงเถือกอีกด้วย!
ก็คนมันเขินนี่...!!!
ความรู้สึกที่เห็นแกงส้มโดนทำร้ายคล้ายจะตอกย้ำให้ฮั่นรู้ว่า...แกงส้มคือคนที่สำคัญสำหรับเขาจริง ๆ สำคัญถึงขนาดที่ว่า...หากแลกความเจ็บนั้นจากคนเป็นน้องมาได้ เขาก็จะทำ...
หากคน ๆ นั้นไม่สำคัญสำหรับเราจริง ๆ เราคงไม่พร้อมที่จะยอมเจ็บแทนเขา...
แต่เพราะเขาคือคนสำคัญ เราถึงยอมเจ็บได้...เพื่อเขา!
คิดได้แบบนี้ ฮั่นก็ล้มตัวลงนอนแล้วกอดกระดาษแผ่นนี้ที่เขาเขียนเสร็จแล้วเอาไว้แนบอก...ก่อนที่ใบหน้าคมจะหลับตาลง ความสุขของการนอนหลับในทุก ๆ คืนของเขาก็คือการได้มีจดหมายฉบับนี้อยู่แนบอก เพราะมันทำให้เขาคิดถึงคนที่เขาเขียนถึงในจดหมาย คนที่ทำให้เขารู้ว่าทุกวันนี้เขาหายใจไปเพื่อใคร...
ถึง พี่หมี...หมีฮั่นบ้า...
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก เขิน!!!!!!
พี่ทำบ้าอะไรของพี่ฮะพี่ฮั่น!!!!!
จูบอ่อนโยนที่รอยช้ำนั่นมันคืออะไร...แล้วสัมผัสอ่อนโยนตอนที่ทายานั่นอีก!!!
พี่จะทำให้ผมหลง ผมรัก ผมรู้สึกดีกับพี่ไปมากแค่ไหน...
แค่นี้ความรู้สึกทั้งหมดที่ผมมีมันก็อัดแน่นเต็มในหัวใจแล้วนะคร้าบบบบบบบ ><
ถ้าพี่ยังดีกับผมอยู่แบบนี้...สาบานได้ว่าผมคงไปไหนไม่รอดอ่ะพี่...คงอยู่กับพี่ไปอีกนานแสนนานอ่ะ!
โอ๋ย...เขินจนมือไม้สั่น...
ความอบอุ่นที่ลอยวนรอบตัวผมตอนนี้ มันทำให้ผมหายใจไม่ทั่วท้อง...เพราะพี่คนเดียวเลย!
แต่ก็เป็นเพราะพี่อีกนั่นแหล่ะ...ที่เข้ามาช่วยผมในวันนี้...
ขอบคุณนะครับ...ขอบคุณที่มาช่วยผม ขอบคุณ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ผมอยากให้พี่มากกว่าคำว่าขอบคุณนะครับ...คำนั้นที่พี่อยากได้ยินนั่นแหล่ะ...
แต่พี่ก็รู้ใช่ไหมว่าถ้าเมื่อไหร่ที่ผมไม่พร้อม คำ ๆ นั้นมันจะไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้าหากคนที่พูดไม่พร้อมที่จะพูด แม้ว่าคนฟังจะพร้อมก็ตาม...
คำว่ารักที่พร้อมทั้งคนฟังและคนพูด มันคือคำว่ารักที่พิเศษที่สุด...
เพราะฉะนั้น...รอผมหน่อยนะครับ ^^
โอ๊ะโอ...อีกแค่วันสองวันเท่านั้น เราก็จะเจอหน้ากันแล้ว (เอ๊ะ! เราก็เจอกันแล้วนี่) ฮ่า ๆ ๆ ๆ
เจอหน้ากันแบบป๊ะตรง ๆ โดยที่มาในฐานะคนที่เขียนจดหมายถึงกัน ผมอยากให้ถึงวันนั้นเร็ว ๆ จังเลย เราสองคนจะทำหน้าแบบไหนกันนะ ผมว่า...คงจะเขินกันก่อนเป็นอันดับแรกอ่ะ แล้วตามมาด้วยการพูดอะไม่ออก มันคงแบบ...เออ...ใครจะพูดก่อนวะ แต่ผมให้พี่พูดก่อนนะ...ผมเสียสละ...
แต่ไม่แน่นะ..เมื่อถึงเวลานั้น...ผมอาจจะเป็นคนพูดก่อนก็ได้...หุหุ
พี่ฮั่น...แต่จริง ๆ แล้วผมก็ไม่อยากให้ถึงวันนั้นนะ เพราะนั่นมันก็จะเป็นวันที่เราต้องยกเลิกสัญญาการเป็นแฟนของเราสองคนอ่ะ...เฮ้อ...พี่จะเอายังไงกับผมนะ...จะยังอยากเป็นแฟนผมอยู่ไหม
แต่ไม่เป็นไร...เดี๋ยวผมเริ่มจีบพี่ก่อนก็ได้...
เพราะผมไม่อยากเสียพี่ไป...ได้ยินไหม...ว่าไม่อยากเสียพี่ไป!!!!
โว๊ะ! เริ่มฟุ้งซ่านเกินแล้วผม...ไปนอนดีกว่าเนอะ...
จาก น้องแกง (กล้าเรียกตัวเองว่าน้องแกง) ฮ่า ๆ ๆ
ปล. ผมเขินจริง ๆ นะ ตอนนี้ก็ยังเขินอยู่เลยอ่ะ...>///<
ใช่...เขายังเขินอยู่จริง ๆ ริมฝีปากที่เม้มเข้าไปเพื่อพยายามกลั้นยิ้มจนแก้มพองจนมันเหมือนจะแตกคล้ายจะบอกให้เจ้าตัวรู้ว่าตอนนี้เขากำลังเขินมากแค่ไหน
ความร้อนที่ยังคงแผ่ซ่านอยู่ที่บริเวณหน้าท้องทำให้แกงส้มต้องยกมือขึ้นมาแล้วสอดเข้าไปในเสื้อ พลางไล้ไปมาอย่างแผ่วเบา...
ความอบอุ่นที่แล่นปราดเข้ามาที่หัวใจทำให้แกงส้มรู้ว่า...
เขา...รู้สึกดีกับทุกการกระทำของฮั่นมากแค่ไหน...
นับแต่วันนี้ไป...ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น...เขาจะไม่มีวันปล่อยให้คน ๆ นี้ต้องไปจากเขา...เพราะเขาแน่ใจกับความรู้สึกของตัวเองแล้วว่า...พี่ฮั่นคือ ‘คนที่ใช่’ สำหรับหัวใจเขาจริง ๆ
แม้ว่าเขาอาจจะไม่ใช่คนที่ใช่ของพี่ฮั่น...ไม่สิ...เขาว่าเขาก็คือคนที่ใช่สำหรับพี่ฮั่นเหมือนกันนะ...
ความรู้สึกของเขามันบอกแบบนั้น...และเขาก็จะเชื่อมัน...
เพราะการเชื่อในความรู้สึกของตัวเอง คือสิ่งแรกที่เราควรจะต้องทำเมื่อเรารู้สึกรักใครสักคน!
คิดได้แบบนี้...แกงส้มก็ล้มตัวนอนโดยมีจดหมายวางอยู่บนอก...คืนนี้เขาคงจะหลับไปพร้อมกับความรู้สึกที่ดีที่สุดในหัวใจ
อิ่มเอมในหัวใจจัง...
ความรักอาจจำเป็นที่จะต้องการความชัดเจน...แต่บางครั้งความชัดเจนอาจไม่ได้มาในรูปของคำพูดหรือการกระทำเสมอไป เพราะมันอาจจะมาแค่เพียงสายตาที่สื่อออกมาเท่านั้นก็ได้...ขอแค่เรายังเชื่อในคนที่เรารัก...แค่เพียงเชื่อเท่านั้น...
//มาแล้ววววววววววว ฟิคตอนที่หวานเวอร์ (หรอ?) ต้องเรียกว่าตอนที่คลี่คลายเงื่อนความรักของโน่หมิวกวางต่างหาก...แล้วต่อเติมด้วยความหวานของพี่ฮั่นและน้องแกงที่ไม่รู้ว่าจะหวานพอจะดับมาม่าที่ทุกคนกำลังกินกันจนท้องอืดได้หรือเปล่านะคะ...
แต่อยากบอกว่า...ความสุขของคนเราอาจเริ่มจากการที่เราปล่อยวางความทุกข์ก็ได้ค่ะ ^^
กวางไม่อยากให้คนอ่านต้องไปคิดมากหรือว่านอยด์กับสิ่งที่ผ่านเข้ามา ที่ทำให้หัวใจหรือความเชื่อของเราสั่นคลอนนัก...เราต้องมีความเชื่อ...เชื่อว่าความผูกพันที่คนสองคนมีให้กัน จะไม่มีวันหายไป...ไม่ว่าจะมีอะไรผ่านเข้ามาก็ตาม...อุปสรรคก่อให้รักบังเกิดนะคะ ~~
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคนอ่านจะรู้สึกดีและรู้สึกอินไปกับฟิคตอนนี้เหมือนกับทุก ๆ ครั้ง....
บอกและย้ำเสมอว่า รักคนอ่านจริง ๆ ค่ะ ...
ปล. ที่มีคนอ่านหลายคนบอกว่าทำไมเดี๋ยวนี้อัพไม่บ่อยเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้กวางใกล้จะสอบแล้ว ก็เลยต้องอ่านหนังสือสอบ ทำรายงาน ทำการบ้าน...จึงไม่ค่อยได้มาอัพบ่อยเท่าเมื่อก่อน แต่ก็พยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะมาอัพ เพราะกวางเองก็เคยเป็นคนอ่านที่ต้องรอคนเขียนมาก่อน กวางเข้าใจตรงนี้ดีค่ะ...อย่างอนเค้าเลยน้า ถ้าเค้าจะอัพได้ไม่บ่อยเหมือนแต่ก่อน...อย่าทิ้งเค้านะ...ทำตาปริบๆ...แล้วเจอกันตอนต่อไปค่ะ ^^
ปล.อีกที หากมีคำผิดต้องขออภัยค่ะ >< ตอนที่แล้วเค้าแก้คำว่าถือน้องแกงเป็นพยุงแล้วนะคะ ฮ่า ๆ ๆ
ความคิดเห็น