คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : บทที่ 19 : เชื่อในรัก
บทที่ 19 : เชื่อในรัก
~อย่าเขยิบมาใกล้ ช่วยขยับไปไกลไกล ขอได้ไหมหัวใจผมวายวอดกันพอดี My heart beats coz you make it crazy หยุดเดี๋ยวนี้นะก่อนที่หัวใจผมมันจะวาย~
เสียงโทรศัพท์ที่ดังเรียกดวงตากลมโตที่หลับสนิทให้ลืมขึ้น แกงส้มควานมือสะเปะสะปะไปยังเครื่องมือสื่อสารที่ส่งเสียงดัง
“ฮัล...โหล...”
(แกงส้มมมมมมมมมมมม ตื่นยัง!)
“หือ...ใครอ่ะ เสียงเหมือนพี่หนึ่งเลย” คนที่ยังไม่ตื่นดี งัวเงียตอบไป
(ไมใช่แค่เสียงเหมือน นี่พี่หนึ่งเอง)
“อืม...มีอะไรพี่ โทรหาผมแต่เช้าเลย” แกงส้มว่าพลางขยี้ตาตัวเองแล้วเหลือบไปดูนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนหัวเตียง
เพิ่งจะหกโมงเช้า...พี่หนึ่งโทรมาทำบ้าอะไรเนี่ย!
ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญนะ โดนงับหูขาดแน่!!!!
“พอดีว่าคนฟังน่ะเค้าอยากให้เรามาจัดรายการวันนี้ เค้าคิดถึงเราใจจะขาดกันอยู่แล้ว ส่งข้อความมากันเป็นพันข้อความทุกวัน บอกว่าถ้าดีเจแกงส้มไม่มาจัดรายการวันนี้ สถานีเราโดนถล่มแน่!!!”
จบคำพูดของคนปลายสาย แกงส้มก็ผุดลุกขึ้นจากที่นอน
“เฮ้ย! จริงดิพี่”
“ก็เออดิ โกหกได้โล่หรือไงเล่า!!!”
“อ่า...แต่วันมะรืนป๊าผมก็กลับแล้ว หาวิธีแก้ไขไปก่อนแล้วกันนะพี่” พูดจบ แกงส้มก็ล้มตัวนอนต่อ หากแต่คำพูโประโยคต่อมาของคนปลายสายก็ทำให้เขาต้องลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง
“ไอ้แกงส้มมมมมมม แกไม่สงสารแฟนคลับแกมั่งหรือไง เค้าไม่ได้ฟังเสียงดีเจแกงส้มมากี่วันแล้ว 5 วันแล้วนะเว้ย!!! วันนี้แกทำยังไงก็ได้ออกมาเปลี่ยนเวรกับพี่ให้ทันตอน 8 โมง ไม่งั้นพี่จะปลดแก!!!!”
พูดจบ คนพูดก็กดวางสายไป ทิ้งให้คนฟังต้องนั่งเอามือขึ้นมากุมขมับตัวเอง
“เอาไงดีวะไอ้แกง!?!”
แกงส้มลุกขึ้นเดินไปเดินมารอบห้องเพื่อคิดหาวิธีการที่จะโกหกป๊า แต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก...หรือเขาจะบอกป๊าตรง ๆ ดีนะว่าจริง ๆ แล้วเขาทำงานเป็นดีเจ ไม่ได้ทำงานอยู่ร้านอาคิม
ไม่ได้ ๆ ๆ ๆ ป๊าต้องไม่เข้าใจแน่ ๆ
อ๊ากกกกกกกกก ไอ้ไงดีวะไอ้แกง!!!
ติ๊ง!
เสียงข้อความเข้า ทำให้คนที่กำลังคิดไม่ตก ยกไอโฟนในมือขึ้นมาดู
~ตื่นหรือยังนะ...เช้าแล้ว ๆ ออกไปตลาดหาอะไรมาทำกินกันเถอะ~
พี่ฮั่น...
แกงส้มครางชื่อคนที่ส่งข้อความเข้ามาในใจ ก่อนที่เขาจะกดโทรออกไปหาคน ๆ นั้น
(ตื่นแล้วหรอครับ)
“ถ้ายังไม่ตื่นแล้วผมจะโทรหาพี่ได้หรอ”
(แน่ะ! กวนกันแต่เช้าเลยนะ)
“ฮ่า ๆ ๆ ผมกำลังคิดถึงพี่อยู่พอดีเลย”
(ไม่เชื่อหรอก...เด็กแสบชอบหลอกผู้ใหญ่) เสียงของคนปลายสายทำให้แกงส้มอมยิ้มออกมา
ทำเสียงงุ้งงิ้งไปนะพี่หมีบ้า!
น่ารักว่ะ!
“ผมไม่เคยหลอกพี่เลยนะ อย่ามามั่ว!!!!” แกงส้มเอ่ยเถียงออกไป พลางเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวออกมาจากตู้เสื้อผ้า แล้วเขาก็เลือกเสื้อยืดสีขาวลายสนูปปี้กับกางเกงขาสั้นสีดำออกมา
ไปเดินตลาดใส่ชุดสบาย ๆ แบบนี้แหล่ะ...
เอ๊ะ! แต่เขายังไม่ได้ตอบตกลงว่าจะไปเลยนี่...ยังไม่ได้ตอบตกลงแต่เลือกชุดจะไปแล้ว...
ไอ้แกงส้มเอ๊ย...ชัดเจนมากจริง ๆ!!!
(ฮ่า ๆ ๆ ไม่หลอกก็ไม่หลอกจ้า แล้วตกลงว่า...จะไปตลาดกับพี่ไหม)
“ไปดีไหมนะ...”
ทำเป็นเล่นตัว แต่ในมือน่ะถือชุดรอแล้ว...ฮ่ะ ๆ ๆ
(ไปเถอะ...วันนี้พี่ว่าจะทำของโปรดของป๊าแกงที่พี่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เพราะงั้น...แกงต้องไปนะ พี่จะได้ทำของโปรดเอาใจว่าที่พ่อตาถูก)
“ไอ้พี่ฮั่น!!!! อย่ามาทำเนียนเรียกว่าที่พ่อตา ตลกเลย!!!!” แกงส้มว่า ก่อนจะยกมือขึ้นมาเกาแก้มตัวเอง
(ฮ่า ๆ ๆ พี่ก็ล้อเล่นน่า...ทำเป็นคิดจริงจังไปได้ ฮ่า ๆ ๆ) ฮั่นหัวเราะออกมาอย่างเริงร่าที่ได้ยั่วโมโหคนเป็นน้องได้สำเร็จ
แกงส้มนี่...เด็กน้อยจริง ๆ ยั่วโมโหขึ้นทุกครั้งเลย!
น่ารักว่ะ!
“เออ ๆ ๆ ๆ อีก 15 นาทีเจอกัน” พูดจบ แกงส้มก็กดวางสาย ก่อนที่เขาจะย่นจมูกใส่หน้าจอไอโฟนของตัวเอง
“ชิ...ชอบยั่วโมโหเราอยู่เรื่อย แล้วเราจะไปโมโหเค้าทำไมล่ะเนี่ย เข้าทางไอ้พี่ฮั่นมันตลอด ฮึ่ย! เคืองตัวเองโว้ยยยยยยยยยย” แกงส้มพูดกับตัวเอง ก่อนจะโยนไอโฟนลงบนเตียง พลางหมุนตัวเดินเข้าห้องน้ำไป
ทิ้งรอยยิ้มและความสุขไว้ให้ลอยอบอวลภายในห้อง...
“หืม...เราจะให้พี่คิดหาวิธีโกหกป๊าเพื่อให้เราได้ไปทำงานดีเจวันนี้น่ะนะ!!!”
“อื้อ...พี่ฮั่นช่วยผมคิดหน่อยนะ ผมคิดคนเดียวไม่ออกอ่ะ ปวดหมองไปหมดแล้วเนี่ย” แกงส้มว่า พลางก้าวเดินให้ช้าลง เนื่องจากตอนนี้พวกเขาเดินมาถึงหน้าคอนโดแล้ว หากก้าวเร็ว เกรงว่าจะถึงห้องก่อนที่จะคิดแผนการออก
“อืม...พี่ว่าแกงบอกป๊าไปตามตรงดีกว่านะ ป๊าคงเข้าใจแกงแหล่ะ”
“ไม่อ่ะพี่...ป๊าไม่ชอบให้ผมทำงานแบบนี้ เค้าบอกว่ามันไม่มั่นคง...”
“แต่การโกหกมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีนะแกง ถ้าลองเราได้โกหกหนึ่งครั้ง มันก็จะมีครั้งที่สอง สามและสี่ตามมา” ฮั่นว่าพลางยิ้มให้คนตรงหน้า
ไม่ว่ายังไง...เขาก็สนับสนุนให้แกงส้มพูดความจริง มากกว่าจะคิดหาวิธีโกหกแบบนี้!
“มันก็จริงอย่างที่พี่ว่านะ...เดี๋ยวผมจะลองดูก็แล้วกัน ถ้าผมโดนอะไรพี่ก็ช่วยผมด้วยนะ”
“ช่วยอยู่แล้ว ถ้าพี่ไม่ช่วยแกง แล้วพี่จะไปช่วยหมาที่ไหนล่ะ”
“เฮ้ยพี่ฮั่น! พี่ว่าผมเป็นหมาเลยหรอ แรงว่ะ...เจอลูกเตะแกงส้มหน่อยยยยย!!!!!” พูดจบ แกงส้มก็ยกขาขึ้นมาจะเตะคนเป็นพี่ แต่ฮั่นก็อาศัยความว่องไววิ่งหลบขาของน้อง ก่อนที่เขาจะวิ่งหนีคนที่ทำหน้าเหวี่ยง แม้สองมือจะเต็มไปด้วยสารพัดถุง แต่ฮั่นก็วิ่งเร็วได้เร็วมาก จนคนที่วิ่งตัวเปล่าอย่างแกงส้มแทบจะวิ่งตามไม่ทัน
ผู้ชายตัวโตร่างสูงสองคนที่วิ่งไล่กันไปจนถึงลิฟต์เรียกดวงตาของผู้คนที่เดินภายในคอนโดให้หันมามอง แต่สองคนที่วิ่งก็หาได้สนใจไม่ พวกเขายังคงวิ่งไล่กันไปมาอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะที่สอดประสานกันของคนทั้งคู่แสดงออกให้ทุกคนรู้ว่า...
พวกเขามีความสุขแค่ไหนกับสิ่งที่กำลังทำอยู่!
“ป๊าครับ”
“หืม ? มีอะไรเจ้าแกง” คนที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เงยหน้าขึ้นมามองคนเป็นลูก
“ผมมีเรื่องหนึ่งอยากจะสารภาพให้ป๊าฟังครับ” แกงส้มว่าพลางทรุดตัวลงนั่งข้างคนเป็นพ่อ
“เรื่อง...?”
“คือ...จริง ๆ แล้วผมไม่ได้ทำงานอยู่ร้านอาคิมหรอกครับ แต่ว่าผม...ผมทำงานเป็น...เป็นดีเจครับ!”
จบคำพูดของแกงส้ม คนเป็นพ่อก็ขยำหนังสือพิมพ์แล้วเขวี้ยงไปที่โต๊ะกระจกทันที
“อะไรนะ!”
“ป๊า...ป๊าฟังผมก่อนนะ คืองานดีเจมันเป็นงานที่ผมรักมาก แล้วผมก็มีความสุขที่ได้ทำมันนะครับ ป๊าเข้าใจผมเถอะ...นะ ๆ ๆ ๆ” คำพูดออดอ้อนมาพร้อมกับใบหน้าหวานที่ไถไปไถมาของคนเป็นลูก ทำให้คนเป็นบิดา ต้องเอื้อมมือไปเขกศีรษะทุยหนึ่งทีเบา ๆ
“ป๊ารู้แล้วล่ะว่าเราทำงานเป็นดีเจ จริง ๆ ก็รู้มาตั้งนานแล้ว”
“หา...! ป๊ารู้ได้ไงครับ”
“ป๊าเป็นพ่อแกนะเจ้าแกง เรื่องของลูกชายตัวเอง ถ้าคนเป็นพ่อไม่รู้ แล้วใครจะรู้ล่ะ”
“แล้วป๊ารู้นานหรือยังครับ”
“ไม่นานหรอก...ก็แค่...ตั้งแต่เราเป็นดีเจแรก ๆ นั่นแหล่ะ”
“เหวย!!!!! มันก็นานแล้วดิป๊า แล้วไหงเวลาที่ผมคุยโทรศัพท์กับป๊า ไม่เห็นป๊าจะพูดเลยว่ารู้แล้วว่าผมเป็นดีเจ เห็นพอผมบอกว่าผมทำงานกับอาคิม ป๊าก็เออออด้วยตลอด” แกงส้มว่าพลางขมวดคิ้วมองคนเป็นพ่อ
“ก็ป๊าอยากจะดูว่าลูกชายของป๊าน่ะจะกล้าพอที่จะสารภาพความจริงกับป๊าวันไหนไง แต่รู้สึกว่าจะใช้เวลานานไปหน่อยนะ เกือบจะเป็นปีเลย”
“ฮ่ะ ๆ ๆ โธ่ป๊าครับ...ของแบบนี้มันก็ต้องอาศัยความกล้าบวกกับใช้เวลานิดนึงสิครับ” แกงส้มพูดก่อนจะส่งยิ้มหน้าเป็นไปให้ผู้เป็นพ่อ
“ไม่ใช่ว่ามีใครไปพูดอะไรกระตุ้นความกล้าเราให้ออกมาได้หรอกหรอ” คำถามของคนเป็นพ่อ ทำให้แกงส้มหวนนึกไปถึงคนที่บอกให้เขามาสารภาพความจริงแทนที่จะหาเรื่องโกหกต่อไป
และเพราะเขายอมพูดความจริง เขาถึงได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว ป๊ารอฟังความจริงจากปากของเขามาตั้งนาน...ทำไมเขาถึงไม่ยอมบอกความจริงป๊าตั้งแต่แรกนะ ไม่งั้นเขาก็คงจะทำงานเป็นดีเจด้วยความสบายใจไปนานแล้ว เฮ้อ...บางครั้งคนเราก็กลัวในสิ่งที่ยังไม่มาถึงเสมอ
ที่เรากลัวอาจเป็นเพราะ...เรามักจะคิดไปเองก่อนว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปข้างหน้านั้นเป็นสิ่งที่เรามองในแง่ลบ ทำให้เราไม่กล้าที่จะทำอะไร ทั้งที่ความจริงแล้ว เราไม่อาจรู้ได้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนั้นมันจะเป็นไปในแง่ลบหรือแง่บวก มันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีหรืออาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ดีก็ได้...
เพราะฉะนั้น...หากเราคิดที่จะทำอะไรสักอย่าง เราก็ควรจะต้องรีบทำ ไม่ต้องไปกลัวว่าสิ่งที่ทำนั้นมันจะส่งผลอย่างไร เพียงแค่สิ่งที่ทำไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนหรือแม้แต่ตัวเราเอง เพียงแค่นั้น...ก็พอแล้ว
“ป๊าก็...พูดแบบนี้ป๊าจะพูดถึงใครครับ”
“ก็ใครล่ะ...ที่ยืนลุ้นเราไปกับเราด้วยน่ะ” คนเป็นพ่อพูดพลางพยักเพยิดไปทางประตูห้องครัวที่มีใบหน้าคมซึ่งโผล่มาครึ่งหนึ่ง
“พี่ฮั่น! ไปยืนหลบมุมอะไร แล้วโผล่หน้าออกมาซะขนาดนั้น ไม่ต้องแอบแล้วมั้ง” เมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ตรงที่ป๊าชี้ทางไป แกงส้มก็ตะโกนพูดซะเสียงดังจนคนที่หลบมุมต้องโผล่ออกมาเต็มตัว ก่อนที่ฮั่นจะสาวเท้าเดินมาสมทบ
“ให้กำลังใจกันดีแบบนี้สินะ เจ้าแกงถึงได้กล้าออกมาบอกความจริง”
“เอ่อ...ก็ไม่ได้ขนาดนั้นหรอกครับป๊า แต่ผมแค่บอกแกงว่าให้เค้าบอกความจริงกับป๊าไป เพราะผมเชื่อว่ายังไงป๊าก็ต้องเข้าใจแกงครับ แล้วป๊าก็เข้าใจแกงจริง ๆ แกงโชคดีนะครับที่มีพ่อดี ๆ อย่างป๊า จริง ๆ ต้องบอกว่าแกงโชคดีที่มีครอบครัวที่ดีแบบนี้ ทำให้เค้าเกิดมาเป็นเด็กที่ดีแล้วก็น่ารัก...” สายตาที่ชื่นชมยินดีซึ่งแสดงออกถึงความรู้สึกของคนพูดอย่างชัดเจน ทำให้ทั้งคนเป็นพ่อและคนเป็นลูกยิ้มออกมา
ยิ้มทั้งใบหน้าและหัวใจ...
“พี่ฮั่นก็พูดชมเกินไป แต่มันก็คือความจริงนะ ฮ่า ๆ ๆ เนอะป๊าเนอะ” แกงส้มว่าก่อนจะหันหน้าไปเออออห่อหมกกับคนที่นั่งข้าง ๆ ที่ซึ่งบัดนี้ใบหน้าที่ชอบทำหน้าโหดกำลังระบายไปด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
เจ้าฮั่น...มันเป็นเด็กที่รู้จักพูดจริง ๆ
ปากแบบนี้สินะ...ถึงทำให้เจ้าแกงหลงได้ขนาดนี้!
“มัวแต่มาเนอะป๊าเนอะอยู่นั่นแหล่ะ นี่มันจะ 8 โมงแล้วนะ ไม่รีบไปทำงานหรอ เดี๋ยวก็โดนปลดหรอก”
“เห...ป๊ารู้ได้ไงอ่ะว่าถ้าผมไปไม่ทัน 8 โมงแล้วผมจะโดนปลด”
“ก็ปกติเวลาทำงานของเรามันก็มีอยู่สองกะไม่ใช่หรอ ป๊าเคยฟังแกพูดอยู่นะเว้ยเจ้าแกง” พอได้ยินคำตอบของป๊า แกงส้มก็ยิ้มออกมาทันที ก่อนที่เขาจะสวมกอดผู้เป็นพ่อไปหนึ่งทีแรง ๆ
“ผมรักป๊าจังครับ”
“เออ...ป๊าก็รักแกเจ้าแกง ไป ๆ ๆ ทำงานได้แล้ว มืด ๆ เจอกัน เดี๋ยววันนี้ป๊าจะไปทำงานแทนเราเอง”
“โว้วววววววว งี้พี่ฮั่นก็โดนป๊าแกล้งหนักเลยดิ” แกงส้มเอ่ยแซวก่อนจะรีบผลักตัวเองออกห่างจากคนเป็นพ่อทันที เพราะเขารู้ดีว่า ถ้าเขายังอยู่ในอ้อมกอด ศีรษะเขาต้องโดนประทุษร้ายเป็นแน่ โทษฐานแซวพ่อตัวเอง
“แกล้งไม่แกล้งเดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหล่ะ”
“ฮ่า ๆ ๆ พี่ฮั่นฟังไว้นะ...ว้ากกกกกก ผมไปทำงานจริง ๆ แล้ว สวัสดีครับป๊า ไปละพี่ฮั่น” พูดจบ แกงส้มก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนที่เขาทำท่าจะเดินออกไป แต่ร่างสูงที่เดินตามมาคว้าแขนไว้ ก็ทำให้เขาต้องหันกลับมามอง
“ให้พี่ขับรถไปส่งไหมแกง”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ ใกล้แค่นี้เอง”
“อืม...ถ้างั้นเลิกงานแล้วโทรหาพี่นะ เดี๋ยวพี่ไปรับ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมกลับเองได้” แกงส้มว่าพลางยิ้มหวานเป็นเชิงบอกให้คนตรงหน้ารู้ว่า เขาสบายมากจริง ๆ กับการเดินทางไปกลับในการทำงาน แต่...
“เลิกงานสองทุ่มนะ เดี๋ยวพี่ไปรับ ตั้งใจทำงานล่ะครับ ห้ามมัวแต่นั่งอู้คิดถึงพี่ล่ะ...” พูดจบ คนพูดก็ตบเบา ๆ ที่กลางศีรษะแกงส้ม เจ้าตัวทำปากจู๋ก่อนจะแกล้งดึงข้อศอกคนเป็นพี่ให้เดินตามเขาออกไปที่นอกห้อง
“หืม...อะไรแกง ลากพี่ออกมาทำไม ไหนบอกว่าไม่ต้องไปส่ง”
“ผมก็ไม่ได้ให้พี่ไปส่งนะ แต่แค่อยากจะบอกพี่ว่า...ขอกำลังใจในการทำงานหน่อยสิครับ”
“กำลังใจในการทำงาน...?”
“ก็...แบบนี้ไง...” แกงส้มหยุดพูดแค่นั้น ก่อนที่เขาจะทำให้แก้มข้างขวาของตัวเองป่องออกมาแล้วยื่นไปตรงหน้าคนเป็นพี่
“กะ กะ แกงหมายความว่า...ให้พี่หอมแก้มแกงอย่างนั้นหรอ...”
แทนคำตอบ คนที่กำลังทำแก้มป่องพยักหน้าขึ้นลงทันที คนมองถึงกับทำตาโตกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ฮั่นรู้สึกลังเล คือ...ใจหนึ่งก็อยากจะหอมไปซะ เพราะโอกาสยื่นมาตรงหน้าแล้ว แต่อีกใจหนึ่งก็บอกให้เขายั้งใจเอาไว้...
เอ่อ...เอาไงดีวะ...
พรูด~
แล้วลมที่เป่ารดใบหน้า ก็ทำให้คนที่กำลังขมวดคิ้วอย่างคิดหนักตกใจ
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ พี่ฮั่นทำหน้าตลกว่ะ นี่พี่คิดหนักเลยใช่ไหมเนี่ย ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
“นี่แกง...แกล้งพี่ใช่ไหม”
“ฮ่า ๆ ๆ ก็ใช่น่ะสิพี่ฮั่น พี่คิดว่าผมจะให้พี่หอมแก้มจริง ๆ หรอ ตลกเหอะ!!!” แกงส้มว่าก่อนจะต้องตัวแข็งทื่อเมื่อร่างสูงก้าวเข้ามาประชิดตัวเขา ชายหนุ่มรีบถอยหลังทันที
ปึก!
แผ่นหลังของแกงส้มชนเข้ากับผนังกำแพงอีกฝั่งหนึ่ง เป็นสัญญาณบอกให้เจ้าตัวรู้ว่า เขาหมดทางหนีแล้ว...
งานเข้าแล้วไอ้แกง!
“รู้ไหมว่าเวลาที่แกงทำให้ใครคนหนึ่งหวัง แล้วแกงก็ดับหวังของเขาด้วยการบอกว่าพูดเล่นนั้น มันทำให้เขาเสียความรู้สึกนะ...ถ้าแกงไม่คิดอะไร ก็อย่ามาทำเล่น ๆ กับความรู้สึกในหัวใจของพี่ เพราะหัวใจของพี่ไม่เข้มแข็งพอที่จะต้านทานความน่ารักและแสนดีที่ไม่รู้ว่ามันคือความจริงในหัวใจหรือว่าแค่เล่น ๆ ไปเพื่อความสนุกของแกงเท่านั้น...”
คำพูดที่มาพร้อมกับดวงตาที่สื่อถึงความหมายในสิ่งที่พูด ทำให้คนฟังรู้สึกจุกเล็ก ๆ
เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พี่ฮั่นต้องเสียความรู้สึกนะ...
“ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พี่เสียความรู้สึกนะครับ ผมจริงจังและจริงใจในทุกสิ่งที่ทำเสมอ ผมรู้ว่าบางทีคำพูดหรือการกระทำของผมมันอาจจะทำให้พี่ ‘รู้สึกอะไร’ ขอให้รู้ว่าผมเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ทุก ๆ อย่างที่ผมทำนั้น...ผมทำเพราะอยากทำ ไม่ได้ทำเพราะอยากแค่สนุกหรือเล่นไปวัน ๆ ผมไม่เคยคิดจะล้อเล่นกับความรู้สึกในหัวใจของใคร ไม่ว่าจะเป็นของพี่หรือแม้แต่ของตัวผมเอง...”
คำพูดที่มาพร้อมกับมือบางที่เลื่อนมาลูบใบหน้าคมแผ่วเบา คล้ายต้องการจะบอกให้รู้ว่า...ทุกคำพูดที่เขากล่าวออกมานั้น...มันคือความรู้สึกทั้งหมดในหัวใจ ไม่ใช่แค่เพียงคำพูดลอย ๆ ที่ไร้ซึ่งความหมาย
การล้อเล่นกับความรู้สึกของคนมันไม่ใช่สิ่งที่คนที่มีหัวใจเขากระทำกัน...เพราะคนที่มีหัวใจ เขาจะไม่มีวันเหยียบย่ำหัวใจของคนอื่นด้วยการกระทำที่เรียกว่า ‘ล้อเล่น’...
“พี่เชื่อแกงครับ ไปทำงานได้แล้ว เดี๋ยวสาย...” พูดจบ ฮั่นก็เขยิบตัวถอยห่างออกมา เพื่อเปิดทางให้คนตรงหน้าได้เดินทางไปทำงาน
“ขอบคุณครับที่เชื่อผม งั้นสองทุ่มนิด ๆ เจอกันครับพี่ ผมไปทำงานและ บาย ๆ ๆ” แกงส้มว่าพลางก้าวฉับ ๆ กลับเข้าไปในห้องเพื่อไปเอากระเป๋าสะพายคู่ใจ ก่อนที่ร่างโปร่งจะเดินตัวปลิวไปตามทางเดินที่ทอดยาว โดยมีสายตาของคนเป็นพี่มองตามไปจนสุดทาง
ไม่ว่ายังไง...พี่ก็เชื่อแกงเสมอครับ...
เสียงของสายฝนที่ตกกระทบหน้าต่างเรียกร่างโปร่งที่นั่งเอาหลังพิงผนักเก้าอี้ให้ลุกขึ้นไปมอง หยาดน้ำฝนที่เปื้อนเต็มกระจก ทำให้แกงส้มไม่สามารถมองเห็นได้ว่า ภายนอกตึกที่เขาอยู่มีสภาพเป็นอย่างไร แต่ถ้าให้เขาคิด ต้นไม้ก็คงจะเขียวชอุ่มและดูสดชื่นสบายตา ส่วนถนนหนทางหรือตึกรามบ้านช่องก็คงจะเปียกปอนและดูชื้นแฉะ ผู้คนก็คงจะกางร่มหลากหลายสีสันละลานตา เด็กตัวเล็กตัวน้อยก็คงจะใส่เสื้อกันฝนสีสันสดสวยที่เห็นแล้วก็คงนึกอยากจะกลับไปเป็นเด็กแล้วคว้าเสื้อกันฝนสีเจ็บ ๆ มาใส่สักตัว...
“คิดอะไรอยู่วะเรา ว่าแต่...นี่ก็ใกล้จะสองทุ่มแล้ว ทำไมพี่หนึ่งยังไม่มาอีกเนี่ย...”
“บ่นอะไรหงุงหงิง ๆ ฮะเจ้าแกง นินทาพี่อยู่ใช่ไหม” เสียงห้าวที่ดังด้านหลัง เรียกดวงตาของคนที่กำลังบ่น (อยู่จริง ๆ) ให้หันมามองคนเรียก
“โหยพี่หนึ่ง โคตรตายยากเลยอ่ะ ผมกำลังบ่นถึงพี่อยู่เลยนะเนี่ย ฮ่า ๆ ๆ อ้าว...แล้วพี่สุไม่มาด้วยหรอครับ”
“มา ๆ ๆ ๆ กำลังคุยอยู่กับพี่นาวที่ด้านนอกอ่ะ เมาท์มอยตามประสาผู้หญิง”
“อ่อ...ถ้างั้นผมกลับเลยนะพี่”
“เฮ้ย...รีบกลับไปไหนวะ อยู่คุยกันก่อนดิ พี่ไม่ได้คุยกับเรามา 5 วันแล้วนะเว้ย คิดถึง...”
“คิดถึงอะไรพี่ เมื่อเช้าเรายังคุยกันอยู่เลย” แกงส้มว่า พลางยกกระเป๋าสะพายขึ้นมาพาดบ่า
“ถ้าการทักทายกันไม่ห้าประโยคของเราเมื่อเช้าเรียกว่าคุยกัน งั้นแปลว่าตอนนี้พี่กับแกก็กำลังคุยกันอยู่สินะ...ไอ้บ้า! พี่หมายถึงว่าคุยกันแบบนาน ๆ เป็นครึ่งชั่วโมงเว้ย ไม่ใช่แบบนี้!” หนึ่งว่าพลางยกเท้าขึ้นมาเตะใส่แข้งคนเป็นน้องหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้
“ผมรีบพี่...วันนี้นัดคนไว้”
“แน่ะ...นัดใครไว้ ใช่เชฟรูปหล่อที่ชื่อฮั่นหรือเปล่า”
“เง้อ...พี่หนึ่งรู้ได้ไงเนี่ย” แกงส้มหน้าเหวอไปทันทีที่หนึ่งแซวจบ
“แหม ๆ ๆ ๆ แฟนพี่ก็ทำอาหารอยู่นั้นนะโว้ย แล้วพี่เองก็รู้จักกับคุณฮั่นเค้า เพราะฉะนั้น...แกเป็น ‘แฟนเค้า’ ทำไมพี่จะไม่รู้...หึ ๆ”
“เออ ๆ ๆ รู้แล้วก็ดี งั้นผมไปล่ะ”
“เฮ้ยไอ้แกง! นี่แกไม่คิดจะปฏิเสธหรือว่าเล่นตัวอะไรหน่อยหรอ ยอมรับง่าย ๆ แบบนี้เนี่ยนะ ชัดเจนไปเปล่าวะ” หนึ่งถามพลางยื่นหน้าเข้าไปมองคนเป็นน้องด้วยสายตาที่สงสัยสุดขีด
ปกติไอ้แกงส้มมันเล่นตัวจะตาย...ผู้หญิงที่น่ารัก ๆ ที่เห็นมันชมนักชมหนาประจำ ก็ยังไม่เห็นมันเคยตกลงปลงใจกับเขา แต่นี่...กับคุณฮั่นที่เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน กลับไปตกลงปลงใจเป็นแฟนกับเขาซะงั้น!
โคตรอะเมซิ่งเลย!!!!!
“ผมเหลือเวลาอีกไม่มากสำหรับฐานะนี้นะพี่หนึ่ง เพราะฉะนั้น...ผมอยากใช้ทุกเวลานาทีที่เหลืออยู่ให้มีค่ามากที่สุด พี่อย่ามาชวนผมคุยมาก เสียเวลา...ไปละ ๆ ๆ วันมะรืนเจอกันพี่” พูดจบ แกงส้มก็ยกมือไหว้คนเป็นพี่ ก่อนจะรีบก้าวเร็ว ๆ ออกไปจากห้องคอนโทรล ทิ้งให้หนึ่งมองตามพลางส่ายหัวนิด ๆ
“ไอ้นี่...บทจะรักใครก็รักง่าย ๆ ซะงั้น แต่ต้องยอมรับเลยว่าความชัดเจนของมัน ทำให้ยอมแพ้ได้จริง ๆ”
เมื่อเดินออกมาถึงหน้าตึก แกงส้มก็มองซ้ายมองขวาหารถของคนที่บอกว่าจะมารับเขา สายฝนที่ตกพรำ ๆ ทำให้เขานึกอยากจะตบกะโหลกตัวเองหนึ่งทีแรง ๆ
ทำไมไม่หยิบร่มมาด้วยนะ...!
“ปล่อยฉันนะไอ้พวกบ้า ไม่รู้จักกวางศิษย์เจ้าพ่อเม็ดมะยมซะแล้ว อ๊ากกกกกกก แกกล้าดึงผมฉันหรอ ผมฉันไว้มาหลายปีแล้วนะโว้ยยยยยยยย”
เสียงโวยวายที่ดังมาจากทางที่จอดรถข้างตึก เรียกใบหน้าของแกงส้มให้หันไปมอง เงาตะคุ่ม ๆ ของคนสี่ห้าคนทำให้ชายหนุ่มรีบสาวเท้าไปยังที่แห่งนั้นด้วยความรวดเร็ว
ภาพของผู้ชายสี่คนที่กำลังดึงทึ้งและฉุดกระชากลากถูหญิงสาวในชุดเสื้อกล้ามกระโปรงยาวกรอมเท้า ทำให้แกงส้มพุ่งตัวเข้าไปช่วยทันที
“หยุดนะ!!!! ทำอะไรกันน่ะ ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้เลย!!!!!”
“แกงส้ม!!!!!” เสียงเรียกชื่อของผู้หญิงที่โดนทำร้าย ทำให้แกงส้มตาโตขึ้น
“พี่กวาง!!!!!”
ใช่แล้ว...ผู้หญิงที่โดนผู้ชายสี่คนรุมทึ้งอยู่นั้นคือพี่กวาง...อดีตรุ่นพี่ในชมรมของเขาสมัยมหาวิทยาลัยนั่นเอง
ว่าแต่...พี่เขามาทำอะไรแถวนี้เนี่ย...แต่ก่อนจะไปรู้ว่าเขามาทำอะไร เขาต้องช่วยเธอก่อน!
“อ้าว ๆ ๆ รู้จักกันหรอกหรอเนี่ย...งั้นดีเลย...ลากไอ้ทอมนี่ไปด้วยกัน!!!”
ทอม...?
เอ่อ...กูเป็นผู้ชายโว้ยยยยยยยยยยย!!!!!!
ด้วยความโมโหที่โดนเข้าใจผิดว่าเป็นทอม แกงส้มก็เลือดขึ้นหน้ากระโดดถีบไอ้คนพูดทันที จนร่างของมันล้มลงก้นกระแทกพื้น ทำให้ผมของกวางเป็นอิสระ หญิงสาวตวัดปลายเท้าเตะเข้าไปที่ชายโครงคนที่ล็อกแขนเธอไว้ จากนั้นเธอก็ปล่อยหมัดตรงเข้ากลางหน้ามันเต็ม ๆ
สลบเหมือดเลย...สมน้ำหน้า!
“หนอย...กล้าเล่นงานพวกกูหรอ เจอไอ้นี่หน่อยเป็นไง” ไอ้คนที่เหมือนจะเป็นหัวหน้า หยิบมีดปลายแหลมออกมาจากเอว ก่อนจะตวัดไปที่แก้มของหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียว ทำให้เกิดแผลบาดเป็นทางยาวแต่ไม่ลึกมาก เนื่องจากกวางเบี่ยงแก้มหลบ (แม้จะไม่พ้นดี) แกงส้มเห็นแบบนั้น เขาก็รีบวิ่งเข้าไปเตะข้อมือของหมอนั่นทันที แต่คนที่ยืนอยู่อีกคนหนึ่งก็เข้าล็อกแขนแกงส้มไว้
“เฮ้ย!!! ปล่อยกูนะเว้ย”
“หึ...เป็นแค่ทอมแต่ทำเป็นเก่งหรอก เจอนี่หน่อยแล้วกัน...”
พลั่ก!
หมัดที่ต่อยเข้าไปเต็ม ๆ แก้มด้านขวา ทำให้แกงส้มมึนงงไปชั่วขณะ กวางที่ยืนอยู่วิ่งเข้าไปจะช่วย แต่เธอก็โดนอีกคนหนึ่งที่ตอนแรกโดนแกงส้มถีบล้ม ซึ่งตอนนี้ลุกขึ้นมาได้แล้วจับล็อกแขนเอาไว้ได้
“ไอ้ชั่ว!”
“ปากดีนักนะ โดนต่อยแล้วยังจะกล้าด่าอีก อีกสักทีแล้วกัน”
พลั่ก!
หมัดที่กระแทกเข้าไปที่กลางลำตัว ทำให้แกงส้มรู้สึกจุกจนพูดอะไรไม่ออก ชายหนุ่มตัวงอจนทรุดลงไปคุกเข่าที่พื้นทันที
“แกงส้ม!!!! ไอ้พวกบ้า ไอ้พวกเลว ไอ้พวกเดนสังคม ไอ้พวกระยำ แกมันทุเรศ ช่วยด้วยยยยยยยยย ใครก็ได้ช่วยที มีไอ้พวกชาติชั่วอยู่ทางนี้...โอ๊ย!!!!” แล้วคนที่กำลังก่นด่า ก็ถูกมือของคนที่เป็นหัวหน้าตวัดตบเข้าไปที่รอยแผลอย่างแรง
“สู้ไม่ได้แล้วยังปากดีอีก เฮ้ย...พามันไป!”
“จะไปไหนวะ...อยู่คุยกันก่อนสิ” แล้วก่อนที่คนพวกนี้จะได้พาแกงส้มและกวางไปยังสถานที่ที่ต้องการ ร่างสูงที่มาพร้อมกับอาวุธในมือก็ทำให้คนพวกนี้ชะงัก
วัตถุสีเงินที่จ่ออยู่เบื้องหน้า ทำให้ขาของพวกนี้สั่นออกมา
ใบหน้าคมที่บัดนี้นิ่งสนิท กำลังใช้ดวงตามองแบบที่แค่เพียงสบตาก็สามารถเสียวสันหลังวาบได้อย่างน่าประหลาด
“เอ่อ...”
“มึงปล่อยของคนกูเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่อยากจะไปอยู่นรก”
“แต่คนพวกนี้เป็นคนของพวกกูนะเว้ย มึงอย่ามาเสือก!!!!”
“อ้อหรอ...งั้นสงสัยเราคงจะคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว ตายซะเลยแล้วกันนะ...”
กริ๊ก!
เสียงขึ้นไกของปืน ทำให้คนที่เป็นหัวหน้าต้องรีบหันไปสั่งให้ลูกน้องของตนปล่อยคนสองคนให้เป็นอิสระ ก่อนที่พวกมันจะพากันวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ร่างของแกงส้มที่หล่นลงไปกองที่พื้น ทำให้ฮั่นรีบวิ่งเข้าไปประคอง
“แกง ๆ ๆ ๆ เป็นยังไงบ้าง ไหวไหม...”
“ผมไม่เป็นไรครับพี่ฮั่น แค่จุก...แค่ก ๆ” แกงส้มไอออกมาก่อนที่เขาจะโดนคนร่างสูงพยุงให้ลุกขึ้นยืน
“เอ่อ...เราชื่อกวางใช่ไหม”
“ค่ะ...”
“เดี๋ยวช่วยพยุงแกงส้มไว้ให้พี่แป๊บนึง เดี๋ยวพี่ไปเอารถมาก่อน”
“อ๋อได้ค่ะ...” รับคำเสร็จ กวางก็รับช่วงต่อการพยุงตัวแกงส้ม จากนั้นฮั่นก็รีบวิ่งกลับไปที่รถของตัวเองอย่างเร็วเท่าที่ขายาว ๆ ของเขาจะวิ่งได้
จากนั้นฮั่นก็พาคนทั้งสองที่มีสภาพสะบักสะบอมกลับไปที่คอนโดทันที
ไม่อยากจะนึกถึงป๊าตอนที่เห็นสภาพแกงส้มเลย!
สยอง...
“โอ๊ย...พี่ฮั่นเบา ๆ หน่อยสิ มือหนักเป็นบ้าเลย!”
แกงส้มโวยวายออกมาเสียงดังลั่น เมื่อความเย็นจากสำลีชุบแอลกอฮอล์สัมผัสไปโดนแผลที่ข้างแก้ม
“ไม่ต้องร้องโวยวายเลยนะเจ้าแกง ซ่าดีนัก!”
“โห่ป๊า...ผมไม่ได้ซ่าเลยนะ แต่ผมไปช่วยพี่กวางต่างหาก ถ้าเป็นป๊า...ป๊าจะไม่เข้าไปช่วยหรอ ผู้หญิงกำลังจะโดนฉุดนะคร้าบบบบบบ โอ๊ย...เบา ๆ ดิพี่ฮั่น”
“ไม่ต้องมาทำเป็นปากเก่งเลย จะไปช่วยเค้า แต่อาวุธไม่มีสักอย่าง นี่ถ้าพี่ไม่ไปช่วยเรา เรามิโดนกระทืบตายไปแล้วหรอ” ฮั่นว่าพลางยกมือขึ้นไปเคาะหน้าผากมนเบา ๆ หนึ่งทีเป็นการทำโทษ
“นั่นน่ะสิ...แล้วนี่เป็นไงมาไงเราถึงได้โดนพวกนั้นฉุดได้ล่ะ หนูกวาง...” บิดาของแกงส้มหันไปถามหญิงสาวที่นั่งเงียบ รอการทำแผลต่อจากแกงส้ม
“คือพอดีหนูตั้งใจว่าจะมาหาแกงส้มน่ะค่ะ รู้จากพี่โน่ว่าแกงมันทำงานอยู่ที่นี่ แต่ยังไม่ทันจะเดินเข้าไปในตึก ก็เจอไอ้พวกนี้ซะก่อน นี่ถ้าไม่ได้แกงเข้าไปช่วย ก็ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงนะคะ...”
ปัง!
เสียงเปิดประตูที่กระแทกมาเต็ม ๆ ผนัง เรียกดวงตาสามคู่ให้หันไปมองอย่างรวดเร็ว ร่างสูงของโตโน่ที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อวิ่งกระหืดกระหอบมาหาหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในห้องทันที
“กวาง...เป็นไงบ้าง!!! พี่ตกใจแทบแย่เลยรู้ไหมตอนที่คุณฮั่นโทรไปบอกพี่ว่าเราโดนพวกนักเลงทำร้าย”
“กวางไม่เป็นอะไรมากหรอกพี่โน่ ดูสิ...ได้แผลมานิดเดียวเอง” กวางว่าพลางหันแก้มไปให้คนตรงหน้าดู แต่เมื่อโตโน่เห็นแผลที่ข้างแก้มเธอ เขาก็คว้าตัวหญิงสาวเข้าไปกอดแล้วลูบผมไปมาทันที
“ขวัญเอ๊ยขวัญมา...เจ็บมากไหม เดี๋ยวพี่ทำแผลให้นะ...”
ตุบ!
เสียงของอะไรบางอย่างที่หล่นกระแทกพื้น เรียกดวงตาของทุกคนให้หันไปมอง
“หมิว...”
ฮั่นครางชื่อคนที่ทำกล่องปฐมพยาบาลในมือหล่นออกมา
“เอ่อ...ขอโทษที่หมิวทำกล่องร่วงนะคะ หมิวเสร็จหน้าที่ของหมิวแล้ว...ขอตัวก่อนค่ะ...” พูดจบ หมิวก็หมุนตัววิ่งออกไปจากห้องทันที
“หมิว...หมิว...เอ่อแกง...เดี๋ยวพี่มานะ” ฮั่นว่าพลางส่งสำลีในมือให้แกงส้มถือต่อ
“ครับ ๆ” แกงส้มรับคำ ก่อนจะมองตามร่างสูงของฮั่นที่วิ่งตามหมิวออกไป
พี่ฮั่นดูเป็นห่วงหมิวจัง...
“พี่โน่...ทำแผลให้กวางหน่อยสิคะ”
“เอ่อ...จ้ะ ๆ” โตโน่รับคำก่อนที่เขาจะลุกเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่หล่นพื้นขึ้นมา พลางเบนสายตามองไปยังด้านนอกห้องที่ซึ่งมีคน ๆ หนึ่งวิ่งออกไปเมื่อสักครู่นี้
หมิว...เฮียขอโทษ...เฮียทำให้หมิวต้องร้องไห้อีกแล้วสินะ...
“กวาง...เดี๋ยวกลับบ้านพร้อมพี่เลยไหม ?”
“ไม่ค่ะ...วันนี้กวางอยากอยู่คุยกับแกงส้มที่นี่”
“เอางั้นหรอ...ถ้างั้นก็ตามใจ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มารับตอนเช้า ให้พี่เอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนไหม พี่จะได้แวะไปเอามาให้จากที่บ้าน” โตโน่ถาม พลางเอามือปัดปอยผมที่วางอยู่บนผ้าก็อตสีขาวบนแก้มใส
“อืม...เอาค่ะ ขอบคุณพี่โน่นะ...ถ้างั้นก็ขับรถกลับบ้านดี ๆ ค่ะ”
“จ้า...เราเองก็อย่าคุยกับแกงดึกนักนะ นอนเร็ว ๆ วันนี้ร่างกายสะบักสะบอมพอแล้ว”
“ค่า ๆ ๆ”
แล้วร่างสูงของโตโน่ก็ผุดลุกขึ้นเดินไปที่ประตู แต่ก่อนที่เขาจะเดินพ้นประตู ชายหนุ่มก็หันมาโบกมือให้กับคนที่นั่งส่งยิ้มหวานให้เขา แกงส้มมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่สับสน...
พี่โน่กับพี่กวาง...ดูยังไง ๆ ก็ไม่เหมือนแฟนกันเลย
เหมือนพี่น้องกันมากกว่า...
ป๊อก!
“มองอะไรเจ้าแกง ตาจะถลนออกมาแล้ว”
“ก็มองพี่กับพี่โน่น่ะสิ ตกลงว่าเป็นอะไรกันกันแน่...”
“แล้วแกคิดว่าไงอ่ะ”
“ไม่เหมือนแฟนเลยสักนิด!”
“เก่งนี่...”
“เฮ้ย! เอาดี ๆ”
“ก็เอาดี ๆ ไง...พี่ไม่เคยพูดสักคำนะว่าพี่กับพี่โน่เป็นแฟนกัน พวกแกคิดไปเองทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ยัยเด็กหมิวอะไรนั่นด้วย” คำตอบของกวางทำให้แกงส้มถึงกับเอามือมากุมขมับ
“แต่พี่บอกว่าพี่เป็นคนพิเศษของพี่โน่”
“ก็คนพิเศษ...พิเศษเพราะว่าพี่กับพี่โน่เราสนิทกันมากจนเหมือนเป็นพี่น้องที่คลานตามกันมา แต่ไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริง ๆ เพราะงั้น...พี่พูดผิดตรงไหนวะที่บอกว่าเราเป็นคนพิเศษของกันและกันน่ะ” กวางพูดก่อนจะยักคิ้วข้างเดียวให้แกงส้มแบบกวนสุดติ่ง ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็นึกอยากจะฟรีคิกคนเป็นพี่หนึ่งทีแรง ๆ
กวนตี...ว่ะไอ้พี่กวาง!
“แล้วทำไมพี่ไม่บอกหมิวมันไปล่ะว่าพี่ไม่ได้เป็นอะไรกับพี่โน่”
“บอกทำไม...แกล้งมันแล้วสนุกดี”
“โรคจิต!”
“ไอ้แกง...แกเชื่อพี่อย่างหนึ่งนะเว้ย ว่าถ้าคนมันเป็นคู่กัน...เดี๋ยวมันก็จะหายเข้าใจผิดไปเอง อีกอย่างนะ...เด็กหมิวนั่น...ก็จะได้พิสูจน์หัวใจตัวเองด้วยว่ามั่นคงแค่ไหนกับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อพี่โน่...พี่โน่เองก็จะได้รู้ใจตัวเองมากขึ้นว่าใครกันคือคนสำคัญของหัวใจ...” กวางไม่พูดเปล่า แต่เธอยังหันหน้ามามองแกงส้ม พลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่โต
“คนเรานะแกง...ถ้าไม่มีมือที่สามเข้ามา...บางทีเราอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่า...แท้ที่จริงแล้วเราสองคนรักกันจริงแค่ไหน...”
“โห...ลึกซึ้งว่ะพี่เรา...”
“แน่นอน ดูด้วยว่านี่ใคร...พี่กวางนะเว้ย!!!”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
แล้วคนสองคนก็หัวเราะให้กัน ก่อนที่จะย้อนรำลึกถึงความหลังสมัยตอนอยู่ชมรมด้วยกันอย่างสนุกสนาน โดยไม่ได้นึกไปถึงคนที่วิ่งออกไปก่อนหน้านี้สองคนว่าจะอยู่ในอารมณ์ไหน...
ฮั่นนั่งมองแผ่นหลังบางของคนเป็นน้องสาวเพื่อนด้วยความรู้สึกที่สงสารจับหัวใจ ไหล่บางที่ไหวน้อย ๆ ตามแรงสะอื้นทำให้ฮั่นนึกอยากจะดึงตัวเธอเข้ามากอดปลอบประโลม แต่เพราะเขารู้ดีว่า...แค่การที่เขามานั่งอยู่เป็นเพื่อนแบบนี้...สำหรับหมิวนั้นก็มากเกินพอแล้ว...
เขาไม่เข้าใจโตโน่เลยจริง ๆ...ทำไมถึงได้เป็นผู้ชายที่หลายใจจับปลาสองมือแบบนี้...หากไม่ได้คิดจริงจังอะไรทำไมถึงไม่ยอมปล่อยหมิวให้ออกมาจากวังวนรักสามเศร้านี้ ทำไมถึงปล่อยให้หมิวต้องจมอยู่กับสถานะที่ไม่ชัดเจนแบบนี้...ทำไมนะ!
ยัยกวางนั่นก็อีกคน...ไม่รู้ว่าจะตามราวีเจ้าหมิวไปถึงไหน แล้วนี่ยังมาสนิทสนมกับแกงส้มของเขาอีก...
ฮึ่ย!!!!! หงุดหงิดเว้ย!!!!
“หมิว...”
“ขอเวลาหมิวอีก 10 นาที...แล้วหมิวจะเล่าเรื่องของหมิวกับพี่โน่ให้พี่ฟังทั้งหมดค่ะพี่ฮั่น...”
สิ่งที่เราเห็นนั้น...มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเสมอไป คนที่เราคิดว่าไม่ดี อาจจะเป็นคนดีก็ได้ ส่วนคนที่เราคิดว่าดี ก็อาจจะเป็นคนไม่ดีได้เหมือนกัน...การมองคนให้ได้หลาย ๆ มุมนั้น คือสิ่งที่ควรกระทำอย่างยิ่ง การเชื่อแค่เพียงได้พบเห็น ไม่ใช่สิ่งที่ควรกระทำ...และหากเราเชื่อในความรัก...ความรักนั้นก็จะเชื่อในเราเช่นกัน...
//ขอโทษนะคะ...ที่เมื่อคืนเบี้ยวไม่ยอมมาอัพ ทั้ง ๆ ที่รับปากหลาย ๆ คนในทวิตไว้ว่าจะอัพ แหะ ๆ ๆ พอดีตัวขี้เกียจมันกระโดดเกาะหลังอ่ะค่ะ ก็เลย...เป็นคนเขียนที่เกเรไปนิด...แต่วันนี้เค้าอัพแล้วน้า...ไม่รู้ว่าจะหวานพอไหม แอบมีบทบู๊ด้วย...หุหุ...
อยากบอกว่า...เค้าตั้งใจจะอัพความหวานให้คนอ่านเสพไปเยอะ ๆ ก่อนจะต้องไปดราม่ากับฟิคสั้น (ที่เขารู้อยู่เต็มอกว่าคนอ่านไม่อยากอ่าน) ...
เค้ารู้นะคะว่าช่วงนี้คนอ่านหลาย ๆ คนกำลังนอยด์อยู่กับหลาย ๆ เรื่อง แต่เค้าเองก็ไม่อยากให้คนอ่านคิดมากนะคะ...
หากเราเลือกแล้วว่าจะรักใครสักคน “ความเชื่อมั่นและเชื่อใจ” ในคนที่เรารักเป็นสิ่งที่ควรกระทำ เค้าเองก็อาจจะมีหวั่นไหวไปบ้าง เพราะยังเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดา แต่เค้าก็มานั่งคิดทบทวนดูแล้ว เค้าก็รู้ว่า...เค้าไม่มีสิทธิ์ในตัวคนที่เค้ารักแม้แต่น้อย ไม่ว่าคนที่เค้ารักจะทำอะไร เค้าก็เคารพในทุกการตัดสินใจของคน ๆ นั้น...เพราะเค้ารู้ดีว่า...เซนส์ที่มี(น้อยนิด)ของเขา...ยังบอกให้เขาเชื่อในคน ๆ นี้อยู่...
หวังว่าทุกคนคงจะเข้าใจเค้านะคะ ><
ปล. วันนั้นที่เค้าบอกว่าเค้านอยด์...จริงๆ เค้าไม่ได้นอยด์แค่เรื่องพี่น้องนะคะ แต่เค้านอยด์เรื่องเพื่อนเค้าต่างหาก พอดีเค้าทะเลาะกับเพื่อนนิดหน่อยค่ะ แหะๆ (นิสัยไม่ดีเนอะนอยด์กับเพื่อนแล้วพาลกับฟิค) ฮ่า ๆ เอาเป็นว่าเค้าจะไม่ให้ความนอยด์ของเค้ามาทำให้คนอ่านต้องรอเก้ออีกแล้วค่ะ ^^
ขอให้สนุกฟิคตอนนี้และเรื่องนี้...และติดตามกันต่อไปเรื่อย ๆ นะคะ
รักคนอ่านทุก ๆ คนจริง ๆ ค่ะ...<3
เกือบลืมบอกไป...ถ้ามีคำผิดต้องขออภัยนะคะ...อ่านเรื่องนี้จบแล้ว อย่าลืมแวะไปอ่านเรื่องสั้นที่เขากำลังจะเขียนต่อด้วยนะคะ แม้มันจะดราม่า แต่เขาก็อยากให้อ่านค่ะ...ฮ่า ๆ ๆ ๆ
ความคิดเห็น