คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [สวนด] กะดึก
7:00 PM
ติ๊ง~ต่อง
ประตูอัตโนมัติเลื่อนเปิดทางให้ลูกค้าโครงร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาภายในร้านสะดวกซื้อ ผิวหน้าสว่างผุดผาดผินมองไปยังตำแหน่งแคชเชียร์ เล่นเอาพนักงานสาวร่างอวบสองคนที่ยืนประจำที่อยู่ต้องหันมาตบตีกรี๊ดกร๊าดใส่กัน ด้วยองคาพยัพอันงดงามคมคายสมชายชาตรีของเด็กหนุ่ม รวมทั้งสายตาดิบเถื่อนแสนจองหองเย่อหยิ่งคู่นั้น ราวกับว่าหากปรารถนาต้องการสิ่งใดแล้ว ไม่มีใครสักคนบนโลกนี้ที่จะหยุดยั้งเขาไว้ได้ ช่างดึงดูดความสนใจของเพศตรงข้ามเป็นอย่างดี
“เมื่อกี้เขาสบตากับฉันด้วยแหละ โอ๊ยนีออนแอทแทค”
“อาร๊ายยยเขามองหาฉันต่างหากเพิ่งโทรนัดกันเมื่อกี้ๆ”
สองสาวเกทับกันอย่างไม่มีใครยอมใคร หาสาระมีไม่ ในขณะที่ประเด็นของพวกเธอได้ก้าวยาวๆสองสามทีก็ไปถึงหน้าแร็คเครื่องดื่ม ซึ่ง นนทนันท์ อัญชุลีประดิษฐ์ พนักงานใหม่กำลังจัดวางสินค้าอยู่ หน้าตาไม่รับแขกไม่สมกับงานบริการดูยุ่งยากจริงจังกับการเรียงแถวนมเมจิพาสเจอไรซ์ ตากลมจ้องวันที่ที่ระบุจนตาดำไหลมารวมกันอย่างกับคนตาเหล่ ท่าทางน่าอึดอัดชวนให้ผู้คนหนีห่างนั้น เด็กหนุ่มที่สาวเท้าไปใกล้กลับคิดไปอีกทาง
น่ารัก! น่ารักจนอยากใส่ถุงกลับบ้านเลยล่ะ!
“ชา ~หยิบช็อกให้หน่อย” เสียงทุ้มลากยาวเหมือนเด็กกำลังอ้อน
นนทนันท์หันมามอง และถึงเขาจะแปลกใจ แต่สีหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป แค่เพียงดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นเท่านั้น ซึ่งคนที่ไม่สนิทจริงๆย่อมไม่อาจรู้ถึงอารมณ์ของเขาได้
มือเล็กนุ่มนิ้มเอื้อมไปคว้าขวดสีน้ำตาลที่เพื่อนร่วมคณะต้องการ อดที่จะพิจารณาสารรูปมันไม่ได้ ชุดกีฬาแบบนี้จะไปเล่นเทนนิสหรือเปล่า จะว่าไปเส้นทางจากหอของเศรษฐพงษ์ถึงสนามเทนนิสหลัง ม. ก็ไม่ได้ผ่านหน้าร้านที่เขาทำงานอยู่เลยนี่ อีกอย่าง มินิมาร์ทสมัยนี้สร้างชิดติดกันอย่างกับเป็นแพคเกจคู่ซื้อ 1 แถม 1 มีทั้งหัวซอย กลางซอย ท้ายซอย กับอีแค่เมจิช็อกจะหาซื้อยากขนาดไหนกันเชียว นนทนันท์กังขาสงสัยในการปรากฏตัวของเพื่อนลูกเสี้ยว แต่ก็ไม่ได้ไต่ถามอะไร
เป็นอีกฝ่ายที่บอกมาสั้นๆ
“คิ้วชน”
พร้อมกับวาดท่อนนิ้วขาวจัดบรรจงคลึงนวดตรงหว่างคิ้วของพนักงานคนใหม่เบาๆ
นนทนันท์พยักหน้ารับรู้ อาจจะดูมึนๆเหมือนไม่สนใจแต่ก็ทำไงได้ที่เกิดมามีใบหน้าค่อนข้างจะไร้ความรู้สึก โชคดีที่มีเพื่อนผู้คอยเข้าใจอย่างเศรษฐพงษ์ที่ไม่ตีความหมายหน้าเดียวของเขาไปผิดๆ อย่างการตอบรับที่แค่ผงกหัวไม่หือไม่อือยังเรียกรอยยิ้มเชื่อใจของฝ่ายนั้นมาเต็มๆ รอยยิ้มที่บอกนนทนันท์ว่า เศรษฐพงษ์เชื่อมั่นว่าเพื่อนจะระวังไม่ให้คิ้วผูกโบว์อีก
“คิดไงใส่โอนามิ?” ถือโอกาสจับแตะเสื้อเกราะพยุงหลังของคนตัวเล็ก
“brace เว่ย” แก้ให้อย่างไม่ถือโทษที่ถูกแซว เขามันคนหลังคดหลังงอบุคลิกภาพไม่ค่อยดีก็เลยถูกหม่อมแม่บัญชาให้จัดระเบียบกระดูกตัวเองซะ
เศรษฐพงษ์ลูบคลำสำรวจอยู่นาน ถึงแม้จะเหมือนสัมผัสถูกคนมากกว่าเสื้อ แต่นนทนันท์ก็ไม่ได้ต่อว่าต่อขาน เพราะรู้นิสัยเหมือนเจ้าหนูจาไมเด็กขี้สงสัย รวมทั้งความติดสกินชิพของเพื่อนคนนี้จึงโดนแตะเนื้อต้องตัวบ่อยๆจนชินไปแล้ว
สองสาวที่เข้าเครื่องอยู่ดูอึ้งๆเมื่อหันมามองพนักงานร่างเล็ก แม้ว่าเพื่อนตัวสูงจะเดินไปคิดเงินต่อหน้าพวกเธอแล้ว ก็ยังไม่วายหันมาชำเลืองมองทางนี้อีก จนยิงบาร์โค้ดเสร็จก็ไม่เห็นจะพลัสเซลล์ ทำให้นนทนันท์ต้องยกมือขึ้นมากัดเล็บอย่างเป็นกังวล หวั่นใจว่าการพูดคุยทักทายเล่นหัวกับเพื่อนที่รู้จักในเวลางานจะเป็นการผิดกฎหรือเปล่า?
เศรษฐพงษ์ส่ายศีรษะเบาๆอย่างระอา เอ่ยเสียงดุ “ชา เล็บ”
นนทนันท์รีบลดมือลง เพื่อนตัวขาวจึงเดินผ่านประตูอัตโนมัติไปไม่ท้วงอะไรอีก
“คชา นั่นใครน่ะ?” หนึ่งในสองสาวเริ่มถามก่อน ร่างเล็กจำได้ว่าเธอแนะนำตัวเองในชื่อ แพรวา
“เพื่อนคณะเดียวกันครับ”
“บ้านเขาอยู่แถวนี้เหรอ?” อีกคนที่ชื่อ หลิน กุมมือตัวเองไว้ระดับอกทำหน้าตาลอยๆออกแนวเพ้อฝัน วาดหวังว่าจะได้ประสบพบแวมไพร์ฉีดกลูต้าในร้านสะดวกซื้อบ่อยๆ
นนทนันท์สั่นหัวจนผมเส้นเล็กฟุ้งกระจาย “ฮื่อออ ไม่อ้ะ ยังงงๆเลยว่ามาไง”
แพรวากับหลินสบตากันก่อนที่หนึ่งในนั้นจะลองพูดดูว่า “เขาเห็นว่าคชาทำงานวันแรก เลยมาให้กำลังใจหรือเปล่า?”
“ห๊ะ งั้นเหรอ?” พนักงานใหม่ที่มีบรรยากาศไม่น่าเข้าใกล้พลันแย้มยิ้ม ริมฝีปากบางหยักสีชมพูธรรมชาติแบบที่พวกเธอเห็นแล้วยังอิจฉาเหยียดโค้งเผยแนวฟันขาวสะอาด นวลแก้มเนียนไล้เลือดฝาดจางๆ เหมือนกับว่ากำลังเคอะเขิน ช่างดูน่ารักน่าเอ็นดูแบบที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่า ข้างในคนหน้าเดียวคนนั้นจะมีคนน่ารักคนนี้ซ่อนอยู่
“เธอคิดเหมือนที่ฉันกำลังคิดหรือเปล่าบีหนึ่ง?”
“ฉันคิดว่าฉันกำลังคิดไปในทิศทางเดียวกับเธอนั่นแหละบีสอง”
พนักงานใหม่ร่างเล็กหน้าตายที่อยู่ๆกราฟความโมเอ้ก็พุ่งพรวดไปถึงขั้นMAX กับเพื่อนหนุ่มรูปหล่อตัวโตที่ลงทุนมาให้กำลังใจทั้งที่ไม่ได้ใกล้บ้านเลยสักติ๊ด แทบอดใจรอที่จะเมาท์กับตัวแม่ซึ่งจัดสต๊อกอยู่หลังร้านไม่ไหวแล้ว!!!!
8:00 PM
“ไม่เห็นมาเลย!”
“พี่ต้นโกหก!” หลินกับแพรวาโวยวายใส่พนักงานชายร่างโปร่ง ซึ่งนางก็หันมาจิกลูกตาโตใส่อย่างร้ายกาจไม่แพ้กันทันควัน
“คืนนี้ยังอีกยาวไกลเบบี๋ จะวางเดิมพันไหม กล้าป๊ะล่ะ”
นนทนันท์ซึ่งยังเรียงไฟโฟอยู่อีกมุมของร้านหันไปมองพวกเขาที่ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวน่าสนุกกันอย่างเหงาๆ เพราะคนเงียบเฉยอย่างเขาไม่ใคร่จะถนัดไปสนทนาเฮฮากับเพื่อนเท่าไร ทุกครั้งก็มีแต่เศรษฐพงษ์คอยปูทางลากเขาไปหาวงสังคม
แล้วเสียงเอะอะก็เงียบลงไปคล้ายเกิดเหตุการณ์บางอย่าง พนักงานหน้าเดียวจึงเงยหน้าขึ้นจากชั้นวางสินค้า เฮ้ย! ไอ้เต๋ามาอีกและ เมิงหาทางกลับบ้านไม่ถูกเหรอวะ!?
เศรษฐพงษ์เดินล้วงกระเป๋าผ่านพนักงานสามคนที่ทำสีหน้ากันคนละแบบ ธนษิต พนักงานชายกอดอกภูมิใจและแบมือไปทางสองสาวที่ทำหน้าเหมือนเสียพนันบอล
เด็กหนุ่มคงไม่ได้หลงทางแบบที่เพื่อนของเขาคิด เพราะชุดกีฬาถูกผลัดเปลี่ยนเรียบร้อย เนื้อตัวสะอาดสะอ้านแบบคนเพิ่งอาบน้ำมา ผมหยักศกนิดๆเหมือนจะยังหมาดๆ นนทนันท์จึงเขย่งเท้าวาดท่อนนิ้วขึ้นแตะม้วนลอนหลวมๆนั้นทดสอบค่าความชื้น
“ผมเปียก”
“ฮิ้วว~วว~วว” เสียงประสานโซปราโนตรงเคาน์เตอร์ทำให้พนักงานหน้าหวานเอียงคอจ้องมองอย่างสงสัยความนัย ต่างจากเศรษฐพงษ์ที่รู้อยู่เต็มอกถึงอาการ [ชง] ที่ไม่ได้วอนขอ เด็กหนุ่มได้แต่เกาท้ายทอยแก้เก้อ
สายตาไร้เดียงสาของนนทนันท์ทำให้ธนษิตนึกเอ็นดูจึงพูดเสียงดังอย่างจงใจว่า “หิวเนอะสาวๆ”
“ใช่ๆ อยากกินยูกิหมี่เกี๊ยวจัง”
“ช่างเหอะ มาจัดซองบุหรี่ให้เสร็จกันดีกว่า”
นนทนันท์จึงละสายตาออกมา จับจ้องมองเพื่อนที่นึกคึกออกจากบ้านทั้งๆที่ไม่ได้เป่าไดร์ผมมาไกลคนละฟากฝั่งของเมืองแบบนี้ อะไรเข้าสิง
เค้นคำตอบกันมา เศรษฐพงษ์ก็เลยต้องหาข้อแก้ตัว “เก๊าะ....ตีเทนนิสเสร็จ หิวมาก แล้วพอดีอยากกินยูกิหมี่เกี๊ยวก็เลยแว๊นซ์มอไซค์มาเลย ผมเผิมใช้ลมธรรมชาติเป่าเอา” มือใหญ่เสยผมที่โต้ลมจนแห้งไปบ้างปัดๆไปทางด้านหลัง เซ็ททรงไม่ให้ลงมาปรกหน้าตา ความเป็นจริงก็เพิ่งจะรู้นี่แหละว่ามีร้านหมี่เกี๊ยวอยู่เยื้องๆมินิมาร์ทที่นี่ แน่นอนว่าไม่รู้ถึงการมีอยู่จะไปเคยชิมจะไปตรัสรู้รสชาติด้วยตัวเองจนติดใจอยากกินอีกได้เยี่ยงไร ก็ต้องแถๆมาเพราะได้ยินเพื่อนพนักงานของคนตัวเล็กพูดถึงอยู่แล้ว
“แล้วจะเข้ามาในนี้ทำไม ก็รีบไปกินดิ” เพื่อนตัวเล็กหันหลังให้กลับไปเรียงสินค้าอย่างขยันขันแข็งคุ้มค่าแรงต่อ เศรษฐพงษ์ไม่รอช้าตรงเข้าซ้อนหลังจนแนบชิด ทำหูทวนลมไม่ได้ยินเสียงกรี๊ดเล็กๆจากแถวหน้าร้าน
“ไม่เอาและ อยากกินบิ๊กไบท์ที่ชาทำให้ดีกว่า” มีใครเคยบอกไหมว่า น้ำเสียงเวลาเพื่อนตัวขาววานใช้ทำอะไรให้มันออดอ้อนฟังแล้วแทบละลายน่ะ
นนทนันท์ยกเล็บขึ้นกะจะกัด แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเพื่อนพึ่งเอ่ยเตือนตอนมาครั้งก่อน จึงเอามาเกาหัวตัวเองแกรกๆแทน พนักงานใหม่ไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถใช้ไมโครเวฟได้ไหม
“เขาเพิ่งสอนเรียงของเอง ยังไม่มีใครสอนเวฟเลย”
“เหมือนเวฟที่บ้านนั่นแหละน้อง แถวนั้นก็มีฮาวทูแปะไว้อยู่ เวฟไปอย่าได้แคร์” ธนษิตโพล่งออกมาอย่างไม่มีใครขอความคิดเห็น แต่คำกล่าวของพนักงานหน้าเก่าก็ศักดิ์สิทธิ์พอที่จะอนุญาต พนักงานร่างเล็กจึงเดินไปที่ซุ้มเตาอบ คราวนี้แม้แต่หน้าเดียวก็ปิดความตื่นเต้นไว้ไม่มิด ท่าทางเงอะงะประดับรอยยิ้มเอ๋อๆแบบลองผิดลองถูกนั่นทำให้เศรษฐพงษ์หันไปกระซิบแบบปากกว้างไร้เสียงกับกลุ่มสาวสาวสาวหน้าแคชเชียร์อย่างอวดๆว่า “น่า~รัก~ป๊ะ~ล่ะ”
ธนษิตเองก็อ้าปากซิงก์กลับว่า “ม~า~ก ม~า~ก” โดยมีลูกคู่กางมือกางไม้ประกอบว่า ม~า~ก ขนาดไหน
มัวแต่ชงคู่สว่างหน้าเดียวอยู่ ไม่รู้ตัวเลยว่าลูกค้าคนหนึ่งยืนรออยู่นานแล้ว เรียวหน้าสวยคมหันมาเจออย่างงวยงง “อ้าว เรียบร้อยแล้วนะครับ ยอดเงินมีปัญหาเหรอครับ?”
“คือ...ผมซื้อครบ....40บาท” ลูกค้าแก้มอูมบอกตะกุกตะกักพูดอย่างไม่ยอมสบตา
“อ๋อ จะแลกซื้ออะไรล่ะครับ นี่รายการ แนะนำเป็น.......” ธนษิตชี้ให้ดูแผ่นกระดาษบนโต๊ะ รู้สึกว่าเมื่อชะโงกเข้าไปใกล้ คุณลูกค้ายิ่งก้มหน้างุดจนน่ากลัวว่าคางจะแทงไหปลาร้าพรุนไปแล้ว
“ไอติมเนี่ยอะครับ เหลือ 10 บาทเท่านั้นเอง” ดูจากสินค้าที่ซื้อไปเป็นของกินเล่นเหมือนเด็กๆเลยแนะนำไอศกรีมที่น่าจะสอดคล้องกับรสนิยมของลูกค้า
“ไม่.......มี.......”
“ครับ?”
“ไม่มีแลกเบอร์พนักงานกับลูกค้าเหรอครับ?” พูดจบก็ใส่เกียร์หมาโกยแนบออกไป ประตูอัตโนมัติแทบเปิดให้ไม่ทัน ทิ้งธนษิตให้ยืนกระพริบตาปริบๆท่ามกลางเสียงโห่ฮาของเพื่อนร่วมงาน ประหนึ่งถูกบอกรักกลางสี่แยก อยากจะเอาแสกนบาร์โค้ดทุบหัวตัวเองสักตุ้บสองตุ้บพอให้รู้ว่าไม่ได้ฝันไป แอร๊ยยยย งามหน้าเห๊อะ
มาขอแลกเบอร์แล้วทำไมไม่รอเอาล่ะห๊ะ คอยดูเถ๊อะโผล่หน้ามาอีกทีแม่จะเล่นตัวซะให้เข็ด!
“มีงี้ด้วยวุ้ย”
“กล้าเนอะ”
“ระวังตัวไว้เถอะ เดี๋ยวจะถูกลูกค้าล่ำๆมาจีบบ้าง” เศรษฐพงษ์ขู่
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร” คนตัวเล็กยักไหล่แล้วหันไปหั่นบิ๊กไบท์ต่อ
“ชายชายนะเว่ย” อย่าบอกนะว่ามีหวัง
“ความรักสวยงามเสมอว่ะ” นนทนันท์ตอบแบบคนมองโลกสวย ไม่รู้เลยว่าเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อแอบกระโดดดีใจจนตัวลอย
9:00 PM
ด้านหลังร้านในห้องเย็น ธนษิตกำลังกำกับให้พนักงานใหม่จัดเรียงเครื่องดื่ม เศรษฐพงษ์ที่แว๊นซ์มาอีกรอบจึงอดพูดคุยหยอกล้อกับเพื่อนตัวเล็ก แต่ร่างสูงก็ยืนปักหลักหน้าตู้แช่ไม่ไปไหน
“คชา เจ้าเต๋านี่แปลกๆนะ” นินทาซึ่งหน้า
นนทนันท์หันไปมองหัวข้อสนทนาแวบหนึ่งก่อนจะหันมายิ้มบางตอบ “มันเอ๋อ สมองมันไม่ปกติ” พูดแล้วก็นึกขันเอง บ้าไม่บ้าก็ดูมันแต่งตัวสิ ดึกขนาดนี้ยังจะใส่แว่นดำ แถมยังเจาะซองเอกสารสีน้ำตาลเอาเชือกร้อยห้อยคอ เพื่อ.......
แถวนี้มีประกวดคอสเพลย์คนขายล็อตเตอรี่เหรอวะ?
“พี่ว่า.......กลัวคชาถามว่ามาทำไมไง เลยเอาพร๊อพมากะแถว่ามาขายล็อตเตอรี่ไรงี้ไง”
“ไม่รู้มันจะมาทำไมนักหนา บ่อยเกิ๊นนน” แว๊นซ์ไปแว๊นซ์มาหัวฟูเชียว ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้มา แต่เห็นไม่ใส่หมวกกันน็อคก็กลัวจะเกิดอุบัติเหตุ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เศรษฐพงษ์เคาะกระจก ในมือของเขามีซองกระดาษที่เขียนข้อความตัวใหญ่ลงไปว่า
“หนาวป่าว?”
นนทนันท์โบกมือเป็นเชิงไม่เป็นไร ก่อนจะใบ้ท่าทางบอกให้เพื่อนกลับไปนอนได้แล้ว และคนตัวขาวก็งอนิ้วเป็นเครื่องหมายโอเค
คงจะไม่มาอีกแล้วล่ะ
มั้ง!?
10:00 PM
“พี่ครับ”
“ครับ?”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักและสายตาของคนในร้าน ธนษิตปั้นหน้าเดียวที่เลียนแบบพนักงานใหม่ได้อย่างเกรดเอ ก็ลูกค้าร่างอวบคนนี้เป็นคนเดียวกับที่ซื้อของ 40 บาทแล้วขอแลกเบอร์กับเขาก่อนจะเผ่นแน่บไป ถึงคราวธนษิตจะเล่นกลับ
“ต...ตอนผมคุ้ยถังไอติม...รู้สึกว่าจะทำมือถือหล่นลงไป....ยังไงช่วยเอาโทรศัพท์พี่โทรเข้าหน่อยนะครับ....จะได้หาเจอ” เนียน มันเนียนมากเลย ถ้ามันจะไม่เคยมาเล่นมุข 40 บาทแลกเบอร์ก่อนหน้านี้
“โทรศัพท์สาธารณะด้านหน้ายินดีให้บริการครับ” ธนษิตไม่เหลือบแลเบอร์ที่ส่งมาให้แม้แต่น้อย
“โหยยยพี่ต้นใจร้ายอ้ะ”
“อย่าท้อน้อง พี่เขาแค่เล่นตัวบ้างไรบ้างตามประสาหญิงไทยใจงามน่ะ”
ตอนแรกก็ใจหายวูบเลยที่ธนษิตเผยด้านเย็นชาออกมา นึกว่าถูกเกลียดซะแล้ว แต่หลังจากแพรวากับหลินช่วยเผยไต๋ ดวงตาโตคู่สวยก็กลับมาเผยแววขี้เล่นที่ทำให้เขาหลงรักเช่นเคย ก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง “.......นะครับ”
ผู้ชายที่สูงท่วมหัวมาเว้าวอนขอร้องแบบยอมลงให้ทุกทางอย่างนี้ ใครล่ะจะไม่ใจอ่อน ทว่า ธนษิตก็ผ่านประสบการณ์มาหลายหลาก เขาไม่อยากให้ความรักของเขาหัวใจของเขาเป็นเรื่องง่ายดายเกินไป “กลับไปเถอะน้อง”
จุกเจ็บที่ใจแปลบปลาบ เมื่อโดนขับไล่ไสส่ง
“เดี๋ยวเลิกงานแล้วจะโทรไป” มุมปากแอบกระตุกยิ้มแต่ก็ยังเก๊กชงอยู่ พอเห็นท่าทางดีใจเป็นเด็กๆของอีกฝ่ายที่ชกลมร้องเต้นอย่างกับนักบอลยิงเข้าประตูก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างและหัวเราะออกมา
ดีจัง นนทนันท์มองธนษิตอย่างยินดีด้วยจากใจ อย่างที่พูดไปว่าเขามองความรักสวยงามเสมอ ไม่จำเป็นต้องไปกะเกณฑ์ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เชื้อชาติอะไร หรือเพศไหน แค่ใครสักคนที่มาเติมเต็มช่องว่างในชีวิต ถมหัวใจที่อ้างว้างเปล่าเปลี่ยวให้พองโตเต็มใบ ชีวิตนี้ก็คงจะไม่ต้องการวอนขออะไรอีกแล้ว เขาก็เป็นผู้ชายช่างฝันคนหนึ่ง ที่อยากมีความรักธรรมดาๆ เรียบง่ายมั่นคงยืนยาว แค่ได้พบเจอพูดจาและอยู่ด้วยกันก็เพียงพอ
แต่ติดที่ตรงคาแร็คเตอร์ดังเจ้าชายเย็นชาของเขา จะมีใครไหมนะที่จะมองเข้ามาทะลุหน้ากากอันไร้ความรู้สึกมองเห็นจิตใจที่เงียบเหงาดวงนี้ ใครๆอาจจจะมองเขาว่าโลกส่วนตัวสูงชอบอยู่ตัวคนเดียว หากความจริงแล้วไม่ใช่เลย เขาขี้เหงากว่าที่เห็น แต่เพราะนิสัยที่เป็นอยู่ทำให้ไม่กล้าเดินเข้าไปหาใครและไม่มีใครที่เดินเข้ามา รู้เลยว่าตัวเองต้องทนเดียวดายแบบนี้ไปตลอดกาลเหมือนถูกสาป
พลันช่วงคอระหงก็ถูกรวบไว้หลวมๆ เศรษฐพงษ์เอาปืนเด็กเล่นจ่อใบหน้าหวานอย่างกับเด็กผู้หญิง ก่อนจะกระซิบเสียงพร่า “นี่คือการปล้น!”
นนทนันท์แค่นยิ้ม เพื่อนตัวขาวมาบ่อยจนเขาชักระแวงมันว่าเป็นพนักงานจากบริษัทแม่ปลอมตัวมาเช็คลิสต์หรือเปล่า อยู่กับเจ้าเต๋าไม่มีเวลาให้เหงาจริงๆเห๊อะ
ปัง!~
ปืนของเล่นถูกยิง สิ่งที่พุ่งออกมาคือธงสีขาววาดหัวใจสีแดงตรงกลาง อุแม่เจ้า ถ้าเขาเป็นสาวเป็นนางจะคิดว่ามันจีบเขาแน่ๆ ลงมาวนเวียนรอบตัวทุกชั่วโมงแบบนี้
“คิดถึงกูมากไหม ขาดกูไม่ได้เหรอ” ประชดกันไป
เศรษฐพงษ์นิ่งคิด แต่ก็ตัดสินใจพูดออกมาให้จบๆ “เออว่ะ ไปนั่งๆนอนๆอยู่ห้องก็เป็นห่วง ไอ้เหี้ยชาจะเป็นไงบ้างวะ มันจะเข้ากับใครได้บ้างไหม จะมีคนหมั่นไส้ความหน้าเดียวความเป็นคนเงียบๆของมันป้ะ มันต้องจริงจังทำงานไม่รู้จักพักผ่อนไม่รู้ร้อนหนาวแน่นอน จะมีลูกค้าหุ่นหมีซื้อขนมจีบให้มันวอนตีนกูไหม ความกังวลมันชอนไชเหมือนพยาธิในตูด อยู่ไม่ได้ก็ต้องมา ก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้แหละว่า ความคิดถึงกับความรักมันต่างกันแค่ก้าวเดียว ถ้าอยู่เฉยๆความคิดถึงก็เป็นได้แค่ความคิดถึง แต่ถ้าเริ่มก้าวหาความคิดถึงอาจจะเปลี่ยนเป็นความรักก็ได้นะ หวังว่า.......”
มือข้างที่ถือปืนโอบเข้าหา กลายเป็นว่าเศรษฐพงษ์กำลังกอดรัดเพื่อนตัวเล็กไว้ทั้งตัว นนทนันท์แทบจะจมลงไปกับแผ่นอกกว้าง สันคางแข็งแรงลดลงมาเกยลาดไหล่บอบบาง ทำให้ร่างเล็กเห็นเสี้ยวหน้าที่เก้อเขินหากแฝงไปด้วยความมาดมั่นเด็ดเดี่ยวของเพื่อนตัวดี
ดูแลกันขนาดนี้ ยอมรับว่าเศรษฐพงษ์เป็นตัวเลือกที่ฟังดูดี แต่จะให้เลื่อนฐานะกะทันหันก็กลัวว่าอีกคนจะเหลิง พนักงานหน้าหวานเลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “มึงจีบกูเหรอ?”
“สัดเป็ด กูจีบจางกึนซอกในห่อโอเลบิวตี้ม๊างงง อย่าเล่นกับความรู้สึกคนอื่นดิเห้ย หมดหวังยังไงก็บอกกันมา”
เชี่ย ให้กูได้ทบทวนความรู้สึก ให้กูอิ่มเอมกับความรักที่เมิงมีให้กูบ้างเซ่~ อย่าเพิ่งเปรี้ยวตีนดิ๊
“หมดอารมณ์ว่ะ”
“คชา!~”
แม่ง จะให้พูดให้ได้เลยใช่ไหมว่ากูคันหูอยากได้แอทเลิฟมาเกาให้ใจจะขาดรอนๆ อิอ๊างอิอ๊าง น่ะ
“มีนิดนึงก็ได้ ขอดูคะแนนความประพฤติสักพักก่อน”
พูดไปเท่านั้นแหละ ไอ้คนที่เอาแขนรัดคอเขาแทบตาย แบบที่แยกไม่ออกว่าจะมาขอความรักหรือฆาตกรรมหั่นศพคนตัวเล็กกันแน่ จึงยอมคลายอ้อมกอดแนบแน่นยกกำปั้นลอยฟ้าประกาศศักดาแห่งชัยชนะ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของเหล่าคนชงที่ยืนประจำอยู่รอบๆร้าน ก่อนจะวิ่งไปประชิดตัวธนษิตซึ่งจับจองพื้นที่ชิดไกล้ริงไซด์ประหนึ่งซื้อตั๋ววีไอพี คว้าเรียวหน้าสวยมาหอมฟอดอย่างไม่มีใครตั้งตัว แล้ววิ่งออกไปจากร้านทิ้งให้ทุกคนยืนอ้าปากค้างคางแทบหล่นกระแทกพื้น
“ตกลงมึงจีบใครแน่วะต๋าววว” นนทนันท์ตะโกนเดือดดาล คราวนี้เขาไม่รู้จริงๆแล้วว่าเศรษฐพงษ์ต้องการอะไรจากสังคม
11:00 PM
ร่างสูงใหญ่ม้วนตัวอยู่ในผ้าห่ม เครื่องหน้างดงามดังสลักเสลาจรดจุมพิตที่พวงแก้มปุกปุยของตุ๊กตาหมีในวงแขนซ้ำๆ ในหัวจินตนาการพกเพ้อไปเรื่อยเปื่อย ปัญญาอ่อนไปมั้ยที่จะเวิ่นเว้อว่าเจ้าเท็ดดี้แบร์ตัวนี้คือนนทนันท์คนที่มีหน้าเดียวคนนั้น มองเข็มนาฬิกาที่เยื้องย่างอย่างเชื่องช้า อยากจะไปหาพนักงานหน้าหวานที่ร้านสะดวกซื้อจนเกินใจจะอดทน แต่ก็ยังรู้กาละเทศะไม่กล้าจะไปรบกวนตอนเขาทำงาน รอคอยเวลาให้ผ่านไปอีกสักครู่ใหญ่ๆ จะได้ไปรับตอนเลิกงาน แวะกินอาหาร และพาไปส่งที่บ้านซะเลย
พอคิดว่าถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ชายหนุ่มก็เลือกแจ๊คเก็ตเข้ารูปมาจากในตู้ เสื้อหนังกันลมตัวนี้ขนาดค่อนข้างเล็ก นนทนันท์คงใส่ได้พอดี อากาศตอนกลางคืนค่อนข้างเย็นแถมยังมีน้ำค้างลง ไม่ปรารถนาให้ว่าที่คนรักจับไข้
ล็อกประตูห้องเรียบร้อยก็เดินไปเคาะประตูห้องเพื่อนข้างๆกัน ขอหยิบยืมหมวกกันน็อคมาสองอัน ตัวเองยังไงก็ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องของนนทนันท์ ต้องปลอดภัยไว้ก่อน
ขับรถจักรยานยนต์ไปถึงหน้าร้าน เห็นในร้านกำลังยุ่งวุ่นวายกับการเช็คเงินเช็คของกันอยู่ เลยสำเหนียกตัวเองไม่เข้าไป นั่งมองฟ้ายามกลางคืนนิ่งรอ
ไม่รู้ทำไมท้องฟ้าคืนนี้สวยเหลือเกิน
12:00 AM
“ถ้าหายต่ำกว่า 20 บาทไม่เป็นไร” หนึ่งสาวร่างอวบเสียงใส
“แต่ถ้าเกินโดนแน่!” หนึ่งสาวตาโตผมยาว
“เอาเป็นว่าไม่ขาดไม่เกินดีที่สุด” หนึ่งหนุ่มหน้าสวยคมคาย
หากเศรษฐพงษ์คิดว่าคนตัวเล็กหน้าหวานเหมือนทอมที่พยักหน้ารับไม่ค่อยพูดค่อยจาน่ะ น่ารักที่ซู้ดดด
“ชา!” กวักมือเรียก ให้รู้ว่ามารับกลับ
ไม่คิดว่าจะถูกหน้าเดียวเชิดใส่ ปากแหลมๆยื่นออกมาเหมือนกำลังแง่งอน
“งอนอะไร เมื่อกี้ไม่ได้เข้าไปเห็นกำลังยุ่งกันอยู่ เลยรอหน้าร้าน” รีบเดินเข้าไปง้อ นึกดีใจที่คนหน้าเดียวก็ทำหน้างอเป็น ซึ่งแน่ล่ะว่ายังไงเขาก็คิดว่าน่ารัก ไม่ได้นึกว่างี่เง่าไร้เหตุผลเลยสักนิด
“ไม่ใช่เรื่องนั้นสักหน่อย”
“อ่าว แล้วเรื่องไหนล่ะคะ”
คนตัวเล็กหัวเราะคิกเมื่อเพื่อนทำเป็นพูดคะขาเหมือนเอาใจ อารมณ์ดีขึ้นแล้ว
“ก็ไอ้คุณพี่เต๋านั่นล่ะค่ะ บอกว่าจีบกู แต่ไปแซ้บหอมแก้มพี่ต้นเฉยเลย”
“ซอ~รี่” สำเนียงเวอร์ของธนษิตแทรกเข้ามา พร้อมกับทำท่าสะบัดบ๊อบเหมือนกับจะบอกว่า โทษทีที่เกิดมาเซ็กส์แอพริลเยอะไป แล้วก็ต้องตาโต เอามือปิดปากกลั้นเสียงกรี๊ดแทบไม่ทันเมื่อคู่ที่ชงคว้าคอกันประกบปากดูดดื่ม
“อิจฉาอ้ะ!~” หลินกับแพรวากระทืบเท้ากับพื้น
นนทนันท์ทั้งอยากจะร้องกรี๊ดทั้งอยากจะดีดดิ้นกระทืบเท้ากับเขาเหมือนกัน แต่แค่รสสัมผัสเพียงบางเบาของเพื่อนตัวขาวก็ดูดดึงเรี่ยวแรงทั้งหมดออกไปจากร่างกายสิ้น ไม่ต้องพูดถึงว่าต่อมาที่ริมฝีปากเชี่ยวชาญของเศรษฐพงษ์เพิ่มน้ำหนักและพื้นที่การรุกล้ำคนตัวเล็กจะอ่อนยวบเป็นเยลลี่ตากแดดขนาดไหน ถ้าไม่ใช่เพราะมือใหญ่ที่ค้ำจุนแผ่นหลังแอ่นโค้งอยู่ เกรงว่านนทนันท์คงจะทรุดลงไปกองกับพื้นหน้ามินิมาร์ทแล้ว
“พอใจหรือยัง?” ถามขึ้นทันทีที่ถอนริมฝีปาก “ได้มากกว่าแล้วนะ หรืออยากได้มากกว่านี้”
น่าแกล้ง! น่าแกล้งชะมัด!
ยิ่งแหย่ยิ่งกระเซ้า คนหน้าเดียวก็ยิ่งมุดๆเข้ามาในแผ่นอกกำยำของเขาไม่ยอมให้เห็นหน้าสบตา น่ารักซะจนไม่อยากให้คลาดสายตา จะมีวิธีไหนไหมนะที่ทำให้อยู่ด้วยกันได้ตลอดเวลา
เหมือนท้องฟ้าเป็นใจ ลมหนาวม้วนพัดเอากระดาษที่แปะไม่แน่นหลุดออกมาปิดหน้า
[เอเอฟอิ่มสะดวกรับสมัครพนักงาน]
“พรุ่งนี้เตรียมต้อนรับพนักงานใหม่ได้เลยชา”
นนทนันท์ทุบอกกว้างของคนทะเล้น ไม่เอาได้ไหมล่ะ ไม่อยากจะใจเต้นโครมครามตลอด 4 ชั่วโมงของกะ ต้องเขินเป็นบ้าแน่เลย!~
Plus sale : รับขนมจีบ ซาลาเปา สว่างหน้าเดียวเพิ่มไหมคะ?
ความคิดเห็น