คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : T W O | He is a Capitalist
SECRET OF CHANYEOL
#สังคมเมียสิบเอ็ดของชานยอล….
T W O
He is a Capitalist
Cause you’re so dark, babe
But I want you hard
You’re so dark, babe
บรรยากาศในสังคมเมืองนั้นน่าเบื่อเสมอ ตอนนี้ปาร์คชานยอลพูดได้เต็มปากว่าเขาอารมณ์ไม่ดีเท่าไรนักเพียงเพราะจำนวนรถบนท้องถนนมีมากเกินไป ตอนนี้เหลือเวลาอีกราวสิบนาที มันมากพอสำหรับการเข้าบริษัทให้ตรงเวลา แต่น้อยเกินไปถ้าอยากแวะดื่มแมคคิอาโต้ดับเบิ้ลช็อตสักแก้ว อ้อ ลืมเรื่องกาแฟร้อนในแก้วกระดาษแบบเทคอเวย์ไปได้เลย มันทำให้อรรถรสของรสชาติที่ชอบด้อยลงถนัดตา
เขาคิดถึงคิมมินซอก บาริสต้าในชุดเสื้อโปโลสีดำซึ่งมักยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์คนนั้นคล้ายจะส่งกลิ่นอาราบิก้าอ่อนๆจากตัวให้ลอยมาเตะความสนใจเขาได้ทุกเมื่อ ดวงตานั้นมีรูปร่างเหมือนลูกรักบี้ และสีน้ำตาลเข้มก็เป็นสีเดียวกับเมล็ดกาแฟในโถอย่างไม่น่าเชื่อถ้าได้ลองจับจ้องอีกพักหนึ่ง
นิ้วมือสากลูบไปตามริมฝีปากอิ่มสีโอรสด้วยความกำหนัด ปลายรองเท้าหนังสะบัดขึ้นชี้ฟ้าและกดต่ำลงบนพื้นรถ ครั้งคิมจงอินขับรถผ่านร้านกาแฟในความคิด เขาก็อดไม่ได้ที่จะต้องทอดสายตามองผ่านรถโฟล์คสีเขียวเวอริเดียนริมฟุตบาธเพียงเพื่อสอดส่องหาร่างนั้น นับว่าเป็นโชคดี... โชคดีทีเดียวที่ในสายตาของชานยอลเห็นแค่ใครคนอื่น นั่นทำให้เขาพอจะปลอบประโลมความต้องการของตัวเองให้ต่ำลงได้ทันทีเมื่อรถเมอร์เซเดสเลี้ยวเข้าช่องทางรถขนาดสามเมตรครึ่งข้างตึก
ตาคมปลาบทอดมองผ่านกระจกมองหลังเพื่อสบมองดวงตาสีดำสนิทซึ่งกำลังสอดส่องมองทางภายในลานจอดรถ แน่นอนว่าประธานบริหารอย่างเขาย่อมมีที่จอดพิเศษโดยเฉพาะ มันห่างจากทางเข้าตึกไปไม่ถึงห้าเมตรด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นชานยอลก็ชอบเวลาที่จงอินกำลังตั้งใจรับใช้เขาอย่างเต็มที่ ต่อให้เป็นสิ่งที่ทำอยู่สัปดาห์ละห้าวันก็ตาม
เจ้าของผิวสีแทนไม่เคยทำตัวน่าขุ่นเคือง ไม่แม้แต่จะขับรถให้เขารู้สึกว่ามันฉวัดเฉวียนและไม่ปลอดภัย ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ไปถึงทุกที่ได้อย่างตรงเวลาเสมอ จงอินรู้ใจเขา รู้ว่าทำอย่างไรคนเป็นนายถึงจะพอใจและให้สิ่งตอบแทนล้ำค่าเมื่อถึงเวลาสมควร
“ขอบคุณ จงอิน” ชานยอลจงใจเว้นจังหวะเพื่อเน้นย้ำชื่อของผู้ที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับให้ชัดๆ เจ้าของชื่อยิ้มรับก่อนจะผงกศีรษะน้อยๆ แล้วรีบลงจากรถมาเปิดตูหลังทางขวาเพื่อให้ชายในชุดสูทสีดำก้าวลงได้ถนัด “ไม่เป็นไร”
ริมฝีปากอิ่มเหยียดออก เขาไม่ชอบเดินตัวเปล่าในขณะที่ต้องตอบรับการทักทายของคนทั้งบริษัท กระเป๋าเอกสารนี่หนักไม่ถึงครึ่งกิโลกรัม ถ้าเทียบกับน้ำหนักของผู้ชายสูงร้อยแปดสิบกว่าแล้วนี่ก็ยังนับว่าทำให้ตัวเบาเกินไปด้วยซ้ำ
ป้ายตราสินค้าขนาดใหญ่ประดับอยู่เหนือเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทางด้านหน้าเพื่อบอกให้ทุกคนซึ่งเหยียบเข้ามาในทีนี้ได้เข้าใจว่านี่คือตึกของบริษัทเบียร์ยักษ์ใหญ่อย่าง Nirvana อ้อ... ตึกนี้มันอาจจะใหญ่เกินไปสำหรับบริษัทเบียร์? แต่ถ้าได้ลองเที่ยวชมทุกชั้นแล้วล่ะก็ คุณจะรู้ได้ทันทีว่าแบรนด์เครื่องดื่มส่วนใหญ่ที่แพร่หลายอยู่ในประเทศนั้นย่อมอยู่ภายใต้การดูแลของประธานบริหารที่ชื่อปาร์คชานยอลทั้งสิ้น
และเบียร์ของเนอร์วานาก็ลุ่มลึกเช่นเดียวกับสายตาของเขา
“อรุณสวัสดิ์ครับบอส”
ชานยอลทอดสายตามองจางอี้ชิง เลขานุการในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวตัดปกดำ ลักยิ้มสองข้างแก้มทำให้อารมณ์ดีเสมอเมื่อได้เห็น ซึ่งแน่นอน อี้ชิงมักจะต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้ม และทำราวกับว่าโลกนี้ถูกหล่อหลอมมาจากความสุขอย่างไรอย่างนั้น
“อรุณสวัสดิ์” ตอบรับเพียงแค่นั้นแล้วจึงเดินเลยเข้าไปในห้องทำงาน ทิวทัศน์ของโซลในช่วงแออัดปรากฏผ่านผนังบานกระจกขนาดใหญ่ บางครั้งมันก็ชวนให้คิดว่า ถ้าเขาถอยเก้าอี้เกินไปสักหนึ่งเซนติเมตร ผนังนั้นอาจจะล่องหนเพื่อเปิดทางให้มัจจุราชกระชากตัวลงไป
ปาร์คชานยอลมีแฟ้มเอกสารมากมายวางกองอยู่บนโต๊ะ ซึ่งถ้าจะมีอะไรที่ทำให้เสีย อารมณ์ได้ดีกว่าแมคคิอาโต้ที่ฟองหยาบเกินไปล่ะก็ คงจะเป็นของน่าเบื่อพวกนี้กระมัง หรือเขาก็แค่ลืมไปว่านี่เป็นเช้าวันจันทร์
แต่จันทร์นี้ยังปรานี เพราะมันปล่อยให้ซีอีโอหนุ่มแห้งคาห้องกับกิจวัตรเดิมๆแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง
เสียงอึกทึกข้างนอกยังไม่ทันจะดังให้หายสงสัย ใครบางคนก็เปิดประตูพรวดเข้ามาโดยมีจางอี้ชิงที่พยายามขวางไว้ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ มือใหญ่ของชานยอลวางปากกาในมือลง ปราดมองผู้มาใหม่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่มีรอยยิ้มออกมาจากใบหน้าหล่อเช่นเดียวกับสีหน้าปั้นปึ่งของหวงจื่อเทา ดาราวัยรุ่นชื่อดังที่มีสิทธิ์เข้านอกออกในบริษัทในฐานะพรีเซนเตอร์คนปัจจุบัน
“ผมบอกเขาแล้วว่าบอสทำงานอยู่” อี้ชิงพูด พยายามจะสร้างลักยิ้มให้ปรากฏบนข้างแก้มอย่างเคย โอ้ ไม่หรอก ใครจะอารมณ์เสียกับเรื่องแก้เบื่ออย่างนี้กัน
“ไม่เป็นไรอี้ชิง คุณไปชงกาแฟมาให้ผม เดี๋ยวผมจะคุยกับจื่อเทาเขาก่อน”
เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกหันไปยิ้มเยาะให้เลขานุการหนุ่ม อี้ชิงพยายามสูดลมหายใจลึก แต่ก็แน่ใจว่าบอสคงมีวิธีจัดการนายดารานี่ได้ในระหว่างที่เขาไปลงกาแฟสักแก้ว หรือถ้ากลับมาแล้วประตูห้องยังล็อกอยู่ จางอี้ชิงก็คงหัวเสียไปอีกตลอดทั้งวัน
ทันทีที่บานประตูปิด หวงจื่อเทาก็ถลาเข้ามาเกาะที่ขอบโต๊ะทำงานแล้วโน้มตัวลงมาใกล้ ชานยอลเพียงประสานสองมือไว้บนโต๊ะพลางแย้มรอยยิ้มสู้ รอดูว่าวันนี้เด็กเอาแต่ใจอยากได้อะไรเป็นพิเศษ “พี่ไม่โทรหาผมมาหลายวันแล้วนะครับ”
“ทริปที่ปารีส เรายังอยู่ด้วยกันไม่พออีกหรือ”
“แพรีสน่ะเหรอครับ” ได้ยินอย่างนั้น ดาราหนุ่มก็ยิ่งปั้นหน้างอง้ำ ก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะมาเกาะเกาะข้างแขนของซีอีโอเนอร์วานา แล้วก้มลงกระซิบว่าข้างหู “มันจะไปพอได้ยังไง ตั้งสองอาทิตย์แล้วนะ ผมคิดถึงพี่แทบเป็นบ้าแล้ว”
และหากจะถามว่าจื่อเทาดูเหมือนคนบ้าอย่างที่เจ้าตัวว่าไหม ชานยอลคิดว่าใกล้เคียง
“จริงสิ” ดวงหน้าหล่อแสร้งทำว่านึกอะไรขึ้นได้ จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องสีเงินขึ้นมาดูสเก็ตดวลเพียงผ่านๆ แทบไม่มีวันไหนที่จื่อเทาเห็นว่ามันเว้นว่างจากนัดหมายเลยสักวันเดียว ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นงานการที่ชานยอลต้องรับผิดชอบทั้งสิ้น “พี่สั่งของขวัญไปให้นายที่ห้อง แต่ไม่คิดว่านายจะไม่อยู่
ภาพของโทรศัพท์มือถือสีทองราคาหลักล้านปรากฏอยู่บนหน้าจอ เพียงพริบตา ปาร์คชานยอลก็คว่ำเจ้าเครื่องมือสื่อสารนั้นลงพลางเอี้ยวตัวมอง
“แล้วแบบนี้ แมสเซนเจอร์เขาไม่ไปเก้อเลยหรือ”
เจ้าของผิวสีน้ำผึ้งทำตาโต ก้อนน้ำลายเหนียวในคอทำให้พูดอะไรออกมาได้ตะกุกตะกัก ถึงอย่างนั้นจื่อเทาก็กระเด้งตัวลุกขึ้นด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน “แย่จริง ผม -- โธ่ พี่ก็น่าจะบอกผมสักนิดว่าแอบเซอร์ไพรส์กันอย่างนี้ ผมกลัวว่าพี่จะทิ้ง ถึงได้รีบถ่อมาหาถึงนี่”
ถ้าให้เดา รอยหยักในหัวนั้นคงขดตัวเป็นรูปสีเหลี่ยมขนาดหนึ่งร้อยสามสิบมิลลิเมตรเสียแล้ว เขาพรวดพราดเดินไปที่ประตู ลืมแม้แต่คำล่ำลาเสียจนปาร์คชานยอลต้องเรียกเอาไว้
“จื่อเทา”
“ค -- ครับ?”
“สองชั่วโมง” คนบนโต๊ะทำงานยิ้ม “แมสเซนเจอร์จะไปถึงภายในสองชั่วโมง แล้วพี่จะรอฟีรอฟีดแบ็กว่านายชอบมันมากแค่ไหน”
พอดีกับที่จางอี้ชิงเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมแก้วกาแฟกระเบื้องเคลือบ หวงจื่อเทาแค่ชักสีหน้าในตอนที่มันเกือบหกใส่เขา แต่แล้วก็รีบสวนออกไปโดยไม่คิดต่อปากต่อคำอะไรอีก เลขานุการผู้มาใหม่ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้นายดารานั่นเร่งรีบเช่นนี้ แต่พอเห็นรอยยิ้มฉาบบนฝีปากอิ่ม ก็รู้ได้ในทันทีว่านี่คือวิธีจัดการของปาร์คชานยอล
“ผมไม่อยากเดาเลยว่าคุณต้องหมดเงินไปอีกเท่าไรกับนายคนนั้น”
ชานยอลไม่ตอบ แต่จางอี้ชิงก็เดาได้อีกว่ายิ้มนั้นหมายถึงคำว่านิดหน่อยอย่างที่อีกฝ่ายพูดทุกทีเมื่อใครสักคนเหน็บแนมนายคนนั้น ถ้าเทียบกับคิมจุนมยอนแล้ว เขามองไม่เห็นสเน่ห์ในแบบที่ชานยอลจะชอบหวงจื่อเทาเลยสักนิด
“เอากาแฟมาวางสิ” มือแกร่งปัดเอาเอกสารที่กองระเกะไปอยู่ที่มุมหนึ่ง ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเคาะลงบนกระจกรองโต๊ะเพื่อรอให้คนในชุดเสื้อเชิ้ตปกดำเดินมาจนถึง กาแฟดำน้ำตาลหนึ่งก้อนส่งควันกลิ่นโรบัสต้าหอมฉุย อี้ชิงไม่รู้ว่าทำไมชานยอลถึงได้ชอบกาแฟรสเข้มขนาดนี้นัก แต่มันก็ดูเข้ากับชุดสูทอาร์มานี่สีดำเป็นอย่างดี
เมื่อแก้วกาแฟถูกวางลงตรงหน้า ชานยอลก็เลื่อนมันไปข้างๆเหมือนเอกสารพวกนั้น กึ่งกลางโต๊ะว่างเปล่าอีกแล้ว น่าคิดดูว่าจางอี้ชิงจะสรรหาอะไรมาวางตามความพอใจของบอสได้อีก โอ เขาชอบวันจันทร์เอามากๆ เพราะมันแลกกับการไม่ได้เจอประธานปาร์คมาถึงสองวันเต็ม
รู้แก่ใจว่าอะไรที่ร่างสูงต้องการ และเขาไม่คิดจะขัดขืน แสร้งไร้เดียงสา หรือทำมึนงงเพียงเพราะอยากเพิ่มมูลค่าให้ตัวเองด้วยวิธีโง่ๆพวกนั้น ชานยอลน่ะเป็นนายทุน ทั้งมีตัวเลือกมากมาย และหยุดลงยังคนที่ให้ได้มากกว่า ร่างโปร่งยกสะโพกขึ้นนั่งบนโต๊ะ หันหน้าเข้าหาประธานบริหาร สร้างความทรงจำใหม่ด้วยการใช้เท้าเปล่าเหยียบลงไปบนหน้าตักของคนที่มีภาพพื้นหลังเป็นเมืองทั้งเมือง
TBC
______________________________________________
เขียนอะไรลงไปก็อายตัวเอง
จริง ๆ นี่ต้องชื่อเรื่องน้ำตาเมียสิบเอ็ดหรือเปล่าอย่าลืมคอมเมนท์หรือติดแท็กเป็นกำลังใจให้กันนะคะ
จะได้อยากมาเขียนให้อ่านต่อไว ๆ อุอิ
#สังคมเมียสิบเอ็ดของชานยอล
ความคิดเห็น