ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Ina]Judge Killer นักฆ่าผู้พิพากษา

    ลำดับตอนที่ #18 : >>Chapter 14 : Concede

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ย. 55


    สวัสดีครับ ทอรัส
     
    ‘อ้าว... ไงเกรย์... ช่วงนี้เข้ากับบลัดได้ดีมะ’
     
    เป็นคนที่น่ารักดี ^^ เห็นแล้วนึกถึงน้องชายของฉันเลย

    ‘งั้นก็ดีแล้ว...’
     
     
    แปลกจัง...
     
    ทอรัส... ทำไมนายยิ้มไม่เหมือนทุกทีเลย?
     
    ‘จริงหรอ?... ฮะๆๆๆ ไม่เอาน่า... ฉันก็ยิ้มแบบปกติทุกวันแบบนี้อยู่แล้วนิ’
     
    หรอ?
     
    ‘ใช่สิ... ไปหล่ะ... ทำงาน’
     
    อืม
     
    แต่เมื่อกี้มัน...
     
    เหมือนไม่ใช่รอยยิ้มที่เขาจะยิ้มให้ทุกทีนิมัน...
     
    ยิ้มอย่างหวาดกลัวอนาคตที่จะถึงนี้
     
    Chapter 14:Concede
     
         พราะการฟื้นสังขาร(รอบที่สอง)ทำให้ผมต้องนอนต่อไปอีกสัปดาห์... และคนอื่น ๆ ก็มาเยี่ยมผมอีกครั้งพร้อมกับติเตือนจนผมหูอื้อและแชะจนเหมือนกระดาษทิชชู่ที่ซับน้ำไปสด ๆ ร้อน ๆ - -; ตอนนี้วินเซนต์และฟุโดะก็หายดีแล้วเลยมาเยี่ยมผมแปปหนึ่งก่อนจะกลับอิตาลีไป... แน่นอนว่าตอนแรกวินเซนต์ไม่ยอมไปหรอก... แต่พอได้ข่าวจากโทระมารูว่ากลุ่ม Korea Killer จากเกาหลีที่มีหัวหน้าคือหลานของบอสคุโดมาเยือนที่อังกฤษปุ๊บ เจ้านั่นก็ยอมกลับไปอิตาลีโดยไม่มีทีท่าคัดค้านแม้แต่นิดเดียว - -;

    ต่อมาก็อเล็กซ์ก็ถูกจับ(หรือป่าว)มาทำหน้าที่เป็นคนดูแลให้กับกลุ่มนั่นซึ่งไม่มีทีท่าปฏิเสธแถมได้ข่าวมาว่าชอบใจจนหน้าระรื่นผิดปกติด้วย - -;

    ส่วนมาร์คก็ไปทำภารกิจกับเดวิท ทาลน์ เมียนัวล์ ที่เป็นชาวโปรตุเกสหล่ะมั้ง... มีวันนึงมาเยี่ยมผมเป็นผู้ชายผมสีน้ำตาลจัดทรงตลัดไปทางซ้ายอย่างกับลมพัดอย่างแรงและเป็นคนผิวสีแทนน้ำผึ้งเจ้าของดวงตาสีดำกลมโต เป็นคนที่หน้าตาดูดีสุด ๆ แถมนิสัยดีอีกต่างหาก... แอบสงสารที่ต้องมาดูแลมาร์ค... เห็นบอกว่ามีอีกชื่อคือ อิจิโนเสะ... แล้วเจ้ามาร์คก็ชอบเรียกชื่อนั้นด้วยสิ...

    และทอรัสก็ทำงานบ้างบินไปหาน้องสาวที่สหรัฐอเมริกาบ้าง เห็นบอกว่ามีคนมาจีบน้องสาว... จึงต้องคอยปกป้องรักษาเยี่ยงชีพ(อันนี้เวอร์ได้ใจ - -;;)

    ส่วนตอนนี้ผมก็อยู่กับเกรย์... ไม่สิ... คนที่เป็นพี่ชายของผมต่างหาก

    ตอนนี้ที่ผมพูดได้คำเดียวคือรับไม่ได้!!! คนตรงหน้าเป็นพี่ชายผมหรอ? ตลกน่า! พูดอีกกี่พันกี่หมื่นกี่แสนกี่ล้านครั้งผมก็ไม่เชื่อ... ถึงแม้จะมีบางอย่างที่สื่อถึงความเป็นพี่ชิโร่ก็เถอะ

    “Worry about. Blud(เป็นไรป่าว บลัด?)”เกรย์ถามผมอย่างเป็นห่วง แต่ผมก็ยังคงไม่สนใจ... ใจจริงไม่อยากเห็นด้วยซ้ำ... คนตรงหน้าน่ะ

    “Nothing (ไม่มีอะไร)”ผมตอบไปอย่างเญ้นชา

    “Why do I have to face cold? (แล้วทำไมถึงทำสีหน้าเย็นชาอย่างด้วย?)”เกรย์ถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงมากขึ้น แต่ผมก็เงียบต่อไป... ตอนนี้ผมไม่อยากตอบอะไร

    “Blud ... Here you are ... (บลัด... ทุกทีนายจะ...)”

    “Urging them to stop! (เลิกเซ้าซี้ได้ยัง!)”ผมตะโกนอย่างเหลืออดก่อนจะจ้องมองเกรย์อย่างโกรธเคือง... พอกันที ผมคิด

    ในตอนนั้น... ภาพที่ผมเห็นตรงหน้านั้น... เป็นภาพใบหน้าของเกรย์ที่แสดงสีหน้าอย่างตกตะลึง ดวงตาสีเทาไวโอเล็ตลูกโตอย่างหวาดกลัว ริมฝีปากปิดสนิทอย่างไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกมา และใบหน้าเรียวนั้นเริ่มมีเหงื่อไหลรินลงมาเล็กน้อยก่อนที่เกรย์จะหลับตาลงแล้วลืมตามามองผมอีกครั้ง...

    คราวนี้ดวงตาคู่นั้น... ต่างจากที่ผ่านมา... เพราะมันดูจริงจัง... เพียงแค่ผมเห็นก็ทำให้หัวใจของผมกระตุกและหล่นวูบจนผมรู้สึกหดหู่

    “If you hate me so ... I will say straight away, then came to the concern is. (ถ้าเกลียดฉันขนาดนั้น... ก็บอกมาตรง ๆ จะได้ออกไปแล้วไม่มาหานายให้กังวลใจอีก)”เกรย์พูดต่างออกไปจากทุกทีก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องพยาบาลของผมแต่พอกำลังจะเปิดประตูออกไปผมทำท่าจะคว้าเขาเอาไว้... ผมไม่อยากให้ไป... ผมรู้สึกผิดที่ทำกับเขาเมื่อกี้มากแต่เขาก็หันมามองผมผมจึงรีบนอนฟุบลงกับเตียงเพื่อไม่ให้เกรย์ผิดสังเกตก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงปิดประตู... ผมนี่มันบ้าอะไรว่ะเนี่ย!


    บ้า... ที่คลั่งกับความจริงที่รับรู้


    บ้า... ที่ระบายอารมณ์ใส่เกรย์ทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไร
     


    ไอ้งี่เง่าเอ๊ย! ผมด่าตัวเองในใจเบา ๆ ก่อนจะผมจะนอนหลับไปพร้อมกับความเงียบและความรู้สึกผิด...
     


    ของตัวเอง
     


     
    ผ่านมาสองวันแล้วที่เกรย์... ไม่สิ... พี่ก็ไม่มาให้ผมเห็นอีก... ตอนนี้เลยเป็นโทระมารูแทนที่มาเป็นคนเฝ้าไข้ผมแทน... ผมไม่พูดอะไรนอกจากฟังโทระมารูเล่าเรื่องนู้นเรื่องนี้และถูกโทระมารูชวนคุยก่อนเสมอ

    “นี่ รุ่นพี่! ช่วงนี้ร้ายมิลนาเล่ คาเฟ่มีขายเค้กสตรอเบอร์รี่บูมเมอร์ชีสด้วยนะ เห็นแล้วน่ากินสุด ๆ เลยว่ามา”โทระมารูชวนคุบพร้อมกับชูโปสการ์คตัวอย่างเค้กให้ผมดู

    “อืม”

    “ไว้วันหลังผมจะซื้อมาให้กินนะครับรุ่นพี่”

    “อืม”

    “รุ่นพี่... เป็นอะไรไปน่ะ... คุยกันมาสองชั่วโมงเนี่ยรุ่นพี่พูดแต่ อืม อืม อืม อืม และก็อืม ไม่ก็ น่าสนใจนะ เห็นด้วย ทุกทีจะคุยเยอะกว่านี้นิ”โทระมารูถามผมด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจผมสุด ๆ ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้... แต่ผมทำตัวให้ปกติได้เท่านี้แหล่ะ... ในสภาพของผมตอนนี้น่ะ

    “ไม่มีอะไร... หรอกนะ”ผมปฏิเสธไปก่อนจะฝืนยิ้มให้

    “ผมไม่ชอบรุ่นพี่สภาพตอนนี้ที่สุดเลย! พี่ไม่สบายใจอะไรหรือป่าว!!?”โทระมารูถามด้วยท่าทีที่จริงจังส่วนผมก็มองมาทางโทระมารูอย่างอึดอัด

    “คือ...”ผมลังเลที่จะตอบ

    “ชั่งมันเถอะ”ผมตัดใจพูดก่อนจะหันไปมองทางหน้าต่าง

    “ไม่ต้องมาชั่วมันเลยนะรุ่นพี่!”โทระมารูโวยวายจนทำให้ผมสะดุ้งแล้วหันไปมองโทระมารูอย่างตกใจ

    “โทระมารู?”ผมเอ่ยอย่างมึนงง

    “บอกมาเลย... ว่ารุ่นพี่เป็นอะไร!”โทระมารูถามพร้อมกับยื่นหน้ามาทางผมอย่างจริงจัง

    “...”

    “รุ่นพี่...”

    “ฉันก็แค่... ยังยอมรับเรื่องความจริงที่พึ่งรู้มาไม่ได้น่ะ”ผมบอกไปก่อนจะหลบตาโทระมารูอย่างอ่อนแรง
    ตอนนี้รู้สึกอับอาย... เรื่องพวกนี้... มันเป็นเรื่องที่ฟังแล้ว... น่าเจ็บใจ
     
     


    “รุ่นพี่บ้า!!!”

    “เฮ้ย!!! =[    ]=;”ผมสะดุ้งตกใจก่อนจะมองโทระมารูที่จู่ ๆ ก็มารตะคอกใส่หูผมจนขี้หูสะเทือนไปหมด

    “รุ่นพี่!!! ลองคิดหน่อยนิว่าสิ่งที่ได้ยินมามันจริงหรือป่าว! ตราบใจที่เรายังไม่เห็นของจริงกับตาแล้วจะไปเชื่อทำไมเล่า!”

    “โทระมารู?”

    “ฟังนะรุ่นพี่! ถึงแม้มันจะจริงหรือไม่จริง... ถ้าเรารับไม่ได้แล้วมันจะไม่เป็นอย่างนั้นหรือไง! เพราะเรื่องพวกนั้นมันผ่านมาแล้ว... เราย้อนกลับไปแก้ไขได้ไหม ไม่ได้! และก็มันเป็นอดีตไปแล้ว!! ถึงย้อนไปได้แต่ก็แก้อะไรไม่ได้อยู่ดี และก็ความจริงนั้นเราจะมาเครียดกับมันทำไม! เครียดไปคนที่เจ็บคือเราต่างหาก... เพราะฉะนั้นแล้ว... สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือ... ยอมรับ”สิ้นเสียงของโทระมารูผมก็มองโมระมารูอย่างตกตะลึงก่อนจะมานั่งคิดคำพูดของโทระมารูอย่างไตร่ตรอง


    นั่นสินะ... เรื่องมันผ่านมาแล้ว


    ถึงเราจะรับไม่ได้แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดอย่างนั้น


    สิ่งที่ทำได้ในปัจจุบันไม่ใช่แก้ไรมันหรืออย่างใด


    ถึงแก้ไขก็ยังคงเป็นอย่างนั้น


    สิ่งที่ต้องทำนั้นคือ

     


    ยอมรับสิ่งนั้นและปรับความเข้าใจกับมัน

    “ขอบคุณนะ... โทระมารู”

    “ด้วยความยินดีครับ ^^”
     


    สี่วันต่อมา...

    ผมก็ออกจากโรงพยาบาล(สักที)ทีนี้ก็อิสรภาพ TwT พอหลังจากนั้นผมก็เดินมาที่ตึก Killer พร้อมกับโทระมารู
    วันนี้ผมฉลองการไม่ใส่ชุดของโรงพยาบาลโดยใส่เสื้อฮูดสีแดงกับกางเกงขาเดปสีดำที่มีเจาะลายเป็นรูปไฟกับรองเท้าผ้าใบดำแดงและใส่หูฟังสีดำแดงและวันนี้ใส่กำไลรัดข้อมือสีดำแบบนักกีฬา... วันนี้ขอแต่งตัวแรง ๆ และร็อค ๆ หน่อย... อยากใส่มานานแล้ว TWT

    “Hello. Blud(สวัสดี บลัด)”สิ้นเสียงคนบางคนผมจึงหันไปหาต้นเสียงพบกับร่างผู้ชายผมสีดำเจ้าของดวงตาสีเขียว... การินนั่นเอง

    “Hello ... what is it. Karin(สวัสดี... มีอะไรหรอ การิน)”ผมถามอย่างสงสัย

    “The news came as a hospital ... how are you? I'm not going to look at ... I was there I had to leave to stay at work until it is empty. (ได้ข่าวมาว่าอยู่โรงพยาบาลเป็นไงบ้าง... และก็ขอโทษที่ไม่ได้ไปหา... พอดีช่วงนี้มีคนลางานไปพักร้อนเลยต้องอยู่ทำงานจนไม่ว่างน่ะ)”การินถามพร้อมเอามือมาเกาหัวแกมขอโทษ

    “Nothing it ... I'm fine. (ชั่งมันเถอะ... ฉันสบายดี)”ผมตอบไปก่อนจะยิ้มให้กับการิน... ผมยอมรับว่าเขาก็เป็นคนดีจริง ๆ

    “Oh! Actually ... it just tells me that if the torus is given to him at that Discussion. (เอ้อ! จริงสิ... เมื่อกี้ทอรัสบอกฉันว่าถ้านายมาให้ไปหาเขาที่ห้องเจ้าตัวน่ะ)”การินบอกอย่างฉุดนึกได้

    “Torus?(ทอรัส?)”ผมเอ่ยอย่างสงสัย... ทำไมถึงเรียdเรา? ผมคิด

    “Yes, I know that it is available. (รู้ใช่มะว่าอยู่ห้องไหน)”

    “Umm.(อืม)”

    “I went with my version. (ผมไปด้วยนะรุ่นพี่)”โทระมารูพูดก่อนจะทำท่าจะไปกับผมด้วย

    “No need for that. (ไม่ต้องหรอก)”ผมตอบไปเพื่อรั้งไม่ให้โทระมารูตามมา

    “But…(แต่...)”

    “Do not you worry ... To make yourself ... (ไม่ต้องห่วงหรอก... ไปทำหน้าที่ตัวเองเถอะ...)”

    “But ... OK. (อะ... โอเค)”หลังจากนั้นผมก็แยกตัวจากการินและโทระมารูก่อนจะเดินไปที่ลิฟต์แล้วกดเลือกฉันเพื่อพาผมไปหาชั้นที่ทอรัสอยู่ทันที
     


    เวลาต่อมา


    ตอนนี้ผมก็มาถึงชั้นที่เป็นทำการของ Judge Killer แล้วเดินออกจากลิฟต์แล้วเดินมองหาห้องขอทอรัสทันทีจนกระทั่งมาเจอหน้าประตูบานหนึ่งที่มีป้ายเขียนว่า ‘FK Room’ คงจะเป็น Foxy Killer สินะ

    หลังจากที่ผมก็ผลักประตูเข้าไปก็ได้กลิ่นอบอวนของสารเคมีจนผมอยากอ้วกทันที = =;;; ขอโทษนะ... นี่ใช่ห้องคนอาศัยหรือป่าว ผมคิด

    ผมพยายามกลั้นหายใจแล้วเดินเข้าไปในห้องก็พบกับเครื่องทดลองมากมายพร้อมกับเสียงปฏิกิริยาทางเคมีดังขึ้นมาเป็นระยะ ๆ จนเจอร่างผู้ชายผมสีน้ำตาลหยักศกมัดกล้าวและแว่นตาประหลาดกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่... ทอรัสสินะ

    “สวัสดี...”ทอรัสทักทายผมเป็นภาษาญี่ปุ่น

    “ไม่พูดอังกฤษหรอ?”ผมถามกลับไปอย่างสงสัย

    “ไม่ต้อง... เพราะจะคุยกันนาน... และแบบนี้ถนัดมากกว่า... นั่งสิ”พูดเสร็จทอรัสก็ผายมือให้ผมนั่ง... ถนัดหรอ? ผมคิด

    “มีอะไรหรือป่าว”ผมถามหลังจากที่นั่งที่ทอรัสให้นั่งก่อนจ้องมองทอรัสที่ตอนนี้ถอดแว่นตาประหลาดแล้วจ้องมองมาทางผมด้วยดวงตาสีแดงดั่งเลือด... นะ... น่าหลัว = =;;;

    “เมื่อหลายวันก่อนพูดอะไรให้เกรย์เสียใจ”จู่ ๆ ทอรัสก็ถามที่ทำเอาผมสะอึกไปจนพูดออกมาไม่ออก... ถามคำถามที่มันจี้ใจผมสุด ๆ ผมคิด

    “คือ...”ผมพูดออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะหลบตาสีแดงกล่ำของทอรัสอย่างหวาดกลัวเล็กน้อย

    “ชิ!”สิ้นเสียงทอรัสก็ลุกขึ้นจากที่แล้วกระชากคอเสื้อผมจนผมเกือบลอยบนพื้นพร้อมกับทำท่าจะต่อยผมอย่างเหลืออด... ทะ... ทำไมติองโกรธขนาดนั้น!? ผมคิด

    “แก... แกมัน... ไอ้น้องชายเฮงซวยจริง ๆ!”จู่ ๆ ทอรัสก็ด่าผมก่อนจะเหวี่ยงผมออกไปจนผมล้มนั่งกับพื้นอย่างเลี่ยงไม่ได้

    “จะ... เจ็บนะ! นายทำอะไร! แล้วที่พูดไปเมื่อกี้มันหมายความว่าอย่างไร!!!”ผมตะโกนถามก่อนจะคล้ำก้นตัวเองที่กระแทกกับพื้นอย่างเจ็บปวด

    “เหอะ ๆ... ก็ฉันรู้ตัวจริงของแกแล้วยังไงหล่ะ ลูดอฟ เซจอร์น บลัด ไม่สิ... ร้อยตำรวจโทฟุบุคิ อาสึยะ”

    อึก...

    ผมกลืนน้ำลายอย่างทรมานและสั่นคลอนด้วยความกลัว... ทอรัส... รู้แล้ว...

    “ระ... รู้ได้ไง...”ผมถามอย่างไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูด

    “หึ! แค่เห็นแววตาของแกฉันก็รู้แล้วว่าเป็นนาย... เอาเป็นว่าบอกมาว่าพูดอะไรให้เกรย์เสียใจ!”

    “ฉันไม่ได้พูดอะไรให้พี่เสียใจนะ!”ผมตะโกนไปอย่างเจ็บปวดก่อนจะมองคนตรงหน้าอย่างหวาดกลัวก่อนที่ขอบตาของผมเริ่มร้อนผ่าวพร้อมกับของเหลวใส ๆ ไหลรินอาบแก้มของผม ส่วนทอรัสที่มองมาทางผมก็ทำสีหน้านิ่งก่อนจะหลับตาอย่างข่มอารมณ์แล้วมองผมอีกครั้ง

    “งั้นเพราะอะไรทำให้เกรย์... เพื่อนรักของฉันต้องเสียใจ”ทอรัสถามด้วยท่าทีที่จริงจังกว่าเมื่อกี้

    “ตอนนั้น...”ผมพึมพำเบา ๆ ก่อนหลบตาอีกครั้ง...


    เพราะตอนนั้นทำใจไม่ได้...


    ทำใจที่พี่เป็นนักฆ่าไม่ได้...


    กับเมื่อก่อนพี่เป็นอะไรก็ชั่งขอแค่พี่คือพี่พอ


    แต่นี่ไม่ใช่...


    ตัวเราเป็นตำรวจหน่วยปราบปรามนักฆ่า


    ส่วนพี่คือนักฆ่าฝีมือตัวฉกาจ...


    ให้ใครสักคนมาฆ่ากันเองฉันไม่เอานะ! ผมคิด


    ตอนนั้นเองที่ผมหันไปมองทอรัสอีกครั้ง ตอนนี้ทอรัสทำท่าทางเหมือนกำลังอ่านใจของผมอยู่ก่อนจะหลับตาแล้วเดินออกจากที่ตัวเองแล้วส่งมือมาให้ผม ส่วนผมก็ค่อย ๆ ยื่นมือให้ทอรัสก่อนที่ทอรัสจะดึงตัวผมขึ้นแล้วหันหลังให้ผมแล้วเดินไปที่ประตูสีดำบานหนึ่งก่อนจะหันมาทางผม

    “เป็นอันว่าฉันรู้สาเหตุจากสื่อที่ตานายแล้วกันนะ... อาสึยะ”พอผมได้ยินอย่างนั้นผมก็ยิ้มออกมาอ่อน ๆ อย่างโล่งอก... ค่อยยังชั่ว... ที่ทอรัสเข้าใจ ผมคิด

    “เป็นอันว่า... อาสึยะ... ตามฉันมา”

    “หะ หา!? = =;;”ผมมองทางทอรัสอย่างตกใจ... ว่าอะไรนะ = =;; ฟังไม่ทัน ผมคิด

    “เป็นอันว่า... ตามมาเถอะ... ฉันมีอะไรให้ดู”ทอรัสมองผมอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะเปิดประตูบานนั้นออกมา

    “ทำไม”สิ้นเสียงผมทอรัสก็หยุดชะงักก่อนจะหันมามองผมอย่างหมดอารมณ์

    “เฮ้อ... นิสัยพี่น้องเนี่ยมันเหมือนกันอย่างนี้ป่าวเนี่ย - -;”ทอรัสพึมพำคนเดียวอย่างเหนื่อยหน่ายพร้อมกับเอามือมากุมหัวตัวเองอย่างอาลัยก่อนจะหันมามองผมอีกรอบพร้อมกับเอามือออกจากหัวตัวเอง

    “ก็ในฐานะเพื่อนรักของพี่ชายนายแล้วกัน”ทอรัสพูดกับผมก่อนจะแสยะยิ้มให้ผมพร้อมกับเดินเข้าไปโดยมีผมเดินตามมาติด ๆ... ทางที่ผมเดินมาเป็นทางลงไปชที่ถัดจากชั้นที่ทอรัสอยู่ซึ่งเป็นหั้องสว่างโทนสีส้ม

    “ทำไมแค้นแทนพี่ขนาดนั้น”ผมถามอย่างสงสัย... มันคาใจตั้งแต่คนอย่างทอรัสพูดเรื่องพวกนี้แล้ว ผมคิด

    “นั่นสิ... ทำไมกันนะ... หึ ๆ”ทอรัสพึมพำคนเดียวอีกครั้งอย่างเงียบ ๆ

    “ก็พี่ชายของนาย... เป็นเพื่อนสุดวิเศษที่ฉันหาไม่ได้น่ะสิ”

    “วิเศษ ?”

    “ตอนเจอกันครั้งแรกน่ะ...”ทอรัสพูดก่อนจะเงยหน้ามองเพดานอย่างเหม่อลอยก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องตอนที่ทอรัสและเกรย์เจอกันครั้งแรกที่ห้องของบอสคุโดในวันก่อตั้ง Judge Killer


    .


    ..


    ...
     

     
    ‘Hmm ... Hello. (หืม?... สวัสดี)’

    ‘…’

    ‘Hey... you know. (นี่... ได้ยินไหม)’

    ‘…’

    ‘What were you doing it. (นายทำอะไรอยู่น่ะ)’

    ‘Not about you ... (ไม่ใช่เรื่องของนาย... )’

    ‘Yeah! Say it is not that dumb. (เย้! พูดแล้ว ๆ นึกว่าเป็นใบ้สักอีก)’

    ‘Now I'm concentrating. (ตอนนี้ฉันกำลังมีสมาธิ)’

    ‘And then was doing it. (แล้วกำลังทำอะไรหรอ)’

    ‘Drug ... I was then told that I can not concentrate. (ทดลองยา... ฉันบอกแล้วไงว่าไม่มีสมาธิ)’

    ‘Really ... like do it care ... Have teach it. (จริงหรอ... น่าสนจังนะ... สอนบ้างสิ)’

    ‘Busy (ไม่ว่าง)’

    ‘…’

    ‘…’

    ‘A. (อะ)’

    ‘What (อะไร)’

    ‘I prepared food for the hungry do not have to go out ... Concentration, because I've got for you ... He is so sweet it makes my brain, I crawl to smile. (ฉันเตรียมขนมไว้เพื่อนายหิวจะได้ไม่ต้องเดินไปเอา... เพราะใช่สมาธิเยอะใช่ไหมหล่ะ... เขาว่านะของหวาน ๆ จะทำให้สมองแล่นเลยเอาอมยิ้มมาให้)’

    ‘Lollipop ... (อมยิ้ม...)’

    ‘Dig in. (กินสิ)’

    ‘Uh ... Yeah. (เอ่อ... อืม)’

    ‘…’

    ‘…’

    ‘How about it. (อร่อยไหม)’

    ‘Ummmm ... (อืม...)’

    ‘Hmm? (หืม?)’

     
     
    ‘Delicious. (อร่อยดี)’




    ..


    .

    “นั่นน่ะหรอ... คือเหตุผล”ผมถามไปพรางแอบหัวเราะอย่างอดไม่ได้... คนที่แคร์เขาสุดคงเป็นพี่สินะ... ผมคิด

    “อะไรกัน... มันมีมากกว่านั้น”จู่ ๆ เพียงทอรัสพูดประโยคนั้นออกมาบรรยากาศรอบข้างก็เปลี่ยนเป็นน่ากลัวอย่างรวดเร็ว... หมายความว่าไง?

    “หมายความว่าไง”ผมถาม

    “ฉันกำลังความไร้เดียงสาของเขา”

    “ไร้เดียงสา...”

    “ความไร้เดียงสา... ก็เป็นต้นเหตุของความมืด... เพราะไม่รู้... จึงกล้าทำในสิ่งที่น่ากลัว... เพราะไม่รู้ว่ามันน่ากลัว... ไม่รู้ว่ามันเป็นของที่ผิด... และพี่ของนายก็หนึ่งในนั้น...”ตอนนั้นทอรัสหันมามองผมด้วยดวงตาสีแดงกล่ำที่กำลังทอประกายอย่างนึกสนุก

    “... เพราะอย่างนั้น... ฉันจึงตามเขาเพื่อดูว่าสุดท้ายตอนจบจะเป็นอย่างไร”ประโยคนั้น... ฟังแล้วดูน่ากลัว... และทำให้ผมรู้สึกอยากฆ่าคนตรงหน้ามาก ๆ... เห็นพี่เป็นของเล่นหรือไง !? ผมคิด


    แต่ว่า
     


    ทำไมกันนะ... บางอย่างผมก็รู้สึกว่าคนตรงหน้าผม...

     


    เซแซร้งพูดไปงั้น


     
     
    หลังจากที่ผมเดินตามมาจนถึงห้องที่มีโซฟาสีแดงกับจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่และข้าง ๆ เป็นคอมพิวเตอร์ซึ่งความสว่างภายในห้องเป็นสีส้มเหลืองอ่อน ๆ ดูแล้วสบายตา ซึ่งผมก็เดินไปนั่งที่โซฟาอย่างรู้ดีส่วนทอรัสก็เดินไปนั่งที่คอมพิวเตอร์แล้วเปิดคอมและจอมอนิเตอร์แล้วก็ปิดไฟในห้องให้มืดเหลือเพียงความสว่างของจอมอนิเตอร์และจอคอม

    ภาพที่ปรากฏเป็นภาพเว็บไชต์ข้อมูล Judge Killer เหมือนที่ผู้กำกับเคยเอาให้ดูและแน่นอนว่ามันเป็นภาษาประหลาดในตอนนั้นเองทอรัสก็นั่งพิมอะไรสักอย่างบนช่องใส่โค้ชเล็ก ๆ ตรงแถว ๆ มุมขวาล่างสุดก่อนจะได้ยินเสียงกด Enter แล้วทางเว็บก็เปลี่ยนภาษาเป็นญี่ปุ่นอย่างรวดเร็ว


    อะ... อะไรกัน... ง่ายขนาดนี้เลยหรอ!M ผมคิด

    “ข้อมูลพวกนี้ต้องใส่โค้ชลับที่บอสเป็นคนคิดให้น่ะ... บอกไว้ก่อนว่าต่อให้เอาแอนดรอยหรือเทคโนโลยีแค่ไหนมาถอดรหัสก็คงได้แค่ 2-3 คำเท่านั้น”ทอรัสอธิบายให้ผมฟังก่อนจะยิ้มอย่างได้ชัย

    “เหอะ ๆ... ตำรวจอย่างพวกผมยอมแพ้”ผมพูดก่อนจะหัวเราะแห้ง ๆ ออกไปพร้อมกับยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้

    “หึ ๆ... เอาเป็นว่าฉันจะเล่าเรื่องที่ฟุบุคิ ชิโร่เจอมาหลังจากอุบัติเหตุนั่นอย่างคราว ๆแล้วกัน”สิ้นเสียงทอรัสเขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินมาทางจอมอนิเตอร์แล้วสบตามาทางผมอย่างจริงจัง

    “หลังจากนั้นเขาก็เป็นเด็กอุปถัมภ์ในโรงเรียนฮาคุเรนซึ่งทุกคนต่างช่วยฟื้นฟูจิตใจของชิโร่ที่สูญเสียท้งพ่อแม่และน้องชายอันเป็นที่รักไปจนอายุได้ 10 ปี จู่ ๆ ก็มีคนมาหาชิโร่แล้วบอกว่าเป็นญาติของเขาที่อยู่ฝรั่งเศสจึงพาชิโร่ไปอยู่กับทางญาติที่ฝรั่งเศสในตระกูลไอรอล... ตระกูลนักฆ่าชื่อดังในฝรั่งเศส เมื่อไปอยู่ก็เกิดความขัดแย้งที่โรงเรียบ่อยครั้งจนต้องย้ายที่เรียนบ่อย ๆ เพราะสังคมที่ต่างกันจนปรับตัวได้ยากอีกทั้งความที่ทางญาติไม่เข้าใจในตัวของเขาจนอายุ 15 ปี เขาก็มาลองเข้าเป็นนักฆ่าหน่อย Killer ในฝรั่งเศสจนสามารถเป็นนักฆ่าระดับดาร์กในเวลาเพียง 1 สัปดาห์...”ในขณะที่ทอรัสกำลังเล่าเรื่องราวผมได้แต่เบิกตามองเขาไม่กระพริบอย่างตกตะลึง... อะไรกัน... ข้อมูลพวกนี้...

    “...จนผ่านไป 3 เดือนเขาก็เป็นนักฆ่าระดับมาสเตอร์แล้วขอลาหยุดเรียนหนังสือให้จบจนจบปริญญาโททางด้านนิติศาสตร์ก่อนจะกลับมาเป็นนักฆ่าตอนอายุ 17 ปีด้วยความยินดีทางด้านญาติแต่พอเข้ามาได้สักพักก็ถูกบอสคุโดเรียกให้มาเข้ากลุ่ม Judge Killer ก่อนจะครบอายุ 18 ปี ในอีก 2 สัปดาห์”และแล้วทอรัสก็เล่าจบ

    “ขอถามอะไรหน่อยนะ”ผมถาม

    “ว่ามา”

    “ทำไมพี่ถึงเกลียดตำรวจ”

    “ว่าแล้วเชียว... จะเล่าให้ฟัง ในตอนนั้นพี่เธอเล่าให้ฉันฟังว่าตอนที่หลังเกิดอุบัติเหตุก็ตามหาร่างของนายที่หายสาปสูญไปตอนนั้นเขาจะยกเลิกตามหาเพราะมันนานแล้วแต่เกรย์ไม่ยอมก็ขอร้องให้หาร่างนายต่อถึงแม้จะหมดลมหายใจไปแล้วก็ขอให้เห็นร่างเป็นครั้งสุดท้ายก็ยังดีแต่หนึ่งในตำรวจนั้นบอกมาว่า ‘งั้นเอาเงินมาสิ... แล้วค่อยว่ากันนะไอ้หนู’”ผมช็อคกับสิ่งที่ทอรัสเล่ามา... ตำรวจ... เดี๋ยวนี้เป็นงี้กันหรอ??? ผมคิด

    “แต่ทำไมพี่เป็นนักฆ่าหล่ะ?”

    “แล้วมีเหตุผลด้วยหรอที่น้องชายของฟุบุคิ ชิโร่ มารเป็นตำรวจด้วยหรอ”ผมเงียบ... เพราะสิ่งที่ทอรัสพูด... ถูกต้อง

    “ขอบคุณที่เล่าให้ฟัง”ผมขอบคุณทอรัสก่อนจะยิ้มอ่อน ๆ ให้

    แกร๊ก!

    จู่ ๆ ผมและทอรัสก็รู้สึกถึงใครบางคนมาแอบฟังผมอยู่หลังประตูทางเข้า

    “Who is there !?(ใครน่ะ!)”ทอรัสตะโกนถามออกไปเป็นภาษาอังกฤษอย่างรวดเร็วพร้อมกับถือขวดยาพิษพร้อมโจมตี

    สิ้นเสียงประตูก็เปิดออกเผยให้เห็นร่างผู้ชายผมสีเทาไวโอเล็ตเหมือนสีดวงตาในชุดสั้อแขนยาวสีขาวยืนอยู่







    พะ... พี่!!!?

    “Gray!?(เกรย์!?)”>>>ทอรัส

    พี่ไม่ตอบแต่แสดงสีหน้าที่เจ็บปวดออกมาแทนก่อนที่จะมีของเหลวใส ๆ ไหลอาบแก้มแล้วหยดลงสู่พื้นก่อนจะสบัดตัววิ่งหนีออกไปไปจนผมตกใจตามพี่ออกไป

    “พี่ครับ !! พี่ครับ พี่ครับ!!!”
     
     

    “พี่ครับ!!!!!!!”มันเหมือนความฝันที่ผมเคยฝันเห็นจัง... แต่มันต่างที่ว่า...
     


    พี่ร้องไห้แทนที่จะยิ้มให้ผม
     
     

    ร่างผู้ชายในความมืดกำลังนั่งเอาส้อมเล็ก ๆ เคี่ยเนื้อเค้กเละเทะจนไม่มีเหลือของชิ้นเค้กเหลือไว้แต่ลูกสตอเบอร์รี่ลูกใหญ่ที่เคลือบด้วยเยลลี่ดูแล้วน่ากินสะดุดตา

    ในตอนนั้นเองที่เขาสบตามองไปทางประตูที่ถูกเปิดออกโดยร่างผู้ชายผมสีเงินผิวคล้ำร่างยักษ์เดินเข้ามาหาเขาอย่างไม่รอช้า

    “มีอะไรหัวหน้า”คนร่างยักษ์ถาม

    “นายช่วยฉันจับคนในรูปเป็นตัวประกันที”สิ้นเสียงเขายื่นรูปถ่ายให้คนตรงหน้าก่อนที่ดวงตาจะเบิกกว้างอย่างตกใจ

    “หะ... หัวหน้า!!! ทำไม...”

    “ไม่มีคัดค้าน...”สิ้นเสียงเขาก็เท้าคางอย่างมีเล่ห์นัยก่อนที่ใบหน้าของเขาจะผ่านแสงอาทิตย์ยามเย็นจนคนลูกน้องเห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน

    “เพื่อแลกกับ...”ในตอนนั้นลูกน้องได้แต่มอง...
     




    “... ความเป็นอยู่ของยายแสนดีของนาย”มองดวงตาเรียวสีเขียวดั่วมรกตที่ทอประกายอย่างเย็นชาและไร้ความปราณี

     +❥ Free theme mouse. naru 

    จากผู่แต่ง :
    สวัสดี!!! นี่เป็นตอนสุดท้ายก่อนนักแต่งท่านนี้ไปเที่ยวสงการณ์เน้อ - -;;; เป็นอันว่าทุกอย่างเริ่มวุ่นวายแล้วแถมยังค่อย ๆ เผยศัตรูที่แท้จริงแล้ว!!!! คอมเม้นท์เยอะ ๆ นะ ถ้ากลับมาไม่ถึง 80 คอมเม้นท์ จะไม่ลงต่อจริง ๆ ด้วย -3- มาเม้นเยอะ ๆ นะ >< ติชมเยอะ ๆ หน่อยนะ บ้าย บาย

    <<< กลับ Home page

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×