ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (SF/OS) #OHARHAFIC | CHANBAEK SEKAI

    ลำดับตอนที่ #17 : ▲ sekai | RED SNITCH (Hogwarts!AU)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.5K
      10
      1 พ.ค. 59

     

     

     

     

    RED SNITCH

    -------

    OSH | KJI | PCY

     

     

     

     

     

     

    ในฐานะซีกเกอร์มือฉมังแห่งบ้านกริฟฟินดอร์ -- หรืออาจจะฮอกวอตส์แล้ว คิมจงอินมีเป้าหมายคือต้องตามจับลูกสนิชสีทอง แทนที่จะใช้เวลาทั้งหมดบนสนามควิดดิชไปกับการปวดประสาทเพราะคู่แข่งจากบ้านสลิธีริน!

     

     

    นัยน์ตาสีเข้มจ้องเขม็งไปยังลูกบอลติดปีกขนาดเท่ากำปั้นที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า แต่ก็เป็นอันต้องคลาดสายตาไปอีกรอบเพราะแรงเบียดจากด้านข้าง เจ้าของชุดคลุมสีเขียวในตำแหน่งเดียวกันแค่นยิ้มขณะขี่ไม้กวาดตีคู่มาติดๆ ซึ่งหากซีกเกอร์อีกฝั่งคิดจะทำอะไรสกปรกๆอย่างที่เจ้าตัวชอบทำ บางทีจงอินคงจะมีสมาธิดวลแพ้ชนะได้ง่ายกว่านี้ แต่เพราะอีกฝ่ายเอาแต่ตามประกบเขามากกว่าจะเป็นลูกสนิช มือวางคนเก่งจากบ้านกริฟฟินดอร์จึงเดาลูกเล่นไม้นี้ไม่ถูก ว่านอกจากต้องการก่อกวนเพื่อยืดเยื้อเกมที่บ้านสีแดงเตรียมตัวมาอย่างดีแล้ว โอเซฮุนยังมีอะไรอยู่ในหัวสมองเน่าๆลูกนั้นอีก

     

     

    แหงล่ะ เขารู้จักกั-ปตันทีมบ้านสลิธีรินคนนี้ดี ด้วยเสียงยกย่องเชิดชูว่าโอเซฮุนนี่แหละคือฮีโร่ที่จะนำบ้านสีเขียวไปสู่จุดสูงสุดในรอบหลายปีกับทุกๆด้านแล้ว วิธีการที่เลือกใช้ปีนป่ายสู่ความสำเร็จนี่สิยิ่งกว่า ยกตัวอย่างง่ายๆหากอีกสามบ้านกำลังไต่เชือกอย่างยากลำบากไปสู่หอคอย เชื่อเถอะว่าโอเซฮุนคงใช้วิธีเหยียบหัวทุกคนขึ้นไปสู่ชัยชนะ พร้อมกับคำกล่าวปราศรัยเท่ๆอย่างเช่นว่า ชนะแล้วจะทำอะไรก็ได้นี่นะ เอ้าพวกนายเหนื่อยไหม ให้ฉันถีบส่งลงไปหรือเปล่า?

     

     

    ซึ่งถ้าตำนานคนที่รู้ว่าใครจะมีบทใหม่ซ้ำรอยล่ะก็ -- เขาขอเสนอชื่อให้กำจัดหมอนี่ตั้งแต่ตอนนี้เลย

     

     

    หลังจากบ่นในใจจนเกินพอดี คิมจงอินก็ต้องเหลียวไปมองเพื่อนร่วมทีมอีกรอบเพราะเสียงตะโกนของปาร์คชานยอล เชสเซอร์มือแรกควบตำแหน่งกัปตันทีมกริฟฟินดอร์ที่กำลังหน้าเครียดจนเห็นหัวคิ้วขมวดมุ่นจากระยะไกล ครั้นมองตามลงไปยังสายตาอีกฝ่ายก็เห็นคิมจงแด เชสเซอร์มือสามกำลังนอนกุมท้องโอดโอยเพราะฤทธิ์ลูกบลัดเจอร์สีดำจากการตีของบีตเตอร์อีกฝั่ง

     

     

    “แย่หน่อยนะ”

     

     

    เซฮุนยิ้มเยาะ ก่อนจะขี่ไม้กวาดไฟร์โบลต์ นิมบัส รุ่นลิมิเต็ดออกใหม่ของปีสองพันสิบหกที่แรนดอล์ฟ สปัดมอร์จากบริษัทแอลเลอร์บี้แอนด์สปัดมอร์ตั้งราคาไว้สูงลิบลิ่ว ที่นอกจากฐานะของตระกูลโอจะมีปัญหาเอามาครอบครองได้ในซีเรียลนัมเบอร์สวยๆแล้ว ความเป็นเลือดบริสุทธิ์และทรงอำนาจในโลกเวทมนตร์ก็คงกรุยทางเซฮุนขึ้นขี่ไม้กวาดเปิดตัวได้อย่างง่ายๆเช่นกัน

     

     

    เจ้าของผิวขาวซีดทิ้งให้คนเสียสมาธิอย่างเขาเอี้ยวตัวหลบลูกบลัดเจอร์อย่างเฉียดฉิว จงอินแน่ใจว่าเขาคงจะได้ตกลงไปเป็นคนที่สองถ้าหากยังคุมสติไม่ได้อยู่อย่างนี้ ประสบการณ์การเป็นซีกเกอร์มาถึงสี่ปี แข่งมามากกว่ายี่สิบนัด คงจะไม่ดีแน่ที่เขาจะมาเสียแชมป์เอาตอนปีห้าแค่เพราะสลิธีรินตกอยู่ในมือผู้ชายทุเรศพรรค์นั้น

     

     

    ซึ่งถ้าความกลัวข้อนี้เป็นจริงขึ้นมาล่ะก็ -- บอกลืมเรื่องที่คริสตัล จองจะยอมตกลงเป็นคู่ควงไปงานพร็อมวันคริสต์มาสต์ บวกเดทหวานซึ้งที่ฮอกส์มี้ดไปได้เลย

     

     

    เขาเร่งเครื่องนิมบัสรุ่นยอดฮิตของปีสองพันสิบสี่ไปข้างหน้า แซงโอเซฮุนก่อนจะคลาดคว้าลูกสนิชที่บินหนีไปทางซ้ายอย่างน่าเสียดาย หันไปเจอคนในชุดคลุมสีเขียวที่ยังยิ้มไม่หุบขณะตวัดปลายไม้กวาดเข้าใกล้แล้วแย่งกันจับลูกสนิชอีกครั้ง เอาเป็นว่าจงอินไม่ควรเสียสมาธิไปมากกว่านี้ ต่อให้ใครจะถูกลูกบลัดเจอร์ตีหล่นหรือฝ่ายตรงข้ามโยนลูกควัฟเฟิลผ่านคีปเปอร์ไปเข้าห่วงได้ หน้าที่ของคิมจงอินก็คือฉายเดี่ยวแย่งลูกสนิชมาเป็นของกริฟฟินดอร์ให้ได้อยู่ดี

     

     

    “สลิธีรินได้สิบแต้ม! กริฟฟินดอร์ยังนำเจ็ดสิบต่อหกสิบ”

     

     

    เสียงประกาศความสำเร็จที่ตามมาติดๆของสลิธีรินดังขึ้นอีกแล้ว รวมถึงเสียงตะโกนสั่งการณ์ของปาร์คชานยอลที่ดังก้องถึงทุกคนในทีมยกเว้นเขา อีกแค่ลูกเดียวทั้งสองทีมก็จะมีคะแนนเสมอ แต่ถึงอย่างไรเกมครั้งนี้ก็จบลงไม่ได้อยู่ดี ตราบใดที่เขากับโอเซฮุนยังไม่สามารถไล่ตามเจ้าลูกตัดสินทันได้ ฝ่ายใดฝ่ายนึงต้องคว้ามัน

     

     

    จงอินเพ่งสมาธิไปข้างหน้า มองปีกที่ขยับเร็วจนเป็นภาพกะพริบลอยขึ้นสูงตรงข้ามกับความวุ่นวายอีกฝั่งสนาม ไม่รู้ตอนนี้คนดูกำลังจดจ่อกับอะไร ระหว่างสลิธีรินพลิกวิกฤติเป็นโอกาส หรือราชาแห่งควิดดิชอย่างกริฟฟินดอร์เดือดดาลเพราะกระบวนแผนพังไม่เป็นท่า การเตรียมตัวมาอย่างดีของเราถูกป่วนประสาทจนรวนไปหมด ชานยอลยังเป็นกัปตันทีมที่รอบคอบ แต่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมมากพอจะปะทะกับทีมในแบบโอเซฮุน

     

     

    “กริฟฟินดอร์ได้สิบแต้ม! นำอยู่แปดสิบต่อหกสิบ”

     

     

    กัปตันทีมในชุดคลุมสีแดงยกมือขึ้นประกาศชัยชนะของลูกที่แปด ชานยอลชี้มือไปทางซ้ายและขวาเพื่อบอกสัญลักษณ์สั่งการณ์ต่อลูกทีมโดยไม่มีเสียง ดูเหมือนกริฟฟินดอร์เริ่มคิดแล้วว่าจะแก้เกมอย่างไร พวกเขาเปลี่ยนแผน มองหาจังหวะป่วนประสาทกลับก่อนที่ฝั่งชุดคลุมเขียวจะตีเสมอคะแนนควัฟเฟิลได้

     

     

    ซีกเกอร์หนุ่มเชิดหัวไม้กวาดขึ้นสูง คิดหาจังหวะดีๆให้ตัวเองปราบพยศสนิชสีทองได้ไวๆบ้าง มันอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว มือเรียวค่อยๆยืนออกไปจนสุดความยาวแขน ใกล้จนได้ยินเสียงตีปีกเบาๆร้องเรียกให้เขาจับไว้ และแน่นอนว่าจงอินยินดีหลงกลเป็นอย่างยิ่ง ถ้าไม่เพียงแต่ต้องเบรกจนพาหนะดิ่งชี้ฟ้าและปลายหางถูกปัดอย่างแรงจนเสียหลักร่วงลงไปทั้งตัว ขณะที่โอเซฮุนตัดหน้าเขาไปคว้าสนิชสีทองได้สำเร็จ

     

     

    มือสีแทนพยายามคว้านิมบัสคู่ใจเอาไว้ แต่มันก็ลื่นเสียจนปล่อยให้ทั้งร่างตกสู่ผืนหญ้าท่ามกลางเสียงสูดลมหายใจอย่างตื่นตระหนก ชัยชนะน่าลุ้นน้อยกว่าการตกจากความสูงเท่าหอคอยขอบสนามมากนัก จงอินหวังให้มีใครสักคนเสกคาถาลอยตัวใส่เขาได้ทัน แต่ก็นั่นแหละ แค่ท่องคาถาก็หมดเวลาแล้ว!

     

     

    หากมือข้างที่หลุดจากไม้กวาดกลับถูกจับไว้ เงยหน้าขึ้นไปเห็นโอเซฮุนที่ยอมปล่อยลูกสนิชเพื่อตามลงมาช่วยเขา คิ้วเรียวนั่นขมวดมุ่นเมื่อต้องออกแรงดึงจงอินสู้แรงโน้มถ่วงโลก พวกเขาดิ่งลงไปถึงครึ่งสนามกว่าจะประสานมือเข้าด้วยกันจนแน่น

     

     

    และแวบหนึ่ง จงอินคิดว่าไม่ใช่เพราะความผิดพลาดใดเลยที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ แต่เป็นเพราะเมื่อครู่เซฮุนเล่นสกปรกด้วยการปัดไม้กวาดเขาจนเสียหลัก ชิงสนิชไปหน้าด้านๆ ดังนั้น คงจะไม่ผิดถ้าคิมจงอินนึกอยากกระชากอีกฝ่ายลงจากหอคอยงาช้างที่เหยียบหัวคนอื่นขึ้นไปบ้าง ด้วยการออกแรงดึงให้ร่างในชุดคลุมสีเขียวนั้นตกลงมาด้วยกัน ในความสูงระดับนี้ อย่างมากก็แค่แขนขาหักจนต้องซ่อมกระดูกใหม่ล่ะวะ

     

     

    เขาเกือบทำสำเร็จอีกครั้ง -- ถ้าโอเซฮุนไม่ใจไม้สะระกำสะบัดมือจากการกอบกุมจนหลุด ทิ้งให้คนหวังร้ายตกลงกระแทกกับพื้นต่อหน้าตา

     

     

    ให้ตายเถอะเมอร์ลิน ได้โปรดอย่าเรียกว่ากรรมตามทันเลย ในเมื่อเขาไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน!

     

     

     

     

    “สลิธีรินชนะ! ด้วยคะแนนสองร้อยสิบต่อแปดสิบคะแนน”

     

     

    เสียงเป่านกหวีดดังประกาศผลรอบชิงชนะเลิศ เพราะชัดเจนต่อทุกสายตาแล้วว่ากัปตันทีมสลิธีรินยอมปล่อยลูกสนิทที่จับได้เต็มไม้เต็มมือเพื่อแสดงน้ำใจนักกีฬาไปช่วยฝั่งตรงข้ามในยามวิกฤติ เซฮุนลงจากไม้กวาดอย่างนุ่มนวลบนพื้น มองคนที่นอนโอดโอยขณะที่เพื่อนร่วมทีมกริฟฟินดอร์รีบบินลงมาดูอาการ

     

     

    ชานยอลเป็นคนแรกที่มาถึง ร่างสูงรีบลงจากไม้กวาดแล้วทรุดตัวมองขาขวาที่บวมเป็นสีแดงน่ากลัว จงอินไม่แม้แต่จะพยายามพยุงตัวขึ้นนั่ง ลำพังแค่ส่งเสียงพูดยังไม่ไหว กัปตันทีมช่วยปัดเศษหญ้าออกจนพ้นใบหน้าคนเจ็บ เสยหน้าม้าเบาๆเป็นการปลอบโยนเท่าที่จะทำได้

     

     

    “หน่วยพยาบาลกำลังมาแล้ว อดทนหน่อยนะจงอิน”

     

     

    เขาเห็นจงแด มินซอก และอีกหลายคนในทีมพากันมุงเข้ามาอย่างเป็นห่วงเป็นใย บังเจ้าคนทุเรศที่กำลังถูกคลุมด้วยผืนผ้าขนาดใหญ่สีเขียวอยู่ตรงฝั่งแสตนด์ของสลิธีรินเสียสิ้น ชานยอลก้มลงมาใกล้ กระซิบพูดให้พอได้ยินกันสองคนถึงข้อคาใจ

     

     

    “ทำไมถึงทำแบบนั้น ตกลงมาเจ็บตัวมันคุ้มไหมเล่า”

     

     

    จงอินกัดฟันกรอด ฝืนตอบเพราะอยากบอกปาร์คชานยอลเต็มที “มันเล่นสกปรก ปัดปลายไม้กวาดจนฉันตกลงมานี่ไง”

     

     

    ซึ่งคงไม่มีใครสังเกตเห็นเรื่องนี้จริงๆนั่นแหละ ชานยอลถึงได้อึ้งจนนิ่งไปทั้งอย่างนั้น ก่อนจะยอมถอยออกเงียบๆเพื่อให้หน่วยพยาบาลและศาสตราจารย์โรแลนดา ฮูซเข้ามาดูอาการ แล้วก็ไม่ผิดคาดเท่าไรนักเมื่อหล่อนบอกว่าเขากระดูกหัก ต้องพาตัวไปให้มาดามพรอมฟรีย์ช่วยรักษาให้อีกที นอกจากความเจ็บปวดแล้วเรื่องแบบนี้ก็ไม่ค่อยน่ากลัวนักในโลกเวทมนตร์ ซึ่งถ้าเทียบกับวิถีมักเกิล มันง่ายเหมือนต่อท่อประปาไม่มีผิด

     

     

    ทว่าเรื่องผิดคาดแท้จริงคือการที่คริสตัล จองตัดสินใจเดินตามเปลหิ้วคนป่วยไปตามขอบสนามต่างหาก เหนือเนคไทสีแดงขึ้นไปคือปากอิ่มสวยที่ขยับบอกเขาว่า

     

     

    “เรื่องที่ตกลงกันไว้ จะยกเว้นให้ครั้งหนึ่งก็แล้วกัน”

     

     

    ซึ่งถ้าแปลภาษาคริสตัลเป็นสากลอีกทีล่ะก็ หมายถึงเธอตกลงเรื่องไปงานพร็อมแล้ว (แต่คงต้องอ้อนถามเรื่องฮอกส์มี้ดอีกทีถ้ามีโอกาส)

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    คิมจงอินจำต้องนอนเปื่อยอยู่ในห้องพยาบาลเกือบสี่ชั่วโมงเพราะรอกระดูกสมานตัว โดยที่ระหว่างนั้นมีเพื่อนสนิทสลับกับกัปตันทีมเข้ามานั่งเป็นเพื่อนอยู่ตลอด ซึ่งถ้าให้แบ่งอัตราส่วนจริงๆแล้ว จงอินเห็นหน้าอีแทมินและผองเพื่อนแค่ชั่วโมงเดียว ส่วนชานยอลมาหลังจากผ่านไปชั่วโมงกว่าๆเพราะต้องพูดคุยภายในทีมควิดดิช รวมถึงยืนข่มอารมณ์มองโอเซฮุนขึ้นรับถ้วยรางวัลกับคะแนนพิเศษอีกสองร้อยคะแนนให้บ้านสลิธีรินทั้งรอยยิ้ม ซึ่งดีแล้วที่เขาไม่อยู่ตรงนั้น จงอินอยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเขาใช้คาถาวิงการ์เดียม เลวิโอซ่ายกหมอนั่นกระแทกกับพื้นสักสิบรอบจะยังยิ้มออกอยู่ไหม หรือจะเลวิคอร์พัศดีล่ะ

     

     

    “ดูทำหน้าเข้า ยังแค้นอยู่หรือ” ชานยอลเอ่ยถาม มือก็แกะห่อช็อกโกแลตกบไปด้วย

     

     

    “แค้นซี ทั้งที่ฉันกำลังจะคว้าลูกสนิชได้อยู่แล้ว” จงอินถอนหายใจ นึกรำคาญอาการปวดหนึบๆตอนกระดูกสมานตัวใกล้เสร็จเต็มที “ถ้าไม่เพราะโอเซฮุนเล่นโกง ป่านนี้กริฟฟินดอร์ได้แชมป์สมัยที่หกติดกันไปแล้ว”

     

     

    ไม่เพียงเท่านั้น ตั้งแต่ขึ้นปีสี่มาเซฮุนก็กลายเป็นดาวเด่น (มหาอำนาจ) ของสลิธีรินไปเสียฉิบ ไม่ว่าหมอนั่นจะเรียน เล่น หรือแม้แต่แข่งควิดดิชก็มักจะโดดเด่นเกินทุกคนอยู่เสมอ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจงเกลียดจงชังคิมจงอินมากหรือไร ถึงได้เอาแต่หาเรื่องกวนประสาท ยักคิ้วหลิ่วตาจนน่าโมโหทุกครั้งที่เจอกันแบบนี้ พอมากเข้าก็หาโอกาสกลั่นแกล้งกันด้วยวิธีแย่ๆอย่างส่งจดหมายกัมปนาทมาทักทาย ติดสินบนเอลฟ์ห้องครัวสำหรับอาหารรสห่วย และล่าสุด ทำลายศักดิ์ศรีเขาด้วยความพ่ายแพ้อย่างไม่ชอบธรรม

     

     

    ชานยอลยัดช็อกโกแลตกบใส่ปากคนที่กำลังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ซ้ำยังให้เขากัดหักมันครึ่งหนึ่งก่อนจะเอาที่เหลือใส่ปากตัวเองหน้าตาเฉย “หมอนั่นเก่งจริงๆนั่นแหละ ทั้งฝีมือและเรื่องแกมโกงน่ะนะ”

     

     

    จริงๆนะ จงอินคิดว่าชานยอลน่าจะโมโหโทโสอีกสักหน่อย ทั้งที่ฝึกซ้อมกันแทบตาย แต่ดันมาแพ้ให้การโกงโง่ๆแบบนี้มันไม่คุ้มเอาเสียเลย ไม่รู้ทั้งมาดามฮูซ ทั้งพิธีกรมองข้ามไปได้อย่างไร คงเป็นเพราะตอนนั้นคนตรงหน้าเขากำลังถูกลูกบลัดเจอร์หวดใส่อย่างถึงพริกถึงขิงอยู่กระมัง ถ้าไม่ใช่ปาร์คชานยอลล่ะก็คงร่วงเป็นเพื่อนจงแดไปแล้ว

     

     

    “แล้วคนอื่นเป็นไงบ้าง”

     

     

    “นายหนักสุด” ชานยอลตอบสั้นๆ ซึ่งก็คงจะจริง ไม่อย่างนั้นเตียงข้างกันคงไม่ว่างจนถึงตอนนี้หรอก “แต่ก็มีเรื่องดีเกิดขึ้นไม่ใช่หรือ”

     

     

    พูดถึงเรื่องนั้นแล้วคิมจงอินก็แทบจะยิ้มแก้มปริ รู้กันทั้งบ้านว่าเขาจีบคริสตัลมาตั้งแต่ปีสี่ ทั้งหยอด ซื้อของขวัญมาให้ สารพัดสารเพจะเสี่ยงกับการโดนสาวเจ้าด่าตอก แต่น้ำเซาะหิน หินยังกร่อน นับประสาอะไรกับใจผู้หญิง

     

     

    “สงสัยต้องหาซีกเกอร์ใหม่แล้วมั้ง” กัปตันทีมกระเซ้าเสียงเข้ม

     

     

    “ฉันไม่ติดผู้หญิงจนลืมควิดดิชหรอกน่า” จงอินหัวเราะลั่น ถึงจะชอบคริสตัลมากมายแค่ไหน แต่ใช่ว่าเขาจะยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไปหาเธอเสียเมื่อไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือความใฝ่ฝันตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบเข้าฮอกวอตส์ด้วยแล้ว “ขี้คร้านจะได้เป็นกัปตันทีมคนต่อไปด้วยใช่ไหมล่ะ”

     

     

    ชานยอลเลิกคิ้ว จริงอยู่ที่ถ้าเขาเรียนจบไปแล้ว ตำแหน่งคงถูกส่งต่อถึงจงอินซึ่งอายุน้อยกว่าหนึ่งปี ประสบการณ์หัวหน้าทีมควิดดิชนั้นปีเดียวก็เกินคุ้ม ถ้าเป็นปีที่สามารถสร้างชัยชนะเจ๋งๆได้จนมีโล่วางประดับตู้ในบ้านล่ะก็ “ถึงตอนนั้น ฉันแต่งตั้งแทยงไม่ก็แจฮยอนไม่ดีกว่าหรือ -- นายเองก็เถอะ เตรียมตัวสอบว.พ.ร.ส.เสียบ้าง ฉันเห็นจงแดเจียดเวลาอ่านหนังสือจนตาแฉะแล้ว”

     

     

    “เปลี่ยนเรื่องกันอย่างนี้เลย”

     

     

    “หรือจะให้ฉันพูดเรื่องที่อยากขัดขวางไม่ให้นายไปพร็อมกับคริสตัลล่ะ”

     

     

    เขามองรอยยิ้มของกัปตันทีม เดาว่าเรากำลังจะพ้นเรื่องควิดดิชไปไกลโขแล้ว

     

     

    “ถ้านายอยากฟังเกี่ยวกับเรื่องนั้น เชื่อเถอะว่าฉันพูดได้ไม่รู้เบื่อ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เช้าวันแรกหลังจากชัยชนะของสลิธีริน โอเซฮุนเดินเข้ามาในห้องอาหารท่ามกลางสายตาที่มองเขาประหนึ่งฮีโร่ อ้อใช่ แต่ไหนแต่ไรเซฮุนก็ค่อนข้างดังอยู่แล้ว ดังและดีขนาดที่ว่าสาวๆกริฟฟินดอร์หลายคนมองข้ามสงครามระหว่างบ้าน ส่งทั้งดอกไม้ ช็อกโกแลต หรือแม้แต่จดหมายเดทแนบรูปส่งจูบของตัวเองมาจนเซฮุนแทบจะจ้างคนคอยรับนกฮูกพวกนั้นอยู่แล้ว

     

     

    ร่างสูงโปร่งทิ้งตัวลงนั่งที่ประจำบนโต๊ะตัวยาว ทอดสายตามองไปรอบๆหวังจะเห็นใครบางคนออกมากินมื้อเช้าได้แล้ว วันนี้จงอินคงไม่เดินขากะเผลก เพราะที่เขาแก้เผ็ดโดยการปล่อยให้ตกลงกระแทกกับพื้นนั่นก็ไม่ได้เกินความสามารถมาดามห้องพยาบาลนัก ไม่อย่างนั้นคนอวดเก่งคงไม่กล้าทำลายน้ำใจเขาด้วยการจงใจดึงให้ตกลงไปด้วยกันหรอก

     

     

    พูดแล้วก็ยังหัวเสียไม่หายจนถึงตอนนี้ ทั้งที่เขาน่าจะได้จูบลูกสนิชแล้วเหาะรับชัยชนะไปรอบๆสนามให้สมกับโอกาสหายากของสลิธีรินเสียหน่อย แต่กลายเป็นว่าส่วนโง่ๆในจิตใจดันไวกว่าด้วยการสั่งให้ทำตรงกันข้าม เพราะคิมจงอินคงเจ็บหนักแน่ๆถ้าตกลงไปสูงขนาดนั้น ขี้คร้านจะไม่รอดมาให้เขาแกล้งอีก ซึ่งไม่ต้องถึงกับสมมติเลยว่าถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ -- เพราะจะไม่มีวัน ตราบใดที่เขายังอยู่ตรงนั้น

     

     

     ยอมรับก็ได้ว่าเล่นแรงไปหน่อยที่ลงทุนปัดไม้กวาดให้เสียหลัก แต่เรื่องเหนือความคาดหมายก็ผ่านไปได้ด้วยดี อย่างน้อยจงอินก็กำลังเดินหน้าระรื่นเข้ามาพร้อมกลุ่มเพื่อนโดยไม่หลงเหลืออาการเจ็บปวดแล้ว

     

     

    เมื่อเห็นเขา นัยน์สีเข้มคู่นั้นก็เปลี่ยนเป็นมองขวางจนบึ้งตึง กระฟัดกระเฟียดเก็บเอาเรื่องที่เกิดขึ้นมาฝังใจแค้นเป็นตุเป็นตะ เซฮุนได้แต่ก้มหน้าลงใต้โต๊ะเพราะจะแอบหัวเราะขำ ร้อนจนอี้ชิงที่นั่งอยู่ข้างๆต้องรีบสะกิดด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเห็นใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมาทั้งที่ริมฝีปากยังลอบอมยิ้ม มองตรงไปยังคิมจงอินพร้อมทั้งสบถในใจว่าน่ารักเป็นบ้า

     

     

    “อารมณ์ดีมากหรือ” อี้ชิงเดา แล้วยังคิดต่อด้วยว่าที่เซฮุนอารมณ์ดีหนักหนาคงเพราะชนะนัดแข่งควิดดิชเมื่อวาน แถมยังได้คะแนนพิศวาสจากน้ำใจนักกีฬา (ที่หาได้ยากยิ่งจากสลิธีริน) อีก

     

     

    “ฉันดูเป็นอย่างนั้นใช่ไหม” เซฮุนจิ้มเบคอนเข้าปาก แถมยังตามด้วยไข่ดาวกับขนมปังทาเนยเค็มที่แสนจะธรรมดา

     

     

    “โอ มันก็ดีอยู่หรอกที่นายจะมีความสุขขนาดนี้ แต่ฉันนึกไม่ออกจริงๆว่าต้องมากขนาดไหน ถึงมีอารมณ์มองคนอื่นแล้วยิ้มไปทั่ว” คราวนี้เซฮุนเลิกคิ้วชี้หน้าตัวเอง เขาเนี่ยนะทำแบบนั้น อี้ชิงจึงรีบสำทับว่าใช่พร้อมแจงเหตุผล “ก็ฉันเห็นนายมองโต๊ะพวกกริฟฟินดอร์ คงสะใจน่าดูล่ะซีที่ชิงถ้วยรางวัลมาได้”

     

     

    อันที่จริงเซฮุนปล่อยให้ทุกคนเข้าใจแบบนั้นมาตลอด อาจเป็นเพราะเขาไม่ใส่ใจหรือจงใจให้มันดูเป็นเช่นนั้น คงตลกน่าดูถ้าหากมีใครดูออกว่าโอเซฮุนชอบมองคิมจงอินในแบบที่เป็นความรู้สึกด้านบวกบวกบวก อูย แค่คิดแทนคนพวกนั้นก็ขนลุกขึ้นมาตงิด แต่เผอิญมันเป็นความจริงเสียด้วยสิ

     

     

    ความจริงที่ว่าโอเซฮุนอยากได้สนิชสีแดงลูกนั้นใจแทบขาด

     

     

     

     

    “ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!

     

     

    ซีกเกอร์บ้านสิงโตลุกขึ้นตบโต๊ะพลางตะโกนเสียงดัง เด่นจนนักเรียนไม่เลือกชั้นปีในห้องอาหารต่างพากันหันไปมองร่างโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตกับเนคไทสีแดงสลับเหลืองก้าวฉับๆข้ามห้องมาอีกฝั่ง แล้วภาพที่ไม่มีใครในที่นี้อยากเห็น (หรืออาจจะอยาก) ก็เกิดขึ้น เมื่อสองมวยคู่เอกในนัดที่เป็นทอล์กออฟเดอะฮอกวอตส์ของเมื่อวานกำลังยืนประจันหน้าโดยมีโต๊ะอาหารคั่นกลาง ส่วนโอเซฮุนก็ไหวไหล่สบายๆก่อนจะลุกขึ้นยืนเหมือนรอเพื่อนทักทายกันด้วยท่าฮิปฮอปอะไรเถือกนั้น

     

     

    จงอินสะบัดทั้งแทมินและจินกิที่ตามมาห้าม ก่อนจะชี้หน้าด่าทอกัปตันบ้านสลิธีรินด้วยความเหลืออด “ว่าไงล่ะ ภูมิใจมากเลยล่ะสิกับเรื่องเมื่อวานน่ะ”

     

     

    “ใครๆก็ว่าฉันมีน้ำใจนักกีฬานะ แต่น่าเสียใจที่นายไม่ยอมรับมัน”

     

     

    คนถูกกระแนะกระแหนเหน็บกลับ เป็นเชื้อเพลิงให้คนที่ร้อนอยู่แล้วยิ่งโกรธจนตัวสั่นมากขึ้นไปอีก จงอินทำท่าเหมือนจะปีนข้ามโต๊ะมาต่อยเขา หรือไม่ก็คงอยากหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาเสกคำสาปกรีดแทงให้ตายกันไปข้าง โชคดีจริงๆที่เซฮุนอยู่ในฮอกวอตส์ ไม่อย่างนั้นเขาคงตายไปแล้วมั้งนี่!

     

     

    “น้ำใจหลังจากเล่นสกปรกน่ะหรือ” คนฟังแค่นเสียงเหอะ แทบลืมความเจ็บปวดของการขาหักไปแล้ว “คงอยากชนะมากสิท่า เพราะลำพังแข่งตามกฎกติกาคงไม่ชนะ”

     

     

    ได้ยินอย่างนั้นเซฮุนก็ผิวปาก เอาสองมือที่ล้วงเก็บในกระเป๋ากางเกงออกมาเท้ากับขอบโต๊ะ โน้มตัวเข้าไปใกล้คนตรงหน้าคล้ายจะยั่วโมโหด้วยน้ำเสียงราบเรียบจนน่ากลัว

     

     

    “อยากสิ เพราะฉันไม่ใฝ่ต่ำอยู่กับความขี้แพ้แบบเดิมๆ” ดวงตาสีรัตติกาลพราวระยับ “แล้วก็ไม่ใช่ว่านายก็อยากชนะหรอกหรือ ถึงได้อยากดึงฉันให้ตกตามกันไปแบบนั้น”

     

     

    จงอินโกรธจนพูดไม่ออก ปล่อยให้มือแกร่งของคนตรงหน้ายกขึ้นจับไหล่เขากดเข้ามาใกล้ ใช้เสียงที่พูดประโยคเดียวกับเมื่อครู่กระซิบข้างหู มันทั้งแหบพร่า น่ารังเกียจ แล้วก็ดูแคลนคิมจงอินได้เจ็บแสบยิ่งกว่าการกลั่นแกล้งครั้งไหนๆ

     

     

    “ถ้าอยากเอาตัวเข้าแลกมากขนาดนั้น...”

     

     

    กัปตันบ้านสลิธีรินบีบไหล่เขา ขณะใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือลูบเบาๆผ่านเนื้อผ้าเป็นการหยอกเย้า

     

     

    “แนะนำว่าถ้าเป็นแบบอื่นน่าจะชื่นใจกว่าเยอะ”

     

     

    โอเซฮุนเดินจากไปแล้ว ทิ้งคิมจงอินเอาไว้ด้วยสายตาเดียวกับตอนปล่อยเขาตกสู่พื้นสนาม ไม่นานนักปาร์คชานยอลก็วิ่งโร่เข้ามาหลังจากถูกตามมาช่วยห้ามทัพ ไม่มีใครรู้ว่าคำพูดลับนั้นเป็นอย่างไร รู้แค่ว่ามันมากพอให้ซีกเกอร์บ้านกริฟฟินดอร์ตัวสั่นยิ่งกว่าเก่า มือสองข้างบีบเข้าหากันเป็นกำปั้นแทนอารมณ์ซึ่งปะทุอยู่ในอก มีคำหยาบคายมากมายที่คงจะถูกสบถออกมาแล้ว ถ้าไม่เพียงแต่ร่างสีแทนโดนรุ่นพี่ปีหกคนดังลากหนีออกไปเสียก่อน

     

     

    โชคดีว่าควิดดิชเมื่อวานเป็นนัดสุดท้ายแล้ว ไม่อย่างนั้นคงจะมันส์สะเด็ดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เมื่อใกล้เข้าสู่งานพร็อมนั่นก็หมายถึงว่าฮอกวอตส์ได้ย่างกรายสู่ฤดูหนาวแล้วเช่นกัน คิมจงอินสวมแจ็คเก็ตตัวที่แม่เพิ่งส่งพัสดุมาให้จากบ้าน เป็นผ้าโพลีทัชลันสีเขียวขี้ม้าลายปักตราทหาร ทับเสื้อยืดสีขาวพื้นกับกางเกงยีนส์ขายาวเข้ารูปและทับอีกชั้นด้วยผ้าพันคอสีเทา ซึ่งถ้าไม่ได้คิดไปเอง จงอินคิดว่านี่ทำให้เขาดูฮอตกว่าทุกที น่าเสียดายที่คริสตัลปฏิเสธคำชวนตั้งแต่วันที่ถามด้วยเหตุผลแรกว่าเบื่อฮอกส์มี้ด ส่วนเหตุผลที่สองคืออยากอ่านหนังสือเตรียมสอบวิชาพ่อมดระดับสามัญ (ว.พ.ร.ส.) เพราะอยากเป็นคนส่วนน้อยที่สอบผ่านวิชาอักษรรูนโบราณกับประวัติศาสตร์เวทมนตร์

     

     

    ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจจริงๆนั่นแหละว่าจะอะไรนักหนากับเรื่องสอบ ชานยอลก็อีก หมอนั่นถามว่าแล้วออกไปเที่ยวทุกครั้งที่มีโอกาสอย่างนี้ จะเอาเวลาที่ไหนไปอ่านหนังสือ มันยากนะ บลาๆๆ ซึ่งอย่างเดียวที่จงอินสนใจก็คือจากนั้นไปนอกเหนือพื้นที่ฮฮกวอตส์ เขามีสิทธิ์หายตัวได้ถูกต้องตามกฎหมายกระทรวงเวทมนตร์ทุกประการ

     

     

    เอ้า แล้วมันไม่ดีตรงไหนล่ะ นึกภาพง่ายๆว่าไม่ต้องทนเมารถหรือเดินให้เมื่อยสิ

     

     

    “ขอโทษที รอนานหรือเปล่า”

     

     

    จงอินมองแถวยาวเหยียดที่พากันทยอยออกประตูไปสู่หมู่บ้านฮอกส์มี้ด ซึ่งส่วนมากจะเป็นนักเรียนปีสาม แล้วหันกลับไปหาชานยอลที่เพิ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาอยู่ในแถวเพราะกลัวว่าเขาจะรอนาน หลังจากต้องยืนรอหมอนี่ในโถงด้านในอยู่นานโดยที่ต้องมโนภาพปาร์คชานยอลกำลังถูกชวนเดทโดยหญิงสาวช่างตื๊ออยู่ด้วย จงอินก็คิดว่าเขาเดินมาต่อแถวฆ่าเวลาเพื่อจะได้ออกไปก่อนบ่ายโมงดีกว่า

     

     

    “เป็นยังไง”

     

     

    “หืม อะไร”

     

     

    ชานยอลตีหน้าซื่อ ทำเอาคนถามต้องจิ๊ปากขัดใจก่อนจะเอนตัวไปกระซิบกระซาบ “หล่อนก็น่ารักดีออกนะ นายยังไม่มีคู่ไปงานพร็อมเลยไม่ใช่หรือ”

     

     

    เท่านั้นกัปตันทีมควิดดิชคนดังก็ปั้นหน้าบึ้งตึง เมื่อได้ออกมาสูดอากาศที่ฮอกส์มี้ดแล้ว ทั้งคู่ก็ตัดสินใจจะไปนั่งซดบัตเตอร์เบียร์ที่ร้านไม้กวาดสามอันสักชั่วโมง แล้วจึงไปจะไปร้านฮันนี่ดุกส์เพื่อซื้อของโปรดจงอินอย่างฟิซซิงวิสบี้ อมยิ้มรสเชอร์เบทที่จะทำให้ตัวลอยขึ้นๆลงๆทีละหลายนิ้ว (พนันเลยว่าจงอินไม่ได้ติดใจเพราะรสชาติของมันหรอก) กับลูกอมรสกรดเผื่อว่าอยากแกล้งใครสักคนด้วย (ไหม้ลิ้นให้เป็นรู!)

     

     

    สองหนุ่มยิ้มเผล่ขณะมาดามโรสเมอทาร์มาเสิร์ฟบัตเตอร์เบียร์ให้ที่โต๊ะ วันนี้ร้านก็ยังคงแน่นไปด้วยเหล่านักเรียนเหมือนเคย ซึ่งน่าหดหู่สิ้นดีที่พวกเขาต้องมาเที่ยวกันเองแทนที่จะสาวสักคนไปเดทร้านมาดามพุดดี้ฟุต แต่ก็นั่นแหละ เที่ยวกับชานยอลไม่ได้แย่อะไร คนตัวสูงมักจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่กว่าจงอินเสมอ หนึ่งในนั้นคือการตามใจพวกเรื่องไร้สาระอย่างเช่นว่าวันนี้จะไปไหน ไม่อ่านหนังสือได้หรือเปล่า ในขณะที่เวลาซ้อมควิดดิชจะเปลี่ยนเป็นอีกคน

     

     

    “จะแวะร้านซองโก้ด้วยหรือเปล่า” คนในความคิดของเขาถามขึ้น ส่วนจงอินกำลังยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นสายตาของสาวบ้านเรเวนคลอคนหนึ่งมากัปตันทีมเขาตาเป็นมัน

     

     

    ปาร์คชานยอลขยับตัวยุกยิกภายใต้เสื้อสเวตเตอร์คอเต่าแขนยาว ดวงตากลมโตนั้นคมปลาบพอจะสะกดคนมองให้หลงใหลได้ไม่ยาก อัธยาศัยดีแต่สร้างระยะห่างเหินเอาไว้ นั่นคือสิ่งที่จงอินสังเกตเห็นสิ่งที่ชานยอลเป็นกับคนนอกเหนือทีมในปกครอง

     

     

    “ไม่รู้สิ ถ้าเวลาเหลือค่อยแวะไปดูของเล่นก็ได้”

     

     

    จงอินตอบทั้งแววตาวิบวับ ลุ้นแทบแย่ให้สาวเจ้าเดินเข้ามาจีบคนร่วมโต๊ะของเขาเสียที แต่คงไม่ต้องรอนานเกินไปนัก เพราะเวนดี้ ซน คนน่ารักจากบ้านเรเวนคลอเดินมาทางนี้เพราะแรงยุจากเพื่อนร่วมกลุ่มของเธอแล้ว ชุดเดรสสีฟ้านั่นค่อนข้างยอดเยี่ยม ระหว่างรอทั้งคู่เปิดบทสนทนา จงอินก็พยายามนึกภาพคริสตัล จองในชุดแบบนี้จนท้อ

     

     

    “สวัสดี”

     

     

    “สวัสดี”

     

     

    เขาว่าชานยอลเนื้อหอมจริงๆนั่นแหละ ชายหนุ่มตัวสูงรีบวางแก้วบัตเตอร์เบียร์แล้วใช้หลังมือเช็ดคราบฟองติดริมฝีปากอย่างลวกๆ เหลือบมองจงอินที่นั่งอมยิ้มขณะยกแก้วขึ้นซดในทีท่าสบายๆ ก่อนจะหันกลับไปเมื่อเวนดี้เปิดปากส่งคำพูดต่อมาทั้งรอยยิ้ม

     

     

    “คือว่า ฉันชอบตอนเธอเล่นควิดดิชมากเลย” หล่อนว่า พวงแก้มแดงๆนั้นจงอินดูไม่ออกว่าแดงธรรมชาติหรือว่าเครื่องสำอาง “ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็ ขอนั่งคุยด้วยได้หรือเปล่า”

     

     

    “อา” ชานยอลเลิ่กลั่ก หันมามองเขาทีมองหล่อนที ซึ่งจงอินไม่ขัดอะไรหรอกถ้ามันจะทำให้กัปตันทีมไม่เหี่ยวแห้งจนเฉาตายเสียก่อนในงานพร็อมปีนี้ แต่ปาร์คชานยอลก็คงมารยาทงามกับเพื่อนเกินไป หรือไม่ก็แค่จงใจจะเหี่ยวตายโดยยกคนนั่งด้วยขึ้นมาเป็นข้ออ้างโง่ๆเพื่อปฏิเสธหล่อนตรงๆ “ขอโทษด้วยนะ แต่ฉันกับเพื่อนกำลังคุยเรื่องสำคัญกันอยู่”

     

     

    จงอินกลอกตาขณะหญิงสาวเดินกลับไปหากลุ่มเพื่อนทั้งหน้าเสียๆ แต่ชานยอลไม่สนใจหรอก ผู้ชายคนนี้ก็แค่อัธยาศัยดีแต่ไม่ได้แคร์ใครไปทั่ว

     

     

    “นายบอกปัดง่ายๆอย่างนี้ตลอดเลยหรือ”

     

     

    “ใช่สิ เธอจะเกลียดขี้หน้าหรือชอบฉัน ฉันก็ไม่มีผลกระทบอะไรอยู่แล้ว”

     

     

    โอ ให้ตายเถอะ เขามันคนประเภทเสียเวลาจีบคริสตัลไปงานพร็อมแทบตาย แต่ชานยอลดันถีบส่งทุกคนตามความพอใจอย่างนี้เนี่ยนะ

     

     

    “แต่นายยังไม่มีคู่ไปงานพร็อม”

     

     

    ชานยอลหน้าบึ้งอีกแล้ว บึ้งพอๆกับตอนที่รู้ว่ามินซอกกับจงแดพยายามยัดเยียดลูกอมรสแมลงสาบเพื่อแกล้งให้อ้วก หรือมาดามโรสเมอทาร์ใส่ส่วนผสมบัตเตอร์เบียร์ผิดตอนมาเที่ยวฮอกส์มี้ดครั้งแรกเมื่อปีสาม

     

     

    “ทำไมนายถึงต้องเดือดร้อนเรื่องนี้นัก”

     

     

    “แหงสิ ก็ฉันเป็นเพื่อนนายนี่นา” จงอินตอบพาซื่อ “อ้อ โทษที ฉันปีห้า ส่วนนายปีหก ต้องเป็นรุ่นน้องสิถูกไหม”

     

     

    คนแก่กว่าเงียบ วางแก้วในมือลงกับโต๊ะด้วยสีหน้าที่เหมือนอมความลับบางอย่างไว้ในใจ จากนั้นจึงผ่อนลมออกทางริมฝีปาก หลุบสายตามองออกไปนอกกระจกร้านแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรื่อยเปื่อย

     

     

    “เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้วจงอิน ฉันไม่ได้อยากควงผู้หญิงคนไหนไปงานพร็อม แล้วก็ไม่อยากคุยกับใครที่แค่น่ารักในสายตานายด้วย” ชานยอลมีดวงตาสีดำแบบเดียวกัน มันแน่วแน่ แรงกล้า และมีพลังเสมอตอนที่ตะโกนปลุกให้ทุกคนฮึกเหิม ไม่ว่าจะนอกหรือในสนาม ผู้ชายคนนี้ก็เกิดมาเพื่อควิดดิชอย่างแท้จริง “ถ้าฉันเลือกใคร ฉันจะตัดสินใจเอง ต่อให้คนๆนั้นจะทำเป็นไม่สนใจฉันหรือบอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้ก็ตาม”

     

     

    ทุกอย่างวกกลับมาตีแสกหน้าคนที่รู้ใจอีกฝ่ายอยู่เต็มอก เป็นจงอินที่อยากเบือนสายตาหนีไปทางอื่นแล้ว ทว่าสายตาชานยอลดึงเขาเอาไว้ พันธนาการกันผ่านทางอารมณ์ความรู้สึกจนไม่อาจลุกหนีไปไหน กระทั่งมือแกร่งนั้นเลื่อนเข้ามาใกล้ ก่อนจะคว้าข้อมือเขาเพื่อลากออกไปจากร้านด้วยกันตามต้องการ

     

     

    คิมจงอินไม่รู้ว่าเรากำลังเดินไปที่ไหน ชานยอลก็แค่สาวฝีเท้าเงียบๆ ตรงปรี่ผ่านกลุ่มนักเรียนมากมายจนเริ่มไกลออกจากฝูงคนมาจนท้ายหมู่บ้าน ตึกสถาปัตยกรรมเก่าคือจุดที่ทั้งสองหยุดพัก ความเป็นนักกีฬาทำให้พวกเขาไม่เหนื่อยง่ายจนเกินไปนัก ถึงอย่างนั้นใจของจงอินกลับเต้นแรงยิ่งกว่า แรงเทียบเท่าตอนที่ลูกสนิชอยู่ตรงหน้าแต่คว้ามันมาไม่ได้

     

     

    ตาสีเข้มมองสำรวจสิ่งก่อสร้างรอบตัว ชานยอลรู้จักที่ตรงนี้ มุมอับของหมู่บ้านที่แสนครึกครื้นอย่างฮอกส์มี้ด ความรู้สึกหนึ่งในใจร่ำเตือนว่าครั้งนี้เขาคงไม่ได้กินฟิซซิงวิสบี้แล้ว

     

     

    “มีอะไรหรือ” ซีกเกอร์คนเก่งของบ้านตัดสินใจเปิดปากถามออกไปก่อน มองดูชานยอลที่สูดลมหายใจลึกด้วยแววตากระอักกระอ่วนขณะสาวเท้าเข้ามาอีกหนึ่งก้าวเพื่อให้ใกล้เขามากขึ้น

     

     

    “ฉันทนไม่ไหวแล้ว” คนสูงกว่าพูดเสียงเรียบ “นายรู้มาตลอดเลยใช่ไหมจงอิน”

     

     

    จงอินเงียบ ค่อนข้างแน่ใจว่าบทสนทนาครั้งนี้คือเรื่องที่เขาเลี่ยงจะแสดงออกว่ารับรู้มันมาตลอด ความสัมพันธ์ของเรามันเปลี่ยนไปตั้งนานแล้ว นานก่อนที่จงอินจะบอกว่าชอบคริสตัล หรือชานยอลขึ้นเป็นกัปตันทีมเมื่อปีที่แล้วเสียอีก เขารู้ว่าสิ่งที่คั่นตรงกลางระหว่างเขากับชานยอลไม่ใช่ความบริสุทธิ์ใจ เรื่องมันเกิดจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งฝ่ายนั้นก็คือคนที่มักจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยอยู่เสมออย่างชานยอล

     

     

    และครั้งนี้ก็จะต้องเรียบร้อย จงอินได้แต่หวังในใจขณะพยักหน้ารับคำถามนั้น

     

     

    ให้ตายเถอะเมอร์ลิน ชานยอลถอนหายใจแรงมาก ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้คือการเสียชีวิตของพี่ชายเมื่อสามปีที่แล้ว มีอยู่ไม่กี่เรื่องที่ชานยอลจะละเลยเก็บความรู้สึก ซึ่งเรื่องต่อมาคือสิ่งที่เจ้าตัวเพื่งจะพูดไปว่าทนไม่ไหว -- เรื่องของเขา

     

     

    “ทั้งที่รู้ แต่นายก็ยังพร่ำบอกให้ฉันสนใจผู้หญิงคนนั้นคนนี้”

     

     

    มันเป็นเรื่องที่เราคุยในร้านไม้กวาดสามอันไม่ได้ ในฮอกวอตส์ก็ไม่มีโอกาสเช่นกัน

     

     

    “เหมือนที่นายพยายามจีบคริสตัล จอง แล้วก็มาบอกให้ฉันเอาใจช่วยน่ะหรือ”

     

     

    อีกฝ่ายหัวเสียน่าดูจริงๆ ทำให้จงอินทั้งเศร้าใจและกลัวกับความสัมพันธ์ประหลาดนี้เพราะไม่สามารถแกล้งทำเฉยต่อไปได้อีก ใช่ เขารู้สึก ทุกครั้งที่ชานยอลออกปากห้ามทางอ้อมว่าไม่ควรไปงานกับคริสตัล ตอนที่เผลอกินช็อกโกบอลโดยแกล้งจำไม่ได้ว่าเขาซื้อไปง้อเธอ เพราะทุกครั้งจงอินไม่เคยโกรธ ไม่เคยรู้สึกว่าถูกจุ้นจ้านทั้งที่มันควรจะเป็นอย่างนั้น

     

     

    เขารู้ว่าชานยอลจะทำ หลังจากอีกฝ่ายตัดสินใจแล้วว่าเลือกใครเข้าไปในหัวใจ

     

     

    “ฉันจะเย็นชาได้เท่านายหรือจงอิน ฉันคิดว่าฉันคงทำไม่ได้หรอก”

     

     

    สิ้นคำ สองข้างแก้มของเขาก็ถูกทาบทับด้วยมือใหญ่ ปาร์คชานยอลโน้มตัวลงมากดริมฝีปากจนทั้งร่างจงอินเกือบเซถลา เมื่อผละออกหลังจากประทับจูบแรก กลีบปากอิ่มนั้นก็กดลงมาอีก พร้อมทั้งบดเบียดเปลี่ยนองศาและแตะลิ้นเตือนให้เขาเปิดปากรับการรุกราน ชานยอลกวาดลิ้นไปทั่วโพรงปาก สูดเอาความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลที่ควรจะได้รับนานแล้วไปในคราเดียว

     

     

    จงอินอึ้ง แต่เขากลับปล่อยให้ตัวเองถูกรัดจมอ้อมกอดตรงข้ามกับสิ่งที่ควรจะเป็น มือเรียวขยำเสื้อสเวตเตอร์สีดำเอาไว้แน่น บีบขยำรับแรงรั้งตรงช่วงเอว กอบโกยอากาศเข้าปอดจนสุดก่อนที่อีกคนจะกดริมฝีปากใส่ในครั้งต่อไป เขาได้กลิ่นโคโลญจน์อ่อนๆ ได้กลิ่นตัวหอมแบบผู้ชายอันเป็นเลกลักษณ์ ได้แม้กระทั่งความอัดอั้นตันใจเมื่ออีกฝ่ายไล้ปลายนิ้วหัวแม่มือบนพวงแก้มแผ่วเบา

     

     

    หลังจากผละออกและชนหน้าผากกันเพื่อทดแทนสิ่งที่เกิดขึ้น กัปตันแห่งบ้านกริฟฟินดอร์ก็ปล่อยมือจากทุกส่วนบนร่างกายเขา ถอยเท้าออกห่างสองก้าว พร้อมแย้มรอยยิ้มที่คงจะเสียดใจคิมจงอินไปอีกนาน

     

     

    “นายดูไม่เหมือนคนใจร้ายเลยจงอิน”

     

     

    เขากำมือที่ทิ้งอยู่ข้างตัวแน่น

     

     

    “แต่นายเป็นแบบนั้น”

     

     

    ปาร์คชานยอลหันหลังเดินกลับไปทางเดียวกับที่มา กระทั่งลับสายตาคิมจงอินแล้ว เจ้าของผิวสีแทนก็ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ กระชับผ้าพันคอขณะปล่อยให้ลมหนาวพัดผ่านตัว หัวสมองอันน้อยนิดทำงานหนักจนปวดหนึบ อารมณ์ความรู้สึกที่เคยคงที่พากันบิดตัวเป็นเกลียวเหมือนเชือกเส้นใหญ่ มันรัดรึงหัวใจเขาเอาไว้ เมื่อใจขาดอากาศ ทางออกที่แม้จะอยู่แค่ปลายจมูกก็กลับถูกซ่อนในหลืบที่ไม่มีทางมองเห็น

     

     

    จูบเมื่อครู่ทำลายความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนที่สนิทใจของเราลงแล้วหรือ

     

     

    จงอินไม่แน่ใจนัก

     

     

    สิ่งที่เลี่ยงมาตลอดเกิดขึ้นแล้ว เกิดขึ้นในแบบที่จงอินไม่ทันจะได้แม้แต่ใช้ความพยายามหักห้ามมัน ทุกอย่างสวนทางกับความเชื่อว่าควรเป็น เช่นนั้นแล้วมันจึงใกล้เคียงกับความผิดพลาด และคนอย่างปาร์คชานยอลก็ซื่อตรงเกินกว่าจะกล้าเดินต่อได้ในสถานการณ์ความรู้สึกเช่นนี้

     

     

    ชายหนุ่มคิดว่าเขาควรหันหลังกลับเหมือนที่ชานยอลทำ กลับไปสู่จุดเริ่มต้นแล้วนอนใช้ความคิดกับตัวเองเงียบๆ คิดว่าเห็นอีกฝ่ายเป็นอย่างไร แล้วใจรู้สึกอย่างไรบ้าง มันเต้นรัวเช่นเดียวกับรักครั้งแรกหรือเปล่า

     

     

     

     

    เขาคิดเพียงแค่นั้น ก่อนจะหันหลังกลับไปเจอใครบางคนจริงๆ

     

     

     

     

    โอเซฮุนยืนกอดอกพิงผนังตึกเก่าในชุดเสื้อเชิ้ตทับด้วยแจ็คเก็ตสีดำ นัยน์ตานั้นแฝงประกายบางอย่างที่ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดเหลือเกิน มันจับจ้องคิมจงอินตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แล้วก็กลับขึ้นมาบนใบหน้าใหม่ สบดวงตาสงบนิ่งของเราทั้งคู่ ก่อนริมฝีปากจะค่อยๆเหยียดยิ้มออกท่ามกลางสถานการณ์ที่จงอินเกลียดที่สุด

     

     

    “มุมอับของฮอกส์มี้ดมีไว้เพื่อเรื่องโรแมนติกอย่างนี้เองหรอกหรือ”

     

     

    ร่างสูงโปร่งส่งตัวเองขึ้นยืนตั้งฉากกับพื้น สองมือล้วงลงไปในกางเกงขายาวขณะก้าวเข้ามายืนประจันหน้าในระยะห่างสองเมตร รอยยิ้มนั้นไม่ค่อยคงที่ ในหัวคงกำลังคิดหาคำพูดมากมายมาเยาะเย้ยให้เขาโกรธจนตัวสั่นแล้วลงท้ายด้วยความอับอายตามเคย

     

     

    จงอินล้วงมือเข้าไปในเสื้อแจ็คเก็ต กำรอบไม้กายสิทธิ์เอาไว้สำหรับสถานการณ์ที่อยากจะหนีจากตรงนี้ให้ไกลที่สุด

     

     

    “อย่าทำมันเลย” เซฮุนปรามเขา “ถ้าตัวนายไม่สามารถใช้คาถาลบความทรงจำกับฉันได้ล่ะก็ แนะนำว่าอย่าทำอะไรโง่ๆอย่างการหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาจะดีกว่า”

     

     

    ชายหนุ่มบ้านสลิธีรินใช้สายตาแบบงูนั้นจ้องมองเขา ราวกับกำลังหยั่งเชิงว่าจะคิดหาคำพูดเจ็บแสบจากไหนมาใช้สาดใส่คิมจงอิน คู่แข่งตัวฉกาจได้อีก

     

     

    “ขอยอมรับตามตรงว่ารู้สึกตกใจมากๆ”

     

     

    “หุบปากไปซะ” จงอินครางเสียงเบาหวิว

     

     

    “แต่ตกใจมากกว่าที่เรื่องโรแมนติกแบบนี้ไม่ได้เกิดกับคริสตัล จอง”

     

     

     

     

    “อิมเปดิเมนต้า!

     

     

     

     

    ไม้กายสิทธิ์โผล่พ้นแจ็คเก็ตสีเขียวขี้ม้า ส่งโอเซฮุนให้กระเด็นไปกระแทกกำแพงใกล้ๆก่อนจะแข็งจนขยับไม่ได้ในขณะที่จงอินก้าวไวๆออกจากบริเวณนี้เพื่อตรงกลับสู่ใจกลางฮอกส์มี้ดซึ่งเต็มไปด้วยผู้คน หากคนถูกใช้คาถายังคงยืนนิ่งพิงกำแพงอยู่อย่างนั้น ศีรษะที่ขยับเล็กน้อยขณะสูดลมหายใจลึกเป็นหลักฐานว่าคาถาระยะสั้นๆได้หมดฤทธิ์ไปแล้ว

     

     

    เขามองไปยังทางโล่งๆที่ตัวเองเดินตามสองคนนั้นมาเมื่อสักครู่ พลันในใจก็แค่นหัวเราะสิ่งที่เพิ่งทำลงไปมากนัก คำพูดร้ายกาจพวกนั้นพ่นออกจากปากเขาอย่างนั้นหรือ เพียงเพื่อเสียดสีคิมจงอินให้ต้องอับอายและตัดสินใจเดินหนีไปเพราะทนฟังไม่ไหวอีกแล้ว ทั้งหมดดูเป็นเขาดีชะมัด เป็นผู้ชายบ้านสลิธีรินที่ไม่น่ามีแง่ดีในหัวใจและพร้อมจะทำสิ่งน่ารังเกียจได้ทุกเมื่อ

     

     

    ใช่ เขาเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาเมื่ออยู่ต่อหน้าสนิชสีแดงลูกนั้น

     

     

    คนแบบที่โลกนี้ต้องการ สลิธีรินต้องการ และคิมจงอินต้องการ

     

     

     

     

    TBC

     

     

     

     

    ---------------------------------------------------

     

    เขียนตามคำชวนของมิกกี้ (@irishxmm) เพราะวันนั้นคุยกันเรื่อง(คู่จิ้นใน)แฮร์รี่ พอตเตอร์ค่ะ

    แล้วก็เกิดอารมณ์อยากลั่นขึ้นมาแบบง่ายๆเลย พอสร็จงานก็จัดซะ

    แต่เนื่องจากยาวกว่าที่คิด ขอแบ่งเป็นสองตอนจบนะคะนะ อิอิ

    ชอบไม่ชอบยังไง คอมเมนท์เป็นกำลังใจ หรือติดแท็กถึงกันได้ที่ #oharhafic นะคะ


    RED SNITCH ถูกเขียนเป็นเรื่องยาวแทนนะคะ

    ตามไปที่ลิงค์นี้ได้เลย! http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1467687

     

     

     

     

     

     

     

    M
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×