คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ▲ sekai | VANILLA (1/2)
VANILLA
OHSEHUN l KIMJONGIN
- OHARHA -
(1/2)
คิมจงอินกำลังประสบปัญหาครั้งใหญ่ ตั้งแต่ที่หลวมตัวไปกับคำสารภาพรักของโอเซฮุน
“ทำไมหมู่นี้เซฮุนถึงได้สนิทกับจงอินนักล่ะ”
“อ๋อ เรากำลังคบกันน่ะ”
สาบานได้ว่านาทีนั้น คิมจงอินพาตัวเองกลับเข้าไปในห้องน้ำแทบไม่ทัน เมื่อบทสนทนาทางด้านนอกกำลังกรีดล้วงความเป็นชายให้มลายหายไปจากตัวเขาอย่างช้าๆ ยิ่งได้ยินน้ำเสียงตื่นตระหนกตกใจจากกลุ่มหญิงสาวต่างห้องด้วยแล้ว เหมือนกับว่าอนาคตนักเลงโตที่สั่งสมขึ้นมาจากการต่อยตีชนะอันธพาลต่างโรงเรียนจะพังทลายลงในพริบตา
"อย่าล้อกันเล่นสิ คิมจงอินคนนั้นเนี่ยนะ...”
“ผมพูดจริงนะ”
อยากวิ่งเข้าไปฉุดกระชากลากถู เย็บปากหมอนั่นติดกันไว้ไม่ต้องพูดอีกตลอดชีวิต แต่ก็นั่นแหละ ลำพังจะโผล่หน้าออกไปทั้งที่ตัวเองกำลังเป็นประเด็นยิ่งไม่กล้าเลย ขืนข่าวที่ว่าเขาคบกับผู้ชายด้วยกัน แถมยังเป็นไอ้หนุ่มสำอางตัวขาวที่ดีแต่ทำตัวเป็นขวัญใจสาวอย่างนั้นด้วยแล้ว -- ป่นปี้ไม่มีชิ้นดี คิมจงอิน!
“เอ้า ไหนว่าจะไปรอข้างนอกไงวะจงอิน แล้วมายืนเกาะประตูทำไม ขวางทาง” ไม่ทันขาดคำ โอเซฮุนและกลุ่มสาวๆก็หันมามองทางเขาเป็นตาเดียวหลังจากเสียงของปาร์คชานยอล เพื่อนในกลุ่มผู้สร้างสถานการณ์อันตรายโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ จงอินอยากแน่ใจว่าหน้าเขาไม่ได้มีริ้วแดงก่ำหรือแสดงความหวั่นไหวออกมา ในเมื่อเซฮุนกำลังส่งยิ้มระยิบระยับและดีใจอย่างเหลือล้นกับความบังเอิญในครั้งนี้
“บังเอิญจังเลยจงอิน”
“อืม” ตอบแบบขอไปทีเพื่อไม่ให้เป็นผิดสังเกตในสายตาสาวเจ้านัก แต่ช่วยได้ที่ไหนล่ะในเมื่อพวกหล่อนจ้องเขาสลับกับคนข้างๆตาเป็นมัน ทั้งคงอยากเปิดปากถามความในใจเต็มแก่แล้ว
“มีอะไรกันวะ” ชานยอลเกาแขนเสื้อแกรกๆ เออ จะไปไหนก็ไปเลยเถอะเพื่อน
“จริงเหรอจ๊ะที่...” สาวหนึ่งในนั้นกระอักกระอ่วน โธ่เอ๊ย เสือกเป็นน้องจูฮยอน คนที่น่ารักที่สุดประจำห้องเอด้วย “ทั้งคู่คบกัน”
“ห้ะ คู่ไหน” ชานยอลขมวดคิ้ว ก่อนจะเบือนหน้าตามสายตาอีกสามสี่คู่มาจนถึงเพื่อนรักข้างตัว “จงอิน” เลยไปถึงไอ้หน้าหล่อที่ยืนยิ้มไม่มีความหมาย “กับเซฮุน?”
“ใช่เลย!!!” พวกหล่อนตอบอย่างพร้อมเพรียง
“อ้าว” จงอินหน้าซีดเผือด หนำซ้ำไอ้ชานยอลยังคล้ายจะเปลี่ยนฝั่งไปสู่ความอยากรู้อยากเห็นอีกต่างหาก “จริงดิ มึงไม่เห็นบอกกูเลยอะจงอิน”
ห่านี่ ไม่เสือกได้ไหมล่ะ
“มึง... กับไอ้เซฮุน...”
โว้ย เงียบเลย
“โห ถ้าอย่างนั้นใครเป็นคนเสียบวะนี่?”
****
ไม่นานนัก ข่าวลือยิ่งแพร่สะพัดออกไปอย่างหยุดไม่อยู่เมื่อต้นข่าวก็คือตัวโอเซฮุนเอง อยากจะบ้าตาย จงอินไม่รู้ว่าเขาต้องทำตัวอย่างไรด้วยซ้ำเวลาที่เห็นมันมายืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คอยโบกมือให้ระหว่างรอเปลี่ยนคาบ นี่ขนาดอยู่คนละห้องนะ ยังหาเวลามาระรานกันอยู่ได้
“เซฮุนมันมารอที่หน้าห้องอีกแล้วว่ะ” ชานยอลทำตัวเป็นมิตรที่ดีด้วยการหันไปยิ้มแห้งๆและโบกมือตอบใครอีกคน ในขณะที่เป้าหมายแท้จริงยังคงเอาแต่นั่งโค้งตัวจนหน้าผากแทบติดโต๊ะขณะเค้นเสียงทุ้มลอดไรฟัน
“เออ”
“นี่พวกมึงคบกันจริงๆเหรอวะ” คนถามขมวดคิ้ว มาถึงขั้นนี้แล้วอะไรต่อมิอะไรก็ยังไม่เข้าเค้านัก ดูเอาเถอะว่าคนเป็นแฟนกันประสาอะไรจะพยายามหลบหน้าหลบตาอีกฝ่ายขนาดนี้ “เอาเหอะ ต่อให้จริงไม่จริงยังไง แต่มึงจะไม่ออกไปหามันหน่อยเหรอวะ”
“เดี๋ยวถึงคาบต่อไปเมื่อไร มันก็ไปเองอะ” จงอินปัด
ชานยอลเงียบ หากเสียงฮือฮาที่ดังขึ้นก็ไม่ได้ทำให้คนฟอร์มจัดเอะใจว่าใครคนหนึ่งเริ่มหมดความอดทนเต็มทีแล้ว มือเรียวสวยนั้นวางทาบลงบนโต๊ะ เรียกรั้งความสนใจให้คิมจงอินเงยหน้าขึ้นมองโดยไม่มีทางเลือก และนั่น โอเซฮุนผู้เป็นเจ้าของยิ้มแป้นราวเทพบุตร ทว่าริมฝีปากเอ่ยคำขอร้องกลายๆซึ่งจงอินไม่รู้จะขัดขืนอย่างไร
“จงอิน ออกไปด้วยกันสักเดี๋ยวสิ”
เขากลืนน้ำลายดังเอื้อก ไม่ใช่เพราะกลัวคนตรงหน้าแต่เพราะสายตาทุกคู่กำลังจ้องมองมาราวกำลังลุ้นมวยคู่เอกต่างหาก เอาเป็นว่าตั้งแต่ข่าวเขาคบกับไอ้กร๊วกนี่ดังเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ ก็ไมมีสักคนที่กล้าปลีกแถวยาวเหยียดจากโต๊ะสัมภาษณ์เซฮุนแล้วมาถามเอากับตัวคิมจงอิน อ้อ เว้นไอ้ชานยอลไว้คนแล้วกัน
ส่วนนาทีนี้ ตอนนี้ ถ้าไม่ยอมออกไปก็คงมีแต่แพ้ราบคาบ
“เออ มึงนี่ยุ่งยากจริง”
ร่างโปร่งสมส่วนลุกขึ้นเดินนำเทพบุตรประจำโรงเรียนด้วยบุคลิกนักเลงเก่า จงอินไม่รู้ว่าเซฮุนมีเรื่องอะไรที่ต้องการคุยกับเขานัก แต่หาที่ที่ไม่ต้องมีใครมาคอยสอดไว้ก่อนแหละดี เพราะคาบเรียนใหม่คงเริ่มขึ้นแล้ว เขาถึงเลือกสถานที่ที่ง่ายและใกล้ที่สุดอย่างห้องน้ำชาย ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก ใจเต็มไปด้วยความหงุดหงิดตลอดเวลาที่ถูกข่าวลือบ้าๆนั่นเล่นงาน
“มีอะไรก็ว่า --” ทันทีที่หันกลับไป ทั้งร่างก็ถูกรั้งให้เข้าไปในห้องน้ำเล็ก หนำซ้ำโอเซฮุนยังปิดประตูลงกลอนเสียเรียบร้อยโดยไม่ถามความเห็นเจ้าของสถานะแฟนมันเลยแม้แต่นิดเดียว “อะ... อะไรของมึงอีกเนี่ย”
จงอินจำต้องถอยจนนั่งลงบนฝาชักโครก ในขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาเปื้อนรอยยิ้มค่อยๆโน้มเข้ามาใกล้ในขณะที่สองมือก็ขนาบข้างคร่อมเขาเอาไว้ ท่าทางล่อแหลมแบบนี้มันไม่ดีเลย ไม่ใช่ว่าที่มันเรียกเขาออกมาก็เพราะ...
“คิดถึง” เซฮุนพูดเสียงเรียบขัดกับรอยยิ้ม “ตั้งแต่ที่คนอื่นรู้เรื่องเรา จงอินก็เอาแต่เลี่ยงผมตลอดเลย”
อีกครั้งที่เขากลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก ปล่อยก้อนเหนียวหนืดนั้นลงไปสู่ท้องอย่างยากเย็น “ไม่ได้เลี่ยง”
“เหรอ?” ยังมีหน้ามาถาม ก็ที่ตอบไปน่ะเชื่อไหมวะ ถ้าไม่เชื่อก็ไม่ต้องถามอีก “แต่ทำไมผมไม่ค่อยเจอจงอินเลยล่ะ ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้น --”
“อย่าพูดมันออกมา”
มือสีแทนทาบปิดริมฝีปากสีชมพูสดเอาไว้ก่อนคำพูดเสียดหูจะถูกเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างไม่กระดาก ให้ตายเถอะ! จงอินไม่เข้าใจว่าทำไมเซฮุนต้องพูด ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่ชอบก็ยังหาเรื่องกวนโมโหกันอยู่เรื่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งไอ้สายตาวาววับและการแกะมือเขาออกไปกุมไว้แบบนี้ บอกไปตั้งหลายรอบแล้วแท้ๆว่าอย่าทำ มันรู้สึกแปลกโว้ย!
“ขอร้องสิ” ปากของเซฮุนขยับ ไม่แค่ออกมาเป็นคำเมื่อครู่แต่ยังเลื่อนเข้ามาจนประกบริมฝีปากเขาไว้อย่างเอาแต่ใจ มันดูดดุนและเรียกร้องให้จงอินเผยอรับ สยบความดื้อด้านและเปลี่ยนร่างที่สูงไล่เลี่ยกันให้หมดสภาพในวงแขน ลมหายใจนั้นทั้งรุนแรง จาบจ้วง กวาดตวัดเรียวลิ้นไปทั่วทุกส่วนและรดลมหายใจอุ่นๆทางจมูกแทนที่จะยอมให้เราผละจากกันเพื่อกอบโกยอากาศหายใจ
หากผ่านไปสักพักจงอินก็ต้องพยายามผลักออก เมื่อขาของเขาข้างหนึ่งถูกยกขึ้นเกี่ยวเอาไว้ข้างลำตัวอีกฝ่าย หนำซ้ำเซฮุนยังบีบบังคับกรามเขาไม่ให้ถอยหน้าหนีไปไหนด้วย
“กูต้องเข้าเรียนคาบต่อไป”
“ทีตอนโดดเรียนล่ะไม่เห็นจะพะวงอย่างนี้เลย” เซฮุนเลิกคิ้ว ซึ่งเชื่อเถอะว่าแม่งโคตรยียวนเกินกว่าจะเข้ากันดีกับใบหน้าเทพบุตรของมัน “เดี๋ยวเลิกเรียนก็หนีผมกลับบ้านอีก ไม่ทำตอนนี้แล้วจะให้ทำตอนไหน”
หากเมื่อข่าวลือถูกเชื่อว่าเป็นไปได้ คำถามมากมายจึงผุดตามกันมาเหมือนดอกเห็ด ปริศนาในความสัมพันธ์แปลกประหลาดระหว่างผู้ชายที่น่าจับตามองสองคน คนหนึ่งคือเจ้าชายแสนสุภาพ ผู้เต็มไปด้วยไมตรีจิตรและมนุษยสัมพันธ์ดีงาม ทว่าอีกคนกลับเป็นอันธพาลซึ่งต่อยตีเก่งเป็นที่หนึ่ง หยาบกระด้างและพร้อมจะขู่ฆ่าคนอื่นด้วยสายตากร้านโลก
“คิดว่าใครเป็นรุกเป็นรับเหรอ...”
“มันก็ต้องจงอินแน่นอนอยู่แล้ว เธอดูเวลาเขาต่อยตีสิ น่ากลัวจะตาย”
“กรี๊ดๆ เหมือนในการ์ตูนวายเลยอะ”
“โธ่เว้ย... มารยาทไม่มีกันหรือไงวะ”
คิมจงอินโยนช้อนพลาสติกที่หักคามือลงข้างกล่องข้าว ใบหน้าที่ไม่รับแขกอยู่แล้วยิ่งถมึงทึงจนแม้แต่คนที่ชินกับมันยังสัมผัสได้ถึงความไม่สบอารมณ์ครั้งใหญ่ จะว่าไปก็เกือบสัปดาห์มาแล้วที่ปาร์คชานยอลเดินผ่านบทสนทนาแบบนี้ในหลายๆวง แต่พอจะตั้งตนเป็นคนที่สงสัยบ้าง ก็มีอันต้องเจอจงอินตวาดแล้วเงื้อมือจะซัดหมัดตัดความเป็นเพื่อนจากกันทุกทีไป
“มึงก็ปล่อยๆให้เขาพูดกันไปเถอะน่า ตอนนี้ก็แค่สนุกปากกันเท่านั้นแหละ”
“สนุกกับผีน่ะสิ กูนี่จะบ้าตายอยู่แล้ว”
เพื่อนตัวสูงถอนหายใจ เอื้อมมือมายีหัวคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามก่อนจะผลักเบาๆ “แล้วห้ามได้หรือไงล่ะ ขนาดตอนกูรู้ยังงงตึ้บไปเลย”
ได้ยินเสียงเรียกแว่วๆดังมาจากอีกโต๊ะ ครั้นจงอินหันไปมอง ก็พบว่าเป็นอีกตัวต้นเหตุและกลุ่มเพื่อนของมันที่พากันโบกมือให้เขาหยอยๆ รู้สึกเหมือนปรอทอารมณ์ในหัวขาดผึง เพราะนอกจากโอเซฮุนจะดูไม่สะทกสะท้านแล้ว มันยังปล่อยให้เพื่อนหัวเราะร่าและแซวกันอย่างออกรสโดยไร้ความกระดากอายอีก
หลายครั้ง เซฮุนทำให้จงอินรู้สึกเหมือนกำลังโดนปั่นหัวไม่มีผิด ไม่ว่าจะตอนที่มันสารภาพรัก จูบเขาครั้งแรก หรือลงมือทำเรื่องอย่างว่าเหมือนตายอดตายอยากมาจากที่ไหน หนำซ้ำยังชอบพูดคำหวานๆไม่รู้จักเวล่ำเวลา ถ้าไม่เป็นเพราะเขาเมาบุหรี่ของไอ้ชานยอล โอเซฮุนแม่งก็คงเมายาแหงๆ
“เยด... จงอินเขาเมินมึงใหญ่เลยว่ะ คบกันจริงปะเนี่ย”
เซฮุนหัวเราะไม่ใส่ใจ ทั้งหมดทั้งมวลที่เพื่อนมันพูดออกมานั้น คนโต๊ะใกล้ๆอย่างจงอินได้ยินชัดเจนดี เขาเกลียดการถูกแซว แต่ก็เป็นเรื่องเกินควบคุมเพราะไม่สามารถไปไล่ต่อยใครได้จริงเมื่อถูกพูดไม่เข้าหู ความสนใจขยายวงกว้าง และคงจะมีแต่ไอ้ชานยอลที่ยังนึกถึงจิตใจของเพื่อนมันด้วยการไม่ผันตัวเองเป็นหนึ่งในคนพวกนั้น หรือมันอาจจะอยาก แต่กลัวเขาตัดเพื่อนเข้าจริงๆ
“จะหาว่าเสือกก็เอาเถอะนะเซฮุน แต่พวกกูเถียงกันมาพักใหญ่แล้ว ถ้าไม่ได้ถามมึงตรงๆแม่งคาใจว่ะ”
“มึงกับจงอินนี่... ใครเป็นรุกวะ?”
เซฮุนเงยหน้าจากถาดอาหาร นิ่งคิดแล้วว่าคงไม่มีผลกระทบอะไรแล้วจึงเอ่ยตอบตาใส
“ก็ต้องเป็น -- อุ้บ”
หากมือขนาดที่คุ้นเคยก็แปะลงบนปากเขาได้ทันท่วงที น่าตกใจนิดหน่อยที่พอหันหลังไปก็เห็นว่าเป็นคิมจงอิน ยอมลุกมาถึงตรงนี้ เอามือแปะปากเขาต่อหน้าคนอื่นๆ เป็นอะไรที่เหนือคาดแล้วก็ชวนให้ดีใจชะมัดเลย
“จงอิน...” อีกฝ่ายชักมือกลับเหมือนโดนน้ำร้อนทันทีที่เขาแตะกลับ ใบหน้าจงอินขึ้นริ้วสีแดงอีกแล้ว หากคิ้วก็ขมวดมุ่นและปากเม้มคว่ำจนคนมองชะงักไป ทำไมต้องทำหน้าโมโหขนาดนั้น ใครไปทำอะไรให้ไม่พอใจอีก
“เลิกพูดเรื่องนี้สักทีได้ไหมวะ”
เจ้าของเสียงทุ้มไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา คิมจงอินเสียงดังพอให้ทุกคนในบริเวณนั้นได้ยิน ไหล่ลาดสั่นเทา เมื่อชานยอลลุกตามมาสมทบก็พากันเดินออกไปจากโรงอาหารโดยทิ้งความเงียบกริบไว้ตลอดทาง คำถามมากมายผุดขึ้นเมื่อจงอินเดินออกไป ทั้งล้วนแต่พุ่งเป้ามาหาโอเซฮุนซึ่งเป็นคนที่น่าจะรู้เรื่องนี้ดีที่สุด
ทว่าชายหนุ่มกลับรู้สึกแย่เหลือเกิน เพราะเขาไม่รู้อะไรเลย
TBC
อยากเขียนเซไค แล้วก็อยากเขียนอะไรแบบการ์ตูนไฮสคูลอีก
เลยเกิดมาเป็นเรื่องนี้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะชอบกันไหม ฮ่าๆ
ขอฝากฟิคเรื่องนี้เอาไว้ และขอกำลังโดยการคอมเมนท์หรือติดแท็ก #oharhafic
ขอบคุณค่ะ
ลิ่วกล่องยิมนาสติก
ความคิดเห็น