ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic - singular # season choice # Sincere-Over

    ลำดับตอนที่ #14 : Season....14 ^^

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.6K
      3
      1 พ.ค. 55

     

              สายลมกระทบใบหน้า ถึงแม้จะเย็นแต่มันไม่สดชื่น บรรยากาศตอนเย็นๆ  อย่างนี้ รู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก...ผมยกยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัวเมื่อคิดถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผ่านมา...

                ผมไม่เคยคิดว่าน้ำตามันเหมาะกับคุณ 

                ไม่ว่าตอนนี้จะรู้สึกเหงาแค่ไหน แต่อยากจะยิ้มกับความรู้สึกดีๆ ไม่อยากร้องไห้...ถึงแม้ต้องอยู่แบบสับสน และต้องทนกับความคิดถึงแค่ไหนก็ตาม ยกมือขึ้นจับแหวนที่ห้อยออยู่ที่คอ สายตามองโพ้นขอบฟ้า ที่กว้างไกลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ...บ้านป่าเพียงฟ้า...จะอยู่ตรงโพ้นขอบฟ้าตรงนั่นหรือเปล่า...สิ่งที่ผ่านเข้ามาเหมือนความฝัน ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนตั้งตัวไม่ทัน แม้กระทั่งความรู้สึก...ว่ารัก...

                ....ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน...จะมีผมตลอด...เว้นแต่ว่าอยากจะลืมผมและไม่อยากเจอกันอีก....รักนะ...ซินเซียร์ของผม

                รักเหมือนกันนะนายน้อย..ไม่มีวันลืม และอยากเจอ ที่สุด..  ยิ่งคิด...ความรู้สึกผูกพันยิ่งผูกมัด และรัดแน่นอยู่ในหัวใจ.....ความอบอุ่นจากฝ่ามือ...รอยกอดจากกายกรุ่น รอยรักที่ย้ำเตือนว่าถูกจับจองทั้งตัว..และหัวใจ..

                ตื๊ด ๆ

                / คิดถึงกันอยู่ใช่มั๊ย / 

                มองหน้าจอแล้วยิ้มกว้าง ใจเต้นและรู้สึกว่าความเหงาที่มีแทนที่ด้วยไอของความปลื้มปริ่ม ไล่มองข้อความอีกหลาย ๆ รอบ เพื่อจดจำทุกตัวอักษร ก่อนจะกดลบ แค่เก็บไว้ด้วยความทรงจำที่จดจำด้วยหัวใจ

                / คิดถึง..แล้วเหมือนกันไหม /

                พิมพ์ข้อความแล้วกดส่ง มือสั่น...เป็นครั้งแรกที่อยากได้รับคำตอบเร็วๆ  สูดหายใจเข้าลึก ๆ อยากได้คำตอบที่มันจะหล่อเลี้ยงจิตใจ ที่เต็มไปด้วยความอ้างว้างเพราะความคิดถึง

                /ที่สุดครับ../

                แค่นี้แหละที่ต้องการ แค่นี้ก็รู้สึกว่าตัวอักขระเหล่านี้กำลังซึมเข้าไปทำให้หัวใจชุ่มชื่น ความสุขจากสิ่งที่รอคอยและรับรู้ว่ามีอยู่จริงมันเป็นอย่างนี้เอง ไล่ลบข้อความเข้าและออกทั้งหมด...ก่อนจะก้มมองสวนด้านล่างที่มีดอกกุหลาบขาว ปลูกอยู่เป็นกลุ่มอย่างสวยงาม หยุดยิ้มไม่ได้ ถึงแม้จะไม่สวยเท่าไร่ซินเซียร์ แต่มันก็ทำให้สบายตาและซึมซับความทรงจำต่างๆ  ที่ผ่านเข้ามาได้.....

                สูดอากาศเข้าปอดอีกรอบ ก่อนจะเดินมานั่งบนเก้าอี้ตรงหน้ากระดาษสีขาวที่จัดไว้ก่อนหน้านี้ หยิบดินสอที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมาเริ่มลงมือร่างโครงสร้างบางอย่างที่ยังติดค้างไว้....เหมือนว่าภาพนั้นผุดขึ้นลอยเด่นอยู่ในหัว...อย่างน้อยๆ  ก็อยากทำอะไรที่เกี่ยวพันกับสิ่งที่คิดถึงบ้าง...อยากวาดภาพที่คน ๆ นั้นต้องการให้ผมเป็นผู้สรรสร้าง...ภาพของ ..บ้านเพียงฟ้า...

                                        *****************************************

                ถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนที่จะก้าวลงจากรถ วันนี้ผมต้องไปพบคนที่ความรู้สึกผมบอกว่า...ไม่อยากเจอ..คุณเรย์ .....เพราะต้องเอาเอกสารการฝึกงานไปให้ทางบริษัทเซ็นต์รับรองการฝึกงาน จะเรียกว่าไปขอร้องก็ได้ เพราะตั้งแต่กลับผมก็ไม่ได้ไปไหนนอกจากพี่ป้องกับคุณพ่อพาไป....ผมยืนชั่งใจอยู่หน้าห้อง รู้ว่าคุณพ่อมาคุยกับคุณเรย์แล้ว แต่ผมก็ไม่รู้จะเผชิญหน้าแบบไหน...ยิ่งไม่มีพี่แพรอยู่ด้วย เพราะลาคลอดไปแล้ว...ส่วนปริมเห็นว่าเข้าไปนั่งแทนที่ผมในห้องคุณเรย์

                อ้าว ซิน...มาทำไมเหรอ  ผมเปิดเข้าไปหลังจากที่เคาะประตู ก็เห็นปริมนั่งอยู่บนโซฟาในห้อง แต่ไม่ใช่ในชุดนักศึกษา เพราะการฝึกงานสิ้นสุดลงเมื่อวาน ปริมใส่ประโปรงสั้นและเสื้อที่โชว์ไปถึงไหนต่อไหน ผมส่งยิ้มให้ แต่ไม่ตอบคำถาม

                ถ้าจะมาหาคุณเรย์ ก็คงต้องรอคิวนะ เพราะฉันมาก่อน ถ้าจะให้ดีออกไปรอข้างนอกก็ได้ เพราะคุณเรย์คงอยากอยู่กับฉันสองต่อสอง  เสียงที่เน้นคำว่าสองต่อสอง และน้ำเสียงที่จีบปากจีบคอพูด ทำเอาผมต้องเสหน้ามองไปทางอื่นอย่างเบื่อหน่าย...ไม่บอกก็รู้ว่าต้องการประกาศให้ทราบว่าเขาสองคนกำลังมีอะไรแบบที่มันพิเศษระหว่างกันอยู่

                ถ้ายังไงรบกวนบอกคุณเรย์ด้วยว่าผมมาหา  อีกฝ่ายเชิดหน้าใส่ อย่างน่าหมั่นไส้ แต่ก็ไม่อยากใส่ใจ เจออย่างนี้ยิ่งรู้สึกว่าน้ำใจ และจิตใจคนบ้านป่างามกว่ามากโข...

                ...ซิน..  ผมชะงักมือที่กำลังจะบิดลูกบิดประตูออกไป หันตัวมองก็เห็นคุณเรย์เดินออกมาจากห้องน้ำ ก่อนจะหันมองปริมที่ลุกขึ้นเดินเข้าไปคล้องแขนคนที่พึ่งเดินออกมา

                พอดีผมเอาเอกสารมา รบกวนให้คุณเรย์ช่วย เอ่อ.. กระดากปากที่จะบอกว่า ใช้ช่วยเซ็นต์ให้ผ่านการฝึกงาน ทั้งที่มาฝึกแค่ไม่กี่วัน...

                อ๋อ ผมรับปากคุณพ่อคุณไว้แล้ว เชิญครับ

                คุณเรย์คะ คือปริม

                ออกไปรอข้างนอก  เสียงทุ้มนิ่งและดึงแขนตัวเองจากแขนเรียวที่เกาะไว้ ทำเอาปริมหน้าเหวอ ก่อนจะหันมามองผมจิก ๆ

                นั่งสิซิน..  เดินไปนั่งตามคำเชิญ ปริมยังยืนอยู่ที่เดิมทั้งที่คุณเรย์เดินมานั่งบนเก้าอี้ของตัวเองแล้ว และไม่ได้มีท่าทีจะหันไปสนใจคนที่ยืนอยู่

                ผมบอกให้ออกไปรอข้างนอก  คุณเรย์พูดขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้ามองปริมด้วยสายตาดุดัน จนปริมต้องรีบออกจากห้องไป

                คุณเป็นยังไงบ้าง ผมเป็นห่วงคุณแทบแย่ ผมถอยมือตัวเองออกจากมือใหญ่ที่เอื้อมมาจับมือผมทันที ที่ผมจับเอกสารขึ้นวางบนโต๊ะ

                ไม่เป็นไรครับ ไม่แปลกถ้าคุณเรย์จะรู้เรื่องนี้.....

                ซิน...ผมเป็นห่วงคุณจริง ๆ นะ ท่าทีและน้ำเสียงจริงจังขึ้นมาจนผมต้องมองหน้าคนที่พูด ก่อนจะรีบค้นเอกสารออกมาวางไว้....

                รบกวนคุณเรย์ด้วยครับ คุณเรย์มองหน้าผมนิ่ง แล้วหยิบเอกสารไปเซ็นต์อย่างเสียไม่ได้  ก่อนจะส่งคืนให้....หน้าหล่อดูหงุดหงุดจนคิ้วเข้มชนกัน....

                เอ่อ งั้นผมขอตะ..

                คุณไม่คิดจะตอบแทนอะไรผมบ้างเหรอ  ต้องชะงักคำพูดขอตัว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเม้มปากเข้าหากัน..ตอบแทนเหรอ อะไรล่ะ...รู้สึกลำบากใจอย่างบอกไม่ถูก

                เย็นนี้ไปดูหนังกับผมได้ไหม ผมจะโทรหาคุณชัยอนันต์เอง

                เอ่อ...คือ..  ผมกำมือที่วางตรงหน้าขาตัวเอง ทำไมถึงรู้สึกว่า...ไม่ควรไป แต่ผมจะปฏิเสธยังไง

                ไม่ได้เหรอซิน นี่คุณรังเกียจผมหรือไง

                เปล่าครับ...ถ้า คุณเรย์สะดวก ก็แล้วแต่ ยังไงก็ได้ครับ ริมฝีปากหนายกยิ้ม ก่อนจะเอนตัวพิงเก้าอี้ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที

                ผมฟังคุณเรย์และคุณพ่อสนนทนากันอยู่ครู่ใหญ่ ตลอดเวลาก็มีสายตาคมนั่นคอยจ้องผมอยู่จนอึดอัด ไม่นานคุณเรย์ก็วางสาย ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวใหญ่แล้วเดินเข้ามาหาผม

                ไปเถอะครับ กว่าจะเย็นเราไปหาอะไรทานกันก่อนดีกว่า ผมลุกตามแรงฉุดที่ข้อมือ ก่อนจะบิดออกจากมือใหญ่ เมื่อลุกขึ้นเรียบร้อยแล้ว

                คุณเรย์คะ ปริม..

                ผมว่างแล้วจะโทรหา  คุณเรย์เดินผ่านปริมอย่างไม่สนใจในท่าทางของอีกฝ่าย แต่ด้วยความเกรงใจหรือเกรงกลัวอะไรซักอย่างให้เธอได้แต่ส่งสายตาจิก ๆ มาใส่ผมที่เดินตามคุณเรย์....จะอะไรมากมาย ไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับใคร แต่ท่าทางของเธอก็ทำให้ผมต้องถอนหายใจทำหน้าเบื่อ ๆ ใส่ให้รู้ว่าผมไม่ได้ปลื้มอะไรกับท่าทางไม่งามนั่นเท่าไหร่...ก็มันน่าเบื่อจริงๆ  กับคนอย่างนี้...

                คุณเรย์พาผมมาที่ห้างที่ไม่ไกลจากบริษัทเท่าไหร่ และตัวผมก็เคยมากับเพื่อนแต่ไม่กี่ครั้ง ระหว่างทางก็ไม่ได้สนทนาอะไรกันเหมือนอีกฝ่ายก็รู้ว่าผมไม่ค่อยชอบคุยกับตัวเองเท่าไหร่

                พอดีเลย วันอาทิตย์นี้ผมมีงานเลี้ยง ผมนัดรับชุดที่ห้างนี้ตั้งแต่เมื่อวาน ยังไงต้องรบกวนซินไปกับผมด้วยละกัน

                อ่อ ครับได้ พยักหน้ารับ ก่อนจะเบี่ยงมือหลบมือใหญ่ที่เอื้อมมาหามือผมที่ละลงจากการเสยผมที่เข้ามาเคลียหน้าตัวเอง ทำเอาอีกฝ่ายดูหน้าเสียเล็กน้อยแต่ก็ยังยิ้มให้ปกติ ก่อนจะเดินนำเข้าไปในห้าง....

                คุณเรย์สวัสดีค่ะ มาด้วยตัวเองเลย เชิญค่ะ ชุดพร้อมแล้วค่ะ อยู่ด้านใน

                ขอบคุณมาก  ร่างสูงตรงหน้ารับไหว้และพยักหน้ารับกับสาวสวยที่ออกมาต้อนรับ ก่อนจะหันมาหาผมเป็นนัยว่าให้เดินตามเข้าไป

                น้องชายเหรอคะ ตอนแรกนึกว่าคุณเรย์ควงสาวที่ไหนมา หน้าตาน่ารักเชียว

                ครับ น้องชาย..รบกวนเอาชุดเข้าไปที่ห้องลองห้องใหญ่ด้วยนะครับ  ผมยิ้มให้หญิงสาวที่หันมามอง มันคงจะดีถ้าคนที่เดินนำออกไปจะคิดกับผมแค่..น้องชาย..ไม่ใช่ว่าไม่รู้ แต่เลี่ยงไม่ได้

                ค่ะ เชิญคุณเรย์ตามสบายค่ะ  เมื่ออีกฝ่ายรับปาก ผมก็ต้องเดินตามคนตัวสูงนั่นไปที่ประตูบานใหญ่ที่มีอยู่ในร้าน...

                คุณเรย์ครับ ผมขอรอข้างนอกนะครับ เข้าไปคุณคงไม่สะดวก

                ทำไมล่ะ คุณจะได้ช่วยผมดูด้วยไง...ไม่ต้องกลัวหรอก เราไม่ได้อยู่กันสองคน มีคนของทางร้านอยู่ด้วย...เข้าไปเถอะ  เหมือนจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ แล้วผมมีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธ ...และถ้ารู้ว่าผมคิดอะไร ก็ไม่ควรชวนผมมาตั้งแต่ตอนแรก...

                ในที่สุดก็ยอมเดินเข้ามาในห้องลองชุดที่คุณเรย์บอกว่าเป็นห้องใหญ่ ก็ใหญ่จริงๆ  คงจะไว้ต้อนรับเจ้าใหญ่นายโตที่เข้ามา เพราะเห็นรูปถ่ายคนดังและคนใหญ่คนโตหลายคนที่เข้ามาใช้บริการแปะฟิวเจอร์บอร์ดที่หน้าร้าน....แอร์เย็นฉ่ำจนน่านอน ...พนักงานเปิดประตูตามเข้ามาทันทีที่ผมกับคุณเรย์เข้าไปในห้อง ก็ดี...ผมเลือกที่จะนั่งรอบนโซฟาชุดเล็กในห้อง หยิบหนังสือแบบเสื้อต่างๆ ขึ้นมาดูไปพลางๆ  ระหว่างที่คุณเรย์กำลังเปลี่ยนเสื้อ เงยหน้าขึ้นมองก็ต้องรีบก้มลงดูนิตยสารในมือเหมือนเดิม ก็คนที่กำลังลองเสื้อเล่นแก้เสื้อออกทั้งหมด จนท่อนบนเปลือยเปล่า เห็นกล้ามเนื้อสมส่วน .....ถ้าลองกางเกงจะแก้ท่อนล่างด้วยไหมเนี่ย...

                พอดีไม๊คะ   เจ้าของร้านที่ไปต้อนรับในตอนแรกเปิดประตูเข้ามา ก่อนจะได้ยินเสียงถาม แต่ผมก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมอง

                ซินว่าไงครับ เป็นไงบ้าง

                เอ้อ..ดีครับ...  จะให้บอกว่าไง แต่ก็ต้องยอมรับท่าทาง การวางตัว และร่างกายสูงโปร่งใส่ชุดไหนก็คงต้องยอมรับว่าดูดี....คิดแล้วก็พาลนึกไปถึงอีกคน...

                ซิน ..ซิน!”

                ครับ!...มีอะไร นี่ผมเผลอคิดถึงคนอีกคนจนเหม่อ ขนาดนี้เลย...

                รบกวนคุณช่วยติดปลดกระดุมให้ที ผมว่ามันแน่นๆ  ขยับแขนลำบาก  ผมก็ว่ามันน่าจะพอดีนี่นา แต่ก็ต้องลุกขึ้นไปหาคนที่ยืนอยู่....เจ้าของร้านส่งยิ้มให้ผมก่อนจะถอยหนีจากที่ข้างๆ คุณเรย์....

                ขอบคุณครับ  เสียงทุ้มกระซิบอยู่เหนือหัวผม ทันทีที่ผมลงมือปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตข้างในหลังจากที่ถอดสูทตัวนอกออกแล้ว...

                ครับ  แทบจะติดสปีดที่มือ เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจงใจก้มหน้าลงมาแทบจะชนกับหน้าผมอยู่แล้ว..แค่กระดุมไม่กี่เม็ดทำเอาผมใจแทบขาด...ลมหายใจอุ่นๆ  เป่ารดแก้มผมอยู่...

                หอมจัง 

                เสร็จแล้วครับ  เสียงกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู ทำให้ผมแทบจะกระชากกระดุมเม็ดสุดท้ายออก...ทำเอาโล่งเมื่อปลดเม็ดสุดท้ายได้ รีบถอยออกมาจากตรงที่ยืนอยู่ ผมก็ว่าผมยืนห่างในตอนแรก แต่กลายเป็นผมแทบจะอยู่ในอ้อมกอดของอีกคน....

                รบกวนช่วยแก้ด้วยนะครับ แล้วจะให้คนมาเอา ชุดที่ลองถูกส่งคืนให้เจ้าของร้านคนสวยที่ยืนรอและมองอยู่ ....ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้เขินอายกับการที่คุณเรย์เปลือยท่อนบนนี่ซักนิด ....คุณเรย์รับเสื้อเชิ๊ตของตัวเองที่ใส่ในวันนี้มาใส่... สายตาคมมองมาหาผมที่นั่งรออยู่...ทำไมต้องมาทำให้รู้สึกอึดอัดขนาดนี้ด้วย....

                ไปทานข้าวกันเถอะครับ แล้วค่อยไปซื้อตั๋วหนังกัน

                ครับ ผมรับคำแล้วถือวิสาสะเปิดประตูออกมาก่อนคนที่ยังใส่เสื้อไม่เสร็จ

                จะให้ชมว่าสวยหรือน่ารักดีล่ะคะ คุณเรย์นี่ช่างเลือกจริง ๆ  เสียงแว่วของหญิงสาวเจ้าของร้านดังออกมาจากในห้อง ก่อนที่ประตูที่ผมเปิดออกมาจะปิดลง....เฮ่อ..มันคงจะดีถ้าผู้หญิงคนนี้จะไม่คิดอะไรมากกว่าที่ผมเป็นน้องชายคุณเรย์อย่างที่บอกตอนแรก....

                คุณเรย์กับน้องให้เกียรติถ่ายรูปไว้โชว์หน้าร้านได้ไหมคะ

                ยินดีครับ คุณเรย์พยักหน้ารับ ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้ผมที่ยืนรอเตรียมตัวจะออกจากร้านแล้ว...มองเจ้าของร้านที่เดินไปหยิบกล้องโพราลอยด์ออกมา ทำให้ผมต้องเดินเข้าไปยืนข้างคุณเรย์ที่พยักหน้าเรียกเข้าไปหา

                ชิดกันนิดนึงค่ะ 

                .............. ได้แต่ยืนนิ่ง ๆ ให้คนที่สูงกว่าโอบเอว... พร้อมกับโน้มใบหน้าเข้ามาให้เสมอกัน....มันจะชิดมากไปไหมผมจำต้องส่งยิ้มอย่างเสียไม่ได้ให้กล้องที่จ้องจะถ่ายอยู่.... รูปนี้จะต้องถูกเอาไปโชว์หน้าร้าน..ตอนนี้ผมคงทำให้แค่ถอนหายใจ...ทำไมอะไร ๆ ต้องทำให้ผมต้องมาอยู่ใกล้ๆ  กับผู้ชายคนนี้ด้วย...อึดอัดและลำบากใจอย่างที่สุด ผมคิดว่าเขารู้ว่าผมคิดยังไง......

                ผมกับคุณเรย์มานั่งอยู่ร้านอาหารฝรั่งเศสร้านนึงในห้าง บรรยากาศตกแต่งหรูหราพอสมควร ไม่ได้หิวซักนิด แต่ก็นั่งตามมารยาท...

                คุณเรย์สวัสดีครับ 

                อ้าว คุณนรินทร์ สวัสดีครับ ผมหันมองคนที่เข้ามาทักทายคุณเรย์....คงเป็นคนในวงการกรุ๊ปเวย์ เพราะเห็นการ์ดมาด้วย แต่วันนี้คุณเรย์ไม่ให้การ์ดมาด้วย...ให้เหตุผลว่า อยากอยู่กันสองคน...

                นี่ ถ้าผมจำไม่ผิด ลูกชายคนเล็กของคุณชัยอนันต์ไม่ใช่เหรอครับ เคยเห็นตอนงานเลี้ยงต้อนรับคุณเรย์ เสียงทักทายที่กล่าวอ้างทำให้ผมต้องยกมือไหว้ในที่สุด

                ใช่ครับ..พอดีวันนี้ว่างๆ  ก็เลยพามาทานข้าวกันน่ะครับ คำบอกเล่าทำให้อีกฝ่ายเลิกคิ้วสูง ก่อนจะกลายเป็นหัวเราะเสียงดัง....คำพูดแปลก ๆ ทำให้ผมอยากจะลุกออกจากตรงนี้.....

                ผมไม่กวนละครับ... เวลาส่วนตัวของคุณทั้งที ผมนึกแล้ว คุณนี่ใช่เล่นนะครับ..ขอตัวครับ

                ตามสบายครับ  คุณเรย์จับมือร่ำลากับผู้ชายที่เข้ามาทักทาย ก่อนจะนั่งลงแล้วส่งยิ้มให้ผม เหมือนกับสิ่งที่พูดคุยกันเป็นเรื่องธรรมดา....แต่ว่ามันพิเศษยังไง... ผมจะบอกว่าห้ามให้คนตรงหน้าพูดสองแง่ สามง่ามให้คนอื่นคิด มันก็จะกลายเป็นผมร้อนตัวและตีโพยตีพายเกินเหตุหรือเปล่า...

                เป็นอะไรครับ ทำหน้าเหมือนไม่พอใจอะไร

                ไม่เป็นไรครับ รีบเบี่ยงหน้าหลบมือใหญ่ที่ยื่นมาลูบแก้มผมอย่างถือวิสาสะ คนในร้านรวมถึงพนักงานมองมายิ้ม ๆ เหมือนกับเจอฉากเจ้าแง่ แม่งอนอะไรซักอย่าง....

                ขอโทษ...ผมแค่เป็นห่วง สีหน้าสลดนั่น มันดูเสแสร้งจนผมต้องถอนหายใจ และก้มหน้ามองเมนูเครื่องดื่มตรงหน้าต่อ ไม่ได้สนใจคนที่นั่งตรงข้ามกันอีก...

                การกินข้าวเป็นไปอย่างเงียบที่สุด ดูเหมือนคุณเรย์เริ่มที่จะรับรู้อะไรบ้างว่าผมไม่พอใจสิ่งบางสิ่งที่เขาทำออกมา ตอนนี้ผมขอตัวมาเข้าห้องน้ำ มองหน้าตัวเองในกระจกแล้วต้องหายใจรอบที่ร้อยสำหรับวันนี้...ถ้าจากวันนี้คงไม่มีเหตุการณ์อะไรที่ต้องทำให้ผมมาตกอยู่ในสภาวะความกดดันอย่างนี้หรอกน่า...จัดการล้างมือ เช็ดมือ ก่อนจะสะพายกระเป๋าสะพายข้างแล้วเปิดประตูห้องน้ำเพื่อจะเดินออก  พอดีกับที่มีคนเดินสวนเข้ามา...

                กำลังคิดอะไรอยู่เหรอครับ

                อ๊ะ! นี่ ปะ ปอ....นัท….”   ผมเซตามแรงเกี่ยวกระหวัดที่เอวจากคนที่เดินสวนเข้ามา ตกใจจนใช้มือแกะแขนที่เกี่ยวรอบเอวนั่นออกแทบจะทันที แต่น้ำเสียงคุ้น ๆ ทำให้เงยหน้าขึ้นไปมองคนที่กอดเอวผมอยู่ ก่อนจะดันผมเข้ามาในห้องน้ำห้องที่ใกล้ที่สุด....

                คิดถึงจังครับ

                ฮึก!..คิดถึงเหมือนกัน.. กลับกลายเป็นกอดตอบคนที่ทำให้ตกใจในตอนแรก... ความรู้สึกมันโล่งอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตั้งแต่อยู่กับคุณเรย์จนถึงเมื่อครู่ ...อึดอัด...กดดัน แต่ทันทีที่รู้ว่คนที่กำลังกอดผมอยู่เป็นใคร...มันปลอดโปร่งและรู้สึกปลอดภัย.....เผลอสะอื้นออกมา ดีใจ...ตื้นตัน...เพราะคิดถึง... เพราะต้องการ.

                ร้องไห้อีกแล้ว...

                ฮึก..คิดว่า จะ ไม่ได้ เจอ กันแล้ว  เสียงเครือจนอีกคนยกยิ้ม แล้วยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลออกมาให้ รอยยิ้มที่เจือจางไปด้วยความอบอุ่น และรับรู้ถึงสายตาปลอบโยนที่ส่งมายิ่งทำให้น้ำตาไหลไม่หยุด

                ฮึก! อยาก ฮืออ เจออ ผมซุกหน้าตัวเองกับอกกว้างก่อนจะปล่อยให้ตัวเองร้องไห้อย่างกลั้นไม่อยู่ เสียงที่พูดอู้อี้จนแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่ผมรู้ว่านัทฟังได้อย่างชัดเจน และผมก็รับรู้ว่าอ้อมกอดนี้ ว่าทำให้ผมคลายทุกข์ได้….

                ผมบอกแล้วไง ว่าผมจะอยู่กับคุณตลอด...หยุดร้องไห้เถอะครับ ยิ้มสิ ยิ้มให้ผม...  ค่อย ๆ กลั้นเสียงร้องไห้ และพยายามหยุดการสะอื้น ก่อนจะเงยหน้าออกจากอกแกร่งนั่น

                ขอบคุณครับ  ค่อย ๆ ส่งยิ้มให้นัททั้งที่รู้สึกว่าหน้าตัวเองยังมีน้ำตาเคลียอยู่  นัทพูดก่อนที่หน้าหล่อจะก้มลงมาแล้วค่อย ๆ ฝังจมูกลงที่หน้าผากผม...ลืมได้หมด ความกังวล และร้อนใจ ที่ผ่านมา...

                เป็นยังไงบ้าง แล้วทุกคนล่ะ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านมานานเท่าไหร่.... ตอนนี้ผมนั่งคล่อมคนที่นั่งอยู่บนฝาชักโครก (ขอให้ทุกคนคิดท่าออก 555 / อิไรท์) ....ผมเกลี่ยแก้มเนียนของอีกคนเล่น ก่อนมือใหญ่ของเจ้าของแก้มจะมาจับมือผมไปคลอเคลียแถวจมูกตัวเอง...

                ทุกคนสบายดี และเฝ้ารอคุณกลับไป...ส่วนผมไม่มีอะไรให้คิดอะไรมาก นอกจากคิดถึงคุณ.. สายตาที่มองทำเอาเขิน...แต่ก็ส่งยิ้มไปให้..ก่อนจะวาดแขนกอดคอนัทแล้วซบลงไปใช้คางเกยที่บ่ากว้าง...ก่อนหน้านี้ผู้ชายคนนี้คือคนที่ร้าย และ เลว ในสายตาผม แต่ตอนนี้กลับเป็นคนที่ผมต้องการที่จะอยู่ใกล้ และรู้สึก รัก ...ความรักที่เข้ามาอย่างไม่ตั้งตัว รู้อีกทีก็เต็มหัวใจ...

                ไปเถอะครับ   นัทบอกทันทีที่โทรศัพท์ผมดังขึ้น เหมือนรู้ว่าใครโทรเข้ามา และผมก็รู้ว่าใคร  นัทรู้ใช่มั๊ยว่าผมมากับใคร

                ซินเลี่ยงไม่ได้

                ครับผมรู้..แล้วเจอกันในโรงหนังนะ...เราจะได้ดูหนังด้วยกัน...รักนะ  ผมมองตาคนที่บอกรัก แววตาที่ส่งความรู้สึกที่บอกออกมาอย่างชัดเจน

                อื้ม..  ยอมเผยอ ริมฝีปากรับจูบที่ประทับลงมา ริมฝีปากเรียวบดเบียดลงมาเหมือนโหยหา แต่ก็อ่อนหวานจนแทบจะลืมหายใจ ลิ้นหนารุกเข้ามาในโพรงปาก อดไม่ได้ที่จะส่งลิ้นเข้าเกี่ยวพันกับลิ้นร้อนนั่น...ลืมแทบทุกอย่าง...ต้องการ...โหยหาเหมือนกัน

                อึก แฮ่ก...  แทบจะขาดอากาศหายใจ ไปกับจูบที่ดูดดึงทุกอย่าง....เหมือนอีกคนจะรู้ ถึงยอมถอนจูบออก....รู้สึกว่าหน้าตัวเองเห่อร้อน...และริมฝีปากที่รู้สึกว่าหนัก ๆ เพราะแรงดูดดัน...เงยหน้าสบตาหวานฉ่ำของอีกฝ่ายที่กำลังมองผมอยู่ ก็รีบก้มหน้างุดลง ...เขิน...

                เจอกันไปโรงหนังครับ  ผมไม่รู้หรอกว่าจะเจอกันยังไง แต่ยังไงก็ช่าง ขอให้ได้เจอ....แต่ผมเชื่อว่านัทฉลาดพอที่จะไม่ออกตัวอะไรแรงๆ เพื่อให้เป็นจุดเด่นแน่...

                อืม....  รับคำ ก่อนจะก้าวขาออกจากการนั่งคล่อมอีกคน...ผมเปิดประตูห้องน้ำแล้วเดินออกมา นัทเดินตามออกมาติด ๆ ในห้องน้ำไม่มีใครเลย...ดีจัง....

                แล้วเจอกันครับ ผมพยักหน้ารับ มองคนที่หันมายิ้มให้แล้วเปิดประตูออกไปก่อน...ถอนหายใจก่อนจะยิ้มออกมาบ้าง....ต้องขอบคุณคุณเรย์หรือเปล่าที่ชวนผมมา....เพราะไม่งั้นผมคงไม่ได้ออกไปไหนแน่ๆ  ในช่วงนี้ เว้นแต่พี่ป้องกับคุณพ่อจะพาไป....

                ไปไหนมาครับ...รีบเข้าไปเถอะ ผมซื้อตั๋วไว้แล้ว  ผมมองคนที่ยืนเด่น จนสาว ๆ พากันหันมอง ยิ่งผมเดินเข้ามายิ่งมองกันไปใหญ่ ผมรีบพยักหน้ารับ

                ไปครับ  ดึงมือตัวเองออก แต่มันไม่ออก... อีกคนจงใจจับมือผมแล้วเดินไปด้วยกัน...สัมผัสเมื่อครู่จากนัทกับสัมผัสจากคนคนนี้มันคนละเรื่องเลย....

                ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในโรงหนังตรงกลาง ๆ เรื่องนี้อาจจะสนุกหรือยังไงไม่รู้ คนเต็มทุกที่ยกเว้นที่ข้าง ๆ ผม แต่ผมไม่ได้สนใจ สายตากวาดมองหาคนที่สัญญาว่าจะเข้ามาดูหนังด้วยกัน...

                หนังฉายได้เกือบ 10 นาทีแล้ว หนังอังกฤษพากษ์ไทยเนื้อเรื่องเป็นโรแมนติกคอมเมดี้ หนังตลาดที่กำลังขายดี เสียงหัวเราะมีอย่างต่อเนื่อง ตาผมจับจ้อง แต่ใจผมกับพะว้าพะวง...นัทอยู่ไหนนะ....

                ...!!....”  ตกใจก่อนจะยกยิ้มอย่างดีใจ...จู่ ๆ ก็มีมือใครซักคนจับมือผมที่วางอยู่ที่หน้าขาตัวเอง ไปกุมไว้..แม้จะมืดแค่ไหน แต่ผมก็รู้ว่าใคร....ฮู๊ดเสื้อแขนยาวถูกปิดทับหัว ได้แต่มองเสี้ยวจมูกที่โด่งเป็นสันที่โผล่ออกจากหมวกฮู๊ด...หันมองคุณเรย์ที่มองจอหนัง...ไม่ยักรู้ว่าจะชอบดูหนังแนวนี้....ผมไม่พูดอะไร นอกจากกระชับมือที่จับอยู่ให้แน่นขึ้น ตาจ้องจอหนังต่อ....ผมนั่งกุมมือนัทจนหนังจบเรื่องเหมือนกับว่าเรามาด้วยกัน....ความเย็นจากแอร์ในโรงหนังทำอะไรผมไม่ได้เลย ทั้งที่เป็นคนขี้หนาว

                ไปไหนต่อไหมครับ คุณเรย์คุยกับผมระหว่างที่เดินออกจากโรงหนัง นัทลุกออกไปก่อนแล้ว....

                คงไม่ครับ ซินอยากกลับบ้าน

                ตามใจครับ...  ผมมองมือใหญ่ที่จับมือผมให้เดินตาม...อยากจับก็จับไปสิ แต่ยังไงซะก็ไม่มีทางทับรอยกรุ่นจากมืออีกคู่ได้อย่างเด็ดขาด

                ผมกลับถึงบ้านเกือบจะ 3 ทุ่ม เห็นรถพี่ป้องกับคุณพ่อจอดอยู่หน้าตึก....ก่อนจะเดินขึ้นบ้าน แล้วตรงเข้าห้องทันที...ยังทันได้วางกระเป๋า ผมก็กดเปิดฟังข้อความเสียง เมื่อมีสัญญาณเตือนที่โทรศัพท์ภายในห้อง...

                / ไม่ได้! /

                / แล้วทีคุณพ่อปล่อยให้ซินไปกับคุณเรย์นั่นล่ะครับ/

                /แกอย่ายุ่ง  พ่อบอกแกแล้วใช่มั๊ยว่า ทำทุกอย่างนี่ก็เพื่อแก /

                /แม้แต่การที่ต้องเอาซินเข้าไปเกี่ยวข้อง คุณพ่อครับ /

                / แกไม่ต้องเดือดร้อน...แกเป็นลูกพ่อนะ ..แค่เดินตามที่ขีดให้ก็พอ /

                / แต่ผมรักซิน...คุณพ่อรู้มาตลอด...รักตั้งแต่รู้ว่าซินไม่ใช่น้องผม /

                 ใจผมตกวูบ เหมือนมีใครมาฉกชิงช่วงลมหายใจออกไป....ผมไม่ใช่...ไม่ใช่น้องพี่ป้อง...มันคืออะไรกันแน่...เสียงสัญญาณตัดไป ผมทรุดนั่งลงบนเตียง...นี่ผมฟังไม่ผิดใช่มั๊ย แล้วข้อความเสียงที่ฝากไว้ นี่มันมาจากไหน  ถ้าผมไม่ใช่น้องพี่ป้อง แล้วผมเป็นใคร...แล้วรักที่บอกมันหมายถึงแบบไหน....สิ่งที่เกิดขึ้นรวดเร็วจนไม่ตั้งตัวทำให้ผมงุนงง และสับสนอย่างที่สุด....

                กริ๊งงงงงงงงง!  กริ๊งงงงงงงง!!

                สะดุ้งจนสุดตัวก่อนจะยกหูโทรศัพท์ เครื่องที่ได้ฟังข้อความเมื่อครู่ขึ้น

                ซินครับ

                ไม่ลงมาทานข้าวเหรอครับ  เสียงพี่ป้อง...

                ซินทานมาแล้วครับ...พี่ป้องกับคุณพ่อทานไปเถอะครับ.  ผมกรอกเสียงลงไป ใจยังเต้นไม่หายจากการที่สะดุ้งตกใจเมื่อครู่ และเหมือนว่าความแคลงใจ ต่างๆ  เริ่มเกาะกุมหัวใจ....

                ทำไมล่ะครับ!!”

                คือซิน..  เสียงพี่ป้องดุดันขึ้น จนผมตอบไม่ถูกว่าทำไม...ความจริงแล้วผมก็ไม่ได้กินอะไรมาหรอก..แต่ความรู้สึกตอนนี้มันบอกว่า อยากอยู่คนเดียวมากกว่า

                เอ่อ.... คงทานกับคุณเรย์มาสินะ ไม่เป็นไรหรอก งั้นซินพักผ่อนเถอะ  เสียงพี่ป้องอ่อนลง ก่อนจะวางสายไป....ผมมองรูปคุณแม่ที่ตั้งอยู่ที่หัวเตียง...หลังจากที่วางโทรศัพท์ลงแล้ว...เอื้อมมือไปหยิบรูปผู้หญิงที่ผมรักที่สุดในโลกมา ก่อนจะลูบไล้กรอบกระจกตรงใบหน้าสวยหวานนั่น...

                ซินสับสนจังเงยครับคุณแม่...ซินกำลังเจอกับอะไรครับ...หรือว่าคิดมากไปเอง   ล้มตัวลงนอนพร้อมกับกอดกรอบรูปคุณแม่ไว้แนบอก...รู้สึกว่า...เหมือนมีแค่ตัวเอง...เหมือนตัวคนเดียว..หรือเปล่า..

                ตึ๊ด..ตึ๊ด

                / ฝันดีครับ..ฮงยี้ของผม /  ผมอาจจะคิดมากไปเองก็ได้..หรืออาจจะมีอะไรจริงๆ  แต่ผมก็ยิ้มได้ในทุกสถานการณ์...ถ้ามีคน ๆ นี้...

                / ครับนายน้อย...ฮงยี้คิดถึงและรักนายน้อยนะ/  กล้าที่จะบอกกล้าที่จะพิมพ์คำว่า รัก ที่ไม่เคยคิดว่าจะใช้กับนายน้อยแห่งนอร์ธเวย์ได้....

                อมยิ้มกับเหตุการณ์ที่เจอมาในวันนี้ และย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่บ้านป่า เหมือนน้ำเย็น ๆ ลูบไล้ร่างกายที่ลุ่มร้อน...รู้สึกสบายใจ...และมีไอของความสุขอบอวลอยู่ในหัวใจ...ถึงแม้ว่าในใจลึก ๆ คือความวุ่นวายจากเรื่องมากมายที่ได้เจอก็ตาม

     

                Note #   ตอนนี้เอาแบบ เบาๆ  เนอะ ไม่รู้จะสมกับที่รอคอยกันไหม เพราะงานเยอะเบลอไปหมด แต่ก็เต็มที่แล้วเน้อ.... ขอบคุณทุกเมนท์จ้า รักสุดใจ...เรื่องนี้จะบอกว่าดำเนินมาเกินครึงแล้ว สนุกไม่สนุกก็เมนท์บอกกันได้น้า....http://www.facebook.com/sincere.over   สำหรับคนที่ยังไม่รู้จ้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×