ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [iKON] Lazy Story : ฟิคเรื่อยเปื่อย [Yunhyeong & Junhoe ft. DongJin]

    ลำดับตอนที่ #10 : [B] YUNHYEONG : First Meet

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 58


    14/11/2015

     YUNHYEONG : First Meet


    ---------------------------------------------






    ...ซงยุนฮยอง กำลังรู้สึกกังวล...

     

    ปกติเขาเป็นคนพูดเก่งเข้ากับคนได้ทุกเพศทุกวัยไม่ว่าจะเด็กน้อยตัวเล็กหรือผู้ใหญ่สูงอายุ ราวกับมีออร่าความเป็นมิตรเคลือบตัวไว้ยามเข้าใกล้ แต่ครั้งนี้แอบคิดว่าออร่าของเขาจะใช้ได้ผลไหมนะ

     

    ...ในเมื่อเป็นครั้งแรกที่เขาจะได้เจอครอบครัวของจุนฮเว...

     

    หลังจากตกลงปลงใจหรืออาจจะเพราะเขาบังคับ แต่ กูจุนฮเว ก็ยอมย้ายจากหอพักของตัวเองมาอยู่ด้วยกัน ปลุกตั้งแต่เช้ากว่าจะลากออกจากเตียงยากยิ่งกว่าปลุกเด็กห้าขวบไปเรียน แต่วันนี้เป็นวันดีเขาจะไม่บ่นอีกฝ่าย เก็บของทำความสะอาดห้องของจุนฮเวไม่นานก็โบกมือลาหอพักที่ไว้หลับนอนมาตลอดหนึ่งปี ขับรถกลับมาเก็บและจัดของในห้องของเขาจนบ่ายแก่ๆซึ่งตอนนี้กลายเป็นห้องของเราโดยสมบูรณ์

     

    นับจากวันนี้จะได้อยู่ร่วมกัน นอนเตียงเดียวกัน กินอาหารเช้าพร้อมกัน เพียงแต่คำถามเดียวทำให้ฝันหวานของเขาในวันนี้สะดุดเล็กน้อย

     

    "พี่จะขนฟูกกับราวตากผ้าไปเก็บที่ห้องของผมวันนี้เลยไหม? ผมจะได้โทรบอกแม่ว่าจะกลับไป"

     

    คบกันมาเกือบครึ่งปีเขายังไม่เคยไปบ้านหรือเจอหน้าคนในครอบครัวของจุนฮเวเลยสักครั้ง รู้แค่ว่าห้องขอครอบครัวกูอยู่บนคอนโดห่างจากที่นี่ไกลอยู่ พี่สาวแต่งงานแล้วตอนนี้อยู่บ้านของสามี ที่ห้องจึงเหลือแค่คุณพ่อคุณแม่กับน้องหมาหนึ่งตัวและครอบครัวของจุนฮเวรับรู้ว่าเขาเป็นแฟนของลูกชายคนเดียวของบ้าน

     

    จินตนาการไปตลอดทางระหว่างขับรถ หวังว่าพ่อแม่ของจุนฮเวคงไม่ต่างจากพ่อแม่ของเขา คนที่บ้านเขารักจุนฮเวราวกับลูกชายอีกคนถึงแม้จะพูดน้อยไปหน่อยเพราะยังไม่คุ้นเคยแต่ท่าทางการกินทุกอย่างที่แม่เขาทำไว้บนโต๊ะอย่างเอร็ดอร่อยสร้างความประทับให้กับครอบครัวเขาอย่างดี มิวายยังชวนให้แฟนเขาไปกินข้าวที่บ้านทุกอาทิตย์หรืออย่างน้อยเดือนละครั้ง

     

    "ไปไรวะพี่ นั่งเงียบมาตลอดทาง วันนี้ต้องรีบทำงานส่งหรือเปล่า?"

     

    นิ่งเงียบจนผิดสังเกตุ เงียบขนาดคนที่ไม่ค่อยสนใจอะไรอย่างจุนฮเวยังรู้สึกแปลกไป

     

    "เปล่าๆ คิดอะไรเรื่อยเปื่อยนิดหน่อย ตึกตรงหน้านั่นใช่ไหม?"

     

    กลืนน้ำลายด้วยความยากลำบากพลางมองอีกฝ่ายกดรหัสเข้าห้องอย่างชำนาญ ในใจเต้นรัวอย่างตีกลอง นี่ไม่ได้กำลังจะไปสมัครงานหรืออะไรสักหน่อยทำไมตื่นเต้นขนาดนี้หว่า รู้สึกเครียดจนเสาเหล็กของราวตากผ้าที่กำไว้ชื้นไปด้วยเหงื่อ

     

    "แม่ผมกลับมาแล้ว"

     

    น้ำเสียงดีใจของเด็กได้กลับบ้านเรียกหาคุณแม่ของตัวเองหลังจากเจ้าตัวถอดรองเท้าและเดินเข้ามาโดยไม่รอเขาสักนิด เออ สนใจเขาสักหน่อยก็ดีนะ ลืมไปไหมว่าเขาไม่เคยมาที่นี่ ได้แต่เดินตามเข้ามาพร้อมกับยกราวตาผ้าอย่างทุลักทุเล

     

    "ว่าไงเจ้าลูกชาย"

     

    หญิงวัยประมาณสี่สิบกว่ายังคงสวยไม่สร่างยกยิ้มที่ไม่ต่างจากลูกชายของบ้านทักด้วยเสียงหวานก่อนคุณลูกชายจะโน้มหัวลงมาตามมือทั้งสองข้างของคุณแม่ จูบลงตรงปากด้วยรอยยิ้มกว้างจนเขาแปลกใจว่าอีกฝ่ายมีมุมน่ารักๆแบบนี้อยู่เหมือนกัน

     

    ...ไม่ใช่อะไรหรอกจะจำไว้เพื่อวันหลังเอาไปใช้บ้าง...

     

    "แล้วนี่ยุนฮยองสินะ ดูหล่อเหมือนในรูปเลยนะ"

     

    เป้าสายตาเปลี่ยนมาเป็นตัวเขาจึงทำได้แต่ก้มหัวทำความเคารพคนตรงหน้า

     

    "อ่อ...ขอบคุณครับ ผมซงยุนฮยองแฟนของจุนฮเวครับ เออ...ขอบคุณที่เลี้ยงจุนฮเวจนโตและแข็งแรงขนาดนี้นะครับ"

     

    ดวงตาของคุณแม่ของจุนฮเวโตขึ้นด้วยความประหลาดใจกับท่าทางและน้ำเสียงจริงจังของเขาก่อนหัวเราะออกมา ต่างกับคุณลูกชายกลอกตาแล้วบ่นด้วยน้ำเสียงหน่าย

     

    "พี่พูดอะไรของพี่เนี่ย"

     

    "ทั้งสองคนนั่งดูทีวีที่ห้องนั่งเล่นไปก่อนนะ อยู่รอทานข้าวด้วยกันก่อนกลับ วันนี้แม่ทำแกงเต้าหู้ของโปรดของจุนฮเวไว้เยอะเลย ไว้เอากลับไปกินที่ห้องด้วยล่ะ"

     

    ได้ยินเช่นนั้นจุนฮเวยกยิ้มก่อนตรงเข้าไปหอมแก้มคุณแม่ฟอดใหญ่ให้คุณแม่บ่นเล่นว่าทำตัวขี้อ้อนแต่เรื่องของกินตลอด ยุนฮยองหลุดหัวเราะอย่างสะใจกับสิ่งที่เขาเองก็เจอจนได้รับสายตาขวางกับการเดินชนแทนคำพูดว่าหยุดหัวเราะได้แล้ว อีกฝ่ายหยิบฟูกไปกองไว้ตรงมุมห้องนั่งเล่นและรับราวตากผ้าจากเขาไปวางพิงกำแพงอยู่ข้างกันถึงรับรู้ถึงความว่างเปล่าจากเบาะผ้าผืนใหญ่สีตุ่นบนพื้นห้อง

     

    "แม่เจ้าโกปังไปไหนอ่ะ?"

     

    "พ่อพาไปเดินเล่นเดี๋ยวก็คงกลับมาล่ะ นั่นไงพูดถึงก็มาเลย"

     

    เสียงกดรหัสเข้าห้องและประตูห้องถูกเปิดออก จุนฮเวเดินตรงไปหน้าประตูอย่างไม่รอช้า น้ำเสียงร่าเริงของอีกฝ่ายทักเจ้าโกปังทำให้เขาเดินตามไปยังหน้าประตูเช่นกัน

     

    "โกปังงงงง เจ้าหมาอ้วน ตัวใหญ่ขึ้นอีกใช่ไหม?"

     

    "โฮ่ง!"

     

    ภาพของกูจุนฮเวนั่งคุกเข่าฟัดแก้มเจ้าหมาไปมาดูน่ารักและหายากจนอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้ เพียงแต่ยุนฮยองมัวแต่ยืนอึ้งกับน้องหมาของครอบครัวซึ่งไม่ได้ตรงกับในความคิดของเขาแม้แต่นิดเดียว เขาคิดว่าอยู่พักอยู่บนคอนโดน่าจะเลี้ยงสุนัขพันธุ์เล็กอย่างชิสุหรือมอทิส

     

    ...นี่มันโกลเด้นรีทีฟเวอร์ตัวสูงเกือบครึ่งตัวเขาด้วยซ้ำ...

     

    "หวอออ"

     

    เจ้าหมาที่เห็นคนแปลกหน้าแทนที่จะเห่าเสียงดังแต่กลายเป็นว่าละตัวออกจาอ้อมกอดของจุนฮเวพุ่งเข้าหาเขาแทนเรียกได้ว่าเข้าชาจแบบไม่ทันรู้ตัว หางส่ายไปมาอย่างร่าเริงสุดๆพยายามตะกายใส่เขาเต็มทีจะจนเขาเองเนี่ยล่ะที่ต้องเดินไปหลบหลังจุนฮเวให้อีกฝ่ายเลิกคิ้วอย่างสงสัย

     

    "ไม่ยักก็รู้ว่าพี่กลัวหมา"

     

    "ไม่กลัวหรอก...แค่ไม่เคยเล่นกับหมาตัวใหญ่ขนาดนี้เลยตกใจอยู่ จะว่าไปเขาให้เลี้ยงหมาตัวใหญ่ได้ด้วยหรอ?"

     

    “ได้นะ ถ้าไม่สร้างปัญญากับเพื่อนบ้าน ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เป็นลูกหมา อีกอย่างเจ้านี่มันเห่าใครไม่เป็นหรอก ร่าเริงกับเข้ากับคนง่ายเป็นบ้า”

     

    “เออ อย่างนี้ก---“

     

    “อ่า คุณทำไมซื้อโซจูมาเยอะขนาดนี้”

     

    “ก็วันนี้มีแขกไม่ใช่หรือไง”

     

    เสียงของคุณแม่ของจุนฮเวทักอย่างแปลกใจกับของในถุงสีดำบนโต๊ะทานอาหารที่ชายวัยกลางคนอีกคนใบหน้านิ่งเรียบไม่ต่างอะไรจากเวลาลูกชายของบ้านเวลาอยู่เฉยวางไว้ มัวแต่สนใจกับโดนเจ้าหมาประจำบ้านโจมตีจนลืมอีกคนที่ใช้จังหวะเขาเผลอเดินผ่านพวกเขาสองคนเข้าห้องไปเสียสนิทแถมเป็นคนสำคัญด้วย ได้แต่ยกยิ้มเจื่อนๆอย่างรู้สึกผิดและก้มหัวทำความเคารพเกือบเก้าสิบองศา

     

    "ขอโทษนะครับที่ไม่ทักเมื่อสักครู่ ผมซงยุนฮยองแฟนของจุนฮเวครับ"

     

    "อ่า...อืม..."

     

    ตอบรับเพียงแค่นั้นก่อนความเงียบก็เข้างำบริเวณนี้และอีกฝ่ายเดินออกจากห้องครัวไป นั่งลงบนโซฟาที่ห้องนั่งเล่น ดูท่าออร่าความเป็นมิตรของเขาจะใช้ไม่ได้ผลซะแล้ว อีกอย่างเป็นความผิดพลาดของตัวเองด้วยล่ะ งานนี้ไม่ต้องโทษใครเลยครับ โทษตัวเองล้วนๆ

     

    ...เหลืออีกสองชีวิตที่ต้องผูกมิตรจะไปรอดไหมเนี่ยซงยุนฮยองเอ้ย...
    .
    .
    .

    "ยุนฮยองก็ทำอาหาเก่งเหมือนกันนะ เป็นลูกมือแม่สบายๆเลย ดีกว่าลูกชายแม่ที่กินเป็นอย่างเดียว”

     

    "อ่า ขอบคุณครับ พอดีผมเองก็ช่วยที่บ้านทำงานบ้าง แต่อย่าปล่อยให้จุนฮเวเข้าครัวเลยครับ อาจจะมีคนตายได้"

     

    “พี่เนี่ยล่ะจะตายคนแรก”

     

    เจ้าเด็กที่โดนพาดพิงเบ้ปากก่อนจะกินข้าวพร้อมกับในช้อนตัวเองคำโต บทสนสนาบนโต๊ะอาหารเป็นคุณแม่ของจุนฮเวถามเขาซะส่วนใหญ่เกี่ยวกับตัวเขาบ้างหรือเกี่ยวกับจุนฮเวว่าไปสร้างความเดือดร้อนอะไรให้เขาบ้างไหมร่วมถึงเล่าเรื่องสมัยเด็กของอีกฝ่ายให้คุณลูกชายต้องเงยหน้าจากชามแกงส่วนตัวพูดแก้ตัวในทันที

     

    “แล้วงานเป็นไงบ้างลูก?”

     

    “ยังเรื่อยๆ งานสอนที่โรงเรียนก็ยังดี งานไกด์เสียงพี่มิโนก็มีมาเรื่อยๆ มีเงินอยู่กินได้สบาย อีกอย่างย้ายไปอยู่คอนโดแล้วไม่ต้องจ่ายค่าห้องยิ่งดีไปใหญ่”

     

    “ไปอยู่กับพี่เขาก็ต้องช่วยพี่เขาออกค่ากินค่าอยู่ด้วยสิลูก”

     

    คุณแม่ถึงกับส่ายหัวกับความงกของลูกชายตัวเองทำให้เขาต้องรีบชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน

     

    “ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็มีรายได้พอจ่ายทั้งค่าคอนโดและค่ากินค่าอยู่ของทั้งสองคน”

     

    “ก็ให้จุนฮเวจ่ายค่าน้ำค่าไฟแทน คงพอใช่ไหม?”

     

    “ถ้าแบบนั้นก็ได้ครับ อ่า...ขอบคุณครับ”

               

    ยกแก้วใบเล็กของตัวเองด้วยสองมือขึ้นมารับเครื่องดื่มแอลกอฮอลจากขวดแก้วในมือของคุณพ่อจุนฮเวหลังจากตอบรับข้อตกลงกับอีกฝ่าย หันหน้าไปด้านข้างก่อนกระดกจนหมดแก้ว คุณพ่อไม่ค่อยพูดหรือถามอะไรเกี่ยวกับตัวเขาจะถามแต่กับจุนฮเวซะมากกว่ากับนั่งฟังพวกเขาคุยกันพลางดื่มโซจูไปด้วย

     

    ถึงเขาจะดื่มไปหลายแก้วความจริงต้องบอกว่าหลายขวด คุณพ่อของจุนฮเวเติมแก้วเขาไม่มีพร่อง จะไม่ดื่มก็เสียมารยาท ขอบคุณความคอแข็งและประสบการณ์อันโชกโชนสมัยเรียนมหาลัยล้วนๆแค่นี้ยังไม่ถึงจุดอิ่มแต่พอให้มึนเล็กน้อยทำให้เขาคุณแม่ของจุนฮเวขอให้ค้างที่นี่ถึงเขาและจุนฮเวจะบอกด้วยกันทั้งคู่ว่าเขายังขับรถไหว

     

                ...สุดท้ายจบลงที่คุณแม่เอาแกงเต้าหู้มาขู่ว่าถ้ากลับไม่ให้เนี่ยล่ะคุณลูกชายถึงตอบตกลงในทันที...        

                ซงยุนฮยองนั่งจุมปุกอยู่บนโซฟาด้วยเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นของจุนฮเวหลังจากอาบน้ำเสร็จ ปล่อยให้เจ้าโกปังตรงเข้ามาหาและเอาคางเกยกับตักเขา สองมือเขาลูบหัวมันเรื่อยๆสร้างความคุ้นเคย ก่อนเขาจะลงมานั่งกับพื้นเริ่มกอดฟัดกับเจ้าหมาตัวไม่น้อยที่ตอนนี้ไม่รู้สึกกลัวมันแล้ว

     

                ...เพียงแต่ต้องชะงักเมื่อคุณพ่อของจุนฮเวเดินมานั่งบนโซฟา...

     

                “ไม่ต้องลุกไปไหนหรอก พ่อมีเรื่องจะคุยกับเรา”

     

                นั่งลงข้างอีกฝ่ายจากที่ตอนแรกว่าจะลุกไปห้องของจุนฮเว เจ้าโกปังยกหัวเกยขึ้นตักเขาอย่างเช่นตอนแรกเพียงแต่อยู่นิ่งสงบราวกับรู้ถึงบรรยากาศตึงเครียดเข้าปกคลุมเช่นเดียวกับตัวเขาเองนิ่งเงียบรอให้อีกฝ่ายพูดก่อน

     

                “คงรู้ใช่ไหมว่าสังคมสมัยนี้ก็ไม่ได้ยอมรับคู่รักเพศเดียวกันไปซะทุกคน จะแน่ใจแค่ไหนว่าจะอยู่กันไปโดยที่ไม่เจอปัญหาให้เลิกรากันไปซะก่อน”

     

                นั่นไงล่ะ...คำถามที่เขาคิดไว้เสมอว่าสักวันต้องมีใครถามเขา นี่เป็นคุณพ่อของแฟนเขายิ่งทำให้คิดหนักเข้าไปใหญ่ แต่ในใจเขาพอมีคำตอบอยู่แล้ว

     

    "ความจริง...ผมเองก็เริ่มคิดตั้งแต่ตอนผมคบกับจุนฮเว ผมเองไม่รู้จะขอบคุณอีกฝ่ายยังไงดีการตอบรับความรักของผมนั่นทำให้ผมอยากจะรักษาความรักของเราไว้ให้ดีที่สุด...

     

    ...ผมไม่คงไม่ขอสัญญาว่าจะอยู่กับจุนฮเวตลอดไปเพราะผมเองก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ผมสัญญาว่า ณ ตอนนี้ เวลานี้ แต่วันต่อๆไป ผมจะทำให้เราทั้งคู่มีความสุขให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้...

     

    ...การทำให้เขายิ้มคือความสุขของผมและผมหวังว่าจะทำให้เขายิ้มได้แบบนี้ไปเรื่อยๆเช่นกันครับ"

     

    สายตามมุ่งมั่นและน้ำเสียงจริงจังตอบกลับไปอย่างจริงใจ ชายวัยกลางคนถอนหายใจหนึ่งทีก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

     

    "ตอนแรกพ่อเองก็ตกใจกับการที่จุนฮเวมาบอกว่ามีแฟนเป็นผู้ชาย ลูกชายพ่อบอกว่านี่คือสิ่งที่เขาเลือกคงไม่ขอให้ยอมรับ เพียงแต่ยังไงก็อยากให้พ่อกับแม่รับรู้ในสิ่งที่ตัวเขาเป็น นั่นล่ะพ่อกับแม่ตามใจและสนับสนุนทุกอย่างที่จุนฮเวเลือกมาตั้งแต่เด็กและการที่เจ้าตัวพูดออกมาเองด้วยความมุ่งมั่นพ่อเองก็ไม่อยากจะขัด ยังไงซะชีวิตของตัวเองก็ต้องเรียนรู้และก้าวผ่านไปด้วยตัวเอง..."

     

    "...ในเมื่อยุนฮยองเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตจุนฮเวแล้วเพราะฉะนั้นจากนี้ไปก็ขอฝากลูกชายของพ่อด้วย เจ้านั้นเป็นดูภายนอกเป็นคนหัวแข็งไม่ค่อยยอมใคร แต่ความจริงแล้วเป็นคนจิตใจอ่อนโยน ค่อยๆเรียนรู้กันและกัน ค่อยๆใช้ชีวิตไปด้วยกันและมีความสุขไปด้วยกันจนถึงวันนั้นล่ะ"

     

    "ขอบคุณมากครับ ผมเองก็จะดูแลเขาให้ดีที่สุดเหมือนกัน ขอฝากตัวกับคุณพ่อเช่นกันครับ"

     

    รอยยิ้มอย่างอบอุ่นและมือที่ตบลงมาตรงไหล่ของยุนฮยองทำให้เขานึกถึงเวลาปรึกษาปัญญากับพ่อของเขา พ่อแม่ก็หวังว่าจะให้ลูกขอตัวเองได้มีความสุขและใช้ชีวิตต่อไปอย่างมั่นคง โกปังยกหัวขึ้นจากตักของเขาก่อนเดินทางห้องครัวและนั่งลงหยุดอยู่ตรงทางเดินแล่บลิ้นราวกับกำลังรอใครสักคนซึ่งคุณพ่อดูท่าจะรู้ว่าใครกำลังเดินมาถึงได้พูดขึ้นอย่างลอยๆและเสียงดัง

     

    "อีกอย่างนะ มีใครบางคนโทรมาบอกให้พ่อทำหน้าตาขึงขังต้อนรับแขกซึ่งพ่อเองก็เหนื่อยล่ะ ไว้วันหลังพาพ่อกับแม่ไปร้านที่บ้านเราบ้างนะ พ่อไปนอนล่ะ"

     

    มองเจ้าเด็กตัวสูงเดินเช็ดผมเข้ามาพร้อมกับเจ้าหมาตัวใหญ่ กอดพ่อของตัวเองพลางบ่นอุบอิบให้คุณพ่อเขกหัวไปทีนึงก่อนอีกฝ่ายจะไปนอน ส่วนเขาก็ได้แต่ยกยิ้มกริ่มทำหน้าล้อเลียนให้แฟนของตัวเองเบ้ปากใส่พลางลากเขาให้ไปนอนเช่นกัน

     

    "จะไม่นอนด้วยกันจริงอ่ะ?"

     

    "เตียงโคตรแคบจะนอนด้วยกันทำไม ผมไม่อยากโดนพี่ถีบตกเตียงหรอก"

     

    "โหยยย จะทิ้งให้พี่นอนในห้องนายคนเดียวกับโปสเตอร์ไมเคิลแจ๊กสันเนี่ยนะ"

     

    เพราะว่าเตียงที่ห้องนอนของจุนฮเวนอนคนเดียวได้สบายๆแต่กับผู้ชายสองออกจะเบียดเกินไป เจ้าของห้องเลยตัดสินใจจะไปนอนที่ห้องของพี่สาวและทิ้งให้แขกของบ้านนอนกับซีดี หนังสือเกี่ยวกับดนตรีและภาษาอังกฤษบนชั้นกับโปสเตอร์ไมเคิลแจ็กสันเต็มกำแพงห้อง

     

    "กอดหมอนข้างไปซะ อีกอย่างเดี๋ยวก็จะได้นอนด้วยกันทุกวันแล้วจะเอาอะไรอีก"

     

    "แสดงว่านายอยากนอนกับพี่ทุกวันอยู่แล้วใช่ไหม?"

     

    เปิดประเดนมาเขาถึงกลับตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว ณ เวลานี้ในสายตาของกูจุนฮเวคงกำลังเห็นซงยุนฮยองหูตั้งหางกระดิ๊กไม่ต่างกับเจ้าโกปังเวลาเห็นขนม อีกฝ่ายได้แต่กลอกตาเหมือนกับทุกทีที่พูดอะไรออกไปแล้วพลาดท่าและจับหมอนข้างปาใส่ตัวเขา

     

    "คิดไปเองทั้งนั้น นอนซะ"

     

    “มาจุ๊บๆก่อนเร็ว”

     

    “พี่ไม่ใช่แม่ของผม อย่—“

     

    เพราะไม่ใช่คุณแม่ของจุนฮเว เพราะฉะนั้นการใช้สองมือโน้มหัวเด็กตัวสูงกว่าให้ลงมารับจูบแสนหวานคงเป็นสไตล์ของซงยุนฮยอง นั่นมีจูบตอบกลับมาด้วย ชอบล่ะสิท่า...

     

    "ไปนอนไป ฝันถึงพี่ด้วยล่ะจุนฮเว"

     

    "ฝันไปเถอะ"

     

    มองอีกฝ่ายเดินตรงไปยังประตูห้องพร้อมปิดไฟให้เรียบร้อยก่อนเขาเองจะล้มตัวลงนอนเช่นกัน ถึงวันนี้จะจบลงที่ยังต้องนอนแยกกันแต่การได้รับการยอมรับจากคนในครอบครัวของจุนฮเวนั่นถือว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เขาฝันดีในคืนนี้ได้อยู่ อย่างว่ายังมีพรุ่งนี้ มะรืนนี้ อาทิตย์นี้ และวันต่อๆไปตราบใดที่เรายังอยู่ด้วยกัน เราก็จะได้นอนอยู่ข้างกัน...

     


    ...อืม แต่แค่ข้างกันคงไม่พอ ขอโลภอีกนิดเป็นเขานอนกอดอีกฝ่ายแล้วกันนะ...




    Talk:  ความจริงเป็นพล็อตที่คิดไว้นานแล้วเหมือนกัน พอรีไรต์ฟิคสองเรื่องก่อนแล้วเหตุการณ์นี้มันต่อกันพอดีเลยเอามาลงต่อเลยแล้วกัน ฟิคเปื่อยนี่เปื่อยสมชื่อเลยเขียนเรื่อยเปื่อยมากดูไม่มีอะไรเท่าไร เรื่อยๆจริงๆ แต่สนุกนะ สนุกตรงไปเรื่อยๆเนี่ยล่ะ คู่นี้เขาชีวิตดีกินดีอยู่ดีค่ะ -..- ไว้เจอกันตอนหน้านะคะ

     

    #ฟิคเปื่อย

    。SYDNEY♔

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×