คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
คุณเคยรู้สึกอ้างว้างบ้างไหม?
รู้สึกเหงา ท้อแท้ ไร้ซึ่งความหวังและหมดความต้องการที่จะมีชีวิต ณ ตอนนี้ ฉันกำลังรู้สึกเช่นนั้น สองมือของฉันเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดสีแดงฉาน สมองยังคงมึนงงและว่างเปล่า ยามจรดปลายสายตาไปยังร่างทั้งสามที่นอนเหยียดนิ่ง หลับใหลอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ฉันยืนอยู่ ทว่าแตกต่างกันตรงที่ฉันยังคงมีชีวิตและลมหายใจ ส่วนพวกเขากลับโดนคลุมด้วยผ้าผืนยาวสีขาวก่อนจะโดนกลุ่มคนที่ฉันไม่รู้จักยกร่างของพ่อ แม่ และพี่ชายของฉันหายลับไปจนไกลลับสายตา จากไป...อย่างไม่มีวันหวนคืน
2 วันก่อนเกิดเหตุ
“นี่ๆพี่พัฒน์” นิ้วเล็กๆของรมย์ชลีจิ้มลงบนต้นแขนของพี่ชายที่กำลังก้มหน้าก้มตาปลูกต้นไม้อยู่ริมรั้ว “ปิดเทอมนี้ ตัวเองว่าเราไปเที่ยวทะเลกันดีไหม? น้องลีอยากไปนอนค้างที่สวนสนฯล่ะ สนใจป่ะ?”
ดวงหน้าคมสันซึ่งเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อแหงนเงยขึ้นมองน้องสาวที่กำลังยืนค้ำหัวเขา พร้อมด้วยเจ้าหมาน้อยพันธุ์ปั๊กหน้าตามู่ทู่ในอ้อมแขนอย่างเซ็งๆ เพราะเป็นครั้งที่ 10 ของวันแล้วก็ว่าได้ที่น้องสาวตัวน้อยเฝ้าคอยแต่หาแนวร่วมชวนบิดามารดาให้พาไปเที่ยวทะเล
“ไม่ไป”
เอ่ยตอบชัดถ้อยชัดคำ พลางแกะถุงดำนำกล้าไม้ปลูกลงบนหลุมที่ตนเองขุดเตรียมไว้
“ทำไมล่ะ?”
เสียงใสๆเริ่มมีแววขุ่นมัว ตากลมโตเหลือบมองพี่ชายอย่างไม่ชอบใจ
“ขอบอกเป็นครั้งที่ร้อย ว่าพี่จะชวนพ่อกับแม่ไปนอนค้างคืนที่น้ำตก!”
“ไม่เอานะ พี่พัฒน์ขี้โกงนี่!”
ว่าพลางปล่อยมือจากเจ้าสุนัขตัวน้อยลงสู่พื้นดิน
“พี่ไปขี้โกงตอนไหนอีกเนี่ย ยายตัวเปี๊ยก” สมิทธิพัฒน์เอ่ยแย้งพลางปัดมือให้เจ้าสุนัขตัวน้อยหลีกทาง “นี่! น้องลีพาไอ้เต้าหู้ไปไกลๆพี่หน่อยจะได้ไหม”
“เป่ายิงฉุบก่อน...”
“อะไรนะ?”
“เค้าบอกว่า มาเป่ายิงฉุบกันก่อนใครชนะได้ไปเที่ยวที่ๆอยากไป”
เด็กหญิงว่าพลางทรุดตัวลงนั่งยองๆเคียงข้างกายพี่ชายด้วยสีหน้าจริงจังพยักหน้าหงึกหงักกำมือแน่น จนสมิทธิพัฒน์ยิ้มขันให้กับความเจ้าเล่ห์แสนกลของน้องสาว
“แน่ใจ?”
เลิกคิ้วขึ้นสูง ในขณะที่อีกฝ่ายแลบลิ้นแผล็บ เอ่ยตอบพร้อมทั้งพยักหน้ายืนยันอีกครั้ง
“แน่ใจที่สุด เอาล่ะน้า...”
กำมือยกขึ้นสูง ริมฝีปากจิ้มลิ้มสีสดเอ่ยออกมาเสียงดังอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายเกือบออกท่าทางไม่ทัน
“เป่า...ยิง...ฉุบ!!”
เด็กหนุ่มออกกรรไกร ในขณะที่คนตัวเล็กออกกระดาษ แต่ก็ไม่วายวาดลีลาโกงพี่ชายเล็กๆน้อยๆรีบกำมือหมับให้กลายเป็นค้อนทันที
“ยายตัวเปี๊ยก ถ้าจะเล่นแบบนี้ก็ไม่ต้องมาคุยกับพี่อีกเลยนะ”
สมิทธิพัฒน์ว่าพลางส่ายหัวหันหลังกลับไปสนใจปลูกต้นไม้ต่อ พยายามไม่สนใจรอยยิ้มออดอ้อนฉอเลาะของน้องสาวที่เพียรพยายามดักหน้าดักหลังง้องอนให้เขาคืนดี
“ก็ได้ๆ เค้ายอมไปเที่ยวน้ำตกก็ได้ แต่พี่พัฒน์ต้องเป็นคนไปชวนคุณพ่อคุณแม่เองนะ”
เอ่ยออกมาอย่างจำนน โน้มตัวลงอุ้มเจ้าหมาน้อยที่กำลังวิ่งซนชนกล้าไม้ จนพี่ชายตนเองกำลังจ้องมองมันราวกับจะหักคอ
สมิทธิพัฒน์เอี้ยวตัวกลับมาสบตาน้องสาวอย่างไม่ไว้ใจ ด้วยรู้ดีว่าคนหน้าหวานที่ยืนตาแป๋วอยู่ข้างกายเขาขณะนี้เจ้าเล่ห์แค่ไหน
“ถ้าพ่อกับแม่ตกลง เราจะไม่งี่เง่าเปลี่ยนใจตอนหลังแน่นะ?”
เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มอย่างรู้เท่าทัน ในขณะที่คนถูกถามชูมือขวาขึ้นสามนิ้วพลางทำท่าปฏิญาณตนเหมือนลูกเสือสำรอง
“ข้าขอสัญญาว่า จะไม่งี่เง่าเปลี่ยนใจชวนพี่พัฒน์ให้ไปทะเลอย่างแน่นอน...”
ใช่! น้องลีสัญญาว่าจะไม่ชวนพี่พัฒน์แต่จะไปอ้อนคุณแม่แทนต่างหากเล่า รมย์ชลีคิดอย่างอารมณ์ดีพลางส่งยิ้มหวานให้พี่ชายในขณะที่มือซ้ายไพล่หลังไขว้นิ้วพันกันสองนิ้ว
น้องลีไม่ได้ผิดคำสัญญาเลยนะคะพี่พัฒน์เจ้าขา...
เด็กหญิงคิดพลางส่งเสียงหัวเราะคิกคักก่อนออกวิ่งจากไปโดยมีสายตาของพี่ชายคอยจับจ้องจนเธอวิ่งไปไกลลับตา
“น้องลีบ้า คิดว่าคนอย่างพี่ไม่รู้ทันเราหรือไงยายตัวเปี๊ยกเอ้ย!”
เด็กหนุ่มบ่นพึมพำตามหลังด้วยรอยยิ้ม เขารู้ดีว่ายังไงวันพรุ่งนี้โปรแกรมออกเที่ยวจะต้องโดนเปลี่ยนโดยฝีมือยายตัวเล็กของบ้านอย่างแน่นอน
และทุกอย่างก็เป็นไปตามที่สมิทธิพัฒน์คิด เมื่อยามเย็นก่อนวันออกเดินทางรมย์ชลีก็เริ่มปฏิบัติการเปลี่ยนใจคนในครอบครัว ขณะนั่งดูโทรทัศน์อยู่ด้วยกัน ยายตัวเปี๊ยกของเขาค่อยๆเคลื่อนตัวบนโซฟาตัวยาวหนานุ่มแล้วเคลื่อนกายเข้าหาร่างของมารดาด้วยแววตาเปล่งประกายชอบกล
“แม่ขา น้องลีอยากไปเที่ยวทะเลค่ะ”
เด็กน้อยเอ่ยกับมารดาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน สองแขนเรียวเล็กของเด็กหญิงวัย 10 ปีโอบรัดเอวของมารดาและแนบใบหน้าลงอย่างประจบประแจง
“แต่เราตกลงกันแล้วว่าจะไปเที่ยวน้ำตกไม่ใช่หรือลูก” สตรีวัยกลางคนเอ่ยถามบุตรสาวพลางวาดวงแขนรัดร่างน้อยนั่นอย่างรักใคร่ แต่ก็ไม่วายเงยหน้าขึ้นสบตาบุตรชายอีกคนอย่างหารือ “แม่จำได้ว่าหนูเป่ายิงฉุบแพ้พี่พัฒน์เขาไม่ใช่หรือ? ทำไมมาอ้อนแม่อีกละคะ”
“ใช่ๆ น้องลีเป่ายิงฉุบแพ้พี่นะ อย่าเล่นขี้โกงซียายตัวเปี๊ยก!”
สมิทธิพัฒน์เอ่ยขัดน้องสาวอย่างไม่จริงจังนัก แต่คนโดนขัดคอกลับขว้างค้อนให้พี่ชายวงโตก่อนสะบัดหน้าอย่างงอนๆเอาแต่ใจ ตามสไตล์ลูกสาวคนเล็ก
“เค้าไม่สมองดีอย่างพี่พัฒน์นี่ เป่ายิ้งฉุบกันทีไรเค้าก็แพ้พี่พัฒน์ทุกที”
“อ้าว!”
ผู้เป็นบิดาและพี่ชายอุทานออกมาพร้อมกัน ในขณะที่คุณนวลนรีผู้เป็นมารดาปล่อยเสียงหัวเราะร่าออกมาอย่างขบขัน โดยเฉพาะปลายจมูกรั้นๆของเด็กหญิงนั้นเชิดขึ้นนิดๆยามเจ้าตัวเชิดหน้าทำคอแข็ง
“นะคะคุณพ่อขา น้องลีอยากไปเล่นน้ำทะเล”
เมื่อเอ่ยออดอ้อนกับมารดาไม่เป็นผล จึงผละร่างออกห่างเดินมาสวมกอดบิดาแทนครานี้ ร.อ.บรรทม จำต้องถอนหายใจยาวเมื่อบุตรสาวเอ่ยย้ำทำตาปริบๆและคำตอบที่ได้รับนั้นส่งผลให้รมย์ชลีหัวเราะชอบใจ กระโดดขึ้นลงส่งเสียงโห่ร้องดังลั่น
“ตกลงทะเลก็ทะเล พัฒน์ไม่โกรธนะลูก”
“ไม่หรอกครับพ่อ ผมแค่อยากแกล้งยายตัวเปี๊ยกเล่นก็เท่านั้นเอง”
สมิทธิพัฒน์เอ่ยกับบิดาก่อนจะร้องอุทานเมื่อน้องสาวตัวน้อยโถมตัวเข้าหาพลางหอมแก้มของเขาฟอดใหญ่
“น้องลีรักพี่พัฒน์ที่สุดในโลกเลยค่ะ” รมย์ชลีเอ่ยก่อนจะวิ่งรอบห้องและหอมแก้มผู้ให้กำเนิดทั้งสองพร้อมพูดว่า “น้องลีก็รักคุณพ่อคุณแม่ที่สุดในโลกเล้ย...”
ยายตัวเปี๊ยกหัวเราะร่าก่อนจะวิ่งแจ้นไปช่วยแม่บ้านยกสัมภาระขึ้นรถเมื่อเส้นทางการเดินทางเปลี่ยนจากเที่ยวน้ำตกเป็น ทะเล
เธอไม่รู้เลยว่าการเดินทางครั้งนี้มันจะเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิตพ่อแม่และพี่ชายของเธอ
หากเธอรู้ วันนั้นเธอจะไม่มีวันออดอ้อนให้พวกท่านพาเธอไปเที่ยวที่ไหนเลย เธอจะอยู่บ้าน นอนกอดพวกท่านและพี่ชายแล้วบอกพวกเขาว่าทุกคนนั้นมีความหมายต่อเธอมากแค่ไหน
แต่เวลาไม่อาจหวนคืนเหมือนกับสายน้ำที่ไม่เคยไหลย้อนกลับฉันใด เธอเองก็ไม่สามารถล่วงรู้อนาคตและแก้ไขมันได้ฉันนั้น
ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างจึงดำเนินไปตามครรลองและเวรกรรม เมื่อชะตาชีวิตของทุกคนนั้นได้ถูกเบื้องบนกำหนดไว้เป็นที่เรียบร้อย
ความคิดเห็น