คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 1
มันกำลังระบาด
ไม่คิดว่ามันจะได้ผลเร็วขนาดนี้
เรามีทีมงานดี สภาวะแวดล้อมดี และไอเดียที่ดี
อีกฝ่ายรู้แค่ว่าเราทำอะไรได้ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเราทำได้แค่ไหน
พวกเขาพยายามหาทางต่อกร แต่พวกเขาไม่รู้ว่ากำลังจะสายไป
แค่หาตัวเร่งปฏิกิริยาอีกสองสามชิ้น ทุกอย่างก็จบ
มันกำลังระบาด…
มนุษยชาติคือตัวหมากของเกมนี้
อีกไม่นานทุกโลกจะลุกฮือขึ้นต้อนรับการเปลี่ยนแปลง
ทุกมิติจะจับจ้องมาที่เรา พวกเขาจะสับสน หวาดกลัว และหมดหวัง
มันกำลังระบาด…
หวังว่านายคงรับมือมันได้นะ “เพกาซัส”
Part 1
Instinct
(สัญชาตญาณ)
1
…../…./….
บันทึกช่วยจำ
60 ปีก่อน
· ลูซี่ เฟลอรอล กับ อีริก ซามัวล่าแห่งนาซาพบรักกันที่ฮาวาย
· อีริกได้รับมรดกจากพ่อเป็น “ซอด”
· อีริกหายสาบสูญ…
14 ปีก่อน
· แองเจล่า ฟรอยด์ถูกซอดลอบสังหาร
· แองเจล่าหายสาบสูญ…
12 ปีก่อน
· เจนีดิน มาร์คุส บอดี้การ์ดประจำตระกูลฟรอยด์ออกตามหาแองเจล่าโดยอาศัยเบาะแสของซอดจากลูซี่ เฟลอรอล คนรักของอีริก
· เจนิดีนเดินทางไปบ้านอีริกและพบข้อมูลลับสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา
· เจนิดีนหายสาบสูญ…
ปีนี้ (ไทย)
· เต้ ลูกชายผมถูกไฟครอกจากเหตุระเบิดสยามพารากอน พบซอดในที่เกิดเหตุ
· เต้หายสาบสูญ...
· ผมตามสืบข้อมูลของซอดจนพบกับลูซี่ เฟลอรอลคนรักของอีริก ซามัวล่า
· ผมเดินทางไปบ้านอีริกและพบข้อมูลการสืบสวนของเจนิดีนที่นำไปสู่ “มีก้า” เด็กชายผู้มีปานรูปดวงตาสีเลือดกลางหลัง
· ผมเดินทางไปสถานรับเลี้ยงเด็กแมรี่ เมอร์ล่าที่ฮาวายเพื่อหาข้อมูลมีก้า
· ผมถูกลอบสังหารโดยซอด
แต่โทษที ผมยังไม่ตาย
ผมปิดสมุดบันทึกช่วยจำแล้วหยิบถ้วยชาขึ้นจิบ
ชื่อแอนดี้ เราซ์ที่คุณเห็นบนปกสมุดนั่นแหละชื่อผม
ผู้โดยสารข้าง ๆ ผมในเที่ยวบินนี้คือโทมัส แกรนด์ หนึ่งในนักสืบที่เคยตามเรื่องของเจนีดีนกับแองเจล่าเมื่อสิบสี่ปีก่อน เขาอายุเกือบหกสิบ ตัวอ้วนท้วม สวมเชิ้ตลายสก็อตทับด้วยแจ็กเกตสีเขียวเก่า ๆ ใบหน้ารกไปด้วยริ้วรอยและหนวดเครา ศีรษะเขาเถิกจนใกล้ล้าน อันที่จริงเขาวางมือจากวงการตำรวจไปนานแล้ว แต่เพราะคู่หูเขาเพิ่งถูกซอดสังหารเมื่ออาทิตย์ก่อนโทมัสจึงกระโจนกลับสู่เกมการล่าอีกครั้ง หลายวันที่ผ่านมาเราสองคนได้กุญแจไขปริศนามาหลายดอก โทมัสเป็นผู้ตั้งชื่อ “ซอด” ย่อมาจาก Sniper of Demon หรือ มือปืนปีศาจ ซึ่งหมายถึงกระสุนสีทองสลักตัวอักษรเอสที่คร่าชีวิตคนมามาก ไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากไหน ไม่มีใครสามารถตรวจสอบทิศทางของมันได้ สิ้นเสียงปัง ต้องมีใครบางคนตาย
และหนึ่งในนั้นเกือบเป็นผม
“คุณโอเคไหม”
“อืม” ผมฮึมฮัมขณะมองดูรูปถ่ายลูกชาย ชื่อจริงของเต้คือ เทยอน เราซ์ ตั้งโดยภรรยาชาวเกาหลีของผม ใบหน้าหล่อเหลานั่นพาให้ผมหดหู่ทุกครั้งเมื่อหวนนึกถึงสภาพล่าสุดของเต้ ร่างกายเขากว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ถูกไฟคลอกเป็นแผลฉกรรจ์แดงฉานจากเหตุระเบิดที่สยามพารากอน เนื้อเยื่อหลายส่วนขาดวิ่นเหวอะหวะ เหมือนซากศพที่เปื่อยยุ่ย ความหวังในการรอดชีวิตของเต้ริบหรี่ดั่งหิ่งห้อยเผชิญช่วงนาทีสุดท้ายแห่งอายุขัย พวกหมอพยายามยื้อชีวิตเขาเหมือนจะหาเชือกเส้นที่ยาวที่สุดส่งไปให้เด็กหนุ่มยังชั้นใต้ดินแห่งขุมนรก แต่เต้ไม่เคยไต่ขึ้นมา
แล้วจู่ ๆ เต้ก็หายตัวไป…
สิ่งที่เหลือไว้คือภาพวาดดวงตาสีเลือดบนหน้าต่างห้องผู้ป่วย ดวงตาแบบเดียวที่ปรากฏบนแผ่นหลังของมีก้า ดวงตาที่จ้องมองผมราวกับจะกำลังหัวร่อว่า “ไอ้โง่ ฉันได้ตัวลูกแกไปแล้ว” ผมจำได้ดีว่ามรสุมแห่งความโกรธแค้นที่ถาโถมในใจผมรุนแรงแค่ไหน และนั่นคือวินาทีที่ผมปฏิญาณกับตัวเองว่าผมจะตามหาลูกให้เจอ ไม่ว่าต้องเผชิญหน้าไอ้สารเลวตัวไหนก็ตาม
“สิ่งที่มันทำกับแดเนียลเลวร้ายมาก” โทมัสพูดถึงคู่หูเขาที่ถูกสังหารด้วยซอด “มันเปลือยร่างเขาตรึงบนไม้กางเขนยักษ์กลางถนนและยิงเขา…แม้ยามหลับตาฉันก็ลืมภาพนั้นไม่ลง”
“ไม่มีใครลืมมันลง” ผมใช้คำพูดเป็นค้อนที่ตอกฝันร้ายของเราทั้งคู่ให้ฝังลึกในความทรงจำ
“ฉันเชื่อว่าเราจะได้แก้แค้น” โทมัสวางมือบนไหล่ผม “มันต้องชดใช้”
เราสองคนต่างสบตากันอย่างเข้าใจความหมาย ผมส่งยิ้มให้ก้อนเมฆนอกหน้าต่างขณะเครื่องบินทะยานสู่ที่หมายเพื่อทักทายจิ๊กซอว์ปริศนาชิ้นต่อไป
ในที่สุดเราก็มาถึงปารีส
ตอนนี้ห้าทุ่มครึ่ง เราสองคนยืนอยู่หน้าห้องจัดเลี้ยงโรงแรมริซคาร์ตัน ดูเหมือนว่างานปาร์ตี้สุดหรูจะเพิ่งเลิก รอบกายเราอึกทึกด้วยเสียงจ้อกแจ้กของเหล่าไฮโซในชุดแฟชั่นหลากแบรนด์
ผมไม่ได้ตาฝาดที่เห็นสาวแก่สะพายหมาปอมปอมขนฟูไว้บนไหล่
กลิ่นสาบคนมีอันจะกินฟุ้งเตะจมูกผมทุกครั้งที่พวกนั้นย่างผ่าน โลกของคุณจะดูสว่างไสวขึ้นมาทันใดเมื่อเฉียดเข้าไปใกล้คนเหล่านี้ มันเหมือนพวกเขาพกแชนเดอเลียร์ส่วนตัวไปทุกหนทุกแห่ง ประกายความสุขจากเงินในบัญชีที่เหลือล้นเจิดจรัสอยู่ในสายตาและรอยยิ้มคนเหล่านั้น มันทำให้คุณอิจฉา ทำให้คุณมีแรงบันดาลใจ และหลายครั้งก็ทำให้คุณหมั่นไส้ คุณสงสัยว่าพวกเขารวยได้ไง คุณไปสรรหาหนังสือรวยทางลัดมาอ่าน คุณอินกับมัน แต่สุดท้ายความขี้เกียจก็สั่งให้คุณจมปรักอยู่กับการผลัดวันประกันพรุ่ง พอคุณไม่รุ่ง คุณก็ประนามพวกเขาที่แย่งสารอาหารแห่งชนชั้นของคุณไป – นี่แหละชีวิต เรามักโทษคนอื่นว่าแย่ แต่ไม่เคยเหลียวแลความแย่ของตัวเอง - สารร่างเหี่ยวเผละของโทมัสทำให้เขาอยู่ได้อย่างสงบจนแทบจะกลืนหายไปกับภาพแรดบนผนัง สาว ๆ ไฮโซหลายคนชายตาให้ผม ผมยิ้มกลับไป
หนุ่มคนหนึ่งชายตาให้ผม ผมทำเป็นแคะขี้มูก
อ๊ะ นั่นไง เป้าหมายเรา
“บองชูร์ มาดามลูซี่” ผมกล่าวทักทายลูซี่ เฟลอรอลที่เดินเฉิดฉายในเดรสสีแดงกับส้นสูงสีขาวประดับเพชร เธออายุแปดสิบสี่ และเป็นเจ้าของร้านจิลเวอร์รี่ที่โด่งดังในฝรั่งเศส ผมทึ่งที่ลูซี่ยังดูแข็งแรงกระฉับกระเฉงและยังไม่เป็นเหยื่อของอัมพาตหรืออัลไซเมอร์ เธอไม่เสียเวลาไปดึงหน้าให้เต่งตึงจนกลายเป็นแม่มดบวมน้ำ เธอแค่แก่อย่างมีสไตล์ ลูซี่เคยขึ้นปกนิตยสารชื่อดังทุกเล่ม ทุกคนรู้จักเธอ และเหมือนจะรักเธอ ลูซี่คืออดีตคู่รักของอีริก ซามัวล่าที่หายตัวไปหลายสิบปีก่อน รอบกายเธอมีบอดี้การ์ดตัวใหญ่สี่คนตามประกบ
ทุกคนดูเหมือนหมีกรีซลีตัวเต็มวัยใส่แว่นดำ
“ว้าววววว...บองชูร์ คุณตำรวจ” ลูซี่โผเข้ากอดผมราวกับได้เจอหลานชายที่หายสาบสูญ กลิ่นน้ำหอมของเธอฉุนไปถึงปลายประสาทเส้นสุดท้าย เธอมีวิธีการทักทายที่ดูดีใจเกินเหตุเหมือนเล่นละครเวทีตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง “ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่ มีใครตายหรือคะ”
“เปล่าครับ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ อ้อ นี่โทมัส แกรนด์ คู่หูของผม”
ยามที่ทั้งคู่ทักทายกัน ผมบอกได้เลยว่าโทมัสดูต้อยต่ำ สกปรก และหมองหม่น
“อ้อ เรื่องกระสุนนั้นสินะ” ลูซี่ยิ้มแฉ่งรู้ทัน “ฉันยินดีมาก แต่คงต้องเป็นวันหลัง ฉันมีอัดรายการแต่เช้า ขอตัวนะคะ”
เธอตีจากเราไปอย่างมีพิธีรีตอง
แต่ก่อนเธอจะชิ่ง ผมก็รีบฉวยโอกาสกระซิบข้างหูเธอว่า
“ผมรู้เรื่องมีก้าแล้ว”
ลูซี่ช็อกดั่งคุณย่าโดนสตัฟฟ์
“คุณพอจะว่างคุยไหมครับ"
ผมไม่ได้ขู่ แต่ผมเอาจริง - รังสีความหฤหรรษ์ของลูซี่ดับวูบไป ผมแทบจะได้ยินเสียงหัวใจเหี่ยว ๆ ของเธอที่เต้นตุบ ๆ อย่างพรั่นพรึง มันเหมือนผมบังเอิญไปเจอกางเกงในรูปหน้าโทมัสในลิ้นชักห้องเธอเข้า ลูซี่ดูตะลึง รังเกียจ ไม่คาดฝัน แต่ก็มีอาชีพพอจะคุมสถานการณ์
“โอเค” น้ำเสียงลูซี่เย็นยะเยือก กล้ามเนื้อมุมปากเธอกระตุกอย่างคุมไม่อยู่ เธอปรายตามองผมแล้วหันไปบอกเหล่าบอดี้การ์ดว่า “รอที่รถ”
แล้วเธอก็ลากขาเหี่ยว ๆ นำทางผมกับโทมัสไปลานโล่งหลังโรงแรม
จากจุดนี้คุณสามารถมองเห็นตึกรามบ้านช่องที่ขึ้นเตียงติดกันเหมือนเทือกเขาดำที่ทาบทับขอบฟ้าแห่งราตรี เหล่าต้นไม้ที่โอบล้อมเราตกแต่งมาดีจนอาจคิดว่าคนสวนจบปริญญาเอกจากมหาลัยวิทยาแคมบริดจ์ด้านการออกแบบ มีหินสีส้มที่จัดเรียงเป็นทางเดินอันปราณีต มีเสียงน้ำพุดังจ่อก ๆ แจ่ก ๆ อยู่ไกล ๆ
แต่ไม่มีเสียงผู้คน
เป็นเรื่องแปลกที่สวนสวย ๆ แบบนี้ควรจะมีคนเดินเตร็ดเตร่ อย่างน้อยก็น่าจะได้เห็นวี่แววของคู่รักที่หามุมกระหนุงกระหนิง บางอย่างในสถานการณ์ของเราทำให้บรรยากาศบริเวณนี้ดูวังเวงพิกล มันเหมือนเราเป็นตัวเอกในหนังซอมบี้ที่ไม่รู้ว่าผีจะพุ่งตัวมาจากหลืบไหน ผมได้กลิ่นลางสังหรณ์อันเลวร้ายปะปนอยู่ในลมหายใจ
“ฉันประเมินคุณต่ำไป” ลูซี่กอดอกแล้วอมยิ้ม
“เราตรวจสอบที่มาของเงินบริจาคให้สถานรับเลี้ยงเด็กแมรี่ เมอร์ล่าย้อนหลังไปห้าสิบปี และพบว่าทุกปีจะมีเงินบริจาคก้อนโต” ผมเข้าเรื่อง “เจ้าของเงินฉลาดที่แต่ละปีใช้ชื่อบัญชีไม่ซ้ำกันเพื่อให้สาวต้นตอได้ยาก แต่เขาพลาดในการบริจาคครั้งแรกเพราะถอนจากบัญชีเงินฝากตัวเอง”
ใบหน้าลูซี่ดูเงียบขรึมเหมือนแมวแก่เจ้าอารมณ์ ผมพูดต่อ
“อาจจะเพราะเขาเดือดเนื้อร้อนใจกับเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นทำให้ไม่ทันระวังผลที่จะตามมา ในที่สุดเขาจึงฝากเงินสองล้านเหรียญให้คุณและคุณนายโลเปซเพื่อบริจาคแด่แมรี่ เมอร์ล่า พร้อมทั้งจ้างวานพวกเขาให้รับอุปการะมีก้า เด็กชายกำพร้าผู้น่าสงสาร อ้อ ไม่ใช่สิ มีก้าไม่ได้กำพร้า เขาถูกทิ้งต่างหาก แม่เขารู้เรื่องนี้ดี ใช่ไหมครับ ลูซี่”
ผมสบตาเธออย่างเด็ดเดี่ยว ประกายความตื่นตระหนกก่อตัวขึ้นในแววตาหญิงชราทันใด –
บังเกิดความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลูซี่ก็ส่งเสียงฮึอย่างไม่สะทกสะท้าน
“เมื่อฉันตัดสินใจจะแต่งงานใหม่ ฉันก็จำเป็นต้องกำจัดร่องรอยทั้งหมดของอีริก” ลูซี่ยักไหล่ยิ้มแฉ่ง “แต่พอมีคนเผยแพร่ปานรูปดวงตากลางหลังของมีก้า เขาก็ถูกสื่อเพ่งเล็งว่าเป็นสัญลักษณ์ของปีศาจและไม่ปลอดภัยอีกต่อไป ฉันเลยจ้างครอบครัวโลเปซที่ร้อนเงินให้รับอุปการะมีก้าก็แค่นั้น”
“แล้วมีก้าเกี่ยวอะไรกับกระสุนนั่น” ผมรู้สึกถึงความเกลียดชังท่วมใจ
“ก็ไม่รู้สินะ” ลูซี่ทำลอยหน้าลอยตา
“เจนิดีนค้นพบเบาะแสที่เชื่อมโยงมีก้ากับกระสุนปืนและดวงตาสีเลือด ลูกคุณเกี่ยวอะไรด้วย” ผมจับจ้องเธอไม่วางตาดั่งราชสีห์เพ่งเหยื่อ
“ก็ไม่รู้สินะ” ลูซี่กรีดนิ้วทักทายผีเสื้อราตรีในอากาศอย่างรื่นรมย์
“ใจเย็นเพื่อนฝูง” โทมัสเตือนเมื่อรู้สึกถึงความตึงเครียดบนหน้าผม
แต่ผมทนไม่ไหวแล้ว!
“บอกความจริงผมว่ามีก้าเกี่ยวอะไรกับเรื่องพวกนี้!!”
รู้สึกตัวอีกทีผมก็แผดเสียงลั่นอย่างห้ามใจไม่อยู่ – คลื่นเสียงของผมทะลุทะลวงโสตประสาทของหญิงชราจนเธอหยุดเคลื่อนไหว แววตาเธอเบิกโพลงเหมือนกะโหลกไร้ชีวิต นั่นคือสัญญาณแห่งการถูกครอบงำ
นี่แหละพลังวิเศษของผม ผมสามารถไขทุกความจริงในพริบตา!
นางตัวดี แกเสร็จแน่!
“โอ๊ะโอ”
ผมอ้าปากค้างปัญญาอ่อนเมื่อได้ยินเสียงเย้ยหยัน – มนตร์สะกดหายไป และเธอเหมือนนักโทษที่แหกคุกออกมาได้อีกครั้ง – ทันใดนั้นดวงตาของหญิงแก่ก็หรี่ลงดั่งแม่มดชั่วร้าย
เสียงกอก ๆ แกก ๆ ดังขึ้น – ผมหันตามไป
พื้นใต้ตัวโทมัสจู่ ๆ ก็แตกระแหงดั่งดินแดนแห้งแล้ง!
เสียงโครมครามดังสนั่นหวั่นไหว
ทันใดนั้นธรณีก็แหวกตัวเป็นหลุมยักษ์สูบโทมัสหายไป!
ผมถลาเข้าไปคว้าคู่หูทั้งสติกระเจิง หัวใจผมเต้นรัวเมื่อเห็นโทมัสแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางความมืดของเหวลึกสุดแกนโลก! เสียงโหยหวนของเขาดึงกึกก้อง – ผมไม่ได้ตาฝาดที่เห็นแสงเพลิงของลาวาเดือดที่ก้นเหว! – เสียงคำรามแห่งมัจจุราชดังอื้ออึงประหนึ่งมีตัวตนอยู่ในอากาศ - พื้นดินสั่นสะเทือนอีกครั้ง – ผมกลิ้งตัวหนีจากปากเหวที่กำลังประสานเข้าหากัน – มือผมคว้าปืนอย่างว่องไว
ปัง!
ลูซี่ร้องเสียงหลงเมื่อแขนเหี่ยว ๆ ถูกกระสุนทะลวงเต็มนัด – ผมยืนหยัดเล็งเป้า
ลูซี่สะบัดมือเหมือนปัดยุง
ปืนผมกลายเป็นฝุ่น!!
“ไอ้โง่!” ยายแก่คำรามทั้งกุมแผลเหมือนแมวโรคจิต – แรงโทสะผลักให้ผมกระโจนใส่นางแม่มดอย่างไม่คิดชีวิต! – เสียงวิ้งดังขึ้น – ปรากฏดวงแสงสีฟ้านับพันรอบกายดั่งหมู่ดาว
เพียงพริบตาผมก็ถูกแช่แข็งตั้งแต่เท้าจรดคอ!
“เสียดายที่วันนี้เราต้องเสียตำรวจรูปหล่อไปหนึ่งคน”
ลูซี่กรีดกรายเข้ามาลูบไล้น้ำแข็งที่ห่อหุ้มกายผมด้วยความใคร่ - หนาวเหลือเกิน - หนาวจนสัมผัสได้ว่าเส้นเลือดกำลังแข็งตัวและเจียนจะแตกร้าว - หนาวจนรู้สึกว่าลมหายใจจับตัวเป็นก้อนจุกอยู่ในคอหอยแสงสีฟ้าจากไอเย็นเผยให้เห็นริ้วรอยน่ากลัวบนหน้าลูซี่ เธอเลียแก้มผมอย่างหื่นกระหาย ดวงตาเหี่ยว ๆ คู่นั้นวาวโรจน์ด้วยประกายเพชฌฆาต
“หลับให้สบาย” ลูซี่แสยะยิ้มปีศาจแล้ววาดมือในอากาศ
ไอน้ำก่อตัวเป็นมีดคมจ่อคอผม!
“จุ๊บ ๆ นะคะ คุณตำรวจ”
เสียง ฟ้าว ดังแหวกอากาศพร้อมกับแสงสีฟ้าเจิดจ้า
ทันใดนั้น น้ำแข็งที่เคยพันธนาการผมก็พังทลาย!
ผมกะพริบตาอย่างงงงันกับอิสรภาพ และพบว่าลูซี่หายไป ผมเหลียวมองไปรอบ ๆ อย่างเป็นบ้าเป็นหลัง เธออยู่ไหนก็ไม่รู้ มันเหมือนจู่ ๆ เธอก็ถูกลักพาตัวไปโดยสายลม
เสียงหึ่ง ๆ แผ่วเบาดังมาจากปลายเท้า ผมก้มมองและฉงนใจเมื่อเห็นดวงแสงสีฟ้าเล็กจิ๋ว
ผมค่อย ๆ ย่อตัวลงสำรวจมัน
สิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในดวงแสงคือ “แหวนสีทอง”…
“เกือบไปแล้ว”
เสียงหนึ่งดังขึ้น ชายสามคนเดินตรงเข้ามาราวกับโผล่มาจากอากาศที่ว่างเปล่า – สองในสามคือเด็กหนุ่มฝาแฝดชาวตะวันตกผมทอง และอีกคนที่คือชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผม เขาตัวสูงใหญ่ ใส่ชุดกาวน์ สวมแว่นกรอบใส หน้าตาสะอาดสะอ้าน มีรอยยิ้มแบบคนฉลาด
ผมผุดลุกขึ้นพร้อมลุย!
“ไม่ต้องกลัว” ไอ้หมอพูดแล้วก้มลงหยิบแหวนยื่นให้ผม “ของคุณ”
ผมผงะราวกับเห็นมันเป็นวัตถุปนเปื้อน
“รับไว้สิครับ” เขายื่นมือมาใกล้ ผมถอยห่าง ดวงตาผมกลอกมองแหวนทีมองหมอนั่นที – รู้สึกทะแม่ง ๆ อย่างไรไม่รู้ “ตำรวจอะไรขี้กลัวจัง”
“ผมไม่ได้กลัว”
“ถ้างั้นทำไมเหงื่อแตกแถมหัวใจยังเต้นถี่” ไอ้หมออมยิ้มขณะจ้องอกผม “เอาไปเถอะ”
รู้ตัวอีกทีไอ้หมอบ้าก็คว้ามือผมไปเสียแล้ว
ผมอยากจะชกหน้าเขาสักเปรี้ยง แต่กลายเป็นเขายัดแหวนใส่มือผมซะเรียบร้อย
ผมรีบกระชากมือกลับ ชายแปลกนั่นหัวเราะชอบใจ
“อย่าทิ้งล่ะครับ” เขาพูดในวินาทีที่ผมจะเขวี้ยงมันทิ้ง “คุณต้องใช้มันตามหาลูกชาย”
ศีรษะผมสั่นหงึก ๆ เหมือนตุ๊กตาไขลานยามหันกลับไปมองชายแปลกหน้าอีกครั้ง
ความรู้สึกมากมายโถมซัดใส่ผมในคราเดียวจนรูม่านตาขยายเต็มที่
เขารู้เรื่องนี้ได้ไง พวกมันมันเป็นใครกัน!
“ผมเก่งชัยและนี่ช็อกโกแลตกับซันเด” เก่งชัยแนะนำ – เด็ก ๆ พยักหน้าทักทาย – ผมยังช็อก “แฝดคู่นี้สามารถเปลี่ยนคนให้เป็นแหล่งกำเนิดพลังได้ ดูท่าคุณยายอารมณ์ร้ายจะได้พลังจากแหวนนั่น ตอนนี้คุณมีพลังของเธอแล้ว”
“คุณรู้อะไรเกี่ยวกับลูกชายผม” ผมรู้สึกได้ว่าหัวใจเต้นรัวด้วยความโหยหา กระนั้นผมก็ไม่อาจควบคุมมือไม้ที่สั่นสะท้านด้วยความกลัว
“ลูกชายคุณและลูกสาวผมอยู่กับผู้ให้กำเนิดดวงตาสีเลือด” เก่งชัยตอบ “เขาคนนั้นมีกระสุนสลักอักษรเอสเป็นอาวุธ”
ผมแทบจะทรุดทั้งยืน
“คุณไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ แต่ผมจะบอกคุณว่ามีคนคนหนึ่งที่สามารถพาพวกเราไปหาพวกเขา”
“คะ…ใคร” ผมปากสั่น ใจเต้นข้ามจังหวะ
“สวมแหวนซะ แล้วผมจะพาคุณไป”
…To Be Continued…
ร่วมใช้ #Fatediary บน Social network ของคุณ
เพื่อแสดงความเห็นของคุณเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้กันครับ
Dr.Pop Facebook : www.facebook.com/drpopworld
Dr.Pop Twitter : http://twitter.com/drpoppop
Dr.Pop Instagram : @drpoppop
ความคิดเห็น