ณ โรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์ก ในเช้าอันสดใสสวยงาม นกนานาพันธุ์กำลังร้องขับขานทำให้เช้านี้นักเรียนทุกๆคนในโรงเรียนต่างยิ้มแย้มแจ่มใส
    แต่ทว่า
    เฟี้ยว
ฉึก
    “ลูคัส!! ฉันบอกนายตั้งกี่ครั้งว่าห้ามเรียกฉันแบบนี้!!” หนึ่งในผู้คุมกฏแห่งป้อมอัศวิน ลอเรนซ์ นักบวชที่หน้าหมดอายุเสมอ(บูด)
    “สำหรับวันนี้อ่ะนะ ครั้งที่ 78 เอง” และอีกหนึ่งผู้คุมกฏแห่งป้อมอัศวิน ลูคัส สมญานามว่าซาตาน ซึ่งบัดนี้หน้าตาภายใต้แว่นกรอบทองนั้นหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสรับกับบรรยากาศเช้าวันนี้ พร้อมเอี้ยวตัวหลบมีดบินอย่างชำนาญ
    “แล้ววันนี้มีอะไรอีกล่ะ” ลอเลนซ์พูดพลางสบตาลูคัส พร้อมกับความไม่ไว้วางใจคนข้างหน้า เพราะเวลาอยู่กับหมอนี่ที่ไรชีวิตไม่เคยสงบเสมอ
    “ก็โรเวนเรียกไปประชุมน่ะสิ ไปกันๆ” ลูคัสพูดพลางกวักมือเรียกนักบวชแห่งป้อมอัศวินอย่างสนิทสนม
    ห้องประชุม ซึ่งมีหัวหน้าป้อม หัวหน้าป้อมในแต่ละชั้นปี ผู้คุมกฏ มาประชุม
    “ปราชญ์เลโมธีมีคำสั่งให้ป้อมอัศวินนำเสนอโฆษณาขายของอะไรก็ได้ในแต่ละชั้นปี” เจ้าชายโรเวนแห่งเจมิไน เสธคนสำคัญของป้อมพูดพลางคิดในใจว่า ปราชญ์เลโมธีมีความคิดที่คล้ายๆกับเฟรินเข้าไปทุกที(อีกความหมายก็ความคิดที่งี่เง่าสิ้นดี) \"เนื่องจากป้อมอัศวินของเราซอมซ่อเหลือรับประทาน”(ว่าแต่เขาตัวเองก็เป็นละว้า)\"จึงต้องหาเงินโดยการขายของ แล้วมีการออกอากาศสดถ่ายทอดภายในป้อมกันเองก่อน เพื่อทดลองว่าเวทมนต์ที่ใช้ฉายนั้นมีประสิทธิภาพดีหรือป่าว”
    เสียงในห้องก็เริ่มเซ็งแซ่ ดังขึ้น
    “แล้วทำไมไม่เดินเรี่ยไรเอาล่ะ”เพียงแค่เสียงนี้ดังขึ้นก็ทำให้ห้องประชุมทั้งห้องเงียบลงในทันที
    “ลอลี่ ป้อมของเราเดินเรี่ยไรเงินจากพวก ปราสาทขุนนาง ปราการปราชญ์ แล้วก็แผ่นดินประชาชนจนพวกเขาดูแคลนแล้ว แล้วฉันคิดว่าความคิดนี้เป็นความคิดที่ดีนะ น่าจะสนุก”
    เฟี้ยว
ฉึก
..
    เอื้อก!
    ทั้งห้องประชุมเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องซะแล้ว เมื่อพายุมีดเงินจากลอเลนซ์เริ่มอาละวาดอีกแล้ว
    “ลูคัส ฉันบอกแล้วไงว่าให้เลิกเรียกแบบนี้ซักที”
    “โธ่! ลอลี่ แค่ทำให้การประชุมครั้งนี้มีสีสันบ้างดูสิ พวกรุ่นน้องรวมทั้งเสธคนสำคัญยังหน้าดำคล้ำเคลียดกันเลย
    เฟี้ยว
ฉึก
    ห้องทั้งห้องหน้าดำคล้ำเครียดก็เพราะพายุมีดบินน่ะสิ การประชุมมันไม่เครียดอะไรนักหนาหรอก
    “ลูคัส!”
    “พอๆๆ” โรเวนพูดตัดบทก่อนที่การประชุมจะกลลายเป็นสงครามมีดบินซะก่อน”มีใครจะถามอีกหรือป่าว ถ้าไม่ก็แยกย้ายกันไปประชุมของแต่ละชั้นปีกันเองแล้วมานำแผ่นร่างโครงงานมาส่งให้.. ลอเลนซ์ พรุ่งนี้เช้า ปิดประชุม”
    เฮ้ยย  โรเวนลงโทษลอเลนซ์หรือคิดยังไงของเขาที่ต้องนำแผ่นร่างไปส่งให้กับลอเลนซ์ที่ตอนนี้ดูท่าทางอารมณ์จะบูดสุดๆจนถึงพรุ่งนี้เช้า
    เมื่อนักเรียนชั้นปีต่างๆเริ่มทยอยออกนอกห้องลูคัสจึงคิดแผนดีๆ กำชับสัมพันธไมตรีระหว่างเขากับลอลี่จึงปรี่เข้าไปหาโรเวน
    “โรวี่ๆๆ”
    “หืม” โรเวนจึงหันไปคุยด้วย แล้วเริ่มสังเกตุเห็นอารมณ์คึกคักสุดๆของซาตานแห่งป้อมอัศวินจึงเริ่มรู้สึกว่าจะหาเรื่องอะไรมาให้เขาอีก
    “สำหรับชั้นปีเรา ฉันขอวางแผนเองเองนะๆ” ลูคัสส่งสายตาปริบๆไปให้โรเวน
    “..”
    “โรวี่
น้าาา” เมื่อโรเวนมองสบตาอันหน้ากระอักกระอ่วนที่ลูคัสพยายามทำว่าอ้อนวอนอย่างแรงกล้า แต่เรื่องแบบนี้ลูคัสต้องหาเรื่องเป็นแน่แท้เลยกะจะปฏิเสธ แต่เมื่อมองสายตาของลัคัสดีแล้วรู้สึกว่า ถ้าปฏิเสธไปมีหวัง .. ทั้งวันคงมีแต่ โรวี่ๆๆ ทั้งวันแน่ๆ
                “.. อืมๆ ก็ได้ แล้วก็อย่าลืมนะว่าชั้นปีเราต้องทำเป็นตัวอย่างให้รุ่นน้องดู เพราะฉะนั้นคิดหน้าคิดหลังให้ดีล่ะ” เหมือนเป็นคำดักคอทำให้ลูคัสสะดุ้งนิดนึง แล้วก็พยักหน้ารับอย่างเด็กว่าง่าย (โอย ซาตานแห่งป้อมอัศวินเราทำไมเหมือนเด็กปัญญาอ่อนเข้าไปทุกวันๆ) “แล้วก็ลองเล่าแผนงานมาคร่าวๆสิ”
                เมื่อลูคัสเล่าแผนการเอ้ย แผนงานเสร็จก็สังเกตุถึงการพยายามกลั้นหัวเราะอย่างสุดขีดของเจ้าชายแห่งเจมิไน แล้วเจ้าชายแห่งเจมิไนก็เริ่มแผนการ เอ้ยแผนงาน(เราเปนอะไรไปเนี่ย)ของลูคัส
                “ลอเลนซ์ ซ์ซ์ซ์ซ์ซ์ซ์”
                เสียงกวนประสาทอย่างงี้เป็นใครไม่ได้นอกจากลูคัส ลอเลนซ์จึงเริ่มคว้ามีบินอกกไปอย่างลืมตัวว่า
                เฟี้ยว
ฉึก
                มันไม่ได้เรียกเขาว่า ลอลี่ นี่
                “ใจร้าย..”ลูคัสพูดขณะเอี้ยวตัวหลบอย่างชำนิชำนาญ
                “นายไม่ชอบที่ฉันอุตส่าห์เรียกนายว่า ลอเลนซ์ หรอ ลอลี..เลนซ์”เกือบพลาดไปแล้วลูคัสพึมพำอยู่ในใจ แล้วพยายามปั้นสีหน้าให้เศร้าที่สุด
                “ขอ..โทษ ก็นายชอบเรียกฉันในแบบที่ฉันไม่ชอบนี่ ก็เลยขว้างไปอย่างลืมตัว” ลอเลนซ์เริ่มรู้สึกผิดอยู่เล็กๆ
                “ลืมตัว!!” เสียงปรี้ดลั่นหู “นายพูดออกมาได้ว่าลืมตัวอย่างงี้มันไม่สมกับนายเลยนะท่านนักบวช”
                “แล้วจะให้ทำไงล่ะ”ลอเลนซ์รู้สึกหงุดหงิดแต่ก็ตัวเองผิดนี่หน่าทำไงได้
                “งั้น
” หึหึหึ ลอลี่หนอ ลอลี่ ใจอ่อนไม่เข้าเรื่องแฮะ
                เช้าวันรุ่งขึ้น ณ ลานตะวันที่ๆจะเป็นที่ถ่ายทอดสดโดยพวกรุ่นพี่เป็นการปฐมฤกษ์
                ไอ้ลูคัส ไอ้ซาตานงี่เง่า ไอ้
..
                ลอเลนซ์สบถอย่างไม่หยุดยั้งขณะที่ โซมาเนีย อีกหนึ่งสาวในผู้คุมกฏแห่งป้อมอัศวินที่กล้าหาญชาญชัยกำลังจัดแจงแต่งหน้าแต่งตาให้นักบวช
                “ผิวนายนี่สวยจริงๆๆ..”
                เอื้อก!!
                คำชมของโซมาเนียคำอื่นๆเป็นต้องพับเก็บเข้ากระเป๋าลงไปเมื่อสายตาอันคมกริบของนักบวชเป็นเหมือนสื่อบอกนัยๆว่า ‘ถ้าพูดมากมากกว่านี้ศพไม่สวยแน่’
              ด้านนอกของกระโจมแต่งตัวโรเวนกำลังจัดแจงจัสถานที่ที่จะถ่ายทอดโดยมีพวกรุ่นน้องมาร่วมแจมในการถ่ายทอดสดในครั้งนี้ด้วย
                “ร้อนชะมัด ไหนว่าจะมาดูการถ่ายทอดสดของพวกรุ่นพี่เป็นตัวอย่างแต่ไหงต้องมาช่วยจัสถานที่ด้วย” คำบ่นเป็นชุดเป็นของใครไม่ได้นอกจาก เฟริน เดอะทีฟ ออฟ บารามอส ในคราบเด็กหนุ่มที่กำลังยกเก้าอี้จัดเรียงเป็นแถวๆ
                “นายจะบ่นอะไรหนักหนา เฟริน” คิล ฟีลมัส เดอะคิลเล่อร์ออฟ ซาเรซ เพื่อนซี้ของนายเฟรินที่กำลังจัดแจงยกเก้าอี้อยู่เช่นกัน
                “ก็ไหน ยัยแองจี้บอกว่าจะมาดูพวกรุ่นพี่เขาทำงานจะได้เป็นตัวอย่าง แล้วอะไรเนี่ยแบกเก้าอี้ต้องกี่ตัวแล้วเนี่ย
จ้าก!!!!\"  คทาอรหันต์ที่เจ้าของไม่เคยยั้งมือในการฟาดแต่ละครั้ง
                “กะอีแค่ยกเก้าอี้จะบ่นอะไรนักหนาเฟริน”แม่มด(น้อย)แองจีเรน่า โรมานอฟ เจ้าของคทาอรหันต์วางเก้าอี้ไว้ข้างๆตัวก่อนจะมาฉะกะหนุ่มที่เคยทำให้เธอหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
                “เอาล่ะๆ “ เจ้าชายโรเวนแห่งเจมิไนเข้ามายับยั้งศึกของรุ่นน้องพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พอยกเก้าอี้กันเสร็จก็หมดหน้าที่ของพวกเธอแล้วล่ะ แล้วมานั่งชมรายการที่รุ่นพี่ตั้งใจจะนำเสนอ เราก็ขณะชมรายการก็อย่ากล่าวอะไรเสียงดังหรือหัวเราะเสียงดัง เข้าใจไหมเฟริน เดอเอโรว์” พูดพร้อมกับหันไปยิ้มๆกับเฟริน
                รอยยิ้มแห่งหายนะ
                คงมีคนๆเดียวที่ได้รับเกียรติจากเจ้าชายโรเวนมาเตือนถึงตัว
                แล้วการถ่ายทอดรายการก็เริ่มขึ้นมีการจัดทำเวทีเตี้ยๆขึ้นมา(ก็หาเงินเข้าป้อมอ่ะนะเลยได้แค่นี้ ขืนทำอลังการกว่าเนี้ยคงกลายเป็นผลาญเงินป้อมซะมากกว่า)มีเก้าอี้เรียงเป็นแถวๆซึ่งพวกรุ่นน้องที่อยากมาชมก็นั่งเป็นแถวแลดูเป็นระเบียบ ซึ่งงานนี้เฟรินที่โดนเจ้าชายโรเวนหมายหัวจึงต้องนั่งเจียมเจี๋ยมเพราะด้านขวาก็มีเจ้าชายคาโลแห่งคาโนวาล(ได้ออกโรงซะที)ที่ส่งสายตาดุมาปราม แล้วก็ด้านซ้ายเพื่อนซี้ที่คิดหาทางแกล้งเจ้าเพื่อนข้างๆโดยทำข้อตกลงกับคาโลว่าถ้าเจ้าเฟรินก่อเรื่องเมื่อไรจะยินดีขโมย(เปลี่ยนอาชีพซะแล้ว)แหวนของเฟรินทำให้เฟรินกลายเป็น เฟลิโอน่าเกรเดเวลเดอะปริ้นเซซออฟบารามอสแอนด์เดมอส ว่าที่พระชายาของเจ้าชายคาโล พร้อมกับไปนอนห้องของโรในตอนกลางคืนซึ่งข้อตกลงนี้ทำให้เฟรินถึงกับนั่งเรียบร้อย แล้วที่สำคัญที่สุดด้านหลังที่คิดว่าต้องเป็น โร เซวาเรสขอทานกิตติมศักดิ์ที่ชอบโผล่มาข้อางหลังอยู่เรื่อยแต่กลับกลายเป็นแองจี้ซึ้งหล่อนพร้อมที่จะลงคทาอรหันต์ได้ทุกเมื่อ
              แต้น..แต๋น..แต๊น..แตนนน
              เสียงเปิดรายการได้ดังขึ้น ซึ่งบรรเลงโดยเหล่ารุ่นน้องป้อมอัศวิน
              “สวัสดีครับ” เจ้าของสมญญานามว่าซาตานแห่งป้อมอัศวินในคราบชุดสูททักสิโด้(เอามาจากไหนเนี่ย)สีดำคงแท้บาดใจสาวถ้าไม่มีสมญญานามว่า ซาตาน และ ไม่อารมณ์ดดีทั้งวันจนคิดว่าปัญญาอ่อนเขาก็คงเป็นบุรุษมีคนมาจีบเยอะไม่แพ้เจ้าชายโรเวนเลย
              “ผมชื่อ ลูคัส แต่สำหรับรายการนี้คงเรียกผมว่า จอร์จนะครับ”เจ้าตัวกล่าวพร้อมยิ้มโปรยเสน่ห์ให้ แต่เสียงตอรับเป็นแค่เสียงกั้นหัวเราะของผู้ชมซะมากกว่า
              “แต่วันนี้ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่ดำเนินรายการยังมี สาวสวยรอคุณอยู่”  ลูคัสพูดพลางผายมือไปยังประตูที่มีเพียงผ้าสีชมพูหวานกั้นบังข้างใน พร้อมที่จะเปิดได้ทุกเมื่อ
              ทั้งหมดที่ชมอยู่คงคิดว่าเป็นโซมาเนียแน่ๆ เพราะเท่าที่รู้จักรุ่นพี่ที่เป็นผู้หญิงก็มีเพียงคนๆเดียวเท่านั้น
              แต่คิดผิด..
              สาวที่เดินออกมานั้นมีผมยาวสีทองพลิ้วรับแรงลมคลอเคลียตามลำคอ สวมชุดสีชมพูปิดลำคอและเปิดหัวไหล่กว้าง ชายกระโปรงยาวลากพื้น มีผ้าคลุมไหล่สีแดงอ่อนคลุมไหล่อยู่ แล้วดวงตาสีม่วงคู่นั้นดูแล้วรู้สึกว่าเหมือน
              ลอเลนซ์!! นักบวชแห่งป้อมอัศวิน ผู้ที่มีอารมณ์บูดเสมอ
              แต่ว่าสวยแหะ
              ผู้ชมที่นั่งชมเหมือนกับสอบวิชาหน้ากากฟาโรห์อยู่เพราะต้องสวมหน้ากากหลายต่อหลายชั้นถ้าเกิดใครหัวเราะขึ้นมามีหวังได้เกิดพายุมีดบินเปนแน่แท้
              “สวัสดี”เสียงคำที่ฟังดูก็รู้ว่าขณะนี้กำลังบูดอย่างที่สุด แต่แปลกที่เสียงคลับคล้ายคลับคลาคล้ายๆผู้หญิงยังไงไม่รู้
              “ผู้หญิงคนนี้ชื่อซาร่า..” ลูคัสพยายามไกล่เกลี่ยสถานการณ์ที่รู้สึกว่าแย่ลง แต่รู้สึกว่าคำพูดที่ลูคัสพูดพยายามไกล่เกลี่ยนั้นยิ่งทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงไปอีก
              ไอ้ลูคัส ไอ้โรเวน ยัยโซมาเนีย ไอ้พวกมาส่งแผนงานตอนเช้า ต้องจัดการๆๆ
              ลอเลนซ์เริ่มพึมพำกับตัวเองที่ไปโง่ติดกับซาตานงี่เง่านั้น ดันไปรับคำไถ่โทษว่าจะยอมทำตามที่ลูคัสพูดเพื่อสะสางความผิดที่ไปส่งมีดบินไปให้
              ส่วนโรเวน ก็เล่นไปกับซาตานงี่เง่า วางแผนซะดิบดี แล้วร่ายมนต์ใส่เขาให้พูดเสียงสูงขึ้นเหมือนผู้หญิงแล้วก็ทำให้ผมบ้าให้ยาวขึ้น
              ส่วนโซมาเนียไปเออออกับโรเวนจัดแจงหาเสื้อผ้ามาให้แถมเป็นคอเต่ารู้สึกอึดอัดเป็นที่สุด (ต้องบังลูกกระเดือกนี่หน่า) แล้วก็รำคาญผ้าคลุมไหล่นี่ (ก็เล่นปามีดบินทุกวันกล้ามก็ขึ้นเป็นธรรมดาเลยต้องเอาผ้ามาปิดไว้) สุดท้าย กระโปรงยาวนี่รำคาญที่สุดเพราะจะทำให้สะดุดหกคะเมน (ก็บังขนหน้าแข้งงามๆของน้องลอเลนซ์นะ)แล้วรองเท้าต่อให้ตายยังไงก็ใส่ผ้าใบ
              สุดท้ายพวกรุ่นน้องที่มาส่งแผนงานให้ต้องมาพบเขาในสภาพที่.. จนรุ่นน้องที่มาส่งถึงกลับกลั้นหัวเราเป็นแถวๆๆ
              จบงานนี้ตัดขาดกับแกแน่ เจ้าซาตานปัญญาอ่อน
              “สินค้าที่จะนำมาเสนอขายในวันนี้คือ..”
              พวกรุ่นน้องเริ่มสนใจมากขึ้นหลังจากเซอร์ไพร์ตของลอเลนซ์ทำให้งานเริ่มครึกครื้นมากขึ้น
              “ลอลี่..” ลูคัสพูดพร้อมเอี้ยเบนตัวหลบมีดสั้นที่ไม่รู้เจ้าคนปามันเอามาจากไหนเพราะชุดที่มันใส่ไม่น่าจะมีที่ใส่มีดบินซักเล่ม
              เฟี้ยว
.. ฉึก
.
              “ลูคั..”
              “แล้วของที่เสนอขายสำหรับวันนี้คือ มีดสั้นเงินของนักบวชแห่งป้อมอัสวิน ที่มีความคม ความเงาแวววาว” ลูคัสพูดขัดคำของลอเลนซ์
              ผิดคาด
              บอกได้คำเดียวว่าผิดคาด พวกรุ่นน้องนึกว่าจะนำของสำคัญของแต่ละประเทศ หรือความสามารถในการผลิตของพวกรุ่นพี่มาขายแต่นึกไม่ถึงว่าจะมาเสนอขายของสัญลักษณ์ตัวแทนของรุ่นพี่ลอเลนซ์
              นายแน่มากรุ่นพี่ลูคัส กล้าเสี่ยงตายจริงๆ
              ศอกของลูคัสเริ่มสะกิดลอเลนซ์ให้พูดคำที่เตี๊ยมไว้เพื่อรักษาหน้าของป้อมอัศวินและรักษาหน้าและมาดของพวกรุ่นพี่
            แต่ในความคิดของลอเลนซ์กับตรงกันข้ามถ้าขืนพูดคำนี้ออกไปมีหวังกลายเป็นตัวตลกของป้อมแน่
            แต่เอาไงเอากันวะ
            “โอ้ว!! พระเจ้า จอร์จ มันยอดมากค่ะ”
            เงียบบ.. พร้อมกับหน้าตาซีดของเรารุ่นน้องที่มาชมในวันนี้
            ลูคัสกั้นหัวเราะจนตัวสั้นริกๆ แต่ต้องกั้นไว้ขืนหัวเราออกมามีหวังเกิดไซโครนมีดบินแน่ๆ
            ลูคัสรวบรวมสติอีกครั้งแล้วกล่าวต่อไปว่า
            “ถ้าท่านโทร.เข้ามาภายใน10นาทีนี้คุณจะได้รับของสมมนาคุณคือ..”
            ลูคัสพูดเสร็จแล้วหันไปสบตากับลอเลนซ์แล้วกระตุกรอยยิ้มที่มุมปากดูเจ้าเลห์ยิ่งนัก
            “ลอลี่ ลอลี่ ลอลี่ ลอลี่ ลอลี่”
            เฟี้ยว
ฉึก
            เฟี้ยว
ฉึก
            เฟี้ยว
ฉึก
            เฟี้ยว
ฉึก
            เฟี้ยว
ฉึก
            ลูคัสหลบอย่างชำนาญทำให้มีดบินทั้งหลายไปปักบนกำแพงอย่างสวยงาม
            “เยี่ยมจริง เป็นรูปดาวซะด้วย.. ของสมนาคุณก็คือ แถมฟรีมีดบินอีก 5 เล่ม”
            “ขอจบรายการเพียงเท่านี้” ลอเลนซ์พูดตัดบทจบรายการซะงั้นเพื่อที่จะได้กลับไปเอาชุดบ้าๆนี่ออก
            “อืม เหนื่อยหน่อยนะ” โรเวนพูดพลางส่งน้ำมาให้แต่ลูคัสกลับเสกโต็ะอัลลอยด์พร้อมถ้วยกาน้ำชาขึ้นมา แล้วนั่งจิบอย่างสบายอารมณ์
            “โรเวนถอดเวทมนต์บ้าๆนี่ออกซะ” ลอเลนซ์พูดพลางส่งสายตาไม่พอใจออกมาเต็มเปี่ยม
            “โธ่เสียดายจัง สวยนะ”
            เฟี้ยว
ฉึก
            โรเวนจะเป็นรายที่สองที่สามารถหลบมีดบินได้อย่างเชี่ยวชาญ
            กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
            “อ๊ะ มีคนโทรเข้ามาแล้ว ลอลี่ไปรับที ฉันนั่งดื่มชาอยู่ ไม่ว่าง”
            เฟี้ยว
ฉึก
            “ลูคัส!”
            “น่าๆรับให้หน่อย”
            เอาว่ะไหนจะตัดขากกับหมอนั่นแล้วรับหน่อยก็ได้
            “หวัดดี”
            “เอ้า ลอเลนซ์หรอ”
            เสียงนี่มัน
อาเธอร์แห่งปราสาทขุนนางนี่
            “ลูคัส!!!!!!!!”
            “หะ”
            “ไหนนายบอกว่าถ่ายทอดแค่ในป้อมอัศวินไม่ใช่หรอ!!!!!” ลอเลนซ์เส้นอารมณ์จวนจะขาดสะบั้นอยู่รอมร่อ
            “อ๋อเรื่องนั้น” โรเวนพูดขัดขึ้นมา “พอดีไปรายงานผลการประชุมแล้วรองยื่นแผนงานให้ท่านปราชญ์เลโมธีดู แล้วท่านก็เห็นดีด้วยจึงสั่งประกาศให้ทั่วทั้งเอดินเบิร์ก”
            “ทั่วเอดินเบร์ก!!!!!!!!!!!!!!!”
            เพียงเท่านั้นล่ะเส้นอารมณ์ของลอเลนซ์ได้ขาดสะบั้นลงอย่างสิ้นเชิง
            เฟี้ยว
ฉึก
เฟี้ยว
ฉึก
เฟี้ยว
ฉึก
เฟี้ยว
ฉึก
เฟี้ยว
ฉึก
เฟี้ยว
ฉึก
เฟี้ยว
ฉึก
เฟี้ยว
ฉึก
เฟี้ยว
ฉึก
เฟี้ยว
ฉึก
เฟี้ยว
ฉึก
เฟี้ยว
ฉึก
เฟี้ยว
ฉึก
เฟี้ยว
ฉึก
เฟี้ยว
ฉึก
เฟี้ยว
ฉึก
เฟี้ยว
ฉึก
เฟี้ยว
ฉึก
เฟี้ยว
ฉึก
เฟี้ยว
ฉึก
เฟี้ยว
ฉึก
เฟี้ยว
ฉึก
เฟี้ยว
ฉึก
เฟี้ยว
ฉึก
เฟี้ยว
ฉึก
ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
            ไซโครนมีดบินได้เริ่มต้นขึ้นซึ่งทุกๆคนคงคิดว่าท่าจะหยุดได้ยาก
            แล้วพวกรุ่นน้องได้แตกกระจายในที่สุด
            งานนี้ลูคัสต้องเอวครอดแน่ๆ
            เช้าวันรุ่งขึ้น ณ ห้องอาหารดราก้อน
            “ลอลี่” ลูคัสวิ่งมาอย่างลั่นล้าหาเพื่อนรัก
            เฟี้ยว
ฉึก
            “ลอลี่ พอสักทีได้ไหมเมื่อวานนายเล่นซะฉันเจ็บเอวเลยนะ”
            เฟี้ยว
ฉึก
            “เอ๊ะ ไม่เลิก”
            “เลิกยุ่งกะฉันซักที” ลอเลนซ์ระเบิดอารมณ์อยากตัดหมอนี่ออกจากความเป็นเพื่อนจริงๆ
            “เฟริน!” เสียงอันเย็นชาเร่งเร้าให้คนกินข้าวที่ซัดเข้าไปชามที่3ให้หยุดซักที แล้วเสียงนี่ทำให้ลอเลนซ์และลูคัสหยุดหันมาดูบทสนทนาภายในห้องอาหาร
            “โธ่ คาโลนายรอฉันมาตั้ง 1 ปีแล้ว แค่นี้รอก่อนไม่ได้หรอไง” พูดเสร็จก็พลางตักอาหารยัดเข้าปาก
            “นายอยากเขียนรายงานประวัติศาสตร์ส่งเจ้าชายชามัลหรือไง”คิลพูดเพราะเริ่มหงุดหงิดว่ากินเยอะก็จิงแต่ไม่รู้จักตื่นเช้ามานั่งกิน คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
            “พวกนายนี่เป็นเพื่อนที่ดีสำหรับฉันจริงๆ อย่างนี้ต้องคบไว้นานๆ”เจ้าตัวดีพูดพลางยัดอาหารคำสุดท้ายเข้าปากพลางจัดแจงลุกขึ้นเอาจานไปเก็บ
          เพื่อนที่ดีสำหรับฉัน
          เพื่อนที่ดี
          ลอเลนซ์ได้แต่คิดวนไปวนมาว่า ถ้าไม่มีลูคัส เขาจะมีวันนี้หรือไม่
          ถ้าไม่มีลูคัสเขาคงไม่เก่งในการขว้างมีดบินขนาดนี้ (!?)
          คิดพลางไปสบกับลูกตาใสแป๋วของลูคัสซึ่งจัดแจงมานั่งตรงข้ามเขา
          อืม
เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับเขา
          คงมีนายคงเดียวที่เป็นเพื่อนกับฉันใช่ไหม  ลูคัส
          เอาวะ ทนมาตั้งหลายปีเป็นเพื่อนกับหมอนี่ คบอีกไม่กี่ปีคงไม่เป็นไร         
          “ลอเลนซ์
.” ลูคัสพูดด้วยเสียงอันสั่นเครือ
          ลอเลนซ์สะดุ้งนิดๆว่าพูดแบบนี้จะมาไม้ไหนอีก
          “ขอโทษนะ เมื่อวานเล่นแรงไปหน่อย”
          ไม่หน่อยเลย
          พูดพลางลอบถอนหายใจแล้วลุกพรวด
          “นายจะไปไหน” ลูคัสเงยหน้าไปสบกับนัยน์ตาสีงทอง
          “ไม่ไปเรียนหรือไง ลุกขึ้นได้แล้ว”
          ลูคัสยิ้มแล้วเดินไปกอดคอกับเพื่อนรักคนนี้
          “เยี่ยม”
          โรเวนพูดขณะแอบมองลูคัสและลอเลนซ์สองผู้คุมกฏคนสำคัญ
          “งั้นก็ควรมีค่าตอบแทนเล็กๆน้อยๆนะฮะ”เจ้าตัวดีพูดพลางแบมือ
          “จะงกไปถึงไหนเฟริน”คิลพูดพลางมองไปยังเพื่อนซี้ที่นัยน์ตอนนี้เป็นสัญลักษณ์เงินคราวน์
          “โธ่ ไปแสดงละครให้ดู สมบทบาทออกซะขนาดนั้น น่าจะได้ค่าตอบแทนซะบ้างสิ” เจ้าตัวดีไม่วายเถียงต่อ
          โรเวนสบตาไปที่คาโลพร้อมพยักหน้าหมายให้คาโลจัดการเจ้าตัวดี
          “เฟรินนายจะหยุดพูด หรือจะให้ฉันทำให้นายหยุดพูด”
          เพียงแค่นั้นล่ะเจ้าตัวดีถึงกับหน้าขึ้นสีแล้วยอมเดินตามคาโลไปเรียนวิชาเจ้าชามัล
          คิลจึงได้แต่เดินยิ้มพลางคิดว่าเจ้าคาโลเก่งในการปราบเจ้าเฟริน แต่เจ้าชายโรเวนเก่งกว่าในการแก้ปัญหาให้ลูคัสกับลอเลนซ์คืนดีกัน
          สุดยอดจริงๆ
          และแล้ว
          “ลอลี่
. นายสุดยอดจริงๆเพราะนายแท้ทำให้ป้อมอัศวินมีเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นจากการขายมีดสั้นของนาย”
          เฟี้ยว
ฉึก
          ลูคัสก็คงยังหลบมีดบินได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนเดิม
          คิดผิดไหมเนี่ยที่ยังคบกับหมอนี่ต่อ คิดก็ขอถอนใจดังๆ
          ซาตานกับนักบวช
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
          แถมนิดส์
          มีดสั้นที่นำไปขายคือมีดสั้นจากไซโครนมีดสั้นนั่นเอง
          ราคาอันละ 1000 คราวน์
          ขายดีเพราะอะไรรู้ไหม
          ลูคัสไปป่าวประกาศว่า
          \"มีดสั้นนี้ เป็นเครื่องรางแสดงความเป็นมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างเรากับ ลอเลนซ์\"
          คนอื่นจึงนำไปคิดว่าคงจะศักดิ์สิทธิ์จริงๆเพราะคนอย่างนักบวชอารมณ์บูดเสมอจะมีเพื่อนเป็นซาตานอารมณ์ดีเสมอ คงเป็นพลังมิตรภาพอันยิ่งใหญ่แน่ๆ
  THE END
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น