เมื่อลูคัสเป็นจอร์จ และลอเลนซ์เป็นซาร่า - เมื่อลูคัสเป็นจอร์จ และลอเลนซ์เป็นซาร่า นิยาย เมื่อลูคัสเป็นจอร์จ และลอเลนซ์เป็นซาร่า : Dek-D.com - Writer

    เมื่อลูคัสเป็นจอร์จ และลอเลนซ์เป็นซาร่า

    เมื่อคู่หูลูคัสและลอเลนซ์ต้องมาขายของเอาเงินเข้าป้อมในสภาพ โอ้วพระเจ้าจอร์จมันยอดมาก

    ผู้เข้าชมรวม

    1,958

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    1.95K

    ความคิดเห็น


    29

    คนติดตาม


    10
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  29 เม.ย. 48 / 11:00 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ณ โรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์ก ในเช้าอันสดใสสวยงาม นกนานาพันธุ์กำลังร้องขับขานทำให้เช้านี้นักเรียนทุกๆคนในโรงเรียนต่างยิ้มแย้มแจ่มใส
          แต่ทว่า…
          เฟี้ยว…… ฉึก……
          “ลูคัส!! ฉันบอกนายตั้งกี่ครั้งว่าห้ามเรียกฉันแบบนี้!!” หนึ่งในผู้คุมกฏแห่งป้อมอัศวิน ลอเรนซ์ นักบวชที่หน้าหมดอายุเสมอ(บูด)
          “สำหรับวันนี้อ่ะนะ ครั้งที่ 78 เอง” และอีกหนึ่งผู้คุมกฏแห่งป้อมอัศวิน ลูคัส สมญานามว่าซาตาน ซึ่งบัดนี้หน้าตาภายใต้แว่นกรอบทองนั้นหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสรับกับบรรยากาศเช้าวันนี้ พร้อมเอี้ยวตัวหลบมีดบินอย่างชำนาญ
          “แล้ววันนี้มีอะไรอีกล่ะ” ลอเลนซ์พูดพลางสบตาลูคัส พร้อมกับความไม่ไว้วางใจคนข้างหน้า เพราะเวลาอยู่กับหมอนี่ที่ไรชีวิตไม่เคยสงบเสมอ
          “ก็โรเวนเรียกไปประชุมน่ะสิ ไปกันๆ” ลูคัสพูดพลางกวักมือเรียกนักบวชแห่งป้อมอัศวินอย่างสนิทสนม
          ห้องประชุม ซึ่งมีหัวหน้าป้อม หัวหน้าป้อมในแต่ละชั้นปี ผู้คุมกฏ มาประชุม
          “ปราชญ์เลโมธีมีคำสั่งให้ป้อมอัศวินนำเสนอโฆษณาขายของอะไรก็ได้ในแต่ละชั้นปี” เจ้าชายโรเวนแห่งเจมิไน เสธคนสำคัญของป้อมพูดพลางคิดในใจว่า ปราชญ์เลโมธีมีความคิดที่คล้ายๆกับเฟรินเข้าไปทุกที(อีกความหมายก็ความคิดที่งี่เง่าสิ้นดี) \"เนื่องจากป้อมอัศวินของเราซอมซ่อเหลือรับประทาน”(ว่าแต่เขาตัวเองก็เป็นละว้า)\"จึงต้องหาเงินโดยการขายของ แล้วมีการออกอากาศสดถ่ายทอดภายในป้อมกันเองก่อน เพื่อทดลองว่าเวทมนต์ที่ใช้ฉายนั้นมีประสิทธิภาพดีหรือป่าว”
          เสียงในห้องก็เริ่มเซ็งแซ่ ดังขึ้น
          “แล้วทำไมไม่เดินเรี่ยไรเอาล่ะ”เพียงแค่เสียงนี้ดังขึ้นก็ทำให้ห้องประชุมทั้งห้องเงียบลงในทันที
          “ลอลี่ ป้อมของเราเดินเรี่ยไรเงินจากพวก ปราสาทขุนนาง ปราการปราชญ์ แล้วก็แผ่นดินประชาชนจนพวกเขาดูแคลนแล้ว แล้วฉันคิดว่าความคิดนี้เป็นความคิดที่ดีนะ น่าจะสนุก”
          เฟี้ยว…… ฉึก……..
          เอื้อก!
          ทั้งห้องประชุมเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องซะแล้ว เมื่อพายุมีดเงินจากลอเลนซ์เริ่มอาละวาดอีกแล้ว
          “ลูคัส ฉันบอกแล้วไงว่าให้เลิกเรียกแบบนี้ซักที”
          “โธ่! ลอลี่ แค่ทำให้การประชุมครั้งนี้มีสีสันบ้างดูสิ พวกรุ่นน้องรวมทั้งเสธคนสำคัญยังหน้าดำคล้ำเคลียดกันเลย
          เฟี้ยว……ฉึก……
          ห้องทั้งห้องหน้าดำคล้ำเครียดก็เพราะพายุมีดบินน่ะสิ การประชุมมันไม่เครียดอะไรนักหนาหรอก
          “ลูคัส!”
          “พอๆๆ” โรเวนพูดตัดบทก่อนที่การประชุมจะกลลายเป็นสงครามมีดบินซะก่อน”มีใครจะถามอีกหรือป่าว ถ้าไม่ก็แยกย้ายกันไปประชุมของแต่ละชั้นปีกันเองแล้วมานำแผ่นร่างโครงงานมาส่งให้.. ลอเลนซ์ พรุ่งนี้เช้า ปิดประชุม”
          เฮ้ยย  โรเวนลงโทษลอเลนซ์หรือคิดยังไงของเขาที่ต้องนำแผ่นร่างไปส่งให้กับลอเลนซ์ที่ตอนนี้ดูท่าทางอารมณ์จะบูดสุดๆจนถึงพรุ่งนี้เช้า
          เมื่อนักเรียนชั้นปีต่างๆเริ่มทยอยออกนอกห้องลูคัสจึงคิดแผนดีๆ กำชับสัมพันธไมตรีระหว่างเขากับลอลี่จึงปรี่เข้าไปหาโรเวน
          “โรวี่ๆๆ”
          “หืม” โรเวนจึงหันไปคุยด้วย แล้วเริ่มสังเกตุเห็นอารมณ์คึกคักสุดๆของซาตานแห่งป้อมอัศวินจึงเริ่มรู้สึกว่าจะหาเรื่องอะไรมาให้เขาอีก
          “สำหรับชั้นปีเรา ฉันขอวางแผนเองเองนะๆ” ลูคัสส่งสายตาปริบๆไปให้โรเวน
          “..”
          “โรวี่…น้าาา” เมื่อโรเวนมองสบตาอันหน้ากระอักกระอ่วนที่ลูคัสพยายามทำว่าอ้อนวอนอย่างแรงกล้า แต่เรื่องแบบนี้ลูคัสต้องหาเรื่องเป็นแน่แท้เลยกะจะปฏิเสธ แต่เมื่อมองสายตาของลัคัสดีแล้วรู้สึกว่า ถ้าปฏิเสธไปมีหวัง .. ทั้งวันคงมีแต่ โรวี่ๆๆ ทั้งวันแน่ๆ
                      “.. อืมๆ ก็ได้ แล้วก็อย่าลืมนะว่าชั้นปีเราต้องทำเป็นตัวอย่างให้รุ่นน้องดู เพราะฉะนั้นคิดหน้าคิดหลังให้ดีล่ะ” เหมือนเป็นคำดักคอทำให้ลูคัสสะดุ้งนิดนึง แล้วก็พยักหน้ารับอย่างเด็กว่าง่าย (โอย ซาตานแห่งป้อมอัศวินเราทำไมเหมือนเด็กปัญญาอ่อนเข้าไปทุกวันๆ) “แล้วก็ลองเล่าแผนงานมาคร่าวๆสิ”

                      เมื่อลูคัสเล่าแผนการเอ้ย แผนงานเสร็จก็สังเกตุถึงการพยายามกลั้นหัวเราะอย่างสุดขีดของเจ้าชายแห่งเจมิไน แล้วเจ้าชายแห่งเจมิไนก็เริ่มแผนการ เอ้ยแผนงาน(เราเปนอะไรไปเนี่ย)ของลูคัส
                      “ลอเลนซ์ ซ์ซ์ซ์ซ์ซ์ซ์”
                      เสียงกวนประสาทอย่างงี้เป็นใครไม่ได้นอกจากลูคัส ลอเลนซ์จึงเริ่มคว้ามีบินอกกไปอย่างลืมตัวว่า
                      เฟี้ยว…… ฉึก……
                      มันไม่ได้เรียกเขาว่า ลอลี่ นี่
                      “ใจร้าย..”ลูคัสพูดขณะเอี้ยวตัวหลบอย่างชำนิชำนาญ
                      “นายไม่ชอบที่ฉันอุตส่าห์เรียกนายว่า ลอเลนซ์ หรอ ลอลี..เลนซ์”เกือบพลาดไปแล้วลูคัสพึมพำอยู่ในใจ แล้วพยายามปั้นสีหน้าให้เศร้าที่สุด
                      “ขอ..โทษ ก็นายชอบเรียกฉันในแบบที่ฉันไม่ชอบนี่ ก็เลยขว้างไปอย่างลืมตัว” ลอเลนซ์เริ่มรู้สึกผิดอยู่เล็กๆ
                      “ลืมตัว!!” เสียงปรี้ดลั่นหู “นายพูดออกมาได้ว่าลืมตัวอย่างงี้มันไม่สมกับนายเลยนะท่านนักบวช”
                      “แล้วจะให้ทำไงล่ะ”ลอเลนซ์รู้สึกหงุดหงิดแต่ก็ตัวเองผิดนี่หน่าทำไงได้
                      “งั้น…” หึหึหึ ลอลี่หนอ ลอลี่ ใจอ่อนไม่เข้าเรื่องแฮะ

                      เช้าวันรุ่งขึ้น ณ ลานตะวันที่ๆจะเป็นที่ถ่ายทอดสดโดยพวกรุ่นพี่เป็นการปฐมฤกษ์
                      ไอ้ลูคัส ไอ้ซาตานงี่เง่า ไอ้…..
                      ลอเลนซ์สบถอย่างไม่หยุดยั้งขณะที่ โซมาเนีย อีกหนึ่งสาวในผู้คุมกฏแห่งป้อมอัศวินที่กล้าหาญชาญชัยกำลังจัดแจงแต่งหน้าแต่งตาให้นักบวช
                      “ผิวนายนี่สวยจริงๆๆ..”
                      เอื้อก!!
                      คำชมของโซมาเนียคำอื่นๆเป็นต้องพับเก็บเข้ากระเป๋าลงไปเมื่อสายตาอันคมกริบของนักบวชเป็นเหมือนสื่อบอกนัยๆว่า ‘ถ้าพูดมากมากกว่านี้ศพไม่สวยแน่’
                     ด้านนอกของกระโจมแต่งตัวโรเวนกำลังจัดแจงจัสถานที่ที่จะถ่ายทอดโดยมีพวกรุ่นน้องมาร่วมแจมในการถ่ายทอดสดในครั้งนี้ด้วย
                      “ร้อนชะมัด ไหนว่าจะมาดูการถ่ายทอดสดของพวกรุ่นพี่เป็นตัวอย่างแต่ไหงต้องมาช่วยจัสถานที่ด้วย” คำบ่นเป็นชุดเป็นของใครไม่ได้นอกจาก เฟริน เดอะทีฟ ออฟ บารามอส ในคราบเด็กหนุ่มที่กำลังยกเก้าอี้จัดเรียงเป็นแถวๆ
                      “นายจะบ่นอะไรหนักหนา เฟริน” คิล ฟีลมัส เดอะคิลเล่อร์ออฟ ซาเรซ เพื่อนซี้ของนายเฟรินที่กำลังจัดแจงยกเก้าอี้อยู่เช่นกัน
                      “ก็ไหน ยัยแองจี้บอกว่าจะมาดูพวกรุ่นพี่เขาทำงานจะได้เป็นตัวอย่าง แล้วอะไรเนี่ยแบกเก้าอี้ต้องกี่ตัวแล้วเนี่ย… จ้าก!!!!\"  คทาอรหันต์ที่เจ้าของไม่เคยยั้งมือในการฟาดแต่ละครั้ง
                      “กะอีแค่ยกเก้าอี้จะบ่นอะไรนักหนาเฟริน”แม่มด(น้อย)แองจีเรน่า โรมานอฟ เจ้าของคทาอรหันต์วางเก้าอี้ไว้ข้างๆตัวก่อนจะมาฉะกะหนุ่มที่เคยทำให้เธอหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
                      “เอาล่ะๆ “ เจ้าชายโรเวนแห่งเจมิไนเข้ามายับยั้งศึกของรุ่นน้องพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พอยกเก้าอี้กันเสร็จก็หมดหน้าที่ของพวกเธอแล้วล่ะ แล้วมานั่งชมรายการที่รุ่นพี่ตั้งใจจะนำเสนอ เราก็ขณะชมรายการก็อย่ากล่าวอะไรเสียงดังหรือหัวเราะเสียงดัง เข้าใจไหมเฟริน เดอเอโรว์” พูดพร้อมกับหันไปยิ้มๆกับเฟริน
                      รอยยิ้มแห่งหายนะ
                      คงมีคนๆเดียวที่ได้รับเกียรติจากเจ้าชายโรเวนมาเตือนถึงตัว
                      แล้วการถ่ายทอดรายการก็เริ่มขึ้นมีการจัดทำเวทีเตี้ยๆขึ้นมา(ก็หาเงินเข้าป้อมอ่ะนะเลยได้แค่นี้ ขืนทำอลังการกว่าเนี้ยคงกลายเป็นผลาญเงินป้อมซะมากกว่า)มีเก้าอี้เรียงเป็นแถวๆซึ่งพวกรุ่นน้องที่อยากมาชมก็นั่งเป็นแถวแลดูเป็นระเบียบ ซึ่งงานนี้เฟรินที่โดนเจ้าชายโรเวนหมายหัวจึงต้องนั่งเจียมเจี๋ยมเพราะด้านขวาก็มีเจ้าชายคาโลแห่งคาโนวาล(ได้ออกโรงซะที)ที่ส่งสายตาดุมาปราม แล้วก็ด้านซ้ายเพื่อนซี้ที่คิดหาทางแกล้งเจ้าเพื่อนข้างๆโดยทำข้อตกลงกับคาโลว่าถ้าเจ้าเฟรินก่อเรื่องเมื่อไรจะยินดีขโมย(เปลี่ยนอาชีพซะแล้ว)แหวนของเฟรินทำให้เฟรินกลายเป็น เฟลิโอน่าเกรเดเวลเดอะปริ้นเซซออฟบารามอสแอนด์เดมอส ว่าที่พระชายาของเจ้าชายคาโล พร้อมกับไปนอนห้องของโรในตอนกลางคืนซึ่งข้อตกลงนี้ทำให้เฟรินถึงกับนั่งเรียบร้อย แล้วที่สำคัญที่สุดด้านหลังที่คิดว่าต้องเป็น โร เซวาเรสขอทานกิตติมศักดิ์ที่ชอบโผล่มาข้อางหลังอยู่เรื่อยแต่กลับกลายเป็นแองจี้ซึ้งหล่อนพร้อมที่จะลงคทาอรหันต์ได้ทุกเมื่อ
                     แต้น..แต๋น..แต๊น..แตนนน
                     เสียงเปิดรายการได้ดังขึ้น ซึ่งบรรเลงโดยเหล่ารุ่นน้องป้อมอัศวิน
                     “สวัสดีครับ” เจ้าของสมญญานามว่าซาตานแห่งป้อมอัศวินในคราบชุดสูททักสิโด้(เอามาจากไหนเนี่ย)สีดำคงแท้บาดใจสาวถ้าไม่มีสมญญานามว่า ซาตาน และ ไม่อารมณ์ดดีทั้งวันจนคิดว่าปัญญาอ่อนเขาก็คงเป็นบุรุษมีคนมาจีบเยอะไม่แพ้เจ้าชายโรเวนเลย
                     “ผมชื่อ ลูคัส แต่สำหรับรายการนี้คงเรียกผมว่า จอร์จนะครับ”เจ้าตัวกล่าวพร้อมยิ้มโปรยเสน่ห์ให้ แต่เสียงตอรับเป็นแค่เสียงกั้นหัวเราะของผู้ชมซะมากกว่า
                     “แต่วันนี้ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่ดำเนินรายการยังมี สาวสวยรอคุณอยู่”  ลูคัสพูดพลางผายมือไปยังประตูที่มีเพียงผ้าสีชมพูหวานกั้นบังข้างใน พร้อมที่จะเปิดได้ทุกเมื่อ
                     ทั้งหมดที่ชมอยู่คงคิดว่าเป็นโซมาเนียแน่ๆ เพราะเท่าที่รู้จักรุ่นพี่ที่เป็นผู้หญิงก็มีเพียงคนๆเดียวเท่านั้น
                     แต่คิดผิด..
                     สาวที่เดินออกมานั้นมีผมยาวสีทองพลิ้วรับแรงลมคลอเคลียตามลำคอ สวมชุดสีชมพูปิดลำคอและเปิดหัวไหล่กว้าง ชายกระโปรงยาวลากพื้น มีผ้าคลุมไหล่สีแดงอ่อนคลุมไหล่อยู่ แล้วดวงตาสีม่วงคู่นั้นดูแล้วรู้สึกว่าเหมือน…
                     ลอเลนซ์!! นักบวชแห่งป้อมอัศวิน ผู้ที่มีอารมณ์บูดเสมอ
                     แต่ว่าสวยแหะ
                     ผู้ชมที่นั่งชมเหมือนกับสอบวิชาหน้ากากฟาโรห์อยู่เพราะต้องสวมหน้ากากหลายต่อหลายชั้นถ้าเกิดใครหัวเราะขึ้นมามีหวังได้เกิดพายุมีดบินเปนแน่แท้
                     “สวัสดี”เสียงคำที่ฟังดูก็รู้ว่าขณะนี้กำลังบูดอย่างที่สุด แต่แปลกที่เสียงคลับคล้ายคลับคลาคล้ายๆผู้หญิงยังไงไม่รู้
                     “ผู้หญิงคนนี้ชื่อซาร่า..” ลูคัสพยายามไกล่เกลี่ยสถานการณ์ที่รู้สึกว่าแย่ลง แต่รู้สึกว่าคำพูดที่ลูคัสพูดพยายามไกล่เกลี่ยนั้นยิ่งทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงไปอีก
                     ไอ้ลูคัส ไอ้โรเวน ยัยโซมาเนีย ไอ้พวกมาส่งแผนงานตอนเช้า ต้องจัดการๆๆ
                     ลอเลนซ์เริ่มพึมพำกับตัวเองที่ไปโง่ติดกับซาตานงี่เง่านั้น ดันไปรับคำไถ่โทษว่าจะยอมทำตามที่ลูคัสพูดเพื่อสะสางความผิดที่ไปส่งมีดบินไปให้
                     ส่วนโรเวน ก็เล่นไปกับซาตานงี่เง่า วางแผนซะดิบดี แล้วร่ายมนต์ใส่เขาให้พูดเสียงสูงขึ้นเหมือนผู้หญิงแล้วก็ทำให้ผมบ้าให้ยาวขึ้น
                     ส่วนโซมาเนียไปเออออกับโรเวนจัดแจงหาเสื้อผ้ามาให้แถมเป็นคอเต่ารู้สึกอึดอัดเป็นที่สุด (ต้องบังลูกกระเดือกนี่หน่า) แล้วก็รำคาญผ้าคลุมไหล่นี่ (ก็เล่นปามีดบินทุกวันกล้ามก็ขึ้นเป็นธรรมดาเลยต้องเอาผ้ามาปิดไว้) สุดท้าย กระโปรงยาวนี่รำคาญที่สุดเพราะจะทำให้สะดุดหกคะเมน (ก็บังขนหน้าแข้งงามๆของน้องลอเลนซ์นะ)แล้วรองเท้าต่อให้ตายยังไงก็ใส่ผ้าใบ
                     สุดท้ายพวกรุ่นน้องที่มาส่งแผนงานให้ต้องมาพบเขาในสภาพที่.. จนรุ่นน้องที่มาส่งถึงกลับกลั้นหัวเราเป็นแถวๆๆ
                     จบงานนี้ตัดขาดกับแกแน่ เจ้าซาตานปัญญาอ่อน
                     “สินค้าที่จะนำมาเสนอขายในวันนี้คือ..”
                     พวกรุ่นน้องเริ่มสนใจมากขึ้นหลังจากเซอร์ไพร์ตของลอเลนซ์ทำให้งานเริ่มครึกครื้นมากขึ้น
                     “ลอลี่..” ลูคัสพูดพร้อมเอี้ยเบนตัวหลบมีดสั้นที่ไม่รู้เจ้าคนปามันเอามาจากไหนเพราะชุดที่มันใส่ไม่น่าจะมีที่ใส่มีดบินซักเล่ม
                     เฟี้ยว….. ฉึก…….
                     “ลูคั..”
                     “แล้วของที่เสนอขายสำหรับวันนี้คือ มีดสั้นเงินของนักบวชแห่งป้อมอัสวิน ที่มีความคม ความเงาแวววาว” ลูคัสพูดขัดคำของลอเลนซ์
                    ผิดคาด
                    บอกได้คำเดียวว่าผิดคาด พวกรุ่นน้องนึกว่าจะนำของสำคัญของแต่ละประเทศ หรือความสามารถในการผลิตของพวกรุ่นพี่มาขายแต่นึกไม่ถึงว่าจะมาเสนอขายของสัญลักษณ์ตัวแทนของรุ่นพี่ลอเลนซ์
                    นายแน่มากรุ่นพี่ลูคัส กล้าเสี่ยงตายจริงๆ
                    ศอกของลูคัสเริ่มสะกิดลอเลนซ์ให้พูดคำที่เตี๊ยมไว้เพื่อรักษาหน้าของป้อมอัศวินและรักษาหน้าและมาดของพวกรุ่นพี่
                   แต่ในความคิดของลอเลนซ์กับตรงกันข้ามถ้าขืนพูดคำนี้ออกไปมีหวังกลายเป็นตัวตลกของป้อมแน่
                   แต่เอาไงเอากันวะ
                   “โอ้ว!! พระเจ้า จอร์จ มันยอดมากค่ะ”
                   เงียบบ.. พร้อมกับหน้าตาซีดของเรารุ่นน้องที่มาชมในวันนี้
                   ลูคัสกั้นหัวเราะจนตัวสั้นริกๆ แต่ต้องกั้นไว้ขืนหัวเราออกมามีหวังเกิดไซโครนมีดบินแน่ๆ
                   ลูคัสรวบรวมสติอีกครั้งแล้วกล่าวต่อไปว่า
                   “ถ้าท่านโทร.เข้ามาภายใน10นาทีนี้คุณจะได้รับของสมมนาคุณคือ..”
                   ลูคัสพูดเสร็จแล้วหันไปสบตากับลอเลนซ์แล้วกระตุกรอยยิ้มที่มุมปากดูเจ้าเลห์ยิ่งนัก
                   “ลอลี่ ลอลี่ ลอลี่ ลอลี่ ลอลี่”
                   เฟี้ยว…… ฉึก……
                   เฟี้ยว…… ฉึก……
                   เฟี้ยว…… ฉึก……
                   เฟี้ยว…… ฉึก……
                   เฟี้ยว…… ฉึก……
                   ลูคัสหลบอย่างชำนาญทำให้มีดบินทั้งหลายไปปักบนกำแพงอย่างสวยงาม
                   “เยี่ยมจริง เป็นรูปดาวซะด้วย.. ของสมนาคุณก็คือ แถมฟรีมีดบินอีก 5 เล่ม”
                   “ขอจบรายการเพียงเท่านี้” ลอเลนซ์พูดตัดบทจบรายการซะงั้นเพื่อที่จะได้กลับไปเอาชุดบ้าๆนี่ออก
                   “อืม เหนื่อยหน่อยนะ” โรเวนพูดพลางส่งน้ำมาให้แต่ลูคัสกลับเสกโต็ะอัลลอยด์พร้อมถ้วยกาน้ำชาขึ้นมา แล้วนั่งจิบอย่างสบายอารมณ์
                   “โรเวนถอดเวทมนต์บ้าๆนี่ออกซะ” ลอเลนซ์พูดพลางส่งสายตาไม่พอใจออกมาเต็มเปี่ยม
                   “โธ่เสียดายจัง สวยนะ”
                   เฟี้ยว…… ฉึก……
                   โรเวนจะเป็นรายที่สองที่สามารถหลบมีดบินได้อย่างเชี่ยวชาญ
                   กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
                   “อ๊ะ มีคนโทรเข้ามาแล้ว ลอลี่ไปรับที ฉันนั่งดื่มชาอยู่ ไม่ว่าง”
                   เฟี้ยว…… ฉึก……
                   “ลูคัส!”
                   “น่าๆรับให้หน่อย”
                   เอาว่ะไหนจะตัดขากกับหมอนั่นแล้วรับหน่อยก็ได้
                   “หวัดดี”
                   “เอ้า ลอเลนซ์หรอ”
                   เสียงนี่มัน … อาเธอร์แห่งปราสาทขุนนางนี่
                   “ลูคัส!!!!!!!!”
                   “หะ”
                   “ไหนนายบอกว่าถ่ายทอดแค่ในป้อมอัศวินไม่ใช่หรอ!!!!!” ลอเลนซ์เส้นอารมณ์จวนจะขาดสะบั้นอยู่รอมร่อ
                   “อ๋อเรื่องนั้น” โรเวนพูดขัดขึ้นมา “พอดีไปรายงานผลการประชุมแล้วรองยื่นแผนงานให้ท่านปราชญ์เลโมธีดู แล้วท่านก็เห็นดีด้วยจึงสั่งประกาศให้ทั่วทั้งเอดินเบิร์ก”
                  “ทั่วเอดินเบร์ก!!!!!!!!!!!!!!!”
                  เพียงเท่านั้นล่ะเส้นอารมณ์ของลอเลนซ์ได้ขาดสะบั้นลงอย่างสิ้นเชิง
                  เฟี้ยว…… ฉึก……เฟี้ยว…… ฉึก……เฟี้ยว…… ฉึก……เฟี้ยว…… ฉึก……เฟี้ยว…… ฉึก……เฟี้ยว…… ฉึก……เฟี้ยว…… ฉึก……เฟี้ยว…… ฉึก……เฟี้ยว…… ฉึก……เฟี้ยว…… ฉึก……เฟี้ยว…… ฉึก……เฟี้ยว…… ฉึก……เฟี้ยว…… ฉึก……เฟี้ยว…… ฉึก……เฟี้ยว…… ฉึก……เฟี้ยว…… ฉึก……เฟี้ยว…… ฉึก……เฟี้ยว…… ฉึก……เฟี้ยว…… ฉึก……เฟี้ยว…… ฉึก……เฟี้ยว…… ฉึก……เฟี้ยว…… ฉึก……เฟี้ยว…… ฉึก……เฟี้ยว…… ฉึก……เฟี้ยว…… ฉึก……ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
                  ไซโครนมีดบินได้เริ่มต้นขึ้นซึ่งทุกๆคนคงคิดว่าท่าจะหยุดได้ยาก
                  แล้วพวกรุ่นน้องได้แตกกระจายในที่สุด
                  งานนี้ลูคัสต้องเอวครอดแน่ๆ

                  เช้าวันรุ่งขึ้น ณ ห้องอาหารดราก้อน
                  “ลอลี่” ลูคัสวิ่งมาอย่างลั่นล้าหาเพื่อนรัก
                  เฟี้ยว…… ฉึก……
                  “ลอลี่ พอสักทีได้ไหมเมื่อวานนายเล่นซะฉันเจ็บเอวเลยนะ”
                  เฟี้ยว…… ฉึก……
                  “เอ๊ะ ไม่เลิก”
                  “เลิกยุ่งกะฉันซักที” ลอเลนซ์ระเบิดอารมณ์อยากตัดหมอนี่ออกจากความเป็นเพื่อนจริงๆ
                  “เฟริน!” เสียงอันเย็นชาเร่งเร้าให้คนกินข้าวที่ซัดเข้าไปชามที่3ให้หยุดซักที แล้วเสียงนี่ทำให้ลอเลนซ์และลูคัสหยุดหันมาดูบทสนทนาภายในห้องอาหาร
                  “โธ่ คาโลนายรอฉันมาตั้ง 1 ปีแล้ว แค่นี้รอก่อนไม่ได้หรอไง” พูดเสร็จก็พลางตักอาหารยัดเข้าปาก
                  “นายอยากเขียนรายงานประวัติศาสตร์ส่งเจ้าชายชามัลหรือไง”คิลพูดเพราะเริ่มหงุดหงิดว่ากินเยอะก็จิงแต่ไม่รู้จักตื่นเช้ามานั่งกิน คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
                  “พวกนายนี่เป็นเพื่อนที่ดีสำหรับฉันจริงๆ อย่างนี้ต้องคบไว้นานๆ”เจ้าตัวดีพูดพลางยัดอาหารคำสุดท้ายเข้าปากพลางจัดแจงลุกขึ้นเอาจานไปเก็บ
                 เพื่อนที่ดีสำหรับฉัน
                 เพื่อนที่ดี
                 ลอเลนซ์ได้แต่คิดวนไปวนมาว่า ถ้าไม่มีลูคัส เขาจะมีวันนี้หรือไม่
                 ถ้าไม่มีลูคัสเขาคงไม่เก่งในการขว้างมีดบินขนาดนี้ (!?)
                 คิดพลางไปสบกับลูกตาใสแป๋วของลูคัสซึ่งจัดแจงมานั่งตรงข้ามเขา
                 อืม… เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับเขา
                 คงมีนายคงเดียวที่เป็นเพื่อนกับฉันใช่ไหม  ลูคัส
                 เอาวะ ทนมาตั้งหลายปีเป็นเพื่อนกับหมอนี่ คบอีกไม่กี่ปีคงไม่เป็นไร          
                 “ลอเลนซ์….” ลูคัสพูดด้วยเสียงอันสั่นเครือ
                 ลอเลนซ์สะดุ้งนิดๆว่าพูดแบบนี้จะมาไม้ไหนอีก
                 “ขอโทษนะ เมื่อวานเล่นแรงไปหน่อย”
                 ไม่หน่อยเลย
                 พูดพลางลอบถอนหายใจแล้วลุกพรวด
                 “นายจะไปไหน” ลูคัสเงยหน้าไปสบกับนัยน์ตาสีงทอง
                 “ไม่ไปเรียนหรือไง ลุกขึ้นได้แล้ว”
                 ลูคัสยิ้มแล้วเดินไปกอดคอกับเพื่อนรักคนนี้

                 “เยี่ยม”
                 โรเวนพูดขณะแอบมองลูคัสและลอเลนซ์สองผู้คุมกฏคนสำคัญ
                 “งั้นก็ควรมีค่าตอบแทนเล็กๆน้อยๆนะฮะ”เจ้าตัวดีพูดพลางแบมือ
                 “จะงกไปถึงไหนเฟริน”คิลพูดพลางมองไปยังเพื่อนซี้ที่นัยน์ตอนนี้เป็นสัญลักษณ์เงินคราวน์
                 “โธ่ ไปแสดงละครให้ดู สมบทบาทออกซะขนาดนั้น น่าจะได้ค่าตอบแทนซะบ้างสิ” เจ้าตัวดีไม่วายเถียงต่อ
                 โรเวนสบตาไปที่คาโลพร้อมพยักหน้าหมายให้คาโลจัดการเจ้าตัวดี
                 “เฟรินนายจะหยุดพูด หรือจะให้ฉันทำให้นายหยุดพูด”
                 เพียงแค่นั้นล่ะเจ้าตัวดีถึงกับหน้าขึ้นสีแล้วยอมเดินตามคาโลไปเรียนวิชาเจ้าชามัล
                 คิลจึงได้แต่เดินยิ้มพลางคิดว่าเจ้าคาโลเก่งในการปราบเจ้าเฟริน แต่เจ้าชายโรเวนเก่งกว่าในการแก้ปัญหาให้ลูคัสกับลอเลนซ์คืนดีกัน
                 สุดยอดจริงๆ

                 และแล้ว
                 “ลอลี่……. นายสุดยอดจริงๆเพราะนายแท้ทำให้ป้อมอัศวินมีเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นจากการขายมีดสั้นของนาย”
                 เฟี้ยว…… ฉึก……
                 ลูคัสก็คงยังหลบมีดบินได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนเดิม
                 คิดผิดไหมเนี่ยที่ยังคบกับหมอนี่ต่อ คิดก็ขอถอนใจดังๆ

                ซาตานกับนักบวช
      *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
                แถมนิดส์
                มีดสั้นที่นำไปขายคือมีดสั้นจากไซโครนมีดสั้นนั่นเอง
                ราคาอันละ 1000 คราวน์
                ขายดีเพราะอะไรรู้ไหม
                ลูคัสไปป่าวประกาศว่า
                \"มีดสั้นนี้ เป็นเครื่องรางแสดงความเป็นมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างเรากับ ลอเลนซ์\"
                คนอื่นจึงนำไปคิดว่าคงจะศักดิ์สิทธิ์จริงๆเพราะคนอย่างนักบวชอารมณ์บูดเสมอจะมีเพื่อนเป็นซาตานอารมณ์ดีเสมอ คงเป็นพลังมิตรภาพอันยิ่งใหญ่แน่ๆ

        THE END

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×