ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ประสบการณ์ลดน้ำหนักด้วยตัวเอง เดือนละ 10 กิโลฯ

    ลำดับตอนที่ #39 : ผู้หญิง กับ ความอ้วน ( 2 )

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.34K
      5
      1 พ.ค. 48







                                หมายเหตุ   เขียนวันที่ 1 พ.ค. 48                 หนัก 80.0 กิโลกรัม





                               สรุปผลที่ทำมา 3 เดือนครับ



                               เดือน ก.พ. 48              ลดจาก  107  เหลือ  97     ลดได้ 10 กิโลกรัม



                               เดือน มี.ค. 48              ลดจาก   97   เหลือ  85     ลดได้ 12 กิโลกรัม



                               เดือน เม.ย. 48             ลดจาก   85   เหลือ  80     ลดได้  5 กิโลกรัม



                                                                                                      รวม 27 กิโลกรัม





                               อันนี้ก็ถือเป็นค่าประมาณที่ได้นะครับ กลับมาเช็คดูอีกทีก็เพิ่งเห็นว่าเดือน เม.ย. นี่ลดได้ไม่มากเท่าไหร่ แต่ประมาณ 5 โลก็น่าจะโอเคแล้ว เพราะอย่างน้อยก็รับประกันว่าไม่มีโยโยเกิดขึ้นมาตลอด 3 เดือนที่ผ่านมานี้ และเทคนิคการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินก็ได้ผลมากทีเดียวครับ เพราะเมื่อเช้ากินโจ๊กไป 1 ชาม 10 โมงผมไปทำฟัน พอตอนเที่ยงเลยต้องกินโจ๊กอีก เพราะกินอย่างอื่นคงไม่ได้ แต่มันก็อิ่มครับ คืออยู่ท้อง  ทำให้ผมในวันนี้สงสัยว่า ผมในวันนั้นกินเข้าไปได้ยังไง บางมื้อตั้ง 3 จาน ส่วนผมในวันนั้นก็เคยสงสัยคนที่กินน้อยว่า เขากินแค่นั้นมันจะอิ่มไปได้ยังไง



                               วันนี้จะมาเล่าต่ออะครับถึงเรื่องทีเล่าค้างไว้ รู้สึกว่ามาถึงเหตุการณ์ที่พี่เขาแยกทางกันพอดี  หลังจากนั้นผมมีโอกาสได้คุยกับพี่ผู้หญิง  แต่พี่เขาคุยกับผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่มากสักเท่าไหร่ แต่ผมก็ทราบรายละเอียดบางอย่างมาจากเพื่อนของพี่เขาด้วย พอเอามาประมาลรวมกันก็ได้ใจความประมาณว่า พี่ผู้หญิงของผมนี่เขาเสียใจมาก สาเหตุก็เพราะว่า พี่ผู้ชายเปลี่ยนไป เพราะตอนที่พี่เขาคบกันเป็นแฟนนั้น พี่เขารู้สึกว่าพี่ผู้ชายเทคแคร์ดีมากๆเลย จนทำให้พี่เขารู้สึกดีมาก จนสุดท้ายก็ได้มาแต่งงานกัน พอแต่งงานแล้วก็ไปร่วมมือกันทำธุรกิจ ช่วงแรกๆ ก็ต้องฝ่าฟันด้วยกัน พี่ผู้ชายเองเขาก็อยู่เคียงข้างเสมอ พี่ทั้งคู่ต่อสู้ไปด้วยกันจนธุรกิจประสบความสำเร็จ



                               และพอทั้งคู่ฐานะดีขึ้น พี่ผู้ชายก็ค่อยๆเปลี่ยนไป เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่ค่อยเทคแคร์เหมือนเดิม ทำงานด้วยกันแต่ไม่ค่อยเจอกันสักเท่าไหร่ พอจับได้ว่าเขามีเมียน้อย ก็บอกขอเลิก โดยที่ไม่ได้คิดว่าพี่เขาจะขับรถออกไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย แสดงว่าต้องหลงผู้หญิงคนนั้นจนโงหัวไม่ขึ้นแน่ๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นแสดงว่าเขาเปลี่ยนไปมาก เพราะไม่เคยมีแววเจ้าชู้มาก่อน พี่ผู้หญิงสรุปว่า ที่พี่ผู้ชายเปลี่ยนไปนั้นเป็นเพราะเงิน เงินทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป พอพี่เขาอ้วนเข้าหน่อย พี่ผู้ชายก็ลืมเหตุการณ์ในช่วงที่ฟันฝ่ามาด้วย ลืมที่เคยลำบากมาด้วยกัน พอมีเงินก็เอาเงินไปให้ผู้หญิงสวยๆแทน ผู้ชายมันก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ



                              และนั่นก็คือข้อสรุปของพี่ผู้หญิงครับ และต่อมาอีกไม่นานมากนัก ผมก็ได้มีโอกาสคุยกับพี่ผู้ชาย พี่แกพูดอย่างหมดเปลือกจริงๆ ปรกติเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่วันนั้นจะพูดมากเป็นพิเศษ พี่ผู้ชายเขาพูดให้ผมฟังว่า ช่วงหลังๆพี่เขาเบื่อมาก พี่เขารู้สึกว่าพี่ผู้หญิงเปลี่ยนไป เพราะสมัยแรกๆพี่เขาเป็นคนที่น่ารักมาก ทั้งนิสัยใจคอและรูปร่างหน้าตา ยิ่งใกล้ๆจะแต่งงานพี่เขาเองก็ยิ่งน่ารัก พอหลังจากแต่งงานแล้ว พี่เขาก็ค่อยๆเปลี่ยนไป ในช่วงแรกๆก็ยังดีๆกันอยู่ แต่พอเครียดกับงานมากขึ้นก็หงุดหงิดมากขึ้น ทำตัวไม่น่ารักเหมือนก่อน พอหงุดหงิดมากขึ้นก็ค่อยๆอ้วนขึ้น แต่ตอนนั้นไม่ค่อยเท่าไหร่หรอกในเรื่องความอ้วน แต่พออ้วนแล้วก็ระแวงมากขึ้นว่าพี่ผู้ชายจะไปมีคนใหม่ ตอนที่ค่อยๆอ้วน เรื่องทางเพศก็ยิ่งแย่ลงเพราะพี่ผู้หญิงดูอ่อนแอลงเรื่อยๆ เวลาเจอหน้ากันก็มีแต่ความหวาดระแวง จนสุดท้ายก็แทบไม่มีอะไรที่จะดึงดูดพี่ผู้ชายไว้ได้ รูปร่างหน้าตาก็เปลี่ยนไป นิสัยใจคอก็เปลี่ยนไป เหมือนกับเป็นคนละคนไปเลย ทำไมถึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ จนพี่ผู้ชายเริ่มเครียดและไม่มีความสุข พอดีกับมีผู้หญิงตามจีบพี่ผู้ชายอยู่ แต่พี่แกก็ไม่ได้เล่นด้วย แต่พี่ผู้หญิงก็มาประกาศแยกทาง ก็เลยทำให้ทนไม่ไหวก็เลยขับรถออกมาจากบ้าน แล้วไม่กลับไปอีกเลย จนในท้ายที่สุด พี่ผู้ชายก็ต้องไปให้ผู้หญิงที่ตามจีบพี่เขาอยู่คอยดามหัวใจให้



                              สรุปว่าทั้งคู่ต่างบอกว่าแต่ละคนเปลี่ยนไป แต่ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไป แต่เท่าที่ผมได้ความรู้ที่ชัดเจนข้อหนึ่งก็คือ พี่ผู้หญิงคิดว่า การที่ทั้งคู่ต่อสู้ทางธุรกิจมาด้วยกันจนประสบผลสำเร็จนั้น จะเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้พี่ผู้ชายนึกถึงและสามารถดึงดูดให้เขาอยู่กับเธอได้ แต่พี่ผู้ชายเองกลับไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย แต่กลับไม่มีความสุขเพราะเขารู้สึกว่าพี่ผู้หญิงนั้นเปลี่ยนไปในเรื่องของพฤติกรรม



                              แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องของการลดน้ำหนักอย่างไร  ถ้าจะให้ผมวิเคราะห์ในประเด็นนี้ เท่าที่ผมเห็นในสิ่งที่พี่ผู้หญิงปฏิบัติก็คือ การลดน้ำหนักโดยเน้นการอดอาหาร พี่เขาจะไม่กินของมันๆเลย ใน 1 วันพี่เขาจะกินอะไรที่น้อยมากๆ พอกินน้อยถึงขนาดนั้น น้ำหนักมันก็ลดได้จริงๆ เคยมีข่าวว่าพี่เขาเคยเข้าโรงพยาบาลหนหนึ่งเพราะเรื่องนี้ แต่ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเพียงข่าวลือรึเปล่า เพราะผมไม่กล้าถามใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ พี่เขาเริ่มทำตั้งแต่อายุ 18 ซึ่งเป็นวัยเริ่มสาวของผู้หญิงรุ่นก่อน ระหว่างอายุ 18-25 ปี พี่เขาเน้นแต่อดอาหาร และแทบไม่ออกกำลังกายเลย เน้นอดอย่างเดียว เป็นเวลาถึง 7 ปี อาจมีหงุดหงิดบ้างแต่ทนได้ เพราะมีแต่คนชมว่าสวย จนพี่เขาได้มาแต่งงานเมื่อตอนอายุ 26 ช่วงแรกๆก็ยังมีความสุขกันดี แต่พอถึงช่วงที่ต้องทำธุรกิจกันอย่างจริงจัง คือต้องช่วยกันทั้งคู่ พี่ผู้หญิงก็ค่อยๆเปลี่ยนไป



                              เพราะการทำงานเองโดยที่ตัวเองเป็นเจ้าของกิจการนั้นมันเหนื่อย ที่สำคัญเหนื่อยกว่าตอนเรียนเยอะทีเดียว หรือว่าเหนื่อยกว่าตอนที่พี่เขาทำงานเป็นพนักงานบริษัท เพราะทั้งคู่อยากจะก่อร่างสร้างตัวให้เป็นหลักเป็นฐาน พอเหนื่อยมากๆก็ต้องกิน ถ้าจะให้เดาพี่เขาก็คงพยายามจะใช้วิธีอดเหมือนเดิม แต่คงไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องกิน แต่กินเพิ่มเข้าไปไม่มาก แต่น้ำหนักก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น ที่น้ำหนักเพิ่มง่ายก็เหมือนอย่างที่ทุกท่านที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ทราบกันดีคือระบบเผาผลาญของพี่เขาอาจจะปรับตัวให้เผาผลาญน้อยลง เพราะอดมาตั้ง 7 ปี  เห็นหลายคนบอกผมว่าผู้หญิงสมัยก่อนที่นิยมลดน้ำหนักโดยการอดอาหารนั้น อดเก่งกันจริงๆ และตอนนี้ก็อ้วนกันแทบทุกคน บางคนถึงกับอ้วนมากๆ พอระบบเผาผลาญของพี่ผู้หญิงเกิดปรับไปแล้ว แต่พี่เขาต้องกินมันก็เผาผลาญไม่ทัน น้ำหนักเลยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว



                            สมัยนั้นยังไม่มีศัพท์คำว่าโยโย เอฟเฟ็กเกิดขึ้นในเมืองไทยเลยครับ และก็ไม่ได้มีใครบอกถึงเหตุผลว่าทำไมมันถึงได้เป็นอย่างนั้น ตอนนี้ความเครียดเริ่มถามหาแล้วครับ พี่ผมเองคงทั้งหงุดหงิด และเกิดระแวงขึ้นมาด้วยว่าถ้าเขาอ้วนแล้วมันจะเป็นยังไงต่อไป เท่าที่ดูพฤติกรรมที่ผ่านมาจากตัวเขาเอง เขาน่าจะคิดว่าผู้ชายน่าจะชอบผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตา พอรูปร่างหน้าตาเริ่มเปลี่ยน ความหวาดระแวงก็เกิดขึ้นตลอดเวลา ผมเคยถามเพื่อนผู้หญิงว่าถ้าเขาตกอยู่ในภาวะเช่นนี้เขาจะรู้สึกอย่างไร หลายคนตอบว่า คงเครียดและหงุดหงิดน่าดูเหมือนกัน และหลังจากนั้นบุคลิกแกก็เริ่มเปลี่ยนไป จุดสำคัญคือพอยิ่งเครียดแล้วก็ยิ่งกิน และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ 7 ปีไม่ค่อยได้กินอะไร พอได้กินในช่วงเครียดๆก็ยิ่งกินมากขึ้นไปอีก กินทั้งๆที่ระแวงว่า ถ้าอ้วนแล้วพี่ผู้ชายเขาต้องไปมีคนอื่นแน่ แต่งานธุรกิจก็เหนื่อย งานบ้านก็ต้องเป็นหลักในการดูแล บางวันพี่เขาอาจจะ \"กินทั้งน้ำตา\"เลยก็ได้ครับ   ซึ่งจริงๆแล้วโดยพื้นฐานของความรักของคนทั้งคู่เขาก็น่าจะประคับประคองชีวิตคู่ไปได้ตลอดรอดฝั่ง แต่เพราะการลดน้ำหนกชนิดที่เน้น \"อด\" โดยแท้ที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลาย



                           ผมเคยถามเพื่อนผู้หญิงหลายคนว่า \"สำหรับคุณ อะไรที่เรียกว่าประสบความสำเร็จในชีวิต\" ส่วนใหญ่ตอบว่า \"การมีครอบครัวที่อบอุ่น\" กันแทบทั้งนั้น แต่การที่จะมีครอบครัวที่อบอุ่นได้นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยคือ สวยอย่างมีพลัง ไม่ใช่สวยแต่เปลือกนอก แต่ร่างกายอ่อนแอหรือไม่มีแรง ผมนึกถึงคำโบราณของไทยที่บอกว่า \"สวยแต่รูป จูบไม่หอม\" หลายท่านได้เอาคำนี้ไปเปรียบกับอีกมุมหนึ่งก็คือสวยแต่เป็นคนไม่ดี หรือสวยแต่ไม่มีสมอง แต่ถ้าเราจะมองประโยคนี้แบบเถนตรงหน่อย \"สวยแต่รูป จูบไม่หอม\"อาจหมายถึงว่าเวลาจูบเธอแล้ว แทบไม่มีความรู้สึกอะไรเลย เพราะเธอไม่มีพลัง เวลาจูบนั้นมันต้องใช้พลังงานหลายแคลอรี่ครับ ยิ่งจูบให้ประทับใจด้วยแล้ว ยิ่งใช้พลังงานมากใหญ่เลย แต่ถ้าสวยแต่รูปที่พยายามอดๆๆกันมา เวลาจูบก็จะไม่ค่อยมีแรง และในอนาคตเวลาทำกิจกรรมทางเพศก็อาจไม่มีแรงด้วยเช่นเดียวกัน



                         ผมเองเพิ่งได้แอบถามผู้ชายอายุประมาณ 50-60 ปีที่มีเมียน้อย ประมาณ 3 คนว่าสาเหตุที่มีเมียน้อยและบางคนถึงกับต้องแยกทางกันมันเป็นเพราะอะไร ทั้งสามตอบตรงกันว่าเป็นเพราะเรื่องบนเตียง เพราะเวลาประกอบกามกิจแล้วขาดพลังอย่างมาก เพิ่งรู้ว่าสวยอย่างเดียวแต่ไม่แข็งแรงและเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เข้าหอคืนแรก เท่านั้นยังไม่พอ อีกไม่นานก็ค่อยๆอ้วนขึ้นมาอย่างหน้าตาเฉยจนพวกเขาทำใจลำบาก เพราะตอนที่แต่งงานกันนั้นหุ่นดีมากๆ ถ้าอ้วนตั้งแต่แต่งงานและน้ำหนักไม่ขึ้นมาก ก็คงพอทำใจไหว ผมลองถามว่าไม่คิดเรื่องประเด็นทางศีลธรรมบางเหรอว่าแต่งกันแล้วก็น่าจะซื่อสัตย์ต่อเขาให้มากๆ หลายคนตอบว่า ถ้าเป็นปัญหาเรื่องความเห็นไม่ตรงกันหรือเรื่องอื่นก็ยังพอแก้กันได้ แต่นี่เป็นปัญหาเรื่องสุขเพศและอ้วนขึ้นกับหงุดหงิดขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ ก็เลยไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไปทำไม ถึงอยู่ก็ต้องเรียกว่าทนอยู่ไปวันๆ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรขึ้นมา



                        ผมลองไปถามภรรยาของพวกเขา แต่ถามได้แค่เพียง 1 คนเท่านั้นว่าเป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกอย่างไรกับสามีของตัวเอง เธอตอบกลับมาว่า \"คิดว่าเลือกถูกแล้วนะ แต่พอนานๆไป เขาก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาไปมีคนอื่นและไม่เคยนึกถึงตอนที่เราลำบากด้วยกันมาเลย\" คำตอบคล้ายกันมากเลย ใช่ พวกเขาไม่ได้นึกถึงตอนที่ลำบากมาด้วยกันเลย แต่พวกเขานึกถึงอย่างอื่นมากกว่า แต่ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษแล้ว สาเหตุจริงๆที่เขาต้องเปลี่ยนไปนั้น แทบไม่เคยหลุดออกมาจากปากของพวกเขาเลย



                        ก็ไม่รู้ว่าจะมีประโยชน์หรือออกนอกเรื่องเกินไปรึเปล่า แล้วผมก็ไม่รู้ด้วยว่ามันเป็นเรื่องที่จริงเท็จแค่ไหน แต่ด้วยวัยอย่างผมนั้นคงไม่มีโอกาสที่จะไปนั่งคุยกับผู้หญิงแล้วเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้ฟัง แต่ผมก็อยากให้ผู้หญิงหลายคนรู้เรื่องราวพวกนี้ไว้บ้างเป็นประสบการณ์หรือแง่คิด การนำมาเขียนในบอร์ดสาธารณะจึงน่าจะลงตัวที่สุดแล้ว อย่างน้อยก็เท่าที่ผมคิดออกในตอนนี้ครับ อย่างน้อยก็อยากให้ผู้หญิงทุกคนมีความสุขและสมปรารถนาทุกอย่างตามที่ตัวเองฝันไว้ ถ้าจะลดน้ำหนักก็ไม่อยากให้เป็นวิธีที่เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาขึ้นมาภายหลัง และนี่เป็นเหตุผลที่ผมไม่ค่อยแนะนำในเรื่องการกินอาหารแคลอรี่ต่ำหรือจะมานั่งอดกันเพียงอย่างเดียว หรือคิดเพียงว่าต้องให้หุ่นดีอย่างรวดเร็วแค่นั้นแล้วพอ



                      ชีวิตของเรามันไม่ได้จบหลังจากลดน้ำหนัก 9 โลภายใน 10 วันหรอกครับ ผมสังเกตเห็นว่า ผู้หญิงหลายคนชอบคิดว่า \"เมื่อฉันลดน้ำหนักได้ 9 โลภายใน 10 วัน พอฉันทำได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ความสุขทั้งหมดในโลกก็จะเข้ามาสยบแทบเท้าฉันและรับประกันได้เลยว่าฉันจะไม่พบกับความทุกข์ใดอีกในโลกใบนี้\"  แต่จริงๆแล้วสิ่งที่เราควรเตรียมให้พร้อมมากที่สุดคือพลังครับ ทั้งพลังกายและพลังใจที่จะก้าวให้ผ่านชีวิตในแต่ละวันไปด้วยความสุขตามอัตภาพ และอยู่อย่างมีพลังเพื่อเผชิญกับอุปสรรคและปัญหาต่างๆที่จะมีเข้ามาในอนาคต ถ้าจะลดน้ำหนักก็ต้องลดอย่างมีพลัง ทั้งพลังกาย พลังใจ และพลังปัญญาเพื่อที่จะก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคง...บนโลกที่เราคุ้นเคยใบนี้



                     ก็เขียนมาเพราะอยากให้ผู้หญิงทุกคนมีความสุขไปจนตลอดชีวิตครับผม...





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×