ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ประสบการณ์ลดน้ำหนักด้วยตัวเอง เดือนละ 10 กิโลฯ

    ลำดับตอนที่ #129 : สวัสดีปีใหม่ 2549 กับความรู้ที่จะทำให้สุขภาพดีขึ้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 940
      1
      1 ม.ค. 49





                          1 ม.ค. 49                                                                            หนัก 83 กก.





                          ตกลงก็เอาฤกษ์ปีใหม่นี่แหละครับ สำหรับการลดน้ำหนักครั้งใหม่อย่างเป็นทางการ ถือซะว่าที่ทำมาในเดือนธันวาคมเป็นออเดิฟอุ่นๆที่ละมุนละไมและเป็นตัวที่คอยบ่งบอกว่า ความหวังยังพอมี กับสิ่งดีๆที่น่าจะตามมา



                          ถึงแม้ว่าผมจะเริ่มต้นลดน้ำหนักในเดือน ก.พ. 48 แต่ถือซะว่า ถึงวันนี้ก็ครบปีก็แล้วกันนะ การลดตั้งแต่ 1 ก.พ. 48 - 31 พ.ค.48 นับว่าเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มากจนผมเองยังงงเลยกับน้ำหนักที่หายไปทั้งหมด 33 กก. จนผมหนักเพียง 74 กก.



                         แต่พอระหว่างเดือน มิ.ย.48 -ธ.ค.48 น้ำหนักของผมก็มาอยู่ตรงที่ 83 กก.ในวันนี้ แล้วมันเพิ่มมาได้ยังไงตั้ง 9 กก. (กล่าวแบบสรุปนะครับ)



                        หลังจากเข้าวงการนี้มา 1 ปี ก็พบว่า การลดน้ำหนักนั้นน่าจะมีเงื่อนไขและปัจจัยประมาณนี้ครับ





                                          .................เงื่อนไขและปัจจัยของการลดน้ำหนัก.........................





    เงื่อนไข



    สำหรับเงื่อนไขจะมี 2 เงื่อนไขนะครับคือ การควบคุมการกิน และการออกกำลังกาย  



    ฟังดูง่ายใช่ไหมครับ แต่ไอ้เรื่องที่มันไม่ง่ายเลยคือตอนที่เราจะต้องปฏิบัติมันจริงๆ อันนี้ไม่ง่ายเลยนะครับ



    ผมพบว่าเราจะทำ 2 อย่างนั้นได้ดีแค่ไหนมันขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ช่วยในการส่งเสริม 2 อย่าง ดังที่ผมเคยพูดไปแล้วในบางตอน ปัจจัยส่งเสริมนี้สำคัญมากๆเลยครับ เราไปดูในส่วนของปัจจัยก่อนดีกว่านะครับ





    ปัจจัย



    เรื่องของปัจจัยก็แบ่งเป็นอีก 2 ข้อครับ คือปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกครับ



    1. ปัจจัยภายใน     ยังแบ่งเป็นอีกหลายข้อครับเช่น



    1.1 อยากกินแต่ของที่มีไขมันสูงครับ ไม่ว่าจะเป็นพิซซา น้ำอัดลม ของทอดของมันต่างๆ ขนมหวาน ลูกอม ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ไอศกรีม ข้างเหนียวทุเรียน ข้างเหนียวมะม่วง บะหมี่หมูแดงและอีกมากเลยละครับ



    ของพวกนี้ถ้าไม่ได้กินก็แทบจะเรียกได้ว่า \"ตายอนาถ\" เหมือนกับในโลกนี้มันช่างไม่มีชีวิตชีวาเอาซะเลย แถมตอนที่กินก็ยังจะต้องกินในปริมาณมากๆซะด้วย



    เรื่องแบบนี้ต้องค่อยๆปรับครับ ก็อย่างที่ผมเคยเขียนบอกไปในหนังสือแล้วว่า ถ้าอยากกินของพวกนี้ อาจกินได้บ้าง แต่ต้องลดปริมาณลง อย่าเสียดาย การแก้ปัญหาของการที่จะไม่กินทิ้งกินขว้างได้ดีที่สุดคือ การเตรียมอาหารให้พอดีกับจำนวนคนในแต่ละมื้อ ไม่ใช่เตรียมเยอะๆแล้วพอเหลือก็ต้องมาหาคนช่วยกิน พร้อมกับบอกว่า \"กินเถอะ เหลือแล้วเสียดาย\"



    พอลดปริมาณอาหารพวกนี้ลง ถ้าหิวทำยังไงครับ ก็ต้องไปกินอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำแทน ที่หลายๆคนกำลังใช้อยู่ก็คือ พวกแก้วมังกร พวกผักและผลไม้ต่างๆ ผักก็ต้องผักใบเขียว ผลไม้ก็ต้องพวกที่ไม่หวานจนเกินไป



    ถ้าผู้มีปัญหาปรับเรื่องการกินของตัวเองตรงนี้ได้ การลดน้ำหนักก็จะง่ายขึ้น แล้วเราก็กินมื้อเช้าให้อิ่ม มื้อกลางวันพอประมาณ มื้อเย็นพอสมควร ไม่ต้องเยอะ เพราะใกล้เวลานอนแล้ว ถ้าเราปรับตัวปรับใจได้ อะไรๆก็จะดีขึ้นครับผม



    1.2 ก็ไม่ใช่เรื่องอื่นไกลที่ไหนหรอกครับ ก็ไอ้เรื่องการออกกำลังกายนั่นแหละ ถ้าเจาะเฉพาะเรื่องของปัจจัยภายใน ก็ต้องมาเน้นเกี่ยวกับลักษณะนิสัยที่ไม่ชอบออกกำลังกายของพวกเรา แต่ถ้าเราพยายามปรับตัวให้เห็นว่าการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่สำคัญเหมือนกับการอาบน้ำก็น่าจะดีไม่น้อย เพราะการอาบน้ำเป็นการชำระสิ่งสกปรกในแต่ละวัน ส่วนการออกกำลังกายก็เป็นการชำระไขมันส่วนเกินในแต่ละวันด้วยเช่นเดียวกัน



    ถ้าเราปรับตัวให้เห็นความสำคัญของตรงนี้ได้ และมีเวลาออกกำลังกายในแต่ละวันไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม วันละประมาณ 30-45 นาทีก็พอแล้ว มันจะทำให้อะไรๆดีขึ้นอีกเยอะ



    1.3 เรื่องเครียดครับ ต้องพยายามควบคุมจิตใจของตนเองนะครับ เพราะพอคุณรู้สึกเครียด คุณก็จะกินมากขึ้นและไม่อยากออกกำลังกาย

    เพราะฉะนั้นต้องควบคุมความเครียดของเราให้ได้ครับ แล้วคุณก็จะรู้สึกปลอดภัย





    2. ปัจจัยภายนอก



    เกี่ยวกับการกินก็จะมีดังนี้ครับ



    2.1 หาร้านกินไม่ได้ เพราะมีแต่อาหารที่มีไขมันสูงทั้งนั้น ก็ต้องพยายามหาเอาหรือจะเอาข้าวใส่กล่องไปกินที่ทำงานหรือที่โรงเรียนก็ได้



    2.2 เหนื่อยมาก งานเยอะ เรียนหนัก และต้องกินเข้าไปมากๆ จะได้มีแรง อันนี้ต้องระวังมากๆเลยล่ะครับ เพราะผมเองที่น้ำหนักขึ้นก็เพราะเหตุผลนี้เหมือนกัน



    แต่ถ้าเราจะสังเกตให้ดี ถ้าเราอ้างว่ากินเพื่อให้มีแรง แต่ขบวนการทางเคมีมันบอกว่าเราน้ำหนักขึ้น ก็แสดงว่าเรากินเกินน่ะสิ คือเหนื่อยแล้วเผลอไป เหตุที่เกิดส่วนมากมักจะเกิดควบคู่ไปกับการไม่มีเวลาออกกำลังกาย ก็จะยิ่งทำให้เหตุการณ์มันบานปลายและน่าระทึกมากขึ้นเท่านั้น เพราะฉะนั้นต้องระมัดระวังเหตุการณ์พวกนี้นะครับ



    2.3 ที่บ้าน ผู้ปกครองหรือคนในครอบครัวสนับสนุนให้กินกันเยอะมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงมื้อเย็น นี่เป็นปัจจัยภายนอกที่หลายครอบครัวมีปัญหากันมากถึงมากที่สุด จนอาจเรียกได้ว่าเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมบ้านเราที่นับวันจะแก้ยากขึ้นเรื่อยๆและมันก็น่าเห็นใจมากๆด้วย



    เพราะหลายครอบครัวก็อยากเจอกัน อยากคุยกัน และอยู่กันพร้อมหน้าด้วยความอบอุ่น ตอนเช้าก็ต้องรีบออกจากบ้านเพราะกลัวรถติด กว่าจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันก็คืออาหารมื้อค่ำ โดยหารู้ไม่ว่าการกินกันไป คุยกันไปจะยิ่งทำให้ทุกคนกินมากกว่าปกติ



    ทางแก้ก็มีอยู่หลายทางนะครับ เช่น เปลี่ยนเมนูอาหารซะ หรือเน้นคุยกันมากๆ แต่กินให้น้อยๆลงหน่อย หรือเปลี่ยนเป็นกินนิดเดียวแล้วไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะของหมู่บ้านด้วยกันก็ดีไปอีกแบบนะ เพราะถ้าเผลอตัวปล่อยใจโดยที่ไม่ทำอะไรเลย รับรองว่าทุกคนจะน้ำหนักขึ้นกันทั่วหน้า น้ำหนักขึ้นผมว่ามันน่ากลัวกว่าน้ำมันขึ้นอีกนะครับ



    แล้วถ้าปล่อยให้ขึ้นถึง 107 กก.  กว่าคุณจะทำให้เหลือ 74 หรือ ตอนนี้กลายเป็น 83 อย่างผม มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ ขอบอก เพราะฉะนั้นอย่าชะล่าใจครับผม



    2.4 พวกที่ชอบออกกำลังกายกลางแจ้ง วันไหนฝนตกหรือฟ้าถล่มดินทลาย ก็ต้องหาวิธีออกกำลังกายในร่มชดเชยไว้ด้วยนะครับ จะเต้น โดดเชือกหรืออะไรก็ได้ พอฝนตกกระหน่ำ ก็อย่าเครียดจนทำอะไรไม่ได้เหมือนผมเมื่อก่อนนี้



    2.5 เรื่องเวลา ส่วนมากมักจะเป็นประมาณว่า ไม่มีเวลาไปออกกำลังกาย  แต่การออกกำลังกายก็ถือว่าช่วยป้องกันโรคหลายโรคนะครับ ดังนั้นจึงควรหาเวลาทำบ้างเพื่อสุขภาพที่ดีในอนาคต เพราะการพูดเช่นนี้เหมือนกับคนที่กำลังเลือดออกและบอกว่าฉันไม่มีเวลาห้ามเลือดเลย หรือคนที่ป่วยเป็นโรคหัวใจแล้วบอกว่า \"การผ่าตัดใช้เวลาตั้งหลายชั่วโมง ฉันไม่มีเวลาหรอก\"



    เรื่องแบบนี้ต้องใส่ใจนะครับ เพราะถ้าไม่อย่างนั้นท่านจะไม่มีเวลาอยู่ในโลกนี้ได้อย่างเต็มที่เพราะต้องจากพวกเราไปก่อนเวลาอันควร ด้วยเหตุผลว่าไม่มีเวลา เหมือนเพื่อนผมไงครับ ป่านนี้อยู่สวรรค์ชั้นไหนแล้วก็ไม่รู้



    .............................................................................................................................





              ตอนนี้ก็เลยอยากเชิญชวนผู้ที่มีปัญหามาลดน้ำหนักด้วยกันนะครับ เอาวันที่ 1 ม.ค.49 นี่แหละเป็นฤกษ์งามยามดี และเราจะมาดูกันว่าวันที่ 31 ธ.ค. 49 พวกเราจะหนักเท่าไหร่กันบ้าง แล้วอย่าลืมมาให้กำลังใจซึ่งกันและกันนะครับ เพราะเรื่องแบบนี้ไม่มีใครเก่งกว่าใครหรอกครับ มีแต่ต่างคนต่างต้องให้กำลังใจกันให้มาก นั่นแหละครับคือสิ่งที่สำคัญที่สุด





              ส่วนตัวผมเองที่มาทำหน้าที่ตรงนี้อย่างเต็มใจก็ขอบอกว่าจะพยายามหาสิ่งดีๆมาให้เป็นระยะๆตามแต่ความต้องการของหลายๆท่าน สิ่งหนึ่งที่อยากทำมากๆก็คือการเขียนท่าบริหารกระชับสัดส่วนของสุภาพสตรี คิดว่าจะไปค้นคว้าแล้วกลับมาบอกต่ออีกทีครับ





              เห็นช่วงนี้เขาชอบทิ้งคำขวัญประมาณว่า    เมาไม่ขับ  ขับไม่ซิ่ง เมาให้หลับ อะไรทำนองนี้ก็เลยอยากจะทิ้งท้ายด้วยคำขวัญแบบนี้บ้าง เอาเป็นว่า  ... เออ ...   หิวจึงกิน อยากอย่ากิน  เลิกซิ่ง แต่มาวิ่งหรือเดินกันดีกว่า อะไรทำนองนี้ครับผม สวัสดีปีใหม่ทุกคนเลยนะครับ ขอบคุณครับผม









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×