ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {[]-รวม-[]}->เทคนิคการเรียน<-

    ลำดับตอนที่ #15 : [เทคนิคการแบ่งเวลา]::การจัดสรรเวลา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.72K
      3
      25 ก.ย. 50

    การจัดสรรเวลาคืออะไร

    การจัดสรรเวลา คือการวางแผนจัดสรรการใช้เวลาในแต่ละนาที ชั่วโมง วัน สัปดาห์ เดือน ปี หรือเวลาชั่วชีวิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

    ทำไมต้องจัดสรรเวลา

    เวลาเรียนในชั้นเรียนเสร็จแล้วเหลือเวลาว่างตอนบ่าย หรือว่างช่วงไหนก็แล้วแต่ กลับไม่รู้ว่าจะเอาเวลาไปทำอะไรดี จะทำการบ้าน อ่านหนังสือ หรือนั่งคุย นั่งเล่นกับเพื่อนดี ถ้าจะอ่านหนังสือจะอ่านวิชาอะไร แล้วจะอ่านที่ไหนดีละ จะอ่านกับเพื่อนหรืออ่านคนเดียว มากมายหลายคำถาม 

    วิธีการจัดสรรเวลาเป็นอย่างไร

    จัดสรรเวลาออกเป็นสามส่วนด้วยกัน คือส่วนที่เป็นกิจวัตรส่วนตัว ส่วนที่เป็นเวลาเรียน และอีกส่วนใช้ในการทำกิจกรรม แต่ละส่วนนั้นจะต้องมีความสำคัญเท่า ๆ กัน ไม่ควรเลือกทำอย่างใดอย่างใดอย่างหนึ่งมากจนเกินไปนะครับ ยกตัวอย่างเช่นบางคนชอบเรียนอย่างเดียวไม่สนใจทำอย่างอื่นเลย หรือเด็กกิจกรรมก็ทำกิจกรรมอย่างเดียวไม่ชอบเรียนหนังสือ หรือบางคนไม่เอาทั้งเรียนทั้งกิจกรรมแต่ทำกิจวัตรส่วนตัวเป็นส่วนใหญ่ เช่น เอาแต่นอนและคุยกับเพื่อนเป็นเวลานาน แต่ควรจะทำทั้งสามอย่างพร้อม ๆ กันไป 

    แบ่งขั้นตอนการจัดสรรเวลาเป็นสองขั้นตอนใหญ่ ๆ คือขั้นแรก เริ่มจากการระบุเวลาที่ต้องทำอย่างแน่นอนในหนึ่งสัปดาห์ก่อน เมื่อเสร็จขั้นนี้แล้ว ก็จะได้เวลาว่างที่สามารถศึกษาเพิ่มเติมนอกชั้นเรียนได้ ในขั้นที่สองก็จะเริ่มแบ่งว่าเวลาว่างที่ได้นั้นจะศึกษาวิชาอะไร และช่วงไหนบ้าง แต่ละขั้นทำได้ไม่ยาก ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็เรียบร้อย รายละเอียดอยู่นี่แล้ว

    1. สร้างตารางเวลาขึ้นมา และแบ่งช่องเวลาช่องละหนึ่งชั่งโมง

    เวลา
    6-7
    7-8
    8-9
    9-10
    10-11
    11-12
    12-13
    13-14
    14-15
    15-16
    16-17
    17-18
    18-19
    19-20
    20-21
    21-22
    จันทร์
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    อังคาร
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    พุธ
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    พฤหัส
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    ศุกร์
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    เสาร์
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    อาทิตย์
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     


    2. ระบุช่วงเวลาที่จะทำกิจวัตรส่วนตัวลงไปก่อน เช่น อาบน้ำ แต่งตัว กินข้าว ออกกำลังกาย จากนั้นก็ให้ระบุเวลาที่เรียนในห้องเรียนลงไป และตามด้วยกิจกรรมที่คุณเลือกทำในภาคการศึกษานั้น ดังตัวอย่าง

    เวลา
    6-7
    7-8
    8-9
    9-10
    10-11
    11-12
    12-13
    13-14
    14-15
    15-16
    16-17
    17-18
    18-19
    19-20
    20-21
    21-22
    จันทร์
    อาบน้ำ
    แต่งตัว
    อ่านก่อนเรียน
    ทานข้าว
    Physics
    English
    H
    A
    -
    -
    -
    -
    -
    ฝึก
    พิมพ์
    ดีด
    อัง
    กฤษ
    ออกกำลัง
    กาย
    อาบน้ำ
    ซักผ้า
    ทานข้าว
    ผักผ่อน
    -
    -
    อังคาร
    Physics
    IT2
    Calculus 2
    V
    E
    -
    -
    -
    -
    -
    -
    พุธ
    -
    English
    -
    -
    -
    -
    -
    -
    -
    -
    พฤหัส
    Physics
    IT2
    Calculus 2
    N
    C
    -
    -
    -
    -
    -
    -
    ศุกร์
    Physics
    IT2 Lab
    H
    -
    Physics lab
    -
    -
    -
    เสาร์
    -
    -
    -
    -
    -
    -
    -
    -
    -
    -
    -
    อาทิตย์
    -
    -
    -
    -
    -
    -
    -
    -
    -
    -
    -


    3. คำนวณเวลาที่จะต้องกลับมาศึกษาเพิ่มเติม โดยใช้กฎจากที่อาจารย์แนะนำว่า ต้องศึกษาอย่างน้อยสองเท่าของเวลาที่เรียนในห้องสำหรับวิชาบรรยาย เพราะถ้าไม่กลับมาอ่านเพิ่มรับรองว่าทำข้อสอบไม่ได้หรอกครับ คนที่รออ่านวันเดียวก่อนสอบนั้นย่ำแย่ไปหลายรายแล้ว ซึ่งจากตัวอย่าง จำนวนชั่วโมงที่เรียนบรรยายคือ 13 ชั่วโมง ดังนั้นเวลาที่ต้องการในการศึกษาเพิ่มเติมคือ 26 ชั่วโมง 

    4. สำรวจตารางเวลาของตัวคุณเองจะพบว่า นอกเหนือจากกิจวัตรส่วนตัวและเวลาเรียนในชั้นเรียนแล้ว จะยังมีเวลาว่างอีกกี่ชั่วโมง จากตัวอย่างจะพบว่ามีเวลาว่างทั้งหมด 53 ชั่วโมง คราวนี้ก็อยู่ที่คุณแล้วละว่าจะเอาเวลามากมายนี้ไปทำอะไร จะเอาไปคุยกับแฟนบ้างก็ได้ครับ ไม่ได้ว่ากัน หรือไปสนุกกับเพื่อนก็ได้ แล้วแต่สไตล์ แต่ผมเลือกใช้เวลาอ่านหนังสือละครับ เพราะผมมีเวลาให้เพื่อน ๆ ตอนทานอาหารและหลังสี่ทุ่มแล้ว

    5. เมื่อรู้ช่วงเวลาที่สามารถกลับมาศึกษาทบทวนบทเรียนแล้ว ก็ให้เขียนดูว่าเวลาไหนคุณจะอ่านวิชาอะไร เพื่อที่จะให้ความสำคัญกับทุกวิชาเท่ากันไป ไม่อ่านวิชาใดวิชาหนึ่งมากจนเกินไปโดยไม่รู้ตัว หลักเกณฑ์การจัดเวลาที่ผมใช้ก็คือ จะต้องอ่านและทำความเข้าใจเนื้อหาวิชาที่เรียนในวันนั้นก่อนที่จะมีเรียนในครั้งต่อไป เพราะถ้าไม่อ่านก่อนจะไม่รู้เรื่องและต่อยอดในคาบต่อไปไม่ถูก และการอ่านแต่ละวิชาจะใช้เวลาวิชาละสองชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ถ้าน้อยกว่านี้ก็อาจจะไม่ได้อะไร และจะพยายามอ่านวิชาคำนวณในตอนกลางวันเพื่อป้องกันการหลับ ให้ดูจากตัวอย่าง อักษรที่เขียนด้วยตัวเอียงแสดงว่าเป็นช่วงเวลาที่ผมกลับมาอ่านเอง

    เวลา
    6-7
    7-8
    8-9
    9-10
    10-11
    11-12
    12-13
    13-14
    14-15
    15-16
    16-17
    17-18
    18-19
    19-20
    20-21
    21-22
    จันทร์
    อาบน้ำ
    แต่งตัว
    อ่านก่อนเรียน
    ทานข้าว
    Physics
    English
    H
    A
    Physics
    English
     
    ฝึก
    พิมพ์
    ดีด
    อัง
    กฤษ
    ออกกำลัง
    กาย
    อาบน้ำ
    ซักผ้า
    ทานข้าว
    ผักผ่อน
    Calculus 2
    อังคาร
    Physics
    IT2
    Calculus 2
    V
    E
     
     
     
     
    IT2
    พุธ
     
    English
     
    English
    Physics
     
    Physics
    พฤหัส
    Physics
    IT2
    Calculus 2
    N
    C
    Physics
     
    IT2
    ศุกร์
    Physics
    IT2 Lab
    H
     
    Physics lab
     
     
     
    เสาร์
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    อาทิตย์
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     

    6. เมื่อแบ่งเสร็จแล้วให้คุณลองมาวิเคราะห์ตารางดูว่าเป็นอย่างไรจาก ตัวอย่างจะพบว่า 

    ในหนึ่งสัปดาห์ผมให้เวลากับการเรียนในชั้นเรียน 19 ชั่วโมง (ตัวธรรมดา) 

    อ่านหนังสือทบทวนและค้นคว้าเพิ่มเติมนอกห้องเรียน 25 ชั่วโมง (ตัวเอียง) 

    ทำกิจกรรม 7 ชั่วโมง (ตัวขีดเส้นใต้) 

    ทำกิจวัตรประจำวัน 35 ชั่วโมง (ตัวเอียงขีดเส้นใต้) 

    นอนวันละ 8 ชั่วโมง 

    และยังมีเวลาที่ว่าง ๆ สำหรับการพักผ่อนอีก 28 ชั่วโมง 

    อ่านแคลคูลัส 8 ชั่วโมง 

    ฟิสิกส์ 8 ชั่วโมง IT และ ภาษาอังกฤษ อย่างละ 4 ชั่วโมง 

    (จากหลักการต้องหกชั่วโมง) 

    อ่านหนังสือวันละ 6 ชั่วโมง 

    และมีเวลาว่างในวัน เสาร์-อาทิตย์ด้วย 

    แหมแล้วอย่างนี้จะบอกว่าไม่มีเวลาได้อย่างไรกัน คนที่ไม่มีเวลาคือคนบ้ากับคนที่ตายแล้วครับ ทนทั่ว ๆ ไปก็มีเวลาเท่ากันหมด แล้วแต่ว่าจะใช้มันอย่างไร

    การใช้เวลาจริง ๆ เป็นอย่างไร

    เมื่อจัดสรรเวลาแล้วไม่ใช่ว่าจะทำตามได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ใครทำได้ก็ยอดมนุษย์อุลตร้าแมนแล้ว เพราะจะมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่จะมาขัดขวางตารางเวลาของคุณ ที่ผมเคยเจอมาด้วยตัวเองก็พอจะยกตัวอย่างได้บ้าง

    • มีประชุม สำนักวิชา กลุ่มสัมพันธ์ สี ชมรม องค์การ สภา จิปาถะ ประชุมได้ประชุมดีจนไม่มีเวลาอ่านหนังสือกันพอดี

    • มีการบ้าน เช่นตามตารางต้องอ่านฟิสิกส์ แต่การบ้าน แคลคูลัสยังไม่เสร็จ 
    ก็ต้องทำการบ้านแคลคูลัสให้เสร็จก่อน

    • มีสอบ เช่น ปกติตารางวางไว้ว่าวันนี้ต้องอ่านฟิสิกส์ แต่พรุ่งนี้มีสอบ Quiz วิชาแคลคูลัส วันนี้ก็ต้องให้เวลากับแคลคูลัสก่อน
     
    • มีเรียนชดเชย เช่นอาจารย์นัดสอนชดเชยตอนบ่ายวันพฤหัส หรือตอนหัวค่ำ

    • มีไข้ บางทีไม่สบายอ่านหนังสือไม่ไหว

    • มีที่นอน บางทีแพ้ใจตัวเอง โดยเฉพาะตอนบ่าย จะง่วงนอนมาก ๆ จนฝืนอ่านไม่ไหว ขอนอนก่อนซักตื่น อันนี้แก่ยากที่สุดเลยครับ

    • มีมารผจญ เช่นโทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต รายการบันเทิงต่าง ๆ เพื่อนฝูง คอยชักชวนให้สนุกสนานจนไม่ได้อ่านหนังสือ

    • มีอุบัติเหตุ เช่น ทำหนังสือตกน้ำ ไฟฟ้าดับ อ่านหนังสือไม่ได้
    • มีอะไรอีกมากมาย ที่ทำให้ไม่ได้อ่านหนังสือ 

    อุปสรรคเหล่านี้ทำให้เวลาที่ที่คุณวางไว้ผิดไป  ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นช่วงเวลาที่กำหนดไว้เท่านั้น เวลาในช่วงอื่นก็ใช้ได้ 

    ดังนั้นคุณจึงสามารถยืดหยุ่นตารางเวลาที่คุณวางไว้ได้เสมอ โดยการหาเวลาว่างในช่วงอื่นมาทดแทน เช่นใช้เวลาในวันเสาร์-อาทิตย์ มาชดเชยเวลาในวันปกตินั่นเอง

    หัวใจสำคัญและสิ่งที่ยากที่สุดของการจัดสรรเวลาก็คือ เมื่อทำตารางจัดสรรเวลาแล้วคุณจะต้องทำตามได้ด้วย ถ้าวางแผนจัดสรรเวลาแล้วทำไม่ได้ก็ไม่รู้จะจัดสรรไปทำไม 

    ดังนั้นคนที่ตัดสินใจจะจัดสรรเวลาจะต้องมีความตั้งใจจริง มีวินัยในตัวเองสูง และตารางเวลาที่จัดสรรนั้นจะต้องเหมาะสมกับตัวคุณเอง ไม่ฝืนกับชีวิตประจำวันมากเกินไปเพราะอาจทำให้คุณไม่มีความสุขได้ 

    -------------------------------------------------E-N-D----------------------------------------

    CrediT-> http://das.wu.ac.th/tdu_students/Tip/article1.html


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×