คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : >> เสี้ยวหนึ่งในมิติความรักของเรา
เวลาใดก็ตามถ้าเราไม่แน่ใจในตัวเอง
เกิดความสงสัยว่าในขณะนี้เรารักคนคนนี้อยู่หรือเปล่านั้น
เราจะสามารถถามตัวเราเองด้วยคำถามง่ายๆเช่น
เมื่อเรารักใครก็ตามถ้าเป็นความรักที่แท้จริงแล้ว
เราจะรู้สึกอยากให้เขามีความสุข
เราจะรู้สึกอยากจะให้เขาได้พบเจอแต่สิ่งที่ดีๆ
และอยากให้คนอื่นๆนั้นรักเขาเหมือนที่เรารัก
หากเราอยากรู้ว่าใครคนนั้นได้รักเราอย่างแท้จริงหรือไม่
เราจะสังเกตได้จากการกระทำโดยทั่วไปที่ไม่มีการเสแสร้งหรือแสดง
เช่น เขาอยากให้เราได้กินอิ่มก่อนตัวเขาเองในยามที่ต่างก็หิวเป็นต้น
กลับกันหากเราอยากให้ใครกินอิ่มก่อนเราแล้ว เขาคือคนที่เรารัก
แม่ที่รักเราจะให้เรากินได้อิ่มก่อนตัวเองเสมอ เช่นเดียวกัน
กาลครั้งหนึ่งเราเคยคิดว่าถ้าเรามีแฟนเราคงจะไม่มีใจไปรักใครที่ไหนได้อีก
กาลครั้งนี้เราคิดว่าถึงเราจะมีแฟนที่เรารักแล้วเราก็ยังสามารถที่จะรักและจริงใจ
กับคนทุกคนที่เรารู้จักได้
กาลครั้งหนึ่งเราเคยสงสัยในเหตุผลที่ ว่าที่พ่อตาถามว่าที่ลูกเขยว่าทำไมถึงคิดแต่งกับลูกสาวตน
ว่าที่ลูกเขยตอบไปว่า her heart is gold หรือ หัวใจเธอเปรียบดังทอง
เราเคยคิดว่าหัวใจทองคำนั้นเป็นอย่างไร
ถ้าคนเราชอบที่จะคบกันที่จิตใจแล้ว
เราจึงสงสัยว่าคนที่มีจิตใจที่ดีงามนั้นเป็นอย่างไร
และเคยสงสัยว่าตัวเราเองนั้นจะสามารถพัฒนาจิตใจของตัวเองให้เป็นคนที่จิตใจดีงามบ้างได้หรือไม่
กาลครั้งหนึ่ง เราเคยคิดว่าเราไม่ควรจะใช้คำว่ารักอย่างพร่ำเพรื่อเกินไป
กาลครั้งนี้สิ เรากลับมีความคิดว่าเราควรจะมอบและแบ่งปันความรักให้คนรอบข้างอย่างพร่ำเพรื่อ
กาลครั้งหนึ่งเราเคยคิดว่า ความรักกับความใคร่นั้นเป็นสิ่งคู่กัน
กาลครั้งนี้ เราคิดว่าแม้สองสิ่งนี้จะเกี่ยวข้องกันบ้างแต่เรายังสามารถแยกความแตกต่างได้
สิ่งที่ชัดเจนคือความใคร่เป็นความต้องการพื้นฐานที่ติดตัวมาแต่เกิดแต่ความรักหาได้เป็นเช่นนั้น
ความใคร่อาจถือได้ว่าเป็นสัญชาติญาณ แต่ความรักนั้นไม่ใช่
และความใคร่เป็นความต้องการเป็นผู้รับ แต่ความรักนั้นเป็นความรู้ของผู้ให้
ถึงแม้ความรักจะไม่มีมาแต่เกิด แต่ความรักก็สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้
โดยอาจเกิดจากการพัฒนาของจิตใจ และการยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น
ความรักเป็นความรู้สึกที่วิเศษณ์
เพราะมีพื้นฐานมาจากการที่เราคำนึงและใส่ใจในความรู้สึกของผู้อื่น
แทนที่เราจะเห็นแก่ตัวซึ่งเป็นสิ่งที่กระทำได้ง่าย
แต่ความรักทำให้เรา สามารถแบ่งปันน้ำใจให้ผู้อื่นได้
ทำให้เราสามารถมีความปรารถนาดี มีความห่วงใย และอยากแบ่งปันความสุขคนที่เรารัก
รวมทั้งยังทำให้เราสามารถเสียสละเพื่อผู้อื่นได้ เพียงเพราะปรารถนาอยากให้คนเหล่านั้นมีความสุข
และพบเจอสิ่งที่ดีงาม ดังนี้จึงอาจถือว่าความรักเป็นสิ่งอัศจรรย์
เป็นสิ่งที่สร้างความสุขให้กับทั้งผู้ที่เป็นฝ่ายมอบความรักและผู้ที่ได้รับความรัก
เราสามารถมอบความรักที่แท้จริงให้ใครคนไหนสักกี่คนก็ได้อย่างเต็มที่โดยมิต้องเสียดายสิ่งใด
เพราะทุกครั้งที่เรามอบควากรักที่บริสุทธิ์ให้กับใครก็ตาม จิตใจของเราจักเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
หากเรามอบรักให้ใครแล้วจิตใจกลับมีความทุกข์เจือปนอยู่แล้วล่ะก็
สิ่งที่เราได้ให้ไปนั้นยังมิใช่ความรักที่แท้จริง
ในชีวิตเรานั้น มีคนที่เรารักมากมาย
ทั้งพ่อแม่ พี่น้อง ญาติ เพื่อน ผู้ที่มีบุญคุณกับเราทั้งหลาย และคนที่เรารู้จักอีกมากมาย
ทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่รวมทั้งถ้าวันหนึ่งเรามีแฟน เราก็คงรักแฟนเราอีกเช่นกัน
ในบุคคลที่กล่าวมาแล้วเหล่านี้เราไม่รู้หรอกว่าเรารักใครมากกว่ากัน
ไม่รู้ว่าเรารักใครมากแค่ไหน
ถึงแม้ว่าเราไม่อาจจะเปรียบเทียบได้
เรารู้เพียงแต่ ไม่ว่าเราจะรักใคร เราก็จะรักอย่างเต็มที่
เรารู้เพียงแต่ ทุกคนที่เรารักนั้นต่างก็เป็นคนที่เรารักมากมาย
และหากมีสิ่งไม่ดีเกิดกับบุคคลที่เรารักให้ต้องไม่สบายใจ
หรือหากเกิดเป็นอะไรไปไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามเราก็คงต้องเสียใจไม่ต่างกัน
กาลครั้งหนึ่ง เราเคยคิดว่าคนที่เรารักจักต้องรักเราคนเดียว
ตอนเด็กเราเคยคิดว่าพ่อกับแม่จะต้องรักเราไม่น้อยกว่าใครแม้แต่พี่น้องของเราเอง
ถึงแม้เราจะทำตัวไม่ดีอย่างไรแต่ก็ไม่ต้องการให้ พ่อและแม่รักพี่ชายของเรามากกว่ารักเรา
เราเคยคิดว่าถ้าวันหนึ่งเรามีแฟน เราคงอยากให้เธอรักเราคนเดียวไม่ไปรักใครคนอื่นอีก
หากแฟนเราไปเดินกับผู้ชายคนอื่น เราคงหึงหวงและคงไม่ชอบแน่ๆรวมทั้งคงรู้สึกไม่ดีอย่างมาก
กาลครั้งนี้ เราสามารถจะรักโดยปราศจากเงื่อนไข ปราศจากความหึงหวง
และไม่ได้คิดว่าตัวเรานั้นเป็นเจ้าของคนที่เรารักเลย
เขาก็ยังมีชีวิตเป็นของเขาเอง สามารถทำสิ่งใดๆก็ที่ใจเขาอยากจะทำ
เขาจะรักใครอีกสักกี่คนก็เป็น เรื่องธรรมดา และเป็นสิ่งที่เรารู้สึกยินดี
คนที่เขารักอาจเป็นพ่อแม่ของเขาเองหรือญาติพี่น้องหรือเป็นแฟน
หรือบุคคลใดที่เขารู้จักและถึงแม้จะเป็นสัตว์เลี้ยงหรือสิ่งของก็ตาม
หากเป็นสิ่งที่เขารักเราจะรักบุคคลหรือสิ่งเหล่านั้นเช่นเดียวกัน
กาลครั้งหนึ่ง เราเชื่อว่าการเป็นคนเจ้าชู้ นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี
กาลครั้งนี้ เราคิดว่าเจ้าชู้นั้นมีหลายแบบทั้งที่ ดีบ้างและไม่ดีบ้างแตกต่างกันออกไป
แบบที่เราคิดว่าไม่ดีที่สุดนั้น คือเจ้าชู้แบบพร่าผู้หญิง หรือพูดง่ายๆ ว่าพวกฟันแล้วทิ้ง
มีผู้เคยกล่าวว่ามีผู้ชายไม่น้อย ที่ขาดศีลธรรม ชอบพร่าผู้หญิงไม่เลือก
เมื่อพบใครก็พูดจาเกี้ยวพาราสีจนตายใจ ก็จะพร่าผู้หญิงคนนั้นแล้วทอดทิ้งไป
หรือถ้าไม่ทอดทิ้งก็จะหาประโยชน์คอยหาประโยชน์อยู่นั่นเอง
เมื่อพบคนใหม่จะทำเช่นนี้เรื่อยๆ ไม่สิ้นสุดตามความพอใจและโอกาส
เป็นการผิดศีลธรรมและมนุษยธรรมอย่างมาก
หากเป็นญาติพี่น้องหรือลูกหลานเราถูกรังแกถูกพร่าบ้างเราจะรู้สึกอย่างไร
ยิ่งถ้าท้องหรือมีลูกขึ้นมา แล้วการถูกทอดทิ้งจะยิ่งทรมานจิตใจ และเป็นการประจาน
ผู้หญิงคนอาจจะไม่อยากเข้าบ้าน ต้องซัดเซพเนจรยังความอับอายขายหน้าเป็นอันมาก
ต้องทุกข์ใจ และประสพกับความยากลำบากสาหัส
ต้องได้รับความพึงรังเกียจจาก ญาติพี่น้องมิตรสหายและสังคม
หากผู้หญิงคนนั้นมีจิตใจที่เข้มแข็งก็โชคดี แต่ถ้าไม่แล้ว
อาจต้องกลายไปเป็นผู้หญิงหากิน หรือค่าตัวตาย ทำแท้ง และเป็นปัญหาสังคม
เราซึ่งเป็นผู้ที่ก่อกรรมจะต้องเป็นผู้รับบาปอย่างมหันต์
ถ้าใครรู้ก็ตำหนิและเป็นที่รังเกียจจากสังคมที่ดี
เป็นที่รังเกียจของผู้หญิงดีๆ ไม่มีใครอยากรู้จักติดต่อคบหา ต้องเสียเกียรติ อนาคตหมองมัว
การเจ้าชู้พร่าผู้หญิงจึงเป็นการกระทำที่เลว เป็นกรรมอันชั่วช้า
สำหรับเราคิดว่าแม้จะมีเป็นส่วนน้อยแต่ก็พบเห็นได้ทั่วไปในสังคม
เป็นการกระทำที่ปราศจากความรักในเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
กาลครั้งหนึ่ง เราเคยคิดว่าถ้าเรามีแฟนแล้วต้องเลิกกัน
เราคงเสียใจ อกหัก คงจะเลิกรักกันและคงจะไม่อยากเจอะเจอเห็นหน้าพูดคุยกันอีก
กาลครั้งนี้นั้นเราคิดว่าหากเรารักใครแล้วคงจะไม่วันที่จะเลิกรักได้
คนที่เรารักไม่จำเป็นจะต้องเป็นกับแฟนกับเราเสมอไป
หรือหากคบกันกับเราเป็นแฟนแล้ว แฟนเราจะยังรักใครอีกก็ได้
หากวันหนึ่งต้องเลิกความสัมพันธ์การเป็นแฟนกันไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม
ก็คงจะยังรักกันเหมือนเดิมไม่ ไม่ต้องรู้สึกอกหัก และไม่ต้องเศร้าโศกเสียใจ
เราจะยังคงอยากพบเจอทักทายพูดคุยกันอีกไม่ต่างจากเดิม
หากคนที่เรารักจะมีแฟนหรือแต่งงานหรือมีสิ่งใดที่เป็นเรื่องดีๆเกิดขึ้นในชีวิตเขาก็ตาม
เราคงจะยินดีและดีใจด้วยกับเขาเป็นอย่างยิ่ง
กาลครั้งหนึ่ง เราอยากมีแฟน เฝ้ารอคอยว่าเมื่อไรจะมีคนมารักเข้าใจเราเสียที
เราเที่ยวไขว่คว้า เที่ยวเสาะหา ทั้งความรักและคนๆนั้นอยู่เรื่อยมา
เราเที่ยวเสาะหาความรักอยู่นานแสนนาน
พร้อมทั้งสงสัยในความหมายว่าความรักคืออะไรทำไมจึงมีหลากหลายนิยาม
เคยมีผู้รู้เคยพูดว่า เรื่องแบบนี้เมื่อถึงเวลาแล้วเดี๋ยวก็มาเอง
แต่เราก็ยังไม่เข้าใจและยังสงสัยว่า เมื่อไรจะถึงเวลา เมื่อไรจะมาเสียที
กาลครั้งนี้ เราก็ยังคงอยากจะมีแฟนอยู่เหมือนเดิม แต่
เราเข้าใจคำพูดของเพื่อนเราที่ว่าเขาไม่มีความคิดนี้มาหลายปีแล้ว
เราเข้าใจแล้วว่าเมื่อถึงเวลาก็มาเองหมายความว่าอย่างไร
เราเลิกวิ่งเสาะหาความรักและไม่สงสัยหรือสนใจว่าความรักคืออะไร
ตอนนี้เราคิดเพียงจะจริงใจและมอบความรักให้คนทุกคนเท่านั้นเอง
กาลครั้งหนึ่งเราเคยได้ยินว่าความรักนั้นเป็นสิ่งที่สวยงาม
ยามใดที่มีความรักเราจะมีแต่ความสุขโลกก็เป็นแต่สีชมพู
แต่มันก็มักจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้นสักพัก เวลาก็มักจะทำให้
บางสิ่งบางอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลง อยู่เสมอๆ
กาลครั้งนี้เรา ได้รู้จักความรักที่อยู่เหนือการเวลา ที่ไม่มีสิ่งใดๆเปลี่ยนแปลงได้
แม้เราจะเคยได้ยินว่าความรักนั้นสวยงาม แต่วันหนึ่งเราก็เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ในความงามของความรัก
ว่าเป็นสิ่งที่ดี และมีคุณค่ายิ่งเพียงใด ได้มีโอกาสรับรู้ว่าความรักนั้นวิเศษณ์เพียงใด
แค่นั่งพิมพ์ในตอนนี้เราก็มีความสุขแล้ว
กว่าจะมีวันที่เราสามารถมอบความรักที่บริสุทธิ์ ให้แก่ผู้อื่นได้นั้น
เวลาก็ผ่านล่วงเลยจนเกือบถึง 1 ใน 3 ของชีวิต
แต่เราก็ไม่ได้เสียดายเวลาที่ผ่านมาที่ใช้ไปในการเรียนรู้และลองผิดลองถูกเลย
อย่างน้อยเราก็สามารถค้นพบอีกหลายสิ่งเช่น จากที่เราเคยรู้เพียงว่าความรักนั้นสวยงาม
มาตอนนี้เรายิ่งเข้าใจซึ้งในความสวยงามนั้นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
และพบว่าการเรียนรู้ไม่ได้ใช้เวลาเพียงแค่วันหนึ่งหรือสองวัน
แต่ในแต่ละวันที่ผ่านไปเราจะต้องพัฒนาความคิด ความรัก และจิตใจ
ให้ดีขึ้นอยู่เสมอ หรืออย่างน้อย ก็ไม่ให้ลดน้อยถอยลงกว่าเดิม
กาลครั้งหนึ่ง เราเคยอยากให้คนที่เรารักเป็นแฟนกับเรา
กาลครั้งนี้ เราคิดว่ามันไม่ใช่สิ่งคัญกับการที่คนที่เรารักทุกคนต้องมาเป็นแฟนเรา
ลางที เราอยากให้คนที่เรารักมีแฟนเป็นคนที่มีสิ่งต่างๆ ดีกว่าเราด้วยซ้ำไป
เราอยากให้คนนั้นเป็นคนที่เอาใจใส่คนที่เรารัก
เราอยากให้คนนั้นเป็นคนมีเวลาให้คนที่เรารักมากกว่าเรา
เราอยากให้คนนั้นมีความรักที่แท้จริง ไม่หวังสิ่งตอบแทนเหมือนที่เรารัก
หากเปรียบกับชีวิตของคน
ยามสุขล้นจนใจมันยั้งไม่อยู่
ก็คงเปรียบได้กับฤดู .. คงเป็นฤดูที่แสนสดใส
แต่ถ้าวันหนึ่งวันใดที่ใจเจ็บจนทุกข์
ดังพายุที่โหมเข้าใส่ บอกกับตัวเองเอาไว้
ความเจ็บต้องมีวันหาย ไม่ต่างอะไรที่เราต้องเจอทุกข์ฤดู
อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง
เมื่อวันเวลาที่ฝนจางฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ
ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ
ถ้าฉันรู้ว่ารักมันงดงามมากอย่างนี้
หากได้รู้ก็คงไม่ปล่อยมานาน
จะรีบไขว่คว้าตั้งแต่ครั้งเมื่อวันวาน
ไม่ยอมจะผ่านไม่ยอมจะปล่อยให้มันหลุดลอย
มาวันนี้นี้เมื้อฉันได้พบมัน
จึงได้รู้ว่าความรักนี้ช่างวิเศษเพียงใด
จะคอยรักษาดูแลรักนี้เรื่อยไป
ไม่ยอมให้ใครเข้ามาทำร้าย
www.kapook.com
ความคิดเห็น