ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
+* ♥ *+บทความประทับใจ+* ♥ *+

ลำดับตอนที่ #2 : >> เสี้ยวหนึ่งในมิติความรักของเรา

  • อัปเดตล่าสุด 23 ธ.ค. 49




    เวลาใดก็ตามถ้าเราไม่แน่ใจในตัวเอง
    เกิดความสงสัยว่าในขณะนี้เรารักคนคนนี้อยู่หรือเปล่านั้น
    
    เราจะสามารถถามตัวเราเองด้วยคำถามง่ายๆเช่น
    
    ……
    
    เมื่อเรารักใครก็ตามถ้าเป็นความรักที่แท้จริงแล้ว
    
    เราจะรู้สึกอยากให้เขามีความสุข
    
    เราจะรู้สึกอยากจะให้เขาได้พบเจอแต่สิ่งที่ดีๆ
    
    และอยากให้คนอื่นๆนั้นรักเขาเหมือนที่เรารัก
    
    ……
    
    หากเราอยากรู้ว่าใครคนนั้นได้รักเราอย่างแท้จริงหรือไม่
    
    เราจะสังเกตได้จากการกระทำโดยทั่วไปที่ไม่มีการเสแสร้งหรือแสดง
    
    เช่น เขาอยากให้เราได้กินอิ่มก่อนตัวเขาเองในยามที่ต่างก็หิวเป็นต้น
    
    กลับกันหากเราอยากให้ใครกินอิ่มก่อนเราแล้ว เขาคือคนที่เรารัก
    
    แม่ที่รักเราจะให้เรากินได้อิ่มก่อนตัวเองเสมอ เช่นเดียวกัน
    
    ……
    
    กาลครั้งหนึ่งเราเคยคิดว่าถ้าเรามีแฟนเราคงจะไม่มีใจไปรักใครที่ไหนได้อีก
    
    กาลครั้งนี้เราคิดว่าถึงเราจะมีแฟนที่เรารักแล้วเราก็ยังสามารถที่จะรักและจริงใจ
    
    กับคนทุกคนที่เรารู้จักได้
    
    ……
    
    กาลครั้งหนึ่งเราเคยสงสัยในเหตุผลที่ ว่าที่พ่อตาถามว่าที่ลูกเขยว่าทำไมถึงคิดแต่งกับลูกสาวตน
    
    ว่าที่ลูกเขยตอบไปว่า her heart is gold หรือ หัวใจเธอเปรียบดังทอง
    
    เราเคยคิดว่าหัวใจทองคำนั้นเป็นอย่างไร
    
    ถ้าคนเราชอบที่จะคบกันที่จิตใจแล้ว
    
    เราจึงสงสัยว่าคนที่มีจิตใจที่ดีงามนั้นเป็นอย่างไร
    
    และเคยสงสัยว่าตัวเราเองนั้นจะสามารถพัฒนาจิตใจของตัวเองให้เป็นคนที่จิตใจดีงามบ้างได้หรือไม่
    
    ……
    
    กาลครั้งหนึ่ง เราเคยคิดว่าเราไม่ควรจะใช้คำว่ารักอย่างพร่ำเพรื่อเกินไป
    
    กาลครั้งนี้สิ เรากลับมีความคิดว่าเราควรจะมอบและแบ่งปันความรักให้คนรอบข้างอย่างพร่ำเพรื่อ
    
    ……
    
    กาลครั้งหนึ่งเราเคยคิดว่า ความรักกับความใคร่นั้นเป็นสิ่งคู่กัน
    
    กาลครั้งนี้ เราคิดว่าแม้สองสิ่งนี้จะเกี่ยวข้องกันบ้างแต่เรายังสามารถแยกความแตกต่างได้
    
    สิ่งที่ชัดเจนคือความใคร่เป็นความต้องการพื้นฐานที่ติดตัวมาแต่เกิดแต่ความรักหาได้เป็นเช่นนั้น
    
    ความใคร่อาจถือได้ว่าเป็นสัญชาติญาณ แต่ความรักนั้นไม่ใช่
    
    และความใคร่เป็นความต้องการเป็นผู้รับ แต่ความรักนั้นเป็นความรู้ของผู้ให้
    
    ถึงแม้ความรักจะไม่มีมาแต่เกิด แต่ความรักก็สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้
    
    โดยอาจเกิดจากการพัฒนาของจิตใจ และการยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น
    
    ความรักเป็นความรู้สึกที่วิเศษณ์
    
    เพราะมีพื้นฐานมาจากการที่เราคำนึงและใส่ใจในความรู้สึกของผู้อื่น
    
    แทนที่เราจะเห็นแก่ตัวซึ่งเป็นสิ่งที่กระทำได้ง่าย
    
    แต่ความรักทำให้เรา สามารถแบ่งปันน้ำใจให้ผู้อื่นได้
    
    ทำให้เราสามารถมีความปรารถนาดี มีความห่วงใย และอยากแบ่งปันความสุขคนที่เรารัก
    
    รวมทั้งยังทำให้เราสามารถเสียสละเพื่อผู้อื่นได้ เพียงเพราะปรารถนาอยากให้คนเหล่านั้นมีความสุข
    
    และพบเจอสิ่งที่ดีงาม ดังนี้จึงอาจถือว่าความรักเป็นสิ่งอัศจรรย์
    
    เป็นสิ่งที่สร้างความสุขให้กับทั้งผู้ที่เป็นฝ่ายมอบความรักและผู้ที่ได้รับความรัก
    
    ……
    
    เราสามารถมอบความรักที่แท้จริงให้ใครคนไหนสักกี่คนก็ได้อย่างเต็มที่โดยมิต้องเสียดายสิ่งใด
    
    เพราะทุกครั้งที่เรามอบควากรักที่บริสุทธิ์ให้กับใครก็ตาม จิตใจของเราจักเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
    
    หากเรามอบรักให้ใครแล้วจิตใจกลับมีความทุกข์เจือปนอยู่แล้วล่ะก็
    
    สิ่งที่เราได้ให้ไปนั้นยังมิใช่ความรักที่แท้จริง
    
    ……
    
    ในชีวิตเรานั้น มีคนที่เรารักมากมาย
    
    ทั้งพ่อแม่ พี่น้อง ญาติ เพื่อน ผู้ที่มีบุญคุณกับเราทั้งหลาย และคนที่เรารู้จักอีกมากมาย
    
    ทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่รวมทั้งถ้าวันหนึ่งเรามีแฟน เราก็คงรักแฟนเราอีกเช่นกัน
    
    ในบุคคลที่กล่าวมาแล้วเหล่านี้เราไม่รู้หรอกว่าเรารักใครมากกว่ากัน
    
    ไม่รู้ว่าเรารักใครมากแค่ไหน
    
    ถึงแม้ว่าเราไม่อาจจะเปรียบเทียบได้
    
    เรารู้เพียงแต่ ไม่ว่าเราจะรักใคร เราก็จะรักอย่างเต็มที่
    
    เรารู้เพียงแต่ ทุกคนที่เรารักนั้นต่างก็เป็นคนที่เรารักมากมาย
    
    และหากมีสิ่งไม่ดีเกิดกับบุคคลที่เรารักให้ต้องไม่สบายใจ
    
    หรือหากเกิดเป็นอะไรไปไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามเราก็คงต้องเสียใจไม่ต่างกัน
    
    ……
    
    กาลครั้งหนึ่ง เราเคยคิดว่าคนที่เรารักจักต้องรักเราคนเดียว
    
    ตอนเด็กเราเคยคิดว่าพ่อกับแม่จะต้องรักเราไม่น้อยกว่าใครแม้แต่พี่น้องของเราเอง
    
    ถึงแม้เราจะทำตัวไม่ดีอย่างไรแต่ก็ไม่ต้องการให้ พ่อและแม่รักพี่ชายของเรามากกว่ารักเรา
    
    เราเคยคิดว่าถ้าวันหนึ่งเรามีแฟน เราคงอยากให้เธอรักเราคนเดียวไม่ไปรักใครคนอื่นอีก
    
    หากแฟนเราไปเดินกับผู้ชายคนอื่น เราคงหึงหวงและคงไม่ชอบแน่ๆรวมทั้งคงรู้สึกไม่ดีอย่างมาก
    
    กาลครั้งนี้ เราสามารถจะรักโดยปราศจากเงื่อนไข ปราศจากความหึงหวง
    
    และไม่ได้คิดว่าตัวเรานั้นเป็นเจ้าของคนที่เรารักเลย
    
    เขาก็ยังมีชีวิตเป็นของเขาเอง สามารถทำสิ่งใดๆก็ที่ใจเขาอยากจะทำ
    
    เขาจะรักใครอีกสักกี่คนก็เป็น เรื่องธรรมดา และเป็นสิ่งที่เรารู้สึกยินดี
    
    คนที่เขารักอาจเป็นพ่อแม่ของเขาเองหรือญาติพี่น้องหรือเป็นแฟน
    
    หรือบุคคลใดที่เขารู้จักและถึงแม้จะเป็นสัตว์เลี้ยงหรือสิ่งของก็ตาม
    
    หากเป็นสิ่งที่เขารักเราจะรักบุคคลหรือสิ่งเหล่านั้นเช่นเดียวกัน
    
    ……
    
    กาลครั้งหนึ่ง เราเชื่อว่าการเป็นคนเจ้าชู้ นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี
    
    กาลครั้งนี้ เราคิดว่าเจ้าชู้นั้นมีหลายแบบทั้งที่ ดีบ้างและไม่ดีบ้างแตกต่างกันออกไป
    
    แบบที่เราคิดว่าไม่ดีที่สุดนั้น คือเจ้าชู้แบบพร่าผู้หญิง หรือพูดง่ายๆ ว่าพวกฟันแล้วทิ้ง
    
    มีผู้เคยกล่าวว่ามีผู้ชายไม่น้อย ที่ขาดศีลธรรม ชอบพร่าผู้หญิงไม่เลือก
    
    เมื่อพบใครก็พูดจาเกี้ยวพาราสีจนตายใจ ก็จะพร่าผู้หญิงคนนั้นแล้วทอดทิ้งไป
    
    หรือถ้าไม่ทอดทิ้งก็จะหาประโยชน์คอยหาประโยชน์อยู่นั่นเอง
    
    เมื่อพบคนใหม่จะทำเช่นนี้เรื่อยๆ ไม่สิ้นสุดตามความพอใจและโอกาส
    
    เป็นการผิดศีลธรรมและมนุษยธรรมอย่างมาก
    
    หากเป็นญาติพี่น้องหรือลูกหลานเราถูกรังแกถูกพร่าบ้างเราจะรู้สึกอย่างไร
    
    ยิ่งถ้าท้องหรือมีลูกขึ้นมา แล้วการถูกทอดทิ้งจะยิ่งทรมานจิตใจ และเป็นการประจาน
    
    ผู้หญิงคนอาจจะไม่อยากเข้าบ้าน ต้องซัดเซพเนจรยังความอับอายขายหน้าเป็นอันมาก
    
    ต้องทุกข์ใจ และประสพกับความยากลำบากสาหัส
    
    ต้องได้รับความพึงรังเกียจจาก ญาติพี่น้องมิตรสหายและสังคม
    
    หากผู้หญิงคนนั้นมีจิตใจที่เข้มแข็งก็โชคดี แต่ถ้าไม่แล้ว
    
    อาจต้องกลายไปเป็นผู้หญิงหากิน หรือค่าตัวตาย ทำแท้ง และเป็นปัญหาสังคม
    
    เราซึ่งเป็นผู้ที่ก่อกรรมจะต้องเป็นผู้รับบาปอย่างมหันต์
    
    ถ้าใครรู้ก็ตำหนิและเป็นที่รังเกียจจากสังคมที่ดี
    
    เป็นที่รังเกียจของผู้หญิงดีๆ ไม่มีใครอยากรู้จักติดต่อคบหา ต้องเสียเกียรติ อนาคตหมองมัว
    
    การเจ้าชู้พร่าผู้หญิงจึงเป็นการกระทำที่เลว เป็นกรรมอันชั่วช้า
    
    สำหรับเราคิดว่าแม้จะมีเป็นส่วนน้อยแต่ก็พบเห็นได้ทั่วไปในสังคม
    
    เป็นการกระทำที่ปราศจากความรักในเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
    
    ……
    
    กาลครั้งหนึ่ง เราเคยคิดว่าถ้าเรามีแฟนแล้วต้องเลิกกัน
    
    เราคงเสียใจ อกหัก คงจะเลิกรักกันและคงจะไม่อยากเจอะเจอเห็นหน้าพูดคุยกันอีก
    
    กาลครั้งนี้นั้นเราคิดว่าหากเรารักใครแล้วคงจะไม่วันที่จะเลิกรักได้
    
    คนที่เรารักไม่จำเป็นจะต้องเป็นกับแฟนกับเราเสมอไป
    
    หรือหากคบกันกับเราเป็นแฟนแล้ว แฟนเราจะยังรักใครอีกก็ได้
    
    หากวันหนึ่งต้องเลิกความสัมพันธ์การเป็นแฟนกันไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม
    
    ก็คงจะยังรักกันเหมือนเดิมไม่ ไม่ต้องรู้สึกอกหัก และไม่ต้องเศร้าโศกเสียใจ
    
    เราจะยังคงอยากพบเจอทักทายพูดคุยกันอีกไม่ต่างจากเดิม
    
    หากคนที่เรารักจะมีแฟนหรือแต่งงานหรือมีสิ่งใดที่เป็นเรื่องดีๆเกิดขึ้นในชีวิตเขาก็ตาม
    
    เราคงจะยินดีและดีใจด้วยกับเขาเป็นอย่างยิ่ง
    
    ……
    
    กาลครั้งหนึ่ง เราอยากมีแฟน เฝ้ารอคอยว่าเมื่อไรจะมีคนมารักเข้าใจเราเสียที
    
    เราเที่ยวไขว่คว้า เที่ยวเสาะหา ทั้งความรักและคนๆนั้นอยู่เรื่อยมา
    
    เราเที่ยวเสาะหาความรักอยู่นานแสนนาน
    
    พร้อมทั้งสงสัยในความหมายว่าความรักคืออะไรทำไมจึงมีหลากหลายนิยาม
    
    เคยมีผู้รู้เคยพูดว่า เรื่องแบบนี้เมื่อถึงเวลาแล้วเดี๋ยวก็มาเอง
    
    แต่เราก็ยังไม่เข้าใจและยังสงสัยว่า เมื่อไรจะถึงเวลา เมื่อไรจะมาเสียที
    
    กาลครั้งนี้ เราก็ยังคงอยากจะมีแฟนอยู่เหมือนเดิม แต่
    
    เราเข้าใจคำพูดของเพื่อนเราที่ว่าเขาไม่มีความคิดนี้มาหลายปีแล้ว
    
    เราเข้าใจแล้วว่าเมื่อถึงเวลาก็มาเองหมายความว่าอย่างไร
    
    เราเลิกวิ่งเสาะหาความรักและไม่สงสัยหรือสนใจว่าความรักคืออะไร
    
    ตอนนี้เราคิดเพียงจะจริงใจและมอบความรักให้คนทุกคนเท่านั้นเอง
    
    ……
    
    กาลครั้งหนึ่งเราเคยได้ยินว่าความรักนั้นเป็นสิ่งที่สวยงาม
    
    ยามใดที่มีความรักเราจะมีแต่ความสุขโลกก็เป็นแต่สีชมพู
    
    แต่มันก็มักจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้นสักพัก เวลาก็มักจะทำให้
    
    บางสิ่งบางอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลง อยู่เสมอๆ
    
    กาลครั้งนี้เรา ได้รู้จักความรักที่อยู่เหนือการเวลา ที่ไม่มีสิ่งใดๆเปลี่ยนแปลงได้
    
    แม้เราจะเคยได้ยินว่าความรักนั้นสวยงาม แต่วันหนึ่งเราก็เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ในความงามของความรัก
    
    ว่าเป็นสิ่งที่ดี และมีคุณค่ายิ่งเพียงใด ได้มีโอกาสรับรู้ว่าความรักนั้นวิเศษณ์เพียงใด
    
    แค่นั่งพิมพ์ในตอนนี้เราก็มีความสุขแล้ว
    
    แต่กว่าจะมีวันนี้ กว่าจะเข้าใจและรู้ซึ้งถึงคุณค่าของความรัก กว่าจะมีวันที่เราจะรู้จักความรักที่แท้จริง
    
    กว่าจะมีวันที่เราสามารถมอบความรักที่บริสุทธิ์ ให้แก่ผู้อื่นได้นั้น
    
    เวลาก็ผ่านล่วงเลยจนเกือบถึง 1 ใน 3 ของชีวิต
    
    แต่เราก็ไม่ได้เสียดายเวลาที่ผ่านมาที่ใช้ไปในการเรียนรู้และลองผิดลองถูกเลย
    
    อย่างน้อยเราก็สามารถค้นพบอีกหลายสิ่งเช่น จากที่เราเคยรู้เพียงว่าความรักนั้นสวยงาม
    
    มาตอนนี้เรายิ่งเข้าใจซึ้งในความสวยงามนั้นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
    
    และพบว่าการเรียนรู้ไม่ได้ใช้เวลาเพียงแค่วันหนึ่งหรือสองวัน
    
    แต่ในแต่ละวันที่ผ่านไปเราจะต้องพัฒนาความคิด ความรัก และจิตใจ
    
    ให้ดีขึ้นอยู่เสมอ หรืออย่างน้อย ก็ไม่ให้ลดน้อยถอยลงกว่าเดิม
    
    ……
    
    กาลครั้งหนึ่ง เราเคยอยากให้คนที่เรารักเป็นแฟนกับเรา
    
    กาลครั้งนี้ เราคิดว่ามันไม่ใช่สิ่งคัญกับการที่คนที่เรารักทุกคนต้องมาเป็นแฟนเรา
    
    ลางที เราอยากให้คนที่เรารักมีแฟนเป็นคนที่มีสิ่งต่างๆ ดีกว่าเราด้วยซ้ำไป
    
    เราอยากให้คนนั้นเป็นคนที่เอาใจใส่คนที่เรารัก
    
    เราอยากให้คนนั้นเป็นคนมีเวลาให้คนที่เรารักมากกว่าเรา
    
    เราอยากให้คนนั้นมีความรักที่แท้จริง ไม่หวังสิ่งตอบแทนเหมือนที่เรารัก
    
    ……
    
    หากเปรียบกับชีวิตของคน
    
    ยามสุขล้นจนใจมันยั้งไม่อยู่
    
    ก็คงเปรียบได้กับฤดู .. คงเป็นฤดูที่แสนสดใส
    
    แต่ถ้าวันหนึ่งวันใดที่ใจเจ็บจนทุกข์
    
    ดังพายุที่โหมเข้าใส่ บอกกับตัวเองเอาไว้
    
    ความเจ็บต้องมีวันหาย ไม่ต่างอะไรที่เราต้องเจอทุกข์ฤดู
    
    อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง
    
    เมื่อวันเวลาที่ฝนจางฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ
    
    ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ
    
    ……
    
    ถ้าฉันรู้ว่ารักมันงดงามมากอย่างนี้
    
    หากได้รู้ก็คงไม่ปล่อยมานาน
    
    จะรีบไขว่คว้าตั้งแต่ครั้งเมื่อวันวาน
    
    ไม่ยอมจะผ่านไม่ยอมจะปล่อยให้มันหลุดลอย
    
    มาวันนี้นี้เมื้อฉันได้พบมัน
    
    จึงได้รู้ว่าความรักนี้ช่างวิเศษเพียงใด
    
    จะคอยรักษาดูแลรักนี้เรื่อยไป
    
    ไม่ยอมให้ใครเข้ามาทำร้าย
    
    ……
    

by ตุ่น 5
www.kapook.com
ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×
แทรกรูปจากแกลเลอรี่ - Dek-D.com
L o a d i n g . . .
x
เรียงตาม:
ใหม่ล่าสุด
ใหม่ล่าสุด
เก่าที่สุด
ที่กำหนดไว้
*การลบรูปจาก Gallery จะส่งผลให้ภาพที่เคยถูกนำไปใช้ถูกลบไปด้วย

< Back
แทรกรูปโดย URL
กรุณาใส่ URL ที่ขึ้นต้นด้วย
http:// หรือ https://
กำลังโหลด...
ไม่สามารถโหลดรูปภาพนี้ได้
*เมื่อแทรกรูปเป็นการยืนยันว่ารูปที่ใช้เป็นของตัวเอง หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าของ และลงเครดิตเจ้าของรูปแล้วเท่านั้น
< Back
สร้างโฟลเดอร์ใหม่
< Back
ครอปรูปภาพ
Picture
px
px
ครอปรูปภาพ
Picture