คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Bad Thing No.2: สามีพาร์ทไทม์(แบบเร่งด่วนสุดๆ)
"คิๆ...คยูฮยอนอย่าทำแบบนี้สิ มันจั๊กจี้นะ...คิๆๆ"
ร่างบอบบางเปลือยเปล่าบิดกายดิ้นเร้าๆไปมาอยู่ใต้ร่างของชายหนุ่มร่างสูงผู้ซึ่งกำลังใช้ฟันคมๆของตัวเองขบเม้มเบาๆไปตามใบหูเล็กที่ขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างน่าชัง และแน่ล่ะ....ตัวของเขาก็เปลือยเปล่าไม่แพ้คนที่นอนทำตาหวานเชื่อมใส่เขาอยู่ด้านล่างนักหรอก
"ก็ทงเฮฮยองซนนี่นา ผมบอกขอแค่รอบเดียว ฮยองก็ทำเบิ้ลอ่ะ...ทำแบบนั้นได้ไงอ่า มันเกินค่าจ้างผมน้าาา"
คนที่โดนทำเบิ้ล(?)ร้องแง้วออกมาตามประสาพ่อหนุ่มปากหวานช่างฉอเลาะพลางฟัดแก้มนวลข้างหนึ่งไปหนักๆเสียหนึ่งทีจนคนโดนลงโทษ(?)หลุดเสียงหัวเราะคิกคักออกมาหนักกว่าเก่า มือบอบบางไต่เปะป่ะไปทั่วแผ่นหลังกว้างก่อนสุดท้ายแล้วเจ้าตัวจะตัดสินใจรวบคนตัวโตเข้ามากอดเอาไว้เสียเต็มวงแขน
"เจ้าเด็กหน้าเงิน!"
"ใครว่าล่ะ ผมแค่หวงตัวต่างหาก"
ช่างเป็นโฮสต์ที่ทำตัวได้น่าหมั่นไส้เสียจริงโจวคยูฮยอน!
ทงเฮย่นจมูกใส่คนหวงตัวก่อนจะออกแรงพลิกร่างของคนที่นอนทับอยู่ด้านบนให้ลงไปนอนราบอยู่กับเตียงแทนที่ เขาค่อยๆยันตัวขึ้นนั่งอยู่บนหน้าท้องแกร่งพลางเอื้อมมือไปหยิบกล้องตัวเก่งของตนที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงมาถือเอาไว้ กดดูรูปนู้นรูปนี้ไปเรื่อยเปื่อยอย่างที่ชอบทำ
"วันนี้ถ่ายรูปสนุกมั้ย"
"ผมรู้สึกเหมือนกำลังจะตาบอดอ่ะ"
เจ้าเด็กโฮสต์ช่างเจรจาว่าพร้อมกับแสร้งทำเป็นกระพริบตาปริบๆด้วยท่าทางชวนให้หมั่นไส้เป็นที่สุด แต่เขาดันชอบท่าทางแบบนั้นไปแล้วเสียนี่...ลีทงเฮมีรสนิยมแปลกๆแบบนี้เสมอนั่นล่ะ คนชอบอะไรแปลกๆใช้นิ้วดีดจมูกโด่งสวยของคนที่กำลังจะตาบอด(?)ไปเสียหนึ่งทีแล้วจึงหันกลับมาสนใจกับกล้องดิจิตอลในมือของตนตามเดิม
"ใช้แฟลชนิดหน่อยทำมาเป็นบ่น เป็นนายแบบมืออาชีพเจอแรงกว่านี้อีกจะบอกให้"
"ผมก็ไม่ได้คิดจะเป็นนายแบบอาชีพอยู่แล้วนี่ เจอเชวซีวอนคนดังเข้าไป ผมก็ดับแล้ว"
"จะเป็นโฮสต์ต่อไปว่างั้น?"
"เป็นโฮสต์ทำให้ผมได้เจอทงเฮฮยองเชียวนะ"
ดวงตากลมโตของช่างกล้องคนสวยเหลือบลงไปมองใบหน้าคมของคนที่นอนอยู่ใต้ร่างของตนเล็กน้อย และเขาก็พบเข้ากับรอยยิ้มแสนซนของโจวคยูฮยอนที่เขาคุ้นตา ซึ่งแน่ล่ะ...มันก็ยังทำให้เขาสามารถยิ้มตามได้เหมือนเคยนั่นล่ะ เจ้าเด็กแสนซนจอมทะเล้นคนนี้ไม่เคยทำให้เขาเหงาเลยจริงๆ ทงเฮก้มลงไปจูบเบาๆที่เรียวปากหยักแล้วจึงเลื่อนตัวลงแนบแก้มเข้ากับอกอุ่น ฟังเสียงหัวใจที่เต้นผะแผ่วเป็นจังหวะเดียวกับตนอยู่ด้านใน
"ถ้านายเป็นนายแบบ นายก็จะได้เจอฉันอยู่ดีนั่นล่ะคยูฮยอน ฉันดังนะจะบอกให้"
"รู้หรอก ตอนนี้ผมถึงรับจ๊อบทำทั้งสองอย่างอยู่นี่ไงล่ะครับ"
ทงเฮหัวเราะคิกคักออกมาให้กับความช่างเจรจานั้น เขายอมให้อีกฝ่ายดึงกล้องสุดรักออกจากมือไปวางเก็บไว้ที่เดิม และปล่อยให้ร่างของตนถูกโอบล้อมไปด้วยอ้อมกอดอบอุ่นที่โอบรัดเขาเข้าแนบกายแน่นมากเหลือเกิน คยูฮยอนฝังปลายจมูกของตนเข้ากับกลุ่มผมนุ่มสีน้ำตาลเข้มที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นแชมพูจางๆพร้อมกับโยกเอนร่างในอ้อมแขนของตนไปมาด้วยรอยยิ้มบางเบาบนเรียวปาก
"พรุ่งนี้จะย้ายคอนโดใช่มั้ยครับ"
"อื้อ!...เดี๋ยวว่างเมื่อไรฉันจะพานายไปนะ ตอนนี้มีงานทุกวันเลย คงไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไรแล้วล่ะ"
"แย่จังน้าาา ยังงี้ผมก็คิดถึงฮยองตายเลยน่ะสิครับ"
"ตั้งใจเรียนเข้าเถอะนักศึกษาโจว!"
ฟันคมฝังเข้าให้ที่หน้าอกแกร่งจนปรากฏเป็นรอยจางๆคล้ายเจ้าตัวอยากจะให้อีกฝ่ายจำคำของตนเอาไว้ให้แม่นๆ กริยาน่ารักๆ(ที่ดูซาดิสม์ยังไงพิกล)เรียกเสียงหัวเราะทุ้มต่ำได้จากคนโดนกระทำเบาๆ และทงเฮก็แปลกใจที่พบว่าเขาชอบเจ้าเสียงหัวเราะนุ่มๆนั่นยิ่งกว่าตอนที่อีกฝ่ายเปล่งเสียงออกมาเพื่อพูดจาเสียอีก
"ฉันชอบเสียงหัวเราะของนายจัง"
"ผมก็ชอบเสียงครางของฮยองเหมือนกันนะ"
โจวคยูฮยอนได้รอยงับรอยที่สองเป็นของฝากอีกรอยจนได้
เสียงหัวเราะทุ้มต่ำถูกเปล่งออกมาให้ทงเฮฟังอีกครั้งพร้อมกับอ้อมกอดอุ่นที่กระชับรัดเขาแน่นขึ้นจนรู้สึกอุ่นไปหมด...เจ้าเด็กโฮสต์นี่ทำงานได้คุ้มค่าจ้างจริงๆเลยพับผ่าสิ ร่างบอบบางปรือตาลงอย่างง่วงงุน ปัดปลายจมูกไปมาตามแผ่นอกกว้างด้วยท่าทางที่ยิ่งกว่าลูกแมวอิ่มนมช่างประจบ ก่อนสุดท้ายแล้วจะไปจบอยู่ที่ซอกคออุ่นของคนตัวโตเสียอย่างนั้น คนที่กรำงานมาทั้งวันและเริ่มง่วงงุนได้ยินเสียงฮันเพลงเบาๆที่มาพร้อมกับแรงโยกเอนอันแสนอบอุ่น มันทำให้เขาต้องคลี่รอยยิ้มขึ้นมาบนเรียวปากอย่างพึงใจ
"คยูฮยอนอ่า..."
"ทำไมทงเฮฮยองถึงได้ขี้เหงาจังน้า"
ชายหนุ่มเสียงนุ่มเปรยออกมาขำๆพลางกระชับอ้อมกอดของตนให้แน่นยิ่งขึ้นไปอีก เขากดจูบลงเบาๆที่หน้าผากเนียนของคนที่บัดนี้ดูเหมือนจะผล่อยหลับไปเสียแล้วก่อนจะค่อยๆขยับตัว พลิกวางร่างบอบบางให้นอนลงมาบนเตียงเพื่อให้อีกฝ่ายได้หลับสบายๆ แต่ถึงจะเปลี่ยนตำแหน่งที่นอนแล้ว เขาก็ยังคงเกาะเกี่ยวเอวบางเอาไว้แนบกายไม่ปล่อยห่างราวกับกลัวว่าถ้าหากเพียงปล่อยให้คนตัวเล็กห่างกายไปแม้แค่ชั่วเสี้ยววินาที คนขี้เหงาผู้เป็นดังแสงอาทิตย์อันสดใสอาจจะทอแสงจางลงก็เป็นได้
"ราตรีสวัสดิ์ครับทงเฮฮยอง ฝันดีนะครับ"
โจวคยูฮยอนรู้ตัวเองดีว่าเขาไม่ใช่เจ้าชาย
ไม่หวังจะเป็น...ไม่คิดจะเป็น...และไม่มีทางจะเป็น
เจ้าหญิงไม่ต้องการเจ้าชายแบบเขาหรอก
แต่ว่านะ...
เป็นองครักษ์พิทักษ์เจ้าหญิงน่ะ ได้ใกล้ชิดเจ้าหญิงมากกว่าเจ้าชายอีกไม่ใช่หรือไง
................................................................
"เมื่อไรฉันจะได้อุ้มหลานสักทียะลีทงเฮ ฉันคอยจนหัวจะหงอกหมดแล้วนะ"
"โธ่แม่...คงจะได้อุ้มหรอก ถ้าผมมีมดลูกเหมือนพวกผู้หญิงล่ะก็นะ แม่คงได้อุ้มหลานตั้งแต่ผมอยู่มอต้นแล้วล่ะ ผมชอบผู้ชายนะครับแม่ ผมบอกแม่หลายครั้งแล้วนี่"
ลีทงเฮไม่เคยโกหกมารดาที่เคารพรักของตัวเองอยู่แล้วล่ะ คนตัวเล็กเอนคอหนีบโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูของตนไว้กับหัวไหล่พลางเดินว่อนไปทั่วห้องพร้อมด้วยกล่องลังในมือข้างหนึ่งเพื่อเก็บข้าวของของตน โดยมีสายตาของซองมินผู้ซึ่งถูกตามให้มาช่วยเก็บของด้วย(แต่เจ้าตัวกลับนั่งเฉยทำหน้าแบ๊วอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือของเขาด้วยท่าทางที่ไม่คิดจะขยับเสียอย่างนั้น)มองตามตาแป๋วเหมือนจะสนใจบทสนทนาระหว่างเขากับแม่เสียเต็มประดา(เรียกได้ว่าทำตัววุ่นวายมากกว่าจะเป็นประโยชน์เสียอีก)
"ฉันจำได้ย่ะ! แกไม่ต้องมาย้ำเรื่องที่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนหัวใจจะวายได้มั้ยยะ!...แกแค่ช่วยไปไข่ทิ้งไว้สักที่เพื่อฉันหน่อยไม่ได้เลยรึไง"
"นี่แม่จะบ้าหรอ! ผมเป็นฝ่ายโดนเสียบเข้ามานะถ้าแม่ยังไม่รู้ล่ะก็ แม่เห็นผมเป็นคนเสเพลขนาดนั้นเลยหรอห๊าา!!...ผมไม่ใช่ผู้ชายไร้ความรับผิดชอบที่จะได้ไปไข่ทิ้งไว้พร่ำเพรื่อนะแม่!!"
ทงเฮแหวมารดาผู้อยู่ไกลถึงมกโพเสียงดังลั่นห้องจนซองมินที่นั่งมอง(และฟัง)อยู่ถึงกับสะดุ้งเฮือกขึ้นมาสุดตัวและเกือบจะเซหงายตกลงมาจากโต๊ะเสียแล้ว กระต่ายตัวน้อย(จอมอู้)หันไปยู่ปากใส่เพื่อนเหมือนจะโกรธที่อีกฝ่ายทำเสียงดังจนเขาตกใจ แต่ยัยคนต้นเหตุก็ไม่สนใจมันเสียหรอก ทงเฮเดินมากวาดทุกอย่างบนโต๊ะเขียนหนังสือของตนลงใส่กล่องกระดาษที่เขาถืออยู่ในมืออีกข้างหนึ่งลวกๆ โดยไม่ลืมที่จะหันไปใช้ฟันงับเข้าที่ต้นแขนขาวของเพื่อนสนิทที่นอกจากจะทำตัวไม่เป็นประโยชน์แล้ว ยังมาทำหน้ามุ่ยใส่เขาอีก
"อ๋าาา!...ทงเฮอ่าา!!"
ยัยคนขี้สำออย
ริมฝีปากบางของทงเฮขมุบขมิบออกมาเป็นคำนั้นให้เพื่อนได้เห็นก่อนเจ้าตัวจะหันหลังเดินไปเก็บของที่อื่นอย่างรวดเร็ว
"ฉันรู้แล้วล่ะนา! งั้นเอาคนที่เสียบแกมาให้ฉันดูหน้าก็ยังดี เผื่อแกเกิดท้องขึ้นมาฉันจะได้รู้ว่าใครเป็นพ่อของลูกแก"
ปากคอของคุณนายลีดาเฮช่างเหมือนลูกชายของเธอไม่มีผิดเลยจริงๆ คนที่เปลี่ยนคนเสียบไม่ซ้ำหน้าเบ้ปากนิดๆให้กับคำขอ(ที่ออกแนวเป็นคำสั่งกรายๆ)ของผู้เป็นมารดา แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดแก้ตัวอะไรออกไป แม่ของเขาก็รีบพูดแทรกต่อขึ้นมาทันที(เหมือนจะรู้อย่างนั้นล่ะว่าถ้าเธอเปิดโอกาสให้ลูกชายของเธอได้แถ เธอคงไม่มีวันได้เห็นหน้าคนที่เสียบลูกชายของเธอแน่ๆ)
"แกเคยบอกฉันแล้วนี่ว่าแกคบกับใครอยู่มาตั้งแต่มหาลัย เอาแฟนมาให้ฉันเห็นหน้านี่มันลำบากมากนักรึไงยะ!"
เขาว่าแล้วเชียวว่าไอ้คำโกหกนั่นจะกลับมาแทงข้างหลังเขาในสักวัน...ซึ่งมันก็คือวันนี้และตอนนี้เองนั่นล่ะ! ทงเฮหันไปส่งสายตาคาดโทษให้คนต้นคิด(จะมีใคร ก็ยัยกระต่ายเพื่อนซี้ของเขานั่นล่ะ!)ที่ยังคงนั่งทำหน้าแบ๊วไปเรื่อยเปื่อยอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรก่อนจะหันกลับมากระชากเสื้อจากราวในตู้เสื้อผ้าออกมาโยนลงบนเตียงนอนแรงๆ
ถึงทงเฮจะไม่เคย(เรียกว่าไม่ค่อยจะดีกว่านะ)โกหกมารดา แต่เขาก็ไม่อยากจริงใจมากเกินไปที่จะให้แม่ของเขารู้ว่าลูกชายของเธอนอนกับโฮสต์มาแล้วไม่ต่ำกว่าสามร้านหรอกนะ ยัยกระต่ายตัวแสบเลยเสนอให้เขาบอกแม่ไปแบบนั้นเพื่อให้เธอสบายใจและเลิกกังวลที่เขาอยู่ไกลบ้านเสียที ซึ่งมันก็ได้ผลดีนักล่ะ! ถ้าไม่นับว่าความสัมพันธ์ที่นานที่สุดของเขา ณ ขณะนี้คือเจ็ดเดือนสองวันกับเจ้าเด็กโฮสต์จอมทะเล้นที่เพิ่งขึ้นปีสามหมาดๆอย่างเจ้าโจวคยูฮยอนน่ะสิ!
"เงียบไปแบบนี้หมายความว่าไงยะลีทงเฮ!"
"ขอผมคิดก่อนพูดบ้างไม่ได้รึไงล่ะแม่ก็!"
"ต้องคิดก่อนพูดแบบนี้ แกกำลังโกหกฉันอยู่ใช่มั้ยไอ้ลูกชาย!"
"ใช่ที่ไหนล่ะ! ก็แม่ชอบบอกให้ผมคิดก่อนพูดไม่ใช่รึไง ผมก็ทำอยู่นี่ไงล่ะ!"
ยัยลููกชายตัวดีทำเป็นขึ้นเสียงดังข่ม และแน่ล่ะ...โดยมีเสียงหัวเราะคิกคักของซองมินดังคลอเป็นซาวด์แทร็กประกอบอยู่ด้านหลัง ทงเฮหันไปทำหน้ายุ่งใส่เพื่อนพลางสลับโทรศัพท์มือถือของตนไปหนีบไว้ที่ไหล่อีกด้านหนึ่ง...ยิ่งทำตัววุ่นวายอยู่กับการรื้อเสื้อผ้าออกมาจากตู้ยิ่งกว่าเดิมเสียอีก เขาโยนชุดสูทตัวสวยที่ยังคงแขวนค้างอยู่กับไม้แขวนลงบนเตียงแรงๆจนเจ้าเสื้อราคาแพงยับย่นไปหมดก่อนจะหันไปเตะประตูตู้เสื้อผ้าปิดเสียงดังด้วยท่าทางพาลๆ
"อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉันนะยะลีทงเฮ! คิดว่าทำอะไรโครมครามเสียงดังแล้วฉันจะปล่อยแกไปรึไง!! แล้วอย่าคิดว่าโกหกว่าเลิกกันแล้วจะทำให้ฉันยอมแพ้นะ ฉันรู้นะยะ!!"
ลีดาเฮช่างเป็นหญิงวัยกลางคนที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
"อะไรก็ช่างเหอะแม่! ช่วงนี้ผมไม่ว่าง ไม่มีเวลากลับบ้านหรอก แม่คอยไปก่อนละกัน"
ทงเฮแถไปเรื่อยเปื่อยพร้อมกับเดินไปค้นกระเป๋าถือของตนที่ซองมินถือกอดเอาไว้อยู่เพื่อหยิบสมุดจดตารางงานของตัวเองออกมาเช็คดูว่าเขาไม่ว่างจริงๆอย่างที่ปากบอกมารดาไปเมื่อครู่รึเปล่า และให้ตายห่าเหอะ!...ตารางงานงานของเขากลับว่างโล่งยาวถึงต้นเดือนหน้าไปเสียชิบ! ดวงตากลมโตถลึงมองตารางงานประจำเดือนของตนที่ว่างเโล่งโจ้งแทบจะทั้งเดือนอย่างไม่อยากจะเชื่อ และถ้าไม่ได้หนีบโทรศัพท์เอาไว้แนบหูแบบนี้ล่ะก็นะ ลีทงเฮคนดีคงต้องหลุดคำสบถออกมาแล้วล่ะ
"ไม่ว่างเรอะ?! เดี๋ยวนี้แกกล้าโกหกฉันแล้วหรอยะลีทงเฮ!! ไหนซองมินบอกเดือนนี้แกว่างเกือบทั้งเดือนไง!"
ยัยกระต่ายทรยศ!
ริมฝีปากของทงเฮขยับขึ้นลงเป็นคำนั้นให้เพื่อนกระต่ายจอมทรยศของตนได้อ่าน ซึ่งทันทีที่อีกฝ่ายเข้าใจมัน เจ้าตัวก็หัวเราะคิกคักออกมาเสียงใสทันที(ด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อนใดๆเลยจริงๆ)พร้อมกับทำหน้าบ๊องแบ๊วไปตามประสา
"ก็ทงเฮไม่ได้บอกให้ฉันโกหกนี่นา"
ซองมินสารภาพออกมาก่อนจะต้องทำหน้ายู่พร้อมกับร้องโอดโอย(ที่เว่อร์เกินจริงไปแบบสุดๆ)เพราะโดนยัยเพื่อนตัวดีงับเข้าให้ที่ต้นแขนอีกรอยเสียแล้ว
"นี่แกเสี้ยมซองมินให้โกหกฉันงั้นเรอะ?!!"
ว่าแล้วว่าจะต้องได้ยิน ทงเฮเบ้หน้าพลางโยนสมุดตารางงานของตนให้เพื่อนสนิทเก็บใส่กระเป๋าไปตามเดิมก่อนจะหมุนตัวเดินไปเปิดลิ้นชักนู่นนี่เพื่อตรวจเช็คสิ่งที่อาจจะยังคงตกค้างอยู่
"ผมต่างหากที่ต้องถามอ่ะ แม่โทรหาซองมินโดยไม่บอกผมได้ไง ขนาดพ่อแม่ของซองมินยังไม่เคยโทรหาผมเลยนะ!"
"นั่นมันเรื่องของฉันนา แกอย่ามาออกนอกเรื่องนะยะ! ว่าไงล่ะ...แฟนของแกน่ะ จะเอามาให้ฉันเห็นหน้ารึเปล่า หรือจะให้ฉันขึ้นไปหาแกที่โซลห๊า!!"
นั่นยิ่งบัดซบกว่าการพาเด็กโฮสต์สักคนลงไปมกโพเสียอีกนะ
ทงเฮถอนหายใจออกมาเบาๆคล้ายจะเหนื่อยที่จะต่อล้อต่อเถียงกับมารดาอีกต่อไป ก็บอกแล้ว...ลีดาเฮช่างเป็นคุณแม่ลูกสองที่ไม่ธรรมดาเอาเสียเลยจริงๆ คนที่ถูกคุณแม่มัดมือชกให้เอาว่าที่สามีไปเปิดตัวกับทางบ้านหยิบโทรศัพท์มือถือมาถือเอาไว้ในมือข้างหนึ่งพลางใช้มืออีกข้างหนึ่งล้วงลึกเข้าไปลิ้นชักอันสุดท้ายของโต๊ะข้างเตียง
"ก็ได้ครับแม่ สักอาทิตย์หน้าเดี๋ยวผมขะพาเขาไปหาแม่ก็แล้วกัน แต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่าแม่ห้ามโวยด้วยถ้าไม่ถูกใจน่ะ"
ไอ้เด็กโฮสต์หน้าทะเล้นโจวคยูฮยอนน่าจะช่างเจรจาถูกใจสาวสูงวัยนะเขาว่า
แต่ไอ้เด็กโฮสต์จางอูยองจอมงอแงก็น่าเอ็นดูน้อยเสียเมื่อไรกันล่ะ
"ย่ะ!!...เอาให้มันดูได้ละกัน อย่าให้ฉันรู้นะว่าแกไปคว้าเอาโฮสต์ที่ไหนมากกเป็นแฟนน่ะ ฉันไม่ชอบเข้าใจมั้ย!!"
รู้ทันตลอดเลยสินา
"เออ!! ใครจะสิ้นคิดเอาโฮสต์มาเป็นแฟนล่ะแม่ก็!"
ทงเฮทำเสียงดังข่มอีกรอบก่อนเขาจะชะงักไปนิดเมื่อปลายนิ้วสัมผัสเข้ากับอะไรบางอย่างที่ติดอยู่ในร่องด้านข้างของลิ้นชัก ร่างบอบบางย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อส่องดูว่ามันคืออะไรพลางค่อยๆออกแรงดึงมันออกมาอย่างระมัดระวัง และมันก็ทำให้เขาแปลกใจไม่น้อยเมื่อพบว่ามันคือเมมโมรี่การ์ดใบหนึ่งที่ไม่น่าจะมาอยู่ในลิ้นชักอันนี้เอาเสียเลย
"จะมาเมื่อไรโทรมาบอกก่อนด้วย เข้าใจมั้ยลีทงเฮ"
"ครับ แค่นี้นะแม่ ผมมีธุระต้องทำต่อ"
ลูกชายคนดีชิงตัดสายทิ้งแล้วจึงโยนมือถือเครื่องหรูของตนข้ามห้องไปนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงท่ามกลางกองเสื้อผ้ามากมายด้วยท่าทางไม่ใส่ใจมากนัก เขาเดินกลับมาหาซองมินที่ยังคงนั่งมองทุกการกระทำของเขาตาแป๊วโดยไม่ลืมที่จะหยิบกล้องดิจิตอลตัวเก่งของตนติดมือมาด้วย
"แล้วทงเฮจะเอาใครไปหาแม่ล่ะ คยูฮยอนต้องชอบมากแน่ๆถ้านายไปขอให้หมอนั่นช่วยน่ะ เจ้าเด็กนั่นติดนายจะตายไป"
ซองมินว่า ปล่อยให้ร่างของเพื่อนสนิทเข้ามายืนตรงกลางระหว่างขาของตน แล้วจึงเกยคางวางลงไปบนไหล่แคบพร้อมกับวาดแขนโอบกอดเอวคอดของคนที่ยืนหันหลังให้เขาเอาไว้หลวมๆ...กระต่ายตัวน้อยขาดความอบอุ่นอีกแล้วล่ะ
"แต่ฉันว่าแม่ฉันต้องไม่ชอบเจ้านั่นแน่ๆ ล่องลอยแบบนั้นแม่ฉันไม่ปลื้มหรอกนะจะบอกให้"
"แล้วน่ารักๆแบบฉันล่ะ"
"นี่นายประสาทรึไงลีซองมิน! ทำไมถึงชอบพูดเหมือนฉันเป็นเด็กของนายอยู่เรื่อยเลยห๊า!!"
คนที่ชอบถูกเพื่อนสนิทเหมารวมเป็นเมะ(?)อยู่เรื่อยแว้ดออกมาเสียงดังพร้อมกับหันไปใช้หน้าผากโขกเข้าให้เบาๆที่หัวของคนที่เริ่มคลอเคลียอยู่กับซอกคอของเขาเสียแล้ว ซองมินทำปากยู่พร้อมกับรัดอ้อมแขนของตนให้แน่นขึ้น
"ก็ฉันรักทงเฮนี่นา"
"พูดแบบนี้แสดงว่าป่วยอีกแล้วล่ะสิ"
"คงงั้นมั้ง...รู้สึกเหมือนตัวเองป่วยอีกแล้วง่ะ"
ทงเฮส่ายหน้าหน่ายๆให้กับความง้องแง้งของเพื่อนสนิทพลางลงมือถอดเมมโมรี่การ์ดที่เสียบค้างอยู่ในกล้องของตัวเองออก แล้วจึงจัดการเสียบอันที่เพิ่งเจอเข้าไปด้วยท่าทางคล่องแคล่วโดยมีสายตาแป๋วๆของซองมินคอยตั้งคำถามอยู่เป็นระยะๆ
"อะไรหรอทงเฮ"
"เมมโมรี่การ์ดน่ะ เจอในลิ้นชักเมื่อกี้ ไม่มีวันที่เขียนไว้ด้วยสิ"
"เป็นการ์ดที่นายไว้เก็บรูปตอนปั่มปั๊มกับเด็กรึเปล่า"
"จะบ้างรึไง! ฉันไม่ได้โรคจิตเหมือนนายนะลีซองมิน!!"
แหวเสียงดังด้วยแก้มแดงปลั่งก่อนจะก้มกลับลงไปสนใจภาพที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอแสดงภาพตามเดิม และวันที่ปรากฏอยู่ในภาพก็บ่งบอกว่ามันถูกถ่ายเก็บไว้เมื่อสามสี่ปีก่อน...ปีสามได้รึเปล่านะ ประมาณนั้นนั่นล่ะ รอยยิ้มค่อยๆขยับกว้างขึ้นมาบนเรียวปากบางเมื่อได้เห็นภาพเก่าๆมากมายที่เขาลืมไปหมดแล้วว่าถ่ายเอาไว้เมื่อไร ก่อนสุดท้ายแล้วมันจะขยับแบบกว้างสุดๆเมื่อเห็นใครอีกคนปรากฏเข้ามาในรูปนอกจากตัวเขาและเพื่อนร่วมคณะคนอื่นๆ
"นายบอกว่านายป่วยหรอซองมิน"
"อื้อ"
"งั้นฉันจะพานายไปหาหมอนะ หมอหล่อๆที่ชื่อคิมคิบอมน่ะ นายต้องชอบแน่ๆเลย...เขาเป็นว่าที่แฟนของฉันเองล่ะ"
.................................................................
ตอนนี้เราก็ยังคงขายความน่ารักของด๊องมินเหมือนเดิมอ่านะ น่ารักเนอะ^^ ดุง้องแง้งเหมือนเพื่อนสาวเล่นกันยังไงพิหล ส่วนคยูที่รักก็ดุทะเล้นๆยังไงพิกล และตอนนี้พ่อพระเอกคนดีของเราก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีบทนะ แต่ตอนหน้านี่ไม่แน่ค่ะ เราจะไปดูกันนะว่าสี่ปีต่อมา คุนหมอของเราจะเป็นยังไงมั่งนะ^^
เรื่องนี้อัพช้าหน่อย ใครตามอยู่ก็ใจเย็นๆน้า^^
ความคิดเห็น