ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ:KIHAE] :: The One I Love ลิขิตหัวใจนายมาเฟีย

    ลำดับตอนที่ #18 : Retaliation

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.05K
      3
      5 ก.ย. 52

    "นี่เจ้าไก่ปากห้อย!...ถือกล้องใหเมันดีๆหน่อยสิ!"

     

    "..."

     

    "อย่ามาทำงอนนะ! ปากห้อยแล้วยอมรับความจริงไม่ได้รึไงกัน"

     

    "โกรธจุนซูแล้ว!"

     

    "เออ!...โกรธได้โกรธไป แต่เอากล้องมานี่ ฉันจะถ่ายรูป!"

     

    "ง้อหน่อยก็ไม่ได้คนใจร้าย!"

     

    "เรื่องของนาย....จะถ่ายมั้ยรูปเนี่ย ไม่ถ่ายก็เอาหน้าออกไป"

     

    "ถ่ายครับถ่าย....รักจุนซูน้าาา"

     

     

     

    ยูชอนยิ้มให้กับภาพถ่ายในมือของตน แก้มเนียนของจุนซูนั้นแดงปลั่งเพราะคำบอกรักแบบจะๆของเขา และก็เหมือนจะเป็นโชคดีของการฝึกยิงปืนมาหลายปีที่ทำให้เขานิ้วไวพอที่จะกดชัตเตอร์เก็บภาพน่ารักๆแบบนี้เอาไว้ได้ทัน เขาพยายามจะฝืนยิ้มต่อไป...เหมือนทุกๆครั้งที่เขามองภาพนี้ แต่ความจริงที่คอยเอาแต่ซ้ำเติมให้เขามีน้ำตาว่าเขาไม่มีคิมจุนซูไว้คอยบอกรักอีกต่อไปแล้ว....พระเจ้าได้พรากเอาของขวัญที่ท่านประทานมาให้ปาร์คยูชอนกลับคืนไปแล้วก็ทำให้เขามีรอยยิ้มได้ยากนัก

     

    ร่างสูงที่นั่งอยู่บนขอบเตียงวางข้อศอกทั้งสองข้างลงบนหัวเข่า ยังคงจ้องมองรูปถ่ายด้วยน้ำตานองหน้า...เจ็บปวดไปหมด...แม้แต่หายใจก็ยังเป็นเพื่องน่าเจ็บปวด ปลายนิ้วลูบสัมผัสแก้มใสของคนในภาพเบาๆราวกับกำลังสัมผัสพวงแก้มจริงๆของคิมจุนซูที่เขาเคยได้สัมผัสซ้ำแล้วซ้ำเล่านับครั้งไม่ถ้วน แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว...ไม่มีอีกต่อไปแล้ว!

     

    "จุนซู..."

     

    "ยูชอน...ฉันขอเข้าไปนะ"

    เสียงหวานของนายหนุ่มดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง และมันก็ใช้เวลาเพียงไม่นานที่คนมาเยือนจะพาตัวเองเข้ามาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องนอนด้านใน เจ้าของห้องรีบปาดน้ำตาออกจากข้างแก้มลวกๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปคลี่ยิ้มเจื่อนๆให้ร่างบอบบางที่ยืนอยู่ไม่ห่างเท่าไรนัก

     

    ยูชอนพับรูปถ่ายใบเดียวที่เขามีไว้ครอบครองเก็บใส่ลิ้นชักของโต๊ะหัวเตียงแล้วจึงลุกขึ้นเพื่อจัดสภาพอันยุ่งเหยิงของตัวเองให้พร้อมรับหน้านายหนุ่ม แต่ทงเฮกลับผลักร่างของเขาให้เซล้มกลับลงไปนั่งอยู่บนขอบเตียงตามเดิม ดวงตากลมโตทอประกายอ่อนโยนยามที่ผู้เป็นเจ้าของเดินเข้ามาใช้สองมือตระคองใบหน้าของเขาให้เงยขึ้นไปสบตา...ทำเหมือนวันนั้น....เหมือนวันแรกที่เจอกัน...เป็นเจ้าหญิงแห่งพิสุทธิ์ที่แสนอบอุ่นในคืนอันเหน็บหนาว...และเขาก็เป็นเหมือนเดิม...มีน้ำตาไหลรินออกมาเหมือนเด็กไม่รู้จักโตเพียงแค่ปลายนิ้วแสนอบอุ่นของคนแสนอ่อนโยนสัมผัสลงบนผิวแก้ม...คอยเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนหวาน...ลีทงเฮไม่ได้มีรอยยิ้ม...เช่นเดียวกับปาร์คยูชอนที่มีแต่น้ำตา

     

    "ฉันจะให้นายร้องไห้วันนี้เป็นวันสุดท้าย แล้วพรุ่งนี้...ไปเอาชีวิตของคิมจุนซูของนายคืน...สัญญากับฉันนะ"

     

    "ครับ...คุณทงเฮ"

    คนตัวสูงพยักหน้ารับก่อนจะไหวคว้าเอาเอวบางของคนตรงหน้าเข้ามากอดไว้เต็มวงแขน ฝั่งใบหน้าแนบกับหน้าท้องแบนรายเพื่อซ่อนหยดน้ำตาที่ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแม้เพียงนิด ทงเฮวาดแขนโอบกอดไหล่กว้างเอาไว้เพื่อมอบความอบอุ่นให้แก่ร่างกายที่กำลังจะหนาวเย็นตามหัวใจพลางเอนแก้มวางลงบนศีรษะของคนในอ้อมแขน

     

    ที่เขาเลือกมาหายูชอนเพราะเขารู้ดีว่าคิมจุนซูคนนั้นมีค่ามากขนาดไหนกับความสุขและรอยยิ้มของปาร์คยูชอน...คิมจุนซูเป็นชีวิตและลมหายใจของปาร์คยูชอนมาหลายปีแล้ว...นานมากจนนึกไม่ออกว่าจะเป็นอย่าไรถ้าขาดไป แต่ตอนนี้คำตอบก็มีให้เห็นแล้ว ถ้าขาดคิมจุนซูไป...ปาร์คยูชอนก็เหมือนตายทั้งเป็น...มีชีวิตอยู่แค่เพียงกับน้ำตาอย่างคนอ่อนแอ

     

    ....................................................................

     

    "ฉันจัดการเรื่องย้ายให้แล้ว นายไปพากลับบ้านได้เลยละกัน"

    คยูฮยอนพยักหน้ารับรู้เล็กน้อย เขากล่าวขอบคุณเพื่อนร่วมงานอย่างจริงใจก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปยังห้องพักของลีซองมินที่มานอนให้น้ำเกลืออยู่ที่นี่กว่าอาทิตย์...และมันก็น่าตลกที่ว่าเจ้าตัวเพิ่งเป็นหมอจบมาหมาดๆแท้ๆ ชางมินถอนหายใจออกมาเบาๆพลางหันไปหาเจ้าชายแห่งรัตติกาลคนเก่งที่ติดสอยห้อยตามเขามาด้วยอย่างไร้หตุผล

     

    "นายดูนอนไม่พอ"

    คนนอนไม่พอไหวไหล่ด้วยท่าทางไม่ใส่ใจ แต่กระนั้นก็ยังยืนยันความจริงให้เจ้าชายหนุ่มช่างสังเกตเห็นด้วยการยกมือขึ้นปิดปากหาว

     

    "ฝันร้ายนิดหน่อย"

     

    "เดี๋ยวก็ชิน"

    ชางมินแค่เสียงหัวเราะออกมานิดให้กับถ้อยคำปลอบใจสั้นๆที่ไม่ใช่คำแนะนำที่ดีเอาเสียเลยก่อนเขาจะเป็นฝ่ายเอ่ยบอกลาและแยกตัวเดินกลับไปยังรถของตนเพื่อกลับห้องไปล้มตัวนอนให้หายอยากเสียที

     

    .....................................................................

     

    "เลขทะเบียนนรถที่ฉันให้ไปจัดการเป็นยังไงบ้าง"

     

    "ผมเอาไปจัดการให้แล้วครับ คันนั้นเป็นรถเช่าครับ"

    ยูชอนเอนตัวพิงรถออร์ดี้สีดำของตนพลางเคาะนิ้วลงบนหลังคาเบาๆด้วยท่าทางเหมือนกำลังใช้ความคิดขณะที่หูก็ฟังถ้อยคำรายงานจากลูกน้องผ่านสายโทรศัพท์ ดวงตาที่ซ่อนอยู่ใต้เงาของหมวกปีกแคบสีดำทอแวววาวโรจน์เมื่อข้อมูลที่ได้รับนั้นไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาหวัง...บ้าบัดซบ! แต่ชายหนุ่มก็ยังใจเย็นพอที่จะไม่อาละวาดออกมาให้ผู้คนได้แตกตื่น

     

    "ไม่ปรากฏชื่อคนเช่าสินะ"

    ผู้พิทักษ์หนุ่มเอ่ยดักคอด้วยน้ำเสียงเนือยๆเหมือนเบื่อหน่าย...แต่ใครจะรู้ว่าอารมณ์ของเขาตอนนี้นั้นห่างไกลจากคำว่าเบื่อหน่ายอยู่มากนัก

     

    "จะว่าแบบนั้น...เอ่อ...ก็ได้ครับ เพราะชื่อที่คนเช่าให้ไว้กับบริษัทเช่ารถเป็นชื่อปลอมครับ"

               

    "ถ้าอย่างนั้นไม่...."

    เสียงทุ้มเงียบหายไปในลำคอเมื่อสายตาใต้เงามืดเหลือบไปเห็นรถคันหนึ่งที่ขับผ่านหางตาไป และภาพใบหน้าของคนขับก็ทำให้ดวงตาของเขาขยับเบิกกว้างในทันที ยูชอนกดตัดสายทิ้งพร้อมกับรีบมุดเข้าไปนั่งในตัวรถ สตาร์ทเครื่องแล้วจึงรีบตามรถคันนั้นไปอย่างไม่คิดอะไรให้มากความ...ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าจะทำอะไรกับไอ้เลวระยำคนนั้นต่อจากนี้เสียด้วยซ้ำ!

     

    ......................................................................

     

    อาทิตย์ที่ผ่านมาเขาฝันร้าย...ชิมชางมินไม่อยากจะยอมรับความจริงข้อนี้มากนัก แต่มันก็ส่งผลในทางที่เลวร้ายกับเขาเอาเสียมากๆจนเขาต้องปล่อยวางและยอมรับความจริงที่ว่าโรคกลัวเลือดของเขาได้กลับมากำเริบอีกแล้ว...เพียงเพราะการชนบ้าๆนั่นเพียงแค่ครั้งเดียว! ร่างโปร่งสบถพึมพำอยู่กับตัวเองเบาๆพลางกดล๊อครถและหมุนตัวเดินเข้าไปในอพาร์ทเม้นต์ของตน เขายืนรอคอยลิฟต์อยู่กับกลุ่มคนจำนวนหนึ่งไม่นานนัก

     

    ประตูลิฟต์ก็เปิดเลื่อนออกเพื่อให้ผู้ที่อยู่อาศัยภายในตัวอาคารได้ก้าวเข้าไป ชางมินอาศัยช่วงแขนยาวๆของตนเอื้อมแทรกผ่านผู้คนไปกดชั้นของตนแล้วจึงขยับเข้าไปยืนชิดมุมด้านในอย่างเคยชิน...เชวกังชางมินคนเก่งของพรรคโซเฮยอนไม่ค่อยชอบการอยู่ท่ามกลางฝูงชนแบบนี้เท่าไรนัก แต่เขาก็ต้องจำใจอดทนได้ไม่เท่าไร เพราะเพียงไม่นานลิฟต์ก็ว่างเปล่าเหลือเพียงเขากับชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่อยู่ชั้นเดียวกับเขา

     

    เด็กหนุ่มเหลือบตามองชายหนุ่มที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของลิฟต์เล็กน้อยอย่างไม่คุ้นหน้าก่อนจะเลิกใส่ใจพอดีกับที่ประตูลิฟต์เลื่อนเปิด ขายาวก้าวตรงไปยังห้องพักของตนที่อยู่ ณ ริมสุดทางเดิน ปลายนิ้วเรียวขยับกดรหัสลงบนบานประตูอย่างคล่องแคล่วถึงแม้จะไม่ได้กลับมาพักอยู่ที่นี่หลายปีแล้วก็ตามที แต่ยังไม่ทันทีจะผลักเปิดประตูเข้าไปจนสุด มือใหญ่คู่หนึ่งก็เอื้อมมาตะครุบปากของเขาเอาไว้จากด้านหลังพร้อมกับผลักดันร่างของเขาเข้าไปในห้อง

     

    คนร้ายใช้เท้าเขี่ยประตูปิดแล้วจึงกดร่างของเจ้าของห้องแนบเข้ากับกำแพง พลิกแขนข้างหนึ่งมาไว้ด้านหลังพร้อมกับขยับกายเข้าประชิด...ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายทำแม้เพียงร้องอุทาน

     

    "สวัสดี...ห้องของนายนี่หรูใช้ได้เลยนะ"

    เสียงทุ้มที่ติดออกจะแหบอยู่เสียหน่อยกระซิบบอกอยู่ข้างหูของคนที่ทำได้เพีนงแค่เบิกตากว้างและส่งเสียงร้องอื้ออึงอยู่ในลำคอ ชางมินพยายามจะขัดขื่นและดิ้นรนร้องหาอิสระ แต่ทุกครั้งที่ขยับ กระดูกหัวไหล่ของเขาก็ยิ่งปวดร้าวจนต้องยอมอยู่นิ่งเฉยไปเองในที่สุด

     

    "จำกันได้รึเปล่า...ฉันจำนายได้แม่นเชียวล่ะรู้มั้ย"

    ชายหนุ่มปริศนายังคงขยับริมฝีปากพูดต่อไป ปล่อยลมหายใจอุ่นๆให้รวยรินอยู่บนปิวกายสีน้ำผึ้งที่เขาไม่คิดจะใส่ใจว่ามันจะนุ่มนวลน่าสัมผัสมากขนาดไหน

     

    "ฉันตามหายนายแทบแย่...เป็นพรหมลิขิตนะนายว่ามั้ย"

     

    "อื้อออ!"

     

    "อยากพูดหรอ...ได้...ฉันจะให้นายพูดก็ได้ แต่ขอเสียงหวานๆละกันนะ"

    ทุกคำพูดช่างฟังดูนุ่มนวลต่างจากการกระทำที่แสนรุนแรง ชายแปลกหน้าพลิกร่างโปร่งของเจ้าของห้องให้หันกลับมาเผชิญหน้า ริมฝีปากหยักเหยียดออกเป็นรอยยิ้มคล้ายเป็นคนที่แสนจะใจดี แต่มือกลับยังคงล๊อคข้อมือทั้งสองข้างของเจ้าของห้องไว้ด้านหลัง ส่งผลให้ร่างของคนทั้งคู่อยู่แนบชิดกันเกินกว่าที่ชางมินอยากจะให้เป็น อัจฉริยะแห่งพรรคโซเฮยอนพยายามจะใจเย็น...พยายามจะไม่ตื่นตระหนกกับแววตาแสนเลือดเย็นของคนตรงหน้าและอ้าปากพูดออกไป

     

    "แกเป็นใครวะไอ้บ้า!"

     

    เพี้ยะ!!

     

    "ฉันบอกขอหวานๆไม่ใช่หรือไง!"

    มือใหญ่ฟาดเข้าให้เต็มแก้มเนียนจนร่างทั้งร่างแทบจะเซถลาล้มลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นตามแรงตบที่ไม่เบามือเอาเสียเลยก่อนคนลงมือจะเป็นฝ่ายเหวี่ยงร่างโปร่งกลับเข้าไปกระแทกพนังอีกครั้งด้วยดวงตาวาวโรจน์ของปีศาจเลือดเย็น

     

    "เอาหวานๆ...เอาให้ได้เหมือนจุนซู ทำเดี๋ยวนี้!"

     

    "ไอ้ห่าเอ๊ย!...ทำบ้าอะไรของมึงวะ!!?"

    เจ้าของห้องที่โดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียวตะคอกเสียงใส่ด้วยเลือดกบปาก ชางมินทำท่าจะเข้าไปกระชากคอเสื้อของคนร้าย แต่เขาก็ถูกผลักกลับเข้าไปติดพนัง และคราวนี้ก็พร้อมกับร่างสูงที่แนบทาบเข้ามาจนสัมผัสกันได้ทุกสัดส่วนด้วยรอยยิ้มเลือดเย็นไม่แพ้แววตา

     

    "ปาร์คยูชอน...จำชื่อของฉันไว้ให้ดีๆรู้มั้ย"

     

    "..."

     

    "เพราะนายจะได้ร้องอ้อนวอนถูกคนยังไงล่ะ!"

    ดวงตาสีอำพันขยับเบิกกว้างเมื่อซอกคอของตนถูกปลายจมูกโด่งของปาร์คยูชอนเข้าไปคลอเคลีย ชางมินพยายามจะดิ้นรนผลักร่างสูงตรงหน้าให้ออกห่าง แต่สิ่งเดียวที่เขาได้รับตอบกลับสำหรับความดื้อดึงคือความรุนแรงอันป่าเถื่อน ยูชอนฟาดมือเข้าเต็มแก้มเนียนเป็นครั้งที่สองก่อนจะตามลงไปกักขังคนที่เซล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้นด้วยร่างกายของตน มือใหญ่บีบบังคับปลายคางของคนดื้อรั้นให้หันกลับมาสบตา...และแววตาเอาเรื่องของอีกฝ่ายก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกประทับใจเออาเสียเลย แต่กระนั้นยูชอนก็ยังคงมีรอยยิ้มให้กับเหยื่อของตนราวกับเป็นชายหนุ่มผู้แสนดี

     

    "ตานายแนะนำตัวแล้วนะ"

     

    "คุณจะเอายังไงกับผมกันแน่!"

     

    "อ๊ะๆ...ฉันให้อีกรอบ บอกชื่อนายเดี๋ยวนี้...ขอหวานๆล่ะ"

     

    "ผมไปทำอะไรให้คุณรึไง!!"

    รอยยิ้มของปาร์คยูชอนสะดุดไปนิดเมื่อคนใต้ร่างของตนตะคอกประโยคนี้ใส่หน้าเขาด้วยแววตาโกรธเคือง มือใหญ่ที่จับปลายคางของอีกฝ่ายพลันผ่อนแรงลงและเปลี่นมาเป็นเลื่อนลงมากำจับรอบคอเอาไว้แทนที่ ไม่นาน...รอยยิ้มก็กลับมาคลี่บางอยู่บนเรียวปากของเขาอีกครั้ง และครั้งนี้...ดวงตาอันวาวโรจน์ยิ่งกว่าปีศาจก็ทำให้ชางมินเริ่มหวาดกลัวขึ้นมาจริงๆ

     

    "ไม่เป็นไร...ไม่บอกฉันหาเองก็ได้"

    มือข้างที่ว่างจงใจลูบผ่านปุ่มนูนบนแผ่นอกบาง ลากเลื่อนต่ำลงไปที่กึ่งกลางลำตัวแล้วจึงวกไปที่กระเป๋ากางเกงเพื่อล้วงหยิบกระเป๋าเงินของอีกฝ่ายออกมา ยูชอนใช้มือเพียงข้างเดียวขยับค้นเจ้ากระเป๋าเงินสีดำอย่างคล่องแคล่ว และเพียงไม่นานเขาก็สามารถเลื่อนบัตรประชาชนออกมาจากช่องสอดบัตรได้ในที่สุด เขาโยนกระเป๋าเงินทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะกันกลับมาตั้งหน้าตั้งตาอ่านข้อมูลในบัตรใบเล็กนั่นโดยที่ผู้เป็นเจ้าของทำไม่ได้แม้เพียงจะเอื้อมมือไปคว้ามันกลับคืน เพราะทุกครั้งที่ขยับ มือที่กำรอบลำคอของเขาก็ยิ่งบีบรัดจนเขาต้องยอมอยู่นิ่งเฉยไปเองในที่สุด

     

    "ชิมชางมิน..."

    เสียงทุ้มพึมพำออกมาเบาๆพร้อมด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่นเข้าหากัน...คล้ายพยายามนึกอะไรสักอย่างที่เขาสมควรจะจำได้เกี่ยวกับชื่อนี้ แต่เขาก็เลิกพยายามนึกไปในวินาทีต่อมา

     

    "ชางมิน...เทวดาตัวน้อยสินะ...ไม่เห็นจะเหมาะกับนายตรงไหน"

    ยูชอนสะบัดเจาบัตรพลาสติกในมือทิ้งไปเมื่อมันได้ให้ข้อมูลที่เขาต้องการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดวงตาของปีศาจเลือดเย็นกดต่ำลงมองคนที่มีเลือดไหลซึมออกมาจากมุมปากอย่างเย็นชาพลางบีบกระชับมือของตนแน่นขึ้นเพื่อบังคับให้อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาสบตา

     

    "อย่างนายน่ะ...มันก็แค่ไอ้สารเลวชาติชั่วเท่านั้นล่ะ"

     

    "ไอ้...!!"

     

    "จุ๊ๆ...ฉันยังพูดไม่จบ อย่าเพิ่งขัดสิชางมิน"

    ยูชอนจุ๊ปากด้วยท่าทางใจเย็นพร้อมกับทิ้งน้ำหนักตัวลงนั่งทับบนต้นขาของอีกฝ่ายเพื่อนกันไม่ให้ดิ้นรน

     

    "ส่วนคำถามของนายน่ะนะ..."

     

    "..."

     

    "นายฆ่าจุนซูของฉันยังไงล่ะ!"

     

    "ไอ้บ้า!...ผมไม่รู้จักจุนซูที่ไหนทั้งนั้น!!"

     

    เพี้ยะ!!

     

    "ถ้านายพูดชื่อของจุนซูอีก ฉันจะตัดลิ้นของนาย...ถือเป็นข้อตกลงระหว่างเรานะชางมิน"

    ปาร์คยูชอนกลับมาเป็นผู้ชายแสนดีอีกครั้งด้วยการทอดเสียงให้ฟังดูนุ่มนวลลงตามเดิม เรียวปากหยักแต้มยิ้ม ต่างจากอีกคนที่ดวงตาเริ่มมีน้ำตาเอ่อคลอเพราะความเจ็บปวด พวงแก้มบวมช้ำและเลือดเต็มปากจนคลื่นไส้ไปหมด...สับสนงุนงงจนคิดอะไรไม่ออก...ทำไมได้แม้เพียงดิ้นรนขัดขื่น

     

    "คุณต้องการอะไรกับผมกันแน่!"

    คนที่แสร้งทำเป็นแสนดียิ้มเย็นราวกับในที่สุดเขาก็ได้รับคำถาใที่เฝ้ารอเสียที ยูชอนคลายมือที่กำอยู่รอบลำคอเล็กออกเพื่อนใช้หลังมือลูบสัมผัสแก้มเนียนคล้ายอยากจะมอบความอ่อนโยนให้แก่คนหัวดีก่อนจะพลิกมือกลับมาบีบแก้มที่เขาเพิ่งสัมผัสไปเมื่อครู่จนมันแดงช้ำ

     

    "ฉันจะมาเอาชีวิตจุนซูของฉันคืน"

     

    "ผมบอกแล้วว่าผมไม่รู้จักคนที่ชื่อจุนซูคุณไม่ได้ยินรึไง!!"

     

    ฉึก!!

     

    "อึก...!!"

    ปลายมีดแหลมที่ถูกสะบัดออกมาจากใต้แขนเสื้อปักลงที่กฃางฝ่ามือบางที่วางแน่นิ่งอยู่บนพื้นอย่างรวดเร็วจนมองเห็นการขยับไหวเป็นเพียงภาพเบลอ ชางมินเบิกตาขึ้นกว้างมองมือของตนที่ถูกตึงยึดไว้อยู่กับพื้นด้วยสายตาตื่นตระหนก กลิ่นคาวเลือดที่ลอยคละคลุ้งไปทั่วกำลังทำให้เขารู้สึกวิงเวียนขึ้นมาจนแทบที่จะลืมความเจ็บปวด เทวดาตัวน้อยที่กำลังถูกตัดปีกอย่างเลือดเย็นโดยซาตานผู้ไร้หัวใจพยายามจะสูดหายใจให้ลึกเพื่อไม่ให้ตัวเองหวีดร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก...ชิมชางมินเป็นคนใจเย็นเสมอ ใครๆก็พูดแบบนั้น

     

    "ฉันบอกนายแล้วนี่ว่าห้ามพูดชื่อนี้...ทำไมไม่จำชางมิน!"

    ดูเหมือนว่าปาร์คยูชอนจะคุมตัวเองให้เป็นเทพบุตรผู้แสนดีไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขากระชากมีดเล่มเล็กออกมาจากพื้น ปล่อยให้เลือดไหลรินอยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดใส่ใจก่อนจะลุกยืนขึ้นโดนไม่ลืมที่จะฉุดร่างบอบบางที่เริ่มอ่อนแรงให้ลุกตามขึ้นมาด้วย

     

    ชางมินพยายามจะดิ้นรนอีกครั้ง แต่ว่าความพยายามของเขาก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าเมื่อร่างที่เริ่มอ่อนแรงของตนโดนผลักไปชนเข้ากับขอบโต๊ะโดยมีซาตานเลือดเย็นตามเข้าไปกดร่างให้เอนแนบลง มือใหญ่ข้างหนึ่งบีบกระชับลำคอเล็ก ส่วนอีกข้างหนึ่งมีมีดเงินมันวาวที่อาบไล้ไปด้วยเลือดสีเข้ม...ข่มขวัญให้หัวใจสั่นไหวจนเทวดาที่โดนดึงรั้งลงมาจากฟากฟ้าอย่างโหดร้ายทำได้เพียงแค่นอนสั่นพร้อมน้ำตา...ถึงแม้ว่าจะฉลาดจนหลายคนอิจฉา แต่ชิมชางมินก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ผ่านโลกมาไม่ได้เท่าไร....ที่ยังไม่โดนแปดปื้อนไปด้วยเลือดจนมืดมน...ยังบริสุทธิ์เกินไปสำหรับความรุนแรงของโลกใบใหม่ที่เขาถูกดึงให้เข้ามาอยู่

     

    "ผมไม่รู้..."

    เสียงหวานเว้าวอนขอออกมาเบาๆด้วยหวังจะให้อีกฝ่ายรับฟังว่าเขายังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ปาร์คยูชอนก็ไม่คิดจะสนใจมัน ชายหนุ่มลดปลายมีดลงมาสะกิดกระดุมออกจากรังดุมทีละเม็ดจนเสื้อเชิ้ร์ตเนื้อดีค่อยๆแยกออกจากกัน เผยให้เห็นผิวสีน้ำผึ้งเนียนละเอียดและร่างกายบอบบางผิดโครงร่างสูงๆที่เห็นจากภายนอก

     

    "ตอนนั้นน่ะนะ...จุนซูมีเลือดเต็มไปหมด"

    ยูชอนเหยียดยิ้มพลางจ่อจรดคมมีดลงบนแผ่นอกบางก่อนจะค่อยๆกรีดต่ำลงมาตามหน้าท้องแบนราบที่ขยับขึ้นลงถี่เร็วตามจังหวะการหายใจ ชางมินเบิดตาขึ้นกว้างขณะเฝ้ามองเลือดไหลรินออกมาจากบาดแผล...ไม่ลึกนัก แต่กลับทำให้เลือดไหลรินออกมาจนเปื้อนร่างของเขาเต็มไปหมด

     

    "มีเลือดท้วมไปหมดเลย..."

    ยูชอนยังคงมีรอยยิ้มขณะใช้ปลายนิ้วกดลึกลงไปตามปากแผลเพื่อให้เลือดล้นทะลักออกมามากกว่าเก่าก่อนจะละเลงมันไปมั่วผิวเนียนราวกับอยากจะอธิบายคำว่าเลือดท้วมของตนนั้นมันมากขนาดไหน...และเมื่อถึงตอนนั้น ชางมินก็ร้องไห้ออกมาอย่างไม่คิดจะดื้อดึงทำเป็นไม่กลัวอีกต่อไป

     

    "คุณยูชอน...ขอร้อง...อึก"

     

    "อ่าาา...อย่าร้องไห้สิ ไม่สวยเลยนะ"

    ปลายนิ้วเปื้อนเลือดปาดเช็ดน้ำตาออกจากข้างแก้มเนียนอย่างแผ่วเบา แต่เมื่อสังเกตเห็นรอยเปื้อนที่เกิดขึ้นเพราะการกระทำของตน คนที่แสร้งทำเป็นอ่อนโยนก็ขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยท่าทางไม่ชอบใจ

     

    "มีอย่างนึงที่น่าแปลกรู้มั้ย...ถึงตัวของจุนซูจะเปื้อนเลือดมากขนาดไหน แต่หน้าของจุนซูกลับไม่เปื้อนเลือดเลยสักนิด แปลกดีนะชางมินว่ามั้ย...หรือมันเป็นเพราะว่าจุนซูเป็นคนของพระเจ้ากัน ชางมินคิดว่าไง"

    ใบหน้าคมลดต่ำลงมาใกล้ก่อนจะใช้ปลายลิ้นเช็ดคราบเลือดที่ติดอยู่ที่ข้างแก้มออกจนหมด แล้วจึงเลยไปจูบซับน้ำตาออกจากดวงตาสีอำพัน มือใหญ่ละออกมาจากลำคอเพื่อให้คนเจ็บปวดได้หายใจสะดวกมากขึ้นก่อนจะค่อยๆลากเลื่อนมันลงมาปลดกางเกงของร่างด้านใต้ที่เกร็งสะท้านขึ้นมาทันที

     

    "ตัวของจุนซูน่ะนิ่มมากเลยนะ ข้างในของจุนซูก็ร้อนมากด้วย"

    เสียงแหบทุ้มกระซิบบอกอยู่ริมหูขณะที่นิ้วเรียวก็สอดผ่านชั้นในตัวบางเข้าไปสัมผัสช่องทางร้อนด้านหลังคล้ายอยากจะพิสูจน์ว่ามันจะร้อนได้เท่าคนที่เป็นดังหัวใจของเขาหรือไม่ แต่เพียงแค่ใช้ปลายนิ้วสะกิดเข้าที่ปากทาง ร่างของชางมินก็สะดุ้งเฮือกขึ้นมาสุดตัวก่อนเจ้าตัวจะรวบรวมแรงฮึดสุดท้าย อาศัยการกักขังที่หละหลวมผลักคนใจร้ายให้ถ้อยห่างสุดแรง

     

    "บ้าเอ๊ย!!"

    ยูชอนที่เซไปสะดุดขาเก้าอี้จนหงายหลังล้มลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นสบถออกมาดังลั่นด้วยดวงตาที่ทอประกายวาวโรจน์ยิ่งกว่าของปีศาจก่อนจะรีบลุกขึ้นวิ่งตามคนที่กำลังกระเสือกกระสนเดินไปที่ห้องนอนอย่างไม่รอช้า แต่มันก็ไม่ได้ง่ายนักเมื่อคนที่ตื่นกลัวถึงขีดสุดหันมาเขวี้ยงทุกอย่างที่คว้าได้ใส่หน้าเขาอย่างไม่กลัวว่ามันจะเสียหาย

     

    ชางมินหอบหายใจพลางพาร่างอาบเลือดของตนเดินข้ามห้องไปยังห้องนอนที่มีทั้งหลอนประตูทั้งโซ่คล้องทั้งปืนที่อยู่ในลิ้นชัก เขาภาวนาขอให้ตัวเองทำได้ดีกว่านี้ แต่กลิ่นเลือดก็ทำให้เขาทำได้เพียงแค่หนึ่งในห้าของที่ควร เขากระชากโคมไฟอออกมาก่อนจะหันไปเขวี้ยงใส่คนใจร้ายเต็มแรงแล้วจึงรีบแทรกตัวผ่านประตูห้องนอนเข้าไป

     

    เด็กหนุ่มรีบผลักประตูปิด แต่ไหล่ข้างหนึ่งที่สอดเข้ามาก่อนที่มันจะปิดสนิทก็ทำให้เขาได้ยินเสียงของตัวเองสะอื้นออกมาอย่างชัดเจน ร่างบางพยายามจะออกแรง แต่เลือดที่ไหลไม่หยุดมากว่ายี่สิบนาทีก็ทำให้เขาอ่อนแรงและเป็นผ่ายโดนผลักออกมา เขาตัดสินใจจะวิ่งไปหยิบปืนของตนที่อยู่ในลิ้นชักหัวเตียง แต่ทว่าซาตานตัวร้ายกลับคว้าข้อมือของเทวดาผู้โดนตัดปีกไว้เสียก่อน...และตอนนี้ ปาร์คยูชอนก็เป็นยิ่งกว่าปีศาจเลือดเย็น

               

    "ชางมินชอบเล่นเจ็บๆหรอ..."

    เล็บคมจิกลงบนบาดแผลที่ฝ่ามือจนคนร่างโปร่งต้องนิ่วหน้าและงอตัวรับความเจ็บปวดด้วยน้ำตาอาบแก้มอย่างน่าสงสาร...หมดหวังที่จะหลบหนีอีกต่อไป ชางมินพยายามจะร้องขอด้วยแววตา แต่มันก็เป็นสิ่งไร้ค่าเมื่อดวงตาคู่นั้นไม่ใช่ของคิมจุนซู

     

    "ชอบเล่นเจ็บๆทำไมไม่บอกกันดีๆล่ะ...เล่นเจ็บๆฉันก็ชอบเหมือนกันนะ!"

    คนชอบเล่นเจ็บๆเหวี่งร่างผอมบางไปนอนกองอยู่บนเตียงก่อนจะตามไปนอนคร่อมทับเอาไว้ ฉีกทึ้งเสื้อผ้าออกจากร่างเปื้อนเลือดอย่างป่าเถื่อนจนคนถูกกระทำได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา...ดิ้นรนไปอย่างไร้ประโยชน์

     

    "คุณยูชอน!!...ได้โปรด!...ฮึก...ผมไม่รู้จริงๆ"

     

    "เดี๋ยวนายก็รู้...อีกเดี๋ยวเดียวเท่านั้นล่ะ"

    ยูชอนพึมพำอยู่กับลาดไหล่เนียนก่อนจะขบกัดมันจนห่อเลือด ฟันคมกัดไปทั่วผิวสีน้ำผึ้งจนมันปรากฏรอยช้ำเต็มไปหมด เขาพลิกร่างบางให้นอนคว่ำลง รั้งสะโพกให้สูงขึ้นก่อนจะปลดปล่อยตัวเองออกมาจากกางเกง...เตรียมแทรกกายเข้าไป ริมฝีปากหยักเหยียดยิ้มขณะโน้มตัวลงไปหยอกล้อเล่นอยู่กับใบหูของคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่กับเตียง...ร้องไห้อยู่เงียบๆอย่าทำอะไรไม่ได้อีกต่อไป

     

    "ร้องหวานๆล่ะชางมิน...หวานสุดๆให้เหมือนจุนซูเลยนะ เพราะถ้าไม่หวาน...ฉันจะทำจนกว่ามันจะหวานนั่นล่ะ!"

     



    .......................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×