ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ D18 ] Only Fiction

    ลำดับตอนที่ #5 : HAPPY NEW YEAR 2013

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 185
      0
      3 ม.ค. 56

    Yaoi Fiction

     

    Happy New Year 2013 [D18]

    ……………………………………………………………………………………………

     

    “อ่า.....โธ่ ป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย” ร่างสูงบ่น พลางขยี้ผมสีทองของตนอย่างเหนื่อยล้า พร้อมๆกับทิ้งตัวลงพิงพนักเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ หลังจากมองนาฬิกาที่ตีบอกเวลาว่าตอนนี้ก็เที่ยงคืนเข้าไปแล้ว

     

    “ไหวรึเปล่า จะรับกาแฟมั๊ยล่ะบอส” ลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาถามอย่างเป็นห่วง

     

    “อืม....ได้ก็ดี งานยังเหลืออีกตั้งเยอะแน่ะ” ร่างสูงพยักหน้า ก่อนจะเหลือบมองกองภูเขาเอกสารบนโต๊ะที่ทำเอาหาที่ว่างแม้แต่จะวางถ้วยกาแฟไม่ได้

     

    “อย่าฝืนมากนะบอส เดี๋ยวจะเสียสุขภาพ” อีกฝ่ายเอ่ยเตือน

     

    “ไม่ได้หรอก ฉันเหลือเวลาอีกวันเดียวเท่านั้น” ร่างสูงกล่าวเครียด

     

    “ผมเข้าใจ งั้นสู้เข้านะบอส ผมจะคอยช่วย” อีกฝ่ายส่งยิ้มให้กำลังใจ

     

    “นั่นสินะ ฉันไม่ยอมให้อะไรมาขวางหรอก” ร่างสูงเอ่ยอย่างมาดมั่น ก่อนจะลงมือจัดการเอกสารต่อไป โดยมีกำลังใจคือแผนการสำคัญบนปฏิทินที่อยู่ข้างๆ วงกลมสีแดงๆที่อยู่บนตารางวันสำคัญกับข้อความสั้นๆที่แทบทำให้นั่งอยู่กับที่ไม่ติด

     

    [ เคาท์ดาวน์กับเคียวยะ ]

     

     

     

     

     

     

    “เท่านี้ก็เรียบร้อยหมดแล้วครับหัวหน้า” เสียงเข้มเอ่ย พลางยกถ้วยน้ำชามาวางแทนที่แฟ้มเอกสารเมื่อครู่

     

    “ดี...ส่วนพรุ่งนี้อาจจะเกิดเรื่องวุ่นวาย อย่าลืมจัดคนกระจายกันไปดูรอบๆด้วย” เสียงหวานเอ่ย ก่อนจะยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ

     

    “ครับ..งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ว่าจบอีกฝ่ายก็โค้งคำนับ แล้วเดินจากไป

     

    “วันนี้ 30 ธันวา สินะ” ร่างบางพึมพำเบาๆ

     

    เดี๋ยววันที่ 31 ธันวา เรามาเคาท์ดาวน์ด้วยกันนะเคียวยะ เสียงเจื้อยแจ้วอันแสนจะคุ้นเคย ดังก้องอยู่ในหัว และรอยยิ้มสดใสที่ไม่เคยจะจางหายไปจากใบหน้าคมนี้เลย

     

    อย่าลืมเชียว เรานัดกันแล้วนะเสียงนั้นกำชับ โดยไม่ฟังเสียงปฏิเสธหรือตอบรับใดๆ

     

    “ใครกันแน่ที่ลืม จนป่านนี้ยังไม่โผล่หน้ามาอีก” เสียงหวานเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์

     

    “รึว่า...หมอนั่นลืมจริงๆ” ร่างบางเอ่ยอย่างเคือง พลางนึกถึงภาพอีกฝ่ายที่กำลังยุ่งกับงานจนหัวปั่นลืมวันลืมคืน

     

    “แล้วถ้า.....เป็นอะไรไปล่ะ” ใบหน้าหวานซีดลงถนัดตา ภาพในหัวเริ่มเปลี่ยนกลายเป็นสภาพของอีกฝ่ายที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงพยาบาล ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล

     

    “.....มะ.....ไม่จริงน่ะ” ว่าจบมือเรียวก็ฉวยเอาโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมา ค้นหาเบอร์ที่ถูกถือวิสาสะจัดการบันทึกไว้ซะเรียบร้อยและตนก็ไม่เคยคิดว่า...อยากจะโทรไปสักเท่าไหร่

     

    ......ดีโน่.....

     

    “คงไม่หรอก....” มือเรียวสั่นน้อยๆ ใจยังคงสับสนว่าควรทำอย่างไร

     

    “มิโดริ....ฮันนา....มิคุ...นามิโมริโน..” เสียงเรียกเข้าที่ดังขึ้นทำเอาสะดุ้ง ที่ทำให้ใจเต้นรัวยิ่งกว่า คือชื่อที่แสดงบนหน้าจอ

     

     [สายเรียกเข้า......ดีโน่.....]  ความกังวลปรากฏบนใบหน้าพร้อมๆกับความดีใจ ร่างบางกดรับพลางคุมสติของตนอย่างยากลำบาก

     

    “ฮัลโหล.....” เสียงหวานเอ่ยทักนิ่ง

     

    “เคียวยะ.....คิดถึงจัง” เสียงจากปลายสายที่ดูร่าเริงเป็นปกตินั้นทำให้ใบหน้าหวานคลายกังวล ริมฝีปากบางสวยแอบเหยียดยิ้ม

     

    “มีอะไรก็ว่ามา” ร่างบางตอบรับง่ายๆ แต่ในใจกับลุ้นระทึก ว่าอีกฝ่ายจะโทรมาเพื่อพูดคุยเรื่องอะไร

     

    “ก็ฉันคิดถึงเคียวยะใจจะขาดอยู่แล้วนี่ ก็เลยโทรหา แล้วก็อยากรู้ด้วยว่า เคียวยะจะคิดถึงฉันเหมือนกันบ้างรึเปล่า” เสียงทุ้มเอ่ยกลับมาอย่างทะเล้น

     

    “ฉันไม่ได้ว่างขนาดจะมาทำอะไรแบบนั้น” ร่างบางก็ยังตอบแบบปากไม่ตรงกับใจอีกเช่นเคย ทั้งๆที่เมื่อครู่ยังคิดจะโทรไปหาเจ้าของเสียงนี้เองด้วยซ้ำ

     

    “ง่ะ....เคียวยะใจร้าย ไม่คิดถึงฉันเลยจริงๆเหรอ” ปลายสายแกล้งส่งเสียงงอแง

     

    “ถ้าจะโทรมาแค่นี้ ฉันจะวางล่ะ” ร่างบางขู่

     

    “เดี๋ยวๆ เคียวยะ ที่ฉันโทรมาจริงๆคือ เรื่องวันพรุ่งนี้......” เสียงทุ้มรีบเข้าประเด็น เพราะกลัวจะโนตัดสายเข้าจริงๆ

     

    “เรื่องวันพรุ่งนี้.....” ร่างบางแกล้งทวนซ้ำเสียงสูง ราวกลับว่าจะจำไม่ได้

     

    “ใช่ๆ ฉันจะไป...”

     

    “บอสครับ.....เกิดเรื่องแล้ว รีบมาช่วยกันหน่อยเร็วเข้า” ปลายสายยังไม่ทันจะพูดจบ ก็ถูกขัดจังหวะโดยบุคคลที่สามจนได้

     

    “ขอโทษนะเคียวยะ ไว้ฉันจะติดต่อไปใหม่......ตื๊ดๆๆ” สัญญาณถูกตัดไปทั้งๆที่ใจความสำคัญของการสนทนากลับถูกทิ้งไว้ให้เป็นแค่...ปริศนา....

     

    “งานเยอะขนาดนั้น นายจะเอาเวลาที่ไหนมากัน เจ้าบ้า...” ร่างบางเอ่ยตัดพ้อ พลางมองโทรศัพท์ในมือ

     

    “นายเป็นคนนัดเอง....ถ้าพรุ่งนี้นายไม่มา...ฉันจะไม่มีวันให้อภัยนายเลย” ร่างบางเอ่ยเบาๆ ก่อนจะวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ แล้วเดินออกจากห้องไป

     

     

     

     

     

    31 ธันวาคม 2555 เวลา 18.00 น.

     

    “คุซาคาเบะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว” ร่าบางเอ่ยทำลายความเงียบ หลังจากบรรยากาศนั้นอึมครึมมานาน

     

    “อะ...เอ่อ...หกโมงเย็นแล้วครับ” ผู้เป็นลูกน้องยกนาฬิกาขึ้นดู พลางตอบเสียงสั่น

     

    “....ฉันจะออกไปข้างนอก ดูแลจัดการเก็บที่นี่ให้ดี อย่าให้ฉันกลับมาเห็นว่าไม่เรียบร้อย....” ร่างบางออกคำสั่ง

     

    “ครับ หัวหน้า” อีกฝ่ายโค้งเป็นเชิงตอบรับ

     

    “เสร็จแล้วจะไปไหน ก็ตามใจ” พูดจบสองขาก็พาร่างเพรียวหายลับไปจากห้อง...ก่อนจะมุ่งหน้าไปอย่างไร้จุดหมายบนถนนที่มืดมิด...พร้อมกับข้างกายที่ว่างเปล่า.....และหัวใจที่เต็มไปด้วยความรู้สึก....เหงา....ที่ก่อตัวขึ้นช้าๆ

     

     

     

     

     

    เวลา 20.25 น.

     

    “ฮะๆๆ แฮ่กๆ....แย่ล่ะ...เคียวยะจะอยู่มั๊ยเนี่ย” ร่างสูงรีบวิ่งด้วยความเร็วสูง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่วายลืมดูไปว่าตอนนี้ตนไม่มีลูกน้องอยู่ด้วย จึงล้มลุกคลุกคลาน...จนได้รับบาดเจ็บ เป็นแผลถลอกปลอกเปรอะเต็มตัว

     

    “บ้าจริง! แค่นี้เองทำไมกว่าจะมาถึงได้ มันนานขนาดนี้นะ” ร่างสูงบ่นพึมพำกับตัวเองตลอดทาง ทั้งๆที่ยังพยายามพยุงร่างกายของตนมายังจุดหมายสุดชีวิต

     

    “อ่ะ! ไฟเปิดอยู่ เคียวยะคงยังไม่กลับสินะ” ร่างสูงอมยิ้ม พลางเร่งความเร็วขึ้นอีก เลยหกล้มลื่นไถลไปจนถึงหน้าห้อง

     

    “โอ๊ย!!!! เจ็บๆๆๆๆ” ร่างสูงร้องเสียงดัง

     

    “ครืด...” ประตูถูกเปิดออกจากด้านใน พร้อมกับใครบางคนที่ออกมาดู

     

    “เคียวยะ...อะ...อ้าว คุซาคาเบะเองเหรอ” ร่างสูงแอบตกใจเมื่อคนที่ตนพบ กลับไม่ใช่คนที่ตนหวังจะได้เจอ

     

    “ครับ...ไม่เป็นอะไรมากใช่มั๊ยครับคุณดีโน่” อีกฝ่ายเข้ามาพยุง

     

    “อะ...อืม แล้วเคียวยะ...” เมื่อลุกได้ ร่างสูงก็ถามหาคนที่ตนคิดถึงทันที

     

    “ไม่อยู่หรอกครับ ออกไปตั้งแต่เมื่อตอนเย็น” คุซาคาเบะตอบ

     

    “ละ...แล้วไปไหน จะกลับเมื่อไหร่ล่ะ” ถึงคำตอบจะไม่เป็นที่พอใจ แต่ร่างสูงก็ยังคงถามไม่หยุด

     

    “ผมไม่ทราบเลยครับ หัวหน้าไม่ได้บอกอะไรไว้” อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยท่าทีเอือมๆ ก่อนจะพาร่างสูงมานั่งพักบนโซฟา

     

    “งั้นเหรอ....คงโกรธมากสินะ” ร่างสูงพึมพำกับตัวเองเบาๆ ใบหน้าคมหมองลงทันตา และถ้าหากว่ามีใครซักคน...สามารถได้ยินเสียงภายในหัวใจได้...คงรู้ว่า....ตอนนี้มันแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี....

     

    “แล้วคุณดีโน่จะเอายังไงดีครับ” คุซาคาเบะถามอย่างเป็นห่วง

     

    “ฉะ...ฉันจะรออยู่ที่นี่” ร่างสูงพลั้งปากตอบอย่างไม่คิด

     

    “แล้วถ้า....หัวหน้าไม่กลับมาล่ะครับ”

     

    “ไม่เป็นไรหรอก ก็ทั้งหมดนี่....มันเป็นความผิดฉันนี่” ร่างสูงเอ่ย

     

    “เหรอครับ...เฮ้อ...งั้นผมคงต้องขอตัวแล้วล่ะครับ”

     

    “อืม....โชคดีนะ” ร่างสูงหันมาส่งยิ้ม ถึงแม้นัยน์ตาสีทองนั้นจะฉายแววความเศร้าไม่น้อยเลยก็ตาม คุซาคาเบะเดินออกไป ทิ้งให้ร่างสูงจมอยู่ในความเหงา...กับห้องที่แสนเงียบ....เพียงลำพัง

     

    “เคียวยะ...ไปอยู่ที่ไหนกันนะ...อ่ะ!!! จริงสิ โทรหาก็ได้นี่” ว่าจบร่างสูงก็ฉวยเอาโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมากดโทรหาทันที

     

    “ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก” ไม่ว่าจะกดโทรกี่ครั้งก็ยังคงได้แต่การตอบรับเดิมๆกลับมา

     

    “ปิดเครื่องเลยเหรอเนี่ย” ร่างสูงถึงกับคอตก เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้น

     

    “ทำยังไงดี...เคียวยะ.....ฉันจะไปหานายได้ที่ไหนนะ” ร่างสูงกุมขมับอย่างเสียไม่ได้ เพราะตอนนี้เขามองไม่เห็นหนทางที่จะไปตามหาอีกฝ่ายได้เลย....คงต้องรอแต่...ปาฏิหาริย์....เท่านั้น...ถ้ามีจริงก็คงช่วยให้...ร่างบางคิดจะกลับมาที่นี่...เท่านั้น

     

     

     

     

     

    เวลา 23.30 น.

     

    “นี่มันกี่ทุ่มแล้วนะ” ร่างบางพึมพำ พลางหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อดูเวลา

     

    “แบตหมด...ตั้งแต่เมื่อไหร่...” หน้าจอที่มือสนิทของโทรศัพท์บอกให้เจ้าของเริ่มตัวว่าตนคงพลาดสายจากใครหลายๆคนไปซะแล้ว...

     

    “แล้วตอนนี้มัน...อะไรกัน ห้าทุ่มครึ่ง...ดึกขนาดนี้...” พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาบนผนังจากร้านค้าใกล้ๆที่ปิดสนิท....ก็อีกไม่กี่นาทีจะปีใหม่ ใครที่ไหนจะมามีใจเปิดร้านขายของ...คนส่วนใหญ่ก็คงหยุดเพื่อไปใช้เวลากันในช่วงนี้

     

    “หมอนั่น...คงไม่มาแล้วสินะ” ร่างบางเอ่ยพลางมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างเลื่อนลอย

     

    “...กลับดีกว่า” ร่างบางเดินห่างจากตัวเมืองออกมาตามถนน สองข้างทางถูกประดับประดาไปด้วยไฟแสงสีมากมาย...ให้บรรยากาศครึกครื้น....ตรงกันข้ามกับความรู้สึกของตนในตอนนี้ที่...แทบไม่มีสีสันเลยแม้แต่น้อย

     

                ร่างบางเดินไปตามทางที่คุ้นเคย...ซึ่งจำเป็นต้องผ่านมายังโรงเรียนของเขา....ร่างบางหยุดชะงัก เมื่อเห็นว่ามีห้องๆหนึ่งที่ไฟยังคงสว่างอยู่....เขาจะไม่นึกโมโหเลย...ถ้านั่นไม่ใช่....ห้องกรรมการคุมกฎ

     

    “คุซาคาเบะ...คำสั่งไม่เป็นคำสั่ง...ถ้าเจอจะขย้ำให้ตาย” ใบหน้าแสดงความโมโหออกมาเล็กน้อย เนื่องจากดูเหมือนว่าลูกน้องคนสนิทจะไม่ทำตามที่ตนสั่ง ร่างบางเดินขึ้นมายังห้องอย่างรวดเร็ว มือเรียวดึงประตูให้เปิดออก

     

    “ครืด...”

     

    “คุซาคาเบะกลับรึ...ม้าพยศ!” นัยน์ตาสีรัตติกาลทอประกายสดใสเล็กๆ เมื่อเห็นว่าคนที่เหลืออยู่ในห้องนี้เป็นใคร

     

    “ม้าพยศ..........” เสียงหวานเรียกคนที่อยู่บนโซฟา แต่ไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะตอบรับแม้แต่น้อย...

     

    “นี่....ม้าพยศ...นี่..” ร่างบางเดินมาแตะบ่าคนตัวใหญ่เบาๆ ก่อนจะเริ่มเปลี่ยนเป็นเขย่าตัวแทน

     

    “ฟึ๊บ.....” ร่างสูงที่ดูเหมือนจะไม่รู้สึกตัว ล้มลงไปนอนบนโซฟา

     

    “ม้าพยศ!!” ร่างบางตกใจจึงรีบเข้าไปดูทันที แต่ก็พบว่า.....

     

    “ฟรี้...ฟรี้....” เสียงลมหายใจที่เข้าออกเป็นจังหวะสงบนิ่งนั้นบอกให้รู้ว่า คนตัวโตแค่หลับไปเท่านั้น ร่างบางถอนหายใจอย่างโล่งอก พลางค่อยๆปัดปอยผมที่ร่วงลงมาปิดหน้าอีกฝ่ายออกเบาๆด้วยความกลัวอีกฝ่ายจะตื่น

     

    “ดูหน้าสิ โทรมขนาดนี้เลย...คงรีบทำงานเพื่อจะมาที่นี่สินะ” ร่างบางอมยิ้มไป จ้องหน้าอีกฝ่ายที่หลับไม่รู้เรื่องไป

     

    “งืม...เคียวยะ...เคาท์...ดาวน์ด้วย...กันนะ” เสียงทุ้มเผลอละเมอออกมา พร้อมกับมือหนาที่ทำท่าเหมือนจะคว้าอะไรซักอย่าง

     

    “หึ....ตัวเองหลับแท้ๆ ยังจะมีหน้ามาพูด” ร่างบางส่ายหน้าอย่างเอือมน้อยๆกับอีกฝ่าย

     

    “เคียวยะ....” ร่างสูงยังไม่ยอมหยุดละเมอ

     

    “อ่ะ!!...” แล้วร่างบางก็กลายเป็นเหยื่อที่ถูกคนหลับกระทำการคว้าไปกอดจนได้

     

    “ปล่อยนะ...เจ้าบ้า” ร่างบางพยายามดิ้นหนีจากอ้อมกอดของคนตัวโต แต่ยิ่งดิ้นวงแขนนั้นก็ยิ่งกอดรัดแน่นขึ้น จนทำเอาหมดแรงจะขัดขืนต่อไป

     

    “....บ้าจริง....นี่หลับแน่เหรอเนี่ย” ร่างบางมองหน้าคนที่หลับปุ้ย แถมยังทำหน้ามีความสุขอีกต่างหาก

     

    “รักนะ....เคียวยะ...รักตลอดไปเลย...” เสียงทุ้มพึมพำคำหวานออกมาอย่างแผ่วเบา

     

    “....................” เสียงนั้นอาจฟังไม่ได้ยิน ถ้าหากคนพูดกับคนฟังอยู่...ไกลกัน....แต่นี้อยู่....ใกล้กันจนชิด...สัมผัสได้ถึงลมหายใจ....และเสียงของหัวใจที่เต้นดัง...อยู่ข้างๆกัน

     

    “ขนาดหลับ...ยัง..บ้าจริง” ใบหน้าหวานระเรื่อด้วยความอาย จนต้องซุกหน้าลงบนอกกว้างด้วยความกลัวว่า ถ้าคนตัวโตตื่นขึ้นมาตอนนี้ตนคงจะไม่กล้าสู้หน้าแน่....

     

    “วี้ด......ปั้ง!!!พรู่....ปั้งๆ!!!....” เสียงดอกไม้ไฟ และแสงสีของมันที่ทอประกายเต็มท้องฟ้ายามค่ำคืน บอกให้รู้ถึงการเริ่มเข้าสู่ปีใหม่...การเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ...เพื่อให้ปีทั้งปีมีแต่ความสุขมาเยือน.....เสียงที่ดังก้องไปทั่วนั้น....ราวกับจะขับไล่สิ่งไม่ดีที่มีในปีที่ผ่านมาให้หายไป....โดยแสงของดอกไม้ไฟ...ก็เปรียบได้กับ...แสงของไฟนำทางสู่สิ่งดีๆ....ในปีใหม่ที่กำลังมาเยือน....

     

    “ยังไม่ทันได้นบถอยหลังเลยนะ....เอาเถอะ...อย่างน้อยหมอนี่ก็มาแล้ว....ไว้ปีหน้าค่อยว่ากันใหม่แล้วกัน...” ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองพรุเหล่านั้น พร้อมๆกับมองคนข้างๆที่ก็ยังคงหลับไม่รู้เรื่อง

     

    “สวัสดีปีใหม่นะ....ม้าพยศ” ริมฝีปากค่อยเลื่อนไปประทับบนริมฝีปากของคนตัวโตอย่างแผ่วเบา ก่อนที่นัยน์ตาคู่สวยจะค่อยๆหลับลงสู่นิทราไปพร้อมกับอีกคน

     

    อยากเคาท์ดาวน์อยู่ใกล้ๆหัวใจเธอ
    วินาทีที่ได้เจอกับสิ่งใหม่ 
    นับไปพร้อมกับการเต้นของหัวใจ
    พร้อมจะรับวันปีใหม่....ใจสองดวง

     

    นับสี่สาม...สองหนึ่ง...ถึงปีใหม่
    นับถอยหลังฟัง....หัวใจว่าใช่แน่
    ต่อไปนี้เข้าปีใหม่ใจคนแคร์
    ขอสัญญา....จะดูแล.....เธอ.....ตลอดไป

     

     

     

     

    “อืม....เคียวยะ...” แสงตะวันที่ลอดผ่านหน้าต่าง พร้อมกับสายลมเย็นๆ ปลุกให้คนตัวโตต้องลืมตาตื่น นัยน์ตาสีทองสวยที่สุกสว่างยิ่งกว่าแสงอาทิตย์...กวาดมองไปรอบตัว

     

    “ฮ้าว.....หืม..” ร่างสูงขยับตาขึ้นบิดขี้เกียจ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นลูกแมวน้อยสุดที่รักเองก็...ขยับตัวเข้ามากอดเขาเอาไว้แน่น

     

    “คะ...เคียวยะ!!” ร่างสูงถึงกับร้องออกมาด้วยความดีใจ พร้อมๆกับขยี้ตาตัวเองอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น

     

    “จริงๆเหรอเนี่ย.....ดีจัง” ร่างสูงค่อยเอื้อมมือไปสัมผัสแก้มนุ่มๆของอีกฝ่ายอย่างถะนุถนอม

     

    “แต่....ก็ไม่ได้เคาท์ดาวน์ด้วยกันเลย” ร่างสูงเอ่ยอย่างเศร้าๆ

     

    “....อืม.....” ร่างบางขยี้ตาน้อยพลางลุกขึ้นมานั่ง

     

    “ฉะ...ฉันทำให้ตื่นเหรอ...เคียวยะ” ร่างสูงถามเก้ๆกังๆ เพราะกลัวว่าคนตัวเล็กจะโมโห

     

    “.....อื้อ....” ร่างบางพยักหน้าพร้อมกับคว้าเสื้อโค๊ทตัวโปรดของร่างสูงเอาไว้แน่น

     

    “อะ..เอ่อ..ฉันขอโทษนะ เลยไม่ได้เคาท์ดาวน์ด้วยกันเลย ยกโทษให้ฉันนะๆๆๆ” เมื่อเห็นท่าไม่ดีร่างสูงจึงรีบอ้อนอีกฝ่ายเต็มที่

     

    “อืม....” คำเดียวสั่นๆง่าย ก่อนที่คนตัวเล็กจะซุกเข้าหาแผ่นอกกว้างของอีกฝ่าย ราวกับหาที่อุ่นๆเพื่อ....นอนต่อ....

     

    “ฮะๆ นี่ละเมอหรอกเหรอเนี่ย....น่ารักจริงเชียว” มือหนารูปผมสีดำขลับอย่างเบามือพร้อมกับจุมพิตลงบนหน้าผากของคนตัวเล็กอย่างหวงแหน

     

    “ไว้ปีหน้าก็ได้มั้ง....ส่วนปีนี้ก็....เอาเป็นว่า....ฝากตัวด้วยนะ เคียวยะ” เสียงทุ้มกระซิบเบาๆ ราวกับต้องการให้เพียงแค่คนๆนี้เท่านั้นที่ได้ยิน

     

    “.....อืม........” ร่างบางขยับตัวเข้าหามากกว่าเดิม ทำให้ร่างสูงยิ่งยิ้มได้กว้างกว่าเดิม วงแขนแกร่งค่อยช้อนตัวร่างบางขึ้นอุ้ม และค่อยๆพาออกก้าวเดินไปตามทาง ที่เต็มไปด้วยแสงสีทองที่ทอดตัวเป็นทางยาวไปไม่มีที่สิ้นสุด

     

                ....เส้นทางของทุกคนล้วนแตกต่างกันออกไป....อยู่ที่ใครกำหนดจะเดินไปอย่างไร....แต่ถ้าเดินทางเพียงลำพัง...ถึงคราวพลาดพลั้ง....อาจท้อถอยได้ง่ายๆ....หากว่ามีสักคนที่รู้ใจ....เข้าใจ...เชื่อมั่นในกันและกัน....มาเดินร่วมบนเส้นทาที่ยาวไกลนี้....อาจจะทำให้เรา...เดินไปได้อย่างมั่นคง....และมีความสุข...แน่นอน.....



    The End.........................................................



    อาจจะไม่ดีเท่าไหร่นะคะ ต้องขอโทษทุกคนๆไว้ก่อน
    เพราะมันปุ๊บปั๊บมากและขาดการกลั่นกรองอีกแล้วแหละ

    ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวอีกครั้งนะคะ
    ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตามอ่านฟิคมาตลอด
    หลังจากนี้ก็ฝากต่อไปด้วยนะคะ

    ขอให้มีความสุขกันมากๆตลอดทั้งปีนะคะ
    สวัสดีปีใหม่ค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×