ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Break Down! ภารกิจพิชิตรักร้ายนายจอมหยิ่ง

    ลำดับตอนที่ #2 : Break 1: Call me, maybe? [Re]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 961
      15
      8 มี.ค. 56

     






    1

    Call me, maybe?
     

    โปรโมชั่นสุดพิเศษต้อนรับการกลับมาของ Les Dessert กับการลด แลก แจก แถมครั้งใหญ่!

    โปรโมชั่นที่ใครเห็นก็เป็นต้องตกตะลึง!!

    แค่เพียงพิชิต 1 ใน 5 ข้อต่อไปนี้

    เลือกเดท 1 ใน 5 หนุ่มหน้าตาดีของร้านฟรีทันที 1 อาทิตย์!

    1. ซื้อครบสองพันบาท ใน 1 วัน

    2. ซื้อไอศกรีมสคูปครบ 50 ลูก ใน 7 วัน

    3. กินเค้ก 100 ชิ้น ใน 10 วัน

    4. ดื่มน้ำมะนาว 50 แก้ว ใน 30 วัน

    5. ทำพายรสชาติเลิศมาให้ทางร้านขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 500 เมตร

     

    เอ...ว่าแต่คุณลูกค้าท่านไหนยังสนใจพ่อหนุ่มลูกครึ่งไทย เกาหลี คังฮีวอนที่เคยมาเดอลีนเคยบรรยายสรรพคุณให้ฟังอยู่บ้างน้า~ ชูจั๊กกะแร้ขึ้นสูงๆ ให้มาเดอลีนนับหน่อยสิคะว่ามีกี่คน

    อุ๊ยแหม >_< นับกันไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียวเชียว (เหรอ)

    ฉันถอนหายใจก่อนจะยกข้อมือขึ้นดูเวลาบนหน้าปัดสีชมพูหวานของนาฬิกา Casio สายเงินเรือนโปรดอีกครั้ง ให้ตายเหอะ! อุตส่าห์รีบมายืนตั้งท่ารอตั้งแต่ยังไม่สิบเอ็ดโมงจนนี่มันก็เที่ยงกว่าเข้าไปแล้ว เหตุไฉนเป้าหมายถึงยังไม่โผล่หัวโผล่หางออกมาซะทีล่ะเนี่ย จากตารางเรียนของเขาที่ฉันได้ทำการศึกษามาเป็นอย่างดี วันนี้ฮีวอนมีเรียนแปดโมงเช้าถึงสิบเอ็ดโมงและกว่าจะเข้าเรียนอีกทีก็นู่นแน่ะ...บ่ายสองโมง ไม่คิดจะเดินมาเก็บขงเก็บของอะไรที่รถบ้างเลยหรือไง

    ฉันถอนหายใจอีกรอบแล้วเอนตัวพิง Mini One สีน้ำเงินคู่ใจที่เปิดฝากระโปรงทิ้งไว้อย่างเซ็งๆ

    ไม่ต้องตกใจไป รถยังสบายดี แต่นี่เป็นเพียงแค่ละครฉากหนึ่งที่ฉันจะใช้ตบตาพระเอกเพื่อหลอกทำความรู้จักกับเขาโดยการแกล้งทำเป็นรถเสียต่างหาก

    จะว่าไป ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ขอบ่นฆ่าเวลาหน่อยดีกว่า ฉันล่ะไม่เข้าใจความคิดของคนสมัยนี้จริงๆ กว่าจะพ้นจากยุคที่ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า หญิงผู้เป็นภรรยาต้องเป็นช้างเท้าหลัง มาสู่ยุคที่ไม่ว่าบุรุษหรือสตรีก็มีสิทธิเท่าเทียมกันได้เนี่ย เคยเรียนกันมาบ้างไหมว่ามันยากลำบากและต้องใช้เวลานานขนาดไหนกว่าจะเป็นที่ยอมรับ

    แล้วนี่อะไร! ยังจะมาแบ่งชนชั้นวรรณะกันด้วยหน้าตาอีก!!

    แล้วสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจมากถึงมากที่สุดเลยก็คือไอ้เรื่องหน้าตาดีไม่ดี สวยไม่สวย หล่อไม่หล่อนี่มันเกี่ยวบ้าเกี่ยวบออะไรกับรสชาติของอาหารที่รับประทานเข้าไปกัน(วะ)คะ =___=

    หลังจากได้ตัวสี่หนุ่มเนื้อทอง เฮนรี่ ดีน เฟียส และแซงค์มาทำงาน ถ้าไม่เห็นกับตานี่ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าจากร้านที่เคยเกือบจะเจ๊งแหล่ไม่เจ๊งแหล่มาเป็นระยะเวลาเกือบสองเดือนจะกลับมามีลูกค้าแน่นขนัดได้ภายในพริบตา แถมไอ้โปรโมชั่นบ้าๆ บอๆ ของพี่มาการองก็ดูเหมือนจะได้ผลตอบรับดีซะด้วยสิ

    หึ! ฉันจะบอกอะไรให้นะ ไอ้โปรโมชั่นพวกนั้นน่ะ ใครทำสำเร็จก็เกินคนแล้วล่ะ ที่เจ้าพวกนั้นกล้าปล่อยพี่สาวฉันใช้โปรโมชั่นนั่นล่อลูกค้าก็เพราะทุกคนรู้ดีไงล่ะว่ามัน Impossible ย่ะ!

    อุ๊ยนั่น! ฮีวอนเดินออกมาแล้ว ฉันดึงตัวเองออกจากห้วงความคิดแล้วรีบวิ่งไปยืนก้มๆ เงยๆ อยู่หน้ากระโปรงรถทันทีที่เห็นเขากำลังเดินออกมาจากตัวอาคาร มาเดอลีนนะมาเดอลีน! มัวแต่คิดโน่นคิดนี่เพลิน เกือบพลาดไปแล้วไหมล่ะ

    เขากำลังเดินมา เขากำลังเดินมา ซ่อมดีกว่า เอ...อะไรเสียน้า~ ทำไมถึงสตาร์ทไม่ติดหว่า~

    ฮีวอนเดินผ่านฉันที่กำลังสะกดจิตตัวเองว่ารถเสียไปที่รถตัวเอง แต่พอหันมาเห็นรถฉันจอดขวางทางอยู่อย่างไม่มีท่าทีว่าจะขยับเขยื้อนไปไหนก็เลยเดินกลับมาถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใยอย่างสุดแสนจะซาบซึ้งใจว่า...

    จะจอดขวางอีกนานไหม

    –O–

    ขอโทษทีนะ พอดีรถฉันเสีย นายจะเอารถออกเหรอ

    อืม แล้วเป็นอะไรเสียล่ะเขาถามพลางชะโงกหน้ามองเครื่องยนต์ที่นิ่งสนิทของฉันด้วยความสงสัยใคร่รู้

    เออ นั่นสิ ลืมคิดไว้เลยว่าเป็นอะไรเสีย

    สงสัยหัวเทียนจะบอด ฉันเดาสุ่มสี่สุ่มห้าตอบออกไปด้วยความมั่นใจ แต่ฮีวอนกลับทำหน้างงใส่ โธ่เอ๊ย! ไม่รู้จักหัวเทียนหรือไง ก็ในโฆษณาเก่าๆ นั่นไงไม่เคยดูเหรอยะ แต่เอ๊ะ! นั่นมันโฆษณาน้ำมันเครื่องรถมอเตอร์ไซต์นี่หว่า โอ๊ย! แล้วรถยนต์มีหัวเทียนไหมอ่ะ โอ๊ย! แล้วหัวเทียนคืออะไร โอ๊ย! ไม่รู้โว้ยยย

    คือฉันหมายความว่ามันสตาร์ทไม่ติดอ่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นอะไรฉันรีบแก้ตัวออกไปลิ้นแทบจะพันกัน

    เขาพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหันหลังเดินจากไปในทันที เฮ้ย! เดินหนีไปเฉยๆ ได้ไงอ่ะ ตามบทนายต้องช่วยฉันก่อนเซ่!! ฉันอ้าปากเตรียมจะเรียกเขาเอาไว้ แต่ฮีวอนกลับหันกลับมาก่อนพร้อมกับฉีกยิ้มหวานให้ฉันหนึ่งที แม่เจ้า! เห็นในรูปก็ว่าหล่อจะตายอยู่แล้ว นี่เจอตัวจริงระยะประชั้นชิดแถมยังส่งยิ้มหวานบาดใจมาให้แบบนี้อีก กำเดาจะพุ่งค่ะพี่น้อง >///<

    งานนี้ต้องยกความดีความชอบให้พ่อกับแม่จริงๆ ที่ยังพอมีศิลปะในหัวใจปั้นลูกสาวได้ออกมาหน้าตาน่ารักน่าชังแบบนี้ อย่างน้อยมันก็ทำให้เขาสนใจในตัวฉันได้

    ยังไงก็...

    อยู่บ้าง...

    “...ช่วยเอารถเธอออกไปให้พ้นๆ ก่อนฉันจะเรียนเสร็จด้วยแล้วกัน

    ล่ะนะ...เหรอ =_=!

     

     

     

    จำไม่ได้ว่าเมื่อคืนเผลอหลับไปตอนไหน แต่ที่จำได้ดีคือมัน...ไร้วี่แววมาก!

    นี่ฉันอุตส่าห์ยอมจอดรถพร้อมกับจดเบอร์โทรศัพท์แปะหน้ากระจกทิ้งไว้ด้วยหวังว่าพอเลิกเรียนจะกลับบ้านแต่เอารถออกไม่ได้ ยังไงหมอนั่นก็จะต้องโทรมา แต่จนแล้วจนเล่าจนดึกดื่นจนเที่ยงคืนก็ยังไร้วี่แวว วันนี้ฉันก็เลยต้องนั่งแท็กซี่มาเอารถกลับเอง ให้ตายเหอะ! ทำไมสาวสวยรวยเสน่ห์อย่างฉันจะต้องมาวิ่งหน้ามันตามล่าหาผู้ชายได้ทุกวี่ทุกวันแบบนี้นะ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะร้านเค้กสุดรักสุดหวงดั่งดวงหฤทัย ต่อให้หล่อราวกับเทพบุตรอย่างเซฮุนวง EXO ก็อย่าหวังเลยว่าฉันจะดิ้นรนขวนขวายเพื่อให้ได้มาได้ขนาดนี้

    ฉันยื่นธนบัตรสีแดงสองใบให้คนขับแท็กซี่แล้วรีบกระโดดลงจากรถทันทีโดยไม่รอรับเงินทอน วันนี้ฮีวอนมีเรียนถึงแค่เที่ยงครึ่ง กรี๊ด! แล้วนี่มันอีกสิบห้านาทีจะบ่ายโมงแล้ว ฉันรีบสาวเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งแข่งกับเข็มนาฬิกาตรงมาที่ลานจอดรถข้างตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ซึ่งเป็นคณะที่ฮีวอนเรียนอยู่อย่างเร่งรีบ อ๊ะ! นั่นไงฮีวอน! โชคดีชะมัดที่เขายังไม่กลับไป >_< แม้ว่าจะเพิ่งเคยเจอกันแบบตัวเป็นๆ แค่ครั้งเดียว แต่มองเพียงแค่ปราดเดียวฉันก็จำได้ทันทีว่าร่างสูงโปร่งที่กำลังยืนชี้นิ้วสั่งการอะไรบางอย่างอยู่กับรปภ.นั่นจะต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน ทว่าใบหน้าขาวเนียนใสไร้รอยสิวภายใต้กรอบเรือนผมสีน้ำตาลคาราเมลอันแสนจะชวนหลงใหลแลดูไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไหร่นักกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และเมื่อพินิจพิจารณาดูให้ดีแล้วก็พบว่า...

    เห้ย นั่นมันรถฉันนี่หว่า!

    นี่! นายจะทำอะไรอ่ะ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!ฉันโวยวายเสียงดังลั่น ลุงยามสองคนที่กำลังหมุนเกลียวแม่แรงพยายามจะยกรถฉันถึงกับตกใจชะงักมือ

    ก็เห็นอยู่ยังจะถามอีกเขาลอยหน้าลอยตาตอบอย่างไม่รู้สึกรู้สา

    ก็เพราะเห็นนี่ไงถึงได้ถาม ถ้ารถฉันบุบสลายหรือเป็นอะไรขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ หรืออย่างน้อยนายก็น่าจะโทรหาฉันก่อนสิ

    โทรหา? พูดอย่างกับเรารู้จักกันงั้นแหละ

    ก็ฉันพยายามหาทางรู้จักกับนายอยู่นี่ไงยะ!

    ฉันจดเบอร์แปะหน้ากระจกรถทิ้งไว้ นายไม่เห็น...ฉันชี้ไปที่หน้ากระจกรถที่เมื่อวานแปะกระดาษโน้ต Post it สีชมพูแปร๋นบรรจุเบอร์โทรศัพท์ตัวเองทิ้งไว้แล้วก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อพบว่า บัดนี้ กระดาษโน้ตแผ่นที่ว่า...ได้มลายหายไปในอากาศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ที่เขียนว่ามาเดอลีนอะไรนั่นป่ะ

    ก็ใช่น่ะสิ เห็นแล้วทำไมไม่โทรมา

    ก็ฉันนึกว่าเบอร์สั่งขนมนี่น่าเลยโยนทิ้งไป

    –O–

    ขอโทษทีนะ ฉันไม่ค่อยชอบกินมาเดอลีนเท่าไหร่

    –O–

    “ไม่อร่อย ไม่ถูกสเป็ค”

    –O–

    แล้วนี่ไม่เคยมีใครสั่งใครสอนหรือไงว่าเวลาจอดรถขวางทางคนอื่นเขาไม่ให้ใส่เกียร์ P หรือดึงเบรกมือเอาไว้แบบนี้น่ะเขาวกเข้ากลับเรื่องเดิม ฉันเบ้ปากก่อนจะตอบออกไปอย่างจงใจกวนประสาท

    เคยมี...แต่ไม่จำ

    งั้นก็ช่วยแหวกหาที่ว่างในสมองอันน้อยนิดของเธอจำไว้ด้วยแล้วกันฮีวอนสวนกลับมาได้อย่างทันควัน

    =[]= อ้าวเฮ้ย! นี่มันหลอกด่ากันหว่า! (เพิ่ง realize ได้)

    แล้วยังจะยืนบื้ออยู่อีก จะไปถอยเองหรือจะให้ยามลากออกไป

    ไอ้...!

    ฉันพยายามกลั้นอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่ให้เผลอกระโดดเตะคอผู้ชายตรงหน้าแล้วกลืนคำด่าที่กำลังจะหลุดปากออกไปลงคอไปพร้อมกับน้ำลายอึกใหญ่

    ว่าไง?”

    ก็...บอกแล้วไงว่ารถเสีย

    ใจเย็นไว้มาเดอลีน ใจเย็นไว้! เธอจะทำแผนล่มไม่ได้เด็ดขาด Les Dessert ป่าวประกาศโปรโมชั่นเดตกับห้าหนุ่มหล่อไปแล้ว ยังไงฉันจะต้องลากคอหมอนี่ไปร่วมทีมกับอีกสี่คนที่ร้านให้ได้ ไม่งั้นมีหวังบรรดาแม่ลูกค้าชะนีที่เอาแต่เฝ้าถามหาอีกหนึ่งหนุ่มหล่อที่เหลือทุกวี่ทุกวันต้องพากันมากระชากหัวฉันหลุดออกจากบ่าแน่ๆ

    ให้พี่ดูให้ไหมว่าเป็นอะไรจู่ๆ หนึ่งในสองรปภ.ที่กำลังยืนลังเลกับบทบาทของตัวเองอยู่ก็โผลงขึ้นมา

    พี่ งั้นเหรอ

    โถ...ลุง –*–

    ไม่เป็นไรค่ะ หนูโทรเรียกช่างให้มาดูแล้ว เดี๋ยวหนูปลดเบรกมือให้แล้วลุงช่วยเข็นมันออกไปไม่ให้ขวางทางคนอื่นก็พอค่ะ

    พูดจบ ฉันก็ควานหากุญแจรถในกระเป๋าสะพายแล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูรถเพื่อปลดเบรกมือที่ดึงไว้ออก ในขณะเดียวกันก็รีบเค้นสมองหาวิธีตีสนิทกับฮีวอน ทั้งรวยทั้งหยิ่งอย่างหมอนี่ แค่คำพูดที่ว่า ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลกเห็นทีคงจะใช้ไม่ได้ผล แต่ถ้ายอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้ ทั้งหมดที่ทำไปก็เท่ากับว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลยน่ะสิ

    แล้วไหนจะเรื่องที่ร้านอีก...

    ปี๊นนนน~!

    ในขณะที่กำลังดำดิ่งลงในห้วงความคิดของตัวเอง เสียงแตรรถแสบแก้วหูก็ดังขึ้นดึงฉันกลับมาสู่โลกปัจจุบันอีกครั้ง พอเห็นว่ารปภ.เข็นรถฉันออกไปจอดที่มุมสุดของลานจอดรถแล้ว ฉันก็หันขวับกลับไปหาฮีวอนทันทีแต่กลับพบว่าเขาอาศัยจังหวะที่ฉันเผลอกระโดดขึ้นไปนั่งประจำอยู่บนเบาะคนขับบนพอร์ชเปิดประทุนสีขาวคันงามของเขาเรียบร้อยแล้ว

    และแถมก็ยังเป็นเขาเองอีกนั่นแหละที่บีบแตรรถไล่ฉันที่กำลังยืนขวางทางรถออกอยู่ให้หลบ

    เหอะ! หลบก็โง่สิคะ ถ้าฉันหลบ นายก็ขับชิ่งหนีไปเลยน่ะสิ –_–

    ฉันรวบรวมความกล้าตัดสินใจเดินไปเปิดประตูรถของฮีวอนแล้วก้าวขึ้นไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนเบาะข้างคนขับพร้อมทั้งจัดการคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จสรรพทั้งที่ยังคิดออกเลยด้วยซ้ำว่าจะทำยังไงต่อไป

    ยังคิดไม่ออกแม้แต่จะตอบว่าขึ้นมาบนรถเขาทำไม...

    ขึ้นมาทำไมเนี่ย

    นั่นไง! ทำไมซื้อหวยไม่ถูกรางวัลที่หนึ่งนะ –*–

    นี่เธอ! ฉันถามว่าขึ้นมาทำไมฮีวอนถามซ้ำอีกครั้งราวกับว่ากลัวฉันจะไม่ได้ยินหรือไม่เข้าใจอะไรทำนองนั้น

    คือได้ยินแล้ว เข้าใจคำถามแล้ว แต่ยังคิดคำตอบไม่ออก โอเคป่ะ

    ฮีวอนมองหน้าฉันด้วยสายตาเอือมระอาก่อนจะกดเท้าลงบนคันเร่งแล้วหักพวกมาลัยออกจากลานจอดรถไปโดยไม่รอคำตอบ(ที่ยังคิดไม่ออก)จากฉัน และด้วยเพราะมหาลัยของฮีวอนค่อนข้างกว้างใหญ่ไพศาล แถมตึกคณะของเขาก็ดันอยู่เกือบใจกลางมหาลัย ไม่ว่าจะออกประตูไหน ซ้ายขวาหน้าหลังก็ไกลอยู่ดี กว่าห้านาทีที่ทั้งฉันและเขาต่างก็นั่งเงียบเป็นเป่าสาก ฉันไม่รู้หรอกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ที่รู้ๆ คือฉันยังคิดอะไรไม่ออก แถมตอนนี้ฮีวอนก็ขับรถมาจนจะถึงหน้าทางออกของมหาลัยแล้วด้วย

    พนันได้เลยว่าอีกไม่นานเขาต้องไล่ฉันลงแหงๆ...

    ถึงป้ายรถเมล์ข้างหน้าแล้วก็ลงหาทางกลับเองแล้วกัน

    นั่นไง! เจ้าแม่มาเดอลีนเคยทำนายผิดซะที่ไหน –*–

    ฉันล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าถือควานหาโทรศัพท์แล้วจับกด Sleep/Wake button ก่อนจะใช้ความชำนาญที่สั่งสมมาเป็นเวลานาน Slide to power off เพื่อปิดเครื่อง

    นี่นาย ขอยืมโทรศัพท์แป๊บนึงดิ โทรศัพท์ฉันแบตหมด ว่าจะโทรให้พี่มารับฉันชู iPhone ที่จอดำสนิทกด Home button ยังไงก็ไม่ติดให้เขาดูเป็นหลักฐานแล้วรีบยัดมันกลับเข้าไปในกระเป๋ากด Sleep/Wake button และ Slide to power on ตามเดิม

    ฮีวอนมองด้วยสายตาเอือมระอา(อีกครั้ง)ก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์ของเขาในกระเป๋ากางเกงออกมาให้

    เสร็จฉัน! พอรับมาฉันก็จัดการกดเบอร์ตัวเองแล้วทำการโทรออกทันที โชคดีที่ฮีวอนเปิดประทุนรถ เขาก็เลยไม่ได้ยินเสียงสั่นครืนๆ ในกระเป๋าถือของฉัน พอพูดเองเออเองเสร็จสรรพฉันก็คืนโทรศัพท์ให้เขาซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาหักรถเข้าจอดหน้าป้ายรถเมล์แถวหน้ามหาลัยพอดิบพอดี

    Thank you.” ฉันกล่าวขอบคุณพร้อมกับฉีกยิ้มหวานส่งท้ายให้หนึ่งทีหลังจากลงมาจากรถ

    ฮีวอนกดปุ่มปิดประทุนก่อนจะเหยียบคันเร่งออกรถไปโดยไร้ซึ่งคำลาใดๆ

    ไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าฉันด้วยซ้ำ...

    ชิ!

    แต่ไม่ต้องห่วงไปหรอก เก็บไว้บอกลากันวันหลังก็ยังทัน เพราะยังไง...เราก็ยังต้องได้ทักทายกันอีกหลายๆ รอบแน่นอน

    ...คังฮีวอน :)



    To be continued…


    ติดตามเรื่องนี้ Click!
    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×