ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หออักษร

    ลำดับตอนที่ #1 : ตำนานเมือง เครสเซนต์คาสเตล

    • อัปเดตล่าสุด 9 ธ.ค. 59


    ตำนานของเมือง
    สัญลักษณ์ อินทรีย์มัจฉา


     
                    ตำนานเล่าว่ากาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพญาอินทรีย์ได้อพยพมาอาศัยอยู่ในทะเลทรายอันแห้งแล้ง พญาอินทรีย์ที่ได้เห็นพื้นทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตาก็เกิดความเวทนาต่อพื้นธรณี หลังจากนั้นจึงเริ่มบินขึ้นไปบนสวรรค์ เพื่อไปขอร้องเหล่าเทพยดาให้ช่วยประทานสายน้ำให้กับพื้นทรายอันแห้งแล้งผืนนั้น เหล่าเทพที่ได้ฟังคำวอนจึงประทานทะเลสาบเล็กๆให้เพื่อใช้ประทังชีวิต พญาอินทรีย์กลับมาและได้ใช้ดื่มน้ำจากทะเลสาบนั้นเรื่อยๆมา
     
                    แต่นานวันเข้าน้ำนั้นก็เหือดแห้งหายไปทิ้งเอาไว้เป็นแอ่งทรายขนาดใหญ่ พญาอินทรีย์จึงโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้ามองหาแหล่งน้ำด้วยหวังจะใช้ในการประทังชีวิตต่อไป จนกระทั่งได้ไปเจอกับขอบทะเลที่กว้างใหญ่ พญาอินทรีย์รีบโผบินเข้าไปหวังจะไปดื่มน้ำที่นั่น แต่กลับถูกเทพแห่งท้องทะเลสั่งห้าม พญาอินทรีย์วิงวอนขอแบ่งน้ำเพื่อประทังชีวิตและหวังจะนำน้ำกลับไปยังผืนดินของตนเอง
                           
     
     
                    เทพแห่งท้องทะเลจึงยื่นเงื่อนไขเพราะความสงสารว่า จะยอมยื่นขอบทะเลออกไปยังผืนทะเลทรายแห่งนั้น หากแต่ตัวพญาอินทรีย์นั้นจะต้องมีรูปร่างกึ่งมัจฉา พญาอินทรีย์ยินดียอมตกลง หลังจากนั้นไม่นานขอบทะเลก็ถาโถมเข้าสู่ผืนทรายเติมเต็มแอ่งทะเลสาบจนกลายเป็นอ่าวพระจันทร์เสี้ยว
                 แต่เพราะรูปร่างของพญาอินทรีย์ที่มีเกล็ดปลาตั้งแต่สันหลังเรื่อยไปจนจรดปลายหางเป็นครีบปลาดูผิดรูปร่างวิหค ทำให้อินทรีย์ตัวอื่นๆขับไสไล่ส่ง พญาอินทรีย์เหลือตนอยู่เพียงลำพังจึงอาศัยอยู่ที่ทะเลทรายแห่งนั้น และพยายามใช้น้ำรดลงบนผืนทรายให้ทั่วหวังจะให้ผืนทรายอันแห้งแล้งชุ่มฉ่ำจนปลูกพืชได้

     
                    ทว่าวันแล้ววันเล่าผืนทรายยังคงสูบน้ำให้เหือดแห้งลงไปเช่นเดิม แต่พญาอินทรีย์ก็ยังคงนำน้ำรดบนผืนทรายอยู่เช่นนั้นอย่างไม่ย่อท้อจิตใจ จนกระทั่งเทพยดาเห็นใจประทานพรให้ขนปลายปีกของพญาอินทรีย์นั้นให้มีสีเขียวอ่อนดั่งยอดใบไม้ผลิ และเมื่อโบกสะบัดสายลมจากปีกคู่นั้นก็ยเกิดต้นปลามและพืชพันธุ์ไม้พุ่มขึ้น พญาอินทรีย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งจากนั้นจึงเริ่มโผบินไปทั่วผืนทรายพัดพาให้พืชผลนั้นงอกเงยขึ้นมาสู่แสงตะวัน
                        แต่วันเวลาผ่านไปเมื่อมนุษย์ได้พบเห็นและย่างกรายรุกล้ำเข้ามา พวกมันถางต้นไม้จนกลายเป็นเส้นทางและเริ่มสร้างบ้านเรือนอยู่ริมขอบทะเล พญา
    อินทรีย์เห็นทีแรกก็ยินดีให้อยู่อาศัย แต่ต่อมาเมื่อมนุษย์เห็นอำนาจวิเศษของพญาอินทรีย์ พวกมันจึงจับตัวและมัดร่างของพญาอินทรีย์เอาไว้และบังคับให้เสกพืชเฉพาะในหมู่บ้านของตน

     
     
                    เมื่อนานวันเข้าหัวใจที่ปรารถนาท้องฟ้าก็บังคับให้พญาอินทรีย์หนีไป เหล่ามนุษย์ที่ไร้ผู้เสกสรรธรรมชาติจึงต้องประทังชีวิตด้วยพืชผลที่แห้งตาย พญาอินทรีย์สัญญากับตัวเองตั้งแต่นั้นมาว่าจะเสกสรรพืชผลบนทะเลทรายนี้ให้กับผู้ที่คู่ควรเท่านั้น จนกระทั่งผ่านไปห้าร้อยปีพญาอินทรีย์ได้พบกับมนุษย์ผู้ใกล้ตาย เขาได้ขอข้อแลกเปลี่ยนกับพญาอินทรีย์ทันทีว่า "จงช่วยเราและลูกหลานของเราแลกกันนั้น เราจะดูแลพืชของท่านให้เติบโตตราบจนสิ้นตระกูลของเรา"
                   และด้วยคำสัญญานั้นพญา
    อินทรีย์จึงได้ช่วยเหลือจนมนุษย์ผู้นั้นกับครอบครัวได้อาศัยผืนทรายแห่งนั้นจนกลายเป็นเมืองใหญ่ที่อุดมด้วยพืชผลมากคุณค่าไม่ทอดทิ้งดั่งเช่นมนุษย์ที่เคยเจอะเจอมา พญาอินทรีย์จึงบอกกับเจ้าเมืองผู้นั้นว่าจะกลับมาเสกสรรค์พืชไร่ให้ทุกคืนจันทร์เพ็ญต้นฤดูหนาวตราบเท่าที่เจ้ายังไม่ทอดทิ้งผืนแผ่นดินนี้ไป
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×