ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาวบ้านไร่

    ลำดับตอนที่ #9 : Sweety night

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 347
      4
      12 ส.ค. 54

    คืนหนึ่ง

    “อือออ คอแห้งจัง”

    อนยูลืมตาตื่นกลางดึกแม้จะรู้สึกคอแห้งแต่เพราะความง่วงจึงไม่อยากลุกไปไหนร่างบางพลิกตัวเปลี่ยนท่าตั้งใจจะหลับต่อแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่หลับสักทีแม้จะง่วงมากก็ตาม

    “เฮ่อ!

    ผุดลุกขึ้นด้วยอารมณ์หงุดหงิดนิดๆในใจก็นึกโมโหตัวเอง นี่ถ้าลุกไปหาน้ำดื่มแต่แรกป่านนี้ก็กลับมานอนจนหลับแล้ว คิดได้ดังนี้ก็จำต้องลุกจากเตียงลงไปห้องครัวก่อนออกจากห้องก็ไม่ลืมเปิดไฟหัวเตียงไว้ ตาหยีเหลือบมองนาฬิกาที่วางอยู่ใกล้โคมไฟ

    “เที่ยงคืนกว่าแล้วเหรอเนี่ย..ฮื้อออ”

    ยกแขนขึ้นเหนือศรีษะบิดกายแล้วเดินออกจากห้อง และเขาต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าไฟบันไดยังเปิดอยู่หรือว่าลืมปิดเขาเองก็ไม่ได้สนใจซะด้วยเพราะปกติจะเข้าห้องนอนก่อนคนที่อยู่ห้องข้างๆ ก็คนมันเพลียนี่นา

    “เอ๋!

    แปลกใจอีกครั้งเมื่อมาถึงด้านล่างแล้วห้องที่อยู่ตรงข้ามบันไดมีแสงสว่างเล็ดลอดจากบานประตูที่ปิดไม่สนิท

    “ห้องนั้นถ้าจำไม่ผิดเป็นห้องทำงานของมินโฮนี่นา”

    แม้จะรู้แต่ก็ไม่เคยเข้าไปสักครั้งหรอกนะ

    “ดึกขนาดนี้ยังทำงานอยู่อีกเหรอ ช่างเถอะ  ไปกินน้ำดีกว่า”(นี่นายไม่คิดจะใส่ใจคู่หมั้นสักนิดเลยเรอะ)

    ร่างบางเดินไปที่ห้องครัวสักพักก็กลับมากำลังจะก้าวขึ้นบันไดแต่ก็ชะงักเมื่อคิดอะไรบางอย่าง

    นี่มันเกือบตีหนึ่งแล้วนะเป็นไปได้เหรอที่มินโฮจะยังทำงานอยู่ หรือว่าเขาจะลืมปิดไฟไปดูหน่อยดีกว่า

    อนยูก้าวเท้าอย่างเบาที่สุดตรงไปที่ห้องนั้นไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันทำไมต้องทำเหมือนย่องก็ไม่รู้สงสัยเพราะดึกแล้วมั้ง  เมื่อเข้าไปใกล้ก็ค่อยๆก้มสอดสายตามองผ่านบานประตูที่แง้มเพียงเล็กน้อยภายในนั้นเห็นแค่ตู้เอกสารหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยแฟ้มเอกสารมากมาย

    “เห็นไม่ชัดเลยแฮะ”

    สมองคิดร่างกายก็ทำงานประสานกับความคิดโดยการขยับเข้าใกล้อีกนิดเพื่อที่จะมองให้ได้เห็นชัดเจนแต่นายคงไม่รู้ว่าประตูที่แง้มไว้เป็นแบบผลักเข้าด้านในแล้วผลจึงเป็นเช่นนี้

    แอ๊ดดด ผ่าง!

    “เหวอ!!!

    เสียงร้องพร้อมร่างบางที่ด่วนถลาไปข้างหน้าพร้อมบานประตูที่เปิดออกเต็มที่ด้วยแรงดันของเจ้าตัวเองและกลายเป็นเต้าหู้ก้อนกลมล้มขมำนั่งจุมปุ๊กกับพื้นตรงเบื้องหน้าของชเวมินโฮพอดิบพอดี

    “จินกิ!

    มินโฮเองก็ตกใจไม่แพ้กันที่จู่ๆคู่หมั้นหน้าหวานก็โผล่เข้ามาในห้องทำงานในสภาพนั่งจับกบหน้าตาเอ๋อเหรอและเมื่อถูกอีกฝ่ายจ้องด้วยความสงสัยก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ

    “อะเอ่อ อันนยองตอนดึกมินโฮ”

    ไม่รู้จะพูดอะไรดีก็เลยต้องยิ้มๆเกาหัวแกรกๆทักทาย มินโฮได้แต่ยิ้มขำกับภาพตรงหน้าชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้มาช่วยพยุงคนที่นั่งกับพื้นให้ลุกขึ้นสองมือแกร่งช้อนใต้วงแขนร่างบาง

    “มะไม่...”ร้องจะห้ามแต่กลับเจอสายตาดุๆส่งมาและก็เป็นเขาเองที่จำต้องยอมให้ชายหนุ่มช่วยพยุงลุกขึ้น

    “ขะขอบใจนะ    มินโฮ”

    “นาย...มาทำอะไรที่นี่” มินโฮถามขณะกลับไปนั่งที่และทำงานต่อ

    “เอ่อ...คือ...ฉันลงมาดื่มน้ำเห็นไฟเปิดอยู่ก็เลยแวะมาดูเผื่อว่า...”

    “แล้วทำไมไม่เข้ามาดีๆล่ะ” ถามน้ำเสียงกลั้วหัวเราะเมื่อนึกถึงภาพเมื่อครู่

    “แหะๆนั่นสิเนาะ..เอ่อ  ว่าแต่นายทำอะไรอยู่เหรอมินโฮนี่มันดึกมากแล้วนะ”

    “กำลังคิดเงินเดือนให้คนงานอยู่น่ะมะรืนนี้สิ้นเดือนฉันต้องจ่ายค่าจ้างให้พวกเขา”

    “นายทำเองเลยเหรอไม่มีผู้ช่วยหรือไง”ถามขณะเดินเข้าไปใกล้ๆ

    “ก็มี แต่ว่าพอดีแม่เขาไม่สบายก็เลยลาไปดูแลเดือนนึงเขาไปก่อนนายจะมาอาทิตย์นึงได้มั้งเดือนนี้ก็เลยต้องทำเอง”

     ชายหนุ่มตอบนั่งลงแล้วหันกลับไปจ้องหน้าจอคอมฯที่เต็มไปด้วยตัวเลขและสูตรมากมายคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนเกือบจะผูกเป็นโบว์ได้ ดูท่าว่ามินโฮไม่ค่อยถนัดงานคำนวณนะจินกิเองก็ไม่ค่อยถนัดแต่ว่า

    “มินโฮ”

    “หือ” ขานรับยังไม่ละสายตาจากหน้าจอ

    “มี อะไร  ให้ ฉัน ช่วย มั้ย”

    ร่างสูงหันกลับมาสบตาหนุ่มหน้าหวานที่ยืนอยู่ข้างๆ สองมือบางประสานบีบกันแน่น

    “มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยนายได้บ้างมั้ย” ถามย้ำคำเดิมยังไงก็อยากช่วยก็คนหน้าตาดีมีน้ำใจนี่เนอะ

    “ขอบใจนะ  แต่ว่าไม่เป็นไรหรอกดึกมากแล้วนายไปนอนเถอะเหนื่อยมาทั้งวันนี่นา”

    มินโฮตอบยิ้มๆซึ้งในน้ำใจคนตรงหน้าเหลือเกินแต่ก็ไม่อยากให้จินกิต้องเหนื่อยไปกว่านี้

    “นายเองก็เหนื่อยไม่ใช่เหรอ” จินกิถามกกลับน้ำเสียงเปลี่ยนไปนิดนึง

    “ไม่เป็นไรหรอกฉันชินแล้วนายไปนอนเถอะเดี๋ยวก็เสร็จแล้วล่ะ”

    ชายหนุ่มตอบจับมือเล็กมาบีบเบาๆใจจริงก็อยากให้อยู่ใกล้ๆแต่เพราะเขาเองก็เห็นแล้วว่าตอนกลางวันจินกิก็ทำงานหนักจึงอยากให้พักผ่อนมากกว่าแต่คำตอบของเขากลับไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกดีเลยสักนิด

     นี่ฉันไม่มีประโยชน์กับนายเลยเหรอ ฉันมารบกวนนายงั้นสิ อยู่ๆก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมาซะงั้น(อารมณ์อ่อนไหวจิงลูกแม่)

    “ฉัน...คงเกะกะนายสินะ ฉันไปก็ได้”

    พูดจบก็ดึงมือออกจากการเกาะกุมหมุนกายกลับหลังจะออกจากห้อง ชายหนุ่มถึงกับเหวอกับอาการของคนร่างเล็กกว่าทั้งน้ำเสียงตัดพ้อนั่นอีกมือแข็งแรงรีบรั้งข้อมือไว้

    “จินกิ เดี๋ยวก่อน”

    “ปล่อยเถอะมินโฮ ฉันจะขึ้นห้องแล้วนายจะได้ทำงานได้สะดวกไม่มีคนรบกวน”

    พูดโดยไม่หันกลับมามองหน้าคู่สนทนา

    “จินกิ พูดแบบนี้เหมือนกับว่านายกำลังงอนเลยนะ”

    “เปล๊า ทำไมต้องงอนล่ะมีเหตุผลอะไรให้งอน นายคิดมากเกินไปแล้ว” ตอบโดยที่ยังหันหลังให้อยู่เช่นเดิม

    ตามทฤษฎีเขาว่าถ้าผู้หญิงตอบเปล่าเสียงสูงแปลว่าใช่ แต่จินกิไม่ใช้ผู้หญิงนี่นาแต่ก็รวมด้วยละกันยังไงๆอนาคตก็ต้องเป็นภรรยาของเราแล้วนี่ไม่ยอมหันมาสบตาอีก ชัวร์เลยจินกิกำลังงอน

    "จินกิ"เรียกเสียงอ่อนโยน

    “นายเป็นห่วงฉันงั้นเหรอ”มินโฮถามพร้อมจับไหล่บางทั้งสองข้างออกแรงบังคับให้หันหน้ามาสบตากันตรงๆในใจก็แอบภาวนาขอให้คำตอบคือใช่ อยากได้ยินเหลือเกินว่านายเป็นห่วงฉัน

    “ คือ  ฉะ ฉันก็แค่ไม่อยากเอาเปรียบนาย” ก้มหน้าก้มตาตอบแล้วยังตอบไม่ตรงคำถามอีกนะ

    "เอาเปรียบ ยังไง"

    “ก็...เราไปไร่พร้อมกันแล้วก็กลับพร้อมกันแต่นายยังต้องมานั่งทำงานต่อจนดึก ในขณะที่ฉันนอนแล้วยังงี้ก็เท่ากับฉันเอาเปรียบนายสิจริงมั้ย”

    รีบอธิบายต่อ

    “แต่ฉันไม่เคยคิดแบบนั้ยเลยนะจินกิ ตรงกันข้ามกลับรู้สึกว่าเอานายมาลำบากด้วยซ้ำ”

     “อี้อๆไม่ๆ”จินกิส่ายหัวแรงๆ

    “ฉันไม่เคยคิดว่าลำบากเลยนะ ถึงจะไม่เคยทำไร่มาก่อนก็เถอะ แต่ตลอดชีวิตฉันที่ผ่านมาก็ไม่ได้สุขสบายเป็นคุณหนูอย่างที่นายคิดหรอก”

    “จินกิ” เพราะอย่างนี้ไงล่ะฉันถึงรักนาย

    ดึงคนตัวเล็กกว่าเข้ามากอด จินกิเองขัดขืนในตอนแรกสุดท้ายก็ยอมอยู่นิ่งๆใจจริงก็รู้สึกมาตลอดแหละว่าเวลาอยู่ในอ้อมกอดแข็งแรงของมินโฮน่ะมันรู้สึกดีและอบอุ่นมากแค่ไหน

    “..ตกลงว่า  .มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยนายได้บ้างหรือเปล่าล่ะ”

    ยังคงยืนยันความตั้งใจเดิมก็คนมีน้ำใจอยากช่วยนี่นา ชายหนุ่มคลายอ้อมกอดเปลี่ยนเป็นบีบปลายจมูกรั้นเบาๆด้วยความเอ็นดู

    “ดื้อจริงนะนายน่ะ ไปเอาความรั้นมาจากไหนเนี่ย วันนั้นยังว่าง่ายอยู่เลยนะ”

    “วันนั้น  วันไหน”เอียงหน้าถามในหัวก็ครุ่นคิดลีจินกิมีวันที่ยอมว่าง่ายด้วยเหรอนึกไม่ออก หันไปมองหน้าหล่อๆของชเวมินโฮที่นั่งลงเก้าอี้เท้าคางมองมาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์มันก็ยังนึกไม่ออก(เคยจำอะไรได้บ้างมั้ยอน)

    “มินโฮ! บอกมาวันไหน” คาดคั้นเสียงเข้มก็คนมันคาใจนิ

    “นึกไม่ออกจริงเหรอก็วันนั้นไง   วันที่ฉันให้สร้อยเส้นนี้กับนายไงล่ะจำไม่ได้เหรอ” ชี้ไปที่สร้อยที่อยู่บนคอของอีกฝ่าย

    ให้สร้อยคอเส้นนี้ที่ร้อยกับแหวนหมั้น งั้น...

    สมองของลีจินกิกำลังประมวลผล   แล้วก็เผลอยกมือแตะริมฝีปากตัวเองโดยไม่รู้ตัวเมื่อสำนึกได้ว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

    -///-‘     แก้มใสขึ้นสีอย่างช่วยไม่ได้

    หึหึ” ชเวมินโฮขำกับท่าทางไร้เดียงสาน่าเอ็นดูของคนตรงหน้า น่ารักเกินไปแลวนะเดี๋ยวพ่อก็จับจูบอีกหรอก    

    “มินโฮ  นายแกล้งฉัน ฮึ!

    ร้องเสียงดังรีบหมุนตัวจะหนีแต่ก็ถูกคว้าตัวไว้ได้อีกตามเคยแต่คราวนี้ร่างบางเซล้มลงบนตักมินโฮพอดี ว้าก!ท่านี้ไม่เหมาะสมและไม่ปลอดภัยอย่างแรง แล้วแขนแข็งแรงนั่งยังกอดซะแน่นเชียวจินกิดิ้นดุ๊กดิ๊กรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆข้างแก้มใกล้เกินไปแล้ว ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ใกล้ชิดกันแต่มันก็ไม่ชินสักที

    “ปละ ปล่อยนะมินโฮ”

    “จะไปไหนน่ะ หือ  ไหนบอกจะช่วยไงล่ะคิดจะเบี้ยวเหรอจินกิ”

    “ป เปล่านะ นายก็ปล่อยสิ จะให้ช่วยอะไรก็ว่ามา”

    ปากก็บอกมือก็สาละวนแกะมือปลาหมึกที่รัดแน่น มินโฮยอมปล่อยด้วยความเสียดายก่อนจะเดินไปหยิบอุปกรณ์มาวางตรงหน้าพร้อมอธิบายให้ฟังว่าต้องทำอย่างไรบ้างจินกิพยักหน้าหงึกหงักเข้าใจแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ที่มินโฮให้เขียนแค่ชื่อลงบนหน้าซองสีขาวเท่านั้น

    “ซองนี้เอาไว้ทำอะไรเหรอ”

    “ใส่เงินไง ฉันจ่ายเงินให้คนงานเป็นเงินสดน่ะคำนวนเสร็จใส่ซองปิดผนึกถึงเวลาก็จ่ายได้เลยสะดวกดี”

    “อ้าว ไม่ได้จ่ายผ่านบัญชีเหรอ” ยังสงสัยก็ตลอดชีวิตการทำงานของลีจินกิเคยได้รับแบบนี้

    “จินกิ แถวนี้น่ะบ้านนอกนะ แบบนี้น่ะสะดวกที่สุดแล้ว”

    จริงด้วยสินะ เขาเองก็ลืมคิด เมื่อเข้าใจแล้วจึงไม่มีคำถามทั้งห้องตกเข้าสู่ความเงียบเพราะต่างคนต่างก็ตั้งใจทำงานตรงหน้าตัวเอง

    ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง

    “อื้ออ! เสร็จแล้ว ฮึบๆ”

    จินกิบิดกายไปมาซ้ายขวาไล่ความเมื่อยขบหลังจากที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานจนเสร็จหันไปมองทางมินโฮดูท่าก็คงจะเสร็จแล้วเหมือนกัน

    “เอ๊ะ! นั่น”

    อุทานด้วยความตื่นเต้นเมื่อสายตาสะดุดเข้ากับเหล่าถ้วยรางวัลและใบประกาศเกียรติคุณต่างๆวางเรียงรายทั้งในตู้และบนหลังตู้ที่อยู่ด้านเดียวกับประตูตอนแรกที่เข้ามาไม่ทันได้สังเกตพอเห็นเข้าตาหยีก็เบิกกว้างทันที ร่างบางตรงรี่เข้าไปดูใกล้ๆทันทีค่อยไล่สายตาอ่านไปที่ละอัน

    “เกษตรกรดีเด่น นายชเวจิน ชเวจิน ชเวจิน นายชเวซีวอน นี่ก็ซีวอน ซีวอน  เกษตรกรหน้าใหม่ดีเด่นชเวมินโฮ เอ๊! มินโฮได้รางวัลด้วยเหรอยอดไปเลย”น้ำเสียงตื่นเต้นสุดๆ

    “ใช่เมื่อปีที่แล้วนี่เอง” มินโฮตอบเดินมายืนข้างๆ จินกิหันมองสบตาคมกล้าเป็นอีกครั้งที่รู้สึกทึ่งในตัวผู้ชายคนนี้จังแฮะ ทั้งๆที่อายุเราก็เท่ากันแต่กลับทำอะไรๆได้ดีและประสบความสำเร็จมากมาย

    “ฉันตั้งใจทำงานอย่างหนักจนได้รางวัลนี้มา เพราะนายนะรู้มั้ย”

    “เห! เพราะฉันทำไมล่ะ” หันมาสบตาอีกครั้งด้วยความแปลกใจ

    “ฉันอยากเป็นคนที่นายจะไม่มีวันปฏิเสธและอยากให้นายภูมิใจในตัวว่าที่สามีอย่างฉัน”

    “บ บ้าแล้ว นายน่ะทำไมต้องเอาฉันไปเกี่ยวด้วยล่ะ”

    ปากบอกว่าบ้าแต่กลับไม่กล้าสบตา แต่มันก็จริงหล่อแถมเก่งแบบนี้จินกินายจะกล้าปฏิเสธเหรอ(อืม)

    “ว่าไงล่ะจินกิ ฉันดีพอที่นายจะยอมรับเป็นสามีหรือเปล่า”

    “...” อย่าถามได้มั้ยฉันไม่รู้(คิดในใจ)

    “จินกิ”

    ฮ้าวววววววว!!

    แกล้งหาวเอามือปิดปากกลบเกลื่อนอาการโรคหัวใจสั่น(เพราะมินโฮ)ที่กำลังกำเริบอีกครั้งไม่ได้แล้วจินกิต้องรีบชิ่ง

    “ฉันทำงานเสร็จแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะง่วงแล้ว”

    พูดจบก็รีบเดินออกจากห้องไปร่างสูงรีบเดินตามออกไปเช่นกัน

    “จินกิรอด้วยสิ”

    “ไม่เก็บของก่อนเหรอ”

    “ไม่ต้องหรอกทิ้งไว้อย่างนั้นแหละไม่มีใครกล้าเข้าไปวุ่นวายหรอก ”

    “จินกิ”

    ร่างบางถูกรั้งข้อมือไว้อีกครั้งก่อนถึงหน้าห้องจินกิหันมอง อะไรกันนะมินโฮจะมาถามเอาคำตอบเมื่อกี้หรือไง ไม่มีคำตอบโว้ย

    “จินกิ  วันนี้ขอบใจนายมากเลยนะ”

    “มะ ไม่เป็นไร ฉะฉันขอตัวก่อนนะ”

    กล่าวตอบพร้อมเอี้ยวตัวจะคว้าลูกบิดประตูห้อง

    “เอ่อ จินกิ” เรียกไว้อีกแล้ว

    “มีอะไรอีกงั้นเหรอมินโฮ”

    “ฉันอนุญาตให้นายตื่นสายได้ พรุ่งนี้เราจะเข้าเมืองกัน จะพาพานายไปซื้อของด้วย แล้วก็...”

    “แล้วอะไร”เรื่องเยอะจริงนะมินโฮ

    “ไม่มีอะไร เข้าห้องเถอะ ราตรีสวัสดิ์นะจินกิ จุ๊บ”ชเวมินโฮถือโอกาสที่อีกฝ่ายเผลอกู๊ดไนท์คิสที่แก้มใสจินกิยกมือขึ้นลูบพวงแก้มที่โดนขโมยจุ๊บด้วยอาการหน้าแดงที่ปิดไม่มิดโดนแบบนี้กี่ที่ก็ยังไม่ชินหรอกนะ

    “ร ราตรีสวัสดิ์ ม มินโฮ ฉ ฉันเข้าห้อง กะก่อนนะ” เสียงหวานตะกุกตะกัก

    “จิน..!??”

    พลั่ก!

    “โอ๊ย!

    เรียกไว้ก็ไม่ทันแล้วล่ะมินโฮจินกิของนายจะเข้าห้องแต่ไม่เปิดประตูผลก็เลยเป็นแบบนี้

     “จินกิเป็นไงบ้างเจ็บมั้ย”

    ถามได้เจ็บมั้ยเพราะนายแหละชเวมินโฮ เพราะนายคนเดียวเลย (งือออๆ )จินกิรีบส่ายหัวเป็นพัลวัลในขณะที่อีกคนพยามยามจะขอดูแผลที่ชนด้วยความเป็นห่วง

    “อยู่นิ่งๆสิจินกิ”ส่งเสียงดุเมื่อคนตัวเล็กพยายามเบี่ยงหน้าหลบ ก็คนมันกลัวนี่(กลัวไรวะอน  ไม่รู้เหมือนกันแต่มินโฮเข้าใกล้ที่ไรเปลืองตัวทุกที) แต่สุดท้ายก็ยอมอยู่นิ่งๆ มินโฮประคองสองแก้มด้วยสองมือก่อนจะค่อยเสยผมตรงหน้าผากขึ้น ตอนที่เขาก้มลงมาดูรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นเลยล่ะ

    “โนนิดหน่อยเอง  เดี๋ยวเป่าให้ก็หาย ฟู่ๆๆๆ”มินโฮบรรจงเป่าลมหายใจอุ่นใส่ตรงหน้าผากราวกับว่าจินกิเป็นเด็กน้อยแต่แปลกจังมันกลับทำให้หายเจ็บได้จริงๆแต่สงสัยว่าลมหายใจของมินโฮคงจะร้อนเกินไปล่ะมั้งจินกิถึงได้ร้อนไปทั้งตัว

    “ขะขอบใจนะมินโฮ” กล่าวจบก็ผละออกจะเข้าห้องแต่มือแกร่งก็รั้งไว้

    “จินกิเห็นแบบนี้แล้วฉันไม่อยากปล่อยนายไว้คนเดียวเลย ไปนอนกับฉันเถอะนะ”

    =///= (หน้าแบบนี้หู้กำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย) อ้ากกกส์

    “ม่ายย !!!!” ตอบแล้วก็พุ่งปรู้ดเข้าห้องด้วยความเร็วแสงคราวนี้ไม่ลืมเปิดประตูและ

    ปังง กริ๊ก!

    ปิดและล็อคเรียบร้อยมินโฮที่ยืนส่งอยู่หน้าประตูหัวเราะเบาๆกับท่าทางลุกรี้ลุกรนนั่นแต่ยังไงนายก็น่ารักอยู่ดีนะจินกิ

     

    “อุ๊ย คุณชเวมินโฮ สวัสดีค่ะ วันนี้ทำอะไรคะ”
    พนักงานสาวของธนาคารกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดๆไม่บ่อยนักที่จะเห็นชายหนุ่มมาทำธุรการเงินที่ธนาคารด้วยตัวเองปกติจะเป็นผู้ช่วยของเขามาแทนและวันนี้ก็เป็นโชคดีของเธอที่ได้ให้บริการชายหนุ่มที่ทั้งรูปหล่อและเก่งอย่างชเวมินโฮ

    “หลายอย่างเลย รบกวนด้วยนะครับ” มินโฮตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มน่าฟังส่งยิ้มละลายใจสาวให้เธอและยื่นเอกสารที่เตรียมมาให้เธอ

    “รอสักครู่นะคะ”

    ขณะนั่งรอสายตาของชเวมินโฮก็คอยมองไปที่ประตูเพื่อหาใครบางคน  จินกิคู่หมั้นหน้าหวานยังไม่เข้ามาอีก มัวทำอะไรอยู่นะ เพราะเจ้าตัวขอแวะซื้อกาแฟที่ร้านหน้าแบ๊งค์เขาจึงเข้ามาก่อน แต่กาแฟแก้วเดียวนานเกินไปนะจินกิ(เป็นไรมากมั้ยมินโฮ >นิดนุงฮะนูน่า)

    “เชิญครับ”เสียงพนักงานเปิดประตูเรียกให้ร่างสูงหันไปอีกครั้ง

    “หวา!  เพราะมือไม่ว่างจินกิจึงใช้แผ่นหลังบางดันประตูโดยที่ไม่ได้สังเกตุว่ามีพนักงานเปิดประตูอยู่ด้านในกำลังเปิดให้เช่นกันจึงป็นเหตุให้ร่างบางเซดีว่าคุณพนักงานคว้าตัวเขาไว้ได้ก่อน เมื่อยืนได้มั่นคงแล้วก็รีบคำนับขอบคุณเป็นการใหญ่

    “จินกิ” เสียงทุ้มดังมาจากด้านหลังและเมื่อเจ้าของชื่อหันมามินโฮถึงกับเลิกคิ้วภาพที่เห็น ลีจินกิที่ยืนอยู่ตรงหน้าตอนนี้มือซ้ายถือเครื่องดื่มแก้วโตมือขวาเป็นไอศครีมโคนยักษ์แล้วยังมีถุงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยขนมคล้องที่แขนอีก เอ่อ ที่รักอดอยากมาจากไหนจ๊ะ(อ้าว)

    “ซ ซื้ออะไรมาเยอะแยะน่ะจินกิ”

    “ขนมกับกาแฟเย็น กินมั้ย ชื่นใจนะ”จินกิตอบยื่นแก้วกาแฟให้ตรงหน้ามินโฮยื่นมือมารับแก้วกาแฟ ชายหนุ่มจงใจจับซ้อนตรงที่มือบางจับอยู่แล้วค่อยๆยกขึ้นดูดช้าๆ

    “อ เอ่อ มิ...”พูดไม่ออกครับจินกิก็เล่นดูดกาแฟไปแล้วจ้องหน้าส่งสายตามีความหมายมาให้แบบนี้จินกิก็เขินสิครับ ก้มหน้าก้มตาเลียไอศกรีมที่อยู่ในมืออีกข้างงุดๆ

    “จินกิ”

    “หือ”อะไรอีกเล่า

    มินโฮไม่ว่าอะไรแต่ยกมืออีกข้างขึ้นมาตั้งใจจะเช็ดคราบไอศครีมที่เปื้อนปลายจมูกให้ร่างบาง

    “ทำอะไรของนาย!” ร้องออกมาเบาๆเบี่ยงตัวจะหลบ

    “อยู่นิ่งๆสิไอศกรีมเปื้อนจมูกนายน่ะจะเช็ดให้” จริงดิและก็เลยต้องยอมให้ร่างสูงเช็ดให้แต่โดยดี

    “คุณชเวมินโฮคะ” เสียงหวานของพนักงานสาวเรียกทำลายความหวานชายหนุ่มหันตามเสียงเธอคงจะทำการเสร็จแล้ว

    “จินกิเดี๋ยวมานะ” ร่างสูงผละกลับไปที่โต๊ะของพนักงานสาวเธอยื่นของที่ชายหนุ่มต้องการให้มินโฮก็มิลืมที่จะกล่าวขอบคุณด้วยเสียงหล่อเช่นเคย

    “เอ่อ คุณมินโฮคะหนุ่มน้อยหน้าหวานที่มาด้วยใครเหรอคะไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”ด้วยความอยากรู้เธอจึงยอมเสียมารยาทถามชายหนุ่มออกไป ก็มันอยากทราบนี่คะก็เล่นหวานกันต่อหน้าต่อตาขนาดนั้น

    “อ๋อ คู่หมั้นผมเองครับ แต่งเมื่อไหร่ผมจะส่งการ์ดเชิญมาให้อย่าลืมไปอวยพรให้เรานะครับ” มินโฮก้มลงไปตอบใกล้ๆหูของเธอ

    “ค่ะ~”น้ำเสียงตอบรับของเธอช่างแผ่วเบาเหลือเกิน ชายหนุ่มกล่าวขอตัวแต่เหมือนเธอจะไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว เขากำลังเดินไปหาหนุ่มน้อยร่างบางคนนั้นโอบไหล่บางคุยกันกระหนุงกระหนิงแล้วพากันเดินออกประตูไป หมดหวังแล้วชเวมินโฮชายหนุ่มที่เป็นความฝันของหญิงสาวทั้งเมืองมีคู่หมั้นแล้ว T Tหนุ่มน้อยหน้าหวานคนนั้นช่างโชคดีเหลือเกิน

    หลังจากออกจากธนาคารมินโฮก็พาจินกิซูเปอร์มาเก็ตที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเพื่อซื้อของ หลังจากที่เดินเลือกของตามรายการที่แม่บ้านจดให้ได้สักพักใหญ่จินกินึกอยากซื้อของบางอย่าง

    “มินโฮ ฉันขอไปดูขนมทางโน้นหน่อยนะ” ชี้ไปทางโซนช็อคโกแลตและก็ไม่ต้องรอให้ร่างสูงตอบเพราะเขาแค่บอกแล้วก็เดินไปเลย

    อนยูเดินตรงมาที่ชั้นวางช็อคโกแล็ต กวาดตาหยีๆมองไปทั่วเพื่อหายี่ห้อโปรดและเขาก็เจอแล้วแต่..มันเหลืออยู่กล่องเดียว ไม่ได้แล้วอนต้องรีบ ถ้าชักช้าอาจจะอด สองเท้ารีบก้าวเร็วเพื่อให้ถึงช็อคโกแล็ตกล่องนั้นให้เร็วที่สุด เมื่อถึงมือบางก็รีบคว้ากล่องช็อคโกแล็ตทันที แต่

    “อ๊ะ!

    TBC.

    มาอีกแว้วมากับความมั่ว อิอิ
    จากตอนที่แล้วรีดเดอร์ท่านหนึ่งบอกว่าโฮอนเล่นเป็นหนังอินเดียตอนที่แต่งๆก็ไม่ได้คิดหรอกว่าจะคล้ายแต่พออ่านเมนต์แล้ว เอออ จิง นึกแล้วก็ขำ ฮิฮิหุหุ 
    ยังไงก็ฝากไว้อีกตอนนะครับพี่น้องทุกท่าน
    ขอบคุณทุกคอมเมนต์จ้า

    정말 감사합니다.

    >>>장언

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×