ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาวบ้านไร่

    ลำดับตอนที่ #8 : ไปด้วยกันนะ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 312
      1
      7 ส.ค. 54

         ชเวมินโฮกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ณ ที่ประจำทุกเช้าพร้อมจิบกาแฟไปพลางๆแม้สายตาจะจับจ้องที่ตัวหนังสือแต่เขากลับไม่ค่อยเข้าใจเนื้อหาข่าวในหนังสือพิมพ์เท่าไหร่ สายตาคมคอยเหลือบมองไปที่ประตู

    “อรุณสวัสดิ์ครับคุณป้า”

    เสียงใสๆของจินกิกล่าวทักทายแม่บ้านดังแว่วมาก่อนที่เจ้าตัวจะเข้ามาถึงซะอีกชายหนุ่มละสายตาจากหนังสือพิมพ์มองไปที่ประตูอีกครั้งร่างบางโผล่เข้ามาในกรอบประตูทันทีที่สายตาทั้งสองคู่สบประสานกันเต้าหู้ขาวอวบก็กลายเป็นเต้าหู้ยี้สีแดงทันที

    แม้จะผ่านวันนั้นมาหลายวันแล้วก็ตามแต่ทุกครั้งที่เจอหน้ากันก็อดนึกถึงไม่ได้และทุกครั้งก็เกิดอาการประหม่าทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะเขินจะอายหรือจะอะไรดีหู้ไม่รู้หู้ไม่อยากคิดถึงมันอีกแล้ว

    พรืดดด

    สะบัดหัวแรงๆไล่ความคิดและภาพอันแสนน่าอับอายออกจากจากสมองเสีย

    “จินกิ เป็นอะไร สะบัดหัวแรงๆแบบนั้นเดี๋ยวก็หน้ามืดหรอก แต่ไม่ต้องห่วงถ้านายเกิดเป็นลมขึ้นมาฉันจะช่วยผายปอดให้เอง เม้าท์ทูเม้าท์นะ”

    “เม้าท์ ทู เม้าท์” ทวนคำช้าๆสายตาเหม่ลอยและก็เผลอยกนิ้วแตะริมฝีปากตัวเอง

    =///=

    เลือดในกายสูบฉีดขึ้นที่ใบหน้าในทันทีที่หน่วยความจำในสมองของหู้น้อยประมวลผลแล้วภาพในวันนั้นก็ฉายชัดในสมองอีกครั้ง

    มินโฮนายแกล้งช้านนน คนยิ่งไม่อยากนึกถึง ฮืออๆ

    ในขณะที่อีกคนทำอะไรไม่ถูกอีกคนก็เอาแต่หัวเราะชอบใจกับกิริยาน่าเอ็นดูนั่น จับจินกิจูบอีกทีดีมั้ยน้า...

     


    “อ้าวชินดงล่ะ เมื่อกี้ได้ยินเสียงแว่วๆนี่นา”

    มินโฮถามคู่หมั้นด้วยความแปลกใจที่ไม่เห็นชินดงทั้งๆที่เมื่อกี้เขามั่นใจว่าได้ยินเสียงชินดงคุยกับจินกิ

    “อ๋อ ฉันให้เขาล่วงหน้าไปก่อนแล้ว”

    คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความงุนงง ชินดงไปแล้วๆเราจะไปไร่ยังไงล่ะ

    “วันนี้เราจะเดินไปกันนะ มินโฮ”

    ตอบเสียงใสน้ำเสียงตอนท้ายฟังดูอ้อนนิดๆนะนายว่ามั้ยมิโนสองขาก้าวเดินนำหน้า แต่คิ้วเข้มๆของมินโฮกลับแทบจะผูกกันเป็นโบว์อยู่แล้ว ก็มันแปลกใจนี่นาเกิดอะไรขึ้นกับจินกิสุดที่รักนะทำไมอยู่ๆอยากเดินไปไร่ทั้งๆที่คราวที่แล้วยังไม่ชอบใจออกอาการกระฟัดกระเฟียดอยู่เลย สองเท้ารีบสาวเดินตามให้ทันร่างบาง

    “แปลกจังทำไมวันนี้อยากเดินล่ะ”อดถามไม่ได้ จินกิหัวเราะคิกคัก

    “ก็ไม่มีอะไรหรอก ตอนเช้าๆอย่างนี้อากาศดีออกฉันก็เลยอยากเดินรับอากาศบริสุทธิ์สักหน่อย”

    คนตอบกางแขนออกจนสุดแล้วสูดลมหายใจลึกๆสูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดไม่มีอะไรหรอกน่ามินโฮก็แค่หลายวันที่ผ่านมาจินกิรู้สึกว่ามันหายใจหายคอไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่โรคหัวใจ(สั่น)กำเริบบ่อยเหลือเกิน

    “ฮ้า สดชื่นจัง”

    มินโฮมองดูกิริยาของคนตัวเล็กแล้วก็อมยิ้มไม่สงสัยอะไรแล้วดีกว่าเป็นอย่างนี้ก็ดีแล้วแสดงว่าจินกิไม่ได้รังเกียจบ้านนอกแบบนี้สินะ

    “จินกิ”

    “หือ”

    จินกิขานรับชะงักเมื่อมือใหญ่ค่อยๆสอดประสานผ่านนิ้วมือไออุ่นจากฝ่ามือใหญ่ค่อยแผ่กระจายจนรู้สึกได้เขาก้มมองมือที่ถูกจับสลับกับใบหน้าเจ้าของมือและสิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มแสนอ่อนโยนของชเวมินโฮ มันดูอ่อนโยนมากจนทำให้หัวใจสั่นไหวขึ้นมาอีกครั้งแม้ในใจจะบอกตัวเองว่าไม่ได้นะมันน่าเกลียดแต่ลึกๆลงไปกลับรู้สึกดีที่มีมือใหญ่จับไว้แบบนี้มันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยไปถึงหัวใจเลยทีเดียว จินกิเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันทำไมไม่ต่อว่าหรือขัดขืนตามที่ใจคิด

    “ไปกันเถอะ”

    มินโฮบอกกระชับมือขึ้นอีกสองร่างจับมือเดินคู่กันไปท่ามกลางแสงแดดอบอุ่นตอนเช้าจินกิเอาแต่เดินก้มหน้าสองแก้มออกสีระเรื่อไปถึงใบหูคงไม่ต้องบอกว่าเต้าหู้รู้สึกเช่นไรโตเป็นหนุ่มจนป่านนี้หู้ก็ไม่เคยเดินจับมือกับใครแบบนี้ส่วนมินโฮรู้สึกดีมากถึงที่สุดเลยล่ะเพราะมันคือสิ่งที่ชายหนุ่มอยากทำมานานแล้วได้เดินเคียงคู่จับมือกับคนที่เฝ้ารักมานานแสนนาน คงจะดีนะจินกิหากเราได้เดินจับมือไปไร่ด้วยกันทุกวันและตลอดไปหวังเหลือเกินว่านี่คือการเริ่มต้นที่ดี การเริ่มต้นไปสู่ความรักของเราทั้งสองคน

     

    นูนา นอมูเยปอ   เอ๊ะ!

    อนยูที่กำลังเดินอัมเพลงลั้นลาอยู่หยุดกึกเมื่อนึกอะไรบางอย่างออกปากอิ่มขมุบขมิบพึมพำกับตัวเอง

    “เอ  มินโฮบอกว่าเลือกแหวนนี้ให้เรา ไปเลือกตอนไหนนะก็มันอยู่กับแม่เราตั้งนานมาแล้ว มีบางอย่างแปลกๆนะ มินโฮ นายอยู่ไหน”อยู่คนเดียวทีไรก็นึกถึงเรื่องคืนนั้นทุกที

    เหลียวซ้ายแลขวาก็ไม่เจอมินโฮตั้งแต่มาถึงไร่ก็ทิ้งคู่หมั้นแสนน่ารักไว้แล้วหายไปกับชินดงจนบ่ายคล้อยแล้วก็ยังไม่เห็นหน้าค่าตา ข้างหน้าไม่ไกลเท่าไหร่มีกลุ่มคุณป้าคนงานลองไปถามดีกว่าเผื่อเค้าจะรู้ว่ามินโฮอยู่ไหน

    “เอ่อ  ขะขอ..

    “ฉันละเสียดายหนูยุนอาจริงๆนะเธอน่ะเหมาะกับคุณมินโฮยิ่งกว่านายนั่นซะอีก”อาจุมม่าคนที่หนึ่ง

    “ใช่ๆ”อาจุมม่าคนที่สองและสามต่างเห็นด้วย เอ..นายนั่นที่พูดถึงคือลีจินกิรึเปล่าหว่า

    “เอ่ออ” อนยูส่งเสียงอีกครั้งแม้จะวางสีหน้าไม่ถูกที่โดนนินทาต่อหน้าต่อตาเขาก็พอเข้าใจแต่ ยุนอาที่ว่าใครกันครับ

    “อะไรกันเธอเสียมารยาทที่สุดมาแอบฟังเราคุยกันได้ไง”
    อาจุมม่าคนที่หนึ่งต่อว่าด้วยความไม่พอใจทันทีที่หันมาเห็นว่าเป็นใคร

    “ขอโทษครับคุณป้า พอดีผมจะถามว่าเห็นมินโฮมั้ยครับ”ตอบกลับอย่างสุภาพที่สุด

    “คุณป้า เรียกเราว่าคุณป้างั้นเหรอ ฉันไปสืบมาแล้วเธอเป็นลูกชายของยัยตัวแสบลีดาเฮยัยนั่นแก่กว่าพวกเราตั้งหลายปีหยาบคายมากเรียกเราว่าป้า”อาจุมม่าคนที่สองโวยวาย

    อ่อนกว่าแม่ผมห้าปีเหรอ โห หน้าไปแล้วนะครับผมคิดว่าคุณป้าอ๊ะน้าแก่กว่าแม่ผมสิบปีอีกนะ

    “ขอโทษครับคุณน้า เห็นมินโฮบ้างมั้ยครับ”ถามอีกครั้งด้วยความสุภาพมากๆ

    “ไม่เห็นย่ะ แหมๆห่างกันแค่นี้ไม่ได้เลยเหรอถึงกับใจจะขาดรึไง”อาจุมม่าคนที่สามตอบอนถึงกับเหวออยากจะบอกว่าไม่ใช่แต่ก็อ้าปากไม่ทันพวกนางทั้งสาม

    “ความจริงนายไม่น่ามาเลยนะคุณมินโฮมีคนที่เหมาะจะแต่งงานด้วยอยู่แล้วคือหนูยูนอา ยัยตัวแสบลีดาเฮนี่ร้ายจริงนะตัวเองไม่ได้แต่งกับคุณซีวอนแล้วยังจะส่งลูกชายมาแต่งกับคุณมินโฮแทนหวังจะฮุบสมบัติคุณมินโฮล่ะสิ..” อยากบอกว่าผมจำเป็นแต่ก็ขยับปากไม่ทันอีกตามเคย

    “นี่นายไม่รู้ตัวรึไงว่าไม่ได้เหมาะกับคุณมินโฮเลยสักนิด คุณมินโฮนะทั้งหล่อทั้งเก่งทั้งดีจบจากเมืองนอก นายไม่รู้สึกอายรึไงที่คิดจะจับคุณมินโฮน่ะไม่ดูสารรูปตัวเองเล้ย”โหอาจุมม่าแรงง่ะว่าแต่มินโฮจบจากนอกเหรออนยูก็เพิ่งรู้นะเนี่ยแต่เล่นว่ากันขนาดนี้อนก็ไม่รู้จะตอบยังไงดีผมมันคนต่ำต้อย

    “พวกเธอนี่พูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน”เสียงใครบางคนแทรกขึ้นอนยูหันกลับไปมอง

    “คุณอนยูอย่าใส่ใจคำพูดพวกหล่อนเลยครับมาทางนี้ดีกว่า” ชายวัยกลางคนที่อยูห่างไม่ไกลทนไม่ได้เดินมาดึงแขนชายหนุ่มไปอีกทางให้พ้นจากอาจุมม่ากลุ่มนั้นที่ทำเสียงจีจ๊ะไล่หลังมา

    “เอ่อ..คุณ..ลุง..”พยายามจะเรียกชื่อแต่ก็นึกไม่ออกว่าลุงคนนี้ชื่อว่าอะไรหว่า

    “ไสวครับ ผมชื่อไสวส่วนคนโน้นชื่อสมควร  ว่าแต่คุณตามหาคุณมินโฮอยู่หรือครับ”อนยูพยักหน้ารับหงึกๆ

    “ผมก็ไม่รู้ว่าคุณมินโฮอยู่ไหนเหมือนกัน ทำไมไม่โทรหาล่ะครับ”ลุงไสวแนะนำอนยูเองก็อยากทำอย่างนั้นแต่ว่าเขาไม่ได้เอามือถือมาด้วยนะสิตั้งแต่คราวที่แล้วที่เกิดเรื่องก็เพราะมือถือเป็นเหตุเขาจึงตัดปัญหาด้วยการเก็บไว้บ้านดีกว่า

    “ว่าแต่ลุงไสวกำลังทำอะไรครับ” อนยูเปลี่ยนเรื่องหันไปสนใจสิ่งที่ชายวัยกลางคนทั้งสองกำลังทำอยู่ดีกว่าเขากำลังเทน้ำสีเข้มๆสองอย่างลงในถังขนาดใหญ่ที่ตั้งบนรถเข็นแล้วคนให้เข้ากัน

    “นี่คือน้ำสมุนไพรเข้มข้นกับน้ำจุลินทรีย์สูตรพิเศษที่คุณมินโฮเป็นคนคิดค้นขึ้นมาครับเอาไปฉีดพ่นตรงโน้นที่กำลังออกดอกคุณมินโฮบอกว่าจะทำให้ส้มติดผลได้เร็วขึ้นและป้องกันแมลงด้วย ถ้าฉีดตอนที่ติดผลแล้วจะทำให้ผลสมบูรณ์ลูกใหญ่และหวานด้วยครับและเพราะเจ้านี่แหละครับทำให้ไร่นี้มีผลผลิตตลอดทั้งปีพวกผมจึงมีงานทำตลอด”

    อธิบายซะยืดยาวอนยูเองฟังแล้วก็ไม่อยากเชื่อว่าไอ้น้ำสีดำๆนี่จะมีสรรพคุณขนาดนี้และที่น่าทึ่งกว่านั้นคือมันเป็นผลงานของมินโฮ

    “ขอผมลองทำบ้างได้มั้ยฮะ”อนยูเอ่ยปากขอลองทำบ้างสองหนุ่มใหญ่มองหน้ากันชั่งใจ

    “ไปทางโน้นใช่มั้ยฮะ”ไม่รอคำตอบอนยูก็ออกแรงเข็นถังน้ำจุลินทรีย์เดินนำสองหนุ่มใหญ่จึงต้องรีบสาวเท้าเดินตามให้ทันเมื่อไปถึงเป้าหมายก็สาธิตให้นายน้อยดูว่าต้องทำต้องทำยังไงบ้างและก็ถึงคราวปล่อยให้หนุ่มน้อยได้ลองทำดูบ้างแม้ต้อนแรกจะดูเก้ๆกังๆบ้างแต่สักพักก็เริ่มเข้าที่ ขณะที่มือกำลังทำหน้าที่ฉีดพ่นปากก็คอยถามโน่นถามนี่ตลอดด้วยความสนใจจนลุงไสวและลุงสมควรอดเอ็นดูไม่ได้แม้นายน้อยอนยูจะดูคุณหนูและบอบบางแต่ชายหนุ่มกลับทำงานหนักโดยไม่เกี่ยงแล้วยังตั้งใจมากด้วยไม่แปลกหรอกถ้าเจ้านายของพวกเขาจะรักหนุ่มน้อยคนนี้

    “ลุงฮะ ทราบมั้ยว่าไร่ส้มระฆังทองนี้มีเนื้อที่เท่าไหร่”ถามสิ่งที่คาใจมานานลุงไสวนิ่งคิดไปชั่วครู่

    “น่าจะหมื่นกว่าๆนะครับแต่ผมจำไม่ได้ว่ากว่าเท่าไหร่ สมควรแกรู้มั้ย” ลุงสมควรส่ายหน้า

    “หมื่นสองมั้งครับ”

    “หมื่นสามพันห้าร้อยไร่ต่างห่างล่ะ”เสียงทุ้มคุ้นหูแทรกทางด้านหลังทั้งสามหันไปมองพร้อมกันชเวมินโฮกำลังเดินมาทางนี้พอดี

    “จินกิ เขาบอกว่านายตามหาฉันมีอะไรเหรอ”

    จินกิครุ่นคิดแล้วส่ายหน้าจำไม่ได้แล้วว่าตามหามินโฮจะถามเรื่องอะไรช่างมันเถอะเดี๋ยวก็นึกออกเอง หันหน้ากลับจะทำงานต่อแต่ก็ถูกเรียกและรั้งข้อมือไว้

    “จินกิ ฉันมีอะไรจะให้ดูมาด้วยกันหน่อยสิ”

    “แต่..ฉันยังทำงานไม่เสร็จเลย”จินกิหันไปมองชายสูงวัยกว่าทั้งสองด้วยความรู้สึกเกรงใจก็ยังทำงานไม่เสร็จนี่นาแม้ลุงทั้งสองจะเป็นคนงานแต่ก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วตัวเองก็เป็นคนอาสาทำเองด้วย

    “ที่เหลือเดี๋ยวผมกับสมควรจะทำต่อเองครับคุณอนยูไปกับเจ้านายเถอะครับ”ลุงไสวบอกด้วยความเกรงใจเจ้านายเช่นกันรีบกุลีกุจอรับอุบกรณ์ในมือนายน้อยไปถือไว้ได้ยินดังนั้นชายหนุ่มจึงกล่าวขอตัวแล้วยอมเดินตามมินโฮไป และเมื่อห่างจากลุงทั้งสองแล้วชเวมินโฮก็ไม่ปล่อยโอกาสให้ผ่านไปเปล่าๆมือใหญ่ยื่นไปจับมือเล็กของจินกิเหมือนเมื่อเช้า

    “เอ่อ  มินโฮ ไม่ต้องจับก็ได้ฉันไม่หนีหรอ..”พูดยังไม่ทันจบสายตาดุๆก็ถูกส่งมาให้ ตามใจฉันสักครั้งได้มั้ยที่รัก

    “...”และก็เป็นจินกิที่ต้องยอม

    ทั้งสองหนุ่มสาว(?)เดินจับมือกันมาได้สักพักก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเจอสิ่งที่มินโฮบอกจะให้ดู นี่ก็เดินมานานจนเริ่มเมื่อยแล้วนะจะเดินไปอีกนานมั้ยมองไปทางไหนก็มีแต่ต้นส้มและส้มจะให้ดูอะไรกันแน่(วะ)จินกิเริ่มบ่นในใจจนอดไม่ได้สะบัดมือให้หลุดจากการเกาะกุมของมือใหญ่

    “มินโฮ! นี่!นายน่ะจะเดินไปอีกไกลมั้ย ฉันเหนื่อยแล้วนะ”จินกิไม่ไหวจะวีนแล้ว

    ชายหนุ่มหันกลับมามอง หน้าสวยมีเหงื่อไหลอาบตามแก้มคงจะเหนื่อยจริงๆ

    “ถึงแล้ว”เขาตอบจินกิเริ่มหันไปมองรอบๆที่นี่ก็คือท้ายไร่สุดเขตแดนของไร่ระฆังทองและถัดข้างหน้าก็เป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ไม่เห็นมีอะไรเลยเนี่ยนะที่พาฉันถ่อสังขารมาเพื่อดูแค่นี้อ่ะนะชเวมินโฮต้องบ้าไปแล้วแน่ๆนี่อนยูลีจินกิต้องมีสามีเป็นคนบ้างั้นเหรอ

    “บ้าหรือเปล่า พาฉันมาดูที่ดินร้างเนี่ยนะ”อดต่อว่าไม่ได้

    “ใจเย็นก่อนสิจินกิฟังฉันก่อน”มินโฮตอบอย่างใจเย็นถือโอกาสรวบเอวบางเข้าหาตัวจินกิขืนตัวไว้แต่ก็ไม่สำเร็จจึงตั้งท่าจะโวยวายแต่ถูกปลายนิ้วของอีกฝ่ายแตะริมฝีปากห้ามไว้ก่อนเสียงทุ้มจะกล่าวออกมา

    “ที่ดินร้างข้างหน้าอีกไม่นานมันจะเป็นของเรา ที่ฉันหายไปทั้งวันก็เพราะเรื่องนี้แหละฉันกำลังเจรจาซื้อที่ดินผืนนี้อยู่”

    “ซื้อที่ดิน นายจะขยายไร่ส้มอีกเหรอ”มินโฮส่ายหน้า

    “ฉันตั้งใจจะปลูกอย่างอื่นน่ะ ฉันจะปลูกสตรอเบอรี่ “

    “เห!?  สตรอเบอรี่ในที่แบบนี้น่ะเหรอ เป็นไปไม่ได้หรอกมินโฮ”ใช่มันเป็นไปไม่ได้จะปลูกผลไม้เมืองหนาวในเขตร้อนเป็นไปไม่ได้แต่มินโฮกลับยิ้ม

    “ทำสิ่งที่ยากให้เป็นไปได้น่ะมันท้าทายออกนะนายไม่คิดว่ามันน่าสนใจเหรอจินกิ” มันก็จริงจินกิเองก็ยอมรับแต่มันจะยากไปมั้ยมินโฮ

    “พ่อฉันเองก็ทำไร่สตรอเบอรี่เหมือนกันแต่ทำอยู่เมืองนอกแต่ฉันจะปลูกที่นี่ตรงหน้าเรานี่แหละ มาทำด้วยกันนะจินกิ ไร่สตรอเบอรี่เมืองร้อนของเราสองคน”ชายหนุ่มหันมาสบตาคนที่อยู่ข้างกายอย่างมีความหมาย

    “แต่ฉันไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้”

    “ไม่เห็นเป็นไรเลยเราเรียนรู้ได้ การเรียนรู้มันไม่มีที่สิ้นสุด”จินกิพยักหน้ายอมรับกับคำพูดของมินโฮแต่ก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจอยู่ดี

    “ฉันอาจเป็นภาระให้นายได้นะ..”ริมฝีปากอิ่มถูกปิดด้วยนิ้วของร่างสูงอีกครั้ง

    “ฉันไม่เคยคิดว่านายเป็นภาระเลยนะฉันดีใจที่มีนายอยู่ข้างๆแบบนี้แค่มีนายคอยยิ้มให้ฉันก็หายเหนื่อยแล้ว”และที่นายยังไม่รู้ก็คือฉันรักนายอยากให้นายอยู่ข้างๆตลอดไป

    ฉัน เอ่อ..เอ่อ”จินกิไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดีแต่ที่รู้ตอนนี้ก็หัวใจมันเริ่มเต้นแรงอีกแล้วก็มินโฮพูดแบบนี้เหมือนกับว่าตัวเรามีความหมายกับเขานะสิ

    “มาทำด้วยกันเถอะนะ  จินกิ เรามาก้าวไปด้วยกันเถอะนะ”น้ำเสียงของมินโฮช่างทุ้มน่าฟังแต่ก็หนักแน่นแล้วยังแววตาของเขาอีกที่มองสบมาอย่างมีความหมายและดูมุ่งมั่นในคราวเดียวกัน น่าเชื่อเหลือว่าเกินสิ่งที่เขากำลังจะทำเขาต้องทำมันได้จริงๆ

    “ฉัน  เอ่อ.คือ ฉัน  ฉัน..”

    ก้มหน้าก้มตาอ้ำอึ้งไม่เป็นภาษามือบางยกขึ้นมากุมแหวนที่ห้อยยาวมาจนถึงกลางอกด้วยความลืมตัวที่อยากกุมไว้ไม่ใช่แหวนหรอกนะแต่เป็นสิ่งที่อยู่ลึกลงไปสิ่งที่กำลังเต้นแรงอยู่ภายในอกหัวใจดวงน้อยที่กำลังหวั่นไหวกับสายตาและคำพูดนั่น ไม่ทันได้ตอบอะไรก็ถูกมือแข็งแรงเชยคางให้เงยมาสบตากันตรงๆก่อนจะโน้มใบหน้าคมสันลงมาจินกิเห็นและรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่แปลกจังแทนที่จะขัดขืนหรือหลบเลี่ยงเขากลับหลับตาลงรับสัมผัสแสนหวานจากริมฝีปากของมินโฮและตอบรับแม้จะไม่ค่อยเป็นก็ตาม ต้องเป็นเพราะบรรยากาศพาไปแน่ๆจินกิถึงเป็นได้ขนาดนี้แล้วยังจะคำพูดของมินโฮอีกล่ะ จนพอใจแล้วร่างสูงถึงได้ถอนริมฝีปากออกแต่กว่าเขาจะพอใจก็เล่นเอาร่างบางถึงกับอ่อนแรงซบลงกับอกแกร่งของชายหนุ่มทันทีแขนทั้งสองโอบรอบคอคนตัวสูงกว่าเพื่อเป็นที่พึ่งมินโฮโอบกระชับร่างบางขึ้นอีก

    “ถือว่านี่คือคำตอบตกลงนะจินกิ” ก้มลงกระซิบที่ข้างหูเบาๆได้ยินดังนี้ร่างบางก็ดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดโวยวายทันทีทั้งๆที่หน้าแดงอย่างนั้น

    “เฮ่ย! ได้ไงกัน ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงสักคำเลย อย่ามาทึกทักเอาเองนะ คนหน้าไม่อาย”มินโฮหัวเราะในลำคอเบาๆด้วยความพอใจกับท่าทางน่ารักของคนตัวเล็ก

    “งั้นก็ตอบมาสิ  เรามาทำด้วยกันนะจินกิไร่สตรอเบอรี่ของเราสองคนมันต้องเป็นจริงได้แน่ๆถ้าเราช่วยกัน มาอยู่เคียงข้างฉันนะจินกิ เรามาเดินไปพร้อมกันนะ”มินโฮกล่าวชวนอีกครั้งด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มหูน่าฟังยิ่งกว่าเดิม

     “อะเอ่อ”

    “คำตอบ...” สองมือใหญ่จับมือเล็กไว้บีบเบาๆ

    “อือ” จินกิครางรับในลำคอเพียงเบาๆแต่แค่นี้ก็เพียงพอที่ชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ตรงหน้าจะได้ยิน ชเวมินโฮฉีกยิ้มด้วยความยินดีรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังพองโตคับอกเขาดึงร่างบางเข้าหาอ้อมอกอีกครั้ง

    “ขอบใจนะจินกิ จุ๊บ”

    จุมพิตที่หน้าผากจินกิทีนึง

    “เหม็นเหงื่อจัง แต่ก็ชื่นใจแฮะ  อุ๊บ!”กล่าวอย่างอารมณ์ดีแล้วก็โดนกำปั้นเล็กทุบอกเข้าให้ทีหนึ่ง

    “เจ็บนะจินกิ ทำร้ายสามีตัวเองได้ไง”

    “เพราะใครกันล่ะพาฉันเดินมาไกลขนาดนี้ร้อนก็ร้อนเหนื่อยก็เหนื่อย”จินกิโวยวายสะบัดร่างให้หลุดจากอ้อมกอดของร่างสูงพอหลุดได้ก็รีบก็เดินหนีด้วยความเร็วมินโฮรีบสาวเท้าตามให้ทัน

    “จินกิ รอด้วยสิ  จินกิยา จินกิที่รัก รอสามีด้วยสิ” ร่างบางหยุดกึกหันกลับมามอง(แกล้ง)ตาขวางทั้งที่หน้ายังขึ้นสีอยู่

    “ว่าอะไร ชเวมินโฮใครที่รักนาย ใครสามีใคร”

    “หึ ไม่ต้องเขินหรอกน่าจินกิ เมื่อกี้นายตกลงรับฉันเป็นสามีแล้วนะ”

    “หา!?ตกลงตอนไหน มั่วอีกแล้วนะมินโฮ”

    “ก็เมื่อกี๊ฉันพูดว่า มาอยู่เคียงข้างฉันนะมันก็แปลว่าจะรับฉันเป็นสามีมั้ยไงล่ะแล้วจินกิก็ตอบตกลงจำไม่ได้เหรอ”
    มินโฮตอบหน้าตาเฉยมาก(มึนจริงๆนะ)

    “นาย..นายนี่..มัน”ชี้หน้าหล่อๆค้างพูดไม่ออกสิจินกินายตกหลุมชเวมินโฮจนได้  อ้ากสส์ คนเจ้าเล่ห์

    “ตอนเขินน่ารักจังเลย จินกิ จับได้แล้ว” ทันทีที่เผลอร่างบางก็ถูกคว้าหมับ

    “อ๊ะ!”ร้องตกใจที่ถูกจับได้อุตส่าห์จะหนีแล้วแท้ๆแต่ยังไงก็ไม่มีทางหนีคนๆนี้พ้นสักทีหลายครั้งที่อยากจะขัดขืนอยากปฏิเสธแต่ทุกครั้งที่ใกล้กันก็เหมือนมีแรงอะไรบางอย่างทำให้ลีจินกิคนนี้สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองและสุดท้ายก็ต้องยอมในที่สุดเหมือนเมื่อครู่ที่ยอมให้จูบโดยง่ายดายแม้จะยอมรับกับตัวเองว่าทุกสัมผัสที่ได้รับจากมินโฮคนนี้จินกิไม่รู้สึกรังเกียจเลยตรงกันข้ามกลับรู้สึกดี รู้สึกอบอุ่นไปถึงหัวใจเลย

    -///-  แค่นึกถึงภาพเมื่อกี้ก็เริ่มเสียศูนย์แล้ว จินกิเอ๊ย!

    “ปละ ปล่อยนะมินโฮ”

    “ไม่ปล่อย จับได้แล้วไม่มีทางปล่อยเด็ดขาด”ตอบตวัดแขนแกร่งโอบกอดร่างบาง

    “ไม่ปล่อยใช่มั้ย นี่แน่ะๆๆๆๆ”ทั้งดิ้นทั้งทุบทั้งข่วนประเคนใส่ร่างสูงเป็นพัลวันมินโฮเองก็รีบหลบเช่นกันและอาศัยจังหวะเผลอเข้าสวมกอดร่างบางไว้ทางด้านหลังไว้แน่นจินกิยังคงดิ้นไม่หยุดปากก็ร้องโหวกเหวกโวยวาย

    “ปล่อยน๊ะ ปล่อยช้านนน!”

    “หยุดดิ้นก่อนสิแล้วจะปล่อย” เสียงทุ้มบอกที่ข้างหูได้ผลร่างบางหยุดดิ้นทันทีแต่อ้อมแขนแข็งแรงกลับยังไม่ยอมปล่อยจินกิอดไม่ได้เอี้ยวตัวกลับไปว่า

    “ปล่อยสักทีสิ”

    “ปล่อยก็ได้จ๊ะที่รัก”มินโฮทำเสียงทะเล้นแต่จะปล่อยเฉยๆก็กระไรอยู่

    ฟอดด!!

    ขโมยหอมแก้มฟอดใหญ่ก่อนปล่อยแล้วรีบวิ่งหนีชายหนุมหัวเราะเสียงดังลั่นที่ได้แกล้งคนตัวเล็ก

    =///= “อ้าก!ชเวมินโฮ้ชั้นจะฆ่านาย” มือกุมพวงแก้มที่โดนขโมยหอมเมื่อกี้สาวท้าววิ่งตามร่างสูงขู่เสียงดัง

    “ฮะฮ่าฮ่าๆๆตามมาดิ จินกิ” คนโดนขู่หัวเราะลั่นไม่ได้กลัวเลยสักนิด

    “ถ้าจับได้จะยอมให้หอมคืนอ่ะ”

    “ไม่เอา!ใครเขาอยากหอมนายเล่า”ตะโกนเสียงดังพยายามวิ่งไล่ร่างสูงให้ทัน

    มินโฮหยุดเหมือนจะรอแต่พอจินกิเข้ามาใกล้ก็อาศัยความเร็วที่เหนือกว่าคว้าร่างบางมาและขโมยหอมแก้มอีกฟอด (ว้าก ช้ำหมดแล้วเต้าหู้ของชั้น)

    “อื้อ ไม่เอาแล้วไม่เล่นกับนายแล้วเลิกเล่นๆ”จินกิเป็นฝ่ายเอ่ยปากยอมแพ้มือลูบแก้มป้อยๆรู้ว่ายังไงก็ตามมินโฮไม่ทันและก็กลายเป็นตัวเองที่เปลืองตัวไม่รู้ทำไมอยู่กับคนๆนี้ที่ไรเต้าหู้กลายเป็นคนงุ่มง่ามทำอะไรไม่ทันเขาทุกที

    “ว้าเลิกแล้วเหรอยังสนุกอยู่เลย ยังอยากหอมแก้มนายอีก”

    “มินโฮนายแกล้งฉัน ฉันจะโกรธนายแล้วนะ”ว่าพลางกอดอกเชิดหน้าอมลมแก้มป่องมินโฮก็เลยต้องรีบเข้ามาง้อคนน่ารักสักหน่อยที่จริงก็แกล้งวางท่าไปงั้นแหละไม่ได้โกรธจริงหรอก

    “โอ๋ จินกิ ขอโทษอย่าโกรธเลยน้า ไม่แกล้งแล้ว” โอบกอดร่างบางที่ยืนกอดอกพร้อมส่งสายตาออดอ้อน

    “...”

    “จินกิ น้า น๊ะ”

    “..ก็ได้ ห้ามแกล้งฉันอีกนะ ไม่งั้นจะไม่คุยกับนาย” จินกิยื่นคำขาดมินโฮพนักหน้ารับ

    “ครับผมคุณภรรยา”รับคำหนักแน่นกระชับวงแขนขึ้นอีก

    “ปล่อยเลยไม่ต้องมากอดด้วย”

    “คร้าบ”ยอมปล่อนตัวเล็กให้เป็นอิสระด้วยความเสียดาย เอาน่าโอกาสหน้ายังมี แต่ตอนนี้ขอจับมือจินกิคงไม่ว่าหรอกนะ

    “จินกิ”เรียกเสียงทุ้มมือใหญ่ยื่นมาตรงหน้าร่างบาง จินกิมองหน้าหล่อกับมือสลับกันไปมา เอาไงดีหว่าจับดีไม่จับดี จะมีความหมายอะไรแอบแฝงอีกมั้ยมินโฮ

    “กลับกันเถอะเย็นแล้ว”เอ่ยชวนอีกครั้งแต่ดูเหมือนจินกิยังลังเลอยู่ชายหนุ่มไม่ปล่อยให้คนน่ารักต้องคิดนานมือใหญ่ถือวิสาสะคว้ามือบางมาจับไว้แล้วแล้วเดินนำทันที

    “ม มินโฮ”อ้าปากพูดได้แค่นั้น

    แปลกจังเหมือนวันนั้นเลยนะแล้วก็เมื่อเช้านี้ด้วยแต่ไม่ว่าตอนไหนความรู้สึกที่ได้รับจากฝ่ามือนี้ก็ให้ความรู้สึกดีและอบอุ่นเหมือนเดิมไม่สิมันเหมือนจะเพิ่มขึ้นทุกครั้งจนใครบางคนลืมความตั้งใจในตอนแรกของตัวเองไปเสียสิ้นความตั้งใจที่จะทำให้ใครอีกคนเกลียดขี้หน้าจนต้องถอนหมั้นยกเลิกการแต่งงานแต่ตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามาอยู่ที่บ้านไร่ระฆังทองแห่งนี้ อนยู ลีจินกิก็ถูกชเวมินโฮปั่นหัว(ใจ)เข้าให้อย่างจัง สงสัยว่าจินกิคงจะหนีไม่พ้นเป็นแน่คงต้องตกหลุมรักมินโฮเข้าให้แล้วซะล่ะมั้ง......





    TBC .


    อย่าลืมเม้นต์นะจ๊ะรีดเดอร์ที่น่ารักทุกคน
    ขอบคุณล่วงหน้าค่า

    정말 감사합니다

    사랑해요 Readerทุกคนจ้า

    장언 เน่อ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×