ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาวบ้านไร่

    ลำดับตอนที่ #6 : First Kiss ของอนยู

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 410
      6
      19 พ.ค. 54

    บรรยายประสบการณ์โดย ลีจินกิ

    “อูยยยย แสบแฮะ”

    ผมครางทันทีที่หย่อนกายลงในอ่างอาบน้ำแล้วแขนเปียกน้ำ แขนที่เต็มไปด้วยรอยถลอกแต่แผลแค่นี้สบายมาก วันนี้ผมทำงานหนักทั้งวันแต่ก็ไม่รู้สึกว่ามันหนักหนาอะไรเพราะผมเคยลำบากมาแล้วถึงจะไม่มากที่สุดเพราะคนที่ลำบากกว่าผมมากก็มีแต่มันก็พอสมควรล่ะ เหนื่อยมาทั้งวันผมตั้งใจจะแช่น้ำให้สบายใจ และผมก็นั่งแช่น้ำเอาหัวพาดขอบอ่างอาบน้ำอยู่อย่างนั้นรู้สึกสบายตัวแต่ในหัวผมกลับสับสนไปหมดกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เฮ้อ! วันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายจริงๆ เริ่มตั้งแต่ตื่นนอนเลยก็ว่าได้ เมื่อเช้าตื่นมาเจอชเวมินโฮอยู่ในห้องผมแล้วหมอนั่นยังพาผมเดินไปไร่พาไปแนะนำตัวกับคนงานในไร่ของเขาเรียกว่าเปิดตัวก็คงไม่ผิด

    ทุกคน ฉันขอแนะนำนี่คือคุณลีจินกิ เป็นคู่หมั้นฉัน

    ประโยคนี้ที่เขาแนะนำผมกับคนงานมันก็น่าปลื้มนะ(เอ๊ะ)ถ้าคนๆนั้นที่ถูกแนะนำไม่ใช่ผมแต่ผมก็ยอมรับในความใจกล้าหน้าด้านของมินโฮนะที่กล้าเปิดเผยแม้จะมีกระแสต่อต้านแต่เขาก็ไม่แคร์

    แล้วเรื่องผมหลงทางในไร่

    เฮ่อ! คิดแล้วก็อาย จะมีใครเหมือนผมมั้ยเนี่ยหลงทางได้ยังไงเขาใหญ่ก็ไม่ว่าหรอกแต่นีมันไร่ส้มนะ อ๊ะอย่างน้อยก็มีคุณป้า อุ้ย! นูน่าไรเตอร์จังออนอีกคนแหละน้า(เดี๋ยวเถอะอน)

    ตอนนั้นถ้าคนที่ไปเจอผมไม่ใช่มินโฮ ผมจะเป็นยังไงนะ ผมอาจกลายเป็นผีเฝ้าไร่ไปแล้วก็ได้

    ผมควรจะขอบคุณเขาใช่มั้ยที่เขาช่วยผมแต่ต้นเหตุที่ทำให้ผมต้องเตลิดไปจนหลงทางก็เขาอีกนั่นแหละ ผมโกรธนะที่เขาลบเบอร์เพื่อนๆผม และตอนนี้ก็ยังโกรธอยู่แต่ถ้าเขามาขอโทษผมควรจะให้อภัยเขาดีมั้ย แต่ถ้าเขาไม่ขอโทษล่ะ ผมจะทำยังไงจะทำตัวกับเขาปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือจะปั้นปึ่งไม่พูดกับเขาดีงั้นก็อึดอัดแย่สิ

    แต่ที่ยังไม่เข้าใจก็คือทำไมมินโฮต้องลบเบอร์เพื่อนๆผมแล้วที่ห้ามติดต่อกับคนอื่นอีก โอย!ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ

    “เฮ่อ!

    ผมถอนหายใจขยับตัวเอาแขนพาดบนขอบอ่างน้ำและเกยคางไว้บนแขนอีกที หลับตานึกถึงคุณพ่อทั้งสองคนที่อยู่บนสวรรค์

    “คุณพ่อครับผมจะทำไงดี ผมควรทำไงต่อไปดี”

    “ฟู่!

    ผมพ่นหายใจออกทางปากเผื่อมันจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง ไม่เข้าใจตัวเองเลยผมกำลังกังวลเรื่องอะไรกันแน่ บางทีก็รู้สึกประมาณว่าภรรยากำลังงอนรอสามีมาง้องั้นแหละ

    “เอ๊ะ! นั่น”

    ผมลืมตาขึ้นมาและสะดุดตากับอะไรบางอย่างที่กำลังส่องประกายอยู่บนขอบอ่างล้างหน้า แหวนเพชรวงนั้นที่ผมถอดออกและวางทิ้งไว้อย่างไม่ใยดีตั้งแต่เมื่อวาน อยู่นั่นเองเหรอ

    ผลลุกไปหยิบแหวนและกลับมานั่งแช่น้ำต่อ ผมมองพิจารณา มันสวยนะผมไม่รู้หรอกว่ามูลค่าของแหวนวงนี้เท่าไหร่ขึ้นชื่อว่าเพชรมันต้องแพงอยู่แล้วยิ่งน้ำงามขนาดนี้ไม่ต้องพูดถึงแต่สำหรับผมมันเหมือนไม่มีค่ามีความหมายอะไรเลย เพราะมันเป็นแหวนที่ผูกมัดผมกับมินโฮแหวนที่แทนคำมั่นสัญญาว่าเราจะแต่งงานกันซึ่งมันไม่ใช่ความต้องการของผม

    “แกนี่น่าสงสารจังนะ”

    ผมพูดยิ้มเยาะใส่แหวนเพชร(ไม่ได้บ้านะ)แล้วก็สวมมันเข้าที่นิ้วนางข้างซ้าย

    มันคงเป็นเรื่องบังเอิญที่มันพอดีกับนิ้วผม แหวนวงนี้เดิมทีต้องเป็นของคุณแม่แล้วมือผู้หญิงก็ต้องเล็กอยู่แล้ว แหวนที่จะให้คุณแม่แต่พอดีนิ้วผมหรือว่าจะเป็นพรหมลิขิตที่ต้องการให้แหวนวงนี้เป็นของผม ลิขิตให้ผมเป็นคู่หมั้นมินโฮ

    ว้าก!บ้าแล้วอนยูคิดอะไรนี่

    -///-หน้าผมเอง

    ผมรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาซะเฉยๆก็จู่ดันนึกถึงตอนที่เจอมินโฮครั้งแรกก็เมื่อวานนี้เองตอนที่หมอนั่นเห็นแหวนวงนี้ในมือผมแล้ว...แล้ว...เขาก็จูบมือผม

    นอกจากจะรู้สึกหน้าร้อนวูบวาบแล้วตอนนี้หัวใจผมยังเต้นแรงด้วย ผมเป็นอะไรไปเนี่ยตั้งแต่เจอกับมินโฮผมมีอาการแบบนี้หลายครั้ง พี่ศิราณีผมเป็นอะไรไปครับ



    แกรก (เสียงประตูจ้า)

    “อู้ยย!

    ผมอุทานผงะถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ก็ตกใจนี่นาพอเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำก็เจอร่างสูงๆของมินโฮอยู่ในห้องผมเขายืนมองออกไปนอกหน้าต่างพอได้ยินเสียงผมก็หันมา ผมรู้สึกว่าหน้าเขามีแววกังวลนะแต่ผมกังวลมากกว่าเขาอีก นึกอยากเข้าห้องผมตอนไหนก็เข้ามากลัวนะถ้าเกิดวันใดวันนึงเขาเกิดหน้ามืดหื่นจัดเข้ามาปล้ำผมจะทำยังไง(ยอมดิ:ไรเตอร์ ไม่นะ:อน ถ้าอนไม่ยอมไรเตอร์ยอมมินโฮเอง: ไรเตอร์ ไม่ได้นะนั่นว่าที่สามีผม อ้าวอิอน)แล้วตอนนี้สภาพของผมก็มีแค่เสื้อคลุมตัวเดียวคลุมกายอยู่ ไม่ปลอดภัยอย่างแรง

    “ฉันมีเรื่องคุยกับนาย”

    “อืม ขอใส่เสื้อผ้าก่อน นายออกไปก่อนได้มั้ย”

    ผมบอกพยายามทำเสียงให้เรียบที่สุดให้รู้ว่าผมยังไม่หายโกรธ

    “ก็ใส่ไปสิผู้ชายด้วยกัน อายอะไร ฉันไม่แอบดูหรอกน่า”

    ข้อนั้นฉันรู้แต่เพราะเป็นนายไงล่ะชเวมินโฮ

    “ถ้านายไม่ออกไปฉันก็จะไม่คุยกับนาย”

    ผมยื่นคำขาดและมันก็ได้ผลมินโฮยกมือสองข้างเป็นสัญญาณว่ายอมแล้ว

    “โอเคๆ เสร็จแล้วเรียกด้วย”

    เขาบอกแล้วเดินออกไปผมรีบเดินตามล็อคประตูทันทีจากนั้นก็ถอดแหวนไปวางไว้ข้างโคมไฟหัวเตียงวางไว้ตรงนี้น่าจะดีกว่าใส่ไว้ที่นิ้วผมกลัวมินโฮจะมาทำรุ่มร่ามกับผมเหมือนเมื่อวานอีก(แหมรักนวลสงวนตัวจริ๊ง:ไรเตอร์) จากนั้นก็หาเสื้อผ้าในตู้ผมเลือกชุดที่คิดว่าปลอดภัยที่สุดเสร็จแล้วก็เดินไปที่ประตูต้องทำสีหน้าให้ตึงเข้าไว้ ฉันยังโกรธนายมินโฮ ผมค่อยๆบิดลูกบิดเปิดประตูโผล่ออกไปแค่หน้าตั้งใจจะไม่ให้มินโฮเข้าห้อง

    “มินโฮ” ว้าก!เผลอเรียกซะเสียงหวานเชียวไม่ได้ต้องทำเสียงเข้มเข้าไว้

    “นายมีอะไรก็ว่ามาฉันพร้อมจะฟังแล้ว”

    “ขอเข้าไปข้างในได้มั้ย”

    ไม่รอคำตอบจากผมนายโย่งก็แทรกกายอันสูงโปร่งเข้ามาในห้องผมเรียบร้อยและเรากำลังยืนประจันหน้ากันอยู่กลางห้องก็ว่าได้

    “มีอะไรก็ว่ามาฉันง่วงแล้ว”

    ผมบอกขาก็พยายามจะก้าวออกห่างมินโฮอีกนิดแต่ก็ถูกเขารั้งไว้

    “เรื่องวันนี้ ฉันขอโทษนายด้วย ฉันรู้ฉันทำเกินไปจริงๆ ฉัน

    “...” ผมสบตาเขานิ่งรอฟังว่าจะพูดอะไรต่อ

    “ขอโทษที่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวนายมากเกินไปขอโทษที่เอาแต่ใจมากเกินไป นายยกโทษให้ฉันสักครั้ง...ได้มั้ย”

    มินโฮกล่าวทั้งน้ำเสียงสีหน้าแววตาจริงจังเขาคงสำนึกผิดแล้วจริง

    “นายสำนึกผิดจริงๆ� งั้นเหรอ”

    ผมกอดอกเอียงคอถามทำเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดทั้งๆที่นี่คือสิ่งที่ผมต้องการและรออยู่

    “อืม ยกโทษให้ฉันได้มั้ยจินกิ” เสียงอ่อนลงกว่าเดิม

    “...” ผมครุ่นคิดชั่งใจ(เปล่าเล่นตัวนะ)

    “จินกิ” เริ่มใจอ่อนแล้วฮะพี่น้อง

    “ก็ได้ ครั้งนี้ฉันจะยกโทษให้”เห็นแก่ที่นายช่วยฉันหรอกนะ

    “ขะขอบใจจินกิ ขอบใจนายมาก” แหมเสียงใสขึ้นมาเชียวนะแถมยิ้มซะกว้างอีกต่างหากดีใจอะไรขนาดนั้นชเวมินโฮ

    “เฮ่ย!

    แค่บอกขอบใจก็พอแต่มินโฮมือไวชะมัดเขาจับมือผมด้วย ไม่ได้รังเกียจนะแต่บอกตรงๆมันทำให้ผมเกิดอาการแบบว่าใจเต้นแรงหน้าร้อนอีกแล้ว ผมก้มหน้าทันทีกลัวว่านายโย่งจะเห็นว่าหน้าผมแดง ผมค่อยๆดึงมือกลับดีที่มินโฮยอมปล่อยง่ายๆ

    “จินกิ ฉันขออะไรอย่างได้มั้ย” เพิงจะยกโทษให้แหมบๆยังกล้ามาขออีก

    “อะไรอีกล่ะ” ผมถามไม่ยอมเงยหน้ามองเขา

    “ให้ฉันเรียกนายว่าจินกิได้มั้ย”

    “ตามใจเถอะ อยากเรียกฉันว่าอะไรก็ตามใจ ถึงจะเรียกชื่อไหนฉันก็คือฉันอยู่ดี”

    ผมตอบ ยังไงนายโย่งก็เรียกผมว่าจินกิอยู่แล้วนี่และถึงผมไม่อนุญาติเขาก็เรียกผมแบบนี้อยู่ดี

    “ขออีกอย่างนะจินกิ” อะไรอีกล่ะมินโฮนายชักจะโลภมากเกินไปแล้วนะได้คืบจะเอาศอก

    “แค่ฉันคนเดียว”

    “อะไรของนายอีกล่ะ” ผมงงไม่เข้าใจ

    “ฉันเรียกนายว่าจินกิได้คนเดียวห้ามให้คนอื่นเรียกนายแบบนี้ ได้รึเปล่าเป็นจินกิของมินโฮคนเดียว”

    “ตามใจสิ”ผมตอบเริ่มรำคาญนิดๆมินโฮเอาแต่ใจอีกแล้วที่ยกโทษให้เมื่อกี้เปลี่ยนใจได้มั้ย เป็นจินกิของมินโฮคนเดียวมันจะดูพิเศษเกินไปรึเปล่าคนอื่นจะเข้าใจผิดไหมหว่า

    “ขอบใจนะ จินกิน่ารักจังขอหอมที”

    “อ๊าก!อย่าาา” =[]=’

    ไม่พูดเปล่ามินโฮยังโน้มตัวมาใกล้ทำท่าจะหอมแก้มผมเหมือนที่พูด ผมเอนตัวไปข้างหลังจะหลบสองมือยกขึ้นมากันแต่

    “ว้าก!

    “จินกิ!

    เพราะเอนมากไปเลยเสียหลักจะหงายหลังผมหลับตาปี๋ส่วนแขนก็ไขว่คว้าหาที่ยึดและกอดไว้แน่น....ไม่ล้มแฮะ ผมค่อยๆลืมตาเป็นมินโฮที่คว้าตัวผมไว้ทันแต่ไม่อยากบอกเลยตอนนี้ผมกับมินโฮอยู่ในท่าไหนตัวผมเอนไปข้างหลังแผ่นหลังเกือบขนานกับพื้นโดยมีแขนของมินโฮรั้งเอวไว้ส่วนแขนผมกอดคอมินโฮไว้หน้าเราสองคนใกล้กันมาก มากเกินไปแล้วผมรู้สึกได้ว่าลมหายใจอุ่นๆของเขารดแก้มผมอยู่จนผมต้องเบือนหน้าหนีไม่กล้ามองสบตาตรงๆแล้วรีบชักแขนที่โอบคอเขากลับ

    “ฮื้มม หอมจัง”

    หา!ว่าอะไรนะ ผมหันกลับมามองหน้ามินโฮไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร

    “ตัวนายหอมจัง”

    ก็แน่ล่ะสิอาบน้ำตั้งนานกลิ่นสบู่มันก็ต้องติดตัวมาบ้างแหละ ผมตอบในใจ

    -///-�� ยอมรับว่าเขินจริงๆผมเปล่าคิดอะไรกับนายโย่งนะแค่ไม่เคยมีใครพูดแบบนี้กับผมเท่านั้นเอง

    “ม มินโฮ ปละปล่อยฉันได้แล้ว”

    “แน่ใจนะจินกิ” มินโฮถามย้ำ

    “อื้อๆ” ผมตอบพร้อมพยักหน้ามินโฮจึงคลายอ้อมแขนที่รั้งเอวผมและ

    “เหวอ!

    ผมเกือบหงายหลังอีกรอบมือผมรีบคว้าหาที่ยึดและกอดไว้แน่นยิ่งกว่าเดิมผมลืมไปว่ายังอยู่ในท่าเข้าพระเข้านางอยู่และแล้วก็กลับมาอยู่ในท่าเดิมและใกล้ยิ่งกว่าเดิม

    “ฉันเตือนนายแล้วนะจินกิ” เสียงทุ้มๆดังอยู่ข้างหูผมลืมตาโผลงทันทีรีบยันตัวยืนให้มั่นคงแล้วขืนตัวออกจากอ้อมกอดนั่นโดยเร็วรู้สึกจะได้ยินเสียงมินโฮหัวเราะนะพอใจมากรึไง

    “นาย...นายแกล้งฉันมินโฮ” ผมโวยวายแต่ทำไมเสียงอู้อี้พิกล

    “เปล่านะฉันช่วยนายต่างหาก ก็นายจะล้มไม่ใช่เหรอ หึหึ”

    แล้วที่ฉันจะล้มเนี่ยเพราะใครล่ะ ที่บอกยอมให้อภัยนายนี่ผมเปลี่ยนใจทันมั้ย

    “นี่งอนเหรอ จินกิ”

    “เปล๊า!ทำไมต้องงอนด้วย”

    ผมตอบค้อนให้นายโย่งทีนึงทำปากพองลมเดินไปนั่งที่ขอบเตียงพลางออกปาก

    “พูดธุระของนายหมดแล้วใช่ไหม ฉันจะนอนแล้ว”

    “เดี๋ยวสิจินกิ” มินโฮร้องรีบสาวเท้าเดินมานั่งข้างๆ ผมรีบเขยิบออกให้ห่างทันที

    “อะไรอีกล่ะมินโฮนี่มันดึกแล้วนะ”

    “ไม่มีอะไรฉันก็แค่สงสัยว่านายมัวทำอะไรอยู่ในไร่ตั้งนานเป็นชั่วโมงรู้มั้ยตอนนั้นฉันเป็นห่วงนายมากนะ จนต้องสั่งให้คนงานช่วยออกตามหา”

    เป็นห่วงผมงั้นเหรอ งั้นพวกเขาตอนนั้นก็หมายถึงคนงานสินะพวกเขาทำงานเหนื่อยมาทั้งวันยังต้องมาเสียเวลาตามหาผมอีกงั้นเหรอ รู้สึกว่าตัวเองแย่จังทำให้คนอื่นเดือดร้อน

    “เปล่า ไม่ได้ทำอะไรแค่หลงทาง” ผมตอบเสียงอ่อย

    เอ๊ะ!แล้วผมบอกทำไมเนี่ยเรื่องน่าอายแบบนี้มินโฮต้องว่าผมโคตรโง่แน่ๆ ผมก้มหน้าไม่กล้ามองหน้าเขารู้สึกอับอายขายหน้ามากจริงๆ

    “คิดแล้วเชียว”

    หา! นายว่าอะไรนะชเวมินโฮ

    “ขวัญเอ๊ยขวัญมา”

    มินโฮดึงผมเข้าไปกอดลูบหัวเบาๆเรียกขวัญให้เหมือนผมเป็นเด็กๆ ผมที่มัวแต่นั่งก้มหน้าอยู่จึงเซซบกับอกแกร่งของเขาเต็ม ๆ มันก็ดีที่เขาไม่ว่าแถมปลอบใจอีก แต่นายมือไวไปมั้ยมันทำให้อนยูคนนี้เสียศูนย์นะแม้การกระทำของนายจะทำให้รู้สึกดีก็เหอะ

    “-///- ��แย่แล้วผมรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผลอีกแล้วเมื่อกี้ที่หนีมานั่งนี่ก็ยังไม่สงบดีเลยหมอนี่ยังตามมาป่วนอีก งือๆ คุณพ่อช่วยผมด้วย

    ผมดิ้นและผลักอกของมินโฮออกเบาๆแต่เขาไม่ยอมปล่อยแต่กอดผมไว้หลวมๆ

    “เอ๊ะ!นั่นแหวนหมั้นนี่”

    ผมมองไปที่แหวนที่ผมเป็นคนวางไว้เมื่อสักพัก

    “ก็ใช่แหวนหมั้นแล้วไง”

    “นายวางไว้อย่างนี้เหรอ”

    “อื้อ จ จะให้เก็บไว้ไหนได้ล่ะ”

    มินโฮปล่อยผมแล้วเอื้อมไปหยิบแหวนมาดูเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่แล้วก็ลุกเดินออกจากห้องผมไปโดยไม่พูดอะไรเขาคงเอาไปเก็บให้มั้ง ก็ดีผมจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบ แต่หมอนี่จริงๆเลยนึกจะไปก็ไปนึกจะมาก็มาไม่พูดไม่จาตามอารมณ์ไม่ทันเลย ไหนๆนายโย่งก็ยอมกลับไปแล้วนอนดีกว่า ผมเปิดไฟหัวเตียงแล้วลุกไปปิดไฟก่อนจะปีนขึ้นเตียงนุ่มๆ

    เอ….เหมือนผมลืมอะไรบางอย่างนะช่างเถอะนอนดีกว่าดึกแล้ว

    คิดดังนั้นผมก็ล้มตัวลงนอนกำลังจะเอื้อมมือไปปิดไฟที่หัวเตียง

    แอ้ด!ผ่างง!

    ประตูห้องของผมเปิดอีกครั้งพร้อมกับร่างสูงของมินโฮ

    “เฮ้ย! ม มินโฮ”

    กลับมาทำไมอีกเนี่ยเล่นเอาตกใจหมด นึกออกแล้วเมื่อกี้ลืมอะไรลืมล็อคประตูนี่เองพลาดจนได้อนยูเอ๊ยผมรีบยันตัวลุกนั่งทันที(ผมจะรอดมั้ยเนี่ย)

    “อ้าว!จินกิจะนอนแล้วเหรอ ขอเวลาแป๊บนึง”

    กล่าวเหมือนจะเกรงใจเลยนะ พร้อมกันนั้นร่างสูงก็ถือวิสาสะก้าวเข้ามาในห้องและมานั่งข้างๆผมบนเตียงพร้อมกับของบางอย่างในมือ

    “ฉันมีอะไรจะให้นาย” กล่าวเสียงทุ้มเชียว ผมไม่ถามแต่มองหน้าเขาแทน

    “นี่ไง” มินโฮว่าพลางโชว์ของในมือที่เขาเพิ่งไปเอามาจากห้องของเขาเป็นสร้อยเงินเส้นยาว

    “สร้อยเส้นนี้เงินแท้นะเป็นของคุณย่าฉันเอง”

    ปากก็พร่ำบอกสรรพคุณมือก็สาละวนร้อยแหวนหมั้นวงนั้นเข้ากับสายสร้อยแล้วหันมาหาผม

    “ฉันให้นาย ถ้านายไม่ชอบใส่ที่นิ้วใส่ไว้ที่คอได้ใช่มั้ย”

    มินโฮบอกพร้อมบรรจงสวมสร้อยที่คอให้ผมตอนแรกผมเบี่ยงตัวหลบจะปฏิเสธแต่ก็ถูกสายตาดุๆของนายเอเลี่ยนจ้องก็เลยต้องยอมแต่โดยดี

    แขนแข็งแรงของมินโฮเอื้อมผ่านไหล่ผมทั้งสองข้างมือทั้งสองยุกยิกอยู่ท้ายทอยผมอยากรู้สึกว่ามันจั๊กกะจี้นะแต่ที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่

    “ก้มหน่อยจินกิฉันใส่ไม่ถนัด”

    ผมทำตามอย่างว่าง่ายมินโฮเองก็ขยับเข้ามาใกล้อีกแล้วยังชะโงกหน้าเพื่อจะได้เห็นชัดๆจนไหล่เขาชนกับหัวผมที่ก้มอยู่ และมันก็ใกล้เกินไปอีกแล้ว

    หอมจัง

    ได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวมินโฮ คงเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จเหมือนผมกระมัง

    “เสร็จแล้ว แหวนวงนี้ฉันตั้งใจเลือกให้นายนะฉันอยากให้มันอยู่กับนายตลอด”

    มันสำคัญมากขนาดนั้นเลยเหรอมินโฮถ้ามันอยู่กับฉันแต่ฉันไม่ได้รักนายล่ะมันจะมีความหมายอะไร

    ผมมองดูแหวนเพชรที่ร้อยกับสร้อยเส้นยาว ยาวจนถึงกลางอก ผมเผลอยกมือขึ้นมาจับและกำแหวนไว้ที่อยากจับไว้ไม่ใช่แหวนหรอกแต่มันเป็นหัวใจของผมที่เริ่มเต้นแรงขึ้นมาอีกและกลัวว่ามันจะเต้นดังจนคนที่นั่งตรงหน้าผมได้ยิน

    “ชอบรึเปล่า จินกิ”

    “อ อืม...ขะขอบ ขอบ...” แค่จะบอกว่าขอบคุณตามมารยาททำไมมันพูดไม่ออกล่ะ

    “หืมม..ว่าไงนะจินกิ” มินโฮเอียงคอถามอมยิ้มมุมปาก

    “เอ่ออ..ขะขอบ อุ๊บ!

    ผมพูดยังไม่จบก็ถูกปิดปากด้วย...

    อะไรบางอย่าง อุ่นๆนิ่มๆ ใช่ลิ้นของมินโฮกำลังแทรกเข้ามาและเริ่มเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของผม เหมือนกำลังควานหาอะไรบางอย่างผมไม่รู้จะตอบโต้ยังไงดี แต่แค่นั้นมันก็ทำให้ผมวาบหวามไปทั้งกายรู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงที่มีค่อยๆหดหายเหมือนจะขาดอากาศหายใจในหัวของผมมันขาวโผลนไปหมดคิดอะไรไม่ออกเลยผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้กว่าลิ้นอุ่นๆค่อยถอนออกไปแล้วริมฝีปากอุ่นๆนั้นก็คลอเคลียอยู่กับริมฝีปากผมบดบี้และดูดเม้มเบาๆ ก่อนจะถอนริมฝีปากออก อา รู้สึกดีจัง

    “อือออ”

    เสียงครางเบาๆเหมือนจะเป็นเสียงผม

    “ทำหน้าแบบนี้เดี๋ยวฉันจะอดใจไม่ไหวนะจินกิ”

    เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นผมค่อยลืมตา(จำไม่ได้เหมือนกันว่าเผลอหลับตาตอนไหน)มินโฮจ้องมาที่ผมพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ผมตกอยู่ในอ้อมกอดเขาตอนไหนแล้วยังกอดตอบอีก

    “เอ่อ...” ผมรีบคลายวงแขนออกจากตัวมินโฮ รู้สึกเบลอๆแฮะ

    “นอนเถอะ ดึกมากแล้ว”

    มินโฮบอกผมทำตามอย่างว่าง่ายขยับล้มตัวลงนอนเขาช่วยห่มผ้าให้และ

    “ฝันดีนะจินกิ...จุ๊บ”

    บอกพร้อมก้มลงจูบที่หน้าผากผมเบาๆก่อนจะปิดไฟให้และเดินออกจากห้องไป

    อุ่นจัง

    ผมยกมือขึ้นแตะหน้าผากตรงที่ถูกจูบอย่างลืมตัว...ตอนนี้สมองผมยังทำงานไม่เต็มที่ แวบหนึ่งของความรู้สึกเหมือนคุณแม่ผมเลย ถึงผมกับน้องๆจะโตแล้วแต่คุณแม่ก็มักจะทำแบบนี้กับพวกเราเสมอ ต่างกันตรงที่คนๆนั้นเป็นมินโฮ เขาจูบที่ตรงนี้และ...

    ผมแตะริมฝีปากตัวเองภาพเมื่อครู่เริ่มฉายชัดในความคิด

    “อ๊ะ!...อ้ากกกก!

    ไม่จริงมินโฮจูบผม ไม่นะนั่นจูบแรกของผมเชียวนะแล้วทำไมผมไม่ขัดขืนล่ะยอมให้นายเอเลี่ยนจูบง่ายขนาดนั้นแล้ว..แล้ว..ยังเคลิ้มแถมครางซะเสียงดัง ฮือๆๆๆๆๆๆ

    เอาคืนมานะ มินโฮเอาจูบแรกของฉันคืนมา

    T^T

    Minho’s talk

    ����������� ผมปิดประตูห้องให้จินกิแล้วหยุดยืนพิงหลังกับประตูห้องนั้น ผมยกมือขึ้นทาบอกซ้าย

    ใจยังเต้นแรงอยู่เลยผมยังตื่นเต้นไม่หาย ผมจูบจินกิ...ความรู้สึกยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น...หวาน

    กังวลเหมือนกันจินกิจะโกรธผมมั้ยนะ ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนี้แต่พอเห็นริมฝีปากสีเชอร์รี่นั่นผมก็อดใจไม่ไหว ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองแต่ผมมั่นใจว่าผมได้จูบจินกิเป็นคนแรก เพราะเท่าที่ผมสืบมาเขายังไม่เคยมีแฟน และดูเหมือนเจ้าตัวจะเคลิ้มกับจูบของผมซะด้วย น่ารักจริงเชียว

    ผมยิ้มกับตัวเองเมื่อนึกถึงใบหน้าหวานๆที่หลับตาพริ้มในอ้อมกอด ผมแทบจะอดใจไม่ไหวต้องรีบออกมาจากห้องจินกิไม่งั้นผมอาจเผลอกดคนตัวเล็กนี่ก็ได้ ผมรู้ถ้าผมจะทำจริงๆมันง่ายมากแต่มันจะมีความหมายอะไรถ้าจินกิไม่ได้เต็มใจ และอีกอย่างผมได้ให้สัญญากับว่าที่แม่ยายไว้แล้ว ผมจะรอ รอ วันที่จินกิรักผมและยอมเป็นของผมด้วยความเต็มใจ



    TBC.



    จบไปอีกหนึ่งตอนยังคงเส้นคงวาสำหรับความมั่ว
    แต่ใหอภัยเถอะใจรักจริงๆ
    มันอาจจะน้อยไปนิดส์สำหรับฉาก Kiss
    คือไม่ไหวจะจิ้น มันเขินอ่ะ จิ้นๆจิ้มๆแล้วก็กลิ้งๆ
    โอยเขินแทนอน(เปล่าคิดว่าตัวเองเป็นอนนะ)
    สุดท้ายก็ไม่ก้าวหน้าสักทีเลยได้แค่นี้
    เหมือนเคยจ้าเมนต์ๆๆๆน้า
    จากตอนที่แล้วมีคนสงสัยว่าเฮียอนจำเบอร์ตัวเองมิได้จิงง่ะ
    จิงๆเฮียอาจจำได้แต่จังออนเองแหละที่จำมิได้
    พร่ำมาเยอะแล้วพอเถอะนะ
    Thank� you for� your comment.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×