คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : พายุเข้า
ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้วแต่ชเวมินโฮยังไม่กลับจากไร่ทำให้คนที่รออยู่เริ่มใจคอไม่ค่อยดีนี่ก็ผิดเวลามากว่าชั่วโมงแล้ว
“เกิดเรื่องที่ไร่หรือเปล่านะ ทำไมยังไม่กลับมาสักที”
จินกิพึมพำกับตัวเองเดินไปยืนตรงระเบียงชะเง้อมองออกไปในใจเริ่มเป็นห่วงขึ้นมาซะแล้วสิ
ครืดดดดด!ๆ
โทรศัพท์มือถือที่วางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงสั่นเตือนสายเข้า จินกิรีบวิ่งเข้ามาคว้าทันที
ฟู่!
ถอนหายใจโล่งอกเมื่อรูปยิ้มแป้นแล้นที่โชว์เป็น คิมคิบอม น้องชายคนรอง
“คีย์ เองเหรอ” เสียงตามสายแม้จะพยายามปรับให้เหมือนปกติแต่คนฟังอย่างคีย์ผู้เฉียบแหลมก็รู้สึกได้อยู่ดีจึงอดถามไม่ได้
“พี่อนยู เสียงพี่ไม่ค่อยสู้ดีเลยนะไม่สบายหรือเปล่า”
“ไม่นี่คงเป็นเพราะเสียงในโทรศัพท์มั้ง”หาเหตุผลมาอ้างจนได้
“งั้นเหรอ ว่าแต่พี่พักนี้เงียบจังไม่ติดต่อหาผมเลยสบายดีป่าวล่ะ”
“เอ่อ โทษทีช่วงนี้พี่ยุ่งๆน่ะต้องเรียนรู้อะไรเยอะแยะไปหมดทั้งการทำไร่เอยทำบัญชีเอยแล้วอะไรต่อมิอะไรสารพัดพี่ปวดหัวจะแย่”
อิตาชเวมินโฮให้พี่ทำขนาดนั้นเลยเหรอ คีย์อยากถามเหลือเกินว่าทำไมพี่ต้องยอมเขาทั้งๆที่ตั้งใจจะขัดใจเขามิใช่หรือและที่สำคัญผมว่าพี่อยู่ที่บ้านไร่ของเขานานเกินไปแล้วนะ
“เอ๊ะ!”ยังไม่ทันได้คุยกันเลยคนพี่ก็ร้องออกมาเพราะได้ยินเสียงรถ มินโฮคงจะกลับมาแล้ว
“คีย์สงสัยมินโฮจะกลับมาแล้วแค่นี้ก่อนนะ หวัดดี “ ตื๊ดๆๆ
พี่อนยูตัดสายไปแล้วคีย์ค่อยๆเลื่อนมือถือลงมานัยน์ตาคมเฉี่ยวจ้องมองโทรศัพท์ในมือราวกับว่ามันเป็นใบหน้าของพี่ชาย ชเวมินโฮกลับมาแล้ว แล้วไงพี่ต้องรีบไปต้อนรับหรือ?พี่อนยูผมว่าพี่แปลกๆนะคราวที่แล้วก็มีอาการราวกับว่าหึงแล้วคราวนี้...หรือว่าพี่ตกหลุมรักนายมินโฮเข้าให้แล้ว...หรือว่าพี่เสร็จเขาแล้ว -o-
ขณะเดียวกัน
จินกิลงบันไดด้วยความเร็วแต่ก็ช้าไปนิดเดียว
“พี่มินโฮ~ กลับมาแล้วเหรอคะ ทำไมวันนี้กลับช้าจังรู้มั้ยว่าฉันเป็นห่วงพี่มากเลย เหนื่อยมั้ยคะ?”
นั่นไงโดนแย่งซีนจนได้ เสียงหวานใสของยุนอากำลังถามไถ่เอาอกเอาใจแค่นั้นยังไม่พอเธอเดินไปกอดแขนมินโฮอีกต่างหากส่วนชายหนุ่มก็ยิ้มบางๆตอบแต่ทว่าสายตาของเขากลับมองเลยผ่านหญิงสาวไปที่อีกคนที่เพิ่งลงมาและหยุดอยู่ที่หน้าบันไดและทันได้เห็นว่าหน้าระรื่นๆในตอนแรกกำลังยู่
สองสายตาสบประสานกัน จินกิไม่รู้จะพูดอะไรดีก็คำที่อยากพูดยุนอาพูดไปแล้วเขาไม่อยากลอกคำพูดของหล่อน จึงยืนเก้ๆกังๆอยู่อย่างนั้น
“จินกิ” เสียงทุ้มเรียกเบาๆ
“กลับมาแล้วเหรอ มินโฮ เหนื่อยมั้ย”ไม่อยากลอกคำพูดแต่ก็ไม่รู้จะถามคำไหน
“นิดหน่อยแต่เห็นหน้านายก็หายเหนื่อยไปนิดนึง”หยอดคำหวานโดยไม่ได้สนใจหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆสักนิดหล่อนกำลังหน้างอน้อยใจเขา พี่ไม่เห็นยุนอาในสายตาบ้างเลยเหรอ
“จริงเหรอ?”จินกิถามส่งยิ้มหวานให้อย่างจงใจพลางเดินเข้ามาหาใกล้ร่างสูงที่พยักหน้าให้เป็นคำตอบ
“แล้วถ้า...” เว้นระยะคำพูดนิดปรายหางตาไปทางหญิงสาวที่ยังเกาะแขนมินโฮไม่ยอมปล่อยหล่อนเองก็กำลังจ้องเขาเขม็งรอดูว่าจะมาไม้ไหนเช่นกัน
“ถ้า...”ก้มหน้าท่าทางเอียงอายสองแก้มระเรื่อขึ้นมาชวนให้น่าเอ็นดูเหลือเกินสำหรับมินโฮแต่สำหรับหญิงสาวอีกคนกลับดูน่าหมั่นไส้หล่อนถึงกับเบะปาก
“ถ้าอะไร หืม? จินกิ”มินโฮถามใจก็จดจ่ออยากรู้ว่าคนตัวเล็กจะพูดว่ายังไง
“ถ้าให้หอมแก้ม จะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งมั้ยน้า”กลั้นใจโพล่งออกมามินโฮถึงกับขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจนี่คนน่ารักเป็นอะไรไปปกติต้องขโมยถึงจะได้หอมแก้มแต่วันนี้มาเสนอแก้มให้หอมเองชายหนุ่มหันไปสบตาญาติสาวผู้น้องเพิ่งสังเกตุว่าหล่อนยืนแนบชิดกับเขามากทีเดียวมือยังกอดแขนเขาไว้แน่นอีก แล้วยิ้มมุมปากด้วยความพอใจเมื่อพอเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้
“ก็ลองดูสิ” ตอบพร้อมก้มหน้ากดจมูกลงบนแก้มใสที่เอียงให้ด้วยความเต็มใจสูดหอมฟอดใหญ่
“ชื่นใจจังหายเหนื่อยจริงๆด้วย”
ฮึ!ยุนอาปล่อยแขนชายหนุ่มเสียอารมณ์แอนด์เสียหน้าไม่คาดคิดว่าคนทั้งคู่จะกล้าหวานต่อหน้าต่อตาโดยเฉพาะจินกิหล่อนไม่คาดคิดว่าจะกล้าขนาดนี้ ท้าทายใช่ไหมแล้วเราจะได้เห็นกัน หล่อนส่งสายตาพิฆาตให้จินกิก่อนจะเดินลงส้นหนักๆจากไป
ฝากไว้ก่อนลีจินกิวันนี้เห็นว่าพี่มินโฮเหนื่อยหรอกฉันไม่อยากให้เขาลำบากใจ ชิ!
มินโฮมองตามหลังบางของหญิงสาว เขาพอรู้ว่าหล่อนกำลังคิดและจะทำอะไร ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เขาเองก็ตั้งใจทำให้เห็นเผื่อหล่อนจะคิดได้บ้าง
“ว่าแต่ ทำไมวันนี้กลับช้าล่ะมินโฮรู้มั้ยฉัน เป็น เอ่อ ห่วงน่ะ”
ชายหนุ่มยิ้มปลื้มใจกับคำว่า ห่วง ที่ได้ยิน โอบไหล่เล็กไว้หลวมๆก่อนจะบอกกล่าวเล่าความวันนี้เป็นวันแรกที่เริ่มเก็บส้มโซนตะวันตกแค่ได้ยินจินกิก็ตื่นเต้นตาโตแล้วส้มที่เขามีส่วนร่วมในการดูแล ไม่ได้ไปไร่2-3อาทิตย์ส้มพวกนั้นโตพอที่จะเก็บแล้วเหรอเนี่ยเห็นอาการตื่นเต้นของคนรักแล้วชายหนุ่มก็อดยิ้มไม่ได้เขาก็เลยตัดสินใจที่จะไม่บอกถึงสาเหตุที่เขากลับช้าเพราะต้องเร่งให้คนงานรีบเก็บให้ได้มากที่สุดก่อนที่พายุจะเข้าในอีกไม่กี่วัน
และด้วยเหตุนี้เช้าวันต่อมาจินกิจึงอ้อนคู่หมั้นหนุ่มขอไปไร่ด้วยเพราะอยากเห็นการเก็บและคัดส้มแถมยังพ่วงญาติสาวคนสวยไปด้วย ซึ่งพอไปถึงไร่ยุนอาก็ถูกคนงานป้าๆดึงตัวไปอีกทาง
“หนูยุนอา มัวทำอะไรอยู่คะทำไมปล่อยให้คนไม่เอาไหนอย่างลีจินกิมาแย่งคุณมินโฮไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้”อาจุมม่า 1
“นั่นสิดูยังไงหนูก็เหมาะสมกับคุณมินโฮกว่า”อาจุมม่า 2
“ไม่ได้นะหนูต้องเอาคุณมินโฮกลับมา นายหญิงของไร่ระฆังทองต้องเป็นหนูเท่านั้นที่พวกเรายอมรับ”อาจุมม่า3
“ขอบคุณมากนะคะคุณป้าทั้งสาม ยุนอาเองก็เสียใจที่อยู่ๆพี่มินโฮก็รับคุณอนยูมาอยู่ที่นี่ในฐานะคู่หมั้น”หญิงสาวตอบเสียงละห้อยโถ..น่าสงสารเหลือเกินแม่คุณถึงจะไม่เคยเอ่ยปากแต่ฉลาดๆอย่างสามป้าก็ดูออกว่าหนูมีใจให้คุณมินโฮ
“เอาพี่มินโฮกลับมาหนูก็อยากทำแต่คนเดียวคงทำไม่ได้หรอกค่ะคนๆนั้นน่ะมารยาจะตายไม่งั้นจะเอาพี่มินโฮอยู่เหรอ หนูคงไม่สู้เขาหรอกค่ะคุณป้า”เสียงเครือ ใบหน้าเศร้าสร้อยเรียกคะแนนจากสามป้าได้เป็นอย่างดี
“ป้าจะช่วยเอง หนูยุนอามีอะไรให้พวกป้าช่วยบอกมาเลยค่ะ”อาจุมม่า1โผล่งขึ้นอีกสองคนก็ส่งเสียงสนับสนุน อนิจจาสามป้าไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของหญิงสาว
“ถ้าอย่างนั้น.....”ยุนอาเรียกสามป้าให้มาสุมหัวกัน
ทางด้านอนยูนายน้อยของไร่เมื่อมาถึงตาตี่ๆของเขาเบิกโตเท่าไข่เป็ดเมื่อเห็นส้มสีทองอร่ามดกเต็มต้นไปจนสุดลูกตานี่ขนาดเก็บไปบ้างแล้ว คนงานจำนวนมากกว่าร้อยกำลังขะมักเขม้นเก็บส้ม
“มินโฮนายรับคนงานเพิ่มเหรอเหมือนจะเยอะกว่าเดิมนะ”
“เปล่าหรอกคนงานของเราก็เท่าเดิมแต่ที่เยอะเพราะมีคนงานพาร์ทไทม์นะ” จินกิพยักหน้าเข้าใจส้มออกเยอะขนาดนี้ก็คงต้องรับเพิ่มไม่งั้นคงเก็บไม่ทัน เห็นคนงานเก็บส้มแล้วก็ให้รู้สึกคึกคักขึ้นมาอยากลงไปร่วมเก็บส้มกับเขาบ้าง
“อะอุ้ย!”ร้องตกใจเมื่อจู่ๆก็ถูกชนจากด้านหลัง ใครกันที่มาชนเขาตอนแรกคิดว่าเป็นมินโฮซะอีกแต่พอหันไปกลับกลายเป็นคุณป้าคนงานที่กำลังสบตาเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่
“โทษ พอดีทางมันแคบ”หล่อนกล่าวเสียงกระแทกแล้วเดินฉับๆจากไป อนยูมองซ้ายแลขวาแล้วเกาหัวแกรกๆ ที่ทางออกจะกว้างขวางมันแคบตรงไหนหว่า แต่พอจะหันกลับไปทำงานต่อก็ถูกชนอีกครั้งจนเกือบหน้าทิ่ม
“หลบหน่อยสิคุณ ถ้าไม่ทำงานก็ไปไกลๆไป๊เกะกะ ทางยิ่งแคบๆอยู่ ไร้ประโยชน์จริงๆเลย”ยัยป้าคนที่2เดินมาชนแบบหน้านิ่งๆแล้วยังถูกด่าอีก อนยูยิ่งงงไปกันใหญ่ทางมันแคบหรืออาจุมม่าอ้วนกันแน่ครับ
“ขะขอโทษครับ”กล่าวขอโทษไปแบบงงๆคิดว่าตนเองไม่ได้ผิดซะทีเดียวแต่เพราะตนอาวุโสน้อยกว่าจึงต้องเป็ยฝ่ายขอโทษก่อนแต่พอจะหันหลังกลับไปเก็บส้มต่อ
พลั่ก! เต็มๆคราวนี้นายน้อยของบ้านไร่ล้มแอ้งแม้งหมดท่า
"อุ้ย!ช่วยไม่ได้ คุณมายืนเกะกะเอง" คนล้มเหวอพูดไม่ออกก็เก็บส้มอยู่ดีๆก็โดนชนเซไปเซมาสามครั้งสามคราจนล้มตึงลงเนี่ยผมเป็นฝ่ายผิดเหรอครับ
"ผมเปล่าเกะกะคุณป้านะครับ ผมก็เก็บส้มอยู่ดีๆแล้ว..."
"ต๊าย!เถึยงคำไม่ตกฟากผิดแล้วยังไม่ขอโทษอีก"
"ไม่ใช่แบบนั้น ผม..คิดว่า"
"อุ้ยๆๆมีเถียงอีกนะ คุณนี่นะที่แท้เป็นคนแบบนี้เอง ไม่มีสัมมาคาราวะ เถียงคอเป็นเอ็นไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่"
"ใช่ๆๆนี่รู้มั้ยเมื่อกี้ก็แกล้งเดินชนฉันเกือบล้มแน่ะ" อาจุมม่า1เดินมาสมทบ
"ผมเปล่านะคุณป้าเดินมาชนผมเองไม่ใช่หรือ"
"ต๊าย!ปฎิเสธหน้าด้านๆฉันเป็นพยาน เห็นกับตาเลยแล้วยังแกล้งชนฉันอีกคนนะเธอไม่รู้ฉันไปทำอะไรให้ ฉันก็เป็นคนงานธรรมดาๆยังจะมารังแกกันอีก"
"ที่แท้คุณเป็นคนแย่แบบนี้เองหรือ พอคุณมินโฮไม่อยู่รีบออกลายเลยนะ คงจะอึดอัดสินะต้องแอ๊บเป็นคนดีต่อหน้าคุณมินโฮคิดจะจับเขาโฮล่ะสิ แต่รู้ไว้ซะตบตาได้แต่คุณมินโฮเท่านั้นเรารู้ทันหมดแล้ว"
"มะไม่….ใช่"
"หน้าด้านจริงๆ ฉันจะไปป่าวประกาศให้ชาวบ้านรู้ให้หมด คุณมันคนหลอกลวง "
"หา!"อนยูกลายเป็นคนนิสัยไม่ดีกลายเป็นคนหลอกลวงไปแล้วถูกสามอาจุมม่าชี้หน้ากล่าวหาโดยที่ไม่มีโอกาสได้ลุกขึ้นยืนและอธิบายอะไร
"หยุดๆๆๆได้แล้วแม่คุณ"ลุงไสวมาพอดีก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายไปกว่านี้ เขามาช่วยพยุงนายน้อยลุกขึ้นแล้วพาออกจากวงล้อมของสามป้า
"พวกหล่อนนี่มันจริงๆเลยนะมาวุ่นวายอะไรกับคุณอนยู ขอโทษแทนแม่พวกนี้ด้วยนะครับ อย่าถือสาพวกหล่อนเลยอย่างนี้แหละครับพวกวัยทองมักอารมณ์แปรปรวน เราตามไม่ทันหรอก"
"กรี๊ด!!!หนอย อิตาไสว แกว่าพวกฉันเร๊อะ กรี๊ดๆๆๆๆไอ้แก่"
สามป้าส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดไม่พอใจแต่ลุงไสวก็หาสนใจไม่
"ไปกันเถอะครับคุณอนยู"
"อะเอ่อ ฮะ"อนยูก็ไม่ได้ติดใจอะไรสามป้านักแต่เขางงมากกว่าเหมือนกับว่าสามป้านั่นจงใจหาเรื่องเขาแต่จะมีเหตุผลอะไรที่ผู้สูงวัยทั้งสามนางจะทำแบบนี้
"ว่าแต่ ลุงไสวจะพาผมไปไหนครับ"อนยูลืมสามป้าไปง่ายดายหันมาสนใจข้างหน้าดีกว่าชายสูงวัยกำลังจะพาตนไปไหนยังไม่รู้เลย
"ทางโน้นเขากำลังคัดส้มกันครับเจ้านายบอกว่าคุณอยากเห็นผมก็เลยจะพาไปดูครับ"
เดินมาได้สักพักก็ถึงจุดคัดขนาดส้มกลางแจ้ง เครื่องคัดแยกกำลังทำงานส่งเสียงดังครึกครักๆคนงานหลายคนทำงานกันอย่างขะมักเขม้น มีส้มรอเข้าเครื่องคัดตั้งเรียงกันราวยี่สิบเข่งเห็นจะได้และยังมีส่วนที่คัดขนาดแล้วคนงานกำลังช่วยกันยกขึ้นรถพ่อค้าที่มารอรับโดยมีชินดงคอยยืนคุมอยู่
“อุ ว้าว”นายน้อยบ้านไร่ตาโตกับภาพที่เห็น ลีจินกิเพิ่งเคยมาเห็นของจริงก็วันนี้มันช่างน่าตื่นตาตื่นใจเสียนี่
“นี่ล่ะครับ เราจะทำการคัดขนาดส้มมีหลายเบอร์มีเบอร์......บลาๆๆๆๆๆๆๆๆ”ในขณะที่ลุงไสวอธิบายนายน้อยอนยูมองตามผลงานที่ตนมีส่วนร่วมดูแลและก็นึกขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง
ตั้งแต่มาทำไร่ส้มกับมินโฮเราเองก็ยังไม่เคยลองชิมสักทีว่าส้มของมินโฮรสชาติเป็นยังไง หุหุ
“เจ้าพวกนี้รอเข้าเครื่องคัดสินะ ชิมได้มั้ย”ไม่รอคำตอบอนยูหยิบส้มจากเข่งที่อยู่ใกล้มือปอกเปลือกและโยนเข้าปากเคี้ยวกร้วมๆอย่างรวดเร็ว
“อื้ม อาหย่อยๆ”ในชั่วพริบตาก็หมดไปหนึ่งลูก นายน้อยดูท่าจะติดใจหยิบอีกลูกมาปอก
“นอกจากพวกพ่อค้าผลไม้ที่มารับแล้วมีที่ไหนมาซื้อจากเราบ้างฮะ”ถามจบก็โยนส้มชิ้นโตเข้าปาก
“ก็โรงงานน้ำผลไม้ยังไงล่ะ”
อึก! จินกิชะงักเมื่อเสียงตอบไม่ใช่ลุงไสวแต่เป็นเจ้าของไร่ตัวจริงมินโฮมาตอนไหนส้มที่เพิ่งโยนเข้าปากก็เลยไม่กล้าเคี้ยว คิดไปเองว่ามินโฮจะว่ามั้ย
“จินกิ” ไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมองหน้า
“มีอะไรหรือเปล่า”จินกิส่ายหน้าโดยยังหันหลังให้ชวนให้สงสัยนักว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล
“จินกิ”ชายหนุ่มออกแรงบังคับร่างเล็กให้หันหน้ามาหาตนจินกิรีบซ่อนของกลางในมือไว้ด้านหลังทันที คิ้วเข้มขมวดเมื่อจับพิรุธได้ทั้งแก้มที่ป่องปากที่เม้มแน่นและมือที่ซ่อนไว้ข้างหลัง เขารู้ทันแต่ก็นึกอยากแกล้งขึ้นมา
“จินกิ นายทำอะไรผิดใช่ไหม”
“อื้อๆ”ส่ายหน้าปฏิเสธแรงๆ
“เคยบอกใช่ไหมว่าถ้านายทำผิดฉันจะทำโทษยังไง”ไม่พูดอย่างเดียวดึงร่างเล็กเข้ามาใกล้จินกิส่ายหน้าแรงๆเขายังไม่ลืมบทลงโทษของมินโฮคืออะไรแต่จะจูบตอนนี้ไม่ได้นะเพราะในปากเขามีส้มชิ้นเบ้อเริ่ม เป็นอุปสรรคอย่างแรง อ๊าก!ไม่ใช่เขาก็รู้นะสิว่าแอบกินส้ม แต่มันไม่ทันแล้วเพราะมือของมินโฮจับท้ายทอยเขาให้เงยขึ้นรับริมฝีปากอุ่น
“อื้อๆๆๆ”พยามดิ้นขัดขืนส่งเสียงอู้อี้ริมฝีปากเม้มแน่น
แค้กๆๆๆผลักอกมินโฮออกเซถอยไปนั่งไอเพราะสำลัก รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอกลืนส้มตอนไหนดีที่ไม่ติดคอแต่ที่แน่ๆสำลักน้ำส้มครับ
“แค้กๆโอ้ยเกือบตายแล้ว มินโฮ แค้กๆทำอะไรของนาย แค้ก คนบ้าเอ้ย”ร่างสูงต้องตามมาช่วยลูบหลังให้รู้สึกผิดเหมือนกันเมื่อเห็นคนตัวเล็กไอจนหน้าแดง แต่หน้าแดงจัดแบบนี้ก็น่ารักนะ
“ดีขึ้นยังจินกิ”ถามเมือเห็นว่าร่างเล็กหยุดไอแล้ว จินกิพยักหน้าเมื่อได้สติก็เริ่มโวยวายแถมลืมตัวปาส้มส่วนที่เหลือในมือใส่ร่างสูงอีกต่างหาก
“หนอย มินโฮ ทำอะไรของนายน่ะนี่มันกลางไร่นะ ไม่อายรึไงคนงานเยอะแยะ”
“อายทำไม นี่มันไร่ของเรา จะทำอะไรก็ได้”ตอบทำหน้ากวนยิ่งทำให้จินกิฉุนกึก
“ดูดีๆสิจินกิไม่เห็นมีใครอยู่สักคน”จินกิหันไปมองรอบๆจริงอย่างว่าไม่มีใครเลยแม้แต่ลุงไสวที่ยืนอยู่ข้างๆเขาแอบชิ่งไปตอนไหนกัน สิ่งที่เขาไม่ทันสังเกตุก็คือตั้งแต่ตอนมินโฮเดินมาทางเขาคนงานทุกคนก็พร้อมใจกันสลายโต๋เปิดทางให้เจ้านายหนุ่มได้สวีทกับคนรักตามสบาย
“ชิ!ไม่คุยด้วยแล้ว”อมลมแก้มป่องหน้าแดงจะเดินหนีแต่ช้ากว่ามนุษย์กบรูปหล่อที่สวมกอดจากทางด้านหลังได้ทัน
“เดี๋ยวสิ จินกิ ไม่กินส้มแล้วเหรอ ส้มเราอร่อยนะ ว๊านหวาน แต่....น้อยกว่านายนิดนึง”ประโยคหลังจงใจกระซิบที่ข้างหูแน่นอนมันทำให้คนฟังหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกเลย อ๊าก ตาคนนี้ทำให้เขินได้ตลอกสิน่า
“ไม่กินแล้ว ปล่อยเลยจะไปทำงานต่อ”กระแทกเสียงงอนๆรู้ตัวว่าโดนแกล้งเข้าให้แล้ว
“งั้นเราไปด้วยกัน โอเค๊?”มินโฮตอบเป็นอันจบเขารั้งร่างบางไว้ไม่ยอมปล่อยก่อนจะพากันเดินเข้าไปในไร่โดยมีสายตาเป็นประกายของเหล่าคนงานที่แอบอยู่ตามสุทุมพุ่มไม้มอฝตามอยู่พวกเขากระซิบกระซาบและหัวเราะคิกคักชอบใจกันใหญ่
หลังมื้อเย็นหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันเข้าห้อง
อนยูออกจากห้องน้ำแล้วก็ต้องตกใจกับสภาพอากาศข้างนอกที่ส่งเสียงเล็ดลอดเข้ามาทั้งเสียงลมเสียงฝนและเสียงฟ้า อื้ออึงเปรี้ยงปร้างจนน่ากลัว พายุงั้นเหรอ หนักขนาดนี้ส้มที่ไร่จะเป็นไงบ้างนะเขาจำได้ว่าก่อนกลับจากไร่ซึ่งผ่านไปยังไม่ถึงสองชั่วโมงเลยมีส้มที่เก็บแล้วรอคัด รอขนย้ายราวร้อยเข่ง แล้วยังมีต้นส้มโซนอื่นที่ยังไม่สุกกำลังดกด้วย ถ้าพายุหนักขนาดนี้ต้องโค่นทั้งต้นแน่ๆ อนยูเริ่มเป็นห่วงไร่ส้มขึ้นมาเขารีบคว้าเสื้อผ้ามาสวมด้วยความรวดเร็วก่อนจะวิ่งออกจากห้อง
ก๊อกๆๆ
“มินโฮๆๆ”เคาะประตูรัวเรียกด้วยความร้อนใจแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับของคนรัก ทำอะไรอยู่นะคนยิ่งร้อนใจ
“มินโฮนี่มินโฮอยู่รึเปล่า”
“พี่มินโฮไม่อยู่ออกไปไร่แล้ว”เสียงห้วนๆของยุนอาซึ่งเดินขึ้นมาเจอพอดี
“ไปไร่”อนยูทวนคำไปตอนไหนก็เพิ่งแยกกันหลังกินข้าวเย็นเสร็จแท้ๆ
“นี่ไม่รู้อะไรบ้างเลยหรือไง พายุหนักขนาดนี้ไร่ส้มจะเป็นยังไงพี่มินโฮเป็นห่วงก็ต้องออกไปดูสิ”หล่อนกระแทกกระทั้นก็เพราะรู้และเป็นห่วงไร่นะสิเขาถึงมาเคาะประตูเรียกมินโฮอยู่นี่ ตอนนี้ไม่อยากเถียงด้วยอนยูรีบผลุนผลันวิ่งลงมาด้านล่างในใจคิดแค่ว่าจะต้องตามมินโฮไปที่ไร่ คนรักกำลังต้องการความช่วยเหลือ ชายหนุ่มวิ่งลงไปที่ห้องทำงานค้นหากุญแจรถอีกคันในลิ้นชักเมื่อได้แล้วก็วิ่งออกมาหาชุดกันฝน ในใจก็นึกห่วงว่ามินโฮจะใส่ชุดกันฝนไปด้วยหรือเปล่า
“คุณอนยู จะไปไหนคะ”แม่บ้านจีฮาเดินออกมาเรียกไว้ก่อนที่จะทันเดินถึงประตู
“ผมจะไปไร่ฮะ” นายน้อยตอบด้วยความร้อนรน
“ไม่ได้นะคะ ก่อนออกไปคุณมินโฮสั่งไว้ให้บอกคุณให้รออยู่ที่บ้านค่ะ”
“ไม่ ผมต้องไปช่วยมินโฮ”
“เชื่อป้านะคะ คุณมินโฮยังสั่งไว้อีกว่าถ้าห้ามคุณไม่ได้ป้าจะมีความผิดจะถูกตัดเงินทั้งเดือน”นี่เขาเรียกขู่แล้วครับป้า
“แต่..”อนยูอึกอักแต่ก็ยังอยากจะไปให้ได้แม้จะรู้ดีว่าแม่บ้านไม่ได้โกหกเขาแน่นอนรู้จักมินโฮมาชั่วระยะหนึ่งก็พอจะรู้ว่าคนรักเป็นคนยังไง เขาทำอย่างนั้นได้จริงๆ มองออกไปข้างนอกสลับกับใบหน้าซีดๆของแม่บ้านจีฮาไปมาชั่งใจ
“เชื่อป้านะคะคุณอนยู”แม่บ้านอ้อนวอนเสียงเริ่มสั่น จับแขนรั้งนายน้อยไว้นางเข้าใจดีว่าเขาเป็นห่วงเจ้านายแต่คำสั่งของเจ้านายหนุ่มก็น่ากลัว
“ป้ารู้ว่าคุณเป็นห่วงคุณมินโฮ แต่ว่าเราเคยเจอพายุแบบนี้ทุกปี ป้ามั่นใจว่าคุณมินโฮสามารถรับมือได้”
นางพยายามชี้แจงให้นายน้อยคลายกังวล ในที่สุดอนยูก็ยอมพยักหน้าก็จริงอย่างที่แม่บ้านบอก คิดอีกทีถ้าเกิดเขาตามไปที่ไร่จะเจอมินโฮหรือเปล่าก็ไม่รู้ อยู่ไร่ก็จริงแต่เนื้อที่ตั้งหมื่นกว่าไร่จะไปตามหาที่ไหน
“ก็ได้ฮะ งั้นผมจะนั่งรอมินโฮอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน”บอกพร้อมเดินไปนั่งที่โซฟาเหมือนแม่บ้านจะไม่ค่อยไว้วางใจกลัวเป็นลูกเล่นของเขานางจึงตามมานั่งลงข้างๆพร้อมออกปากว่าจะอยู่เป็นเพื่อนซึ่งอนยูก็ไม่ได้ว่าอะไร
ผ่านไปสามชั่วโมงกว่าลมพายุสงบลงแล้วเหลือเพียงสายฝนที่กระหน่ำลงมาไม่ขาดสายและไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่ายๆ แม่บ้านจีฮาสัปหงกหลายรอบจนชายหนุ่มต้องบอกให้ไปนอนเพราะทนความง่วงต่อไปไม่ไหวนางจึงยอมเชื่อแต่โดยดี
จินกินั่งรอต่อลำพังและเผลอฟุบหลับไปโดยไม่รู้ตัวและสะดุ้งตื่นอีกครั้งเมื่อเสียงประตูห้องเปิดออกพร้อมร่างสูงที่เปียกโชกเดินเข้ามา
“มินโฮ!”พอเห็นว่าเป็นใครร่างเล็กก็ลุกโผเข้าหาและกอดร่างนั้นไว้แน่นโดยไม่สนใจว่าร่างสูงจะเปียกสักแค่ไหน
“จินกิ ยังไม่นอนเหรอ”จินกิผละออกส่ายหน้า
“ฉันเป็นห่วงนายเป็นห่วงไร่ มินโฮเปียกขนาดนี้ไม่ได้ใส่ชุดกันฝนเหรอ”
“อืม รีบน่ะแต่ว่าส้มเราปลอดภัย ไร่ก็เสียหายไม่เยอะ จินกิ หนาวจังเลย”ชายหนุ่มบอกดึงร่างคนรักเข้าไปกอดอีกครั้งจินกิเพิ่งรู้สึกตัวมินโฮเย็นเฉียบเลยร่างใหญ่เกร็งและสั่นคงจะหนาวจริงๆ
“พี่คะ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่านะคะเดี๋ยวจะไม่สบาย”ยุนอามาตอนไหนไม่รู้หล่อนยื่นผ้าขนหนูผืนใหญ่ให้มินโฮ
“ขอบใจนะยุนอา”ชายหนุ่มรับมาจินกิเองก็เพิ่งนึกได้แล้วก็ได้แต่ต่อว่าตนเองในใจมานั่งรอมินโฮตั้งนานลืมคิดไปว่ามินโฮอาจจะเปียกกลับมาเลยไม่ได้เตรียมผ้าไว้รอ ไม่น่าเลย
“พี่มินโฮหิวหรือเปล่าคะ อยากทานอะไรอุ่นๆมั้ย เดี๋ยวฉันทำให้”
“ขอบใจนะงั้นพี่ขอโกโก้ร้อนสักแก้วก็แล้วกัน”ชายหนุ่มตอบก่อนจะเดินแยกขึ้นห้องในขณะที่หญิงสาวเดินแยกไปในครัว
“จะอ้อนพี่มินโฮฉันก็ไม่ว่าแต่หัดดูกาลเทศะบ้างนะ หรือว่าคนอย่างคุณมีปัญญาทำได้แค่นี้” ยุนอากล่าวเสียงเบาให้พอได้ยินกันสองคนขณะเดินผ่านจินกิ ทำเอาเขาหน้าชาขึ้นมาราวกับถูกหล่อนตบหน้าไปฉาดใหญ่ เถียงไม่ออกจริงๆถึงเมื่อกี้ไม่ได้จะอ้อนอย่างที่หล่อนกล่าวหาแต่ตัวเองก็ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเลยในขณะที่หญิงสาวกลับรู้สิ่งที่ควรทำจัดหาผ้าเช็ดตัวมาให้ทั้งที่เป็นคู่หมั้นแท้ๆจินกิได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจ ‘นายมันไอ้งั่ง ไม่ได้เรื่องอย่างที่เธอว่าจริงๆนั่นแหละ’
“จินกิ”ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกเรียก นี่เขาเผลอจมอยู่กับความคิดตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน”
“เอ่อ...”
“นายเองก็เปียก เดี๋ยวจะไม่สบายนะ”จริงของมินโฮถึงจะไม่ได้เปียกโชกแต่เพราะอากาศด้านนอกเย็นด้วยเริ่มรู้สึกหนาวๆขึ้นมาแล้วร่างเล็กรีบสาวเท้าให้ทันร่างสูงที่ยืนรออยู่
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จจินกิก็เริ่มลังเลว่าจะไปดูคนที่อยู่ห้องข้างๆ(ก็มินโฮนั่นแหละ)ก่อนหรือจะเข้านอนเลย แต่สุดท้ายก็แพ้ใจยังไงก็ห่วง
ก๊อกๆๆ เคาะประตูก่อนที่ร่างเล็กจะเปิดเข้าไปเอง ตาตี่แทบถลนเมื่อเจอหญิงสาวอยู่ในห้องก่อนแล้ว ดีนะที่มา ยุนอาปรายหางตามามองเขานิดหนึ่งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จินกิเองก็เหลือบไปมองสิ่งที่หล่อนนำเข้ามาด้วยบนถาดที่หล่อนวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงมีโกโก้ร้อนที่มินโฮขอในตอนแรกนอกจากนี้ยังมีน้ำเปล่า ยาลดไข้ ยาลดน้ำมูก ปรอทวัดไข้ แผ่นเจลลดไข้ เห็นแล้วก็รู้สึกละอายใจเขาไม่ได้นึกถึงของเหล่านี้ด้วยซ้ำทั้งๆที่ห่วงมินโฮมากแท้ๆ อีกครั้งที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นไอ้งั่ง
“อ้าว”มินโฮร้องออกมาเบาๆเมื่อออกจากห้องน้ำแล้วพบญาติสาวผู้น้องยืนอยู่กลางห้องส่วนคู่หมั้นหนุ่มยืนติดกับประตู
“พี่เป็นไงบ้างคะ ฉันเอาโกโก้มาให้แล้วก็มียาลดไข้ด้วยทานกันไว้ดีกว่านะคะ”
“ขอบใจมากนะยุนอา เธอไปพักผ่อนเถอะ พี่ไม่รบกวนเธอแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ฉันยินดี นี่ค่ะโกโก้ทานเลยนะคะจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น”หล่อนบอกพร้อมยกแก้วมายื่นให้ซึ่งมินโฮเองก็รับจากหล่อนยกดื่มจนหมดแก้วหญิงสาวมองตามด้วยรอยยิ้มเป็นต่อปรายหางตามองใครอีกคนที่ยืนเอ๋ออยู่หน้าประตู แล้วถือโอกาสยกมืออังหน้าผากชายหนุ่ม
“พี่มีไข้นะคะ ทานยาดีกว่า”หล่อนหยิบยาส่งให้แต่ชายหนุ่มยกมือห้ามไว้ก่อนบอกหล่อนไปว่าจะกินทีหลัง
“ขอบใจนะ พี่ไม่เป็นไรแล้วเธอกลับไปพักผ่อนเถอะ”มินโฮบอกอีกครั้งแต่หญิงสาวก็ยังไม่ยอมกลับอยู่ดี
“คืนนี้ให้ฉันดูแลพี่นะคะฉันเป็นห่วงพี่”หล่อนอ้อนวอน
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับผมจะดูแลเอง”จินกิที่ทนดูอยู่นานโพล่งขึ้นบ้างหลังจากที่ปล่อยให้หล่อนทำคะแนนนำไปหลายแต้ม
“อย่าเลยค่ะคุณคงไม่ถนัด ไม่เคยดูแลใครนี่คะ”
“ใครบอกล่ะครับคุณยุนอา ผมนะเป็นพยาบาลประจำบ้านเชียวนะ คุณไปพักผ่อนเถอะครับ มินโฮเป็นคู่หมั้นผม ผมจะดูแลเอง คืนนี้ขอบคุณมากนะครับ”แต่หล่อนก็ยังดื้อดึงจะไม่ยอมไป
“แต่ /เชิญครับ”ไม่ปล่อยโอกาสให้หล่อนได้พูดอีกต่อไปจินกิผายมือให้ แต่ยุนอาก็ยังคงยืนนิ่งจ้องหน้าเขาสายตาเอาเรื่อง
“”ไปเถอะยุนอา ดึกมากแล้ว”เป็นมินโฮที่ออกปากเอง
“พี่มินโฮ”หล่อนหันไปมองชายหนุ่มน้อยใจกับคำพูดของเขาจนขอบตาร้อนผ่าว พี่มินโฮออกปากเองขนาดนี้มีหรือที่หล่อนจะกล้าอยู่ต่อ เดินออกไปอย่างเงียบๆ
จินกิมองตามหลังยุนอาที่เดินออกไปจากห้องแวบหนึ่งก็รู้สึกเห็นใจหล่อนเหมือนกัน รักมินโฮ คือความรู้สึกของหล่อนที่เขารู้แต่เขาเองก็รักมินโฮเช่นกันถึงไม่อาจทนอยู่เฉยๆได้เมื่อหล่อนเข้ามาใกล้คนรักอะไรก็ตามที่จะทำให้มินโฮไขว้เขวหรือเปลี่ยนใจได้เขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น
คลิก ล็อคประตูซะเพื่อป้องกันไม่ให้ใครเข้ามาได้อีก
“บางคนทำดีแค่ไหนก็ไร้ค่า แต่บางคนไม่ทำอะไรกลับได้ความรักไปเต็มๆ”
นี่คือความคิดของยุนอาขณะกำลังเดินกลับห้อง เมื่อเข้าห้องตัวเองมือเล็กทุบลงบนเตียงทั้งน้อยใจทั้งแค้นใจ พี่มินโฮ ใจร้ายเกินไปแล้ว ฮึ ทำไมกันทั้งๆที่ทำดี ดูแลเอาใจใส่พี่ทุกอย่างทำไมพี่ถึงไม่เคยเห็น ไม่หรอกพี่เห็นแต่พี่มองข้ามไป เพราะคนๆนั้นสินะลีจินกิ
“ลีจินกิ พี่รักมันมากใช่ไหม พี่รักแต่ฉันเกลียด เกลียดมันคนที่แย่งทุกอย่างไปจากฉัน คอยดูแล้วกันถ้าฉันไม่สมหวังก็อย่าคิดว่าใครจะได้มีความสุข”หญิงสาวกล่าวกับตนเองสายตาหล่อนแข็งกร้าวจนดูน่ากลัว ความรักที่ถูกหมางเมินความปวดร้าวที่ต้องทนเห็นภาพบาดตาบาดใจสะสมมากเกินไปแล้ว
มาต่อกันที่ห้องของมินโฮ หลังจากที่ยุนอาออกไปแล้วจินกิก็จัดการให้มินโฮกินยาและนอนพัก เมื่อมีคนน่ารักมาคอยดูแลมีหรือที่ชเวมินโฮจะอยากหลับ ชายหนุ่มนอนตาแป๋วมองพยาบาลหนุ่มจำเป็นอยู่อย่างนั้นจนคนถูกมองเริ่มตัวรุมๆแล้ว ไม่ได้ไข้ขึ้นหรอกนะแต่เป็นเพราะสายตามินโฮ ถูกจ้องมองกี่ครั้งกี่ทีมันก็ไม่ชิน
“เอ่อ...คุณยุนอาเธอ รอบคอบจังนะดูดิเตรียมมาครบเลยทั้งน้ำทั้งยา”โอย จินกิอยากจะตบปากตัวเอง หาเรื่องคุยยังไปพูดถึงคนอื่นอีก
“อืม เธอก็เป็นแบบนี้แหละ ฉันถึงได้ไว้ใจให้เธอช่วยดูแลบัญชีให้”มินโฮตอบตามที่เขาคิดมันทำให้อีกคนนึกถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านมา
“นั่นสินะ ไม่เหมือนฉันทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องสักอย่าง”ก้มหน้าพูด
“จินกิ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นนะ”
“ฉันรู้ แต่ฉันรู้ตัวเองดี ฉัน นั่งรอนายมาค่อนคืนรู้ทั้งรู้ว่านายกลับมาต้องเปียกต้องหนาวแต่ฉันก็ไม่ได้เตรียมผ้าไว้ให้ ของพวกนี้อีกทั้งเครื่องดื่มอุ่นๆ ทั้งยาทั้งเจลลดไข้ฉันควรจะเป็นคนเตรียมให้นายแต่ลีจินกิคนนี้ก็ไม่ได้นึกถึงมันเลยด้วยซ้ำ ในขณะที่คุณยุนอาเธอทำทุกอย่างได้ไม่มีบกพร่องฉันกลับทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ฉันไร้ประโย..มิน..”มินโฮยันตัวลุกขึ้นดึงคนตัวเล็กเข้าหาตัวแล้วกอดไว้อย่างนั้น
“จินกิ นายนี่นะ ไปเอาความคิดนี้มาจากไหนหา?”ถามเหมือนร่างบางเป็นเด็กๆพลางลูบศรีษะเบาๆจินกิส่ายหน้าในอ้อมกอดเขาไม่ได้เอามาจากไหนหรอกเขารู้สึกเองตามสถานการณ์
“นายออกไปไร่ตอนพายุเข้าโดยไม่บอกฉันสักคำ คิดว่าฉันช่วยอะไรไม่ได้กลัวฉันจะเป็นภาระใช่มั้ยล่ะ ฮึ”เสียงเริ่มเครือร่างสูงต้องกระชับอ้อมกอดขึ้นอีก
“ไม่ใช่แบบนั้นจินกิ ที่ไม่อยากให้นายไปด้วยเพราะไม่อยากให้นายต้องลำบาก วันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวัน ฉันพานายมาอยู่นี่ทำให้นายลำบากมากแล้ว”
“...”เมื่อไม่มีคำใดตอบรับชายหนุ่มจึงกล่าวต่อ
“ตอนที่ฉันเปิดประตูเข้ามาแล้วเจอนายโผเข้าหาโดยไม่สนใจว่าฉันเปียกอยู่ ฉันดีใจมากรู้มั้ยยิ่งนายบอกว่าเป็นห่วงฉันมันทำให้ฉันหายเหนื่อยฉันไม่สนหรอกว่าใครจะเตรียมอะไรไว้รอที่ฉันสนใจก็คือนายจินกิ ขอโทษนะถ้าที่ฉันทำไปทำให้นายรู้สึกไม่ดีแต่ทั้งหมดก็เพราะรัก เพราะห่วง ไม่อยากนายลำบาก ”
“ก็เคยบอกแล้วไงว่าฉันไม่กลัวความลำบาก”น้ำเสียงกระเง้ากระงอดอยู่กับอกกว้าง
“ไม่ได้หรอกฉันจะไม่อยากให้ว่าที่เมียต้องลำบากมากเดี๋ยวนายทนไม่ไหวหนีไป ฉันก็ต้องกำพร้าเมียนะสิ โอ๊ะ!”ร่างบางทุบอักเข้าที่อกแกร่งไปทีนึงโทษฐานปากดี
“นอนได้แล่ว”กล่าวเมื่อผละออกจากอกชายหนุ่มได้พลางทำเป็นจัดผ้าห่มให้เขา
“นายก็ไปนอนได้แล้ว”
“ฉันไม่ง่วงสงสัยเพราะได้งีบตอนรอนาย นอนพักเถอะฉันจะอยู่เฝ้าไข้นายเอง”มินโฮนอนมองพยาบาลหนุ่มที่กำลังจัดแจงห่มผ้าให้ อ่า..มีจินกิอยูดูแลแบบนี้อยากป่วยไปตลอดชีวิตเลย
ผ่านไปไม่นานมินโฮก็หลับสนิท เมื่อไม่มีคนคุยด้วยมันก็เงียบจินกิมองซ้ายขวาหาอะไรทำฆ่าเวลา อ้า!นึกออกแล้วที่ห้องทำงานข้างล่างมีหนังสือน่าสนใจอยู่นี่นา คิดได้ดังนั้นก็เดินออกจากห้องไปครู่หนึ่งก็กลับเข้ามาพร้องหนังสือสามสีเล่ม กะจะอ่านหมดภายในคืนนี้เลยเร้อ ร่างบางนั่งลงอ่านหนังสือที่เก้าอี้ข้างเตียงขิงคู่หมั้นหนุ่ม แต่ผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาทีเขาก็รู้สึกว่านั่งอ่านแบบนี้เมื่อยอ่ะ พลันตาเรียวๆก็เหล่พื้นที่บนเตียงที่ว่างอยู่เยอะมาก มินโฮนอนคนเดียวแท้ๆเตียงขาดใหญ่ยังกะจะนอนกันสามคน ร่างบางหอบหนังสือไปวางบนเตียงฝั่งที่ว่างและนอนอ่านหนังสือแบบสบายอารมณ์ที่กล้าขนาดนี้เพราะเขามั่นใจว่ามินโฮหลับสนิทชัวร์
มินโฮลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเขางัวเงียมองนาฬิกาที่หัวเตียงเกือบเจ็ดโมงแล้วข้างนอกฝนยังรินอยู่ เขาเริ่มมองหาร่างบางที่บอกว่าจะอยู่เฝ้าไข้แต่ก็ไม่เจอ สงสัยจะง่วงเลยกลับไปนอนที่ห้อง ชายหนุ่มก็ไม่ได้ถือสาอะไรและตอนนี้เขาก็ไม่มีแรงจะลุกจากเตียงเสียด้วย ที่ทำได้ตอนนี้คือพลิกตัวเปลี่ยนท่านอนเท่านั้น
อื๋อ?ครางเบาๆเมื่อพลิกตัวแล้วไปถูกก้อนอะไรบางอย่าง ก้อนกลมๆขาวๆน่ารักๆ จินกินั่นเองนอนขดอยู่ข้างๆและมีหนังสือหนุนหัวอยู่ ในทีแรกชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับที่ไหล่หมายจะปลุกแต่แล้วก็เปลี่ยนใจเขาขยับเข้าไปใกล้ๆตลบผ้าห่มคลุมก้อนเต้าหู้จนมิดชิด โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยนี่นา ร่างบางคงรู้สึกได้ถึงไออุ่นจึงได้พลิกตัวขยับเข้าหาความอบอุ่นและกอดหมับที่ร่างใหญ่ มินโฮก็ไม่ปล่อยโอกาสให้ผ่านไปลำแขนแกร่งกอดร่างเล็กตอบมอบไออุ่นให้เต็มที่
“นี่นายน่ะจงใจยั่วกันใช่ไหม่ ย่าส์!ดีนะที่ฉันไม่สบายไม่มีแรง ไม่งั้น...อย่าหวังจะได้หลับสบายๆ”
พูดกับคนหลับสนิทก่อนจะพล็อยหลับไปอีกครั้ง
ราวแปดโมงยุนอาถือถาดข้าวต้มเข้ามาในห้องญาติผู้พี่ เสียงประตูทำให้ชายหนุ่มตื่นพอดี
“พี่เป็นไงบ้างคะ ฉันทำข้าวต้มมาให้เดี๋ยวฉันป้อนนะคะ”หล่อนกล่าวขณะวางถาดลงบนโต๊ะข้างเตียง
“ขอบใจนะแต่ให้จินกิป้อนดีกว่าไม่อยากรบกวนเธอ อีกอย่างก็เป็นหน้าที่เขา”มินโฮตอบขณะลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงหญิงสาวชักสีหน้า อะไรๆก็จินกิแล้วตอนนี้อยู่ไหนล่ะจินกิของพี่บอกจะดูแลพี่ไม่ใช่เหรอสายป่านนี้ยังไม่โผล่หัวเลย
“ก็เขายังไม่ตื่นไม่ใช่เหรอคะ”หล่อนยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ
มินโฮครางรับแล้วหันไปเขย่าก้อนเต้าหู้ที่มุดอยู่ใต้ผ้าห่ม
“จินกิ ตื่นได้แล้ว”ร่างนั้นขยับยุกยิกๆก่อนจะผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“อะเฮ้ย ฉันมานอนนี่ได้ไง”ยังคงงงว่าตนมานอนตรงนี้ได้ไงร่างสูงก็ตอบมาลอยๆว่าไม่รู้~เมื่อมองซ้ายขวาก็ยิ่งตกใจเมื่อเห็นดวงตากลมโตถลึงใส่
“จินกิจะกินข้าวแล้ว ช่วยป้อนหน่อยสิ ไม่มีแรงเลย”มินโฮได้โอกาสอ้อนคนรักโดยไม่สนใจหญิงสาวคนที่ยกข้าวต้มมาให้เลยสักนิดหล่อนกัดริมฝีปากข่มความรู้สึกอย่างหนักเจ็บและน้อยใจเหลือเกิน
“อะเอ่อ ก็ได้แต่ขอเวลาไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนแป๊บนึง”ลุกรี้ลุกรนลุกจากเตียงวิ่งออกจากห้องโดยไวก่อนที่จะมีใครมาแย่งซีน
“พี่คะ ฉัน”หญิงสาวพูดขึ้นหลังจากที่จินกิไปแล้วชายหนุ่มขมวดคิ้วรอฟัง
“กรมอุตุฯบอกว่าจะมีฝนรินอย่างนี้ไปอีก2-3วัน วันนี้ฉันจะไปธุระและจะกลับไปเยี่ยมแม่3วัน พี่จะ...”
“ตามใจก็แล้วกันถ้าฝนตกแบบนี้ก็คงทำอะไรไม่ได้มาก กลับยังไงล่ะเอารถพี่ไปใช้สิ ขับระวังๆล่ะ”ชายหนุ่มไม่ได้ห้ามและยังเป็นห่วงความปลอดภัยของหล่อนอีกด้วย ยุนอากล่าวขอบคุณแล้วเดินออกไปสวนทางกับจินกิพอดีหล่อนไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ เป็นอะไรไป
“มินโฮ คุณยุนอา?”
“กลับบ้านน่ะ จินกิ หิวแล้ว ^_^”ตอบแล้วหันมาทำท่าอ้อนจินกิหมั่นไส้แต่ก็ยอมทำตาม ตลอดสองวันจินกิคอยพยาบาลมินโฮวุ่นวายอยู่บ้างเมื่อคนป่วยอ้อนคุณพยาบาลไม่อยากให้อ้อนยิ่งยุนอาไม่อยู่จินกิไม่ยอมง่ายๆอยู่แล้ว แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับทั้งสองคน
วันที่สามมินโฮตื่นมาในตอนเช้ารู้สึกเบาเนื้อเบาตัวกว่าทุกวัน แสงแดดยามเช้าส่องลอดม่านหน้าต่างเข้ามาแสดงว่าพายุผ่านไปแล้ว อา..อากาศดีจัง เขาลุกจากเตียงไปเปิดม่านรับแสงแดด
“อากาศดีอย่างนี้ชวนจินกิไปเดินเล่นที่ไร่ดีกว่า”ตัดสินใจอย่างรวดเร็วครู่ต่อมาร่างสูงก็ยืนอยู่หน้าห้องคู่หมั้นหนุ่มเคาะประตูสามก๊อกก่อนถือวิสาสะเปิดเข้าไปเองดังเช่นทุกครั้ง ภายในห้องก้อนเต้าหู้ยังซุกตัวอยู่ใต้ผ้านวมผืนหนา
“จินกิตื่นได้แล้วไปดูไร่กันนะ”ชวนขณะนั่งลงบนเตียงแล้วควานหาร่างบางใต้ผ้าห่มคนถูกปลุกยุกยิก
ฮัดชิ้ว! ทันทีที่ลืมตาก็จามยกใหญ่
“จินกิไม่สบายเหรอ”ถามพลางอังมือที่หน้าผาก ร้อนจี๋เลยโครงการไปไร่ก็เลยต้องพับไว้ก่อนต้องกลายมาเป็นพยาบาลดูแลคนรักที่ไข้ขึ้นแทน
จินกิเนี่ยน้า เฝ้าไข้มินโฮจนเขาหายส่วนตัวเองก็ป่วยแทน
To be Con....
ความคิดเห็น