ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาวบ้านไร่

    ลำดับตอนที่ #13 : พายุเข้า

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 146
      1
      16 พ.ย. 55

         ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้วแต่ชเวมินโฮยังไม่กลับจากไร่ทำให้คนที่รออยู่เริ่มใจคอไม่ค่อยดีนี่ก็ผิดเวลามากว่าชั่วโมงแล้ว

    เกิดเรื่องที่ไร่หรือเปล่านะ ทำไมยังไม่กลับมาสักที

    จินกิพึมพำกับตัวเองเดินไปยืนตรงระเบียงชะเง้อมองออกไปในใจเริ่มเป็นห่วงขึ้นมาซะแล้วสิ

    ครืดดดดด!

    โทรศัพท์มือถือที่วางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงสั่นเตือนสายเข้า จินกิรีบวิ่งเข้ามาคว้าทันที

    ฟู่!

    ถอนหายใจโล่งอกเมื่อรูปยิ้มแป้นแล้นที่โชว์เป็น คิมคิบอม น้องชายคนรอง

    คีย์ เองเหรอเสียงตามสายแม้จะพยายามปรับให้เหมือนปกติแต่คนฟังอย่างคีย์ผู้เฉียบแหลมก็รู้สึกได้อยู่ดีจึงอดถามไม่ได้

    พี่อนยู เสียงพี่ไม่ค่อยสู้ดีเลยนะไม่สบายหรือเปล่า

    ไม่นี่คงเป็นเพราะเสียงในโทรศัพท์มั้งหาเหตุผลมาอ้างจนได้

    งั้นเหรอ ว่าแต่พี่พักนี้เงียบจังไม่ติดต่อหาผมเลยสบายดีป่าวล่ะ

    เอ่อ  โทษทีช่วงนี้พี่ยุ่งๆน่ะต้องเรียนรู้อะไรเยอะแยะไปหมดทั้งการทำไร่เอยทำบัญชีเอยแล้วอะไรต่อมิอะไรสารพัดพี่ปวดหัวจะแย่

    อิตาชเวมินโฮให้พี่ทำขนาดนั้นเลยเหรอ คีย์อยากถามเหลือเกินว่าทำไมพี่ต้องยอมเขาทั้งๆที่ตั้งใจจะขัดใจเขามิใช่หรือและที่สำคัญผมว่าพี่อยู่ที่บ้านไร่ของเขานานเกินไปแล้วนะ

    เอ๊ะ!”ยังไม่ทันได้คุยกันเลยคนพี่ก็ร้องออกมาเพราะได้ยินเสียงรถ  มินโฮคงจะกลับมาแล้ว

    คีย์สงสัยมินโฮจะกลับมาแล้วแค่นี้ก่อนนะ หวัดดี ตื๊ดๆๆ

    พี่อนยูตัดสายไปแล้วคีย์ค่อยๆเลื่อนมือถือลงมานัยน์ตาคมเฉี่ยวจ้องมองโทรศัพท์ในมือราวกับว่ามันเป็นใบหน้าของพี่ชาย ชเวมินโฮกลับมาแล้ว แล้วไงพี่ต้องรีบไปต้อนรับหรือ?พี่อนยูผมว่าพี่แปลกๆนะคราวที่แล้วก็มีอาการราวกับว่าหึงแล้วคราวนี้...หรือว่าพี่ตกหลุมรักนายมินโฮเข้าให้แล้ว...หรือว่าพี่เสร็จเขาแล้ว  -o-

    ขณะเดียวกัน

    จินกิลงบันไดด้วยความเร็วแต่ก็ช้าไปนิดเดียว

    พี่มินโฮ~ กลับมาแล้วเหรอคะ ทำไมวันนี้กลับช้าจังรู้มั้ยว่าฉันเป็นห่วงพี่มากเลย เหนื่อยมั้ยคะ?”

    นั่นไงโดนแย่งซีนจนได้ เสียงหวานใสของยุนอากำลังถามไถ่เอาอกเอาใจแค่นั้นยังไม่พอเธอเดินไปกอดแขนมินโฮอีกต่างหากส่วนชายหนุ่มก็ยิ้มบางๆตอบแต่ทว่าสายตาของเขากลับมองเลยผ่านหญิงสาวไปที่อีกคนที่เพิ่งลงมาและหยุดอยู่ที่หน้าบันไดและทันได้เห็นว่าหน้าระรื่นๆในตอนแรกกำลังยู่

    สองสายตาสบประสานกัน จินกิไม่รู้จะพูดอะไรดีก็คำที่อยากพูดยุนอาพูดไปแล้วเขาไม่อยากลอกคำพูดของหล่อน จึงยืนเก้ๆกังๆอยู่อย่างนั้น

    จินกิเสียงทุ้มเรียกเบาๆ

    กลับมาแล้วเหรอ มินโฮ เหนื่อยมั้ยไม่อยากลอกคำพูดแต่ก็ไม่รู้จะถามคำไหน

    นิดหน่อยแต่เห็นหน้านายก็หายเหนื่อยไปนิดนึงหยอดคำหวานโดยไม่ได้สนใจหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆสักนิดหล่อนกำลังหน้างอน้อยใจเขา พี่ไม่เห็นยุนอาในสายตาบ้างเลยเหรอ

    จริงเหรอ?”จินกิถามส่งยิ้มหวานให้อย่างจงใจพลางเดินเข้ามาหาใกล้ร่างสูงที่พยักหน้าให้เป็นคำตอบ

    แล้วถ้า...” เว้นระยะคำพูดนิดปรายหางตาไปทางหญิงสาวที่ยังเกาะแขนมินโฮไม่ยอมปล่อยหล่อนเองก็กำลังจ้องเขาเขม็งรอดูว่าจะมาไม้ไหนเช่นกัน

    ถ้า...”ก้มหน้าท่าทางเอียงอายสองแก้มระเรื่อขึ้นมาชวนให้น่าเอ็นดูเหลือเกินสำหรับมินโฮแต่สำหรับหญิงสาวอีกคนกลับดูน่าหมั่นไส้หล่อนถึงกับเบะปาก

    ถ้าอะไร หืม? จินกิมินโฮถามใจก็จดจ่ออยากรู้ว่าคนตัวเล็กจะพูดว่ายังไง

    ถ้าให้หอมแก้ม จะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งมั้ยน้ากลั้นใจโพล่งออกมามินโฮถึงกับขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจนี่คนน่ารักเป็นอะไรไปปกติต้องขโมยถึงจะได้หอมแก้มแต่วันนี้มาเสนอแก้มให้หอมเองชายหนุ่มหันไปสบตาญาติสาวผู้น้องเพิ่งสังเกตุว่าหล่อนยืนแนบชิดกับเขามากทีเดียวมือยังกอดแขนเขาไว้แน่นอีก แล้วยิ้มมุมปากด้วยความพอใจเมื่อพอเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้

    ก็ลองดูสิตอบพร้อมก้มหน้ากดจมูกลงบนแก้มใสที่เอียงให้ด้วยความเต็มใจสูดหอมฟอดใหญ่

    ชื่นใจจังหายเหนื่อยจริงๆด้วย

    ฮึ!ยุนอาปล่อยแขนชายหนุ่มเสียอารมณ์แอนด์เสียหน้าไม่คาดคิดว่าคนทั้งคู่จะกล้าหวานต่อหน้าต่อตาโดยเฉพาะจินกิหล่อนไม่คาดคิดว่าจะกล้าขนาดนี้  ท้าทายใช่ไหมแล้วเราจะได้เห็นกัน หล่อนส่งสายตาพิฆาตให้จินกิก่อนจะเดินลงส้นหนักๆจากไป

    ฝากไว้ก่อนลีจินกิวันนี้เห็นว่าพี่มินโฮเหนื่อยหรอกฉันไม่อยากให้เขาลำบากใจ ชิ!

    มินโฮมองตามหลังบางของหญิงสาว เขาพอรู้ว่าหล่อนกำลังคิดและจะทำอะไร ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เขาเองก็ตั้งใจทำให้เห็นเผื่อหล่อนจะคิดได้บ้าง

    ว่าแต่ ทำไมวันนี้กลับช้าล่ะมินโฮรู้มั้ยฉัน เป็น เอ่อ ห่วงน่ะ

    ชายหนุ่มยิ้มปลื้มใจกับคำว่า ห่วง ที่ได้ยิน โอบไหล่เล็กไว้หลวมๆก่อนจะบอกกล่าวเล่าความวันนี้เป็นวันแรกที่เริ่มเก็บส้มโซนตะวันตกแค่ได้ยินจินกิก็ตื่นเต้นตาโตแล้วส้มที่เขามีส่วนร่วมในการดูแล ไม่ได้ไปไร่2-3อาทิตย์ส้มพวกนั้นโตพอที่จะเก็บแล้วเหรอเนี่ยเห็นอาการตื่นเต้นของคนรักแล้วชายหนุ่มก็อดยิ้มไม่ได้เขาก็เลยตัดสินใจที่จะไม่บอกถึงสาเหตุที่เขากลับช้าเพราะต้องเร่งให้คนงานรีบเก็บให้ได้มากที่สุดก่อนที่พายุจะเข้าในอีกไม่กี่วัน

    และด้วยเหตุนี้เช้าวันต่อมาจินกิจึงอ้อนคู่หมั้นหนุ่มขอไปไร่ด้วยเพราะอยากเห็นการเก็บและคัดส้มแถมยังพ่วงญาติสาวคนสวยไปด้วย ซึ่งพอไปถึงไร่ยุนอาก็ถูกคนงานป้าๆดึงตัวไปอีกทาง

    หนูยุนอา มัวทำอะไรอยู่คะทำไมปล่อยให้คนไม่เอาไหนอย่างลีจินกิมาแย่งคุณมินโฮไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้อาจุมม่า 1

    นั่นสิดูยังไงหนูก็เหมาะสมกับคุณมินโฮกว่าอาจุมม่า 2

    ไม่ได้นะหนูต้องเอาคุณมินโฮกลับมา นายหญิงของไร่ระฆังทองต้องเป็นหนูเท่านั้นที่พวกเรายอมรับอาจุมม่า3

    ขอบคุณมากนะคะคุณป้าทั้งสาม ยุนอาเองก็เสียใจที่อยู่ๆพี่มินโฮก็รับคุณอนยูมาอยู่ที่นี่ในฐานะคู่หมั้นหญิงสาวตอบเสียงละห้อยโถ..น่าสงสารเหลือเกินแม่คุณถึงจะไม่เคยเอ่ยปากแต่ฉลาดๆอย่างสามป้าก็ดูออกว่าหนูมีใจให้คุณมินโฮ

    เอาพี่มินโฮกลับมาหนูก็อยากทำแต่คนเดียวคงทำไม่ได้หรอกค่ะคนๆนั้นน่ะมารยาจะตายไม่งั้นจะเอาพี่มินโฮอยู่เหรอ หนูคงไม่สู้เขาหรอกค่ะคุณป้าเสียงเครือ ใบหน้าเศร้าสร้อยเรียกคะแนนจากสามป้าได้เป็นอย่างดี

    ป้าจะช่วยเอง หนูยุนอามีอะไรให้พวกป้าช่วยบอกมาเลยค่ะอาจุมม่า1โผล่งขึ้นอีกสองคนก็ส่งเสียงสนับสนุน อนิจจาสามป้าไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของหญิงสาว

    ถ้าอย่างนั้น.....”ยุนอาเรียกสามป้าให้มาสุมหัวกัน

    ทางด้านอนยูนายน้อยของไร่เมื่อมาถึงตาตี่ๆของเขาเบิกโตเท่าไข่เป็ดเมื่อเห็นส้มสีทองอร่ามดกเต็มต้นไปจนสุดลูกตานี่ขนาดเก็บไปบ้างแล้ว คนงานจำนวนมากกว่าร้อยกำลังขะมักเขม้นเก็บส้ม

    มินโฮนายรับคนงานเพิ่มเหรอเหมือนจะเยอะกว่าเดิมนะ

    เปล่าหรอกคนงานของเราก็เท่าเดิมแต่ที่เยอะเพราะมีคนงานพาร์ทไทม์นะจินกิพยักหน้าเข้าใจส้มออกเยอะขนาดนี้ก็คงต้องรับเพิ่มไม่งั้นคงเก็บไม่ทัน เห็นคนงานเก็บส้มแล้วก็ให้รู้สึกคึกคักขึ้นมาอยากลงไปร่วมเก็บส้มกับเขาบ้าง

     "ฉันไปช่วยเขาเก็บส้มนะมินโฮ"บอกคนรักก่อนจะวิ่งไข้ไปร่วมกับคนงานโดยมีลุงไสวเป็นพี่เลี้ยงการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆทำให้เพลินจนลืมคู่หมั้นอย่างมินโฮไปชั่วคราว  ขณะที่กำลังตั้งใจเก็บอยู่นั้น

    อะอุ้ย!”ร้องตกใจเมื่อจู่ๆก็ถูกชนจากด้านหลัง ใครกันที่มาชนเขาตอนแรกคิดว่าเป็นมินโฮซะอีกแต่พอหันไปกลับกลายเป็นคุณป้าคนงานที่กำลังสบตาเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่

    โทษ พอดีทางมันแคบหล่อนกล่าวเสียงกระแทกแล้วเดินฉับๆจากไป อนยูมองซ้ายแลขวาแล้วเกาหัวแกรกๆ ที่ทางออกจะกว้างขวางมันแคบตรงไหนหว่า แต่พอจะหันกลับไปทำงานต่อก็ถูกชนอีกครั้งจนเกือบหน้าทิ่ม

    หลบหน่อยสิคุณ ถ้าไม่ทำงานก็ไปไกลๆไป๊เกะกะ ทางยิ่งแคบๆอยู่ ไร้ประโยชน์จริงๆเลยยัยป้าคนที่2เดินมาชนแบบหน้านิ่งๆแล้วยังถูกด่าอีก อนยูยิ่งงงไปกันใหญ่ทางมันแคบหรืออาจุมม่าอ้วนกันแน่ครับ

    ขะขอโทษครับกล่าวขอโทษไปแบบงงๆคิดว่าตนเองไม่ได้ผิดซะทีเดียวแต่เพราะตนอาวุโสน้อยกว่าจึงต้องเป็ยฝ่ายขอโทษก่อนแต่พอจะหันหลังกลับไปเก็บส้มต่อ

    พลั่ก! เต็มๆคราวนี้นายน้อยของบ้านไร่ล้มแอ้งแม้งหมดท่า

    "อุ้ย!ช่วยไม่ได้ คุณมายืนเกะกะเอง" คนล้มเหวอพูดไม่ออกก็เก็บส้มอยู่ดีๆก็โดนชนเซไปเซมาสามครั้งสามคราจนล้มตึงลงเนี่ยผมเป็นฝ่ายผิดเหรอครับ

    "ผมเปล่าเกะกะคุณป้านะครับ ผมก็เก็บส้มอยู่ดีๆแล้ว..."

    "ต๊าย!เถึยงคำไม่ตกฟากผิดแล้วยังไม่ขอโทษอีก"

    "ไม่ใช่แบบนั้น ผม..คิดว่า"

    "อุ้ยๆๆมีเถียงอีกนะ คุณนี่นะที่แท้เป็นคนแบบนี้เอง ไม่มีสัมมาคาราวะ เถียงคอเป็นเอ็นไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่"

    "ใช่ๆๆนี่รู้มั้ยเมื่อกี้ก็แกล้งเดินชนฉันเกือบล้มแน่ะ" อาจุมม่า1เดินมาสมทบ

    "ผมเปล่านะคุณป้าเดินมาชนผมเองไม่ใช่หรือ"

    "ต๊าย!ปฎิเสธหน้าด้านๆฉันเป็นพยาน เห็นกับตาเลยแล้วยังแกล้งชนฉันอีกคนนะเธอไม่รู้ฉันไปทำอะไรให้ ฉันก็เป็นคนงานธรรมดาๆยังจะมารังแกกันอีก"

    "ที่แท้คุณเป็นคนแย่แบบนี้เองหรือ พอคุณมินโฮไม่อยู่รีบออกลายเลยนะ คงจะอึดอัดสินะต้องแอ๊บเป็นคนดีต่อหน้าคุณมินโฮคิดจะจับเขาโฮล่ะสิ แต่รู้ไว้ซะตบตาได้แต่คุณมินโฮเท่านั้นเรารู้ทันหมดแล้ว"

    "มะไม่….ใช่"

    "หน้าด้านจริงๆ ฉันจะไปป่าวประกาศให้ชาวบ้านรู้ให้หมด คุณมันคนหลอกลวง "

    "หา!"อนยูกลายเป็นคนนิสัยไม่ดีกลายเป็นคนหลอกลวงไปแล้วถูกสามอาจุมม่าชี้หน้ากล่าวหาโดยที่ไม่มีโอกาสได้ลุกขึ้นยืนและอธิบายอะไร

    "หยุดๆๆๆได้แล้วแม่คุณ"ลุงไสวมาพอดีก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายไปกว่านี้ เขามาช่วยพยุงนายน้อยลุกขึ้นแล้วพาออกจากวงล้อมของสามป้า

    "พวกหล่อนนี่มันจริงๆเลยนะมาวุ่นวายอะไรกับคุณอนยู ขอโทษแทนแม่พวกนี้ด้วยนะครับ อย่าถือสาพวกหล่อนเลยอย่างนี้แหละครับพวกวัยทองมักอารมณ์แปรปรวน เราตามไม่ทันหรอก"

    "กรี๊ด!!!หนอย อิตาไสว แกว่าพวกฉันเร๊อะ กรี๊ดๆๆๆๆไอ้แก่"

    สามป้าส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดไม่พอใจแต่ลุงไสวก็หาสนใจไม่

    "ไปกันเถอะครับคุณอนยู"

    "อะเอ่อ ฮะ"อนยูก็ไม่ได้ติดใจอะไรสามป้านักแต่เขางงมากกว่าเหมือนกับว่าสามป้านั่นจงใจหาเรื่องเขาแต่จะมีเหตุผลอะไรที่ผู้สูงวัยทั้งสามนางจะทำแบบนี้

    "ว่าแต่ ลุงไสวจะพาผมไปไหนครับ"อนยูลืมสามป้าไปง่ายดายหันมาสนใจข้างหน้าดีกว่าชายสูงวัยกำลังจะพาตนไปไหนยังไม่รู้เลย

    "ทางโน้นเขากำลังคัดส้มกันครับเจ้านายบอกว่าคุณอยากเห็นผมก็เลยจะพาไปดูครับ"

    เดินมาได้สักพักก็ถึงจุดคัดขนาดส้มกลางแจ้ง เครื่องคัดแยกกำลังทำงานส่งเสียงดังครึกครักๆคนงานหลายคนทำงานกันอย่างขะมักเขม้น มีส้มรอเข้าเครื่องคัดตั้งเรียงกันราวยี่สิบเข่งเห็นจะได้และยังมีส่วนที่คัดขนาดแล้วคนงานกำลังช่วยกันยกขึ้นรถพ่อค้าที่มารอรับโดยมีชินดงคอยยืนคุมอยู่

    “อุ ว้าว”นายน้อยบ้านไร่ตาโตกับภาพที่เห็น ลีจินกิเพิ่งเคยมาเห็นของจริงก็วันนี้มันช่างน่าตื่นตาตื่นใจเสียนี่

    “นี่ล่ะครับ เราจะทำการคัดขนาดส้มมีหลายเบอร์มีเบอร์......บลาๆๆๆๆๆๆๆๆ”ในขณะที่ลุงไสวอธิบายนายน้อยอนยูมองตามผลงานที่ตนมีส่วนร่วมดูแลและก็นึกขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง

    ตั้งแต่มาทำไร่ส้มกับมินโฮเราเองก็ยังไม่เคยลองชิมสักทีว่าส้มของมินโฮรสชาติเป็นยังไง หุหุ

    “เจ้าพวกนี้รอเข้าเครื่องคัดสินะ ชิมได้มั้ย”ไม่รอคำตอบอนยูหยิบส้มจากเข่งที่อยู่ใกล้มือปอกเปลือกและโยนเข้าปากเคี้ยวกร้วมๆอย่างรวดเร็ว

    “อื้ม อาหย่อยๆ”ในชั่วพริบตาก็หมดไปหนึ่งลูก นายน้อยดูท่าจะติดใจหยิบอีกลูกมาปอก

    “นอกจากพวกพ่อค้าผลไม้ที่มารับแล้วมีที่ไหนมาซื้อจากเราบ้างฮะ”ถามจบก็โยนส้มชิ้นโตเข้าปาก

    “ก็โรงงานน้ำผลไม้ยังไงล่ะ”

    อึก! จินกิชะงักเมื่อเสียงตอบไม่ใช่ลุงไสวแต่เป็นเจ้าของไร่ตัวจริงมินโฮมาตอนไหนส้มที่เพิ่งโยนเข้าปากก็เลยไม่กล้าเคี้ยว  คิดไปเองว่ามินโฮจะว่ามั้ย

    “จินกิ” ไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมองหน้า

    “มีอะไรหรือเปล่า”จินกิส่ายหน้าโดยยังหันหลังให้ชวนให้สงสัยนักว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล

    “จินกิ”ชายหนุ่มออกแรงบังคับร่างเล็กให้หันหน้ามาหาตนจินกิรีบซ่อนของกลางในมือไว้ด้านหลังทันที คิ้วเข้มขมวดเมื่อจับพิรุธได้ทั้งแก้มที่ป่องปากที่เม้มแน่นและมือที่ซ่อนไว้ข้างหลัง เขารู้ทันแต่ก็นึกอยากแกล้งขึ้นมา

    “จินกิ นายทำอะไรผิดใช่ไหม”

    “อื้อๆ”ส่ายหน้าปฏิเสธแรงๆ

    “เคยบอกใช่ไหมว่าถ้านายทำผิดฉันจะทำโทษยังไง”ไม่พูดอย่างเดียวดึงร่างเล็กเข้ามาใกล้จินกิส่ายหน้าแรงๆเขายังไม่ลืมบทลงโทษของมินโฮคืออะไรแต่จะจูบตอนนี้ไม่ได้นะเพราะในปากเขามีส้มชิ้นเบ้อเริ่ม เป็นอุปสรรคอย่างแรง อ๊าก!ไม่ใช่เขาก็รู้นะสิว่าแอบกินส้ม แต่มันไม่ทันแล้วเพราะมือของมินโฮจับท้ายทอยเขาให้เงยขึ้นรับริมฝีปากอุ่น

    “อื้อๆๆๆ”พยามดิ้นขัดขืนส่งเสียงอู้อี้ริมฝีปากเม้มแน่น

    แค้กๆๆๆผลักอกมินโฮออกเซถอยไปนั่งไอเพราะสำลัก รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอกลืนส้มตอนไหนดีที่ไม่ติดคอแต่ที่แน่ๆสำลักน้ำส้มครับ

    “แค้กๆโอ้ยเกือบตายแล้ว  มินโฮ แค้กๆทำอะไรของนาย แค้ก คนบ้าเอ้ย”ร่างสูงต้องตามมาช่วยลูบหลังให้รู้สึกผิดเหมือนกันเมื่อเห็นคนตัวเล็กไอจนหน้าแดง แต่หน้าแดงจัดแบบนี้ก็น่ารักนะ

    “ดีขึ้นยังจินกิ”ถามเมือเห็นว่าร่างเล็กหยุดไอแล้ว จินกิพยักหน้าเมื่อได้สติก็เริ่มโวยวายแถมลืมตัวปาส้มส่วนที่เหลือในมือใส่ร่างสูงอีกต่างหาก

    “หนอย มินโฮ ทำอะไรของนายน่ะนี่มันกลางไร่นะ ไม่อายรึไงคนงานเยอะแยะ”

    “อายทำไม นี่มันไร่ของเรา จะทำอะไรก็ได้”ตอบทำหน้ากวนยิ่งทำให้จินกิฉุนกึก

    “ดูดีๆสิจินกิไม่เห็นมีใครอยู่สักคน”จินกิหันไปมองรอบๆจริงอย่างว่าไม่มีใครเลยแม้แต่ลุงไสวที่ยืนอยู่ข้างๆเขาแอบชิ่งไปตอนไหนกัน สิ่งที่เขาไม่ทันสังเกตุก็คือตั้งแต่ตอนมินโฮเดินมาทางเขาคนงานทุกคนก็พร้อมใจกันสลายโต๋เปิดทางให้เจ้านายหนุ่มได้สวีทกับคนรักตามสบาย

    “ชิ!ไม่คุยด้วยแล้ว”อมลมแก้มป่องหน้าแดงจะเดินหนีแต่ช้ากว่ามนุษย์กบรูปหล่อที่สวมกอดจากทางด้านหลังได้ทัน

    “เดี๋ยวสิ จินกิ ไม่กินส้มแล้วเหรอ ส้มเราอร่อยนะ ว๊านหวาน  แต่....น้อยกว่านายนิดนึง”ประโยคหลังจงใจกระซิบที่ข้างหูแน่นอนมันทำให้คนฟังหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกเลย อ๊าก ตาคนนี้ทำให้เขินได้ตลอกสิน่า

    “ไม่กินแล้ว ปล่อยเลยจะไปทำงานต่อ”กระแทกเสียงงอนๆรู้ตัวว่าโดนแกล้งเข้าให้แล้ว

    “งั้นเราไปด้วยกัน โอเค๊?”มินโฮตอบเป็นอันจบเขารั้งร่างบางไว้ไม่ยอมปล่อยก่อนจะพากันเดินเข้าไปในไร่โดยมีสายตาเป็นประกายของเหล่าคนงานที่แอบอยู่ตามสุทุมพุ่มไม้มอฝตามอยู่พวกเขากระซิบกระซาบและหัวเราะคิกคักชอบใจกันใหญ่

     

     

    หลังมื้อเย็นหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันเข้าห้อง

    อนยูออกจากห้องน้ำแล้วก็ต้องตกใจกับสภาพอากาศข้างนอกที่ส่งเสียงเล็ดลอดเข้ามาทั้งเสียงลมเสียงฝนและเสียงฟ้า อื้ออึงเปรี้ยงปร้างจนน่ากลัว พายุงั้นเหรอ หนักขนาดนี้ส้มที่ไร่จะเป็นไงบ้างนะเขาจำได้ว่าก่อนกลับจากไร่ซึ่งผ่านไปยังไม่ถึงสองชั่วโมงเลยมีส้มที่เก็บแล้วรอคัด รอขนย้ายราวร้อยเข่ง แล้วยังมีต้นส้มโซนอื่นที่ยังไม่สุกกำลังดกด้วย ถ้าพายุหนักขนาดนี้ต้องโค่นทั้งต้นแน่ๆ อนยูเริ่มเป็นห่วงไร่ส้มขึ้นมาเขารีบคว้าเสื้อผ้ามาสวมด้วยความรวดเร็วก่อนจะวิ่งออกจากห้อง

    ก๊อกๆๆ

    มินโฮๆๆเคาะประตูรัวเรียกด้วยความร้อนใจแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับของคนรัก ทำอะไรอยู่นะคนยิ่งร้อนใจ

    มินโฮนี่มินโฮอยู่รึเปล่า

    พี่มินโฮไม่อยู่ออกไปไร่แล้วเสียงห้วนๆของยุนอาซึ่งเดินขึ้นมาเจอพอดี

    ไปไร่อนยูทวนคำไปตอนไหนก็เพิ่งแยกกันหลังกินข้าวเย็นเสร็จแท้ๆ

    นี่ไม่รู้อะไรบ้างเลยหรือไง พายุหนักขนาดนี้ไร่ส้มจะเป็นยังไงพี่มินโฮเป็นห่วงก็ต้องออกไปดูสิหล่อนกระแทกกระทั้นก็เพราะรู้และเป็นห่วงไร่นะสิเขาถึงมาเคาะประตูเรียกมินโฮอยู่นี่ ตอนนี้ไม่อยากเถียงด้วยอนยูรีบผลุนผลันวิ่งลงมาด้านล่างในใจคิดแค่ว่าจะต้องตามมินโฮไปที่ไร่ คนรักกำลังต้องการความช่วยเหลือ ชายหนุ่มวิ่งลงไปที่ห้องทำงานค้นหากุญแจรถอีกคันในลิ้นชักเมื่อได้แล้วก็วิ่งออกมาหาชุดกันฝน ในใจก็นึกห่วงว่ามินโฮจะใส่ชุดกันฝนไปด้วยหรือเปล่า

    คุณอนยู จะไปไหนคะแม่บ้านจีฮาเดินออกมาเรียกไว้ก่อนที่จะทันเดินถึงประตู

    ผมจะไปไร่ฮะนายน้อยตอบด้วยความร้อนรน

    ไม่ได้นะคะ ก่อนออกไปคุณมินโฮสั่งไว้ให้บอกคุณให้รออยู่ที่บ้านค่ะ

    ไม่ ผมต้องไปช่วยมินโฮ

    เชื่อป้านะคะ คุณมินโฮยังสั่งไว้อีกว่าถ้าห้ามคุณไม่ได้ป้าจะมีความผิดจะถูกตัดเงินทั้งเดือนนี่เขาเรียกขู่แล้วครับป้า

    แต่..”อนยูอึกอักแต่ก็ยังอยากจะไปให้ได้แม้จะรู้ดีว่าแม่บ้านไม่ได้โกหกเขาแน่นอนรู้จักมินโฮมาชั่วระยะหนึ่งก็พอจะรู้ว่าคนรักเป็นคนยังไง เขาทำอย่างนั้นได้จริงๆ มองออกไปข้างนอกสลับกับใบหน้าซีดๆของแม่บ้านจีฮาไปมาชั่งใจ

    เชื่อป้านะคะคุณอนยูแม่บ้านอ้อนวอนเสียงเริ่มสั่น จับแขนรั้งนายน้อยไว้นางเข้าใจดีว่าเขาเป็นห่วงเจ้านายแต่คำสั่งของเจ้านายหนุ่มก็น่ากลัว

    ป้ารู้ว่าคุณเป็นห่วงคุณมินโฮ แต่ว่าเราเคยเจอพายุแบบนี้ทุกปี ป้ามั่นใจว่าคุณมินโฮสามารถรับมือได้

    นางพยายามชี้แจงให้นายน้อยคลายกังวล ในที่สุดอนยูก็ยอมพยักหน้าก็จริงอย่างที่แม่บ้านบอก คิดอีกทีถ้าเกิดเขาตามไปที่ไร่จะเจอมินโฮหรือเปล่าก็ไม่รู้ อยู่ไร่ก็จริงแต่เนื้อที่ตั้งหมื่นกว่าไร่จะไปตามหาที่ไหน

    ก็ได้ฮะ งั้นผมจะนั่งรอมินโฮอยู่ที่นี่ก็แล้วกันบอกพร้อมเดินไปนั่งที่โซฟาเหมือนแม่บ้านจะไม่ค่อยไว้วางใจกลัวเป็นลูกเล่นของเขานางจึงตามมานั่งลงข้างๆพร้อมออกปากว่าจะอยู่เป็นเพื่อนซึ่งอนยูก็ไม่ได้ว่าอะไร

    ผ่านไปสามชั่วโมงกว่าลมพายุสงบลงแล้วเหลือเพียงสายฝนที่กระหน่ำลงมาไม่ขาดสายและไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่ายๆ แม่บ้านจีฮาสัปหงกหลายรอบจนชายหนุ่มต้องบอกให้ไปนอนเพราะทนความง่วงต่อไปไม่ไหวนางจึงยอมเชื่อแต่โดยดี

    จินกินั่งรอต่อลำพังและเผลอฟุบหลับไปโดยไม่รู้ตัวและสะดุ้งตื่นอีกครั้งเมื่อเสียงประตูห้องเปิดออกพร้อมร่างสูงที่เปียกโชกเดินเข้ามา

    มินโฮ!”พอเห็นว่าเป็นใครร่างเล็กก็ลุกโผเข้าหาและกอดร่างนั้นไว้แน่นโดยไม่สนใจว่าร่างสูงจะเปียกสักแค่ไหน

    จินกิ ยังไม่นอนเหรอจินกิผละออกส่ายหน้า

    ฉันเป็นห่วงนายเป็นห่วงไร่  มินโฮเปียกขนาดนี้ไม่ได้ใส่ชุดกันฝนเหรอ

    อืม รีบน่ะแต่ว่าส้มเราปลอดภัย ไร่ก็เสียหายไม่เยอะ จินกิ หนาวจังเลยชายหนุ่มบอกดึงร่างคนรักเข้าไปกอดอีกครั้งจินกิเพิ่งรู้สึกตัวมินโฮเย็นเฉียบเลยร่างใหญ่เกร็งและสั่นคงจะหนาวจริงๆ

    พี่คะ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่านะคะเดี๋ยวจะไม่สบายยุนอามาตอนไหนไม่รู้หล่อนยื่นผ้าขนหนูผืนใหญ่ให้มินโฮ

    ขอบใจนะยุนอาชายหนุ่มรับมาจินกิเองก็เพิ่งนึกได้แล้วก็ได้แต่ต่อว่าตนเองในใจมานั่งรอมินโฮตั้งนานลืมคิดไปว่ามินโฮอาจจะเปียกกลับมาเลยไม่ได้เตรียมผ้าไว้รอ ไม่น่าเลย

    พี่มินโฮหิวหรือเปล่าคะ อยากทานอะไรอุ่นๆมั้ย เดี๋ยวฉันทำให้

    ขอบใจนะงั้นพี่ขอโกโก้ร้อนสักแก้วก็แล้วกันชายหนุ่มตอบก่อนจะเดินแยกขึ้นห้องในขณะที่หญิงสาวเดินแยกไปในครัว

    จะอ้อนพี่มินโฮฉันก็ไม่ว่าแต่หัดดูกาลเทศะบ้างนะ หรือว่าคนอย่างคุณมีปัญญาทำได้แค่นี้ยุนอากล่าวเสียงเบาให้พอได้ยินกันสองคนขณะเดินผ่านจินกิ ทำเอาเขาหน้าชาขึ้นมาราวกับถูกหล่อนตบหน้าไปฉาดใหญ่ เถียงไม่ออกจริงๆถึงเมื่อกี้ไม่ได้จะอ้อนอย่างที่หล่อนกล่าวหาแต่ตัวเองก็ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเลยในขณะที่หญิงสาวกลับรู้สิ่งที่ควรทำจัดหาผ้าเช็ดตัวมาให้ทั้งที่เป็นคู่หมั้นแท้ๆจินกิได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจ นายมันไอ้งั่ง ไม่ได้เรื่องอย่างที่เธอว่าจริงๆนั่นแหละ

    จินกิร่างเล็กสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกเรียก นี่เขาเผลอจมอยู่กับความคิดตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย

    ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน

    เอ่อ...”

    นายเองก็เปียก เดี๋ยวจะไม่สบายนะจริงของมินโฮถึงจะไม่ได้เปียกโชกแต่เพราะอากาศด้านนอกเย็นด้วยเริ่มรู้สึกหนาวๆขึ้นมาแล้วร่างเล็กรีบสาวเท้าให้ทันร่างสูงที่ยืนรออยู่

    หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จจินกิก็เริ่มลังเลว่าจะไปดูคนที่อยู่ห้องข้างๆ(ก็มินโฮนั่นแหละ)ก่อนหรือจะเข้านอนเลย แต่สุดท้ายก็แพ้ใจยังไงก็ห่วง

    ก๊อกๆๆ เคาะประตูก่อนที่ร่างเล็กจะเปิดเข้าไปเอง ตาตี่แทบถลนเมื่อเจอหญิงสาวอยู่ในห้องก่อนแล้ว ดีนะที่มา ยุนอาปรายหางตามามองเขานิดหนึ่งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จินกิเองก็เหลือบไปมองสิ่งที่หล่อนนำเข้ามาด้วยบนถาดที่หล่อนวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงมีโกโก้ร้อนที่มินโฮขอในตอนแรกนอกจากนี้ยังมีน้ำเปล่า ยาลดไข้ ยาลดน้ำมูก ปรอทวัดไข้ แผ่นเจลลดไข้ เห็นแล้วก็รู้สึกละอายใจเขาไม่ได้นึกถึงของเหล่านี้ด้วยซ้ำทั้งๆที่ห่วงมินโฮมากแท้ๆ อีกครั้งที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นไอ้งั่ง

    อ้าวมินโฮร้องออกมาเบาๆเมื่อออกจากห้องน้ำแล้วพบญาติสาวผู้น้องยืนอยู่กลางห้องส่วนคู่หมั้นหนุ่มยืนติดกับประตู

    พี่เป็นไงบ้างคะ ฉันเอาโกโก้มาให้แล้วก็มียาลดไข้ด้วยทานกันไว้ดีกว่านะคะ

    ขอบใจมากนะยุนอา เธอไปพักผ่อนเถอะ พี่ไม่รบกวนเธอแล้ว

    ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ฉันยินดี นี่ค่ะโกโก้ทานเลยนะคะจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นหล่อนบอกพร้อมยกแก้วมายื่นให้ซึ่งมินโฮเองก็รับจากหล่อนยกดื่มจนหมดแก้วหญิงสาวมองตามด้วยรอยยิ้มเป็นต่อปรายหางตามองใครอีกคนที่ยืนเอ๋ออยู่หน้าประตู แล้วถือโอกาสยกมืออังหน้าผากชายหนุ่ม

    พี่มีไข้นะคะ ทานยาดีกว่าหล่อนหยิบยาส่งให้แต่ชายหนุ่มยกมือห้ามไว้ก่อนบอกหล่อนไปว่าจะกินทีหลัง

    ขอบใจนะ พี่ไม่เป็นไรแล้วเธอกลับไปพักผ่อนเถอะมินโฮบอกอีกครั้งแต่หญิงสาวก็ยังไม่ยอมกลับอยู่ดี

    คืนนี้ให้ฉันดูแลพี่นะคะฉันเป็นห่วงพี่หล่อนอ้อนวอน

    ไม่ต้องห่วงหรอกครับผมจะดูแลเองจินกิที่ทนดูอยู่นานโพล่งขึ้นบ้างหลังจากที่ปล่อยให้หล่อนทำคะแนนนำไปหลายแต้ม

    อย่าเลยค่ะคุณคงไม่ถนัด ไม่เคยดูแลใครนี่คะ

    ใครบอกล่ะครับคุณยุนอา ผมนะเป็นพยาบาลประจำบ้านเชียวนะ คุณไปพักผ่อนเถอะครับ มินโฮเป็นคู่หมั้นผม ผมจะดูแลเอง คืนนี้ขอบคุณมากนะครับแต่หล่อนก็ยังดื้อดึงจะไม่ยอมไป

    แต่ /เชิญครับไม่ปล่อยโอกาสให้หล่อนได้พูดอีกต่อไปจินกิผายมือให้ แต่ยุนอาก็ยังคงยืนนิ่งจ้องหน้าเขาสายตาเอาเรื่อง

    “”ไปเถอะยุนอา ดึกมากแล้วเป็นมินโฮที่ออกปากเอง

    พี่มินโฮหล่อนหันไปมองชายหนุ่มน้อยใจกับคำพูดของเขาจนขอบตาร้อนผ่าว พี่มินโฮออกปากเองขนาดนี้มีหรือที่หล่อนจะกล้าอยู่ต่อ เดินออกไปอย่างเงียบๆ

    จินกิมองตามหลังยุนอาที่เดินออกไปจากห้องแวบหนึ่งก็รู้สึกเห็นใจหล่อนเหมือนกัน รักมินโฮ คือความรู้สึกของหล่อนที่เขารู้แต่เขาเองก็รักมินโฮเช่นกันถึงไม่อาจทนอยู่เฉยๆได้เมื่อหล่อนเข้ามาใกล้คนรักอะไรก็ตามที่จะทำให้มินโฮไขว้เขวหรือเปลี่ยนใจได้เขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น

    คลิก  ล็อคประตูซะเพื่อป้องกันไม่ให้ใครเข้ามาได้อีก

     
    “บางคนทำดีแค่ไหนก็ไร้ค่า แต่บางคนไม่ทำอะไรกลับได้ความรักไปเต็มๆ”

        นี่คือความคิดของยุนอาขณะกำลังเดินกลับห้อง เมื่อเข้าห้องตัวเองมือเล็กทุบลงบนเตียงทั้งน้อยใจทั้งแค้นใจ พี่มินโฮ ใจร้ายเกินไปแล้ว ฮึ ทำไมกันทั้งๆที่ทำดี ดูแลเอาใจใส่พี่ทุกอย่างทำไมพี่ถึงไม่เคยเห็น ไม่หรอกพี่เห็นแต่พี่มองข้ามไป เพราะคนๆนั้นสินะลีจินกิ

    ลีจินกิ พี่รักมันมากใช่ไหม พี่รักแต่ฉันเกลียด เกลียดมันคนที่แย่งทุกอย่างไปจากฉัน คอยดูแล้วกันถ้าฉันไม่สมหวังก็อย่าคิดว่าใครจะได้มีความสุขหญิงสาวกล่าวกับตนเองสายตาหล่อนแข็งกร้าวจนดูน่ากลัว ความรักที่ถูกหมางเมินความปวดร้าวที่ต้องทนเห็นภาพบาดตาบาดใจสะสมมากเกินไปแล้ว

    มาต่อกันที่ห้องของมินโฮ หลังจากที่ยุนอาออกไปแล้วจินกิก็จัดการให้มินโฮกินยาและนอนพัก เมื่อมีคนน่ารักมาคอยดูแลมีหรือที่ชเวมินโฮจะอยากหลับ ชายหนุ่มนอนตาแป๋วมองพยาบาลหนุ่มจำเป็นอยู่อย่างนั้นจนคนถูกมองเริ่มตัวรุมๆแล้ว ไม่ได้ไข้ขึ้นหรอกนะแต่เป็นเพราะสายตามินโฮ ถูกจ้องมองกี่ครั้งกี่ทีมันก็ไม่ชิน

    “เอ่อ...คุณยุนอาเธอ  รอบคอบจังนะดูดิเตรียมมาครบเลยทั้งน้ำทั้งยา”โอย  จินกิอยากจะตบปากตัวเอง หาเรื่องคุยยังไปพูดถึงคนอื่นอีก

    “อืม เธอก็เป็นแบบนี้แหละ ฉันถึงได้ไว้ใจให้เธอช่วยดูแลบัญชีให้”มินโฮตอบตามที่เขาคิดมันทำให้อีกคนนึกถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านมา

    “นั่นสินะ ไม่เหมือนฉันทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องสักอย่าง”ก้มหน้าพูด

    “จินกิ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นนะ”

    “ฉันรู้ แต่ฉันรู้ตัวเองดี ฉัน  นั่งรอนายมาค่อนคืนรู้ทั้งรู้ว่านายกลับมาต้องเปียกต้องหนาวแต่ฉันก็ไม่ได้เตรียมผ้าไว้ให้ ของพวกนี้อีกทั้งเครื่องดื่มอุ่นๆ ทั้งยาทั้งเจลลดไข้ฉันควรจะเป็นคนเตรียมให้นายแต่ลีจินกิคนนี้ก็ไม่ได้นึกถึงมันเลยด้วยซ้ำ ในขณะที่คุณยุนอาเธอทำทุกอย่างได้ไม่มีบกพร่องฉันกลับทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ฉันไร้ประโย..มิน..”มินโฮยันตัวลุกขึ้นดึงคนตัวเล็กเข้าหาตัวแล้วกอดไว้อย่างนั้น

    “จินกิ นายนี่นะ ไปเอาความคิดนี้มาจากไหนหา?”ถามเหมือนร่างบางเป็นเด็กๆพลางลูบศรีษะเบาๆจินกิส่ายหน้าในอ้อมกอดเขาไม่ได้เอามาจากไหนหรอกเขารู้สึกเองตามสถานการณ์

    “นายออกไปไร่ตอนพายุเข้าโดยไม่บอกฉันสักคำ คิดว่าฉันช่วยอะไรไม่ได้กลัวฉันจะเป็นภาระใช่มั้ยล่ะ ฮึ”เสียงเริ่มเครือร่างสูงต้องกระชับอ้อมกอดขึ้นอีก

    “ไม่ใช่แบบนั้นจินกิ  ที่ไม่อยากให้นายไปด้วยเพราะไม่อยากให้นายต้องลำบาก วันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวัน ฉันพานายมาอยู่นี่ทำให้นายลำบากมากแล้ว”

    “...”เมื่อไม่มีคำใดตอบรับชายหนุ่มจึงกล่าวต่อ

    “ตอนที่ฉันเปิดประตูเข้ามาแล้วเจอนายโผเข้าหาโดยไม่สนใจว่าฉันเปียกอยู่ ฉันดีใจมากรู้มั้ยยิ่งนายบอกว่าเป็นห่วงฉันมันทำให้ฉันหายเหนื่อยฉันไม่สนหรอกว่าใครจะเตรียมอะไรไว้รอที่ฉันสนใจก็คือนายจินกิ ขอโทษนะถ้าที่ฉันทำไปทำให้นายรู้สึกไม่ดีแต่ทั้งหมดก็เพราะรัก เพราะห่วง ไม่อยากนายลำบาก ”

    “ก็เคยบอกแล้วไงว่าฉันไม่กลัวความลำบาก”น้ำเสียงกระเง้ากระงอดอยู่กับอกกว้าง

    “ไม่ได้หรอกฉันจะไม่อยากให้ว่าที่เมียต้องลำบากมากเดี๋ยวนายทนไม่ไหวหนีไป ฉันก็ต้องกำพร้าเมียนะสิ โอ๊ะ!”ร่างบางทุบอักเข้าที่อกแกร่งไปทีนึงโทษฐานปากดี 

    “นอนได้แล่ว”กล่าวเมื่อผละออกจากอกชายหนุ่มได้พลางทำเป็นจัดผ้าห่มให้เขา

    “นายก็ไปนอนได้แล้ว”

    “ฉันไม่ง่วงสงสัยเพราะได้งีบตอนรอนาย นอนพักเถอะฉันจะอยู่เฝ้าไข้นายเอง”มินโฮนอนมองพยาบาลหนุ่มที่กำลังจัดแจงห่มผ้าให้  อ่า..มีจินกิอยูดูแลแบบนี้อยากป่วยไปตลอดชีวิตเลย

    ผ่านไปไม่นานมินโฮก็หลับสนิท เมื่อไม่มีคนคุยด้วยมันก็เงียบจินกิมองซ้ายขวาหาอะไรทำฆ่าเวลา อ้า!นึกออกแล้วที่ห้องทำงานข้างล่างมีหนังสือน่าสนใจอยู่นี่นา คิดได้ดังนั้นก็เดินออกจากห้องไปครู่หนึ่งก็กลับเข้ามาพร้องหนังสือสามสีเล่ม กะจะอ่านหมดภายในคืนนี้เลยเร้อ  ร่างบางนั่งลงอ่านหนังสือที่เก้าอี้ข้างเตียงขิงคู่หมั้นหนุ่ม แต่ผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาทีเขาก็รู้สึกว่านั่งอ่านแบบนี้เมื่อยอ่ะ พลันตาเรียวๆก็เหล่พื้นที่บนเตียงที่ว่างอยู่เยอะมาก มินโฮนอนคนเดียวแท้ๆเตียงขาดใหญ่ยังกะจะนอนกันสามคน ร่างบางหอบหนังสือไปวางบนเตียงฝั่งที่ว่างและนอนอ่านหนังสือแบบสบายอารมณ์ที่กล้าขนาดนี้เพราะเขามั่นใจว่ามินโฮหลับสนิทชัวร์

    มินโฮลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเขางัวเงียมองนาฬิกาที่หัวเตียงเกือบเจ็ดโมงแล้วข้างนอกฝนยังรินอยู่ เขาเริ่มมองหาร่างบางที่บอกว่าจะอยู่เฝ้าไข้แต่ก็ไม่เจอ สงสัยจะง่วงเลยกลับไปนอนที่ห้อง ชายหนุ่มก็ไม่ได้ถือสาอะไรและตอนนี้เขาก็ไม่มีแรงจะลุกจากเตียงเสียด้วย ที่ทำได้ตอนนี้คือพลิกตัวเปลี่ยนท่านอนเท่านั้น

    อื๋อ?ครางเบาๆเมื่อพลิกตัวแล้วไปถูกก้อนอะไรบางอย่าง ก้อนกลมๆขาวๆน่ารักๆ จินกินั่นเองนอนขดอยู่ข้างๆและมีหนังสือหนุนหัวอยู่ ในทีแรกชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับที่ไหล่หมายจะปลุกแต่แล้วก็เปลี่ยนใจเขาขยับเข้าไปใกล้ๆตลบผ้าห่มคลุมก้อนเต้าหู้จนมิดชิด โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยนี่นา ร่างบางคงรู้สึกได้ถึงไออุ่นจึงได้พลิกตัวขยับเข้าหาความอบอุ่นและกอดหมับที่ร่างใหญ่ มินโฮก็ไม่ปล่อยโอกาสให้ผ่านไปลำแขนแกร่งกอดร่างเล็กตอบมอบไออุ่นให้เต็มที่

    “นี่นายน่ะจงใจยั่วกันใช่ไหม่ ย่าส์!ดีนะที่ฉันไม่สบายไม่มีแรง ไม่งั้น...อย่าหวังจะได้หลับสบายๆ”

    พูดกับคนหลับสนิทก่อนจะพล็อยหลับไปอีกครั้ง

    ราวแปดโมงยุนอาถือถาดข้าวต้มเข้ามาในห้องญาติผู้พี่ เสียงประตูทำให้ชายหนุ่มตื่นพอดี

    “พี่เป็นไงบ้างคะ ฉันทำข้าวต้มมาให้เดี๋ยวฉันป้อนนะคะ”หล่อนกล่าวขณะวางถาดลงบนโต๊ะข้างเตียง

    “ขอบใจนะแต่ให้จินกิป้อนดีกว่าไม่อยากรบกวนเธอ อีกอย่างก็เป็นหน้าที่เขา”มินโฮตอบขณะลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงหญิงสาวชักสีหน้า อะไรๆก็จินกิแล้วตอนนี้อยู่ไหนล่ะจินกิของพี่บอกจะดูแลพี่ไม่ใช่เหรอสายป่านนี้ยังไม่โผล่หัวเลย

    “ก็เขายังไม่ตื่นไม่ใช่เหรอคะ”หล่อนยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ

    มินโฮครางรับแล้วหันไปเขย่าก้อนเต้าหู้ที่มุดอยู่ใต้ผ้าห่ม

    “จินกิ ตื่นได้แล้ว”ร่างนั้นขยับยุกยิกๆก่อนจะผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

    “อะเฮ้ย ฉันมานอนนี่ได้ไง”ยังคงงงว่าตนมานอนตรงนี้ได้ไงร่างสูงก็ตอบมาลอยๆว่าไม่รู้~เมื่อมองซ้ายขวาก็ยิ่งตกใจเมื่อเห็นดวงตากลมโตถลึงใส่

    “จินกิจะกินข้าวแล้ว ช่วยป้อนหน่อยสิ ไม่มีแรงเลย”มินโฮได้โอกาสอ้อนคนรักโดยไม่สนใจหญิงสาวคนที่ยกข้าวต้มมาให้เลยสักนิดหล่อนกัดริมฝีปากข่มความรู้สึกอย่างหนักเจ็บและน้อยใจเหลือเกิน

    “อะเอ่อ ก็ได้แต่ขอเวลาไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนแป๊บนึง”ลุกรี้ลุกรนลุกจากเตียงวิ่งออกจากห้องโดยไวก่อนที่จะมีใครมาแย่งซีน

    “พี่คะ ฉัน”หญิงสาวพูดขึ้นหลังจากที่จินกิไปแล้วชายหนุ่มขมวดคิ้วรอฟัง

    “กรมอุตุฯบอกว่าจะมีฝนรินอย่างนี้ไปอีก2-3วัน วันนี้ฉันจะไปธุระและจะกลับไปเยี่ยมแม่3วัน พี่จะ...”

    “ตามใจก็แล้วกันถ้าฝนตกแบบนี้ก็คงทำอะไรไม่ได้มาก กลับยังไงล่ะเอารถพี่ไปใช้สิ ขับระวังๆล่ะ”ชายหนุ่มไม่ได้ห้ามและยังเป็นห่วงความปลอดภัยของหล่อนอีกด้วย ยุนอากล่าวขอบคุณแล้วเดินออกไปสวนทางกับจินกิพอดีหล่อนไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ เป็นอะไรไป

    “มินโฮ คุณยุนอา?”

    “กลับบ้านน่ะ   จินกิ หิวแล้ว ^_^”ตอบแล้วหันมาทำท่าอ้อนจินกิหมั่นไส้แต่ก็ยอมทำตาม ตลอดสองวันจินกิคอยพยาบาลมินโฮวุ่นวายอยู่บ้างเมื่อคนป่วยอ้อนคุณพยาบาลไม่อยากให้อ้อนยิ่งยุนอาไม่อยู่จินกิไม่ยอมง่ายๆอยู่แล้ว แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับทั้งสองคน

    วันที่สามมินโฮตื่นมาในตอนเช้ารู้สึกเบาเนื้อเบาตัวกว่าทุกวัน แสงแดดยามเช้าส่องลอดม่านหน้าต่างเข้ามาแสดงว่าพายุผ่านไปแล้ว อา..อากาศดีจัง เขาลุกจากเตียงไปเปิดม่านรับแสงแดด

    “อากาศดีอย่างนี้ชวนจินกิไปเดินเล่นที่ไร่ดีกว่า”ตัดสินใจอย่างรวดเร็วครู่ต่อมาร่างสูงก็ยืนอยู่หน้าห้องคู่หมั้นหนุ่มเคาะประตูสามก๊อกก่อนถือวิสาสะเปิดเข้าไปเองดังเช่นทุกครั้ง ภายในห้องก้อนเต้าหู้ยังซุกตัวอยู่ใต้ผ้านวมผืนหนา

    “จินกิตื่นได้แล้วไปดูไร่กันนะ”ชวนขณะนั่งลงบนเตียงแล้วควานหาร่างบางใต้ผ้าห่มคนถูกปลุกยุกยิก

    ฮัดชิ้ว! ทันทีที่ลืมตาก็จามยกใหญ่

    “จินกิไม่สบายเหรอ”ถามพลางอังมือที่หน้าผาก ร้อนจี๋เลยโครงการไปไร่ก็เลยต้องพับไว้ก่อนต้องกลายมาเป็นพยาบาลดูแลคนรักที่ไข้ขึ้นแทน

    จินกิเนี่ยน้า เฝ้าไข้มินโฮจนเขาหายส่วนตัวเองก็ป่วยแทน


    To be Con....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×