ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาวบ้านไร่

    ลำดับตอนที่ #12 : คู่แข่งหัวใจ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 237
      0
      4 ก.พ. 55

                    หลังจากส่งว่าที่สามีหนุ่มไปไร่แล้วอนยูก็กลับเข้าไปในห้องทำงานแอบกดดันในใจนิดๆยังไม่พร้อมเลยความรู้สึกเหมือนกำลังเข้าสู่ชั่วโมงเรียนแสนน่าเบื่อแต่เมื่อนึกถึงเทรนเนอร์ของเขาแล้วก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมายุนอาคงเป็นเหมือนคุณครูใจดีแน่ๆ ในห้องทำงานยุนอาคนสวยนั่งรออยู่แล้วที่โต๊ะทำงานประจำทันทีที่เห็นหน้าก็ส่งยิ้มแป้นแล้นให้แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็ค่อยเจื่อนลงเมื่อหญิงสาวเพียงแค่เงยหน้ามองแวบเดียวแล้วก็กลายเป็นเขาเองที่ทำอะไรไม่ถูกและเพราะมัวแต่เงอะงะอยู่จึงไม่เห็นสายตาดูแคลนของเธอ

    “น่าเกลียด”หา!อะไรนะอนยูได้ยินไม่ชัดหน้าตาที่เอ๋อเหรออยู่แล้วยิ่งเอ๋อเข้าไปอีก

    “ไม่น่าเกลียดไปหน่อยหรือคะที่ไปออเซาะกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันหน้าบ้าน”เอ๋?พูดอะไรนะอนยูเข้าใจความหมายของเธอแต่เขาก็คิดว่าบ้านหลังนี้ก็ตั้งโดดเดี่ยวห่างไกลหมู่บ้านตั้งหลายกิโลเช้าๆอย่างนี้ก็ยังไม่มีใครผ่านไปมาหรอกที่สำคัญเขากับมินโฮเป็นคู่หมั้นกันจะสวีทกันก็ไม่น่าเกลียดหรอก(มั้ง)

    “คุณทำไม่เหมาะนะคะ ฉันไม่อยากให้พี่มินโฮต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน”

    “เอ่อ”พูดไม่ออกเพราะท่าทางเธอจริงจังมากและคิดอีกทีที่เธอบอกก็มีเหตุผล

    “ช่างเถอะค่ะ เรามาเริ่มทำงานกันดีกว่า”หญิงสาวตัดบทเมื่อเห็นว่าหน้าของชายหนุ่มดูเจื่อนลงสีหน้าที่เรียบตึงในตอนแรกเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นเขากลับรู้สึกว่ารอยยิ้มของเธอดูไม่ค่อยจริงใจเอาซะเลย

    “เอาล่ะค่ะที่คุณต้องทำก็มี~~,gkg.ps=f!@#$%^^’&어아유요**,><บลาๆๆๆๆ”เยอะมาก

    หญิงสาวเริ่มอธิบายงานให้ฟังแค่เริ่มต้นก็รู้สึกมึนแล้วอนยูไม่เคยคิดว่างานที่เขาคิดว่าธรรมดาๆอย่างการทำบัญชีของไร่จะยุ่งยากขนาดนี้ ไม่เพียงเท่านี้หน้าที่ของหญิงสาวยังมีหลายอย่างทั้งการรับออเดอร์การสั่งซื้อปุ๋ยและอีกสารพัดวึ่งจุกจิกแต่ก็สำคัญ ไม่น่าเชื่อว่าจะต้องรับผิดชอบมากมายขนาดนี้แล้วก็มีเกี่ยวกับเงินๆทองๆด้วย นั่งฟังเธออธิบายได้ราวครึ่งชั่วโมงก็ดันมีอาการง่วงอย่างช่วยไม่ได้

    หงึกกกก !!

    “คุณอนยู!”ยุนอาตะคอกเสียงดังเมื่อเห็นเขาสัปหงกพอดี อนยูรีบขอโทษขอโพยยกใหญ่ เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ มันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติของร่างกายเมื่อเจอเรื่องน่าเบื่อ

    “หากคุณไม่อยากทำจะเลิกก็ได้นะคะฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลา” อนยูอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกสมควรให้ถูกว่าอยู่หรอกแต่ก็รู้สึกว่าหญิงสาวจริงจังเกินไปความผิดครั้งแรกน่าจะให้อภัยบ้าง อนยูได้แต่แอบสงสัยอยู่ในใจว่าทำไมนางฟ้าคนสวยถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้น้ำเสียงราบเรียบสีหน้าที่เคร่งเครียดและอาการที่ดูเหมือนไม่พอใจตั้งแต่เขาเดินเข้ามาในห้องตอนแรกตอนนี้ก็ยังไม่มีทีท่าผ่อนคลายลงยิ่งเขามาเป็นแบบนี้ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่

    “เอ่อ  ผมขอโทษครับ”กล่าวขอโทษอีกครั้งแต่เหมือนหล่อนจะยังไม่พอใจอยู่ดีจะไม่ให้โอกาสกันสักครั้งเลยเหรอ

    “ช่างเถอะ ต่อไปก็ตั้งใจกว่านี้นะคะฉันจะบอกแค่รอบเดียว”บอกแค่รอบเดียวแล้วใครจะไปจำได้ล่ะแย้งในใจเท่านั้น แล้วหล่อนก็อธิบายงานอีกครั้งจนตอนท้ายก็หันมาถามว่า

    “เข้าใจมั้ยคะ?”

    “เอ่อ คือ ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ช่วยอธิบบายอีกรอบได้มั้ยครับ”อนยูสารภาพเสียงอ่อยส่งผลให้หน้าสวยบึ้งตึงเข้าไปอีก ดวงตากลมโตถลึงจ้องราวกับจะฉีกเนื้อเป็นชิ้นๆอนยูเองนึกค่อนขอดตัวเองในใจ ทำไมเราโง่ขนาดนี้ หล่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่สีหน้าเอือมระอาเต็มที่

    “เฮ่อ!คุณอนยู ฉันไม่ชอบพูดอะไรซ้ำซากจะพูดอีกแค่รอบเดียวนะคะ พี่มินโฮเองก็ไม่ชอบคนที่เข้าใจอะไรยากแบบนี้”อะไรนะพูดเหมือนรู้จักมินโฮดีงั้นแหละ

    “คุณยุนอารู้จักมินโฮดีจังเลยนะ”

    “แน่นอน ฉันอยู่กับพี่มินโฮมาตั้งนานก่อนที่คุณจะมาพี่เขาเป็นยังไงฉันรู้หมดแหละ ฉันล่ะกลัวเหลือเกินว่าการมาอยู่ที่นี่ของคุณจะทำให้พี่มินโฮของฉันเสื่อมเสีย”ตาตี่กระพริบปริบๆจนตอนนี้อนยูก็ยังไม่เข้าใจว่าจะทำให้เสื่อมเสียยังไงก็เลยต้องถามให้เคลียร์

    “ผมไม่เข้าใจ หมายความว่ายังไงครับ”

    ปัง!หล่อนทุบแฟ้มในมือลงกับโต๊ะเสียงดังจนอนยูสะดุ้ง หล่อนถลึงตาจ้องหน้าชายหนุ่มด้วยสายตาดูแคลนชิงชังอย่างเปิดเผย

    “คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอคุณอนยู แค่คุณมาเป็นคู่หมั้นพี่มินโฮแค่นี้ก็เป็นขี้ปากชาวบ้านมากพอแล้ว”

    แต่ผมก็ไม่เห็นจะมี่ใครว่าอะไรนี่นากำนันแหยมกับแม่เจ้ยยังไม่เห็นว่าอะไรเลย เอ หรือว่าเราไม่ได้สนใจเรื่องชาวบ้านนี้ก็เลยไม่รู้ว่าเขาพูดถึงเรายังไง

    “แล้วนี่คุณสองคนซึ่งเป็นชายทั้งคู่ จะแต่งงานกันอีก คิดเหรอว่ามันจะเป็นไปได้ คิดเรอะว่ามันสมควร”ยุนอาเริ่มใส่อารมณ์

    “เรื่องนี้มินโฮบอกว่าไม่แคร์ ผมเองก็..ไม่”

      “ไม่ได้! ยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้ไม่มีใครเขายอมรับหรอก นี่แสดงว่าคุณลุงซีวอนยังไม่รู้เรื่องสินะ”อนยูเองก็อยากบอกเหมือนกันว่าเมื่อก่อนเขาก็คิดแบบนี้แต่ ณ ตอนนี้ความคิดนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว แต่ทำไมหล่อนต้องใส่อารมณ์ขนาดนี้ด้วย

    “ฉันจะไม่ยอมให้พี่มินโฮของฉันต้องตกเป็นจำเลยสังคมเด็ดขาด”

    “เอ่อ แรงไปมั้งครับจำเลยสังคมเลยเหรอเราแค่แต่งงานกันไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครสักหน่อย” ชายหนุ่มรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของหล่อนนักเขากับมินโฮรักและแต่งงานกันมันผิดขนาดนั้นเลยเรอะหรือว่าคนที่เดือดร้อนคือหล่อนกันแน่

    แล้วถ้อยคำที่เน้นทุกครั้งที่พูดถึงคู่หมั้นเขานั่นอีกทำให้อดคิดไม่ได้ว่าหล่อนจะคิดเกินเลยกับญาติผู้พี่หรือเปล่าและเพราะเริ่มฉุนแล้วเหมือนกันก็เลยอดถามตรงๆไม่ได้

    “เหมือนคุณจะห่วงมินโฮมากเลยนะ คุณ...คิดอะไรกับเขารึเปล่า?”

    หญิงสาวชะงักไม่คาดคิดว่าอย่างอนยูไม่น่าจะดูหล่อนออกทั้งๆที่ตั้งใจจะไม่เผยความรู้สึกให้คนๆนี้รู้ตั้งใจจะกำจัดอนยูโดยที่เขาไม่รู้ตัว แต่เพราะเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง เมื่อถามมาแล้วหล่อนก็จะตอบให้เอาบุญ หญิงสาวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงยืดอกเชิดหน้าสายตาคมคู่สวยจ้องสบตาเขม็งจนอนยูเริ่มหวั่น

    “ใช่...ฉันคิด...ฉันรักพี่มินโฮ” หา!ตะลึงไปเลยกับคำตอบตรงประเด็น

    “อะไรนะ! คุณ..เอ่อ...แต่”

    “ฉันกับพี่มินโฮเกือบจะได้ลงเอยกันอยู่แล้ว ถ้าไม่มีคนอย่างคุณมา”

    แต่เท่าที่มินโฮบอกมาเขาไม่เคยคิดอะไรกับเธอนี่นาแล้วคนอย่างผมมันเป็นยังไงล่ะ

    “พี่มินโฮเป็นของฉัน  ตอนนี้เขาแค่หลงของแปลกอย่างคุณสุดท้ายแล้วเขาก็จะรู้ว่าใครเหมาะสมและคู่ควร”

    “...”

    “ถึงคุณจะเป็นคู่หมั้นแต่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ ฉันมั่นใจว่าฉันเหนือกว่า ดีกว่าคุณทุกอย่าง ที่สำคัญฉันให้ในสิ่งที่คุณให้พี่มินโฮไม่ได้”อนยูเข้าใจได้ทันทีว่าหมายถึงอะไร

    “แต่..”มินโฮบอกว่ารักผม ประโยคนี้เขาไม่ได้พูดออกมาเพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะสายตาของหล่อนหรือเปล่า

    ได้ยินหล่อนประกาศแบบนี้แล้วอนยูก็ได้แต่นิ่งและอึ้งสมองตีบตันไปหมดคิดอะไรไม่ออกจริงๆเรียกว่าช็อคเลยก็ว่าได้  ไม่มีใครพูดอะไรต่ออีกมีเพียงสายตาที่จ้องกันดวงตากลมโตของหญิงสาวฉายแววท้าทายและชิงชังในทีในขณะที่อนยูกลับเต็มไปด้วยความสับสน

    ครืดๆๆ เครื่องมือสื่อสารส่วนตัวของอิมยุนอาที่วางไว้บนโต๊ะดังขึ้นเธอหลือบมองมันนิดหนึ่งก่อนจะตัดสินใจหยิบขึ้นมากดรับ

    “ฮัลโหล  ใช่..พูดอยู่...”เหลือบมองอนยูก่อนที่ร่างระหงจะเลี่ยงเดินออกไปปล่อยให้ชายหนุ่มยืนอึ้งอยู่อย่างนั้นต่อไป

    ที่ใดมีรักที่นั่นย่อมมีทุกข์. คำนี้เคยได้ยินมาตั้งแต่จำความได้แต่อนยูเพิ่งประจักษ์ว่ามันเป็นความจริงก็วันนี้ รักแล้วก็อยากได้รักตอบ อยากให้เขารักเราคนเดียว เฮ้อ!เมื่อวานเพิ่งถูกบอกรักแท้ๆ วันนี้กลับมีคู่แข่งซะงั้นเป็นใครจะไม่หวั่นไหวไม่ทุกข์ใจ ถ้าจะเปรียบมวยแล้วอนยูยอมรับว่าด้อยกว่ายุนอาทุกประการแถมหล่อนยังรู้จักมินโฮดีในขณะที่เขาไม่รู้อะไรสักอย่าง(แต่ดันตกหลุมรักเขาซะได้) ทำไงดี ทำไงดี ถึงมินโฮจะบอกว่ารักแต่อะไรๆมันก็เปลี่ยนแปลงได้เสมอ ไม่ใช่ไม่ไว้ใจไม่เชื่อใจมินโฮแต่..อดหวั่นใจไม่ได้จริงๆความใกล้ชิดทำให้ใจคนเราเปลี่ยนได้เขารู้ดีเพราะเจอกับตัวมาแล้ว แล้วก็หวนนึกถึงเมื่อเช้าที่มินโฮถามย้ำเรื่องที่ตัวเองตัดสินใจให้ยุนอาเข้ามาพักในบ้านหลังนี้ น่าจะฉุกใจคิดแต่แรก ชักศึกเข้าบ้านแท้ๆแต่ถ้าจะเปลี่ยนใจตอนนี้ ไม่ได้หรอก ตอบตกลงเป็นมั่นเป็นเหมาะไปแล้ว ถ้าหากบอกว่าเปลี่ยนใจต้องถูกด่าจนเสียหมาแน่เลย

    อนยูอาศัยจังหวะที่หญิงสาวเดินออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกพาตัวเองขึ้นห้องท่าทางเธอคงจะคุยธุระสำคัญเพราะเขารออยู่นานก็ไม่เห็นเธอกลับเข้ามาแอบออกไปส่องดูแล้วดูท่าจะอีกนาน ขอขึ้นห้องไปสงบจิตใจก่อนละกัน

      มินโฮจะรู้หรือเปล่านะว่าคุณยุนอามีใจให้ ถ้าเขารู้แล้วจะรู้สึกยังไงจะเปลี่ยนใจมั้ยถามตัวเองแล้วก็ตอบไม่ได้ ถ้าเรายอมเป็นของมินโฮแล้วจะสามารถรั้งใจเขาไว้ได้หรือเปล่า อนยูขึ้นบันไดและหยุดชะงักที่หน้าประตูห้องของตนก่อนที่หัวจะโขกกับประตูพอดีไม่ได้รู้สึกตกใจสักนิดที่เกือบเดินชนประตูห้องแต่กำลังตกใจกับความคิดของตัวเอง แม้จะรู้ว่าเรื่องแบบนั้นเป็นเรื่องธรรมดาแต่เขาเองก็ยังไม่เคยคิดแม้เวลาใกล้ชิดกับมินโฮจะรู้สึกดีและรับรู้ได้ถึงแรงปรารถนาของอีกคนที่ส่งผ่านมากับทุกสัมผัสเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน(มั้ง)แต่สาบานได้ว่าลีจินกิยังไม่คิดและไม่พร้อม(เห็นอย่างนี้ก็รักนวลสงวนตัวนะครับ)

    เมื่อวานเพิ่งรักกันวันนี้คิดเรื่อง..เอ่อ..อนยูนายบ้าไปแล้ว โอย!แม่รู้ต้องตีตายแน่ๆ

    ร่างบางกำลังจะเปิดห้องแต่แล้วก็เปลี่ยนใจเมื่อเหลือบไปเห็นห้องข้างๆที่ประตูเปิดค้างไว้ ห้องที่เขาจะยกให้ยุนอาแม่บ้านจีฮากำลังขะมักเขม้นทำความสะอาดอยู่

    “คุณป้าฮะ” แม่บ้านหันมาพร้อมกับถามไถ่ว่า

    “คุณอนยู มีอะไรให้ป้ารับใช้คะ”

    “คือผมมีเรื่องรบกวนคุณป้าฮะ...คือ..”อนยูเดินเข้าไปกระซิบที่ข้างหูแม่บ้านเพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน คิ้วบางๆของนางขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินคำสั่งของนายน้อย

    “ผมขอโทษ แต่ว่าช่วยผมหน่อยนะฮะคุณป้า นะฮะ”อนยูอ้อนวอน แม่บ้านยิ้มบางส่งให้

    “ได้ค่ะคุณอนยู”

    “ขอบคุณมากครับคุณป้า”กล่าวขอบคูณพร้อมโค้งคำนับให้ผู้สูงวัยกว่า

    อนยูกลับเข้ามาในห้องทำงานอีกครั้งก็พบอิมยุนอานั่งหน้าตึงรออยู่

    “คุณหายไปไหนมา”น้ำเสียงบ่งบอกอารมณ์ได้เป็นอย่างดีแต่จะว่าไปหญิงสาวก็ไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นหน้าของคนตรงหน้าแต่แรกอยู่แล้ว

    “เอ่อ ผมไปเข้าห้องน้ำแล้วก็ไปดูคุณป้าแม่บ้านทำความสะอาดห้องให้คุณ”

    “ดูทำไมคะ ไม่จำเป็นหรอกแม่บ้านเขารู้หน้าที่ไม่เหมือนใครบางคน ฉันบอกคุณแล้วนะว่าถ้าไม่อยากทำก็เลิกแล้วไปจากที่นี่จากพี่ม.”

    “ผมจะทำ”สวนขึ้นทันควันโดยไม่รอหล่อนพูดจนจบ

    “ผมขอโทษครับผมจะตั้งใจ จะไม่ยอมแพ้คุณเช่นกันไม่ว่าเรื่องอะไร”กล่าวหนักแน่นพร้อมความตั้งใจที่แน่วแน่เขาจะพยายามไม่ว่าเรื่องงานและเรื่องหัวใจแม้จะรู้ว่าตอนนี้จะด้อยกว่าหญิงสาวในทุกๆด้านเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมินโฮเลยในขณะที่หล่อนรู้ดีทุกอย่าง แต่สิ่งเดียวที่พอให้ใจชื้นอยู่บ้างก็คือคำพูดของมินโฮ

    ฉันรักนาย”และเพราะเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกันรวมทั้งความรู้สึกของยุนอาที่มีต่อมินโฮ ลีจินกิจึงต้องไม่ยอมแพ้เพราะรักจึงไม่อยากต้องเสียให้ใคร เพราะรักจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา แม้สุดท้ายอาจต้องเสียใจแต่อย่างน้อยในวันนี้ก็ได้พยายามแล้ว อย่างนี้สินะความรู้สึกของยุนอา เริ่มจะเข้าใจแล้ว

    “ดี จากนี้ไปฉันจะได้ไม่ต้องเกรงใจคุณ แล้วเราจะได้เห็นกันในไม่ช้าว่าใครจะแน่กว่ากัน”หญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้มท้าทายและเป็นต่อ หึ

    “เรา ทำงานกันต่อเถอะครับ ผมพร้อมแล้ว”อนยูเป็นฝ่ายบอกก่อนจะนั่งลงประจำที่ เขาพร้อมแล้ว การฝึกงานอย่างจริงจังและเข้มงวดได้เริ่มขึ้นแล้ว  ถึงจะประกาศเป็นศัตรูหัวใจกันอย่างเป็นทางการแต่เรื่องงานยุนอาก็แฟร์พอ อนยูก็ยอมรับน้ำใจนักกีฬาของหล่อนในเรื่องนี้ หล่อนถ่ายทอดความรู้ทุกอย่างทุกขั้นตอนแก่เขาไม่มีเม้มไม่มีกั๊ก แต่สำหรับการเริ่มต้นในวันแรกมันอาจจะเร็วและมากเกินไปที่จะรับหลายๆอย่างทีเดียวจนตอนนี้สมองน้อยๆของเต้าหู้เริ่มประท้วง อา..ปวดหัวจัง หลายครั้งที่แอบเหล่เวลาที่มุมจอคอมฯบ่ายสามโมงแล้ว จะเลิกงานกี่โมงน้า?หรือว่าจะเลิกเวลาพนักงานบริษัทก็เหลืออีกตั้งสองชั่วโมงอะสิ อยากถามหญิงสาวเหมือนกันแต่ถ้าพูดออกไปอาจถูกกล่าวหาว่าไม่ตั้งใจไม่อยากทำอีก T T’อดทนไว้อนยู

       มินโฮกลับถึงบ้านตามเวลาพนักงานออฟฟิศจะว่าไปวันนี้เขากลับเร็วกว่าทุกวันเหตุผลก็เพราะว่าเป็นห่วงและคิดถึงว่าที่ภรรยานั่นเอง ว่าแต่ตอนนี้จินกิจะเป็นไงน้า ทำไมบ้านเงียบจังมีเสียงก๊อกแก๊กแว่วมาจากในครัวแม่บ้านคงกำลังทำอาหารเย็นร่างสูงตรงลิ่วไปที่ห้องทำงานคาดว่าคนน่ารักของเขาจะอยู่ที่นั่นส่วนญาติสาวคงกลับไปแล้ว แต่พอเปิดประตูเข้าไปชเวมินโฮก็ผิดหวังนิดๆนึกว่าจะได้เห็นหน้าหวานๆกำลังยุ่งแต่เปล่าเลยจินกิไม่ได้อยู่ที่นี่

    “ป้าจีฮา จินกิล่ะครับ?” แม่บ้านนึกก่อนตอบ

    “อยู่บนห้องค่ะ เห็นคุณอนยูบ่นปวดหัวถามหายากับป้าทานยาแล้วคงจะหลับอยู่กระมังคะ”สิ้นคำตอบแม่บ้านร่างสูงก็รีบขึ้นชั้นบนทันทีด้วยความเป็นห่วงเขาเคาะประตูสองสามทีก่อนจะถือวิสาสะเปิดเข้าไปเองอย่างทุกครั้งอย่างที่แม่บ้านคาดการณ์ไว้จินกิหลับอยู่จริงๆชายหนุ่มเดินไปนั่งลงข้างๆร่างเล็กที่หลับอยู่หน้าหวานค่อนข้างซีดแต่ก็ยังน่ารักอยู่(เป็นเอามากนะ)

    “สงสัยจะทำงานหนักไป ขอโทษนะจินกิ”พึมพำคนเดียวปลายนิ้วก็ไล่เกลี่ยผมออกจากกรอบหน้าคนหลับและก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงขโมยความหอมจากหน้าผากไล่ลงมาที่แก้ม อืม..ชื่นใจจัง นี่ถ้าจินกิไม่หลับคงไม่ได้หอมง่ายๆหรอกนะ คิดและยิ้มคนเดียว

    “ไม่กวนดีกว่าแฮะ ถึงเวลาอาหารเย็นค่อยมาปลุก” เขาบอกตัวเองจะลุกแต่ก็ถูกรั้งให้นั่งลงที่เดิมอีกครั้ง

    ด้วยน้ำมือของคนหลับ(ที่ตื่นแล้วหรือแกล้งหลับ)

    “จินกิ ทำให้ตื่นเหรอ ขอโทษนะ ป้าจีฮาบอกว่านายไม่สบาย เป็นไงมั่ง อ๊ะ ไม่ต้องลุกหรอก”ถามด้วยความเป็นห่วงพลางประคองร่างเล็กกว่าที่พยายามจะลุกขึ้นให้นั่งพิงกับหัวเตียง

    “ดีขึ้นแล้วล่ะแค่ปวดหัวนิดหน่อยเอง ...มินโฮ....”จินกิอยากถามเหลือเกินว่าเขารู้ตัวบ้างไหมว่าญาติสาวของเขามีใจให้แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงหรือเขาควรจะพูดดีมั้ยจึงได้แต่อ้ำอึ้ง

    “ว่าไงเหรอจินกิ จะบอกว่าคิดถึงฉันใช่ไหม”จินกิค้อนขวับ ไม่ค่อยเข้าข้างตัวเองเลยนะนาย

    “มินโฮ”

    “หืม?”

    “ที่บอกเมื่อวานน่ะ...ยังเป็นอย่างนั้นอยู่มั้ย..นายยัง...”มินโฮนิ่งคิดนิดนึงก่อนจะปรากฎรอยยิ้มอ่อนโยนให้คนถามพร้อมคำยืนยันที่หนักแน่น

    “แน่นอน ฉันรักนาย จินกิ รักจินกิ”คำนี้แหละที่อยากได้ยิน ร่างเล็กโผเข้ากอดร่างสูงไว้แน่นราวกับกลัวคนๆนี้จะหายไปเขาซบแก้มลงกับไหล่กว้าง

    “ฉัน..จะพยายามนะมินโฮ ฉันอยากจะอยู่เคียงข้างนาย อยากช่วยแบ่งเบาภาระนายอยากช่วยทำความฝันของนายให้เป็นจริง ฉันจะพยายาม”มินโฮกระชับอ้อมกอดของตนเช่นกันยินดีเหลือเกินที่ได้ฟังคำพูดนี้ เขาคิดไม่ผิดสินะที่รักและเลือกจินกิ

    “ชื่นใจจังที่ได้ยินแบบนี้ ดีใจที่ได้นายมาเป็นเจ้าสาวนะ”ชเวมินโฮต้องการเพียงแค่คนที่รักและพร้อมที่จะก้าวเดินไปด้วยกันเป็นกำลังให้แก่กันและเขาก็มั่นใจว่าจินกิคือคนๆนั้น

    เช้าวันต่อมาอิมยุนอามาถึงแต่เช้าพร้อมสัมภาระกระเป๋าสองใบใหญ่จินกิต้อนรับหล่อนด้วยรอยยิ้มเมื่อคืนได้เติมพลังใจจนเต็มเปี่ยมและได้พักผ่อนเต็มที่เขาจึงพร้อมที่จะรับมือกับหล่อนเต็มที่เช่นกันแต่ถึงจะยิ้มให้หล่อนก็ทำเป็นมองไม่เห็นเพราะที่หล่อนสนใจไม่ใช่จินกิ เพียงแค่เห็นหน้ามินโฮหญิงสาวก็ปราดเข้าไปเกาะแขนออดอ้อนทันที

    “พี่มินโฮคะจากนี้ไปยุนอาฝากตัวด้วยนะคะ”หล่อนพูดกับแค่มินโฮคนเดียวส่วนผู้เป็นคู่หมั้นเขาที่ยืนเป็นหัวหลักหัวตอข้างๆกันหล่อนไม่สนใจก็ในเมื่อรู้กันแล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องสนใจและเกรงใจ จากนี้ไปจะแย่งอิมยุนอาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ครอบครองชเวมินโฮ

    “พี่คะช่วยขนของไปส่งที่ห้องได้มั้ยฉันยกไม่ไหวอ่ะค่ะ”เสียงหวานออดอ้อนอย่างเปิดเผย แม้จะไม่ชอบท่าทีของหล่อนนักแต่จู่ๆมินโฮก็นึกสนุกขึ้นมาอยากรู้จังถ้าเขาเออออไปกับหล่อนจินกิจะมีปฏิกิริยายังไงจึงตอบตกลงตามที่ถูกขอร้องแต่ยังไม่ทันได้ลงมือชายหนุ่มหน้าหวานที่ยืนหมั่นไส้อยู่นานก็เข้ามาแทรกกลาง

    “เดี๋ยวผมช่วยยกเองครับ มินโฮต้องรีบไปไร่ไม่ใช่เหรอ ไปเถอะไปสายแล้ว”บอกพร้อมดันหลังร่างสูงไปทางประตูมินโฮแกล้งขืนตัวเล็กน้อยถามว่าจะยกไหวเหรอ

    “สบายมากน่า ไปเถอะ”ตัดบทก่อนจะดันร่างสูงให้พ้นกรอบประตูแล้วโบกมือ บ๊ายบาย

    “ไปกันเถอะครับ”วิ่งกลับไปหาหญิงสาวกุลีกุจอยกข้าวของโดยไม่สนใจว่าหล่อนกำลังฮึดฮัดไม่พอใจเขาอยู่ แต่สุดท้ายหล่อนก็ต้องยอมขนสัมภาระที่เหลือเดินตามเขาขึ้นไปอย่างเสียไม่ได้  เพราะเข้าออกบ้านหลังนี้มาหลายปีดีดักยุนอาจึงรู้ดีว่าห้องไหนคือห้องพี่ชายที่รักและก็เดาได้ว่าห้องติดกันคือห้องของอนยูห้องถัดไปอีกก็ต้องเป็นห้องที่เขาบอกจะยกให้หล่อนสินะ แต่แล้วคิ้วเรียวสวยก็ขมวดด้วยความแปลกใจเมื่อคนเดินนำหน้าเดินเลยห้องนั้นไป

    “เดี๋ยว ห้องนี้ไม่ใช่เหรอ”แต่อนยูกลับส่ายหน้าก่อนจะตอบให้หายข้องใจว่าห้องของหล่อนคือห้องริมสุด

    “ก็ไหนคุณบอกจะยกห้องนี้ให้ฉันไง”

    “ผมมานึกได้ตอนหลังนะครับถ้าเกิดผมกับมินโฮ ทำอะไรกันเสียงดังมันจะเป็นการรบกวนคุณก็เลย เปลี่ยนเป็นห้องโน้นแทน โทษทีที่ไม่ได้บอกคุณล่วงหน้าแต่จะห้องไหนก็เหมือนกันแหละ เชิญครับ”ตอบเสร็จก็เดินนำหน้าเข้าห้องหลังจากวางของก็หันมาบอกหล่อนว่าจัดของได้ตามสบายส่วนตัวเขาจะลงไปทำงานรอที่ห้องทำงาน หลังจากที่อนยูออกไปแล้วหญิงสาวก็ขว้างข้าวของในมือลงบนเตียงด้วยความไม่สบอารมณ์

    กำลังท้าทายฉันใช่ไหมลีจินกิ แล้วเราจะได้เห็นดีกันคนที่จะต้องกระเด็นออกจากที่นี่คือนาย

    ฝ่ายอนยูหลังจากออกจากห้องนั้นมาแล้วก็อดขำกับคำพูดที่บอกกับหล่อนไม่ได้  พูดออกไปได้ยังไงนะเรา ทำอะไรกันเสียงดังแม้สิ่งที่เขาทำมันจะไม่มีผลอะไรแต่อย่างน้อยก็รู้สึกสบายใจ เขาจะไม่ยอมอยู่เฉยๆเหมือนกันหากมีใครคิดจะมาแย่งคนรักไป คงไม่มีใครว่าไม่แมนหรอกนะที่ยอมแข่งกับผู้หญิงแต่เรื่องหัวใจเป็นใครก็ไม่ยอม(ว่าที่)สามีใคร ใครก็หวง

    “พี่มินโฮ กลับมาแล้วเหรอคะเหนื่อยไหมวันนี้มีข่าวดีค่ะ”ยุนอาปราดเข้าไปต้อนรับทันทีที่มินโฮก้าวเข้าบ้านในตอนเย็นและเพราะหล่อนบอกมีข่าวดีเขาจึงเริ่มสนใจขึ้นมาหันไปถามว่าเรื่องอะไร

    “โรงแรมเอวัง โทรมาสั่งส้มเราห้าสิบกิโลค่ะ เขาให้เราไปส่งพรุ่งนี้บ่ายแล้วก็ โน่นนี่นั่นบลาๆๆๆคิกๆคักๆชิมิๆ”หล่อนรายงานหลายเรื่องทีเดียวซึ่งล้วนเป็นเรื่องน่ายินดีทั้งนั้น ทั้งสองเดินคุยกันเขาไปในห้องทำงานซึ่งยุนอาอ้างว่ามีงานบางตัวอยากให้ชายหนุ่มช่วยดูโดยที่มินโฮเองก็ลืมสนใจคู่หมั้นตนเองไปชั่วคราวเพราะเจ้าตัวหลบไปเข้าห้องน้ำพอดีกว่าจะรู้ว่าตัวเองช้าไปแล้วก็ตอนที่เดินออกมาเห็นแค่หลังสองคนนั้นไวๆกับเสียงเจื้อยแจ้วสดใสของยุนอานั่นเอง

    ฮึ!เรื่องที่หล่อนกำลังบอกมินโฮเขาก็รู้เหมือนกันแหละน่าถึงจะรู้มาจากเจ้าหล่อนก็ตามเถอะชิ มินโฮนี่ก็กระไรให้หล่อนจับมือคล้องแขนอยู่ได้ สนใจหล่อนเหลือเกินนะ น่าหมั่นไส้ มินโฮเขาว่าบอกรักฉัน(ย่ะ) ถึงจะคิดแบบนั้นก็อดหงุดหงิดไม่ได้เรื่องงานที่หญิงสาวรายงานเขาตั้งใจจะบอกมินโฮเองแท้ๆที่ไหนได้โดนแย่งซีนไปจนหมด ชิ จินกิเดินลงส้นหนักๆเข้าไปในครัวที่แม่บ้านกำลังง่วนกับการเตรียมอาหารเย็น

    “คุณป้าฮะมีอะไรให้ช่วยมั้ย”

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณอนยูไปพักผ่อนเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้วทางนี้ป้าจัดการเอง”ถึงจะตอบแบบนั้นนายน้อยกลับไม่เชื่อเมื่อเจ้าตัวเหลือบไปเห็นเขียง มีด และผักที่เตรียมไว้หั่นพอดี

    “ผมช่วยหั่นผักนี่ละกันฮะ”บอกพร้อมกับลงมือหั่นผักโดยที่ไม่รอคำตอบจากแม่บ้านเมื่อเห็นว่าห้ามไม่ได้ก็ต้องปล่อยเลยตามเลย

    ฉับๆๆๆๆ  แม่บ้านละสายตาจากหม้อซุปที่กำลังคนทันทีที่ได้ยินเสียงหั่นผักของนายน้อยมันเร็วมากจนมองคมมีดแทบไม่ทัน นางกลัวว่ามันจะหั่นเอานิ้วเรียวๆของชายหนุ่มจึงได้ร้องเตือนออกไป

    “คุณอนยูระวังนิ้วนะคะ หั่นช้าๆก็ได้ป้าไม่รีบใช้”

    “ไม่ต้องห่วงฮะ ผมถนัด”ตอบแล้วก็ก้มหน้าก้มตาหั่นต่อไปแม่บ้านมองแล้วถอนหายใจสงสัยนายน้อยรมณ์บ่จอย

    “จินกิ~” เสียงทุ้มดังมาก่อนที่เจ้าของเสียงจะปรากฏตัวเป็นใครไปไม่ได้นอกจากมินโฮที่เดินตามหาคนรักมาถึงในครัวแต่คนถูกเรียกก็ยังเฉยง่วนอยู่กับการหั่นผัก ชายหนุ่มมองแม่บ้านเป็นเชิงถามแต่หญิงสูงวัยก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบกลับมาว่าไม่รู้เช่นกัน

    “จินกิ อุ้ย!

    “หยุด!

    จะเดินเข้าไปหาแต่จินกิกลับหันขวับมาอย่างรวดเร็วนั่นไม่เท่าไหร่แต่ที่ทำให้พ่อเอเลี่ยนตกใจก็คือปลายมีดที่ใช้หั่นผักเมื่อครู่กำลังชี้หน้าหล่อๆของเขาอยู่

    “หยุดเลยมินโฮอย่ามารุ่มร่าม มีงานต้องดูไม่ใช่เหรอไปเลยไป”

    “จินกิเป็นไรไปอ่ะใจเย็นๆน่าเก็บมีดก่อนนะที่รัก มันเสียว งานนะเสร็จแล้วถึงได้มาหานี่ไง คิดถึงนะรู้มั้ย~”

    “ฮึ!”หันไปหั่นผักต่อโดยมีคนร่างสูงยืนดูไม่กล้าเข้าใกล้

    “ดูอะไรห๊ะ เขามีงานให้ดูก็ไปดูไป๊ ดูกันให้พอ ชิ!”น้ำเสียงกระแทกกระทั้นท่าทางกระฟัดกระเฟียดมันน่าสงสัยนา

    “จินกิ”

    “อะไร!”ขานรับไม่พอใจ

    “หึงเหรอ?”

    “บะบ้าเหรอ ใครว่าล่ะ ฉะ ฉันปะเปล่านะ”ละล่ำละลักตอบ คนถามยิ้มเมื่อเห็นกิริยาเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูกเมื่อโดนจับความรู้สึกได้ นี่คงไม่รู้ตัวสินะบางทีการที่ยุนอามาอยู่ที่นี่ก็มีผลดีเหมือนกันนะ

    “ไม่คุยกะนายแล้ว ชิ!”วางมีดแล้วรีบเดินหนีจากตรงนั้นรู้สึกอายขึ้นมาโดยเฉพาะคุณแม่บ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยเขาแค่รู้สึกไม่ชอบที่ยุนอามาเกาะแกะมินโฮและก็ไม่ชอบที่มินโฮเองก็ดูสนใจหล่อนแม้จะมีเรื่องงานมาเกี่ยวข้องก็เถอะ แล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกันเรื่องแค่นี้ก็พาลให้หงุดหงิดหัวเสียไปได้ ถึงจะรีบเดินหนีแต่ก็ทำได้แค่เดินพ้นประตูห้องครัวก็ถูกรวบตัวไว้ ร่างเล็กดิ้นขลุกขลักแหกปากยกใหญ่

    “เฮ้ย! ปล่อยนะ ปล่อยเด้ !ปล่อยช้าน~”ยังคงดิ้นสุดแรงแหกปากสุดฤทธิ์

    “ไม่ปล่อย จนกว่าจินกิจะยอมรับว่าหึง”คนเหนือกว่าก้มลงมากระซิบ

    “ไม่ ฉันไม่ได้/ ถ้าไม่ยอมรับฉันจะทำโทษนาย”ได้ผลร่างเล็กหยุดดิ้นราวกับถูกกดปุ่มหยุดฉุกเฉิน บทลงโทษของมินโฮก็คือ..จูบ.ไม่นะ(ไม่ปฏิเสธหรือเปล่าคะ?)หน้าร้อนขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงจะกี่ทีๆมันก็ไม่ชิน

    “กะก็ได้ ยอมรับก็ได้ ปล่อยซะทีสิ อายคนเค้า”จำใจยอมรับมินโฮยอมคลายวงแขนปล่อยให้คนตัวเล็กเป็นอิสระแต่เมื่อจินกิจะเดินหนีก็ถูกรวบตัวไว้อีกครั้ง

    “ปล่อยนะมินโฮ เหม็นเหงื่อจะตายไปอาบน้ำได้แล้ว”

    “ไปก็ได้แต่จินกิต้องหายงอนก่อน”

    “ฉันไม่ได้ ก็ได้ๆไปสิ”

    “อื้ม ฟอด”ก่อนไปก็ขโมยหอมแก้มทีหนึ่งแล้วรีบวิ่งปรู๊ดขึ้นห้องคนตัวเล็กไม่ได้วิ่งตามไป

    “มินโฮ คนบ้าเอ๊ย”พูดไปแบบนั้นแต่เจ้าตัวกลับลูบตรงที่โดนขโมยหอมและแอบยิ้มคนเดียว

    อีกมุมหนึ่งของบ้านยุนอายืนมองภาพนั้นอยู่ด้วยความริษยา กำปั้นเล็กของหล่อนกำแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อแต่มันกลับไม่ทำให้รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด อีกครั้งที่หล่อนเห็นภาพบาดตา เริ่มหวั่นใจขึ้นมาพี่มินโฮหลงลีจินกิขนาดนั้นหล่อนจะสามารถชนะใจเขาได้หรือ

    “ไม่ๆยุนอาอย่าเพิ่งยอมแพ้มันเพิ่งเริ่มต้นเรายังมีเวลาอีกเยอะต้องค่อยๆวางแผน สุดท้ายผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิง พี่มินโฮก็ต้องเป็นของเรา”



    ใกล้เที่ยงของวันหนึ่ง

    “นี่รายชื่อซัพพลายเออร์เคมีภัณฑ์ ส่วนนี่รายชื่อผู้ค้าส่งทีรับส้มจากเราและนี่รายชื่อโรงงานที่รับซื้อส้มจากเราไปแปรรูป เอาไปศึกษาดูคร่าวๆก่อนส่วนรายละเอียดเดี๋ยวฉันจะอธิบายให้ฟังทีหลัง”

    ยุนอายื่นแฟ้มสามแฟ้มให้จินกิรับและเปิดดูทันทีด้วยความตั้งใจ

    จินกิ~รู้สึกเหมือนเสียงมินโฮเรียกเลยแต่คงเป็นไปไม่ได้เวลานี้มินโฮคงขะมักเขม้นทำงานอยู่ที่ไร่สิยอมรับในใจว่าคิดถึงตาโย่งอยู่เหมือนกันแต่มันคงไม่ได้มากมายขนาดหูแว่วหรอกนะ ยกแฟ้มโขกหัวตัวเองเรียกสติกลับมา

    ปัง!

    “จินกิ!”ประตูเปิดออกพร้อมร่างสูงของมินโฮที่ก้าวฉับๆตรงหาร่างเล็กที่ยืนอ้าปากหวอตกตะลึง

    เขาปราดเข้าไปดึงร่างบางเข้ามากอดและจูบม๊วบโดยไม่สนใจว่าจะมีบุคคลที่สามอยู่ด้วย แฟ้มเอกสารในมือร่วงกราวคนถูกจูบดิ้นยกใหญ่ทั้งผลักทั้งดันออกแรงเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผลจนหนำใจแล้วมินโฮจึงยอมปล่อย

    “อะ อะไรกัน มินโฮ จู่ๆก็..”ถามเสียงสั่นหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกเชียว

    “มีข่าวดีล่ะจินกิ ฉันรอถึงตอนเย็นไม่ไหวถึงต้องรีบมาหานาย”น้ำเสียงตื่นเต้นมาก

    “ข่าวดี?”

    “ไร่สตรอเบอรี่ของเราจะเป็นความจริงแล้วจินกิ ความฝันของเรากำลังจะเป็นจริงในเร็วๆนี้”

    “จริงเหรอ..”จินกิไม่อยากจะเชื่อเมื่อเร็วๆมินโฮเพิ่งบอกเรื่องนี้กับเขา

    “ใช่วันนี้ฉันเพิ่งไปทำสัญญาซื้อขายที่ดินผืนนั้นมาในที่สุดเขาก็ยอมขายให้พอโอนเสร็จเมื่อไหร่เราจะเริ่มลงมือทันที”น้ำเสียงของชายหนุ่มยังคงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

    “ยอดไปเลย มินโฮนายนี่ยอดไปเลย”โผกอดร่างสูงอย่างลืมตัว ภูมิใจในตัวคนรักเหลือเกิน มินโฮนีเก่งจริงนะทำอะไรก็ประสบความสำเร็จตลอดๆตอนนี้สองหนุ่มได้หลุดเข้าไปสู่โลกส่วนตัวที่มีเพียงเขาสองคนแล้ว มีเพียงหญิงสาวหนึ่งเดียวที่ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ได้ยิน พี่มินโฮทำแบบนี้ต่อหน้าหล่อนเลยเหรอ ไร่สตรอเบอรี่อะไรกันทำไมไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน ใจคอพี่ไม่คิดจะบอกอะไรฉันเลยเหรอ

    “พี่มินโฮคะไร่สตรอเบอรี่ที่พูดถึงคืออะไร ยังไง ฉันงงไปหมดแล้ว”นั่นแหละทั้งสองจึงกลับมาสู่โลกแห่งห้องทำงานอีกครั้ง ห้องที่ไม่ได้มีแค่เขาสองคน ชายหนุ่มหันไปยิ้มบางๆให้ญาติสาวผู้น้องก่อนจะตอบปัดไปว่าจะเล่าให้ฟังวันหลังเพราะว่าตอนนี้เขามีภาระกิจอื่นที่จะต้องทำ เขาหันไปหาคนรักหนุ่มอีกครั้งจับมือพากันเดินออกนอกห้อง

    “ไปกันเถอะจินกิ”

    “พี่จะไปไหนคะ?/จะไปไหนเหรอ”ร่างเล็กยอมเดินตามแต่ก็ยังสงสัยอยู่ว่าตากบรูปหล่อจะพาไปไหน(ใจง่ายจังนะ)

    “ก็ไปกินข้าวกันสองคนผัวเมียไง โอ๊ย!

    โดนทุบไปหนึ่งทีแต่ชเวมินโฮก็ยังหัวเราะเสียงดังได้อีกก็คนมันมีความสุขนี่คร๊าบ ^_^

     

    TBC.
     

    ในที่สุดก็เข็นออกมาได้อีกหนึ่งตอน จะยังมีใครรออยู่ป่าวน้อ

    ตั้งใจให้หนูยุนอาเป็นนางร้ายแต่ดูเธอไม่ค่อยร้ายเลยเนอะ

    ก็คิดอยู่นานว่าจะให้เธอร้ายยังไง ร้ายเงียบ หรือร้ายแบบวี้ดว้าย

    ก็เรามันนางเอกนิ(จ้าแม่นางเอก)ก้อเลยออกมาเป็นแบบนี้

    หากหลายๆคนรู้สึกผิดหวังก็ต้องขออภัย

    จะมีใครงงมั้ยน้อก็นายเอกของเราเดี๋ยวก็”อนยู”เดี๋ยว”จินกิ”

    คืออิชั้นผิดเองที่แบบอยากให้เขาสองคนมีอะไรที่พิเศษ(อ่านการ์ตูนญี่ปุ่นมากไป)

    เป็นจินกิของมินโฮคนเดียวก็เลยจะเป็นจินกิกับฉากที่ทีมินโฮและจะเป็นอนยูในตอนที่มีตัวละครอื่นๆ

    ยังไงๆก็เม้นท์ๆๆกันเหมือนเดิมนะคะ

    ขอบคุณงามๆสำหรับทุกๆคอมเมนท์ค่า

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×